Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

‘อ.พงษ์ภาณุ’ ฝากบัญญัติ 10 ประการ รัฐบาลใหม่ ผลักดันเศรษฐกิจไทย โตก้าวกระโดดครึ่งปีหลัง

จากรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES เมื่อวันที่ 24 ก.ย.66 ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า... 

ประเทศไทยปีนี้น่าจะไปได้สวย เมื่อต้นปีเราเชื่อมั่นว่าในปี 2566 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวและเอื้ออำนวยต่อการเติบโตต่อประเทศไทยมากยิ่งขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกก็เปลี่ยนไปเมื่อเศรษฐกิจจีนใน Q2 เริ่มมีอัตราเติบโตลดน้อยลง ทำให้หลายคนที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยวผิดหวังไปตามๆ กัน  แต่ผมยังเชื่อว่าในปี 2566 นี้ เศรษฐกิจไทยยังคงดีอยู่ จากเงินเฟ้อที่แม้จะมีอัตราสูงขึ้นจากปีที่แล้ว แต่ในปีนี้มีแนวโน้มชะลอลงอย่างชัดเจน รวมถึงแรงกดดันที่ส่งผลให้ธนาคารกลางปรับดอกเบี้ยสูงขึ้นมีลดน้อยลง 

ทั้งนี้ ถ้าวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย ก็จะมีทั้งดีและไม่ดี อย่างในช่วง Q1 ไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก แต่พอมาใน Q2 นักท่องเที่ยวเริ่มซาลง แต่เมื่อสรุปโดยรวมแล้วเศรษฐกิจไทยได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวในครึ่งปีแรก 12 ล้านคน นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็กลับมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งตัวเลขการส่งออกของไทยติดลบทุกเดือน จึงเป็นเรื่องที่ควรระมัดระวัง เราเคยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปี น่าจะโตได้ 3%  โดยครึ่งแรกปีคาดเติบโตประมาณ 2.2 % เมื่อเทียบเคียงกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ซึ่งหมายความว่าช่วงครึ่งหลัง เศรษฐกิจไทยควรเติบโตมากกว่า 4% ซึ่งผมเชื่อมั่นว่ายังเป็นไปได้ 

สำหรับรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ อ.พงษ์ภาณุ ได้ฝากบัญญัติ 10 ประการ ที่อยากให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนไว้ดังนี้…

1.การใช้นโยบายการคลังที่ขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย (Fiscal Stimulus) 
2.ธนาคารแห่งประเทศควรชะลอการขึ้นดอกเบี้ย 
3.เตรียมแผนรับมือเมื่อไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ 
4.ให้ความสำคัญกับความถดถอยของภาคอุตสาหกรรม ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และภาคส่วนอื่นๆ 
5.ส่งเสริมการเปิดเสรีการค้าการลงทุน 
6.การปฏิรูปการคลังและภาษี 
7.ให้ความสำคัญกับมาตรการแก้ปัญหาโลกร้อน 
8.ยกระดับการลงทุนของประเทศ 
9.การใช้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 
และ 10.ผลักดันการท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 

ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นไปตามเป้าหมายต่อไป

'โฆษกศาลยุติธรรม' ชี้!! คดี ‘ช่อ พรรณิการ์’ อุทธรณ์ไม่ได้อีก ยัน!! ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยใดแล้ว ผลนั้นถือเป็นอันสิ้นสุด

(21 ก.ย.66) นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึง กรณีที่มีข่าวคดี น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ‘ช่อ’ อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาห้ามลงสมัคร สส.หรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดไป แต่ไม่ตัดสิทธิ์ การใช้สิทธิ์เลือกตั้งเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ว่า…

“เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไป โดยคดีที่กล่าวหาว่ากระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเมื่อมีการฟ้องคดีต่อศาลฎีกา และศาลฎีกามีคำวินิจฉัยใดแล้ว ผลนั้นถือเป็นอันสิ้นสุดตามกฎหมาย จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาไม่ได้อีก”

ย้อนคำพูด ‘พีระพันธุ์’ ชื่นชม ‘ยิ้ม สุทธิรักษ์ ยิ้มยัง’ ชายผู้ปิดทองหลังพระ อาสาช่วยสู้คดีค่าโง่โฮปเวลล์

เมื่อหลายวันก่อน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ประกาศข่าวดีแก่คนไทยทั้งประเทศว่า ประเทศไทยชนะคดีค่าโง่โฮปเวลล์ คดีที่ยืดเยื้อมากว่า 30 ปี ส่งผลให้รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท 

