Wednesday, 7 May 2025
TheStatesTimes

'ตำรวจ ปส.' ลุยสกัดกั้นไม่เลิก ! สัปดาห์เดียวยึดยาบ้า กว่า 19 ล้านเม็ด และเปิดปฏิบัติการโค่น 'เครือข่าย K2' ยึดทรัพย์กว่า 10 ล้านบาท

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และขยายผลเครือข่ายที่จับกุมได้ทุกระดับอย่างจริงจังทุกพื้นที่รวมทั้งการขยายผลเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้า ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบ                          

วันนี้ 30 พ.ค.67 เวลา 10.00 น.  พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ  วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ,พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.ปส., พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และพล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ร่วมแถลงผลการปราบปรามยาเสพติดที่สำคัญของ บช.ปส. ในห้วงของวันที่ 14 – 22 พ.ค.67 ดังนี้ 

1. บก.ปส.3 คดียาบ้า 7,750,000 เม็ด 
ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้ทำการสืบสวนเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจนทราบว่าจะมีการลำเลียง ยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ชายแดน จว.เชียงราย เข้าสู้พื้นที่ตอนในโดยใช้รถบรรทุกสิบล้อในการขนยาเสพติด และมีรถยนต์อีกหลายคันคอยขับคุ้มกัน จึงได้วางกำลังสกัดกั้นจน กระทั่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 เวลา 13.30 น. พบรถยนต์เป้าหมายขับนำทางกันมาตามเส้นทางจนถึงพื้นที่ อ.วัดโบสถ์ จว.พิษณุโลก จากนั้นรถบรรทุกสิบล้อ ได้ขับไปจอดอยู่ที่ลานค้าพืชผลทางการเกษตรแห่งหนึ่ง ชุดจับกุมจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ และขอตรวจค้น เบื้องต้นกระบะท้ายรถบรรทุกมีแผ่นยางพาราจำนวนมากวางปิดทับไว้ด้านบนเพื่ออำพราง ด้านล่างพบกระสอบต้องสงสัย ภายในมียาบ้าจำนวน 7,750,000 เม็ด ทั้งนี้จับกุมคนขับรถสิบล้อ 1 คน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งได้เจ้าสกัดจับรถนำและรถคุ้มกันอีก 4 คัน บริเวณจุดตรวจยาเสพติดท่างาม สภ.วัดโบสถ์ ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จว.พิษณุโลก ได้ผู้ต้องหา 5 คน  รวมทั้งหมด 6 คน จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดี ยาบ้า 6,000,000 เม็ด 
จากการสืบสวนเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดของ ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 พบว่าจะมีการนำยาเสพติด จำนวนมากจากพื้นที่ชายแดน จว.เชียงราย เข้ามาพื้นที่ชั้นใน กระทั่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 เวลาประมาณ 02.00 น. พบรถกระบะตู้ทึบ และมีรถยนต์เป้าหมายขับนำทางกันมา และพบรถยนต์ในเครือข่ายแล่นจากชายแดนแม่ฟ้าหลวง มุ่งหน้าเข้า อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย ตำรวจจึงนำกำลังติดตามบนถนนพหลโยธิน ก่อนจะสกัดจับกุมรถที่ซุกซ่อน ยาเสพติดพร้อมผู้ต้องหา 1 ราย ได้บริเวณหน้าตลาดบ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย พบท้ายกระบะตู้ทึบ มีกระสอบพลาสติกสีรุ้งจำนวนมากภายในบรรจุยาบ้ารวมทั้งหมด 6,000,000 เม็ด จากนั้นสามารถติดตาม จับผู้ต้องหาทำหน้าที่ขับรถสำรวจเส้นทางได้อีก 1 ราย ที่ลานจอดรถ โรงแรมนันทชัย อินน์ ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย ก่อนนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

