Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

'ชาดา' ยินดีช่วย 'ศุภมาส' แก้ปัญหา 'รับน้องโหด-เด็กช่างตีกัน' ลั่น!! พร้อมลุย เปลี่ยนทัศนคติ วัยรุ่นอยากหล่อในทางที่ผิด

(20 ก.ย.66) ที่รัฐสภา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เตรียมประสานขอให้ช่วยแก้ปัญหารับน้องโหดในมหาวิทยาลัย และปัญหานักเรียนอาชีวะตีกัน ว่า...

ต้องรอทาง รมว.อุดมศึกษาฯ ประสานมา ตนยินดีที่จะไปช่วยเต็มที่ เรื่องไปหาวัยรุ่นตนชอบอยู่แล้ว เพราะคุยภาษาเดียวกัน สมัยยุค 14 ตุลา 16 ตนก็เป็นเด็กขึ้นมาเรียนกรุงเทพฯ ก็เคยตีกับเขาเหมือนกัน เราก็รู้ก็เข้าใจเด็ก บางทีเด็กอยากหล่อ แต่หล่อในทางที่ผิด ก็ต้องไปพูดคุยทำความเข้าใจว่ามันมีวิธีการหล่อๆ ที่ดีๆ อีกมากมาย 

"เราก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน ไม่ใช่ว่าตอนที่เราเป็นวัยรุ่นเราทำ พออายุมากไม่ใช่มาห้ามเขา เหมือนไปห้ามตัวเองตอนเป็นวัยรุ่น" นายชาดา กล่าว

พิษณุโลก  กองทัพภาคที่ 3 พบปะสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 เวลา 11.00 กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรม"พัฒนาสัมพันธ์สื่อมวลชน กองทัพภาคที่ 3" เพื่อพบปะพัฒนาสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันและขอบคุณสื่อมวลชนในพื้นที่ จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พลตรี ประสาน แสงศิริรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน 
การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้มีสื่อมวลชนเข้าร่วม ทุกแขนงทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ต่างๆ  ซึ่งจะร่วมกันสร้างสื่อสร้างสรรค์ ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และภารกิจต่างๆ ของกองทัพภาคที่ 3 และหน่วยขึ้นตรงต่อไป ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

‘สี จิ้นผิง’ หนุน!! มหาวิทยาลัย บรรจุวิชาจับสายลับลงหลักสูตร เปลี่ยนนักศึกษา ร่วมแรงเป็นนักสืบ สกัดสปายจากต่างแดน

(20 ก.ย. 66) สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ประธานาธิบดี ‘สี จิ้นผิง’ ได้ยกระดับโปรแกรมป้องกันการสอดแนมของต่างชาติ ที่รัฐบาลจีนมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ด้วยการสนับสนุนให้บรรจุวิชาการจับสายลับ ลงในหลักสูตรของหลายสถาบันชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อเทรนนักศึกษาจีน ให้ช่วยสอดส่อง และชี้ตัวบุคคลต้องสงสัยที่อาจแฝงตัวมาสืบราชการลับในจีนได้ 

อย่างที่มหาวิทยาลัยชิงหวา ก็ได้มีการอบรมผ่านสื่อวิดีโอแก่นักศึกษา และบุคลากรของสถาบัน กระตุ้นให้ตระหนักถึงบทบาทในการเป็นแนวป้องกันเพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากต่างชาติ 

ด้านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปักกิ่ง มีการจัดงานเลี้ยงในสวน ที่มีธีมงานเกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคง  

ส่วนมหาวิทยาลัยเป่ยหาง ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยด้านการบิน และอวกาศชั้นนำของจีน ได้พัฒนาเกมที่ชื่อว่า ‘Who's The Spy’ ให้นักศึกษาทดลองเล่นเพื่อจับสังเกต คนที่มีพฤติกรรมเป็นสายลับโดยเฉพาะ 

