Thursday, 15 May 2025
TheStatesTimes

‘โฆษกรัฐบาล’ เผย ‘ไทย’ ติดอันดับ 43 นวัตกรรมโลกปี 66 ตั้งเป้า!! เดินหน้าสู่การเป็น ‘ชาตินวัตกรรม’ ในอนาคต

(16 พ.ย.66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก ประจำปี 2566 (Global Innovation Index 2023) ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization: WIPO) ซึ่งไทยได้รับการจัดอันดับที่ 43 จากทั้งหมด 132 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ และถือเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมกำหนดนโยบายส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรม ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น ‘ชาตินวัตกรรม’

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดัชนีนวัตกรรมโลกเป็นการจัดอันดับความสามารถทางนวัตกรรมของประเทศและเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ทั่วโลก ผ่านการประเมินตัวชี้วัดทั้งสิ้น 80 ตัว เน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของนวัตกรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคและโลก ซึ่งในปีนี้ แม้ไทยยังคงอันดับที่ 43 เท่ากับปีที่แล้ว แต่มีปัจจัยย่อยที่ดีขึ้น ได้แก่ ปัจจัยย่อยการนำเข้าทางนวัตกรรม (Innovation input sub-index) อยู่ในอันดับที่ 44 (ดีขึ้น 4 อันดับ) และปัจจัยย่อยผลผลิตทางนวัตกรรม (Innovation output sub-index) อยู่ในอันดับที่ 43 (ดีขึ้น 1 อันดับ) นอกจากนี้ เมื่อพิจารณารายกลุ่มปัจจัย ไทยมีอันดับของกลุ่มปัจจัยดีขึ้น 5 จาก 7 กลุ่ม โดยกลุ่มที่มีอันดับดีขึ้นมากที่สุด คือ กลุ่มปัจจัยด้านระบบตลาด (Market sophistication) ซึ่งไทยอยู่ในอันดับที่ 22 (ดีขึ้น 5 อันดับ)

ผลการจัดอันดับดังกล่าวระบุว่า ไทยมีการเติบโตของเศรษฐกิจและนวัตกรรมที่สูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยความสามารถในการผลิตนวัตกรรมมีมากขึ้น เนื่องจากการลงทุนในด้านนวัตกรรมภายในประเทศที่มากขึ้น และไทยมีจุดแข็งในการพัฒนานวัตกรรม ได้แก่ การส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ ค่าใช้จ่ายมวลรวมภายในประเทศสำหรับการวิจัยและพัฒนา ซึ่งลงทุนโดยภาคเอกชนหรือองค์กรธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงจุดแข็งในด้านการประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ตามถิ่นกำเนิด (Utility Models by origin) เป็นต้น

“ยืนยันความตั้งใจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถทางด้านนวัตกรรมของประเทศ นายกรัฐมนตรีเดินหน้าผลักดันพัฒนาการทางนวัตกรรมเสมอมา โดยสอดคล้องกับผลของการจัดอันดับที่ระบุว่า ไทยมีพัฒนาการทางด้านนวัตกรรมที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายปัจจัย ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าภายใต้การดำเนินนโยบายของนายกรัฐมนตรีจะขับเคลื่อนไทยสู่การเป็น ‘ชาตินวัตกรรม’ และไทยจะก้าวสู่อันดับที่ 30 ของประเทศที่มีความสามารถด้านนวัตกรรมของโลกภายในปี 2573” นายชัย กล่าว

(ร้อยเอ็ด) นพค.54 ร่วมพิธี Kick Off กิจกรรมกำจัดวัชพืชและผักตบชวา และกิจกรรมจิต อาสาพัฒนา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ”

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566  หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 กองบัญชาการกองทัพไทย (หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา) นำโดย  พันเอก เกียรติศักดิ์  พรมตวง ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 สำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พร้อมด้วยจิตอาสา 904 กำลังพลจิตอาสาประจำหน่วยฯ รถยนต์บริการเทท้าย 10 ล้อ จำนวน 2 คัน 

ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนจิตอาสา เข้าร่วมพิธี Kick Off กิจกรรมกำจัดวัชพืชและผักตบชวา และกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ณ คลองเชียงขวัญ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลาง ตำบลเชียงขวัญ อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีฯ 

กระบี่-ทกจ.กระบี่ร่วมกับสำนักทะเบียน และมัคคุเทศก์ เขต 2 ภูเก็ต บริการให้ความรู้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่

นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "การจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์" โดยมีนางบัญญัติ หง้าบุตร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ กล่าวรายงานฯ และนางสาวศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ เข้าร่วมฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ และบริการต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์

โดยมีการบรรยาย เรื่อง “การจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์" โดย นายปาฐกรณ์ แก้วมรกต นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 พร้อมการบริการตรวจสอบเอกสาร และให้คำปรึกษาการจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้เขต 2 (ภูเก็ต) 

เปิดตัวหลักสูตรการแพทย์เพื่อปวงประชา สำหรับผู้บริหารระดับสูง (พปส. รุ่นที่ 1)

มูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา ได้เปิดตัวหลักสูตรการแพทย์เพื่อปวงประชา สำหรับผู้บริหารระดับสูง พปส. รุ่นที่ 1 ชวนผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพ มาร่วมเป็นกำลังสำคัญในการแบ่งปันและสร้างโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยได้งานแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตรเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ

สำหรับหลักสูตรการแพทย์เพื่อปวงประชา สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 1 (พปส. รุ่นที่ 1) จะจัดการเรียนการสอนเป็นระยะเวลา 4 เดือน ระหว่างวันที่ 17 มกราคม ถึง วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 (เรียนทุกวันพุธ ช่วงบ่าย) ณ โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ   หลักสูตรมีวิทยากรชั้นนำและเนื้อหาในการเรียนการสอนที่มีความพร้อม โดดเด่น ทันสมัย เรียนรู้ในแนวลึกถึงนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวอย่างกิจการที่ประสบผลสำเร็จในการประกอบธุรกิจและการดูแลสุขภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม Health & Wellness ทั้งในประเทศไทยและในทั่วโลก โดยได้รับความร่วมมือจากจากคณะแพทยศาสตร์ที่เป็นพันธมิตรสำคัญของมูลนิธิฯ และจากหน่วยงานสำคัญในประเทศไทย ในการสนับสนุนวิทยากรชั้นนำซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับอย่างมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งได้มีการออกแบบกิจกรรมในหลักสูตรที่นำไปสู่การเรียนรู้แบบรอบด้าน จนสามารถสร้างความเชื่อมั่น มีความสัมพันธ์ที่ดี ในระหว่างผู้เข้ารับการอบรมและจากทีมวิทยากร ทั้งในและจากต่างประเทศ เพื่อต่อยอดและขับเคลื่อนการแพทย์และสาธารณสุขไทย Pay It Forward เรียนดี มีความรู้ สร้างความดี ต่อยอดธุรกิจ สนใจติดต่อได้ที่ 

ดร.วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานหลักสูตร กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดตั้งหลักสูตร และ แกนหลักของหลักสูตร คือ 6 M 6 F อันประกอบด้วย Module 1 Future World รู้จักโลก  Module 2 Future Thailand รู้จักประเทศไทย  Module 3 Future Trend, Innovation and Digitalization รู้จักความก้าวหน้า ความทันสมัย Module 4 Future Firm รู้จักองค์กร  Module 5 Future Me รู้จักเรา Module 6 Future Touch, Study Visit  รู้จักและสัมผัสโลกอนาคต อีกทั้งหลักสูตรนี้ได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากสถาบันชั้นนำทางการแพทย์ อีกทั้งเป็นหลักสูตรที่บูรณาการความรู้ที่หลากหลาย ทำให้ได้ทั้งความรู้ เครือข่าย และ ช่วยเหลือสังคมไปด้วยกัน 

