Wednesday, 14 May 2025
TheStatesTimes

‘VRANDA’ เตรียมโอนโครงการ ‘วีรันดา พูลวิลล่า หัวหิน ชะอำ’ มั่นใจ!! ‘ธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ท’ ไตรมาส 4/66 คึกคักรับไฮซีซั่น

(15 พ.ย. 66) บมจ.วีรันดา รีสอร์ท หรือ VRANDA ประกาศผลประกอบการมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 60 ลบ. แม้ว่าจะมีผลขาดทุนสุทธิ 20 ลบ. ในไตรมาส 3/66 หลังได้รับผลกระทบจากธุรกิจโรงแรมช่วงโลว์ซีซั่นซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังประเทศไทยน้อยกว่าคาดการณ์ ประกอบกับอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งตลาดได้ทยอยรับรู้ปัจจัยลบดังกล่าวไปบ้างแล้ว ชี้ตลาดธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท ในไตรมาส 4 ปี 2566 มีแนวโน้มคึกคัก รับนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เตรียมโอนโครงการใหม่ ‘วีรันดา พูลวิลล่า หัวหิน-ชะอำ’ เริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีหนุนรายได้ ต่อเนื่องไปถึงปี 2567

นายภวัฒก์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA ผู้นำธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไลฟ์สไตล์การพักผ่อนแบบ Exclusive เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของไทยในไตรมาส 3 ปี 2566 ได้รับผลกระทบจากการธุรกิจท่องเที่ยวไทยยังมีปัจจัยลบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังเดินทางมายังประเทศไทยน้อยกว่าคาดประกอบกับ VRANDA อยู่ในช่วงปรับโครงสร้างธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มซึ่งจะแล้วเสร็จในสิ้นปี 2566 นี้ 

อย่างไรก็ตามจากโดยสถิตินักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยของ ททท. ในช่วง 9 เดือนแรก 19 ล้านคน โดยตั้งเป้าไว้ที่ 28 ล้านคน ซึ่งมั่นใจได้ว่าในไตรมาส 4/66 ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวที่จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก อาทิ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เช่าเครื่องบินเหมาลำเดินทางมาประเทศไทย ฯลฯ เสริมให้ภาพรวมธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทกลับมาคึกคักอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ VRANDA ยังคงมีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยในไตรมาส 4/2566 จะเริ่มรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการวีรันดา พูลวิลล่า หัวหิน ชะอำ ด้านการเปิดขาย ‘โครงการวีรันดา วิลล่า แอนด์ สวีท ภูเก็ต’ ประกอบด้วย วิลล่า 6 หลัง และคอนโดมิเนียม 12 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมประมาณ 850 ล้านบาท ที่มียอดจองแล้วกว่า 70% รวมทั้งยังได้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยของภาครัฐ อาทิ มาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจากจีน คาซัคสถาน อินเดีย และใต้หวัน ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีนโยบายผลักดันรายได้การท่องเที่ยวไทยจากตลาดยุโรปให้มากกว่า ‘5 แสนล้านบาท’ ภายในปี 2567 ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท รวมถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ VRANDA 

สำหรับผลการดำเนินงานของ VRANDA ในช่วง 9 เดือนปี 2566 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้รวม 1,026 ล้านบาท มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 219 ล้านบาท โดยมีขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาท มีสาเหตุหลักจาก VRANDA อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มซึ่งจะสิ้นสุดภายในปีนี้ ขณะที่ไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวม 329 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 20 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซันและอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 60 ล้านบาท

‘BLC’ โชว์ผลงาน 9 เดือนแรก กำไรเน้นๆ 100.7 ลบ. เตรียมขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่

(15 พ.ย. 66) ‘บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค’ หรือ ‘BLC’ ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 3/66 ทำรายได้ 347 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 37 ล้านบาท หนุนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนมีรายได้รวม 1,011 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 100.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% และ 14.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ พร้อมวางเป้าหมายรายได้เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี รับปัจจัยหนุนจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมสร้าง Brand Awareness และเตรียมรับรู้รายได้จากการผลิตและจำหน่ายยาสามัญใหม่ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ 

ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 347 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการสร้าง Brand awareness และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังมีการเติบโตขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 37 ล้านบาท ลดลง 9.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายในส่วนของผลประโยชน์พนักงานที่เพิ่มขึ้นและค่าที่ปรึกษาต่าง ๆ อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2566 ยังเติบโตแข็งแกร่ง โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% และมีกำไรสุทธิ 100.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ BLC ได้วางยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตเพื่อรับเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพผ่านการสร้าง Brand Awareness ให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นการสื่อสารทางการตลาดผ่านทุกช่องทางเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาสุขภาพของบริษัทฯ รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้ง Modern trade และ e-Commerce นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ ได้ผลิตและจัดจำหน่ายยาสามัญใหม่ (New Generic Drugs) 1 รายการ โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาและจำหน่ายทันทีหลังจากสิทธิบัตรของยาต้นแบบ (Original Drugs หรือ Patented Drugs) หมดอายุ โดยเป็นยาที่มีคุณสมบัติการรักษาเหมือนกับยาต้นแบบแต่ราคาที่ถูกลงกว่ายาต้นแบบและมีอัตราการทำกำไรที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ทั้งนี้ หลังจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนสำหรับการนำเข้าเครื่องจักร และก่อสร้างอาคารโรงงานครบหมดแล้ว ปัจจุบันโครงการก่อสร้างอาคารโรงงานผลิตแห่งใหม่อยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติแบบก่อสร้างโรงงาน ซึ่งอาคารผลิตยาแผนปัจจุบันหลังใหม่จะใช้เทคโนโลยีทางด้านการผลิตที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทในระยะยาว รวมทั้งการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) ขนาด 500 กิโลวัตต์ เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้าประมาณ 2.6 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างโรงงานได้ภายในไตรมาส 2/2567 นอกจากนี้บริษัทฯ ได้วิจัยและพัฒนายาสามัญ และยาสามัญใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นกลุ่มยาที่มีอัตราการเติบโตสูง สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC กล่าวว่า อุตสาหกรรมยามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ประชาชนกลับมารักษาในโรงพยาบาลตามปกติของผู้ป่วย โดยคาดว่าปริมาณการผลิตและจำหน่ายยาในประเทศช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นตามความต้องการใช้ยาเพื่อรักษาโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และการปิดปีงบประมาณของโรงพยาบาลรัฐบาลจะทำให้ดีมานด์ของยาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ทำให้ประชาชนหันมาใส่ใจการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคติดต่อไม่เรื้อรังและโรคอุบัติใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ส่งผลให้ดีมานด์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมีเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

“เราวางเป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากยาแผนปัจจุบันประเภทยาสามัญใหม่ (New Generic Drugs) เป็นหลัก เรามีศูนย์วิจัย BLC Research Center ที่จะวิจัยและพัฒนายาสามัญใหม่พร้อมจำหน่ายทันทีหลังจากสิทธิบัตรของยาหมดอายุ ซึ่งทำให้มีอัตราการทำกำไรที่สูง และวางแผนผลิตยาสามัญและยาสามัญใหม่อย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 2 รายการ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของรายได้และอัตราการทำกำไรของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ รวมทั้งสร้างความมั่นคงทางด้านยาและสุขภาพให้แก่ประเทศไทย เพื่อรองรับศักยภาพการเติบโตตามเมกะเทรนด์ของโลก” ภก.สุวิทย์ กล่าว

‘รัฐบาล’ ส่งเสริมการมีลูก ลุยอัปเกรด ‘ระบบการแพทย์-กม.’ จูงใจคนให้มีลูก เชิดชูเกียรติ-เสียสละเพื่อประเทศชาติ