แคมเปญเสริมหลักสูตรไล่ล่าหาสายลับนี้ ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติจีน ซึ่งนอกจากหลักสูตรฝึกอบรมในสถาบันชั้นนำแล้ว ยังจับมือร่วมกับ WeChat แพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังของจีน ในการเผยแพร่เนื้อหาวิธีการจับตา สอดส่องบุคคลต้องสงสัยแก่ประชาชนทั่วไป เท่านั้นยังไม่พอ รัฐบาลจีนยังตั้งรางวัลนำจับแก่ผู้ที่สามารถชี้ตัวสายลับต่างชาติได้อย่างถูกตัวสูงถึง 5 แสนหยวน (ประมาณ 2.25 ล้านบาท) 

ทั้งนี้ การเร่งเผยแพร่หลักสูตรจับสายลับ เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายต่อต้านการสอดแนมของสี จิ้นผิง โดยผู้นำจีน ได้กล่าวในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสกัดการสอดแนมในจีนให้ได้ และยกให้เป็นวาระเร่งด่วน เทียบเท่ากับการเตรียมความพร้อมด้านภัยพิบัติ โดยต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสอดส่อง เป็นหู เป็นตาให้กับรัฐบาล

จากแคมเปญที่เอาจริง เอาจริงกับการจับสายลับของรัฐบาลจีน ทำให้สื่อต่างชาติอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมผู้นำจีนถึงหวาดระแวงกับการสอดแนมจากต่างชาติมากถึงขนาดต้องเทรนนักศึกษา และประชาชน มาช่วยจับสายลับกับทั้งประเทศ 

และยังเปรียบเทียบแคมเปญจับสายลับของสี จิ้นผิง กับ การสร้างกองกำลัง Red Guard ในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมของอดีตผู้นำ ‘เหมา เจ๋อตุง’ ที่มีการไล่ล่า ลงโทษกลุ่มคนชั้นสูง ที่ไม่จงรักภักดีต่อระบอบสังคมนิยมจีน จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่มีความรุนแรงในสังคมมากที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน 

โดยความเห็นของ ‘ชีนา เกรทเทน’ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส - ออสติน มองว่า การสนับสนุนให้ประชาชนจ้องจับผิดซึ่งกันและกัน จะส่งผลเสียต่อการดูแลความเรียบร้อยโดยรวมของรัฐบาลจีน และจะนำมาซึ่งการแจ้งความเท็จ แจ้งความพร่ำเพรื่อ ซ้ำซ้อน กลายเป็นการเพิ่มงานให้แก่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่ต้องมาสะสาง แยกแยะข้อมูลจำนวนมากเกินความจำเป็น 

และยังเป็นการสร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรต่อนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่ต้องระวังการสอดแนมรอบตัว สร้างความหวาดระแวงระหว่างชาวต่างชาติ และชาวจีน ที่อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความลังเลในการพัฒนาธุรกิจบนแผ่นดินจีนได้ 

แต่ฟาก ‘เฉิน อี้ซิน’ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแสดงความเห็นว่า ความมั่นคงของชาติเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเมือง ซึ่งแก่นแท้ของความมั่นคงทางการเมืองคือความมั่นคงของระบอบการปกครอง 

จึงเห็นได้ว่า ผู้นำจีน ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพ และความมั่นคงภายในประเทศอย่างมาก และได้ประกาศภารกิจในการกวาดล้างภัยคุกคามจากต่างชาติ มีการขยายกรอบกฎหมายต่อต้านการสอดแนมใหม่ และกวาดล้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญจีนที่ทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองของต่างชาติเป็นจำนวนมาก 

ดังนั้น คงไม่มีอะไรหยุดยั้งแคมเปญปั้นนักเรียนเป็นนักสืบของสี จิ้นผิงได้ ตราบใดที่รัฐบาลจีน และ ชาติตะวันตก ยังแสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด ความหวาดระแวงต่อกันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง 

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

ชินวัตรว้าวุ่น!! พ่อลุ้นพักโทษไม่เกิน ก.พ.67 ฟากลูกสาวทุ่มหมดหน้าตักจัดซอฟต์พาวเวอร์

