Wednesday, 14 May 2025
TheStatesTimes

‘ILINK’ โชว์ผลงานตลอด 9 เดือน ปี 2566 ธุรกิจโตอย่างมีคุณภาพ ทำกำไรรวม 522.15 ลบ.

(15 พ.ย. 66) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK สร้างผลงาน 9 เดือน เป็นไปตามเป้าหมายที่แสดงถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน พร้อมกับตอกย้ำการเป็นบริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยี ตามอุดมการณ์ที่จะนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศไทย ทำรายได้รวมยอดเยี่ยมอยู่ที่ 5,126.65 ล้านบาท ทำกำไรสูงสุด 522.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.16 % เทียบเป็นกำไรสุทธิ 10.18% ซึ่งเกิดจากการรับรู้รายได้ของการขยายตลาดของธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ และการเร่งส่งมอบงานโครงการเกาะเต่าของ ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ รวมถึงเร่งผลักดันการรับรู้รายได้ของธุรกิจโทรคมนาคม และดาต้า เซ็นเตอร์ ซึ่งดำเนินงานโดย บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม

โดยรายได้ของธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Distribution Business) ผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2566 มีรายได้ตามการวางยุทธศาสตร์ของกลุ่มบริษัทฯ ที่เน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน ส่งผลมีรายได้รวมในไตรมาสนี้ 2,234.96 ล้านบาท ทำกำไร 252.19 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 64.55% มีรายได้รวมเติบโต 14.82% สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างโดดเด่น จากบริษัทฯ ที่เป็นผู้นำเข้าสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นผู้นำตลาดของระบบสายสัญญาณ โดยเป็นผู้ชี้นำตลาดของประเทศไทยและอาเซียน รวมถึงเป็นแบรนด์อันดับต้น ๆ ของโลก ที่ประกอบสายสัญญาณของ ILINK สหรัฐอเมริกา และ GERMAN RACK นับเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในตลาด High End ซึ่งมีการขยายตัวอย่างมาก พร้อมกับมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากหมวดของสาย LAN และสาย SOLAR ซึ่งได้อานิสงส์จากตลาดที่โตขึ้นของสาย LAN และคู่แข่งขันสาย SOLAR ที่ประสบปัญหา ประกอบกับเมื่อเปรียบเทียบคุณภาพกับราคาแล้ว ผลิตภัณฑ์ LINK American และ GERMAN RACK

สำหรับธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Turnkey Engineering Business) มีรายได้รวม 9 เดือน จากธุรกิจ 955.51 ล้านบาท มีกำไร 70.64 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 169.43% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่สามารถส่งมอบงานโครงการสายเคเบิลใต้ทะเลของที่ก่อสร้างของสายจากเกาะพะงันไปยังเกาะเต่า ที่คาดว่าบริษัทฯ จะติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำของโครงการสายเคเบิลใต้น้ำเกาะเต่า ที่มีมูลค่างานทั้งหมด 1.78 พันล้านบาท ให้แล้วเสร็จก่อนกำหนดเวลา และปัจจุบันยังคงมีงานโครงการในมือ (Back log) เพียงพอสำหรับปี 2023 และปี 2024 ที่กำลังรอโครงการขนาดเล็กที่ทยอยเซ็นต์สัญญาต่อไปในปีนี้อีก 1 โครงการ และงานโครงการในต้นปี 2025 อีก 1 โครงการขนาดใหญ่

ธุรกิจโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นเตอร์ (Telecom & Data Center Business) โชว์ผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,936.19 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 199.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.88% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 186.47 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทฯ มีการเติบโตในทุกธุรกิจ และความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น สำหรับงบการเงินไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 753 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากไตรมาส 3/2565 ที่มีรายได้ 768 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท โดยในเดือนตุลาคม 2566 บริษัทฯ ได้มีรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ ถึงรายการเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท โกลบอล ลิโธทริปซี่ย์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ Global Lithotripsy Services Company Limited โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 100% เบื้องต้นคาดจะเริ่มรับรู้รายได้ ในไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป

อีกทั้ง บริษัทฯ ได้อยู่ในกระบวนการเตรียมยื่น FILING เพื่อนำบริษัทลูกของลูก ได้แก่ BLUE SOLUTIONS เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยกำหนด Tentative จะยื่นในวันที่ 22 พ.ย. 2566 นี้ และคาดว่าจะนำ บริษัท BLUE SOLUTIONS เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2024 รวมถึงบริษัทฯ ลูก (ITEL) และบริษัทลูกของลูก (BLUE SOLUTIONS) ได้ลงนามในสัญญาโครงการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล ในภารกิจบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคม กับ กสทช. ได้แก่ ITEL (ภาคใต้) มูลค่า 297.21 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และ BLUE SOLUTIONS (ภาคอีสานบน) มูลค่า 345.04 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) อีกด้วย