หลังจากนั้นได้มีการเสวนาโดย ดร.สุวิทย์ ธนียวัน รองประธานหลักสูตรได้กล่าวต้อนรับ และ ให้รายละเอียดถึงการดำเนินงานของหลักสูตร ดร.เภสัชกร ชาญณรงค์ เตชะอังกูร กรรมการหลักสูตรกล่าวถึงความพร้อมและวิทยากรในหลักสูตร พล.อ.นพ.บุญลือ วงษ์ท้าว ท่านที่ปรึกษา หลักสูตรกล่าวถึงแนวทางการเรียนการสอน คุณสุวดี ปาจรียางกูร กรรมการหลักสูตร และ เลขาธิการ สมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย ได้เล่าถึงภาพรวมการทำกิจกรรม และ ประโยชน์ที่ผู้เข้าอบรมจะได้รับ

ทั้งนี้ รายได้ที่เกิดขึ้นจากการจัดอบรมซึ่งมาจากค่าบริจาค 150,000 บาทต่อผู้เข้าอบรม เมื่อหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว มูลนิธิฯ มีเจตนารมย์ที่จะนำเงินทั้งหมดไปมอบเป็นทุนการศึกษา เพื่อขยายจำนวนทุนเพิ่มเติมให้กับนักศึกษาแพทย์และคณะแพทยศาสตร์ให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

'เกาหลีเหนือ' ชักดาบ!! สั่งซื้อรถวอลโว่ 144 พันคัน แล้วไม่จ่าย 'สวีเดน' ได้แต่กลุ้ม!! เพราะเรียกเก็บหนี้ทุกปี แต่ยังไม่มีแววได้เงิน


เมื่อเกาหลีเหนือสั่งซื้อรถยนต์วอลโว่ 144 จากสวีเดน 1,000 คัน แล้วชักดาบ

สถานทูตสวีเดน ณ กรุงเปียงยาง

 

'สวีเดน' เป็นประเทศตะวันตกประเทศแรกที่เปิดสถานทูตในกรุงเปียงยางในปี ค.ศ. 1975 และยังคงเป็นประเทศเดียวที่ยังคงรักษาสถานเอกอัครราชทูตในกรุงเปียงยางไว้เป็นเวลา 26 ปี และเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศตะวันตกที่ยังคงมีสถานทูตในกรุงเปียงยาง 

ปัจจุบันสวีเดนเป็นตัวแทนผลประโยชน์ด้านกงสุลของออสเตรเลีย แคนาดา อิตาลี กลุ่มประเทศนอร์ดิก และสหรัฐอเมริกาในเกาหลีเหนือ โดยสวีเดนมักทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ในการเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและประเทศตะวันตก และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการปรับปรุงความสัมพันธ์ของเกาหลีเหนือและสหรัฐอเมริกา

สถานทูตเกาหลีเหนือ ณ กรุงสต็อกโฮล์ม

ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1970 สวีเดนเริ่มมองว่า เกาหลีเหนือเป็นตลาดที่มั่งคั่ง บริษัทสวีเดน เช่น Volvo, ASEA, Kockums, Atlas Copco และ Alfa Laval ต่างต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์ของตนไปยังประเทศเกาหลีเหนือ และได้จัดนิทรรศการอุตสาหกรรมในกรุงเปียงยาง 

ทำให้ในช่วงทศวรรษนั้น เกาหลีเหนือนำเข้าสิ่งของต่าง ๆ รวมถึงรถยนต์วอลโว่ 144 ประมาณ 1,000 คันที่สวีเดนไม่เคยได้รับเงินค่ารถเหล่านั้นเลย 

จึงเป็นที่มาว่าทำไมนักการทูตโซเวียตเรียกสิ่งนี้ว่า "การโจรกรรมรถยนต์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์" 

