Tuesday, 6 May 2025
TheStatesTimes

‘รร.นครนายกวิทยาคม’ โชว์งานศิลปะฝีมือ ‘นักเรียนม.ปลาย’ หลังเนรมิตกล่องกระดาษ ประดิษฐ์เป็น ‘หุ่นทศกัณฐ์’

(30 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘ประชาสัมพันธ์โรงเรียนนครนายกวิทยาคม’ โพสต์รูปภาพงานศิลปะจากกล่องกระดาษที่จัดทำขึ้นเป็นหุ่น ‘ทศกัณฐ์’ ตัวละครจากวรรณคดีดังเรื่อง ‘รามเกียรติ์’ พร้อมระบุข้อความว่า

“ชื่นชมผลงานการสร้างสรรค์ ‘ทศกัณฐ์’ #ศิลปะจากกล่องกระดาษของนักเรียนโรงเรียนนครนายกวิทยาคม จัดแสดง ณ ระเบียงหน้าบันไดทางขึ้นอาคารนาครส่ำฯ ผลงานสร้างสรรค์โดย : นายนันทิพัฒน์ จันนา M.6/2”

เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้คนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นชื่นชมนักเรียน ผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้เป็นจำนวนมาก อาทิ

- “ชื่นชมผลงานรุ่นหลาน ๆ นะครับ สุดยอดจริง ๆ “
- “สวยค่ะ วันนี้ไปส่งลูกสาวหน้าอาคารเรียนพอดี”
- “สวยงามมากค่ะ นักเรียนเก่งมากเลยค่ะ”
- “มีของครับแบบนี้ ชื่นชมน้องครับ”
- “ชื่นชม ๆ ทำได้ยอดเยี่ยม”

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนันทิพัฒน์ นักเรียนชั้น ม.6 เจ้าของผลงาน ยังได้เปิดเผยกับ โหนกระแส ว่า ตนผมเริ่มจากความชอบ โดยตนเป็นคนที่ชอบสร้างสรรค์งานประดิษฐ์ รวมถึงงานประติมากรรมอยู่แล้ว เคยมีโอกาสไปร่วมงานแข่งสร้างสรรค์ประติมากรรม ในกิจกรรมศิลปหัตถกรรมนักเรียน ทำให้มีแนวคิดว่างานประติมากรรม ก็น่าสนใจดี อีกทั้งตนก็มีความสนใจและชื่นชอบเรื่องราวของรามเกียรติ์เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจ ในการลงมือทำประดิษฐ์ หัวโขนชิ้นแรก ชิ้นที่สองและชิ้นที่สาม

นายนันทิพัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า พอมีคนให้ความสนใจและชื่นชอบ ตนจึงเกิดความคิดอยากลองทำอะไรที่ยังไม่เคยลองทำ ด้วยการสร้างหุ่นนี้ขึ้นมา ในช่วงเวลาปิดภาคเรียนจากวัสดุที่หาได้ทั่วไปอย่างกล่องกระดาษ นับว่าเป็นการท้าทายความสามารถตัวเองไปในตัวด้วย และยังเป็นวิธีการบริหารเวลาว่างให้มีความสุข

ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2567

วันนี้ (30 พฤษภาคม 2567) พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธี และการฝึกยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2567 โดยมี พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ให้การต้อนรับ ณ สนามฝึกยิงอาวุธทุ่งโปรง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ทั้งนี้ การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อทดสอบความพร้อมขององค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ในการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ ทดสอบความพร้อมรบและขีดความสามารถขององค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธีในการฝึกยิงอาวุธประจำหน่วย รวมทั้ง ทดสอบการปฏิบัติทางยุทธวิธี ระหว่างหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กับ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ในการยิงเป้าหมายทางทะเลเป็นการฝึกตามแผนงานประจำปี พ.ศ.2567 ซึ่งหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้จัดปืนใหญ่กลางกระสุนวิธีราบ ขนาด 130 มิลลิเมตร ปืนใหญ่รักษาฝั่งกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มิลลิเมตร ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 37/70 มิลลิเมตร และอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S เข้าร่วมการฝึก จะยิง 2 แบบ โดยการยิงจากรถ และการยิงแบบประทับบ่าที่ระยะ 1,800 เมตร

สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถี IGLA-S เป็นอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ มีหลักการจับเป้าหมายโดยอาศัยการตรวจจับและรับรังสีอินฟราเรดที่แพร่ออกมาจากแหล่งความร้อนของตัวอากาศยาน อาวุธจะล็อคเป้าหมาย และพร้อมให้พลยิงปล่อยตัวจรวดออกมาเพื่อติดตามและทำลายเป้าหมายต่อไป และเมื่อจรวดแล่นออกจากท่อยิงการทำงานจะเป็นไปในลักษณะ Fire and Forget ซึ่งลูกอาวุธนำวิถีที่ใช้ในการฝึกยิงในครั้งนี้เป็นลูกอาวุธวิถีแบบ 9M342 มีคุณลักษณะที่สำคัญคือมีความเร็วโคจรคงที่โดยเฉลี่ย 600 เมตร/วินาที เส้นผ่านศูนย์กลาง 72.2 มิลลิเมตรน้ำหนัก 16.7 กิโลกรัม