วันนี้ THE STATES TIMES ขอพาย้อนอดีต ยกคำบอกเล่าและชื่นชมจากนายพีระพันธุ์ ขณะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (รัฐบาลพลเอกประยุทธ์) ที่ได้กล่าวชื่นชมนาย ‘สุทธิรักษ์ ยิ้มยัง’ หรือ ‘ยิ้ม’ พนักงานการรถไฟ ผู้มีส่วนช่วยรวบรวมข้อมูล เอกสาร และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังชัยชนะคดีค่าโง่โฮปเวลล์

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (ตำแหน่งในขณะนั้น) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ปิดทองหลังพระ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจและยินดีกับผลงานคดี ‘ค่าโง่โฮปเวลล์’ ที่คาราคาซังมายาวนานกว่าสามสิบปี

กว่าจะมาถึงวันนี้ ไม่ง่ายเลย ตนใช้เวลาเกือบทั้งหมดตั้งแต่กลางปี 62 เหนื่อยไปกับการสะสาง ตรวจสอบ ตรวจทาน และเรียบเรียงเอกสารต่าง ๆ ที่หมักหมมมานานกว่าสามสิบปี เปลี่ยนมาหลายรัฐบาล จนขึ้นใจทุกขั้นตอน  

เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดอีกหลายคน แม้บางคนบางรายการอาจจะขาดอายุความในการเอาผิดแต่ก็สมควรที่จะต้องกระชากหน้ากากให้รู้ว่าตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมาใครเป็นใคร ใครทำอะไรไว้บ้าง เราถึงต้องมาตามแก้เป็นลิงแก้แหในวันนี้ แม้วันนี้ คดีก็ยังไม่จบ ยังต้องทำอีกหลายเรื่อง

นายพีระพันธุ์ ระบุอีกว่า ขณะนี้เรากำลังฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้พิพากษาว่าการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคดีโฮปเวลล์เป็นโมฆะตามกฎหมาย เท่ากับว่าบริษัทนี้ไม่เคยมีตัวตนในโลกนี้ ผลคือการใด ๆ ที่ทำไปในนามบริษัทนี้เป็นโมฆะทั้งหมดไปด้วย

อย่างไรก็ตามตนต้องขอบคุณและชื่นชมคนคนหนึ่งบ้าง คนที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครรู้จัก เป็นคนเล็ก ๆ ที่ทำงานเงียบ ๆ ไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัวหรือเป็นข่าว คนคนนี้เป็นคนที่ตนไม่คิดว่าจะมีในโลก ตนอยากได้คนแบบนี้มาช่วยงานนานมาแล้ว นานมาก คือตั้งแต่ตนเริ่มทำงานใหม่ ๆ เมื่อสี่สิบปีก่อน แต่ไม่เคยหาได้ ตนเลยต้องทำงานทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างแสนเหน็ดเหนื่อยตามลำพังตลอดมา จนมาทำเรื่องโฮปเวลล์
ตนโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยคนหนึ่งมาช่วยงาน คนคนนี้ชื่อ ‘สุทธิรักษ์ ยิ้มยัง’ ชื่อเล่นว่า ‘ยิ้ม’

‘ยิ้ม’ เป็นพนักงานการรถไฟตำแหน่งอาณาบาล เรียกง่าย ๆ ว่านิติกร ยิ้มเป็นคนเดียวที่ช่วยงานเรื่องนี้ตนมาตั้งแต่ต้น 

งานชิ้นนี้ถ้าไม่ได้ยิ้มก็อาจไม่มีวันนี้ เพราะตนอาจทำงานไม่เสร็จตามกำหนดเวลาตามกฎหมาย ผลคือ ‘ยื่นเรื่องไม่ทัน’ หรือไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องนอนสามสี่วันติดกันในแต่ละเรื่อง เพราะเอกสารและข้อมูลเยอะมาก กว่าจะเขียนแต่ละเรื่องเสร็จใช้เวลามากและต้องค้นเอกสารและข้อมูลแบบท่วมหัว ปรากฏว่ายิ้มจำได้หมดทุกเรื่อง 

ไม่ว่าตนจะติดขัดหรือสงสัยข้อมูลอะไรตรงไหน ถามยิ้มตอบได้ทันทีทุกเรื่องทุกขั้นตอน สามารถยกร่างเรื่องต่าง ๆ ได้โดยเว้นว่างข้อความหรือข้อมูลที่ยังนึกไม่ออกในเวลานั้นไว้ได้โดยไม่ต้องหยุดพักไปค้นข้อมูลก่อน เสร็จแล้วก็ส่งให้ยิ้มช่วยเติมความให้เต็มได้อย่างถูกต้อง