รถวอลโว่เหล่านี้พบเห็นได้ทั่วไปในกรุงเปียงยางจนถึงปี 2010 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมารถเหล่านี้ก็มีปัญหาใหญ่ในด้านการบำรุงรักษาไว้

รถยนต์วอลโว่ 144 คันหนึ่งที่วิ่งในกรุงเปียงยาง ซึ่งเกาหลีเหนือไม่ได้ชำระเงินค่ารถจนทุกวันนี้

ทุกวันนี้เกาหลีเหนือยังคงเป็นหนี้สวีเดนอยู่จำนวน 2.2 พันล้านโครนสวีเดน อันเป็นเงินค้างจ่ายสวีเดนจากการนำเข้ารถยนต์เหล่านี้

ในบรรดาประเทศเจ้าหนี้ทั้งหมด เกาหลีเหนือเป็นหนี้สวีเดนมากที่สุด ตามมาด้วยอิรักซึ่งมีหนี้น้อยกว่าหนึ่งพันล้านโครน 

เกาหลีเหนือสั่งซื้อรถยนต์จำนวนดังกล่าวจากสวีเดน เพื่อตอบสนองต่อเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือที่กำลังเติบโต แต่จนถึงปัจจุบันเกาหลีเหนือไม่เคยสนใจที่จะจ่ายเงิน และเพิกเฉยต่อใบแจ้งหนี้จากรัฐบาลสวีเดน ทำให้บิลดังกล่าวยังคงอยู่ในสถานภาพ 'ค้างชำระ'

รถยนต์วอลโว่ 144 คันหนึ่งที่ใช้ในกรุงเปียงยาง ซึ่งเกาหลีเหนือไม่ได้ชำระเงินค่ารถจนทุกวันนี้

รัฐบาลสวีเดนมีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมนี้ ในช่วงกลางทศวรรษ 1970 ผู้ส่งออกในสวีเดนหลายรายได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตของเกาหลีเหนือและความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียตอย่างต่อเนื่อง เพราะมองเห็นศักยภาพของประเทศในแถบเอเชีย และรัฐบาลสวีเดนตระหนักถึงโอกาสนี้ จึงตกลงที่จะส่งเครื่องจักรกลหนักมูลค่ากว่า 70 ล้านดอลลาร์ พร้อมด้วยรถยนต์ Volvo 144 จำนวน 1,000 คัน 

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงธุรกรรมทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนทางการทูตอีกด้วย และอีกหนึ่งปีต่อมา สวีเดนก็กลายเป็นประเทศตะวันตกประเทศแรกที่เปิดสถานทูตในกรุงเปียงยาง ซึ่งในขณะนั้นเกาหลีเหนือ ก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดนี้” 

Jonathan D. Pollack นักวิชาการอาวุโสของสถาบัน Brookings อธิบายว่า “หลังสงครามเกาหลี เศรษฐกิจของพวกเขาได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ กลายเป็นรัฐอุตสาหกรรมที่ใช้งานได้ และยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลืออย่างมาก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่การเดิมพันที่เลวร้ายเช่นนี้”

รถยนต์วอลโว่ 144 คันหนึ่งที่วิ่งในกรุงเปียงยาง ซึ่งเกาหลีเหนือไม่ได้ชำระเงินค่ารถจนทุกวันนี้

รถยนต์วอลโว่ 144 ที่แข็งแกร่งและบึกบึน ถูกใช้โดยชนชั้นสูงของเกาหลีเหนือ และใช้วิ่งเป็นรถแท็กซี่ในกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ และแม้ว่าทุกวันนี้ยังมีรถวอลโว่บางคันยังคงใช้วิ่งเป็นรถแท็กซี่อยู่ แต่ว่าไม่มีทีท่าว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือจะจ่ายเงินคืนรัฐบาลสวีเดน

การได้พบเห็น ‘รถยนต์วอลโว่’ บนท้องถนนในกรุงเปียงยางเป็นเวลาหลายปี ทำให้ได้รับฉายาว่า 'ผีสีฟ้า' 