‘ดอยคำ’ เปิดตัวไอศกรีม ICE POP ‘รสฟรุตแอ๊บพันซ์’ มาพร้อมบรรจุภัณฑ์พิเศษ!! เก็บในอุณหภูมิห้องได้ ไม่ง้อตู้เย็น

‘ดอยคำ’ เปิดตัวไอศกรีมหวานเย็นรักษ์โลกสูตรใหม่ล่าสุด เอาใจคนรักสนุก กับดอยคำ ICE POP ‘ฟรุตแอ๊บพันซ์’ หวานเย็นเต็มรส 4 ผลไม้แท้ อร่อย หวาน หอม ซ่อนเปรี้ยว สไตล์ฟรุ้ตตี้สุด ๆ พร้อมแชร์ความสนุกให้กับทุกปาร์ตี้

หลังจากเปิดตัว ICE POP กลุ่มแรกออกไปไม่นาน กระแสตอบรับดีเกินคาด ถูกปาก ถูกใจ ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทุกช่วงอายุ ด้วยรสชาติที่ดึงจุดเด่นของผลไม้แต่ละชนิด แต่ละสายพันธุ์ออกมาช่วยชูรสชาติที่แตกต่าง แต่ลงตัว มาในรูปแบบหวานเย็น ที่สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้ จึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ลดการใช้พลังงานไปโดยปริยาย โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบ หรือกระบวนการผลิต ที่เน้นความยั่งยืนและคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนได้รับรางวัล ‘Creative Sustainable Product Award’ จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ที่ครองใจชาวโซเชียลมีเดีย เกณฑ์ตัดสินจากการค้นหาบนโลกออนไลน์

สำหรับ ICE POP ‘ฟรุตแอ๊บพันช์’ ดอยคำคัดเลือกผลไม้ 4 สายพันช์ มะม่วง เสาวรส ส้ม และทับทิม ที่พัฒนาและวิจัยจนได้อัตราส่วนที่เหมาะสมและลงตัวที่สุด ภายใต้เงื่อนไขผลผลิตคุณภาพจากเกษตรกรไทย บนมาตรฐานดอยคำ จึงเชื่อได้ว่าทุกการ ‘แช่ ฉีก ป๊อป’ ต้อง อร่อย ปลอดภัย มีมาตรฐาน และยังได้ช่วยเหลือเกษตรกรไทย

ICE POP ‘ฟรุตแอ๊บพันช์’ มาในรูปแบบซอง ขนาด 85 มล. ราคาซองละ 20 บาท หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านดอยคำ ทุกสาขา และทาง Doi Kham Shop ออนไลน์

พิเศษสุด ดอยคำชวนรักษ์โลกกับ กิจกรรม ‘แกะ ล้าง เก็บ’ เพียงนำกล่องน้ำผลไม้ UHT ตราดอยคำ หรือซองดอยคำ ICE POP ที่ผ่านการทำความสะอาดด้วยการ ‘แกะ’ ตัดมุมบรรจุภัณฑ์ทั้งสี่ด้าน ‘ล้าง’ ทำความสะอาด เพื่อง่ายต่อการ ‘เก็บ’ รักษา และนำไปแปรรูป นำมาใช้แลกเป็นส่วนลด 1 กล่อง/ซอง มีมูลค่า 1 บาท สำหรับซื้อสินค้าดอยคำ ที่ร้านดอยคำ ทุกสาขา รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.doikham.co.th

ฤๅ 'ปชป.' 77 ปี จะเรียบร้อยโรงเรียน 'ต่อ' เอาใคร!! 'นราพัฒน์-มาดามเดียร์-เฉลิมชัย'

รอบนี้น่าจะ ‘เจ็บแต่จบ’...ซะที สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ภายในวันที่ 9 ธ.ค.ปีนี้ จะได้หัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่...

ต้องทวนความสักนิดว่าวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้ลาออกจาก 'รักษาการหัวหน้าพรรค' โดยให้เหตุผลลาออกว่า “เพื่อให้การประชุมใหญ่เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ดำเนินการไปโดยสิ้นข้อสงสัยในเรื่องข้อกฎหมายกรณีรักษาการหัวหน้าพรรค...”