คดี ยาบ้า 2,000,000 เม็ด 
ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้ขยายผลและติดตามความเคลื่อนไหวเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญซึ่งจะมีการลอบนำยาจากพื้นที่ชายแดน บ้านหนองเต่า ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ไปส่งต่อยังพื้นที่ตอนในของประเทศ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 พ.ค.67 เวลา 23.30 น. ของตำรวจพบรถกระบะเป้าหมายลักษณะติดโครงเหล็ก และพบว่ามีการบรรทุกสิ่งของ มีน้ำหนักมาเต็มท้ายกระบะ ชุดจับกุมจึงประสานตำรวจในพื้นที่เพื่อนตั้งจุดตรวจจุดสกัด บริเวณสถานีตำรวจชุมชนตำบลม่อนปิ่น กระทั่งรถคันดังกล่าวกลับขับฝ่าจุดตรวจออกไป ตำรวจจึงนำกำลังไล่ล่าติดตาม จนสามารถสกัดจับผู้ต้องหาได้  1 ราย ได้บริเวณริมถนนโชตนา ต.แม่สาว อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ ตรวจค้นพบยาบ้า 2,000,000 เม็ด จึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดี ยาบ้า 900,000 เม็ด 
เมื่อเวลา 00.30 น. ของ วันที่ 14 พ.ค.67 ตำรวจ กก.๒ บก.ปส.๓ ทำการสืบสวนขยายผลและจับกุมเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่แนวชายแดน อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ ไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ ขณะพบรถยนต์เป้าหมาย 3 คัน ขับผ่านตู้ยามบ้านห้วยส้าน อ.พร้าว จว.เชียงใหม่ และวิ่งมาตามเส้นทางเดียวกันในลักษณะขับนำ ขับตาม ชุดจับกุมที่ติดตามจึงสกัดกั้นเพื่อหยุดรถกลุ่มเครือข่าย พบผู้ต้องหา 3 ราย บริเวณด่านตรวจยาเสพติดพิทักษ์ธรรม หมู่ 6 ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จว.เชียงใหม่ ตรวจค้นรถพบยาบ้า 900,000 เม็ด บรรจุในกระสอบวางซ้อนทับกันอยู่บริเวณห้องโดยสารตอนหลังของรถกระบะ  

เปิดแผนปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “เครือข่าย K 2”

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๒๗ ก.ค.๖๕ ที่ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค๑ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ร่วมกันทำการจับกุมนายนเรนทร์ และนายทศพล บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ในคดีที่มีการจับกุมตรวจยึดยาบ้า 320,000 เม็ด เมื่อ 18 ก.ค.65 ซึ่งจากการขยายผล นายนเรนทร์ ให้การว่ามีนายจักรี หรือไอซ์ หรือ สอ.ลำลูกกา ว่าจ้างให้ตนขนยาเสพติด ไปให้กับลูกค้า สำหรับนายจักรี เป็นผู้สั่งการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากเข้ามาในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล เพื่อกระจายสู่ชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี นอกจากนี้ ยังอยู่ในเครือข่ายของ นายอาร์ต ต่ำเอี่ยว และหนูเฉิน หรือนายฐปนันท์ ธรรมรัตน์ธาดา ที่มีหมายจับคดียาเสพติด ซึ่ง ป.ป.ส. ได้ตั้งเงินรางวัลนำจับนายจักรี สูงถึง 100,000 บาท ซึ่งจากข้อมูลหมายจับพบว่า นายจักรี หรือไอซ์ มีหมายจับจำนวน 7 หมาย เป็นคดียาเสพติด 6 หมาย คดีทำร้ายร่างกาย 1 หมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนีอยู่ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ จึงได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายนี้จนทราบว่ายังมีความเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งมีกลุ่มที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนโดยการถือครองทรัพย์สิน และฟอกเงิน ให้กับ นายจักรี จนนำมาสู่ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “เครือข่าย K2” ระหว่างวันที่ 15 - 19 พ.ค.67 เพื่อยึดอายัดทรัพย์สิน ที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการค้ายาเสพติด ในพื้นที่ จว.นครนายก, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา และ กทม. รวม 5 จุดตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 คน ยึดอายัดทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 31 รายการ อาทิ อาวุธปืน 1 กระบอก, กระเป๋า Chanel 1 ใบ, นาฬิกาหรู 5 เรือน, แหวน ๘ วง, พระเลี่ยมทองฝังเพชร ๑ องค์, โทรศัพท์ ไอโฟน 2 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร 12 เล่ม และ รถยนต์ Honda Civic 1 คัน รวมมูลค่า 10,280,000 บาท 

