Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

‘กรมพัฒน์ฯ’ ปั้นผู้ประกอบการชุมชนผลิตสินค้า ตาม BCG Model ภายใต้โครงการ DBD SMART Local BCG ครอบคลุม 77 จังหวัด

(21 ก.ย.66) นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงผลการจัดทำโครงการ DBD SMART Local BCG ปี 2566 ว่า กรมได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการชุมชน ที่มีความหลากหลายทั้งทางชีวภาพ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรม เพื่อให้มีการผลิตสินค้าและบริการที่ผสมผสานแนวคิด BCG Economy Model และให้นำไปพัฒนาต่อยอด สร้างสรรค์ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ชุมชน

ให้มีความโดดเด่น และเป็นที่ต้องการของตลาด โดยได้เข้าไปช่วยสร้างความรู้เรื่องผ่านบทเรียนออนไลน์ในหลักสูตร BCG ธุรกิจสร้างรายได้ รักชุมชน รักษ์โลกเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจชุมชนสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด จำนวน 139 ราย และได้มีการพัฒนาต่อให้เป็นธุรกิจชุมชนต้นแบบ ก่อนที่จะช่วยเหลือเพิ่มโอกาสในการตลาดต่อไป

โดยผลการดำเนินงาน ได้เข้าไปช่วยพัฒนาศักยภาพการประกอบธุรกิจตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG จากผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาเชิงลึกทั้งในรูปแบบ Onsite และ Online สามารถสร้างชุมชนต้นแบบ DBD SMART Local BCG ครอบคลุม 77 จังหวัด จำนวน 88 ราย ประกอบด้วย 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์

ได้แก่ 1.อาหารและเครื่องดื่ม 2.ผ้าและเครื่องแต่งกาย 3.ของใช้ของตกแต่งของที่ระลึก และ 4.สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร แบ่งเป็นธุรกิจ Bio Economy จำนวน 22 ราย ธุรกิจ Circular Economy จำนวน 29 ราย และธุรกิจ Green Economy จำนวน 37 ราย

ส่วนการนำผู้ประกอบการชุมชนต้นแบบ DBD SMART Local BCG ไปเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างผู้ประกอบการชุมชน จำนวน 56 ราย กับกลุ่มผู้จัดจำหน่าย และผู้ซื้อชั้นนำ 16 หน่วยงาน จำนวน 198 คู่ เกิดมูลค่าการค้า 30,629,500 บาท

นอกจากนี้ ได้นำผู้ประกอบการตัวแทน 18 กลุ่มจังหวัด และกรุงเทพฯ จำนวน 28 ราย เข้าร่วมออกบูธในงานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบ DBD SMART Local BCG ช่วงเดือนก.ค. เกิดการซื้อขายภายในงาน 1,484,152 บาท โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการจำหน่ายมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ พระพิฆเนศจากนิล ภาชนะจากเศษไม้สัก บ้านแมวจากผักตบชวา ชุดเดรส และผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติ

สำหรับการดำเนินงานในปี 2567 กรมจะมุ่งเน้นสร้างโอกาสทางการค้าและขยายช่องทางการจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการชุมชน DBD SMART Local BCG อย่างยั่งยืนในกลุ่มตลาดใหม่ เช่น โรงแรม บริษัท องค์กร สถาบัน เพื่อเข้าสู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจแบบ B2B มากขึ้น

ทั้งนี้ โครงการ DBD SMART Local BCG เป็นโครงการที่กรมได้เข้าไปคัดเลือกผู้ประกอบการชุมชนที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์โมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยต้องเป็นของเด่นพื้นที่ ของดีพื้นถิ่น และตรงตามหลัก S-M-A-R-T คือ

ต้องเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ชุมชนในแต่ละพื้นที่ (Superlative), มีการผลิตสินค้าที่ทันสมัยรองรับตลาดยุคใหม่ (Modern), คงเสน่ห์เอกลักษณ์ไทย ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น (Attractive), สินค้ามีความโดดเด่น มีอัตลักษณ์ สร้างสรรค์ เพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง (Remarkable) และต้องมั่นใจได้ในคุณภาพมาตรฐาน (Trust) 

‘Nio’ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า บุกเจาะตลาดสมาร์ตโฟน มั่นใจ!! มีผู้ใช้เกินครึ่ง หลังตัดสินใจท้าชน ‘หัวเว่ย-iPHONE’

(21 ก.ย.66) นายวิลเลียม หลี่ ผู้ก่อตั้งและประธานนีโอ (Nio) บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีน ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า นีโอได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ในวันนี้ และคาดว่าลูกค้าของบริษัทอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจะซื้อสมาร์ตโฟนดังกล่าว