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ 'เล็ก เลียบด่วน' ต้องขอแส่รู้สักนิดว่า ทาง กกต. นั้นเขาระบุว่า เมื่อนายจุรินทร์ลาออกจากหัวหน้าพรรคเมื่อ 14 พ.ค. ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปเลย กรรมการที่เหลือก็รักษาการกันไปโดยมีรองหัวหน้าพรรคลำดับแรกคือ นราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการหัวหน้าพรรค...

นั่นคือมองต่างมุมของ กกต. กับ ประชาธิปัตย์...

อ้าว ก็ว่ากันไป...ตอนนี้ท่าน 'อู๊ดด้า จุรินทร์' ก็ตัดปัญหาลาออกไปแล้ว ที่ประชุมพร้อมใจกันเลือก 'เสี่ยต่อ' เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค มารักษาการหัวหน้าพรรค...พร้อมมีมติแก้ข้อบังคับให้เพิ่มองค์ประชุมอีก 150 คน จาก 5 ภาค ๆ ละ 50 คน เป็นองค์ประชุมสำรองป้องกันองค์ประชุมล่มหรือไม่ครบเหมือนสองครั้งที่ผ่านมา...

นับเป็นวิวัฒนาการที่น่าอนาถใจยิ่งของพรรคการเมืองเก่าแก่อายุ 77 ปี...

สาเหตุที่การประชุมสองครั้งล่มไม่เป็นท่า ก็ไม่มีอะไรอื่น...นอกจากสองฝ่ายที่ห้ำหั่นเชือดเฉือนไม่ยอมซึ่งกันและกัน...

- ฝ่ายหนึ่งนำโดยเฉลิมชัย ศรีอ่อน เสนอสูตร นราพัฒน์ แก้วทอง เป็นหัวหน้าพรรค เดชอิศม์ ขาวทอง เป็นเลขาธิการพรรค

-อีกฝ่ายนำโดยผู้อาวุโสชวน หลีกภัย / บัญญัติ บรรทัดฐาน เสนอ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คัมแบ็กกู้พรรค...

เมื่อตกลงกันไม่ได้ เกมก็ถูกลากยาวมาเรื่อย ๆ กระทั่ง สส. ฝ่ายเฉลิมชัยเข้าชื่อยื่นโนติ๊สให้ 'จุรินทร์' เรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายใน 60 วัน..

ปัญหาว่า...เวลาเปลี่ยน โผเปลี่ยนมั้ย...

ฝ่ายผู้อาวุโส คงไม่เปลี่ยน ถ้ายังคิดสู้ก็ส่งอภิสิทธิ์ลงสู้ ยกเว้นอภิสิทธิ์เกิดอาการเซ็งโลก...ไม่เล่นด้วย

ส่วนฝ่ายเสี่ยต่อ เฉลิมชัย ตอนนี้สายข่าวแบบลึกแต่ไม่ลับ กระซิบกระซาบมาว่าตำแหน่งหัวหน้ามีถึง 3 ทางเลือก คือ 

1) นราพัฒน์ แก้วทอง ตามโผเดิม 
2) มาดามเดียร์ วทัญญา บุนนาค ที่เจ้าตัวพร้อมมาก 
และ 3) เฉลิมชัย ศรีอ่อน ยอมผิดคำพูดขอกู้พรรค 2 ปี

ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค ของสูตรเสี่ยต่อ...ตอนนี้ไม่มีเพียง เดชอิศม์ ขาวทอง หรือ 'นายกฯ ชาย' ชื่อเดียวแล้ว หากแต่มี 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ดาวรุ่งจากเมืองคอน โผล่มาลุ้นด้วยคน...

ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ตอนนี้ มีการพูดถึงสูตร 'มาดามเดียร์-เสี่ยแทน' กันหนาหู

แต่สำหรับ 'เล็ก เลียบด่วน' สังหรณ์ใจว่า...นาทีสุดท้าย 'เสี่ยต่อ' จะล่อซะเอง...ขออภัยหากไม่สุภาพ 

สวัสดี!!