คดีนำเข้ายาเสพติดเข้าสู่ ราชอาณาจักรไทย 
ตำรวจ บก.ปส.3 ได้ดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับการลักลอบนำยาเสพติดให้โทษเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อย่างต่อเนื่องและเข้มงวด ภายใต้โครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน  Airport Interdiction Task force : AITF ประกอบด้วย บช.ปส., สำนักงาน ป.ป.ส., กรมศุลกากร, และ ศรภ. กระทั่งวันที่ 17 พ.ค.67 ตรวจพบผู้โดยสารหญิงสัญชาติเปรู ชื่อ น.ส.มาร์เซลา ขณะเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย ได้บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นบุคคลตามที่ได้รับแจ้งว่าจะทำการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งระหว่างนำกระเป๋าสัมภาระเข้าเครื่อง X-Ray ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด แต่พบความผิดปกติในร่างกาย ตำรวจจึงนำเข้าเครื่อง X-Ray ร่างกาย เบื้องต้นพบสิ่งแปลกปลอมภายในร่างกายในลักษณะเป็นก้อนรูปวงรีจำนวนมากในลำไส้ จึงให้กินยาถ่าย เพื่อขับถ่ายสิ่งแปลกปลอมออกมาจากร่างกาย จำนวน 192 ก้อน น้ำหนักรวม 1,155 กก. เมื่อตรวจสอบพบเป็นโคเคน ถูกห่อหุ้มพลาสติกใสพันทับด้วยกระดาษคาร์บอนและพันทับด้วยพลาสติกใสอีกชั้น

2.บก.สกส.
คดียาบ้า 2,000,000 เม็ด 
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 23.40 น. เจ้าพนักงานตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส.บช.ปส. และ บช.ภ.5 จับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ สืบเนื่องจากวันที่ 3 พ.ค.2567 ได้จับกุม ผู้ต้องหา 4 คน พร้อมยาบ้า 1,250,000 เม็ด ในพื้นที่ ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จว.สุโขทัย จากการสืบสวนขยายผล พบว่าเครือข่ายรับยาเสพติดมาจากพื้นที่ อ.แม่จัน จว.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษตามนโยบายของรัฐบาล และยังมีกลุ่มบุคคลในเครือข่ายมีการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ดังกล่าวลงมาส่งในพื้นที่ภาคกลาง และปริมณฑล อย่างต่อเนื่อง จึงเฝ้าติดตามกระทั่งวันที่ 21 พ.ค.67 พบความเคลื่อนไหวของรถในเครือข่าย 2 คัน ในเส้นทางจากพื้นที่ชายแดน อ.แม่จัน จว.เชียงราย - จว.พะเยา - จว.ลำปาง - จว.สุโขทัย - จว.อุตรดิตถ์ จนสามารถจับกุม นายสิทธิชัย คนขับรถตู้โดยสาร HYUNDAI สีดำ หมายเลขทะเบียน 4ขผ 82x

เปิดมูลค่า Nvidia บริษัทเดียวมากกว่า GDP ไทยทั้งประเทศถึง 6 เท่า สะท้อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต ที่ 'ชิป' จะเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนสูง

(30 พ.ย. 67) Business Tomorrow รายงานว่า บริษัท Nvidia ผู้ผลิตชิปประมวลผลกราฟิกและระบบปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำของโลก กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงเกินกว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งประเทศ 6 เท่าตัวแล้ว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Nvidia ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการเติบโตของตลาดปัญญาประดิษฐ์และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดสูงถึง 2.801 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 102 ล้านล้านบาท

โดยปัจจุบัน GDP ไทยมีมูลค่าอยู่ที่ราว 18 ล้านล้านบาท หรือเรียกได้ว่า GDP ไทยน้อยกว่า Nvidia เพียงบริษัทเดียวมากถึง 5.67 เท่าหรือเกือบ 6 เท่ากันเลยทีเดียว

สำหรับความสำเร็จของ Nvidia หากมองในเชิงรายได้และกำไรจะพบว่า เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยปี 2566 Nvidia มี รายได้กว่า 26.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น +44% จากปี 2565 และนักลงทุนต่างมั่นใจว่า Nvidia จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ส่งผลให้มูลค่าตลาดถูกผลักดันให้สูงขึ้น

อีกทั้ง Nvidia ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าใดกลุ่มหนึ่ง แต่มีฐานลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ ผู้บริโภคทั่วไป ที่ซื้อการ์ดจอสำหรับเล่นเกมไปจนถึง บริษัทขนาดใหญ่ที่ใช้ชิปของ Nvidia ใน Data Center และ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ จึงไม่แปลกใจว่าทำไม Nvidia ที่สามารถครองลูกค้าทั่วโลกได้มีมูลค่าบริษัทมากกว่า GDP ของไทยเกือบ 6 เท่า

ความสำเร็จของ Nvidia สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตของโลกที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลนำพาสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล บริษัทที่มีขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าสามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่าขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศเสียอีก

อย่างไรก็ตาม Nvidia เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจที่บริษัทในวงการเทคโนโลยีสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็วจนทำมูลค่ามหาศาลเท่าตัวเศรษฐกิจของประเทศ บ่งบอกถึงบทบาทสำคัญของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต

‘รัดเกล้า’ เชิญชวนคนไทยร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ‘ในหลวง-ราชินี’

(30 พ.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2567 ตลอดเดือนมิถุนายน นี้ รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โดยสามารถดำเนินการได้ดังนี้

(1) จัดตั้งโต๊ะประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

(2) ติดตั้งเครื่องสักการะ

(3) ประดับธงชาติไทย

(4) ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ

(5) ธงอักษรพระนามาภิไธย ส.ท.

(6) ประดับผ้าระบายสีเหลืองอยู่ด้านบน สีม่วงอยู่ด้านล่าง โดยพร้อมเพรียงกัน

นางรัดเกล้า ยังเปิดเผยว่า รัฐบาลเชิญชวนให้ประชาชน เริ่มประดับเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ 

โดยสามารถสั่งจองเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ผ่านที่ทำการไปรษณีย์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งจองผ่านระบบร้านค้าออนไลน์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ผ่าน เว็บไซต์ thailandpostmart.com ได้ โดยไม่มีการจำกัดจำนวน รวมถึงที่ บิ๊กซี 208 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป และสามารถสั่งจองได้ที่บิ๊กซีมินิทุกสาขาทั่วประเทศ (โดยสั่งจองล่วงหน้า 7 วัน) ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสั่งจองเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ได้ที่ Contact Call Center 1756

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2567 : คนไม่มีศาสนา

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ธรรมะสำหรับพนักงานบริษัท’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

🎤: คนที่ไม่นับถือศาสนา ไม่ทำบุญ ไม่มีศาสนานำทางชีวิต ตายไปแล้วจะเป็นอย่างไร?

💛พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): ก่อนจะตอบว่าตายไปแล้วจะเป็นอย่างไร? เราต้องพูดเรื่องความจริงกันก่อน เช่น ยืนกลางแดดร้อน ๆ คนนับถือศาสนาพุทธร้อนไหม? และคนศาสนาอื่น ๆ ร้อนไหม? แน่นอนว่าทุกคนร้อน ก็แปลว่าความร้อน ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนา

เพราะฉะนั้นในเรื่องของการกระทํา แม้คุณจะประกาศตนว่ามีศาสนาหรือไม่มีศาสนา แต่ถ้าคุณทําชั่ว ทําไม่ดี ผลมันเกิดแน่นอน สมมุติว่าคุณไปตีหัวคนอื่น คุณไม่ต้องมีศาสนาก็ได้ แต่คุณจะต้องมีความผิด เขาจะต้องแจ้งความคุณ ถูกดําเนินคดี ฟ้องร้อง ขึ้นศาล ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณทําดี คุณไม่ต้องมีศาสนาก็ได้เช่นกัน แต่คุณก็ได้ดีแล้ว เช่น คุณทําธุรกิจ เสียภาษีอากร ไม่หลบเลี่ยงภาษี หรือคุณรักครอบครัว คุณดูแลลูกหลาน แม้คุณประกาศไปว่าคุณไม่มีศาสนาแต่คุณก็ได้รับผลดี

🎤: สังกัดทางจิตใจ จำเป็นหรือไม่?

💛พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) : ความรู้สึกของมนุษย์แข็งแรงไม่เท่ากัน อย่างเด็กอ่อน 2-3 ขวบ อยู่ลำพังไม่ได้นะ ต้องพึ่งผู้ใหญ่ แต่ถ้าเด็กคนนั้นโต 15 ปี ก็พออยู่ได้นะ อาจจะรับจ้างหาเงินได้ 

ดังนั้นการที่จะประกาศตนว่าไม่มีศาสนา ขออย่าไปด่าคนอื่น การไม่ด่าคนอื่น ก็ถือว่าคุณมีคุณธรรมแล้ว ไม่เป็นวาจาทุจริตแล้ว ไม่จ้วงจาบ ไม่ดูถูก ส่วนกลุ่มคนที่มีศาสนา แต่ต่างศาสนากัน เป็นเพื่อนกันในโรงเรียน ในสถานที่ทํางาน แม้กระทั่งมาแต่งงานกัน สามีศาสนาหนึ่ง ภรรยาศาสนาหนึ่ง ก็ควรจะเข้ากันได้ ไม่ควรจะขัดแย้งกัน 

ดังนั้นในคําถามที่ว่า คนไม่มีศาสนา ทําบาปแล้วจะบาปไหม ก็ถ้าทําชั่ว จะได้รับผลของการทำชั่ว ซึ่งผลของการชั่ว ไม่ได้มาจากศาสนา แต่มาจากการกระทําของตน

🎤: ไม่มีศาสนา ไม่ได้ทำบาป และก็ไม่ได้ทำบุญ? 