นายหลี่ระบุว่า ราคาโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ของนีโอมีราคาอยู่ที่ประมาณ 900 - 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีราคาถูกกว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นใกล้เคียงกันของแบรนด์หัวเว่ยอยู่ 150 ดอลลาร์สหรัฐ

นายหลี่กล่าวเสริมว่า ในบรรดาผู้ใช้รถ EV ของนีโอนั้น มากกว่าครึ่งใช้งาน iPhone ขณะที่เหลือเลือกใช้โทรศัพท์แอนดรอยด์รุ่นเรือธงจากหัวเว่ย และแบรนด์อื่น ๆ

นายหลี่กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าผู้ใช้กลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะยอมรับอุปกรณ์ใหม่นี้ เมื่อพวกเขาต้องการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ” โดยอ้างถึงประสิทธิภาพโดยรวมของโทรศัพท์มือถือและการเชื่อมต่อในรถยนต์

รายงานระบุว่า นีโอเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์แบรนด์แรกของจีนที่เปิดตัวสมาร์ตโฟนของตัวเอง โดยนายหลี่กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาสมาร์ตโฟนขึ้นมาภายในเวลาประมาณหนึ่งปี โดยบริษัทผลิตรถยนต์ EV หลายแห่งในจีนพยายามทำให้ความบันเทิงในรถและการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเป็นจุดขายสำหรับแบรนด์รถยนต์ของตน

ทั้งนี้ นีโอจะเริ่มจัดส่งสมาร์ตโฟนตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. โดยสามารถสั่งซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้

'สรรเพชญ' ซัด!! ปัญหาความล่าช้าก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์ ใบ้ชื่อย่อ 'ช' และ 'ม' อาจเอี่ยวทุจริตโครงการฯ ทำ 15 ปีไม่คืบ

(21 ก.ย.66) ณ ห้องกระทู้ถามแยกเฉพาะ อาคารรัฐสภา นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ยื่นกระทู้ถามแยกเฉพาะ ได้ถามคำถามต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในครั้งนี้ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าตอบคำถามในกระทู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 

ในการนี้ นายสรรเพชญ ได้กล่าวถึงปัญหาความล่าช้าของโครงการ ที่มาและความจำเป็นของการที่ต้องมาตั้งกระทู้ถามสดในวันนี้ โดยกล่าวว่า “โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือที่รู้จักกันดี คือ อควาเรียมหอยสังข์ เป็นโครงการที่ตนคิดว่ามีวัตถุประสงค์ที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวสงขลา และครั้งหนึ่งเคยมีการขายฝันกับชาวสงขลาไว้ว่า อควาเรียมหอยสังข์ จะเป็นอควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะวัตถุประสงค์ของการก่อสร้าง คือ ใช้เป็นสถานที่จัดแสดง วิจัยและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ซึ่งครอบคลุมทั้งสัตว์น้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม เพราะจังหวัดสงขลาเองก็เป็นจังหวัดใหญ่ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ โครงการนี้ตนจึงคิดว่าเป็นโครงการที่ดี” 

แต่อย่างไรก็ดี โครงการนี้กลับมีความฉ้อฉลที่ทำให้ประชาชนสงสัย และสร้างบาดแผลในใจให้กับพี่น้องชาวสงขลาเป็นอย่างมาก เพราะใช้เวลาก่อสร้างกว่า 15 ปีแล้ว ก็ยังไม่เสร็จ อีกทั้งใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท ได้มาเพียงตึกรูปหอยสังข์กับระบบภายในที่ไม่แล้วเสร็จ กลายเป็นอนุสาวรีย์ที่ผู้คนกล่าวขานกันว่า ถ้าอยากดูซากหอยล้านปีต้องไปที่กระบี่ แต่ถ้าอยากดูซากหอยที่สร้างไม่เสร็จซักทีต้องไปที่สงขลา 

นายสรรเพชญ จึงได้ถามคำถามในห้องกระทู้ถามแยกเฉพาะ โดยถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 3 คำถามด้วยกัน คือ...