ซึ่งการฝึก ได้กำหนดสถานการณ์ฝึกในการป้องกันพื้นที่สำคัญทางทหารตามที่ทัพเรือภาค 1 มอบหมาย ประกอบกำลังเป็น หน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำพื้นที่ 1 มีกำลังรบประกอบด้วย กองพันต่อสู้อากาศยาน กองพันรักษาฝั่ง ศูนย์ต่อสู้อากาศยาน และส่วนสนับสนุนส่วนแยก ประกอบกำลังในการป้องกันภัยทางอากาศและป้องกันภัยจากกำลังทางเรือของฝ่ายข้าศึก 

ซึ่งการฝึกครั้งนี้เป็นการฝึกยิงอาวุธปืนทางยุทธวิธีด้วยกระสุนจริง โดยใช้ศูนย์อำนวยการยิงร่วมกัน ของกองพันรักษาฝั่ง (สอ.รฝ) และกองพันทหารปืนใหญ่ (นย.) พร้อมทั้งการฝึกยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S ด้วยลูกจรวดจริง และอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ประจำพื้นที่ เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกกองทัพเรือประจำปี 2567 สำหรับขั้นการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเลในห้วงเป็นการฝึกสนธิกำลังระหว่างหน่วย ทำการฝึกตามขีดความสามารถการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ ทั้งในระดับยุทธการและยุทธวิธี การฝึกควบคุมบังคับบัญชาและการอำนวยการยุทธ์ของศูนย์ปฏิบัติการ (FTX) โดยมีรายการฝึกสำคัญ ประกอบด้วย การฝึกยุทธวิธีร่วมกองเรือ การฝึกปฏิบัติการร่วมระหว่างกำลังทางเรือและอากาศยาน การฝึกป้องกันพื้นที่ของทัพเรือภาค การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำพื้นที่ การฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบกและส่งผ่านกำลังทางบก รวมทั้ง การฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง โดยเป็นการฝึกตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ คือ “ฝึกฝนให้ชำนาญ เพื่อพร้อมปกป้องอธิปไตยให้น่านน้ำไทย”

'วีระพล จงจอหอ' ชนะน็อก ‘คีร์กีซฯ’ ใน 2 ยก ผ่านฉลุย!! เข้ารอบ 8 คน เตรียมคว้าตั๋ว ‘โอลิมปิก’

(30 พ.ค.67) การแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก เลค 2 หรือ 2nd World Qualifying Tournament Boxing Road To Paris - Bangkok ซึ่งเป็นวันที่ 7 ของการแข่งขัน มีนักชกไทยขึ้นทำการแข่งขัน 2 ราย โดยรอบบ่าย เริ่มคู่แรกเวลา13.00 น. รุ่น 80 กก. ‘เกม’ วีระพล จงจอหอ นักชกไทย เจอกับ โอมูร์เบค เบคไซด์ อูลู นักชกชาวคีร์กีซสถาน วัย 24 ปี ซึ่งเคยชนะวีระพลมาแล้วในการแข่งขันคัดเลือกโอลิมปิก สนามแรก ที่อิตาลี เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา นัดนี้จึงถือเป็นนัดล้างตาก็ว่าได้  

ยกแรก วีระพลช่วงยาวกว่า พยายามใช้หมัดแย็บซ้ายให้เป็นประโยชน์ ขณะที่ โอมูร์เบค เดินเข้าหามีซ้ายนำเช่นกัน แต่ช่วงสั้นกว่า วีระพลซ้ายเข้าเป้าออกได้ดีกว่ามีขวาตามเน้นๆ กองเชียร์เฮลั่น โอมูร์เบคเดินเร็วขึ้น เน้นซ้ายตอบโต้สูสีวีระพลดึงตัวออกแล้วทิ้งซ้ายได้อีก หมดยกนี้ วีระพลนำ 5 - 0

ยกสอง โอมูร์เบค เน้นมากขึ้นแต่โดนหมัดขวาของวีระพลเข้าไปอีก ทำให้นักชกคีร์กีซสถานต้องเร่งเกมมากขึ้น วีระพลชกได้ผ่อนคลายมากขึ้น วงนอกทำได้ดีกว่าชัดเจน ก่อนที่วีระพลต่อยขวาเต็มๆ เข้ากกหูโอมูร์เบคร่วงลงไปฟังกรรมการนับ 8 พอขึ้นมา วีระพลไม่รอช้าตามไปรัวหมัดชุดจนโอมูร์เบคมีอาการ โดนกรรมการนับ 8 อีกหน ก่อนที่จะยุติการชก และตัดสินให้ วีระพล ชนะอาร์เอสซี ผ่านเข้ารอบ 8 คนไปอย่างสวยงาม 

ทั้งนี้ การแข่งขันสนามสุดท้ายที่ไทย ในรอบ 8 คน นักมวยที่ชนะก็จะเข้ารอบรองฯ ซึ่งก็จะได้โควตาโอลิมปิกแน่นอน ส่วนคนที่แพ้ 4 คน ก็จะต้องชกรอบบ็อกออฟ (BOX OFF) เพื่อหา 1 คน ไปโอลิมปิกต่อไป