บางเรื่องตนบอกแนวทางบอกประเด็นให้ยิ้มยกร่างเบื้องต้นมาก่อนเพื่อที่ตนจะได้ไปทำงานอื่นได้แล้วค่อยกลับมาปรับนิดหน่อยก็เสร็จ ทำให้ตนสามารถเดินหน้าเตรียมการเรื่องอื่น ๆ ได้พร้อม ๆ กันมากขึ้น

"ผมถามยิ้มว่าทำไมตอบผมได้หมด เขาบอกว่าเขาอ่านและเตรียมการล่วงหน้าไว้หมดนานมาแล้ว ผมหาแบบนี้มานานครับเพิ่งจะเจอ ยิ้มเขาบอกผมว่าทุกวันนี้เขาเป็นห่วงการรถไฟและบ้านเมืองกับปัญหาคดีนี้มาก ก่อนจะมารู้จักมาทำงานกับผมเขาได้ศึกษาค้นคว้าเตรียมข้อมูลตลอดมาแม้ไม่รู้ว่าจะได้ใช้หรือไม่ เขาบอกว่าเขาอยากทำด้วยใจจริงไม่ใช่เพราะตำแหน่งหน้าที่"

ทำงานกันมาหลายปีตนก็เห็นยิ้มอยู่ที่เดิมตำแหน่งเดิม ทั้ง ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาโฮปเวลล์ให้การรถไฟต้นสังกัดและช่วยตนแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้คนทั้งประเทศมานาน ตนถามยิ้มว่าที่ทำงานไม่มีตำแหน่งว่างที่จะโยกย้ายสูงขึ้นเลยหรือ เขาบอกว่ามี หัวหน้าเขาเพิ่งจะเกษียณพอดี 

ตนบอกว่าคิวคุณขึ้นตำแหน่งนี้ได้ไหม เขาบอกว่าได้แต่ขอให้อีกคนหนึ่งขึ้นจะดีกว่า เพราะหากต่อไปต้องสู้คดีโฮปเวลล์ในศาลแล้ว อีกคนหนึ่งจะทำงานได้ดีกว่าเขา ตนบอกว่าคุณลองไปคิดดูว่าคุณจะไปไหนได้บ้าง เขากลับมาบอกตนในเวลาต่อมาว่าคิดได้แล้วว่าจะขอไปอยู่แผนกพยาบาล 

"ผมงงมากว่าจะไปทำอะไรที่แผนกพยาบาล คำตอบคือ เขาคิดว่าที่แผนกพยาบาลไม่มีงานอะไรมากเขาจะได้ใช้เวลาเตรียมข้อมูลต่าง ๆ เรื่องโฮปเวลล์มาช่วยผมได้เต็มที่ ถ้ายังอยู่ที่เดิมก็ต้องทำงานอื่นด้วย ถ้าเขาทำเรื่องนี้เรื่องเดียวก็ต้องกินแรงเพื่อนให้ทำเรื่องอื่นแทนเขา" 

ตนถามว่าไปอยู่แผนกพยาบาลแล้วต่อไปจะกลับไปแผนกอื่นได้อย่างไร เขาบอกว่าไม่เป็นไร ตนบอกว่าแล้วมันจะก้าวหน้าในอาชีพได้อย่างไร เขาบอกว่าไม่เป็นไร 

ตนถามว่าคุณคิดอะไรของคุณ เขาบอกว่าเขาคิดเพียงว่าขอให้เขามีเวลาทำงานเรื่องโฮปเวลล์ให้สำเร็จแค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว แม้เขาต้องหยุดชีวิตราชการไว้ที่แผนกพยาบาลเขาก็ยอม

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า เชื่อหรือไม่ว่าคนแบบนี้ยังมีในโลกจริง ๆ เวลายิ้มมารายงานเรื่องต่าง ๆ กับตน จะมีเพื่อนมาด้วยคนหนึ่ง แรก ๆ ก็คิดว่าเป็นทีมงานของเขา แต่สังเกตว่านายคนนี้ไม่ค่อยพูดจาอะไร ตนเลยถามว่าคนนี้เป็นใคร คำตอบคือเป็นเพื่อนที่ขับรถพาเขามาหาตน เพราะเขาขับรถไม่เป็น เวลาไปไหนมาไหนเขาใช้รถเมล์ แต่มาหาตนต้องรีบ กลัวตนรอนานเลยวานเพื่อนให้ขับรถมาให้ หลายครั้งที่ประมาณสี่โมงเย็นตนจะตามยิ้มไม่เจอ วันหนึ่งตนถามยิ้มว่าคุณหายไปไหนตอนเย็น ๆ เขาบอกว่าต้องขอโทษเพราะเขาต้องไปดูแลแม่ที่แถวรังสิต ตนถามว่าแล้วไปอย่างไร คำตอบคือนั่งรถไฟแล้วไปต่อรถเมล์