1) กระทรวงศึกษาธิการภายใต้รัฐบาลชุดนี้ มีแนวทางหรือแผนการดำเนินงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการหรือไม่ อย่างไร ขอทราบรายละเอียด

2) กระทรวงศึกษาธิการ มีแนวทางหรือนโยบาย เพื่อระงับข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม จากการขอลดสเปกของผู้รับเหมา แต่ราคากลับไม่ลดตาม เพื่อให้เกิดข้อยุติและไม่กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ในอนาคต นอกจากนี้ ในเรื่องของรายงานผลการสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงที่ได้ตั้งคณะกรรมการสอบที่ผ่านมา ท่านมีข้อสรุปอย่างไร ขอทราบรายละเอียด

3) หากไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ กระทรวงศึกษาธิการจะดำเนินการอย่างไรกับงบประมาณที่ได้ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงการดำเนินการทางคดีกับผู้รับเหมาที่ทิ้งงานท่านได้ดำเนินการไปแล้วหรือไม่อย่างไร ขอทราบรายละเอียด 

หลังจากนั้น นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ ก็ได้ให้เกียรติตอบคำถามโดยสรุปว่า “ในขณะนี้คดีอยู่ในชั้น ป.ป.ช. และยังไม่ได้มีข้อสรุปออกมา ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้ส่งหนังสือสอบถามความคืบหน้าไปยัง ป.ป.ช. เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงฯ  จึงยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เหตุเพราะว่ารอการตรวจสอบของ ป.ป.ช. และเกรงว่าหากดำเนินการอะไรไปก่อน จะเกิดข้อผิดพลาดทางกฎหมายได้” 

นายสรรเพชญ ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “จากที่ตนได้ศึกษาที่มาที่ไปของปัญหาเบื้องต้น ก็ได้ทราบถึงต้นตอปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดจากการทุจริตของคนบางกลุ่ม ซึ่งอาจจะมีชื่อย่อ ช และ ม อย่างไรก็ตาม ต้องรอการตรวจสอบของ ป.ป.ช. และตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา” 

และในตอนท้าย นายสรรเพชญ กล่าวว่า “ตนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กระทรวง ศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการดำเนินการหาทางออกอย่างเร็วที่สุด เพราะกว่า 15 ปีแล้ว ที่งบประมาณถูกใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ตาม หากจะมีการปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของโครงการเป็นอื่นหรืออย่างไร ก็ขอให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและโปร่งใส เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนชาวสงขลาและประชาชนทุกคน”

‘ไทย-เกาหลี’ เตรียมจัดงาน ‘สตรอว์เบอร์รีนานาชาติ’ ที่กทม. ปีหน้า หวังเผยแพร่ผลไม้เมืองนนซาน ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับสากล

(21 ก.ย.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้การต้อนรับ นายแบ็ก ซอง ฮยอน (H.E. Mr. Baek Seong Hyeon) นายกเทศมนตรีเมืองนนซาน สาธารณรัฐเกาหลี และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อกระชับความสัมพันธ์และหารือเกี่ยวกับการจัดงานเทศกาลสตรอว์เบอร์รีนานาชาติ ณ กรุงเทพมหานคร (International Strawberry Festival in Bangkok) และประเด็นความร่วมมืออื่นๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่ทางเมืองนนซาน ได้มาเยี่ยมกรุงเทพฯ และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่นายกเทศมนตรีเมืองนนซาน จะจัดงานเทศกาลสตรอว์เบอร์รีนานาชาติขึ้นที่กรุงเทพฯ ในปีหน้า ซึ่งมีความสำคัญในแง่ของการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองเมือง ซึ่งกรุงเทพฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมือในทุกด้าน ทั้งในเรื่องของการอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ และการประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนไปร่วมงานนี้

ในส่วนของลักษณะงาน เป็นการจัดแสดงและจำหน่ายสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ต่างๆ และผลิตภัณฑ์สินค้าแปรรูปจากสตรอว์เบอร์รี ตลอดจนการนำศิลปินเกาหลีชื่อดังมาร่วมงานฯ เพื่อดึงดูดประชาชนและนักท่องเที่ยวให้มาเข้าร่วมมากยิ่งขึ้น โดยมีกำหนดจัดงานฯ ระหว่างวันที่ 15-18 ก.พ. 67 ณ ลานพาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน

สำหรับงานเทศกาลสตรอว์เบอร์รีนานาชาติ ณ กรุงเทพฯ เป็นความคิดริเริ่มของเมืองนนซาน ที่จะจัดงานดังกล่าวในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นการขยายการดำเนินงานจากการจัดงานฯ ภายในเมืองนนซานเองในช่วงเดือนมี.ค. ของทุกปีเป็นระยะเวลา 27 ปีติดต่อกัน

ทั้งนี้ กรุงเทพฯ ได้รับคัดเลือกเป็นสถานที่จัดงานฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่สตรอว์เบอร์รีคุณภาพดีจากเมืองนนซาน ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในระดับสากล สนับสนุนศักยภาพสินค้าทางการเกษตรของเกาหลีไปสู่ตลาดโลก และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างเมืองนนซาน และกรุงเทพฯ 