>> สำหรับโปรแกรมการแข่งขัน 

วันพฤหัสบดีที่ 30 พ.ค. รอบ 18.30 น. Ring B คู่ที่ 8 (เวลาขึ้นชก 20.15 น. โดยประมาณ) รุ่น 57 กก. หญิง รอบ 2 (รอบ 32 คน)
นิลาวัลย์ เตชะสืบ (มุมแดง) พบ นิโคลิน่า คาซิซ (Nikolina Cacic) จากโครเอเชีย

วันศุกร์ที่ 31 พ.ค. รอบ 18.30 น. Bout 450 (รอประกาศตารางการแข่งขัน)
รุ่น 80 กก. ชาย รอบ 4 (รอบ 8 คน)  
วีระพล จงจอหอ พบ Jakub Straszewski จากโปแลนด์

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน รอบ 13.00 น. Bout 461 (รอประกาศตารางการแข่งขัน)
รุ่น 75 กก. หญิง รอบ 2 (รอบ 16 คน)
ใบสน มณีก้อน พบ ซอง ซูยอน (Seong Suyeon) จากเกาหลีใต้

ร่วมส่งใจเชียร์นักกีฬามวยสากลไทย คว้าตั๋วไปโอลิมปิก 2024 พร้อมส่งเสียงเชียร์ให้ดังกระหึ่มได้ที่สนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก สามารถเข้าชมฟรีทุกคู่ หรือสามารถรับชมการถ่ายทอดสดนักชกไทยได้ทางช่อง 7HD กด 35 และทางเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชั่น BUGABOO.TV

กลุ่มขั้วอำนาจ BRICs คืออะไร? แล้วทำไม 'ไทย' ต้องเข้าร่วม?

ช่วงสองสามวันนี้เราอาจจะเห็นข่าวที่ไทยกำลังจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มขั้วอำนาจ BRICS โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยถึงที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างแสดงความประสงค์ในการเข้าร่วมการเป็นสมาชิกประเทศกลุ่ม BRICs ประเทศในกลุ่มนี้เขาเป็นใครกันบ้าง เดี๋ยววันนี้มาเล่าให้ฟังค่ะ 

คำว่า BRICs ถูกบัญญัติขึ้นมาครั้งแรกในปี 2001 โดยในตอนแรกมีแค่เพียง 4 ประเทศคือ บราซิล (B) รัสเซีย (R) อินเดีย (I) และจีน (C) และต่อมาในปี 2011 ก็ได้รับประเทศแอฟริกาใต้ (s) เข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่ม โดยประเทศในกลุ่มนี้จะเป็นการรวมตัวของประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว หรือที่เราเรียกว่า กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งในปัจจุบันนี้ BRICs มีประเทศสมาชิกด้วยกันทั้งหมด 10 ประเทศ

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะความพยายามในการดึงประเทศอย่างอาร์เจนตินาเข้ามาร่วมด้วย แต่ก็ล้มเหลวไปค่ะ โดยอีก 5 ประเทศหลัง ซึ่งได้แก่ สาธารณรัฐอียิปต์, ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย, สหพันธ์สาธารณรัฐ, ประชาธิปไตยเอธิโอเปีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567

โดย BRICs ก่อตั้งมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนขั้วอำนาจจากกลุ่ม G7 มาเป็น BRICs แทนค่ะ ซึ่งประเทศที่อยู่ในกลุ่มนี้มีจำนวนมากถึง 40% ของประชากรโลกหรือราว ๆ 3,500 ล้านคน รวมถึงมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจโลกด้วยค่ะ 

การร่วมมือของประเทศในกลุ่ม Brics ไม่ใช่แค่เป็นการร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินเท่านั้น แต่ประเทศเหล่านี้ยังร่วมมือกันทั้งทางด้านการเมือง วัฒนธรรม ความมั่นคงทางด้านอาหารและพลังงานด้วยค่ะ

นอกจากความร่วมมือต่าง ๆ แล้ว กลุ่ม BRICs ยังเคยมีการวางแผนที่จะใช้เงินสกุลท้องถิ่นมากขึ้นเพื่อใช้เป็นข้อต่อรองกับเงินสกุลหลักของโลกอย่างเงินสกุลดอลลาร์ รวมถึงแผนการในการซื้อขายน้ำมันกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่โดยไม่ใช่เงินสกุลดอลลาร์ด้วยค่ะ 

ไทยเองแสดงความประสงค์ในการเข้าร่วม BRICs โดยเล็งเห็นว่าการเข้าร่วมกลุ่มจะสามารถช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและกระตุ้นให้เกิดการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศมากขึ้น อีกทั้งไทยเองก็จะได้เพิ่มบทบาทในเวทีระดับโลกทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการพัฒนา ได้แลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีกับประเทศในกลุ่มด้วย โดยไทยเองก็ได้เดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อเข้าเป็นสมาชิกของ BRICs ก่อนที่จะถึงการประชุมสุดยอดประเทศผู้นำ BRICs ครั้งที่ 16 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม 2567 นี้ ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซียค่ะ 