นี่คือ ‘ยิ้ม’ คนที่ทำงานทุ่มเทกับการต่อสู้คดีให้บ้านเมืองเป็นหมื่นล้าน แต่ยังไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์ตลอดเวลา

"เมื่อวานพอฟังคำสั่งศาลปกครองสูงสุดเสร็จผมบอกยิ้มว่าเห็นมีนักข่าวรออยู่ข้างล่างเดี๋ยวช่วยอธิบายเรื่องราวให้นักข่าวฟังด้วย ยิ้มขอโทษผมบอกว่าเขาเป็นแค่พนักงานการรถไฟและต้องรีบกลับไปทำงาน นี่แหละครับที่เรียกว่า ‘ปิดทองหลังพระ’ ตัวจริง"

วันนี้หลายคนชื่นชมและชมเชยผม แต่ผมขอชื่นชมและขอชมเชยยิ้ม ‘นายสุทธิรักษ์ ยิ้มยัง’ พนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย พนักงานตัวเล็ก ๆ ที่มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ผู้ปิดทองหลังพระเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง

‘ทายาทเจ้าสัวเจริญ’ ทุ่ม 3 หมื่นล้าน พลิกที่ดิน 100 ไร่ ผุด ‘ลานนาทีค’ เชียงใหม่ ปั้นแลนด์มาร์กแห่งเมืองเหนือ

(21 ก.ย.66) นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะพัฒนาโครงการ ‘ลานนาทีค’ (LANNATIQUE) บนพื้นที่รวมกว่า 100 ไร่ มูลค่าการลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นแลนด์มาร์กใหม่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ และเป็นการสร้างเดสติเนชันให้กับเมืองเชียงใหม่ ให้เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำระดับโลก 

การพัฒนาโครงการลานนาทีค จะครอบคลุมเชื่อมโยงหลายพื้นที่เข้าด้วยกัน ตั้งแต่ถนนช้างคลาน ไนท์บาซ่า ตลาดอนุสาร ไปจนถึงริมน้ำปิง เพื่อสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว รวมถึงเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ตามมาสเตอร์แพลนการลงทุนโครงการ ‘ลานนาทีค’ ของ AWC ในจังหวัดเชียงใหม่ คือการเชื่อมโยงการพัฒนาการลงทุนรวมกว่า 10 โครงการ บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ คาดว่าจะใช้เวลา 3 ปีในการพัฒนาโครงการต่างๆ ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ เชื่อมโยงพื้นที่ทั้ง 100 ไร่ของ AWC ได้สำเร็จ

โครงการ ‘ลานนาทีค’ จะประกอบไปด้วยการลงทุนโรงแรม 4 แห่งที่มีทั้งที่เปิดบริการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนาได้แก่ โรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ ที่เปิดให้บริการแล้ว เน้นลูกค้าที่มองหาโรงแรมสไตล์โมเดิร์น ไลฟ์สไตล์ ,โรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ ซึ่งซื้อมาจากกลุ่มดุสิตธานี ที่เราจะเน้นกลุ่ม young generation Traveller

ส่วนโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ที่ปรับปรุงใหม่จากเดิมที่เป็นโรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง ซึ่งโรงแรมแห่งแรกของพอร์ตโฟลิโอโรงแรมในกลุ่มทีซีซี ที่เพิ่งเปิดให้บริการแล้วในเฟสแรกสำหรับห้องพักและห้องสวีท 240 ห้อง ส่วนเฟส 2 จะเป็นห้องพักแบบพูลวิลล่า, คลับอินเตอร์คอนติเนนตัล คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างอีก 2 ปี ภายใต้การลงทุนรวมทั้ง 2 เฟสกว่า 5 พันล้านบาท กลุ่มลูกค้าจะเป็นลักชัวรี ไฮเอนท์

โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง จะเป็นโรงแรมในรูปแบบพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งแรกของประเทศไทย เน้นศิลปะวัฒนธรรมและประเพณีของล้านนามาประยุกต์ตกแต่ง และนำเทคโนโลยี AR มา เป็นนวัตกรรมแบบอินเตอร์แอคทีฟ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ เข้าใจถึงศิลปะล้านนา ที่นำมาใช้ในการออกแบบและตกแต่งโรงแรม รวมถึงโรงแรมแมริออท เชียงใหม่ (รีแบรนด์จากเดิมที่เป็นโรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่) จะเปิดให้บริการวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ กลุ่มลูกค้าจะเน้นคอร์ปอเรตและไมซ์