(15 พ.ย. 66) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้บริหาร ตรวจเยี่ยมการดำเนินภารกิจของกรมอนามัย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ ในการดำเนินงานส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดี พร้อมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารและบุคลากรเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำการดำเนินการ ‘ยกระดับ 30 บาทอัปเกรด’ ให้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด พร้อมรับมือกับความท้าทายจากสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน ภายใต้นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ทั้ง 13 ประเด็น โดยเฉพาะนโยบายการส่งเสริมการมีบุตร ต้องเร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินการให้เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม และผลักดันให้บรรจุเป็นวาระแห่งชาติ ร่วมบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการกำหนดมาตรการส่งเสริมการมีบุตร ทั้งเรื่องคลินิกส่งเสริมการมีบุตร หน่วยคัดกรองโรคหายาก และการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ให้มีโอกาสมีลูกได้ รวมถึงบูรณาการขับเคลื่อนภายใต้ประเด็นเศรษฐกิจสุขภาพ การส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม ให้เกิดการพัฒนาเมืองต้นแบบชุมชนสุขภาพดี (Healthy City Models) และขับเคลื่อนนโยบายประเด็นอื่น ๆ ด้วย

“นายสันติ มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาอัตราการเกิดน้อยของประชากรน้อยลง ซึ่งกรมอนามัยเป็นผู้ที่สนับสนุน วางแผนในด้านต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมการมีบุตรและอยากให้บรรจุเป็นวาระแห่งชาติ และมีสิ่งจูงใจให้สุภาพสตรีมีบุตร เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าการมีบุตรนั้นมีเกียรติ เสียสละ เพราะต้องยอมรับว่า สุภาพสตรีที่มีบุตรนั้นร่างกายจะทรุดโทรมค่อนข้างมาก กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่ดูแลเรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่นำร่องการให้เกียรติ ยกย่อง เพื่อให้เขารู้ว่าการมีบุตรเป็นสิ่งที่ช่วยประเทศชาติ” น.ส.เกณิกา กล่าว

‘นายกฯ’ ปลื้ม!! ‘AWS-Google-Microsoft’ ลงทุนในไทย หวังยกระดับภาคอุตฯ ไทย ให้ได้รับการยอมรับในเวทีโลก

(15 พ.ย. 66) เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน (ตามเวลาท้องถิ่น นครซานฟรานซิสโก สหรัฐ ซึ่งช้ากว่าประเทศกรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลหารือกับ ผู้บริหาร Walmart ห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย Walmart มีความต้องการที่จะเปิดตลาดในไทยมากขึ้น จึงได้มีการพูดคุยถึงซอฟพาวเวอร์ของไทย ที่เป็นอาหารพื้นเมือง ให้เข้าไปขายใน Walmart รวมทั้งอาหารฮาลาล ที่มีขายอยู่ในหลายรัฐในสหรัฐฯ

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการพบปะกับ เวสเทิร์น ดิจิทัล บริษัทผลิตฮาร์ดแวร์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความต้องการลงทุนเพิ่มในไทย และต้องการจะย้ายฐานการผลิตจากประเทศฟิลิปปินส์ มาที่ประเทศไทย 

นอกจากนั้นได้พูดคุยกับผู้บริหารบริษัท AWS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือแอมาซอน จัดทำคลาวเซอร์วิส ได้เซ็นสัญญาที่จะเข้ามาลงทุนแล้ว และจะเปิดดำเนินการเร็ว ๆ นี้เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เป็นบริษัทแรกที่ลงทุนแล้ว และจะลงทุนเพิ่มอีกด้วย

ขณะที่การหารือกับ Google เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้มีการลงนามเอ็มโออยู่กันเรียบร้อยแล้วที่จะมาทำดาต้าเซ็นเตอร์ เช่นกัน

นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ 3 ราย ของโลก 3 ราย ที่มาทำดาต้าเซ็นเตอร์ได้แก่ AWS Google และไมโครซอฟท์ ที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาลไทย จะยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ให้ได้รับการยอมรับในอนาคตอันใกล้นี้

ทั้งนี้การเดินทางมาสหรัฐฯ ครั้งนี้ ถือว่ามีความพอใจ หลายอย่างจากที่ได้พบปะภาคเอกชนรายใหญ่ สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ เช่น คุณภาพโรงเรียน โรงพยาบาลระดับโลก นักลงทุนต่างพูดว่าเป็นความสบายใจที่จะได้มาใช้ชีวิตที่ไทย ถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ไทยสามารถยืนหยัดและแข่งขันได้ในเวทีโลก เป็นความภาคภูมิใจที่เป็นคนไทยและจะทำงานต่อไป