💛พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): ที่จริงเขาทําบุญแล้ว เขาเลี้ยงดูครอบครัว เลี้ยงลูก ก็เป็นการทําบุญแล้ว จะปฏิเสธได้ไงว่าการเลี้ยงลูกไม่ดี นั่นแหละเป็นการทําบุญแล้ว แม้แต่เขาเสียภาษีก็คือการทําบุญแล้ว มาทํางานไม่สาย ก็คือทําบุญแล้ว

นครราชสีมา-มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน เติมกำลังใจ ให้ผู้พิการ

30 พฤษภาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อม แรงงานจังหวัด จัดหางานจังหวัด ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 และ ทีมงานมวลชนสัมพันธ์ กลุ่มไทย สมายล์ กรุ๊ป  ลงพื้นที่ ณ จังหวัดนครราชสีมา  นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์  ได้รับการประสานขอรับ บริจาครถเข็นวีลแชร์ จาก น.ส.ปภิญญา ทองสมจิตร แรงงานจังหวัด เพื่อมอบให้ผู้พิการ จำนวน 2 ราย  ได้แก่ นายสาคร นภาสกุล อายุ 71 ปี พำนักอยู่ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นผู้ป่วยติดเตียงมีโรคประจำตัวหลายโรค และ ด.ช. สมชาย ช่วงสำโรง อายุ 14 ปี พำนักอยู่ หมู่ 3 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นผู้พิการโปลิโอตั้งแต่เด็ก  โดยมูลนิธิ ได้รับการบริจาค จาก กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า)

การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ และถือเป็นกิจกรรมหลักที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ที่มีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป  ท่านที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคหรือสมทบทุน ให้แก่ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์  สามารถติดต่อที่ เพจ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ หรือ ติ๊กต๊อก มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์

จำนวน 'คนไร้บ้าน' ในสหรัฐฯ พุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี สะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำ 'รวย-จน' กำลังขยายวงกว้างขึ้น

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานข้อมูลข่าวสารแห่งคณะรัฐมนตรีจีนออกรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ ประจำปี 2023 ซึ่งเปิดเผยว่าจำนวนคนไร้บ้านในสหรัฐฯ ได้พุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี

รายงานอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2023 ซึ่งระบุว่าจำนวนคนไร้บ้านในสหรัฐฯ พุ่งสูงกว่า 650,000 คนแล้ว มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรายงานเกี่ยวกับประเด็นนี้เมื่อปี 2007

รายงานระบุว่าคนไร้บ้านร้อยละ 40 อาศัยอยู่ตามท้องถนนโดยปราศจากสิ่งกำบัง ตามอาคารร้าง หรือสถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ได้มีไว้สำหรับให้มนุษย์อยู่อาศัย โดยคนกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ต้องผจญกับความเสี่ยงในการถูกตัดสินว่ากระทำความผิดทางอาญาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

รายงานชี้ให้เห็นว่าช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนกำลังขยายกว้างกว่าเดิมในสหรัฐฯ โดยมีสารพัดปัญหาที่กำลังเลวร้ายลง อาทิ "ความยากจนในการทำงาน" (working poor) การขาดแคลนอาหาร อัตราการฆ่าตัวตาย รวมทั้งการใช้ยาเสพติดและสารเสพติดที่เพิ่มขึ้น

‘ผบ.ทร.’ ลั่น!! เจรจาจีน ปม ‘เรือดำน้ำ’ เรียบร้อย จ่อเสนอ ครม.เคาะ พร้อมเป็นเขี้ยวเล็บให้คนไทย

(30 พ.ค.67) ที่สนามฝึกยิงอาวุธทุ่งโปรง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงความคืบหน้าจัดหาเรือดำน้ำ ว่า เป็นไปตามขั้นตอนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะนำเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรี พิจารณาเป็นครั้งสุดท้ายก็เป็นอันว่าสิ้นสุด ว่าจะเดินหน้าหรืออย่างไร และหากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้เดินหน้าต่อ เราก็มาแก้ไขสัญญา มาถึงขั้นตอนนี้แล้วไม่ยาก และเมื่อแก้สัญญาแล้วก็เดินหน้าต่ออีก 1,217 วัน กองทัพเรือจะมีเรือดำน้ำมาเป็นเขี้ยวเล็บให้กับประชาชนคนไทย 