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง คือ ‘พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่’ ใช้งบประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อยกระดับพันธุ์ทิพย์ให้ทันสมัยมากขึ้นภายใต้ชื่อโครงการ เดอะพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ พื้นที่รวม 13,000 ตารางเมตร ที่จะเปิดในเดือนธ.ค.นี้ จะมี 3 ไฮไลต์หลัก ได้แก่…

•  ATTRATIONS แลนด์มาร์กสำหรับกิจกรรมความสนุกหลากหลายเสมือนห้องนั่งเล่น
•  FOOD LOUNGE แหล่งรวมร้านอาหารชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดภาคเหนือ
•  LIFESTYLE MARKET แหล่งไลฟ์สไตล์สำหรับทุกคนพร้อมต้อนรับทุกการพบปะสังสรรค์

รวมไปถึงทยอยการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ต่อกับโรงแรมแมริออท เชียงใหม่ ที่จะทำไลฟ์สไตล์มาร์เก็ต และพื้นที่สำหรับค้าปลีก ในพื้นที่ไนต์บาซาร์ และพื้นที่ตรงกาแล ซึ่งจะค่อยๆ พัฒนาไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรระดับโลก เข้ามาร่วมพัฒนาให้เป็น Attraction ด้านการท่องเที่ยวระดับโลก

โดยจะเป็นเหมือนหมู่บ้านศิลปะและวัฒนธรรมเราจะปั้นให้เชียงใหม่เป็นไลฟ์สไตล์ฮับ แหล่งรวมศิลปะวัฒนธรรม งานอาร์ตแอนด์ คราฟต์ในภาคเหนือ สร้างให้เป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวระดับโลก ที่จะว๊าวกว่าเกียวโต เพื่อทำให้ย่านช้างคลานกลายเป็นศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศไทย (อาร์ตวิลเลจ)ที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลกให้เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น

>> 10 โปรเจกต์ในโครงการลานนาทีค ได้แก่...
•  สุริวงศ์บุ๊คเซนเตอร์
•  SIEM PAKDEE (ดีไซน์ โฮเทล)
•  พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ (ปรับโฉมเป็น เดอะพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ)
•  โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง (ปรับโฉมจากโรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิงเดิม)
•  โรงแรมแมริออท เชียงใหม่
•  บ้านโบราณ เชียงใหม่ (พัฒนาเป็น ลักซัวรี่ บูทีค โฮเทล)
•  BAAN K SIRIN (พัฒนาเป็นเวลเนส โฮเทล)
•  โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่
•  การพัฒนาในโซนไนท์บาซาร์ และกาแลที่จะสร้างโครงการ ลานนาทีค บาซาร์ (ไนท์บาซาร์) Traditional Luxury Souvenirs , โครงการลานนาทีคกาแล เน้นความเป็นไลฟ์สไตล์มาร์เก็ต มีบิวตี้ คลีนิค และโรงแรมในระดับอัพสเกล
•  โครงการลานนาทีค มาร์เก็ต (ตลาดอนุสาร)พัฒนาเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มาร์เก็ต

ด้าน เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริษัทบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวในงานเปิดตัวโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ว่า “โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เป็นโรงแรมที่ผมซื้อมากว่า 30 ปีก่อน ถูกขอให้ช่วยก็เลยช่วยไป ผมใช้คติธรรมของบรรพบุรุษซึ่งก็ไม่ใช่คนมีเงินอะไรเพียงแต่สอนให้เราทำยังไงให้คนเห็นดีเราถึงจะดีได้ และคนโบราณจีนสอนให้ ยิ่งให้ยิ่งดี เราถูกขอร้องก็เลยซื้อ

“ตอนมาซื้ออีกโรงแรมที่ปัจจุบันเป็นโรงแรมมีเลียเชียงใหม่ เราถูกขอร้องก็เลยซื้อ ซื้อมาก็คิดว่า ถ้าลูกจะไปทำต่อที่ดินไม่ติดกันจะทำอย่างไร ก็เลยจำเป็นต้องเก็บนิดผสมน้อยไปเพื่อให้เป็นรูปธรรมวันหน้าทำอะไรจะได้สวย ซึ่งก็ใช้เวลากว่า 30 ปี เราถูกขอให้ช่วยก็ช่วยไป เราทำให้ดีให้ถูกต้อง ไม่เบียดเบียนใคร ก็เก็บมาอย่างยากลำบากให้ลูกได้รู้คุณค่า

“เมื่อลูกสาว (วัลลภา ไตรโสรัส) มาทำ AWC ก็พัฒนาต่อทำสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ให้พื้นที่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ ทำให้เกิดความทรงคุณค่าและไม่เสียหาย เพื่อทำให้เชียงใหม่กลับมาเจริญรุ่งเรืองดึงดูดนักท่องเที่ยวจากการทำโครงการต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวชอบ”