แม้เศรษฐกิจในประเทศเกาหลีเหนือจะถดถอยและเกิดการคว่ำบาตรระหว่างประเทศอย่างรุนแรง แต่ก็ยังมีรถหรูนำเข้าจากสหภาพโซเวียตและยุโรป และรถเลียนแบบที่เกาหลีเหนือผลิตเองบนถนนสายกว้างของกรุงเปียงยางปะปนกัน นับตั้งแต่มีการสั่งซื้อมาเกือบ 50 ปี 

จำนวนเงินที่ค้างชำระสำหรับรถวอลโว่ 1,000 คันได้เกินขีดจำกัดที่กำหนดแล้ว และดูเหมือนว่าโอกาสที่จะได้รับการชำระเงินนั้นแทบจะเป็นศูนย์ แม้ว่าทางการสวีเดนยังคงส่งใบเรียกเก็บเงินไปยังเกาหลีเหนือปีละ 2 ครั้ง โดยค่าธรรมเนียมดังกล่าวเพิ่มขึ้นพร้อมดอกเบี้ยและภาษีอื่น ๆ ดอกเบี้ยและค่าปรับสำหรับหนี้รถยนต์ได้เพิ่มขึ้นเป็น 322 ล้านดอลลาร์ในช่วง 48 ปีที่ผ่านมาจนปัจจุบัน 

แม้ว่ารัฐบาลสวีเดนจะจ่ายเงินให้กับบริษัท Volvo ผู้ผลิตรถยนต์เต็มจำนวนด้วยเงินจากกองทุนสาธารณะแล้ว แต่รัฐบาลยังคงเป็นเจ้าหนี้เกาหลีเหนือสำหรับสินค้าของสวีเดนที่ส่งออกไปยังเกาหลีเหนือ ผลกระทบทางการเงินของข้อตกลงนี้น่าตกใจ และเกาหลีเหนือไม่มีทีท่าว่าจะชำระหนี้ที่ค้างชำระสวีเดนมาเป็นเวลานานแล้วแต่อย่างใด

 

‘ฮามาส’ ตกลง!! ยอมหยุดยิง 3 วัน หลัง ‘กาตาร์’ เจรจา พร้อมปล่อย 50 ตัวประกัน ด้าน ‘อิสราเอล’ ยังเงียบกริบ

(16 พ.ย.66) รอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวกาตาร์รายหนึ่งว่า รัฐบาลกาตาร์กำลังเจรจาเรื่องการช่วยเหลือตัวประกันกับอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส โดยมีข้อเสนอสำคัญคือ กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 50 คนออกมาจากฉนวนกาซา แลกกับข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเป็นเวลา 3 วัน

ข้อเสนอดังกล่าวซึ่งอยู่ภายใต้การเจรจาและร่วมมือกับทางสหรัฐด้วย และยังระบุอีกว่า อิสราเอลจะยอมปล่อยตัวผู้หญิงและเด็กชาวปาเลสไตน์จำนวนหนึ่งที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำออกมาด้วย และยอมเปิดทางให้มีการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปยังพื้นที่กาซามากขึ้น 

แหล่งข่าวระบุว่าเบื้องต้นนั้น ฮามาสตกลงในภาพรวมของข้อเสนอดังกล่าวแล้ว แต่อิสราเอลยังไม่ตอบรับ และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียด   

หากข้อเสนอครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จะถือเป็นการช่วยตัวประกันครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามที่กลุ่มติดอาวุธฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ต.ค. จนนำไปสู่การทำสงครามตอบโต้จากอิสราเอล ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในฝั่งอิสราเอลประมาณ 1,200 คน ถูกจับเป็นตัวประกันอีกกว่า 200 คนทั้งชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติ เช่น แรงงานไทย ในขณะที่ฝั่งปาเลสไตน์มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 11,000 คน   

ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลเพิ่งเดินหน้าออกปฏิบัติการบุกโรงพยาบาลอัลชิฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซาเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) โดยอ้างว่ามีข้อมูลชัดเจนว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ถูกกลุ่มฮามาสใช้เป็นฐานที่มั่น แม้ว่าจะการปฏิเสธจากฝั่งปาเลสไตน์และบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ก็ตาม 

คำขวัญ ‘สุภาพบุรุษจตุรมิตร’ จาก ‘อภิชาติ ดำดี’

(16 พ.ย. 66) ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ‘Apichat Dumdee’ โพสต์ข้อความระบุว่า..

#จตุรมิตรสามัคคี
#คำขวัญประจำโรงเรียน

สุภาพบุรุษจตุรมิตร

‘กรุงเทพคริสเตียน’ ใช้เตือนตัว ‘จงอย่าให้ความชั่วชนะได้’
พระคัมภีร์เก่าก่อนท่านสอนไว้ ‘ชนะความชั่วใดด้วยความดี’

‘สวนกุหลาบ’ สอนหลักเหล่านักสู้ ‘ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ’ ศรี
‘สุวิชาโน ภวํ โหติ’ นี้ คือวิถีพระราชดำริให้วิชา

‘อัสสัมชัญ’ สืบอยู่มิรู้สิ้น คำละตินปลุกใจให้แกร่งกล้า
ความวิริยะอุตสาหะจะนำมา ซึ่งความสำเร็จ สมปรารถนาทุกคราไป

‘เทพศิรินทร์’ ดีงามด้วยความเห็น ‘ไม่ควรเป็นคนรกโลก’ นั้นยิ่งใหญ่
มีคำขวัญเป็นพรเพื่อสอนใจ บาลีใช้ ‘น สิยา โลกวฑฺฒโน’

สุภาพบุรุษทั้งสี่ครองชีวิต ด้วยหลักคิดสืบสานมานานโข
อยู่เหนือกาลเวลาอกาลิโก จึงเติบโตครองตนเป็นคนดี

กรุงเทพคริสเตียน-สวนกุหลาบ-อัสสัมชัญ เทพศิรินทร์มิ่งขวัญพระทรงศรี
สืบสานงานจตุรมิตรสามัคคี สืบวิถีสุภาพบุรุษจตุรมิตร…

อภิชาติ ดำดี
OSK96 ส.ก.19779
14 พ.ย. 2566

*อ.David Boonthawee รุ่นน้องธรรมศาสตร์ อัสสัมชัญนิก หนึ่งในจตุรมิตรสามัคคี ได้เขียนถึงคำขวัญประจำโรงเรียนอันเป็นหลักคิดของประชาคมทั้งสี่สถาบัน แล้วชวนให้ผมนำเรื่องนี้มาเขียนเป็นบทกวี สวนกุหลาบจึงรับคำชวนจากอัสสัมชัญ ร่วมขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมเรื่องนี้ด้วยความยินดียิ่ง และต่อไปนี้คือข้อเขียนของ อ.เดวิด บุญทวี อันเป็นสารตั้งต้นของบทกวี ‘สุภาพบุรุษจตุรมิตร’

ผมชอบคำขวัญของโรงเรียน ‘จตุรมิตร’ ทั้ง 4 คำขวัญนี้มาก 

ทั้งหมดมีที่มาจากพระคัมภีร์ ภาษาบาลี และภาษาละติน 

แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หากนำทั้งหมดมาเรียงร้อยกัน เราจะได้หลักการครองตนและดำเนินชีวิตที่สุดประเสริฐ 

กระทั่งยังทำให้เห็นถึงรากเหง้าและปรัชญาแห่งการก่อกำเนิดของทั้ง 4 โรงเรียน ซึ่งหยั่งลึกแข็งแรงมั่นคงมายาวนานนับร้อยปี 