“หากเราได้เรือดำน้ำลำนี้มา จะเป็นเรือดำน้ำที่ทันสมัย และเป็นลำแรกของภูมิภาคนี้ ที่มีอาวุธนำวิถีปล่อยจากใต้น้ำ ที่เหมือนกับหนังฝรั่งที่เรือดำน้ำอยู่ใต้น้ำและสามารถปล่อยอาวุธจากใต้น้ำ เป็นเขี้ยวเล็บที่สำคัญที่สุดของกองทัพเรือ ซึ่งอาวุธดังกล่าวอยู่ในสัญญาที่ซื้อเรือดำน้ำอยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยจะต้องภูมิใจกับเรือดำน้ำลำนี้” พล.ร.อ.อะดุง กล่าว

เมื่อถามว่าหลังจากได้ลำแรกแล้วเราจะดูลำที่สองลำที่สามต่อเลยหรือไม่ พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า เราต้องทำให้ประชาชนสบายใจ และมั่นใจ ซึ่งกองทัพเรือมั่นใจว่าลำที่หนึ่งดี 

"เมื่อเราเดินหน้าเรือดำน้ำแล้วไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วจะเซ็นรับหรือไม่รับ ในปลายปี 2570 หากเป็นไปตามคอนเน็คชั่นส์ที่เราตกลงกันไว้ในตอนนี้ เราก็อาจไม่ต้องเซ็นรับด้วยความสบายใจได้เลย ซึ่งเราไม่ต้องคุยกับทางจีนแล้ว เป็นการเจรจาครั้งสุดท้ายเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา” ผู้บัญชาการทหารทหารเรือ กล่าว 

‘3 การไฟฟ้า’ ร่วมกับ ‘ก.ศึกษาธิการ’ ติดตั้ง ‘Solar Cell’ ในสถานศึกษา หวังลดค่าใช้จ่าย ‘ด้านพลังงาน’ ส่งเสริม ‘การใช้พลังงานทดแทน’

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค. 67) พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ในสถานศึกษา ระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการ กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมี นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง คณะผู้บริหาร 3 การไฟฟ้า และกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมพิธี ณ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือที่จะช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การอนุรักษ์และการจัดการพลังงานไฟฟ้าของกระทรวงศึกษาธิการ และปลูกฝังเยาวชนให้ช่วยลดการใช้พลังงานและรักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการใช้พลังงานทดแทน ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานในสถานศึกษา และหน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ สอดคล้องกับการส่งเสริมของรัฐบาลในการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนด้วยรูปแบบการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และแบบผลิตใช้เองบนพื้นดิน (Solar Ground Mount) นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงความร่วมมือในการศึกษาความเป็นไปได้ และแนวทางการบริหารจัดการพลังงาน การอนุรักษ์พลังงาน และนวัตกรรมเทคโนโลยีอื่น ๆ มาปรับใช้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนต่อไป

'ปิยบุตร' รับ!! อยากเห็น 'ก้าวไกล' ทำตัวเป็นแบบอย่าง เลิกไปดูงาน ตปท. ชี้!! เปลืองงบแผ่นดิน ควรค้นคว้าหรือหาผู้เชี่ยวชาญมาบรรยายแทนดีกว่า

(30 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นเวลาที่เปิดให้ ส.ส.ลงพื้นที่พบปะประชาชน และคณะกรรมาธิการสามัญ และวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎร ยังมีการประชุมปกติ จากการตรวจสอบพบว่า เดือน พ.ค.-มิ.ย.2567 มี กมธ.หลายคณะมีกำหนดการเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศ อาทิ

กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร
กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน
กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน 
กมธ.การอุตสาหกรรม 
กมธ.มั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ
กมธ.การสวัสดิการการสังคม 
กมธ.การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม 

ล่าสุด นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เผยกรณีดังกล่าวผ่าน X ระบุว่า “เปลืองงบประมาณแผ่นดิน เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีการสื่อสารกว้างไกล ค้นคว้าเองก็ได้ หรือเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาบรรยายก็ได้ ควรยกเลิกการดูงานต่างประเทศเสีย