‘โปแลนด์’ ประกาศหยุดส่งอาวุธให้ยูเครน เหตุจากปมพิพาทเรื่องการค้าธัญพืช

(21 ก.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลโปแลนด์ตัดสินใจประกาศหยุดจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนแล้ว สาเหตุเกิดจากปมข้อพิพาทเกี่ยวกับการค้าธัญพืช ทำให้โปแลนด์และยูเครนเริ่มเข้าสู่ความตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ

อีกทั้งรัฐบาลโปแลนด์ไม่พอใจถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่กล่าวระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ว่า มีบางประเทศในยุโรปแสร้งทำเป็นสมานฉันท์กับยูเครน

YG Entertainment ชี้แจงล่าสุดปมต่อสัญญา BLACKPINK เผย!! ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการอยู่ในขั้นตอนเจรจา

(21 ก.ย.66) จากกรณีที่สื่อเกาหลีใต้ รายงานเกี่ยวกับเรื่องการต่อสัญญาของสมาชิก BLACKPINK ของ โรเซ่ (Rosé), เจนนี่ (Jennie), จีซู (Jisoo) และลิซ่า (Lisa) กับทาง YG Entertainment อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจาสัญญา 

โดยรายงานอ้างว่า โรเซ่ เป็นสมาชิกคนเดียวที่ท้ายที่สุดเลือกที่จะต่อสัญญากับ YG Entertainment ส่วนสมาชิกอีก 3 คน เจนนี่, จีซู และลิซ่า ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยในวินาทีสุดท้าย

ล่าสุดทาง YG Entertainment ได้ออกมาระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันเกี่ยวกับการต่อสัญญาของสมาชิกวง BLACKPINK ใดๆ ทั้งสิ้น กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากัน

ทั้งนี้ หลังจากมีข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ก็ส่งผลทำให้หุ้นของ YG ร่วง -13% กันเลยทีเดียว

‘ปปป.’ บุกรวบ ‘นายกฯ บางแก้ว’ คาที่ทำงาน หลังเรียกเงินใต้โต๊ะจากผู้ประกอบการ 1.5 ล้านบาท

(21 ก.ย. 66) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ร่วมกันจับกุมนายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ได้ที่ภายในห้องทำงานเทศบาลเมืองบางแก้ว ถนนบัวนครินทร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมเงินสดของกลางเงินสด จำนวน 1,560,650 บาท

ทั้งนี้ ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการร้องเรียนจาก หจก.แห่งหนึ่ง ที่ถูกนายณัฐพงศ์เรียกรับเงินสินบน จำนวนร้อยละ 25 ของวงเงินตามสัญญา เพื่อแลกกับหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนาม โครงการติดตั้งจอแอลอีดี มูลค่า 13 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเงินกันสองงวด งวดแรกนัดจ่ายในวันนี้ (21 ก.ย.) ส่วนงวดที่สองจะจ่ายเมื่อส่งมอบงานกันแล้ว

หลังจากนั้นต่อมาเจ้าหน้าที่ได้วางแผนให้ผู้เสียหายนำเงินงวดแรกไปส่งมอบให้นายณัฐพงศ์ ที่ห้องทำงาน ปรากฏว่าเมื่อส่งมอบเงินแล้วทาง นายณัฐพงศ์ เกิดไหวตัวทันรีบถือเงินของกลางในซองเดินลงจากห้องทำงาน เดินตรงไปยังลานจอดรถ ก่อนจะโยนซองเงินสดทิ้ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมดังกล่าว

สอบสวน นายณัฐพงศ์ ให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา จึงแจ้งข้อหา "เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ” ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน บก.ปปป.ดำเนินคดีต่อไป

'โตโต้' โวย!! กลไกแฝงใน 'รธน.60' ทำ 'ช่อ' หมดอนาคตการเมือง ลั่น!! รธน.ฉบับนี้ มีไว้ 'ปราบ-กลั่นแกล้ง' นักการเมืองที่ไม่ยอมจำนน

(21 ก.ย.66) ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรคก้าวไกล แถลงกรณีศาลฎีกาพิพากษา น.ส.พรรณิการ์ วานิช ถอนสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต ว่า ในฐานะที่ตนอภิปรายแนวนโยบายของรัฐบาล หลักนิติธรรม โครงสร้างปัญหาของประเทศ และการใช้นิติสงคราม กับนักการเมือง เป็นการปราบโกงหรือปราบใคร เนื่องจากเนื้อแท้ของเรื่องนั้นแฝงอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อให้อำนาจองค์กรอิสระพิจารณาออกจริยธรรมขององค์กรขึ้นมา โดย สส. - สว.และคณะรัฐมนตรี ต้องอยู่ภายใต้จริยธรรมดังกล่าวด้วยจึงเกิดปัญหาตามมา เช่น กรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับจริยธรรมจะไม่สิ้นสุดที่องค์กรอิสระแต่จะไปสิ้นสุดที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเอาผิดต่อได้ ถือเป็นการลงโทษซ้ำซ้อน