นายกฯ กล่าวว่า ตนได้สั่งให้ทีมงานสรุปแผนการชักชวนนักลงทุนต่างชาติในรอบ 3 เดือน ว่านักลงทุนรายใดลงทุนแล้ว ใครอยู่ลำดับไหน ใครเพิ่งจีบกัน หรือใครได้ชวนไปดูหนังแล้ว แต่ไม่อยากพูดถึงผลงาน หรือการตัดเกรดการทำงานของตนเอง ขอให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ส่วนหน้าที่ของตนคือตื่นเช้าไปทำงาน

'ลิซ่า' รับโล่เงินพันล้านสตรีมบน 'Spotify' สร้างตำนานศิลปินเคป๊อปหญิงคนแรกที่ทุบสถิตินี้

แม้จะเจอดรามาไม่พักแต่ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ก็ยังคงพาตนเองเดินหน้าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง 

โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 66 Spotify (สปอติฟาย) แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงชื่อดัง ได้โพสต์คลิปสั้น 22 วินาที ขณะมอบโล่สีเงินขนาดใหญ่ ปั้มโลโก้ Spotify ซึ่งเป็นโล่ที่มอบให้กับศิลปินที่มียอดสตรีมเพลงมากกว่า 1 พันล้านครั้ง ให้แก่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ หรือ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล 1 ใน สมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ป BLACKPINK โดยระบุข้อความว่า “ทำลายสถิติและสมควรได้รับมัน บุคคลต่อไปที่จะถูกแนะนำใน #BillionsClub ได้แก่ ลิซ่า ตอนที่ 4 มาแล้ว”

ซึ่งโล่จานเงินขนาดใหญ่นี้ เพื่อเป็นรางวัลให้กับ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ เจ้าของสถิติศิลปินเดี่ยว K-POP ผู้หญิงคนแรกที่ได้ 1,000 ล้านสตรีมบน Spotify ซึ่งจะมีศิลปินเดี่ยวเพียง 4 คนเท่านั้นที่ได้รับเชิญใน Spotify's Billions Club The Series คือ Bad Bunny, Post Malone , Billie Eilish และล่าสุด ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ในฐานะศิลปินเดี่ยวคนแรกของ K-Pop ที่มีเพลงถึง 1,000 ล้านสตรีม บน Spotify

'ลิซ่า BLACKPINK' ได้ทุบสถิติระดับโลก จากผลงานเพลงโซโล่อย่างเพลง 'MONEY' ซึ่งกลายเป็นผลงานจากศิลปินเดี่ยวเคป๊อป และศิลปินหญิงเคป๊อปเพลงแรก รวมถึงศิลปินคนแรกจากค่าย YG Entertainment ที่มียอดสตรีมบน Spotify ถึง 1,000 ล้านครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นเพลงเปิดตัวครั้งแรกของศิลปินเคปป๊อปที่สามารถทุบสถิตินี้ได้ 

‘ถาวร’ พร้อมหนุน ‘พระนาย’ นักเรียน รร.นานาชาติ บลูมส์เบอรี่ หาดใหญ่ หลังคว้าแชมป์กอล์ฟเยาวชน รายการ ‘TGA-SINGHA Junior Golf Ranking’

‘พระนาย’ นักเรียนทุน Bloomsbury international school Hatyai คว้าแชมป์ กอล์ฟเยาวชน ‘ถาวร’ ยินดีพร้อมหนุน พัฒนานักกีฬากอล์ฟเยาวชนทีมชาติไทย สู่ระดับมืออาชีพในอนาคต

ช่วงระหว่าง วันที่ 10-12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่สนามกรังปรีซ์ กอล์ฟคลับ จังหวัดกาญจนบุรี มีการจัดการแข่งขัน กอล์ฟเยาวชน ‘TGA-SINGHA Junior Golf Ranking’ ส่วนกลาง สนาม 5 คลาส S-A-B โดยมีตัวแทนเยาวชนจากทั่วประเทศเข้าร่วมแข่งขัน