หากยังไม่ยกเลิก ต้องควบคุมเคร่งครัด ตัดลดงบ ห้ามไปซ้ำซ้อน เวียนประเทศในยุโรปอยู่ไม่กี่ประเทศ ประเภทปีที่แล้วคณะนี้ไป ปีนี้อีกคณะหนึ่งไป หรือเลือกประเทศที่ ส.ส. อยากไปเที่ยวมากกว่า คิดเรื่องภารกิจ และเมื่อไปแล้ว ต้องทำรายงานการค้นคว้าด้วย

อยากเห็น ส.ส.ก้าวไกล ทำเป็นตัวอย่างครับ ถ้า ส.ส.ก้าวไกล ทั้งพรรค ประกาศไม่ไปดูงานต่างประเทศ และรณรงค์ให้ยกเลิกงบส่วนนี้ จะดียิ่ง และยังช่วยกดดันไปยัง ส.ส.พรรคอื่นด้วย”

ซึ่งก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ นายปิยบุตรเคยพูดถึงประเด็นนี้มาแล้ว 1 รอบ ระบุว่า “เดือน พ.ค. มิ.ย. สภาปิดสมัยประชุม และเป็นเทศกาล “ดูงานต่างประเทศ” ของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส่วน ส.ว.ชุดนี้ ที่หมดวาระแล้ว ก็เพิ่ง “ทิ้งทวน” ไปดูงานต่างประเทศเมื่อไม่กี่เดือนก่อน)

สภาผู้แทนราษฎรมีคณะกรรมาธิการสามัญ 35 คณะ แต่ละคณะมีงบประมาณไป “ดูงานต่างประเทศ”

หากไปกันครบทุกคณะ (ซึ่งก็คงครบทุกคณะ เพราะ ประธานคณะใด ไม่จัดไป ก็อาจถูก กมธ.ในคณะไม่พอใจได้) ก็เป็นไปได้ว่า ส.ส.ทั้งสภา จะไปดูงานต่างประเทศกันทั้งหมด

การดูงานต่างประเทศ เป็นเรื่องดี มีประโยชน์ แต่ในโลกปัจจุบัน ที่การสื่อสารและเทคโนโลยีก้าวหน้า การค้นคว้าหาข้อมูลย่อมทำได้กว้างขวาง ลึกซึ้ง และสะดวก บางกรณี สามารถค้นคว้าเอง หรือเชิญผู้เชี่ยวชาญมาบรรยาย โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศให้เปลืองงบประมาณก็ได้

เช่นกัน การดูงานต่างประเทศ ทำกันมาหลายปี ทุกยุคสมัย ประเด็น และประเทศที่ไปดูงาน ก็ซ้ำกันไปมา หากประหยัดและรอบคอบ บางทีก็อาจไม่จำเป็นต้องไปดูงานซ้ำซ้อนก็ได้

หากสังเกตดู เราจะพบประเทศที่ ส.ส.ไปดูงาน จะวนเวียนอยู่ที่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น ระยะหลัง ก็เพิ่มประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียมาด้วย

ผมเห็นว่า หากเราเปรียบเทียบกับการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว การเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี จำเป็นมากกว่า เพราะ นั่นไปในฐานะหัวหน้าของฝ่ายบริหาร เป็นตัวแทนประเทศไปเจรจาการเมือง เศรษฐกิจ และการค้า

ในส่วนของการดูงานต่างประเทศของ ส.ส. หากไม่ยกเลิก ก็ควรลดลง ทั้งกรอบงบประมาณ และจำนวนครั้ง ต้องตีกรอบให้เคร่งครัด มิใช่ซ้ำซ้อนไปมา ปีที่แล้วคณะหนึ่งไปมา ปีนี้อีกคณะไป และไม่ควรเลือกประเทศที่ ส.ส.อยากไปมากกว่าดูจากภารกิจเป็นตัวตั้ง

เมื่อกลับมาแล้ว ส.ส.ก็ต้องรายงานผล ประโยชน์ที่ได้รับ การศึกษาค้นคว้าต่างๆ ด้วย ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ต่างก็มีงบไปดูงานต่างประเทศ แต่ละปี ประเทศไทยเสียเงินไปมากมาย ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ต่างก็ไม่กล้าวิจารณ์กันเองในเรื่องนี้ เพราะ ทุกคนคงอยากไป เรื่องอะไรจะทุบหม้อข้าวตนเอง