นายปิยรัฐ กล่าวต่อว่า ปัญหาคือการใช้มาตรฐานจริยธรรมขององค์กรอิสระมาใช้กับนักการเมือง จึงต้องถามกับองค์กรอิสระว่าในอดีตเคยทำผิดจริยธรรมหรือไม่ก่อนมาดำรงตำแหน่ง ความผิดของนางสาวพรรณิการ์ เป็นความผิดที่เกิดขึ้นก่อนมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเชื่อว่านี่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐธรรมนูญกลั่นแกล้งนักการเมือง ปราบนักการเมืองที่ไม่ยอมจำนน และนักการเมืองที่ไม่ยอมอยู่เป็น ด้วยกฎหมายนี

ด้าน นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล กล่าวว่า น.ส.พรรณิการณ์ เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ ตนขอตั้งคำถามว่ามาตรฐานจริยธรรมของ สส.ต้องย้อนกลับไปก่อนที่จะมาเป็น สส.หรือไม่ พฤติกรรมในอดีตสามารถนำมาใช้ในขณะเป็น สส.หรือไม่ รวมถึงการกระทำที่เกิดไปแล้ว ความผิดเหล่านั้นยังคงติดตัวหรือไม่ ขอฝากไปถึงองค์กรอิสระว่าสิ่งที่วางบรรทัดฐานไว้ถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้คนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีโทษในมาตรา 112 หากถูกตรวจสอบจริยธรรมจะซ้อนทับกับกฎหมายอาญาหรือไม่ และยุติธรรมหรือไม่ หากในอนาคตกฎหมายนี้ย้อนกลับมาที่ตัวท่านเอง

ขณะที่ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในแง่ของกฎหมาย ไม่ควรมีกฎหมายลงโทษย้อนหลัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นการตัดสิทธิ์ทางการเมือง หากเทียบทางอาญาถือเป็นโทษประหารชีวิต ถือเป็นโทษสูงหากเทียบพฤติการณ์

เมื่อถามว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ออกมาแสดงความเห็นว่าพรรคก้าวไกลแสดงท่าทีล่าช้า และแล้งน้ำใจ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ความเห็นดังกล่าวถือเป็นคุณูปการกับพรรค ในนามพรรคก้าวไกลได้มีการแถลงข่าวผ่านทางเพจเฟซบุ๊กไปแล้ว แต่ในการแถลงข่าววันนี้ไม่ได้แถลงในนามพรรค ไม่ได้ต้องการให้มองว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล พรรคก้าวไกลก็หารือภายใน ไม่สามารถแอ็กชันได้ทันท่วงที เนื่องจากเมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) มีการประชุมสภาด้วย

เมื่อถามต่อว่า ได้มีการคุยกับ น.ส.พรรณิการ์ หรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้คุยกับ น.ส.พรรณิการ์ แต่คิดว่าทางพรรคน่าจะพูดคุยกันตามปกติ

เมื่อถามถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากไม่อยากให้ศาลพิจารณาเรื่องจริยธรรม นายปิยรัฐ กล่าวว่า ตามที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลได้นำเสนอการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการต่อยอด เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เราเสนอให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่เกิดเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อถามว่า เป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวหรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ไม่ใช่การเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกล หรือคดีมาตรา 112 เท่านั้น แต่คำถามสำคัญก็คือ กรณีทั่วไปที่ศาลเคยตัดสินโทษไปแล้ว ศาลฎีกาจะกลับมาเอาโทษนักการเมืองคนนั้นในภายหลังได้อีกหรือไม่

"ผมว่าไม่ใช่การเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่นักการเมืองทุกคน ต้องสำนึกว่ากฎหมายอยู่ในมือใคร และจะใช้กฎหมายกับใคร" นายปิยรัฐ กล่าว

‘นักกีฬาเปตอง’ เดินทางถึงไทยแล้ว หลังคว้า 3 เหรียญทอง จากการแข่งขัน ‘เปตองชิงแชมป์โลก 2023’ ที่ประเทศเบนิน