16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 ย้อนรอย 43 ปี บึ้มสนั่นกลางกรุง ‘คลังแสงบางซื่อ’ ระเบิด แรงระเบิดรัศมีไกล 3 กิโลเมตร คร่าชีวิตกว่า 38 ศพ

วันนี้เมื่อ 43 ปีก่อน หรือ วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 เกิดเหตุสะเทือนขวัญคนไทยทั้งประเทศ นั่นก็คือเหตุ ‘คลังแสงบางซื่อ’ ระเบิด อันเป็นสาเหตุที่ทำให้มีคนเสียชีวิตกว่า 38 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 350 คน

ในส่วนของสาเหตุที่ทำให้การระเบิดครั้งนี้มีความรุนแรงอย่างมากก็เพราะ นี่คือการระเบิดของจรวดกว่า 4,800 ลูก สร้างแรงสั่นสะเทือนมหาศาลกินพื้นที่ไปกว่า 3-5 กิโลเมตร

โดยหลังเกิดเหตุมีการพบเศษชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์กระจัดกระจายทั่วบริเวณ แต่เนื่องจากรายงานว่ามีการระเบิดจากจรวดหลายพันลูก ที่ล้วนเป็น ‘จรวดทำลายรถถัง’ และ ‘ระเบิดทำลายติดปีกเครื่องบิน’

จึงทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยถึง ความรุนแรงของการระเบิดที่ควรมีรัศมีที่กว้างกว่านี้ รวมไปถึงจำนวนผู้เสียชีวิต ที่อาจถึงหลักหลายร้อยเสียด้วยซ้ำ

ซึ่งได้มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ ออกมาเปิดเผยถึงเหตุระเบิดที่ยิ่งตอกย้ำให้ข้อสังเกตนี้ อาจเป็น ‘ความจริง’ โดยได้เล่าว่าตนอยู่ในเหตุการณ์เพราะอาศัยในบ้านพักราชการที่นั่น ซึ่งเหตุร้ายในครั้งนี้เกิดขึ้น ในเช้าวันอาทิตย์ เวลาประมาณ 10 โมงเช้า 

เหตุการณ์เริ่มผิดสังเกตเมื่ออยู่ ๆ ทุกอย่างดับมืดลง หน้าต่างบ้านแตกละเอียดกระจายเข้าบ้านราวกับโลกจะแตก และหูของเขาก็อื้อไปหมด เคราะห์ดีที่เขาไม่เป็นไร จนกระทั่งเห็นทหารมากันเต็มไปหมดที่บ้านเพื่อช่วยเขาออกจากซากปรักหักพังของบ้าน

จนกระทั่งได้รับทราบว่ามีคนตาย เมื่อสุนัขที่บ้านคาบชิ้นส่วนของมือคนวิ่งเข้ามาหา โดยว่ากันว่ามีข่าวรายงานถึงเหตุการณ์นี้ว่าเป็นชิ้นส่วนมือของวิศวกร ยศร้อยโทท่านหนึ่งที่เสียชีวิตในการระเบิด แต่ด้วยความซนของตน จึงออกมาสำรวจที่เกิดเหตุ ก็พบชิ้นส่วนมนุษย์เต็มไปหมด ทั้งด้านล่างและตามต้นไม้

และเมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย เขากลับได้รับข่าวร้ายว่าเพื่อนหลายคนเสียชีวิตจากเหตุร้ายนี้จำนวนมาก เพราะบ้านพักที่ตั้งในโซนที่รัศมีของระเบิดครอบคลุมถึง ซึ่งจากประสบการณ์ที่เขาได้เจอ ก็สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานที่ว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 38 ราย จากเหตุการณ์คลังแสงบางซื่อระเบิดในครั้งนี้ 

‘พิมพ์ภัทรา’ ชี้ภาพรวมอุตสาหกรรมไทย ต้องเร่งปรับตัวรับระเบียบโลกใหม่ ตามเทรนด์ความยั่งยืนและดิจิทัล ยัน!! รัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รับมือการเปลี่ยนแปลง

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาประจำปี OIE Forum 2566 ‘MIND: set for Sustainability ปรับมุมคิด พลิกอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืน’ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2566 จัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ว่า แนวโน้มการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในครึ่งปีหลังที่มีนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เซลส์แมนประเทศเดินทางเจรจาเชิงรุกเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ในไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่วมประชุมเอเปคที่สหรัฐ และติดตามความคืบหน้าการลงทุนที่สนใจเข้ามาตั้งฐานผลิตในไทย โดยเฉพาะพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) รวมถึงการเชิญชวนลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ซึ่งจะเป็นเมกะโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานใหม่ของประเทศ

โดยไทยมีความเข้มแข็งในเรื่องซัพพลายเชนในประเทศที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีมาตรการสิทธิประโยชน์ที่ส่งเสริมนักลงทุนใหม่ทั้งด้านภาษี และไม่ใช่ภาษี รวมถึงมาตรการที่สนับสนุนนักลงทุนในประเทศโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

สำหรับการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ปัจจุบันมีรายใหม่ที่เข้ามาในประเทศไทย ทั้งค่ายรถยนต์และซัพพลายเชน โดยไทยจะยังดำเนินมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการยานยนต์เดิม และซัพพลายเชนในประเทศควบคู่กันไป

ทั้งนี้ สศอ. ได้ประมาณการอัตราการขยายตัวของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) และอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) อุตสาหกรรมปี 2567 จะขยายตัวได้ 2-3% เป็นผลมาจากการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในเกือบทุกหมวดสินค้า สอดคล้องกับการปรับตัวดีขึ้นของการจ้างงาน รวมทั้งผลจากการฟื้นฟูของภาคการท่องเที่ยวที่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมที่อยู่ในห่วงโซ่คุณค่า เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ยารักษาโรค อุตสาหกรรมแฟชั่น เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งระหว่างประเทศภาระหนี้สินครัวเรือน และภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ย ที่เป็นข้อจำกัดต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และความสามารถในการชำระหนี้ของคนไทย โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีซึ่งจะมีการผลักดันเรื่องการพักหนี้ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีตามนโยบายรัฐบาล โดยหาแนวทางการช่วยเหลือที่เหมาะสม เช่น การพักเงินต้น การพักดอกเบี้ย โดยไม่สร้างปัญหาการจงใจผิดชำระหนี้ของลูกหนี้ (Moral Hazard)

ขณะที่ ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตร และส่งผลต่อเนื่องมายังวัตถุดิบที่จะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะพื้นที่อ่อนไหวสูงที่ต้องมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกันระหว่างภาคเกษตรกรรม และภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรอื่นๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างทันท่วงที

พร้อมส่งเสริมการศึกษา!! 'บริษัท ไทยแอโรว์' ส่งมอบกันสาดอาคารเรียนมูลค่า 300,000 ให้กับโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี ครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิ

ที่ภายในห้องประชุมเอนกประสงค์ โรงเรียนสุเหร่าบางกะสี ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดกิจกรรมส่งมอบกันสาดอาคารเรียน มูลค่า 300,000 บาท ภายใต้ชื่อโครงการ CSR ครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิและในเครือ 

โดยมี นายสุชาติ กุลเจริญ กรรมการบริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด พร้อมด้วย นายรังสรรค์ หมัดโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการ บริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด ตลอดจนพนักงานบริษัทร่วมเป็นตัวแทนในการส่งมอบกันสาดอาคารเรียน ให้กับโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี มีความยาวอยู่ที่ 67 เมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างมูลค่า 300,000 บาท ซึ่งกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ มีคณะผู้บริหาร คณะครูโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี นำโดย นางพันวลี ใจมั่น ผู้อำนวยการโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี นำคณะครูและนักเรียนร่วมให้การต้อนรับ

โดยทางด้าน นายสุชาติ กุลเจริญ กรรมการบริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้ให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ทั้งสนับสนุนด้านการศึกษา ด้านสังคม ในเขตพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ ถือเป็นการฉลองครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิ ได้ดำเนินการก่อสร้างกันสาดอาคารเรียนให้กับทางโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี โดยมีมูลค่าในการก่อสร้าง จำนวน 300,000 บาท มีความยาวประมาณ 67 เมตร ติดตั้งอยู่ที่บริเวณอาคารเรียนทางด้านหลังเพื่อใช้ในการบังแดดหลบฝนให้กับน้องๆ หนูๆ นักเรียนสุเหร่าบางกะสี

ซึ่งในวันนี้ทางคณะผู้บริหารได้ส่งมอบกันสาดอาคาร ให้กับโรงเรียนสุเหร่าบางกะสีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง ยังเป็นการฉลองเนื่องในโอกาส ครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิอีกด้วย

'สิงคโปร์' เตรียมแจกเงินช่วยเหลือค่าครองชีพแบบถ้วนหน้า สูงสุด 2 หมื่นบาท บรรเทาทุกข์ประชาชนได้อย่างถูกต้อง - เท่าเทียม เท่าที่จะเป็นไปได้

รัฐบาลสิงคโปร์อัดฉีดงบประมาณเพิ่มอีก 1.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เตรียมแจกเงินให้ชาวสิงคโปร์ที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป ตั้งแต่ 200-800 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 5,200 - 21,000 บาท) ภายในเดือนธันวาคมปีนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาปัญหาเงินเฟ้อ และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในสิงคโปร์