โดยผลการแข่งขันในรุ่นคลาส AB ผู้คว้าแชมป์ ได้แก่ นายวิศว์ จิตตธร, รุ่นคลาส AG แชมป์ ได้แก่ นางสาวธัญจิรา อิสสระผล, รุ่นคลาส BB แชมป์ ได้แก่ นายพระนาย เหรียญไกร และเป็นนักกอล์ฟเยาวชนทีมชาติไทย, รุ่นคลาส BG แชมป์ ได้แก่ นางสาวมาริษา โตใจ, รุ่นคลาส SB แชมป์ ได้แก่ นายภูธเนษฐ์ กังวล, รุ่นคลาส SG แชมป์ ได้แก่ นางสาวพิมพ์ชมพู ฉายศิลป์รุ่งเรือง

สำหรับพระนาย เหรียญไกร เป็นนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ บลูมส์เบอรี่ หาดใหญ่ ที่มี ‘ถาวร เสนเนียม’ นั่งเป็นประธานที่ปรึกษาอยู่

‘ถาวร เสนเนียม’ ประธานที่ปรึกษา Bloomsbury International School Hatyai ได้ออกมาแสดงความยินดีกับน้องพระนาย เหรียญไกร ซึ่งเป็นนักกีฬากอล์ฟเยาวชนทีมชาติไทยที่มีสปอนเซอร์ให้การสนับสนุนต่อความฝันของอาชีพคือ

1. บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด
2. Bloomsbury International School Hatyai และ
3. ร้าน Crochet ซึ่งจะเป็นสปอนเซอร์หลักของน้องพระนายในการแข่งขันกีฬากอล์ฟ 

“ผมในฐานะประธานที่ปรึกษา Bloomsbury International School Hatyai เราพร้อมสนับสนุนน้องพระนาย ให้เดินตามความฝันทั้งด้านการเรียนและด้านกีฬาอย่างสุดกำลัง” ถาวร เสนเนียม กล่าว

โรงเรียนนานาชาติบลูมส์เบอรี่-หาดใหญ่ บริหารโดยคุณพิมพ์จันทร์ เสนเนียม ทายาทของถาวร เสนเนียม 

นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เคยโพสต์เฟซบุ๊ก ถาวร เสนเนียม ว่า…

“คณะผู้บริหาร Bloomsbury International School Hatyai โรงเรียนนานาชาติบลูมส์เบอรี่-หาดใหญ่ คณะนี้เข้าบริหารตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 ซึ่งผม นายถาวร เสนเนียม รับหน้าที่เป็นประธานที่ปรึกษา จนถึงขณะนี้ Bloomsbury International School Hatyai ได้รับรองการประเมินความเป็นมาตรฐานจาก 2 องค์กร คือ

1.มาตรฐานของสมศ. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565

2.มาตรฐานของ CIS (Council of International Schools) ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนมกราคม 2565 (January 2022)

ซึ่งถือว่ามีคุณภาพในด้านการเรียนการสอนและการบริหารเป็นที่น่าพอใจยิ่ง

วิธีการตรวจสอบว่าโรงเรียนใด สามารถดำเนินการจัดการศึกษาได้มาตรฐานหรือไม่ กฎหมายได้กำหนดให้มีการรับรองมาตรฐานเรียกว่าการประกันคุณภาพภายนอก เป็นการประเมินคุณภาพการจัดการศึกษาเพื่อให้มีการติดตาม และตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา โดยคำนึงถึงความมุ่งหมาย หลักการ และแนวการจัดการศึกษาในแต่ละระดับ ระบุไว้ในมาตรา 49 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2562 คือ สมศ. เพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา และเสนอผลการประเมินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน

เป้าหมายของการประเมินคุณภาพภายนอก เพื่อให้สถานศึกษามีการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ยึดหลักความเที่ยงตรง เป็นธรรม และโปร่งใส มีหลักฐานข้อมูลตามสภาพความเป็นจริง และมีความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ สร้างความสมดุลระหว่างเสรีภาพทางการศึกษากับจุดมุ่งหมายและหลักการศึกษาของชาติ โดยให้มีเอกภาพเชิงนโยบาย ซึ่งสถานศึกษาสามารถกำหนดเป้าหมายเฉพาะ และพัฒนา คุณภาพการศึกษาให้เต็มศักยภาพของสถานศึกษาและผู้เรียน ส่งเสริม สนับสนุน และร่วมมือกับสถานศึกษา ในการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพ ภายในของสถานศึกษา สร้างความเป็นอิสระ เสรีภาพทางวิชาการ เอกลักษณ์ ปรัชญา ปณิธาน วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้เป็นผู้เรียนรู้ ผู้ร่วมสร้างนวัตกรรม และพลเมืองของโลก ตามเป้าหมายการศึกษาชาติ