(21 ก.ย. 66) นายชุริน ภัทรดิลก อุปนายกสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย และนายสูนชัย คำนูณเศรษฐ์ อุปนายกสมาคมกีฬาเปตองฯ พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน และ นายสมศักย์ ปรางทอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารด้านการใช้ไฟฟ้า และกิจการเพื่อสังคม กฟผ.ไปให้การต้อนรับ คณะนักเปตองแชมป์โลก หลังเสร็จสิ้นภารกิจแข่งขันในรายการ เปตองชิงแชมป์โลก 2023 ที่เมืองโกโตนู ประเทศเบนิน ระหว่างวันที่ 12-17ก.ย. ที่ผ่านมา

โดยทีมชาติไทยสามารถคว้ามาได้ 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และอีก 1 เหรียญทองแดง การแข่งขันในครั้งนี้ทั้งหมด 7 ประเภท ดังนี้

- เหรียญทองทีมชาย ประกอบด้วย ‘แจ๊ค-ศราวุฒิ ศรีบุญเพ็ง, หนุ่ย-สุพรรณ ทองภู, มิว-ธนวันต์ ทูซิวฮะ และ ทรี-รัชตะ คำดี ซึ่งเป็นเหรียญทองประวัติศาสตร์ของไทยเป็นครั้งแรก

- เหรียญทองหญิงคู่ ประกอบด้วย ฝ้าย-นันทวัน เฟื่องสนิท และ แนท-สุนิตรา พ่วงอยู่

- เหรียญทองชายเดี่ยว ประกอบด้วย ทรี-รัชตะ คำดี และได้อีก 1 เหรียญเงินชูตติ้งชาย กับอีก 1 เหรียญทองแดงคู่ผสม ฝ้าย-นันทวัน เฟื่องสนิท และ แจ๊ค-ศราวุฒิ ศรีบุญเพ็ง ส่งผลให้ทีมไทยได้ครองเจ้าเหรียญทอง

อุปนายกสมาคมกีฬาเปตองฯ กล่าวว่า พอใจกับผลงานของนักกีฬา พร้อมกันนี้นักกีฬาทุกคนสามารถคว้าเหรียญทองกลับมาได้ ขอชื่นชมที่นักกีฬาสามารถช่วยกันเล่นกันได้เป็นอย่างดี ทั้งเกมลูกเข้าและลูกตี แม้ว่าบางเกมจะต้องเจอศึกหนักทีมฝรั่งเศสที่มีแชมป์โลกหลายคน ก็ไม่หวั่นไหวเล่นได้อย่างมีสมาธิ และวินัย จนสามารถเอาชนะคู่แข่งได้อย่างประทับใจ และขอขอบคุณการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ให้การสนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ของสมาคมกีฬาเปตองฯ มาโดยตลอด

ในส่วน ‘น้องทรี-รัชตะ คำดี’ เคยลงแข่งขันชิงแชมป์โลกมา 2 ครั้งแล้ว และในครั้งนี้ประสบความสำเร็จที่คว้าคนเดียว 2 เหรียญทอง ทั้งประเภทชูตติ้งชาย และทีมชาย และ ‘น้องแนท-สุนิตรา พ่วงอยู่’ แชมป์ประเทศไทยปีนี้ ที่ลงแข่งขันชิงแชมป์โลกครั้งแรก ยังโชว์ฟอร์มคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ

นายชุริน กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย เตรียมจัดการแข่งขันเปตองชิงแชมป์โลก 2023 ประเภททีมหญิง และประเภทเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 23-27 พ.ย. 2556

ด้าน นายชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านกีฬา จึงให้การสนับสนุนนักกีฬาไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดความสามารถนักกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล โดยหนึ่งในนั้นคือการสนับสนุนสมาคมกีฬาเปตองฯ ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน จึงขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาเปตองทีมชาติไทยที่คว้ารางวัล ด้วยผลงานการแข่งขันอันยอดเยี่ยม สร้างความสุข ความภาคภูมิใจ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาโดยตลอด

‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ ประธานรัฐสภา ร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง 74 ปีวันชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน

เมื่อวันพุธที่ 20 กันยายน 2566 เวลา 18.30 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา เข้าร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 74 ปี วันชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของนายหาน จื้อฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ณ  ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ในการนี้ ศ.พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วย นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นผู้แทน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมงาน

โอกาสนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาในฐานะแขกเกียรติยศได้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบวันสำคัญของจีน ในฐานะประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างมาก มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเสด็จฯ เยือนจีนของพระบรมวงศานุวงศ์ของไทย มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยในปี 2566 ครบรอบ 48 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน นอกจากนี้ ไทยกับจีนยังมีความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่มีการขยายความร่วมมือเชิงลึกในทุกมิติ จึงควรที่ทั้งสองฝ่ายจะสนับสนุนและพัฒนาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และพร้อมจะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างเต็มความสามารถ เพื่อประโยชน์และความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top