22 ก.ย.นี้ จะครบรอบ 30 วัน ที่ ทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาดชาย ถูกคุมขังอยู่ที่ห้องสูท ชั้น 14  รพ.ตำรวจ และมีแนวโน้มสูงยิ่งว่าจะได้รับการพิจารณาอนุมัติให้นอนรักษาตัวต่อที่เดิม เหตุเพราะเมื่อวันสองวันก่อน อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวและคุณหมอใหญ่ของ รพ.ตำรวจ ออกมาบอกตรงกันว่า...ทักษิณเพิ่งฟื้นฟูจากการผ่าตัด

ส่วนจะเป็นการผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่ หรือ ผ่าตัดสิว ผ่าตัดเล็บคุด ก็เกินที่จะคาดเดา เพราะไม่มีการแถลง...

วันที่ 24 ก.ย.นี้ กลุ่ม คปท.หรือ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนเพื่อการปฏิรูป ของ 'ทนายนกเขา' จะสวมรองเท้าผ้าใบพร้อมปากกาแห่กันไปลงนามเยี่ยมไข้ทักษิณกันให้อึกทึกครึกโครม...โทษฐานที่ดูเหมือนว่าหน่วยงานของรัฐจะเลือกปฏิบัติกันแบบเห็นๆ ไม่นำพาความรู้สึกประชาชน...

มีบรรดาแฟนนานุแฟนถามไถ่ 'เล็ก เลียบด่วน' ว่าเอาเข้าจริง...ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับพระมหากรุณาพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี  จะได้ออกจากคุกไม่ว่าเป็นการพักโทษหรืออภัยโทษเมื่อไหร่กันแน่...

ก็ต้องอธิบาย ข้อกฎหมาย-ระเบียบ อันเป็นกฏกติกามารยาทว่า...

#กรณีพักโทษ...ซึ่งมีสองกรณีคือ กรณีปกติ กับ กรณีพิเศษ ทักษิณก็คงใช้กรณีพิเศษ คือ อายุมากกว่า 70 ปี อย่างไรก็ตามตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ระบุว่า จะต้องติดคุกมาไม่น้อยกว่า 6 เดือนขึ้นไปหรือ 1 ใน 3 แล้ว…แต่อย่างไหนมากกว่ากัน กรณีทักษิณติดคุกมาตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. ครบ 1 ใน 3 คือเดือน ธ.ค.แต่ไม่ถึง 6 เดือน…โดยกรณีทักษิณจะครบ 6 เดือน วันที่ 22 ก.พ.2567

#กรณีพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปในวาระต่างๆ กำหนดว่าต้องติดคุกมาแล้ว 1 ใน3  กรณีทักษิณหากมีพระราชทานอภัยโทษทั่วไปในวันที่ 5 ธ.ค. ทักษิณก็ไม่เข้าข่ายติดคุกมาแล้ว 1 ใน 3 อยู่ดี...ไม่ได้สิทธิ์!!

สรุปว่า ถ้าเดินตามสองกรณีนี้เป๊ะ...อย่างเก่งเดือนก.พ.ทักษิณ จึงจะออกจากคุก ได้รับอิสรภาพจริงๆ

แต่ก็นั่นแหละ...เชื่อกันว่า ยังมีกฎข้อระเบียบให้คนอย่างทักษิณรอดออกมาได้เร็วกว่า ก.พ.2567 อย่างแน่นอน...โดยเฉพาะการคุมตัวให้อยู่ที่บ้าน

กฎกติกาพวกนี้...กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ควรจะได้แจกแจงเรื่องพวกนี้ให้สังคมกระจ่างแจ้ง

'เล็ก เลียบด่วน' แว่วมาว่าวันจันทร์ที่ 25 ก.ย.กรรมาธิการสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มี สว.สมชาย แสวงการ เป็นประธานจะเชิญกรมกองต่างๆ รวมทั้งรพ.ตำรวจแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบไปชี้แจงซักถาม...