สำหรับการประกันคุณภาพโรงเรียนเอกชนประเภทโรงเรียนนานาชาตินั้น นอกจากจำเป็นต้องได้รับการประเมินและประกันคุณภาพจาก สมศ. แล้ว ยังจำเป็นต้องได้รับรองการประกันคุณภาพภายนอกจากองค์กรซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยกระทรวงศึกษาธิการหรือองค์กรที่เป็นสากล เช่น CIS , WAS เป็นต้น โรงเรียนนานาชาติบลูมส์เบอรี่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กร CIS ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เป็นการยืนยันว่าโรงเรียนแห่งนี้ สามารถจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนมีมาตรฐานทัดเทียมกับโรงเรียนนานาชาติอื่น ๆ ทั่วโลก สร้างความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง (Active citizen) มุ่งเน้นให้เป็นคนรุ่นใหม่ พร้อมที่จะเรียนรู้ (Learner) อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก (well being) และสร้างความยั่งยืน (sustainable)”

เลขาธิการศอ.บต. ชื่มชมพลังจิตอาสาทำสิ่งดีงามช่วยสังคม ชี้ คือจุดแข็งใน จชต.

วันพุธที่ 15​ พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์. เลขาธิการ ศอ.บต. ให้การต้อนรับ คณะสื่อในพื้นที่ และ ศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มจิตอาสาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้รับการสนับสนุนให้ทำดีเพื่อสังคมจากนายธีระชัย รัตนกมลพร ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นายฐกร รัตนกมลพร และ ครอบครัว พญ. สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ นพ.ชัยวัฒน์  เตชะไพฑูรย์ เนชั่นทีวี บรรณาธิการศูนย์ข่าวอิศรา ในโอกาสนี้ทางกลุ่มได้นำขนมหมอแกง และขนมดู เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของกลุ่มที่ทำขายแล้วนำเงินมาช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบาง ขาดโอกาส โดยเฉพาะกลุ่มเด็กกำพร้าในพื้นที่ ได้นำขนมมามอบให้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์. เลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ นอกจากนี้ยังมี นายนฤพล สุคนธชาติ ประธานสมาพันธ์ SME จังหวัดยะลา ยังร่วมมอบดอกไม้อีกด้วย 

พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ผมชื่นชมพลังเหล่านี้มาก ซึ่งก่อนมาได้รับหน้าที่ ก็พยายามศึกษาในระดับพื้นที่ว่า เรามีพลังอะไรที่แอบแฝงอยู่บ้าง และค้นพบจุดแข้งของพื้นที่นี้เลย ก็คือ กลุ่มจิตอาสา หรือ อีกกลุ่มหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ กลุ่มสตรี ที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จริงๆกลุ่มเหล่านี้ มีพลังมาก ที่ขับเคลื่อนความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิตของครอบครัว ชุมชน อันนี้เป็นระดับเล็กที่สุดในประเทศ ซึ่ง ถ้าจุดเล็กๆมีความเข็มแข้ง มีคุณภาพ แล้วในระดับต่อไป หมู่บ้าน อำเภอ ตำบลก็จะมีความเข็มแข้ง มีชุมชนที่ดี 