การแจกเงินช่วยเหลือค่าครองชีพพิเศษนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกองทุน Assurance Package (AP) ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2020 ว่าจะแจกเงินให้แก่ชาวสิงคโปร์ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้น เป็นจำนวนเงิน ตั้งแต่ 700 - 2,200 เหรียญ โดยประเมินจากรายได้ต่อปี และการถือครองอสังหาริมทรัพย์เป็นรายบุคคล 

ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ...
- กลุ่มผู้มีรายได้ต่อปีไม่เกิน $34,000 
- กลุ่มผู้มีรายได้ต่อปีเกิน $34,000 แต่ไม่ถึง $100,000 
- กลุ่มผู้มีรายได้ต่อปีเกิน $100,000 
- กลุ่มที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1 แปลงขึ้นไป 

กลุ่มที่มีรายได้น้อย ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือมากกว่ากลุ่มรายได้สูง หรือถือครองทรัพย์สินจำนวนมาก ซึ่งเป้าหมายของการแจกเงิน ก็เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวสิงคโปร์ในภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้น รัฐบาลสิงคโปร์จึงอนุมัติกองทุนช่วยเหลือนี้ให้ชาวสิงคโปร์นำไปใช้ซื้อสินค้า อุปโภค บริโภค และบริการที่จำเป็น โดยจะแบ่งจ่ายเป็นรายปี เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2022 - 2026 

แต่ปีนี้จะมีเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่มให้อีก ที่เรียกว่า AP Cash Special Payment ให้สำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ถึงปานกลาง สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีก 200 เหรียญ 

นาย ลอเรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลังสิงคโปร์ ได้ประกาศไว้ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลตัดสินใจเพิ่มงบประมาณในกองทุน Assurance Package อีก 1.1 พันล้านเหรียญ สำหรับจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่มในปีนี้โดยเฉพาะ ที่จะทำให้มีเงินในกองทุนนี้สูงถึงกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญ 

ดังนั้น ภายในสิ้นปีนี้ ชาวสิงคโปร์ที่อายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป กว่า 2.9 ล้านคน จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ทั้งจากโครงการ AP เดิม รวมกับ AP Cash Special ตั้งแต่ 200 - 800 เหรียญเลยทีเดียว

ซึ่งผู้มีสิทธิ์จะได้รับเงินผ่านระบบ PayNow ซึ่งคล้ายกับระบบ 'พร้อมเพย์' ของไทย หรือแจ้งรายละเอียดบัญชีธนาคารในเว็บไซต์ของ Assurance Package หรือ ใช้ระบบ GovCash เบิกถอนจากตู้ ATM ของธนาคาร OCBC ได้ทุกแห่งทั่วสิงคโปร์โดยไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีธนาคาร 

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ตั้งแต่มกราคม 2024 ชาวสิงคโปร์ทุกครัวเรือนก็จะได้รับบัตรกำนัลดิจิทัล มูลค่า 500 เหรียญ ภายใต้โครงการ CDC Vouchers สำหรับจับจ่ายซื้อของใช้ในร้านค้าท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล และ เงินช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ จากโครงการ U-Save อีกราว ๆ 130-210 เหรียญต่อครัวเรือน 

ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการ AP Senior Bonus สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปอีก 200-300 เหรียญ และยังมี CPF MediSave กองทุนลดหย่อนค่ารักษาพยาบาล ให้อีก 150 เหรียญ 

เรียกได้ว่า ลด แลก แจก แถม ถ้วนหน้า แล้วจริง ๆ สำหรับรัฐบาลสิงคโปร์ ถึงจะเป็นประเทศที่มั่งคั่งที่สุดติดอันดับโลก แต่ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้นเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในย่านอาเซียน ซึ่งกลุ่มเปราะบาง รายได้น้อย หรือวัยเกษียณ มักได้รับผลกระทบมากที่สุด จึงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องบริหารงบประมาณแผ่นดินให้ถี่ถ้วน เพื่อนำมาบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนได้อย่างถูกต้อง ถ้วนหน้า และ เท่าเทียม ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เปิด ‘Black Box Theater’ พื้นที่โชว์ทักษะทางดนตรีไร้ขีดจำกัด-ได้มาตรฐานสากล

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เปิดพื้นที่ส่งเสริมพลังสร้างสรรค์ทางดนตรี Black Box Theater เพียบพร้อมทั้งระบบ แสง สี เสียง ได้มาตรฐานสากล ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ดนตรีอุษาคเนย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เปิดโลกแห่งการเรียนรู้จากห้องเรียนสู่การปฏิบัติระดับมืออาชีพ ต่อยอด Soft Power ให้กับประเทศ

ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมพิธีเปิด Black Box Theater อย่างเป็นทางการ โดยห้องแสดงดนตรีที่ไร้ขอบเขตจินตนาการแห่งนี้ มุ่งพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ โดยเฉพาะในสาขาวิชาเทคโนโลยีดนตรี (Music Technology) ที่ต้องเรียนรู้การใช้เครื่องมือระบบเสียง การจัดไฟ ออกแบบการแสดงดนตรีสด และสาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม (Popular Music) ที่ต้องการเวที ฝึกซ้อมและจัดแสดงในฐานะนักดนตรีเดี่ยวและวง

“Black Box Theater ยังช่วยส่งเสริมศักยภาพให้มีจินตนาการสร้างสรรค์แบบไร้ขีดจำกัด เพราะมีเครื่องมือ และอุปกรณ์เทียบเวทีการแสดงระดับสากล ให้ทดลองใช้ในการแสดง ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐาน ต่อยอดให้กับ Soft Power ให้กับประเทศ ซึ่งจะมีนักดนตรีที่มีศักยภาพ มีนักดนตรีเก่ง ๆ สู่เส้นทางอาชีพมากขึ้น เพราะมีเครื่องมือสนับสนุนที่เพียบพร้อม” ดร.ณรงค์ กล่าว

ดร.ณรงค์ กล่าวเติมถึงความโดดเด่นของ Black Box Theater ซึ่งมีขนาด 25 x 20 เมตร สามารถปรับรูปแบบการแสดงได้ตามความคิดสร้างสรรค์ เป็นระบบที่วงการคอนเสิร์ตใช้กันอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบอะคูสติก ที่มีค่าความก้องเหมาะกับดนตรีประเภทป็อป ด้วยเครื่องเสียงระดับโลก ทำให้ได้ยินเสียงที่เป็นมาตรฐานสากลจริง ๆ เป็นประสบการณ์ชั้นดี ที่สามารถนำไปต่อยอดการทำงานในอนาคต ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนระบบภาพมีความทันสมัยด้วยการใช้ Projector Mapping ด้วยโพรเจกเตอร์ 3 เครื่อง ฉายบนจอขนาดใหญ่ สามารถปรับเป็นจอโค้งได้ ระบบไฟ สำหรับงานคอนเสิร์ต หมุนเคลื่อนไหวและย้อมเปลี่ยนสีได้ตามต้องการ พร้อมด้วยระบบรอก ย้ายตำแหน่ง ฉาก ลำโพง ส่วนที่นั่ง และเวที ที่มีความยืดหยุ่นเลื่อนพับเก็บหรือขยายได้ ที่นี่จึงเหมาะทั้งเป็นคอนเสิร์ตฮอลล์ โรงภาพยนตร์ มิวสิกวิดีโอ เวิร์กช็อปงานดนตรี

“เรียกได้ว่าที่นี่ เป็นทั้งห้องทดสอบ และส่งเสริมพัฒนาการ การแสดงที่สมบูรณ์แบบ ก่อนที่จะนำไปขยายผลในการแสดงบนเวทีจริง ทั้งยังเป็นพื้นที่จำลอง ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาในสายงานที่เชื่อมโยงกัน ได้มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน ลงมือปฏิบัติงานกับอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานในการจัดแสดงคอนเสิร์ตจริง เทียบเท่าเวทีระดับสากล และยังเปิดให้คนภายนอกเข้ามาใช้งาน ในช่วงปิดภาคการศึกษา ค่ายเพลงสามารถติดต่อเข้ามาใช้ เพื่อให้ศิลปินมาซ้อมก่อนขึ้นแสดงจริงได้”

นอกจากนี้ Black Box Theater ยังได้ติดตั้งลำโพงตามองศาการกระจายเสียงเพื่อให้ทุกพื้นที่ได้ยินเสียงเท่ากัน สามารถจุผู้ชมเต็มพื้นที่ได้ราว 300 คน นอกจากนี้ยังมี White Box Theater ห้องแสดงเล็กขนาด 15 x 10 เมตร จุผู้ชมได้ราว 50 คน ภายในติดตั้งระบบเสียง ภาพ และไฟ ที่ได้มาตรฐานสากลเช่นเดียวกัน มีห้องพักนักแสดง พื้นที่ backstage สำหรับเตรียมฉาก และอุปกรณ์

คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานในพิธี ได้กล่าวเสริมว่า “Black Box Theater คือนวัตกรรม ที่นำมาส่งเสริมการฝึกซ้อมที่น่าภาคภูมิใจ ให้กับเยาวชน คนรุ่นใหม่ ในสายดนตรีให้มีโอกาสได้พัฒนาทักษะ ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย เทียบเท่าสากล นี่คือวิสัยทัศน์ของคณะผู้บริหาร ที่ได้ร่วมกันสร้างขึ้น เพื่อส่งเสริมการผลิตผลงานให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้โดยการจัดแสดงจริง เป็นการเพิ่มพูนทักษะในทางปฏิบัติ นอกเหนือจากการเรียนทางทฤษฎี นักศึกษาสามารถฝึกฝนได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มศึกษาไปสู่การทำงาน เชื่อว่าที่นี่ จะเป็นห้องส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ให้กับนักศึกษาสายดนตรีก้าวสู่เส้นทางอาชีพ ที่มีศักยภาพ”

ซึ่งในโอกาสนี้ คุณหญิงปัทมา ยังได้มอบทุน“กองทุนเปรมดนตรี” เพื่อสนับสนุนการศึกษาทางด้านดุริยางคศาสตร์ ประจำปี 2566 ให้กับนักเรียน นักศึกษา รวม 13 ทุน

ศาลฯ พิพากษา คดี #ม็อบ10กุมภา ปี 64 สั่งจำคุก ‘รุ้ง-ไมค์-ครูใหญ่’ คนละ 9 เดือน

(15 พ.ย. 66) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า…

วันนี้ (15 พ.ย.) ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษา คดี #ม็อบ10กพ64 ตีหม้อไล่เผด็จการ ที่สกายวอล์กปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 โดยมี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ เป็นจำเลย

โดยระบุว่า ทั้งสามมีความผิดตาม ป.อาญา ม.215, กีดขวางทางสาธารณะ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 700 บาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกคนละ 9 เดือน ปรับคนละ 525 บาท ไม่รอลงอาญา

ยกฟ้องข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ทำร้ายเจ้าพนักงาน, ทำให้เสียทรัพย์ และ พ.ร.บ.ความสะอาด

ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นประกันระหว่างอุทธรณ์

'น้ำใจคนกระบี่' แห่ร่วมบริจาคโลหิต หลังทราบข่าว ธนาคารเลือดโรงพยาบาลกระบี่ขาดแคลน

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 สืบเนื่องจาก มีการประชาสัมพันธ์ทางเพจข่าวดังในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ทางธนาคารเลือดโรงพยาบาลกระบี่ แจ้งความประสงค์ขอรับบริจาคเลือดซึ่งมีจำนวนน้อยต่อการช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ ซึ่งการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากบุคคลในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ ทางโรงเรียนดร. 1 intercare จังหวัดกระบี่ นำโดย ดร.พิชญุ์นี ขาวล้วน  ผู้บริหารโรงเรียนดร. 1 อินเตอร์แคร์กระบี่จัดทำโครงการจิตอาสา บริจาคโลหิตช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยนักเรียนโรงเรียนดร. 1 อินเตอร์แคร์กระบี่รุ่น 27 ร่วมกันบริจาคโลหิตที่โรงพยาบาลกระบี่ รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีความประสงค์บริจาคโลหิต โดยมี นายแพทย์สุรัตน์ ตันติทวีวรกุล ผอ.โรงพยาบาลกระบี่ มาให้กำลังใจต่อผู้ที่มีความประสงค์ร่วมบริจาคโลหิต 

และสำหรับผู้มีความประสงค์มีจิตอาสาต้องการบริจาคเลือดสามารถติดต่อได้ที่ธนาคารเลือดโรงพยาบาลกระบี่ เวลา 8:30 น. -13:00 น วันจันทร์ - วันศุกร์ บริจาคโลหิตด้วยหัวใจส่งต่อการให้ที่งดงามให้เลือดเท่ากับให้ชีวิต 

โดยครั้งนี้ มีนักเรียนโรงเรียนดร. 1 intercare ร่วมกิจกรรม โครงการจิตอาสา #IKSบริจาคโลหิตช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ นักเรียนโรงเรียนด็อกเตอร์หนึ่งอินเตอร์แคร์กระบี่ รุ่น27 บริจาคโลหิตที่โรงพยาบาลกระบี่  และนอกนี้ยังมีประชาชนที่ได้ทราบข่าวจากการประชาสัมพันธ์ทางเพจข่าวในท้องถิ่นได้เดินทางมาร่วมกันบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top