ทั้งหลายเหล่านี้นำมาสู่สมญานามอันน่าภาคภูมิใจว่า ‘สุภาพบุรุษจตุรมิตร’

โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย 
ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2395 (ปัจจุบันอายุ 171 ปี)
คำขวัญ : อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี (โรม 12:21)

โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 
ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2425 (ปัจจุบันอายุ 141 ปี)
คำขวัญ : สุวิชาโน ภวํ โหติ - ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ

โรงเรียนอัสสัมชัญ 
ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2428 (ปัจจุบันอายุ 138 ปี)
คำขวัญ : LABOR OMNIA VINCIT - ความวิริยะอุตสาหะ นำมาซึ่งความสำเร็จ

โรงเรียนเทพศิรินทร์
ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2428 (ปัจจุบันอายุ 138 ปี)
คำขวัญ : น สิยา โลกวฑฺฒโน - ไม่ควรเป็นคนรกโลก

ในฐานะที่เป็น ‘เด็กอัสสัม’ จะขอเล่าประวัติสั้น ๆ ของโรงเรียน ซึ่งพาดพิงถึงเรื่องการแปรอักษรไว้ด้วย ส่วนเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ จากอีกสามโรงเรียน ก็ขอเรียนเชิญมาเติมประวัติของโรงเรียนตัวเองได้ตามสะดวกครับ 

โรงเรียนอัสสัมชัญ เป็นผู้บุกเบิกการแปรอักษรที่ใช้ในการเชียร์ครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นแนวคิดของมาสเตอร์เฉิด สุดารา จนในเวลาต่อมา ก็ได้มีการเผยแพร่ไปสู่การแปรอักษรทั้งในงานจตุรมิตรสามัคคี และงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

เป็นโรงเรียนชายที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย (ต่อจากกรุงเทพคริสเตียนและสวนกุหลาบ) และเป็นโรงเรียนโรมันคาทอลิกแห่งแรกของประเทศไทย 

มีศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันรวมแล้วกว่า 5 หมื่นคน 

คนที่จบจากโรงเรียนอัสสัมชัญจะใช้คำว่า ‘อัสสัมชนิก’ (เป็นคำแปลเทียบเสียงมาจากคำว่า Assumptionist ทั้งสองคำบัญญัติโดย เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ มีความหมายว่า ‘ชาวอัสสัมชัญ’ จริง ๆ แล้วคำนี้มีความหมายกว้างขวางมากกว่าแค่ศิษย์เก่า แต่ยังรวมถึงภราดา ครู พนักงาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน) 

ศิษย์เก่าจำนวนมากของอัสสัมชัญเป็นผู้ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ อาทิ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ 2 คน, องคมนตรี 15 คน, นายกรัฐมนตรี 4 คน, พระ ศิลปิน ผู้บริหารและนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงอีกจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ผู้บริหารองค์กรภาครัฐที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์

จากการจัดอันดับ ‘มหาเศรษฐีในไทยประจำปี 2016’ ของฟอร์บส์ประเทศไทย เฉพาะใน 10 อันดับแรก มีศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ ติดอันดับรวม 3 อันดับ

มือจับกันไว้ อย่าให้ใครมาคอยยุแหย่ สิ่งแน่แท้ มิตรภาพจงยั่งยืน

‘นายกฯ แคนาดา’ ถูกนักเคลื่อนไหวบุกปิดล้อมร้านอาหาร ประท้วงเรียกร้องให้หยุดยิงในกาซา ก่อนรุดหนีอย่างรวดเร็ว

มีผู้ถูกจับ 2 คน หลังพวกผู้ประท้วงฝักใฝ่ปาเลสไตน์ราว 250 คน ปิดล้อมร้านอาหารแห่งหนึ่งในแวนคูเวอร์ ที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด กำลังรับประทานอาหารค่ำในเย็นวันอังคาร (14 พ.ย.) พร้อมตะโกนเรียกร้องให้หยุดยิงในฉนวนกาซา