ก็เลยขอชูจั๊กกะแร้เชียร์ มา ณ โอกาสนี้

จบจากเรื่องคุณพ่อ ก็ต้องไปที่เรื่องคุณลูกสาว...อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ... 'เล็ก เลียบด่วน' ไม่กล้าฟันธงว่าเธอจะรับบทหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนต่อไปหรือไม่?

แต่ฟันธงได้อย่างเดียว ว่าเธอจะทุ่มหมดหน้าตักกับภารกิจในฐานะรองประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่ครั้งแรกวันที่ 3 ต.ค. และในวันดังกล่าว เธอก็น่าจะผงาดนั่งเก้าอี้ประธานบอร์ดบริหาร...ที่จะตั้งขึ้นมา

นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ของพรรคเพื่อไทย คือ หัวใจของ 'อุ๊งอิ๊ง' โดยพรรคเพื่อไทยเตรียมทำกฎหมายรองรับองค์กรซอฟต์พาวเวอร์นี้ ใหญ่และมั่นคงกว่าองค์การมหาชน แต่ไม่ใช่หน่วยงานหรือกรมกองของกระทรวง...

ใหญ่ไม่ใหญ่แค่ไหนไม่มีใครรู้...รู้แต่ว่า...จะเป็นหน่วยงาน ที่จะสร้างหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงที่เป็นกระดานหกส่งให้ 'อุ๊งอิ๊ง' เป็นนายกรัฐมนตรีได้เลยทีเดียว

แต่ทั้งนี้มีข้อแม้ว่าเลือกตั้งรอบหน้า จะต้องไม่แพ้พรรคก้าวไกล...ที่วันสองวันนี้พวกเขากำลังยกเครื่องใหญ่...ปิดฉากยุคลิเก ยุคนายกฯ แห่...เข้าสู่โหมดชิงบ้านชิงเมืองกันจริงๆ...

อุ๊งอิ๊ง...สู้ๆ !!
สวัสดี !!

‘ผู้โดยสาร’ อึ้ง!! ประตูรถไฟฟ้า ‘เปิดค้าง’ ขณะวิ่งให้บริการ ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการความปลอดภัย

(21 ก.ย. 66) คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรถไฟฟ้าประเทศไทยกลายเป็นไวรัล มีผู้ชมแล้วกว่า 1.4 ล้านครั้ง ภายหลังเผยแพร่เพียง 17 ชั่วโมง โพสต์โดยผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อว่า star111042 ขณะที่รถไฟฟ้ากำลังเคลื่อนที่จากสถานีหนึ่งไปยังสถานีหนึ่ง ปรากฎว่าประตูรถไฟฟ้าบานหนึ่งกลับเปิดอยู่ และมีเจ้าพนักงานมาดูแล แจ้งสถานการณ์ผ่านลำโพงแก่เจ้าหน้าที่ในขบวนรับทราบ

เจ้าของคลิป เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางจาก (BTS บางจาก) มีพนักงานมาไขล็อคประตูไว้ คาดว่าจะล็อคผิดทำให้ประตูค้าง ไม่ยอมปิดมาจนถึงอีกสถานีหนึ่ง

พนักงานหญิงที่อยู่ในคลิปเป็นผู้เดินมาเจอว่าประตูค้างไม่ยอมปิด ตอนที่รถไฟฟ้าออกจากสถานีแล้ว พนักงานรายดังกล่าวจึงได้โทรประสานกับพนักงานที่เป็นคนไขล็อคไว้ พอถึงสถานีรถไฟฟ้าปุณณวิถี (BTS ปุณณวิถี) พนักงานที่ไขไว้ได้กลับมาปิดประตูแล้วล็อคให้ใหม่ พร้อมแปะป้าย ‘ประตูขัดข้อง’ ไว้

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดเสียวแก่ผู้โดยสารในขบวนอย่างมาก ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการความปลอดภัยด้วย เช่นว่า