นอกจากไทยเราเองแล้วก็ยังมีอีก 2 ประเทศค่ะที่ขอเข้าร่วมเป็นสมาชิก ได้แก่ แอลจีเรียและโบลิเวียค่ะ และถ้าไทยได้เข้าเป็นสมาชิก เราก็จะเป็นประเทศแรกในประเทศแถบอาเซียนที่ได้เข้าเป็นสมาชิกค่ะ 

มุกดาหาร​ -​ สถานีเรือมุกดาหาร แถลงผลการตรวจยึดยาบ้า 42,000 เม็ด ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ตำบลนาสีนวน

(30 พ.ค 67) เวลา 10:30 น ที่สถานีเรือมุกดาหาร ตามนโยบายของ พลเรือเอก อะดุง​ พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ในด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า เพลงเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2561 เวลาประมาณ 13.00 น ภายใต้การอำนวยการของ พลเรือตรีนรินทร์ ขาวเจริญ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นาวาเอกวรรณะ เกื้อทิพย์​ ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม โดยนาวาโท ศิริพงษ์ นพไธสง หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับ ฝ้าในห้องวันนี้จะมีกลุ่มบุคคลต้องสงสัย เตรียมการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประชุมวางแผนเตรียมการ 

จากนั้นจึงสั่งการให้ชุดสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สน.เรือมุกดาหาร​ เข้าพื้นที่ซุ่มตรวจ จะได้ประสาน ร้อย​ ทพ.2110 เพื่อบูรณาการปฏิบัติร่วมกัน โดยจัดกำลัง 3 ชุดปฏิบัติการดักซุ่มอยู่ตามบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านนาสีนวล เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.15 น ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือต้องสงสัย เพิ่งเข้ามาในพื้นที่ริมตลิ่ง ห่างจากชุดซุ้มประมาณ 200 เมตร พร้อมสังเกตเห็นว่ามีการลำเลียงถุงกระสอบขึ้นมาริมตลิ่งแม่น้ำโขง แล้วทำการแล่นเรือออกจากพื้นที่ริมตลิ่งไปในทันที เมื่อเห็นดังนั้นชุดเข้าตรวจและเฝ้าดูในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ไม่พบผู้ต้องสงสัยเข้ามารับถุงกระสอบแต่อย่างใด จึงเข้าทำการตรวจสอบวัตถุสงสัยดังกล่าว ภายในถุงพบห่อกระดาษสีน้ำตาล พันด้วยเทปกาวอย่างหนาแน่นจำนวน 7 มัด ประทับตราตัวอักษร Y 1 คาดว่าเป็นยาบ้า และตรวจสอบโดยรอบบริเวณ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่นใด จึงนำมาตรวจสอบโดยละเอียดที่สถานีเรือมุกดาหาร ตรวจนับได้ยาบ้าจำนวนประมาณ 42,000 เม็ด จึงเตรียมนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘สวนสัตว์เชียงใหม่’ แถลงปมพบศพ ‘จิงโจ้แดง’ เบื้องต้นพบบาดแผล แต่ไม่พบรอยกัดจากสัตว์อื่น

(30 พ.ค. 67) ตามที่จิงโจ้แดงเพศเมียได้หลุดออกจากส่วนแสดงโซนสัตว์ออสเตรเลีย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา สวนสัตว์เชียงใหม่และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้เดินเท้าเข้าปฏิบัติหน้าที่จากฝั่งทิศเหนือไปยังฝั่งทิศใต้ และจากทิศตะวันตกสู่ทิศตะวันออกจนถึงเวลา 18.30 น. ไม่พบจิงโจ้แดงจึงดำเนินการปฏิบัติการค้นหาอย่างต่อเนื่อง

เช้าวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 นายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยได้จัดเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กับเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ รวมจำนวน 70 คน เข้าสำรวจบริเวณห้วยช่างเคี่ยนฝั่งทิศใต้ติดวังบัวบาน และทิศตะวันตกฝั่งพระธาตุดอยสุเทพ ตลอดจนถึงทิศเหนือฝั่งห้วยแม่หยวกน้อย และพื้นที่ใกล้เคียง ประกอบด้วย บริเวณค่ายลูกเสือสุเทพ ห้วยตึงเฒ่า รวมพื้นที่มากกว่า 6 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 3,950 ไร่ ในการเข้าพื้นที่ในครั้งนี้ได้มีหน่วยงานต่าง ๆ ให้การสนับสนุน ได้แก่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ มณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ

ช่วงบ่ายเวลา 13.00 น. สวนสัตว์เชียงใหม่ และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม เพื่อปฏิบัติการค้นหาอย่างต่อเนื่องและขยายพื้นที่การติดตามค้นหาให้มากยิ่งขึ้น
โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามค้นหาในเส้นทางเดิมช้ำ เนื่องจากพบร่องรอยในบริเวณใกล้เคียง และในเวลา 13.30 น. ทีมค้นหาได้ค้นพบร่างจิงโจ้แดงบริเวณด้านล่างน้ำตกของลำห้วย ช่างเคี่ยน ห่างจากสวนสัตว์เชียงใหม่เป็นระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร ลักษณะพื้นที่เป็นโขดหินขนาดใหญ่และมีร่องน้ำลึกโดยประมาณ ปกคลุมไปด้วยพงหญ้าและต้นไม้ใหญ่หนาทึบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงานได้รายงานไปยังนายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ และนายภูพิชิตช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เพื่อวางแผนในการขนย้ายร่างจิงโจ้แดงออกจากพื้นที่แล้ว

เสร็จในเวลา 15.30 น. ต่อจากนั้นได้นำร่างจิงโจ้แดงเข้าสู่กระบวนการชันสูตรซาก ต่อไปการสันนิษฐาน จากการพบร่างเบื้องต้น พบบาดแผลเล็กน้อยจากการขีดข่วน ไม่มีร่องรอยของการถูกกัดจากสัตว์อื่น

ทั้งนี้ ทางทีมสัตวแพทย์จะทำการชันสูตรซากและสวนสัตว์เชียงใหม่จะรายงานผลให้ทราบต่อไป ในการนี้ สวนสัตว์เชียงใหม่และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ขอขอบพระคุณองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่ให้คำแนะนำ สนับสนุน ในการปฏิบัติงานค้นหาจิงโจ้แดงครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส ร่วมให้การต้อนรับ มท.1 และคณะ ในโอกาสเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

เยี่ยม อส. และตำรวจ ที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์ฯ  พร้อมเยี่ยมชมการฝึกหลักสูตรผู้นำสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และร่วมการประชุมหารือข้อราชการร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครองกับฝ่ายความมั่นคง

ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี นายกองใหญ่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมหารือข้อราชการร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครองกับฝ่ายความมั่นคง และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงที่ผ่านมา พร้อมมอบนโยบายสำคัญของรัฐบาล ให้กับบุคลากรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พลเอก เจริญชัย หินเธาว์  ผู้บัญชาการทหารบก   พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมประชุม

จากนั้นเวลา 14.30 น. นายกองใหญ่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะฯ เดินทางไปยังศูนย์ฝึกอบรมกองกำลังประจำถิ่นท่าสาป ตำบลท่าสาป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ได้ตรวจเยี่ยมและตรวจแถวกองเกียรติยศ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนในพื้นที่จังหวัดยะลา และตรวจเยี่ยมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ที่เข้าอบรมหลักสูตรผู้นำ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2567 ในโครงการฝึกเสริมสร้างขีดความสามารถสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายผู้เข้ารับการฝึก จำนวน 1,266 นาย ได้ฝึกอบรมระหว่างเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2567 โดยมี ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการฝึกในครั้งนี้ โดยก่อนจะลงปฏิบัติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงเช้า เวลา 09.15 น. นายกองใหญ่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะฯ ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมกับมอบของเยี่ยมแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ผู้ปฏิบัติงานและได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา.

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

ย้อนรอย 18 ปี 'กรุงเทพฯ...ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว' Bangkok City of Life by 'อภิรักษ์ โกษะโยธิน'

กลายเป็นเรื่องฮือฮา เมื่อป้ายข้อความ ‘Bangkok City of Life’ ที่วาดติดอยู่ตามแยกกลางเมืองของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีมาแล้ว 18 ปี จนกลายเป็น Landmark จุดถ่ายรูปจุดหนึ่งซึ่งทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างก็นิยมเป็นจุดถ่ายรูปความประทับใจ ได้ถูกแทนที่ด้วยป้ายไวนิลสติกเกอร์ที่มีข้อความว่า ‘กรุงเทพฯ-Bangkok’ 

ป้ายข้อความ ‘Bangkok City of Life’ เกิดขึ้นในยุคที่ ‘อภิรักษ์ โกษะโยธิน’ จากพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 

ด้วยในปี พ.ศ. 2549 ผู้ว่าฯ ‘อภิรักษ์’ ได้ประกาศทิศทางการพัฒนากรุงเทพมหานครเพื่อให้เป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วยสโลแกน ‘กรุงเทพฯ…ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว’ โดยมีองค์ประกอบ 4 ประการ คือ (1) มิติทางด้านเศรษฐกิจ (2) มิติด้านสิ่งแวดล้อม (3) มิติด้านวัฒนธรรม และ (4) มิติด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

‘อภิรักษ์ โกษะโยธิน’ ผู้เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์, อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์, อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2 สมัย โดยก่อนหน้านั้น ‘อภิรักษ์’ ทำงานให้กับ พิซซ่าฮัท ไทยแลนด์, Lintas Worldwide, ดามาร์กส์ แอ๊ดเวอร์ไทซิ่ง, เป๊ปซี่-โคล่า อินเตอร์เนชั่นแนล ไทยแลนด์, เป๊ปซี่ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ฟริโต-เลย์ ไทยแลนด์, จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, ออเร้นจ์ และ กลุ่มบริษัทในเครือเทเลคอมเอเชีย (ปัจจุบันคือ ทรู คอร์ปอเรชั่น) ปัจจุบัน ‘อภิรักษ์’ เป็นเจ้าของและประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากพืชผลทางการเกษตร

ในช่วงที่ ‘อภิรักษ์’ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการทำโครงการสำคัญต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนกรุงเทพฯ อาทิ การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้า BTS*, การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การพัฒนาคุณภาพการศึกษา, การวางผังพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ส่วนผลงานด้านการต่างประเทศ ‘อภิรักษ์’ ได้สร้างชื่อเสียงให้กับกรุงเทพฯ เป็นอย่างมาก ด้วยการสร้างความสัมพันธ์อันดีและทำการแลกเปลี่ยนความคิดในการพัฒนากรุงเทพฯ ร่วมกับเมืองหลวงสำคัญ ๆ ทั่วโลก เช่น ปักกิ่ง, แต้จิ๋ว, โซล, ฟุกุโอกะ, ฮานอย, ลิเวอร์พูล, วอชิงตัน ดี.ซี., บริสเบน เป็นต้น 

(*รถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยายด้านฝั่งธนบุรีนั้น รัฐบาลทักษิณไม่อนุมัติงบประมาณให้ดำเนินการ แต่ ‘อภิรักษ์’ ไม่รอ ด้วยเกรงว่าหากการก่อสร้างล่าช้าจะทำให้พี่น้องประชาชนฝั่งธนบุรีเสียประโยชน์ จึงตัดสินใจดำเนินการโดยใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลของกรุงเทพมหานครเอง)

นอกจากนั้นแล้ว ‘อภิรักษ์’ ยังได้รับเกียรติให้เป็นผู้บรรยายกิตติมศักดิ์ในงานสัมมนาระดับโลกมากมาย อาทิ การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN 100 Leadership Forum) ในปี พ.ศ. 2542 ณ ประเทศสิงคโปร์ และในปี พ.ศ. 2544 ณ ประเทศเวียดนาม รวมถึงการประชุมสุดยอดผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม (C40 Cities Climate Summit) ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ ‘อภิรักษ์’ ทำงานด้วยความตั้งใจจนครบวาระ 4 ปีในสมัยแรก ทำให้ ‘อภิรักษ์’ ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนโหวตเกือบ 1 ล้านคะแนน

สิ่งหนึ่งที่ ‘อภิรักษ์’ ทำแล้วเป็นเรื่องใหม่ในวงการเมืองไทยคือ เมื่อ 13 มีนาคม พ.ศ. 2551 ‘อภิรักษ์’ ได้ยุติการทำหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครชั่วคราว พร้อมกับได้ตั้ง ดร.วัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ รักษาการแทน อันเนื่องมาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) แจ้งข้อกล่าวหาว่ามีความผิดกรณีซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงการแจ้งข้อกล่าวหาเท่านั้น ยังไม่ได้เป็นการชี้มูลความผิดหรือส่งเรื่องขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาลแล้ว 

...และ 12 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดในคดีนี้ ‘อภิรักษ์’ ได้แถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งในเวลา 15.30 น. โดยที่กฎหมายไม่ได้มีผลบังคับให้ต้องลาออกแต่อย่างใด แต่ ‘อภิรักษ์’ ระบุว่าต้องการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการเมืองไทย 

...และในที่สุดเมื่อ 10 กันยายน พ.ศ. 2556 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำตัดสินให้นายอภิรักษ์พ้นข้อกล่าวหาในคดีรถดับเพลิง เนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา ซึ่งมีผลก่อนหน้าที่จะเข้ารับตำแหน่งแล้ว และได้มีการดำเนินการเพียรพยายามรักษาผลประโยชน์ของ กทม. จนได้รับผลประโยชน์คืนให้กับ กทม. อีก 250 ล้านบาท 

สำหรับป้ายไวนิลสติกเกอร์ ‘กรุงเทพฯ-Bangkok’ ซึ่งมาแทนที่ป้ายข้อความ ‘Bangkok City of Life’ นั้น ออกแบบโดยทีม ‘Farmgroup’ จากบริษัท Creative & Design Consultancy จำกัด จากแนวคิดการสร้าง Brand Identity ของกรุงเทพมหานครให้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับมหานครอื่น ๆ ดังตัวอย่างเช่น ‘I love NY’ ของมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ หรือ ‘Amsterdam’ ของกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยปัจจัยองค์ประกอบที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น บริบทของกรุงเทพมหานคร ความหลากหลาย สีที่มีความหมายสื่อถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปจนกระทั่งนโยบายของผู้บริหาร

ป้ายไวนิลสติกเกอร์ ‘กรุงเทพฯ-Bangkok’ ที่มาใหม่นี้ มีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและผู้ที่ไม่เห็นด้วย โดยกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบเห็นว่าป้ายไวนิลสติกเกอร์ ‘กรุงเทพฯ-Bangkok’ นี้ออกแบบเป็นไปตามเอกลักษณ์ขององค์กร หรือ ‘Corporate Identity’ (CI) ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้มานานแล้วทั้ง สี ฟ้อนต์ และลวดลาย ล้วนมีความหมายสอดคล้องกับเอกลักษณ์ขององค์กรทั้งสิ้น 