เลขาธิการศอ.บต. ยังได้ยกตัวอย่างด้วยว่า มีคำอยู่สองสามคำ ที่รับฟังมาแล้วชื่นชม คำว่า กิจกรรมอะไรที่ทำภายในครอบครัวทำในชุมชน เขารวมตัวกันทำอาหาร เป็นกิจกรรมที่ทำรายได้ มีผลผลิตเล็กๆ น้อยๆในพื้นที่ ทำกันในหมู่บ้าน ทำทานกันเอง ต่อมาสามารถได้รับการพัฒนา ให้ความรู้ สามารถต่อยอดเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้ ขายได้ เช่นขนมต่างๆผลผลิตทางการเกษตรบางอย่าง ที่นำมาแปรรูปเป็นสิ้นค้าพื้นบ้าน พอได้รับการส่งเสริมจากภาคเอกชน เข้ามาพัฒนาการบรรจุภัณฑ์ การจัดการซื้อขาย การตลาด สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนมากจนเลี้ยงตัวได้อันนี้ เรียนเลยว่านี้คือพลังของจิตอาสา

แล้วเขาก็ไม่ทิ้งคนอื่น รายได้ที่ได้มาบางส่วนก็นำไปช่วยเหลือผู้คน ผู้อื่นที่เดือดร้อนได้ ผู้ป่วยติดเดียง เด็ก เยาว์ชน กำพร้า มีการแบ่งปั่น อันนี้จริงๆต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่งดงามมาก และเป็นจุดเล็ก ผมไม่เชื่อว่าคนเราจะแบกหินก้อนใหญ่ได้ แต่เราสามารถช่วยกันถือหินก่อนเล็กๆได้ จากหลายคนก็เป็นกำแพงได้ จุดนี้เป็นจุดแข็งที่ในพื้นที่มี จะสนับสนุนพลังเหล่านี้ ให้เกิดคุณภาพ ให้มากขึ้น มีประโยชน์  มีทั้งกิจกรรมและมีรายได้แล้วสังคมสาธารณะได้รับประโยชน์ด้วย ไม่มีอะไรที่เสียหายเลย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีงามมากกว่า

นอกจากนี้ทางศูนย์พัฒนาอาชีพฯได้ร่วมแสดงความยินดีกับนางสุนิสา รามแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ในโอกาส รับตำแหน่งประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาอีกด้วย   

จากนั้นยังได้เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจรวมทั้งมอบสิ่งของให้ช่วยเหลือประชาชนที่ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือในพื้นที่ยะลาและปัตตานีต่อไป  

‘กลุ่ม ปตท.’ เผยผลดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2566 ปรับตัวดีขึ้น - รวมนำเงินส่งรัฐกว่า 4.8 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อย ใน 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้ 2,337,438 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 79,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวลดลงจากความกังวลด้านสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มผ่อนคลาย รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) ของกลุ่ม ปตท. ปรับลดลง โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น จากกำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2565 และผลกำไรสต๊อกน้ำมันที่ลดลง ประกอบกับผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ปรับลดลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง

โดยเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 คณะกรรมการ ปตท. มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลส่งผลให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และกองทุนวายุภักษ์จะได้รับเงินปันผลรวมประมาณ 14,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับภาษีเงินได้นิติบุคคลของ ปตท. และบริษัทในเครือ อีกประมาณ 34,000 ล้านบาท รวมกลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจ 9 เดือนแรกของปี 2566 ให้กับรัฐ เพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ แล้วประมาณ 48,000 ล้านบาท โดยการจ่ายเงินปันผลจะพิจารณาให้เหมาะสมกับกำไร สถานะทางการเงิน สภาพคล่อง รวมถึงแผนการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่สำคัญ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางพลังงาน สนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง ดังตลอดระยะเวลา 45 ปี ที่ผ่านมา พร้อมมุ่งจุดพลังชีวิต ขับเคลื่อนอนาคต สร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและก้าวสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน

ทั้งนี้ ปตท. ขานรับนโยบายลดผลกระทบค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชน โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. วันที่ 19 ตุลาคม 2566 มีมติเห็นชอบให้ ปตท. เรียกเก็บค่าเชื้อเพลิงตามค่าควบคุม และยืดระยะเวลาการชำระหนี้ให้กลุ่มภาคไฟฟ้าในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2566 ตามมติ ครม. พร้อมให้ทยอยจ่ายคืนส่วนต่างในการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับรอบถัดไปตามที่ กกพ. เห็นชอบ มีผลย้อนหลังตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 โดยตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน ปตท. สนับสนุนงบประมาณบรรเทาผลกระทบต้นทุนด้านพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะวิกฤตต่าง ๆ ให้กับประชาชนแล้ว กว่า 25,000 ล้านบาท โดยเมื่อช่วงต้นปีนี้ ปตท. ยังได้มีการจัดสรรก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ตลอดจนจัดหา LNG ในราคาที่เหมาะสม ช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าเทียบเท่า 6,000 ล้านบาท รวมถึงช่วยเหลือผู้ใช้พลังงานในภาคส่วนอื่น ๆ ทั้ง LPG NGV และสนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อร่วมดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างสมดุล พร้อมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ตรวจเยี่ยมการฝึกตำรวจควบคุมฝูงชน เน้นย้ำการเคารพสิทธิประชาชนตามกฏหมาย และฝึกให้เกิดความมั่นใจในการปฎิบัติหน้าที่

วันนี้ (15 พ.ย.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้มาตรวจเยี่ยมการฝึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน สังกัด บช.น. โดยมี พล.ต.ต.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ ผบก.อคฝ. พล.ต.ต.ศรกฤษณ์ แก้วผลึก อดีต รอง ผบช.ศ. เป็นผู้ควบคุมการฝึก โดยได้ทำการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจรวม 340 นาย ระหว่างวันที่ 12-15 พ.ย.66 ณ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลาง โดยเป็นการฝึกให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมฝูงชนและการชุมนุมสาธารณะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้ตระหนักถึงสิทธิของประชาชนตามกฏหมาย รวมทั้งยังมีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อรักษาความสงบของประชาชน โดยในการนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้เน้นย้ำให้ผู้เข้ารับการฝึกตั้งใจฝึกฝนอบรม และหมั่นทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย รวมทั้งได้มอบเครื่องดื่มและเงินสนับสนุนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของกำลังพลในการฝึกอบรมต่อไป

เพชรบูรณ์-อบจ.เพชรบูรณ์ มอบทุนนักเรียนยากจนและด้อยโอกาสเข้าศึกษาต่อคณะพยาบาลหวังผลิตบุคลากรมาเติมเต็มงานสาธารณสุขหลังได้รับการถ่ายโอน รพ.สต. มาสังกัด

15 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ นายอัครเดช ทองใจสด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาโครงการทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส โดยมี นายวันเฉลิม เพ่งพินิจ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายคณีธิป บุญยเกตุ นายณรงค์ศักดิ์ หอมมาลัย รองนายก อบจ.เพชรบูรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ปกครอง นักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือก และนักเรียนโรงเรียน อบจ.เพชรบูรณ์ร่วมในพิธี

นายวันเฉลิม เพ่งพินิจ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า การศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่งผลต่อความมั่งคงและยั่งยืนของประเทศชาติในอนาคต ปัจจุบันยังคงมีนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ขาดโอกาสในการศึกษาต่อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน ประสบปัญหาความเดือดร้อนในการดำรงชีวิต ทำให้เป็นเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาด้านอื่น ๆ ของสังคม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านการศึกษาเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิต และเพื่อเป็นการสนับสนุนส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้กับนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แบ่งเบาภาระของพ่อ แม่ และผู้ปกครอง จึงได้จัดทำโครงการทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยได้พิจารณาจ่ายทุนการศึกษาแก่นักศึกษาที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ศึกษาในสาขาทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และศึกษาในสถาบันการศึกษาของรัฐ จำนวน 5 ทุนๆละ 33,000 บาท ต่อปีการศึกษา   

ด้านนายอัครเดช ทองใจสด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูณ์ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชน ซึ่งเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่จะส่งผลต่อความมั่นคงและยั่งยืนของประเทศชาติ จึงได้จัดทำโครงการศึกษาสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนและด้อยโอกาส องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษาที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีโอกาสในการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ในสาขาทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข ซึ่งเป็นสาขาที่มีความสำคัญ และยังขาดแคลนบุคลากรเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการได้รับถ่ายโอน รพ.สต. มาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ การผลิตบุคลากรมาเติมเต็มงานบริการด้านสาธารณสุขจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญ อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวเพชรบูรณ์ให้ได้รับการบริการด้านสาธารณสุขอย่างทั่วถึง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top