– คนแน่นๆ ประตูไม่ปิด หรือเปิดเอง มันจะเป็นโศกนาฏกรรมไหม
– ถ้าเป็นช่วงห้าโมงเย็นนะ หือออไม่อยากจะคิด
– รถไฟฟ้าเปิดประทุน
– อันตรายมาก ถ้าคนเยอะๆ นี้ตกไปแน่เลย
– เขาถึงบอกว่าอย่ายืนหน้า หรือพิงประตู อะไรก็เกิดขึ้นได้
– สิ่งที่เคยจินตนาการไว้ ได้เกิดขึ้นแล้ว
– ถ้าเป็นช่วงเวลาพีคไม่อยากจะคิด
– จากผู้โดยสาร สู่ ผู้ประสบภัย
– หลายปีก่อนก็มีเหตุการณ์แบบนี้ค่ะ แต่ไม่มีใครเป็นอะไร ทำให้ระแวงทุกครั้งที่ยืนเบียดหน้าประตู และคิดเตรียมพร้อมตลอดเวลาเผื่อเกิดเรื่องแบบนี้ค่ะ

‘ปิยบุตร’ จวก ‘ก้าวไกล’ เมินเฉย ‘ช่อ’ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ลั่น!! ถ้าพรรคไม่แถลง เดี๋ยวไลฟ์อรรถาธิบายหมดเปลือกเอง

(21 ก.ย. 66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กกรณีที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ และโฆษกคณะก้าวหน้าถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดไป ว่า

ผมทราบข่าวกรณีคุณช่อ พรรณิการ์ วานิช ตั้งแต่บ่ายสามแล้ว แต่จงใจยังไม่แสดงความเห็นใด ๆ เพราะ อยากรอดูว่าพรรคก้าวไกลจะมีการสื่อสารแบบเป็นทางการออกมาบ้างหรือไม่ แต่จนถึงตอนนี้ ไม่มีเลย พบเห็นแค่มี ส.ส.บางคนแสดงความไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง แต่ไม่มีการแถลงหรือวิจารณ์ใด ๆ ออกจากพรรคก้าวไกลแม้แต่น้อย

อย่าใช้เหตุผลนะครับว่า คุณช่อไม่ใช่สมาชิกพรรคก้าวไกล นั่นคนละเรื่องเลย พรรคการเมืองสามารถแสดงความเห็นได้อยู่แล้ว ยังไม่นับว่าคุณช่อเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้พรรคก้าวไกลด้วย ในขณะที่ ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล และผู้สนับสนุนพรรคอื่น ยังแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างกว้างขวาง แต่พรรคก้าวไกลกลับ ‘เงียบกริบ’

เงียบจนผมรู้สึกว่า ‘ไร้น้ำใจ’ กับพรรณิการ์ วานิช จนเกินไป

ในเมื่อพรรคก้าวไกลไม่พูดอะไรเลย ก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมแถลงวิจารณ์คดีนี้เอง วันสองวันนี้ ผมจะไลฟ์ อรรถาธิบายทั้งหมดครับ

ระหว่างนี้ อ่านข้อเขียนที่ผมเคยวิจารณ์สมัยที่คุณปารีณา ไกรคุปต์ ถูกศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ไปพลางก่อนได้ครับ

จากนั้น นายปิยบุตร ได้เขียนข้อความเพิ่มเติมในช่องแสดงความคิดเห็น ว่า สำหรับท่านที่เห็นว่า ต้องให้เวลา คนของพรรคเสียหน่อย แต่ทำไมเรื่องอื่น พรรคตอบโต้ได้เร็วล่ะครับ

ยังไม่ต้องถึงขนาดวิจารณ์แบบวิชาการลงละเอียดก็ได้ ขอแค่แสดงจุดยืนก็ยังดี 

มีแต่ สส. บางคนแสดงความเห็นกันเอง แล้วก็สะเปะสปะ ไม่มีทิศทางด้วย

พรรคก้าวไกลได้โอกาส ‘ฮันนีมูน’ จากผู้สนับสนุน พร้อมจะแก้ต่างและเข้าใจไปเสียทั้งหมดได้ แต่ต่อไปช่วงเวลา ‘ฮันนีมูน’ จะค่อย ๆ หมดลง