ส่วนกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยมองก็ว่าป้าย ‘Bangkok City of Life’ ของเดิมโดยเฉพาะตรงแยกปทุมวันนั้น มีความคลาสสิก เรียบง่าย สวยด้วยตัวเอง ดูไม่ทื่อ ๆ แบบฟอนต์ราชการ ถือเป็นรสนิยมดี ๆ ที่ซื้อด้วยเงินไม่ได้ 

ส่วนในมุมมองของผู้เขียนบทความเห็นว่า ป้ายอันเก่า หากได้รับการฟื้นฟูสภาพ ก็น่าจะดูดี ทั้งคงความคลาสสิก ส่วนป้ายแบบใหม่หากเป็นป้ายวาดแบบป้ายเก่าก็อาจจะดูดี หรือพอจะรับได้มากกว่าป้ายไวนิลสติกเกอร์เช่นที่พึ่งจะติดตั้งสำเร็จเสร็จสิ้นในขณะนี้

‘สนค.’ ชี้ช่อง!! โอกาสไทยรับกระแส ‘พลังงานแสงอาทิตย์’ มุ่งขยายตลาดส่งออก ‘โซลาร์เซลล์’ เพื่อก้าวสู่ 1 ใน 3 ผู้นำโลก

สนค.ติดตามสถานการณ์โลก พบความต้องการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ก็เพิ่มขึ้น ชี้เป็นโอกาสของไทยที่จะขยายตลาดส่งออก และก้าวไปเป็นผู้ส่งออกติด 1 ใน 3 ของประเทศส่งออกโซลาร์เซลล์สูงสุดในโลก จากปัจจุบันอยู่ลำดับที่ 4 พร้อมแนะภาคธุรกิจ ครัวเรือน ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อลดต้นทุนพลังงาน

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.67) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันความต้องการใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานทดแทน กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่เร่งให้ทั่วโลกลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและเกิดการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานโลก มาจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงาน

ทั้งนี้ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น เห็นได้จาก กำลังการผลิตพลังงานทดแทนของโลกเพิ่มขึ้น โดยในปี 2023 อยู่ที่ 507 กิกะวัตต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากปี 2022 โดยเป็นสัดส่วนจากพลังงานแสงอาทิตย์ถึง 3 ใน 4 ของการผลิตพลังงานทดแทนทั้งหมด และคาดการณ์ว่าในปี 2025 สัดส่วนการผลิตพลังงานทดแทนจะคิดเป็นร้อยละ 35 ของการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก โดยมีจีนเป็นผู้นำด้านกำลังการผลิตโซลาร์เซลล์ของโลก ซึ่งในปี 2023 มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 450 กิกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ถึงร้อยละ 116 และมีแผนที่จะขยายการลงทุนโรงงานโซลาร์เซลล์ไปยังเวียดนามกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายการผลิตให้มากขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2025  

ข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตลาด Zion Market Research ระบุว่า ในปี 2022 ตลาดโซลาร์เซลล์ทั่วโลกมีมูลค่า 90,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเป็น 215,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030 ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 11.5 สำหรับด้านการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์ รายงาน S&P Global Market Intelligence แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศที่นำเข้าแผงโซลาร์เซลล์สูงสุดของโลก ในปี 2023 โดยนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์มากถึง 54 กิกะวัตต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 82 จากปี 2022 โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากจีน และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งไทย

นายพูนพงษ์กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี คาดการณ์ว่าอัตราค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นและการทำงานรูปแบบ Work From Home จะส่งผลให้มูลค่าตลาดโซลาร์เซลล์ในไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2022-2025 จะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 22 ต่อปี จนมีมูลค่า 67,268 ล้านบาท ในปี 2025 และมูลค่าการผลิตโซลาร์เซลล์ในไทย  ปี 2023 อยู่ที่ 6,147.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต ร้อยละ 184.35 จากปี 2022 (2,161.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมูลค่าการส่งออกโซลาร์เซลล์ของไทย ปี 2023 อยู่ที่ 4,433.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตร้อยละ 80.87 จากปี 2022 (2,451.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่าการส่งออกของไทยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5 ของการส่งออกโซลาร์เซลล์ในตลาดโลก

โดยไทยครองส่วนแบ่งอันดับที่ 4 ของโลก รองจากจีน 55,857.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 63 เนเธอร์แลนด์ 9,752.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 11 และมาเลเซีย 5,319.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 6 โดยตลาดส่งออกสำคัญของไทย คือ สหรัฐอเมริกา มูลค่า 3,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 75) เวียดนาม มูลค่า 495 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 11) อินเดีย มูลค่า 232 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 5) และจีน มูลค่า 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 4) โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่มีการเติบโตมากถึงร้อยละ 144.35 จากปี 2022