ถึงเวลาที่ควรทบทวนเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง ต้องไม่ทำให้ “การดูงานต่างประเทศ” กลายเป็นเรื่องคุ้นชิน จนเป็น “สิทธิพิเศษ” ของบรรดา ส.ส. ส.ว.ที่แต่ละปี จะได้ไปเที่ยวฟรี พักฟรี”

'ครูสหรัฐฯ' ถอดใจ!! ขอลาออก หลังนักเรียนติดมือถือหนัก เปรียบการใช้มือถือของเด็กยุคนี้ ไม่ได้ต่างจาก 'การติดยา

(30 พ.ค. 67) คุณครู มิตเชลล์ รูเทอร์ฟอร์ด เป็นที่สนใจของสื่อหลายสำนัก นับจาก วอลล์ สตรีท เจอร์นัล สื่อแถวหน้าของสหรัฐฯ ลงข่าวเป็นที่แรกในรายงานพิเศษที่ฉายภาพปัญหาการเรียนการสอน ในยุคที่สมาร์ตโฟนยึดห้องเรียน ครูเกิดวิกฤติความมั่นใจ สอนไปไม่มีใครฟัง ส่วนนักเรียนก็ขาดแรงกระตุ้นในการเรียน

คุณครูท่านนี้ สอนวิชาชีววิทยา ที่โรงเรียนมัธยมปลาย (Sahuaro High School) เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา มานาน 11 ปี จนถึงวันพฤหัสบดีที่แล้ว (23 พ.ค.) เป็นวันสุดท้ายของการทำงานที่นั่น โดยบอกเหตุผลว่า ทำทุกอย่างแล้วเท่าที่ทำได้ จนสภาพจิตใจตัวเองก็ย่ำแย่ไปด้วย เพื่อให้นักเรียนเลิก 'เสพติด' โทรศัพท์มือถือ

ครู วัย 35 ปี บอกว่า โรงเรียนที่เขาสอน มีระเบียบห้ามใช้มือถือในห้องเรียน แต่การบังคับใช้เป็นหน้าที่ครู ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก ตลอดสองสามปีมานี้ เขาพยายามหลายรูปแบบ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจอันตรายจากการใช้มือถือตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน ทั้งให้คะแนนพิเศษ ชวนสร้างนิสัยใหม่ ๆ พูดคุยเรื่องการนอนว่าสำคัญมากแค่ไหน และทำอย่างไรเพื่อลดเวลาอยู่หน้าจอตอนนอน เขาพูดคุยเรื่องนี้กับนักเรียนทุกวัน และทำตะกร้าขึ้นมาใบนึงเรียกมันว่า 'คุกมือถือ' วันแรกมีนักเรียนนำมือถือไปใส่ครึ่งหนึ่ง วันต่อมาก็ลดลง ที่สุดก็ว่างเปล่า เขาเปรียบเทียบการใช้มือถือของเด็ก ว่าไม่ได้ต่างจาก ติดยา หรืออาจจะหนักกว่าติดยาบางอย่างด้วยซ้ำ

ในการให้สัมภาษณ์กับ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ครูชายคนนี้ ยังบอกว่า เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างหลังโควิด-19 ระบาด เป็นการเปลี่ยนไปในทางแย่ลงหลังจากต้องปิดโรงเรียนในช่วงนั้น ก่อนหน้าโควิด-19 เวลาเตือน นักเรียนยังฟังบ้างเมื่อขอให้เก็บมือถือ แต่เวลานี้ยากกว่าเดิมหลายเท่า เขาเริ่มคิดว่า ตัวเองคือปัญหา มีนักเรียนหลายคนบอกว่า ไม่สนใจว่าจะได้เกรดเท่าไหร่

รูเทอร์ฟอร์ด บอกว่า เขาไม่ได้โทษปัญหานี้ที่ตัวเด็กทั้งหมด แต่สังคมต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาของเยาวชนเป็นอันดับหนึ่ง ปกป้องคุ้มครองพวกเขา ให้สมองและทักษะทางสังคมได้พัฒนา และทำให้ความสุข เกิดขึ้นแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งมือถือ

ในฐานะครู บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า กำลังทิ้งลูกศิษย์ เพราะเขาบอกนักเรียนให้พยายามตลอดเวลา แต่ตัวเองกำลังจะถอดใจ แต่ก็คิดว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและครอบครัว เพื่อไปลองทำอย่างอื่นดูบ้างที่ไม่ดูดพลังตัวเองไปหมดแบบนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top