‘อั้ม พัชราภา’ ลั่น!! หนักมากสุดในชีวิต หลังเห็นตัวเลขบนตาชั่ง เหตุพุ่งขึ้นมาถึง 6 กิโลฯ สัญญา!! เตรียมลดจริงจังอาทิตย์หน้า

(21 ก.ย.66) ซุปตาร์ชื่อดังอย่าง ‘อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ’ ที่สวยครบเป๊ะปังตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ไม่วายมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเหมือนกันหรือนี่ หลังโพสต์สตอรี่ในอินสตาแกรมโชว์เลขน้ำหนักบนตาชั่งแบบชัด ๆ บ่นยาวหนักที่สุดในชีวิตแล้ว ขึ้นมา 6 กิโลกรัมจากตอนผอม บังคับตัวเองให้ลดด่วน

เรื่องหุ่นดีทุกคนมั่นใจว่าแม่อั้มติดทุกโผ กว่าเรียบรางวัลคนหุ่นดีศรีสยามแน่นอน แต่ล่าสุดซุปตาร์สาวของเราเพิ่งโพสต์รูปตนเองขณะชั่งน้ำหนัก เผยข้อความว่า “น้ำหนักมากสุดในชีวิตละ” โดยตัวเลขที่ปรากฏในภาพอยู่ที่ 54.8 กิโลกรัม ถึงกับเซ็งสุด ๆ เพราะเพิ่มขึ้นมาจากเดิมมากถึง 6 กิโลกรัม

อย่างไรก็ตาม แม่อั้มให้สัญญากับตัวเองและเทรนเนอร์ประจำตัวซึ่งได้แท็กชื่อไว้ในสตอรี่ให้มาเป็นพยานว่าหลังจากนี้จะตั้งใจลดน้ำหนักจริงจังแล้วจ้า

การเป็นดารานักแสดงแน่นอนว่าเป็นอาชีพที่ใช้รูปร่างหน้าตาในการทำงาน จึงต้องหมั่นดูแลและรักษาสุขภาพให้ดีอยู่สม่ำเสมอ อาจเป็นเพราะเมื่ออยู่หน้าจอโทรทัศน์ภาพอาจทำให้นักแสดงดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นได้ ทั้งนี้ การลดน้ำหนักควรทำอย่างถูกวิธี อยู่ในการดูแลของเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญ และรูปร่างที่ดีอาจขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล

22 กันยายน ของทุกปี ‘วันแรดโลก - World Rhino Da’ ร่วมอนุรักษ์และต่อต้านการล่าเอานอ

จุดเริ่มต้นของวันแรดโลก ถือกำเนิดขึ้นในปี 2553 โดยองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature - WWF) แห่งแอฟริกาใต้ จากการริเริ่มของผู้หญิง 2 คน คือ ลิซ่า เจน แคมป์เบล และ ซิงห์ ที่มีความต้องการเหมือนกันในการก่อตั้งวันแรดโลกขึ้นมา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับแรดทั้ง 5 สายพันธุ์ และผลักดันจนสามารถเกิดเป็นวันแรดโลกได้สำเร็จ จนกลายเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกและองค์กรต่าง ๆ ที่หันมาร่วมกันอนุรักษ์แรด 5 สายพันธุ์ ได้แก่

1. แรดขาว (Ceratotherium simum) เป็นแรดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พบในทวีปแอฟริกา

2. แรดดำ (Diceros bicornis) เป็นแรดที่มีความใหญ่รองมาจากแรดขาว พบในทวีปแอฟริกาเช่นกัน

3. แรดอินเดีย (Rhinoceros unicornis) พบในภูมิภาคเอเชียใต้ จัดเป็นแรดที่มีเพียงนอเดียว มีลักษณะเด่นคือ ผิวหนังหนาและมีรอยย่นเห็นได้ชัดเจน

4. แรดชวา (Rhinoceros sondaicus) พบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับแรดอินเดีย เป็นแรดชนิดที่หายากที่สุดในโลก และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชนิดที่หายากที่สุดในโลกอีกด้วย 

5. กระซู่ หรือแรด 2 นอ หรือ แรดสุมาตรา, แรดขน (Dicerorhinus sumatrensis) มีลักษณะเด่นที่สุดคือ มี 2 นอ นอหน้าใหญ่กว่านอหลัง จัดเป็นสัตว์ตระกูลแรดที่มีขนาดเล็กที่สุด พบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน มีลักษณะเด่นคือ มีขนปกคลุมทั้งลำตัว เป็นแรดที่หายากมากอีกชนิดหนึ่ง

ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดให้วันที่ 22 กันยายน ของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์แรดโลก พร้อมกันนี้การจัดตั้งวันแรดโลก ยังเป็นอีกหนึ่งหนทางเพิ่มความตระหนักถึงการลดจำนวนลงของประชากรแรดทั่วโลก จนเกือบจะกลายมาเป็นสัตว์สูญพันธุ์ในปัจจุบัน และเป็นการ ร่วมรณรงค์ต่อต้านการล่าเอานอแรด และตระหนักถึงความสำคัญของประชากรแรดที่กำลังลดจำนวนลงอย่างน่าเป็นห่วง

การค้า ‘ทุเรียน’ จีน-อาเซียน เติบโตฉลุย ยอดส่งออกไทยเกือบ 100% อยู่ที่นี่

(21 ก.ย. 66) สำนักงานซินหัว เผย ประมวลภาพห่วงโซ่อุตสาหกรรมการค้าขายราชาแห่งผลไม้อย่าง ‘ทุเรียน’ ระหว่างจีน, ไทย และเวียดนาม ตั้งแต่เก็บเกี่ยวผลผลิตจากสวน บรรจุหีบห่อและขนส่ง จนถึงผ่านการตรวจสอบทางศุลกากร และวางจำหน่ายแก่ผู้บริโภคชาวจีน

ปัจจุบัน ทุเรียนกลายเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นของความร่วมมือจีน-อาเซียน และศักยภาพตลาดขนาดมหึมาของจีน โดยทุเรียนที่จำหน่ายในจีนส่วนใหญ่ นำเข้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ของไทย ระบุว่า จีนเป็นตลาดส่งออกทุเรียนไทยขนาดใหญ่ที่สุดในปี 2022 ครองสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 96 ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด

รายงานระบุว่า การหมุนเวียนของสินค้าในตลาดระดับภูมิภาคนี้ ได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่อง จากนโยบายปลอดภาษีศุลกากรและการเข้าถึงตลาด ภายใต้กรอบการทำงานของเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)

ตัวอย่างเช่น เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน นำเข้าผลไม้จากกลุ่มประเทศอาเซียน ช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคมปีนี้ สูงถึง 3.66 พันล้านหยวน (ราว 1.84 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 194 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยการนำเข้าทุเรียนเพิ่มขึ้นโดดเด่นที่สุดถึงร้อยละ 516 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

'หมอชลน่าน' เห็นร่วม!! 'ภท.' ปิดช่องกัญชาสันทนาการ เล็งออกประกาศ สธ. คืนบางส่วนกลับไปเป็นยาเสพติด

(21 ก.ย.66) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการผลักดันร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ซึ่งล่าสุดพรรคภูมิใจไทยประกาศผลักดันร่างเดิม 94 มาตรา ว่า การเสนอกฎหมายเป็นสิทธิของ สส. ที่สามารถเข้าชื่อ 20 คนก็สามารถเสนอได้ ส่วนเสนอแล้ว สภาจะพิจารณาอย่างไรก็เป็นไปตามเสียงข้างมาก สอดรับกับนโยบายรัฐบาลหรือไม่ เพราะเสียงข้างมากเป็นนโยบายของรัฐบาล ถ้าสอดรับกัน ส่วนใหญ่กฎหมายก็ถูกขับเคลื่อนตามกลไกรัฐสภา ไปยังวุฒิสภา ตามขั้นตอน ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยในฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็สามารถให้สมาชิกเสนอกฎหมายได้ เราในฐานะพรรคแกนนำก็จะเข้าไปดู เพราะมันมีความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายออกมารับ กำกับ ควบคุมการใช้กัญชาในขณะนี้ ส่วนใช้อย่างไรก็จะยึดตามนโยบายของรัฐบาลเป็นหลักว่า เพื่อการแพทย์และสุขภาพ ส่วนอย่างอื่นที่นอกเหนือจากนี้ คือ นอกเหนือจากนโยบาย การเอาไปใช้สันทนาการ หรือใช้ผิดประเภทถือว่านอกเหนือจากนโยบายรัฐบาล ต้องมีกฎหมายมารองรับว่า มันไม่ชอบอย่างไร

ถามว่า พรรคเพื่อไทยจะร่างกฎหมายของพรรคเข้าไปเสนอหรือไม่ หรือร่างในนามของรัฐบาล นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราจะดูในรายละเอียดอีกครั้ง หากเป็นไปได้ก็จะเสนอเป็นร่างของ ครม.ซึ่งจะถือเป็นความร่วมมือในเชิงนโยบายที่เราพูดคุยกันจบแล้ว