นายพูนพงษ์กล่าวว่า จากบริบทการเติบโตของภาคพลังงานทดแทน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถขยายส่วนแบ่งในตลาดโลก และก้าวขึ้นไปเป็น 1 ใน 3 ของประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกโซลาร์เซลล์สูงสุดของโลก โดยผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญต่อการศึกษากฎระเบียบ ข้อกำหนด มาตรการของประเทศคู่ค้า ยกระดับคุณภาพสินค้าให้สอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับสากล และขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่สามารถผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนพลังงาน และยกระดับระบบพลังงานไฟฟ้าไทยให้มีความเสถียรในระยะยาว โดยเห็นว่าหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถบูรณาการความร่วมมือกัน ทั้งด้านการสนับสนุนข้อมูลการค้าและแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ การรักษาตลาดเดิมและเพิ่มตลาดใหม่ การหาแหล่งเงินทุน และการจัดหาเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยในการผลิต เพื่อส่งเสริมการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย ท่ามกลางบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป   

ปัจจุบันไทยมีนโยบายกระตุ้นตลาดภายในประเทศ ที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้แผงโซลาร์เซลล์ทั้งในภาคธุรกิจและครัวเรือนมากขึ้น อาทิ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) สำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านที่อยู่อาศัย หรือโครงการ Solar ภาคประชาชน ส่งเสริมให้ครัวเรือนสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองภายในบ้านได้ และไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากที่ใช้งาน การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะรับซื้อ 2.20 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี และการดำเนินงานแก้ไขกฎหมายให้ภาคธุรกิจภาคสามารถติดตั้ง Solar Rooftop ที่มีกำลังการผลิตเกินกว่า 1,000 กิโลวัตต์ ได้ โดยไม่เข้าข่ายโรงงานที่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า เพื่อปลดล็อกให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ศูนย์การค้า โรงแรม และภาคบริการ สามารถใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ โดยข้อมูลจากสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานว่า การติดตั้งโซลาร์เซลล์ 10 แผง (1 กิโลวัตต์) เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 101 ต้น ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 901.3 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์

‘หมู่เกาะพีพี’ อ่วม!! ดอกไม้ทะเล ‘ปะการังฟอกขาว’ กว่า 70% ปลานีโม่เสี่ยงตาย-ไร้บ้าน หวั่นอนาคตสถานการณ์รุนแรงขึ้น

(31 พ.ค. 67) มีการสำรวจสภาพของดอกไม้ทะเล บริเวณหมู่เกาะท้องถิ่น อยู่ในอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ซึ่งมีสภาพเปลี่ยนสีจากสีเหลืองทองกลายเป็นสีขาวซีด ดอกไม้ทะเลเหล่านี้เป็นเสมือนบ้านของปลาการ์ตูน หรือปลานีโม่ ภาพใต้น้ำนี้ถูกบันทึกไว้โดยทีมนักดำน้ำของ SCUBA Expert Krabi

โดย น.ส.ปรัญญา พันธุ์ตาจิต หรือ ครูอุ๋ม ครูสอนการดำน้ำของทีม SCUBA Expert Krabi กล่าวว่า จากภาพดอกไม้ทะเล ซึ่งกลายสภาพเป็นปะการังสีขาวเกือบทั้งหมด เรียกว่าเจอภาวะฟอกขาวมากกว่า 70% ของพื้นที่ จนกลายเป็นวิกฤตที่น่าเป็นห่วง ซึ่งจุดที่เธอลงไปดำน้ำสำรวจอยู่ที่ความลึกตั้งแต่ 3 - 14 เมตร พบว่าอุณหภูมิน้ำทะเลสูง 32-34 องศา อุณหภูมิปกติจะอยู่ที่ 28 - 30 องศาเท่านั้น จึงเป็นห่วงว่าอนาคตสถานการณ์จะรุนแรงมากขึ้น

ตอนนี้ทางอุทยานฯ สั่งให้งดกิจกรรมท่องเที่ยว ดำน้ำ ในพื้นที่พวกนี้ไว้ก่อนแล้ว หากในอีก 1 เดือนข้างหน้า ยังไม่มีฝนตกลงมาจนทำให้อุณหภูมิน้ำลดลง จะยิ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้น ผู้ประกอบการเองก็กังวล ว่าแนวโน้มอนาคตเราอาจไม่ได้เห็นสีสันสวยงามของปะการังอีกก็เป็นได้

ทั้งนี้ ดอกไม้ทะเล ซึ่งเป็นบ้านของปลานีโม่ ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ปีก่อนนี้ที่เกิดการฟอกขาว ดอกไม้ทะเลยังปกติดี แต่ปีนี้ถือว่าหนัก หากดอกไม้ทะเลเจอผลกระทบจนตายลง ปลานีโม่ที่อาศัยอยู่ก็จะตายไปด้วย เพราะพวกมันจะไปอาศัยที่อื่นไม่ได้ และจะไม่มีที่หลบภัย จึงภาวนาให้วิกฤตนี้หมดไปโดยเร็ว สิ่งที่ทุกคนจะช่วยกันได้ ก็คือการลดก๊าซคาร์บอน ที่ส่งผลให้เกิดสภาวะโลกร้อน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top