(16 พ.ย.66) โดย สตีฟ แอดดินสัน โฆษกตำรวจแวนคูเวอร์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ 100 นายถูกส่งเข้าไปสลายการชุมนุม ขณะเดียวกัน เข้าอารักขาพาตัว ทรูโด ออกจากร้านอาหารซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ในย่านไชน่าทาวน์

เจ้าหน้าที่หญิงรายหนึ่งถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล หลังโดนผู้ประท้วงรายหนึ่งชกต่อยและเล็บมือขีดข่วนบริเวณดวงตา จากการเปิดเผยของโฆษกตำรวจแวนคูเวอร์ พร้อมเผยว่าตำรวจใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าสยบผู้ต้องสงสัยวัย 27 ปีรายหนึ่ง ฐานพยายามก่อความวุ่นวาย ส่วนชายอีกคนถูกจับกรณีขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ โดยเวลานี้ชายคนแรกยังอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของตำรวจ แต่คนหลังได้รับการปล่อยตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (14 พ.ย.) ทรูโด ถูกพวกผู้ประท้วงบุกเข้าหาที่ร้านอาหารอินเดียแห่งหนึ่ง ในอีกฟากหนึ่งของเมือง ขณะที่วิดีโอที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ เป็นภาพพวกนักเคลื่อนไหวบุกไปเผชิญหน้ากับ ทรูโด ระหว่างที่เขานั่งอยู่ตรงโต๊ะ พวกเขาส่งเสียงเรียกร้องข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับนักรบปาเลสไตน์ ‘ฮามาส’ ในฉนวนกาซา พร้อมตะโกน "คุณมันน่าอดสู" และ "จัสติน ทรูโด คุณให้เงินสนับสนุนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์"

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีแคนาดา รุดออกจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้ตอบโต้พวกนักเคลื่อนไหวใดแต่อย่างใด

ชาร์ลอตต์ เคท ซึ่งเป็นแกนนำร่วมกับกลุ่ม Samidoun Palestinian Prisoner Solidarity Network ที่เข้าร่วมกับการชุมนุมทั้ง 2 แห่ง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า กิจกรรมนี้เป็นความเคลื่อนไหวเรียกร้องให้แคนาดา ‘แสดงจุดยืนอย่างจริงจัง’ ต่อปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา

ทรูโด กล่าวในวันอังคาร (14 พ.ย.) เรียกร้อง เบนจามิน เนทันยาฮู แสดงออกถึงความอดทนอดกลั้นขั้นสูงสุดในปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ถล่มกาซา ซึ่งคร่าชีวิตปาเลสไตน์แล้วมากกว่า 11,000 คน หลังอิสราเอลประกาศสงครามกับฮามาส ในวันที่ 7 ตุลาคม แก้แค้นกรณีที่นักรบกลุ่มนี้บุกจู่โจมอย่างไม่คาดคิดเล่นงานอิสราเอล สังหารผู้คนไป 1,200 ราย และจับเป็นตัวประกันราว 240 คน

เนทันยาฮู ปฏิเสธเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทรูโด ยืนยันว่ากองทัพอิสราเอลไม่ได้ตั้งใจเล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือน และยืนกรานว่า ฮามาสต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุเสียชีวิตทั้งหมดในกาซา

‘GRSC เครือ ปตท.’ เปิดรับสมัครบุคลากรเข้าทำงาน ร่วมเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจพลังงานในอินเดีย

(16 พ.ย. 66) บริษัท โกลบ  อล รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด หรือ ‘GRSC’ บริษัทย่อยของบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘GPSC’ แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. เปิดรับสมัครผู้ที่สำเร็จ/ใกล้จบการศึกษา จากมหาวิทยาลัย หรือผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานในประเทศอินเดีย ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบุกเบิกธุรกิจพลังงานในประเทศอินเดีย 🇮🇳

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติม หรือสอบถามและส่งประวัติมาได้ที่อีเมล [email protected]


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top