ถามต่อว่า มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ยืนยันร่างเดิมที่เคยมีการเสนอเข้าสภา แต่ตกไปแล้ว หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คงไม่เป็นการยืนยัน แต่จะหยิบเอาร่างนั้นมาดูว่าอะไรเป็นส่วนที่ดี อะไรที่จะเติมเต็ม แทนที่จะเขียนร่างใหม่ ก็เอาร่างนั้นมาปรับแก้ ส่วนที่ภูมิใจไทยเสนอ 94 มาตราเลยนั้นเป็นสิทธิของเขาที่ทำได้ ส่วนเสนอเข้าสภาแล้วจะเอาทั้ง 94 หรือมาตราหรือไม่ หรือเอามาบางส่วนก็แล้วแต่สภา อย่างไรก็ตาม ในรัฐบาลมีการพูดคุยกันอยู่แล้ว ซึ่งภูมิใจไทยเองก็ยืนยันว่า ไม่เคยให้กัญชาเป็นสันทนาการ

ถามว่าสมัยอยู่ในสภาชุดที่แล้ว และเห็นร่างกัญชามาก่อน ยังมีช่องโหว่ในเรื่องสันทนาการอยู่ จะมีการเพิ่มตรงนี้เข้าไปในร่างใหม่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องมีวิธีการใช้ว่าจะใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ ใช้อย่างไรมีกระบวนการควบคุมกำกับอย่างไร หากใช้ประเภทอื่นถือว่าผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมาย จะดูว่ามีข้อห้ามอย่างไร รวมทั้งการกำหนดว่า กัญชาจะเป็นยาเสพติดได้เมื่อไร ความหมายคือ ประมวลกฎหมายยา

เสพติด เอาชื่อกัญชาออกจากยาเสพติดประเภท 5 แต่ไม่ได้บอกว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เพียงแต่บอกว่า ถ้าจะกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้ไปกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ดังนั้นกัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ในความหมาย ยังมีสารเสพติดอยู่ ขณะนี้ประกาศนี้เขียนเฉพาะสารสกัด THC มากกว่า 0.2% ถือเป็นยาเสพติด นอกนั้นไม่เป็น พอไม่เป็น ทุกคนก็เอาไปใช้ลักษณะผิดประเภท เช่น เอาช่อดอกไปเสพ เอาใบไปพี้ พันลำ เป็นการใช้ที่มีผลต่อจิตประสาท ถือว่าเป็นการใช้ไม่ถูกต้อง ก็ต้องดูว่าปรับอย่างไร

เมื่อถามย้ำว่า ในร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข จะมีการเพิ่มเติมข้อกำหนดให้บางส่วนของกัญชาให้เป็นยาเสพติดหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็จะพิจารณากันอยู่ว่าอันไหนเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม แต่ไม่น่าจะกลับไปเป็นยาเสพติดทั้งหมด เพราะกัญชาเพื่อสุขภาพนั้น หากไปยึดแบบเดิมจะแข็งเกินไป แค่มีกัญชา 1 ต้นอยู่ในบ้านก็ถูกจับแล้ว กลายเป็นเรื่องมือของผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ประชาชนเดือดร้อน ดังนั้นเราต้องออกกฎหมายมาในลักษณะที่ทุกฝ่ายไม่เสียประโยชน์ และเป็นโทษต่อเพื่อนมนุษย์ ทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์จากการใช้กัญชาเพื่อสุขภาพและการแพทย์เพื่อสุขภาพ เช่น อาหารที่ผสม CBD ซึ่งได้ประโยชน์ แต่ถ้าออกกฎหมายที่เข้มเกินไปโดยไม่ดูบริบทของการใช้ก็จะส่งผลกระทบ ขณะนี้มีการริเริ่มปลูกกัญชาไปใช้ในเชิงพาณิชย์จำนวนมาก ซึ่งพาณิชย์ที่ไม่เกี่ยวกับสุขภาพก็ถือว่านอกเหนือจากเรา

เมื่อถามว่าการผลักดันกฎหมายยุคนี้จะมาปิดจุดอ่อนหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ใช่ เพราะการที่สมาชิกสภาฯ อภิปรายและไม่ให้กฎหมายนี้ผ่าน เนื่องจากยังมีช่องว่าง ถ้าปล่อยออกไปจะเหมือนไปส่งเสริม เช่นปลูกมากขึ้น ปลูก 15 ต้น การเข้าถึงมากขึ้น ถ้าไม่มีกฎหมายควบคุมที่ดีก็จะเกิดโทษ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นหน้าที่ของเราจะมีการฟอร์มทีม และแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้ามาดูแล ซึ่งเป็นไปตามโครงสร้าง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการวางตัวใครมาดูแลเป็นพิเศษ

เมื่อถามต่อว่าในแนวคิดที่จะดำเนินการนี้จะไม่ขัดกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่ขัดเพราะภูมิใจไทยก็พูดชัดอยู่แล้วว่านโยบายเขาไม่สนับสนุนการใช้สันทนาการ กัญชาเสรีไม่มี เป็นเพียงวาทกรรมที่เขาถูกโจมตี

‘ธ.ก.ส.’ ชงพักหนี้แบบมีรายได้ 3 ปี-เล็งยกเลิกให้สิทธิ์อัตโนมัติ ดัน ครม.เห็นชอบ หวังลดภาระ-สร้างรายได้ให้พี่น้องเกษตรกร

(21 ก.ย. 66) นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุม โดยฝ่ายบริหารจะมีการเสนอมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี ตามนโยบายรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ต้องการลดภาระและสร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นการเร่งด่วน คาดว่าจะนำข้อสรุปทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 26 ก.ย.นี้ เพื่อให้การดำเนินการต่อไป

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ามาตรการพักหนี้รอบใหม่ จะไม่เหมือนกับ 13 ครั้งในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา แต่เป็นการทำมาตรการบนแนวทาง 2 เรื่อง คือ

1.) มุ่งลดภาระให้เกษตรกร โดยจะพักหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้เกษตรกรทันที 3 ปี ส่วนภาระดอกเบี้ยรัฐบาลจะรับภาระชดเชยให้ ธ.ก.ส.แทน

2.) เร่งฟื้นฟูศักยภาพให้เกษตรกร มุ่งสร้างรายได้ในระหว่างร่วมมาตรการพักหนี้ โดยปรับวิธีคิดการทำเกษตรจากเดิมที่เน้นจำนวนการเพาะปลูกเป็นการเพิ่มเทคนิคทางการเกษตร การทำการตลาด วิธีการขาย กรณีที่มีการเพาะปลูกต้องรู้ตลาดว่าจะนำไปขายให้ใคร

“รัฐบาลให้นโยบายชัดเจนว่า ให้ ธ.ก.ส.ไปทำมาตรการพักหนี้รอบใหม่ให้รอบด้าน โดยปิดจุดอ่อนมาตรการในอดีตให้มากที่สุด โดยตอบโจทย์ 3 ประเด็น คือ 1.) ลดภาระ 2.) ฟื้นฟูศักยภาพ และ 3.) ระมัดระวังการเสียวินัยชำระหนี้หลังจากพ้นระยะเวลามาตรการพักหนี้ไปแล้ว ปัจจุบัน ธ.ก.ส. มีลูกหนี้อยู่ราว 3.9 ล้านราย สินเชื่อรวม 1.4 ล้านล้านบาท ส่วนลูกหนี้รายได้จะเข้าเกณฑ์ มีสินเชื่อรวมต่อรายเท่าใดก็จะเสนอหลายแนวทางให้พิจารณา” นายฉัตรชัย กล่าว

นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า การพักหนี้รอบใหม่จะแตกต่างจากที่ผ่านมา ที่ลูกหนี้จะได้สิทธิ์ทันทีโดยอัตโนมัติไม่ต้องดำเนินการอะไร แต่ครั้งนี้ลูกหนี้ที่ต้องการร่วมโครงการ จะต้องโชว์ตัวตนผ่านแอปลิเคชัน BAAC Mobile เพื่อให้ธนาคารสามารถติดตามสถานะลูกหนี้ได้ ไม่ใช่เข้าโครงการแล้วหายไปเลย ธนาคารก็จะประเมินสถานะลูกหนี้ พร้อมกำหนดแนวทางช่วยเหลือแต่ละรายแตกต่างกันตามความสามารถของลูกหนี้ การพักหนี้รอบใหม่จะมาเป็นแพ็คเกจ ทั้งการให้สิทธิ์ประโยชน์ รวมทั้งการให้สินเชื่อเพิ่มเติมกับลูกหนี้ที่ต้องการเงินทุน เพิ่มสภาพคล่องเพื่อการฟื้นฟู ไม่ให้ไปกู้นอกระบบ

ด้านนางโสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการศึกษาถอดบทเรียนการพักหนี้เกษตรกรไทย ว่า การพักหนี้ที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับเกษตรกร ซ้ำยังเป็นการทำให้เกษตรกรเสพติดการพักหนี้ในกลุ่มลูกหนี้ดี

ส่วนลูกหนี้เสียเหมือนเป็นการเตะปัญหาออกไป จึงเสนอให้มีการออกแบบมาตรการให้เหมาะสม คือ

1.) ไม่ควรมีรูปแบบพักหนี้เหมือนเดิม และเน้นพักหนี้ระยะสั้น
2.) แก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ใช่พักหนี้ให้ทุกคน เช่น กลุ่มได้รับผลกระทบภัยแล้ง น้ำท่วม
3.) เสริมแนวทางให้เกษตรกรช่วยเหลือตนเอง เช่น ระบบประกันสินเชื่อเกษตรกร โดยการพักหนี้ควรเป็นเครื่องมือสุดท้ายที่รัฐบาลจะนำมาใช้

CNN เปิดรายชื่อสุดยอดโรงแรมจาก The World’s 50 Best Hotels ไทยมาแรง!! ครองอันดับ 3 แถมเข้าติด Top 20 ถึง 3 แห่ง

สำนักข่าว CNN รายงานการจัดอันดับของ ฟิฟตี้ เบสต์ (50 Best) ประกาศชื่อ โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก 50 แห่ง เมื่อวันอังคาร (19 ก.ย.) โดยยกให้โรงแรมปาสซาลากกวา (Passalacqua) ซึ่งเป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 บริเวณริมทะเลสาบโคโม่ ของประเทศอิตาลี เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ขณะที่ โรงแรมไทยนั้น เข้าอันดับดีที่สุด 20 อันดับแรก ถึง 3 โรงแรม ได้แก่ โฟร์ซีซั่นส์ แม่น้ำเจ้าพระยา มาเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ตามด้วย แมนดาริน โอเรียนเต็ล อันดับ 10 และ คาเพลลา กรุงเทพ อันดับ 11

ทั้งนี้ โรงแรมปาสซาลากกวา เคยเป็นบ้านของนายวินเชนโซ เบลลีนี นักประพันธ์โอเปราชาวอิตาลี ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 7 เอเคอร์ และมีราคาเข้าพักเริ่มต้นที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 47,000 บาท) ต่อคืน

รายงานระบุว่า 50 Best ทำการจัดอันดับโรงแรมที่ดีที่สุดในโลกในปีนี้เป็นครั้งแรก แม้เคยจัดอันดับ 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก และ 50 บาร์ที่ดีที่สุดในโลกมาแล้วหลายปีก็ตาม

50 Best เผยว่า การจัดอันดับครั้งนี้อิงตามผลการให้คะแนนของผู้ออกเสียงโดยไม่ระบุชื่อจำนวน 580 ราย ซึ่งประกอบด้วยนักข่าวด้านการเดินทาง ผู้บริหารโรงแรม และนักเดินทางทั่วโลก

สำหรับผลโหวตและการจัดอันดับดังกล่าว ปรากฏว่าในส่วนของโรงแรมไทยนั้นติดอันดับโรงแรมดีที่สุดในโลกหลายโรงแรมด้วยกัน โดยมีโรงแรมไทย 4 แห่งที่อยู่ใน 50 อันดับแรก ในจำนวนนี้ 3 แห่งอยู่ใน Top20 หรือ 20 อันดับแรก ได้แก่

-โฟร์ซีซั่นส์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Bangkok at Chao Phraya River) อันดับ 3
-แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ (Mandarin Oriental Bangkok) อันดับ 10
-คาเพลลา กรุงเทพ (Capella Bangkok) อันดับ 11
-โรงแรมเดอะ สยาม (The Siam) อันดับ 42

รายชื่อโรงแรมดีที่สุดในโลก 10 อันดับแรกจาก 50 Best ปี 2023 ได้แก่

1.ปาสซาลากกวา (Passalacqua) อิตาลี
2.โรสวู้ด ฮ่องกง (Rosewood Hong Kong) ฮ่องกง
3.โฟร์ซีซั่นส์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Bangkok at Chao Phraya River) ไทย
4.ดิ อัปเปอร์ เฮาส์ (The Upper House) ฮ่องกง
5.อมัน โตเกียว (Aman Tokyo) ญี่ปุ่น
6.ลา มามูเนีย (La Mamounia) โมร็อกโก
7.โซเนวา ฟูชิ (Soneva Fushi) มัลดีฟส์
8.วันแอนด์โอนลี มันดารินา (One&Only Mandarina) เม็กซิโก
9.โฟร์ซีซั่นส์ ฟิเรนเซ (Four Seasons Firenze) อิตาลี
10.แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ (Mandarin Oriental Bangkok) ไทย

ดูรายชื่อทั้งหมด 50 โรงแรมดีที่สุดในโลก ปี 2023 >> https://www.theworlds50best.com/stories/News/the-worlds-50-best-hotels-2023-list-in-pictures.html  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top