พรรคก็ควรคิดจริงจังเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว

สำหรับผม ถ้าพรรคไม่พร้อม ไม่มีคนโต้ศาลได้ อย่างน้อยแสดงจุดยืนบ้างก็ยังดี

ในเมื่อพรรคก้าวไกลมีจุดยืนเรื่องทำรัฐธรรมนูญใหม่ เรื่องโต้แย้งความผิดปกติของรัฐธรรมนูญ 60 แต่พอเกิดเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก กลับเงียบกริบ

‘นายกฯ เศรษฐา’ หารือประธาน FIFA สานต่อความร่วมมือด้านกีฬา พร้อมย้ำ!! ‘ไทย-อาเซียน’ ดีพอเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2034

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 66  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อนุญาตให้นายจีอันนี อินฟันติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) เข้าเยี่ยมคารวะ ในห้วงการประชุม UNGA78 เพื่อหารือแนวทางขยายความร่วมมือด้านกีฬาระหว่างไทยและอาเซียนกับ FIFA โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสาระสำคัญจากการหารือ ดังนี้

ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างไทย-อาเซียน-ฟีฟ่าในอนาคต โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพ และมีพัฒนาการด้านฟุตบอลต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณ FIFA สำหรับความร่วมมือในการสนับสนุนให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้กีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐาน (Grassroots)

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ FIFA ขยายความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพด้านฟุตบอล พร้อมย้ำว่าอาเซียนมีความพร้อมและจะมุ่งพัฒนาศักยภาพต่อไปเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกร่วมกันของอาเซียน ปี 2577 (ค.ศ. 2034)

ประธาน FIFA เห็นพ้องที่จะสานต่อความร่วมมือระหว่าง ‘ไทย-อาเซียน-ฟีฟ่า’ เพื่อขยายโอกาสและทำให้ฟุตบอลเป็นกีฬาสำหรับทุกคน พร้อมเชิญนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสามัญของ FIFA สมัยที่ 74 (74th FIFA Congress) ช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้า ซึ่งจะจัดขึ้นภายใต้การเป็นเจ้าภาพของไทย ในฐานะประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 211 ประเทศทั่วโลก

‘กระทรวงแรงงาน’ เปิดรับสมัครคนทำงาน ‘มาเก๊า’ หลายตำแหน่ง เงินเดือนสูงสุดเกือบ 8 หมื่นบาท ยื่นได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 27 ก.ย.66

(21 ก.ย. 66) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครคนไทยไปทำงานในเขตบริหารพิเศษมาเก๊า กับนายจ้าง บริษัท Galaxy Entertainment Group ซึ่งประกอบกิจการโรงแรม คาสิโน และร้านอาหาร จำนวน 7 ตำแหน่ง รวม 34 อัตรา ได้แก่ พนักงานต้อนรับลูกค้าวีไอพี กัปตัน พนักงานเสิร์ฟ บาร์เทนเดอร์/บาร์แอทเทนแดน พนักงานฝ่ายต้อนรับวีไอพี พนักงานนวดสปา และพนักงานนวดฝ่าเท้า เงินเดือนอยู่ระหว่าง 50,370 - 78,840 บาท โดยนายจ้างจะจ่ายค่าโดยสารเครื่องบินไป - กลับ เมื่อทำงานสิ้นสุดสัญญาจ้าง ช่วยจ่ายค่าที่พักเดือนละ 500 เหรียญมาเก๊า จัดอาหารในช่วงเวลาทำงาน ทำประกันสุขภาพ และสวัสดิการอื่นๆ ตามกฎหมายแรงงานมาเก๊ากำหนด ซึ่งการรับสมัครในครั้งนี้เป็นการดำเนินการเพื่อจัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยวิธีรัฐจัดส่ง คนหางานไม่เสียค่าสมัครหรือค่าบริการใดๆ ทั้งสิ้น ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปทำงานจ่ายเพียงค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ได้แก่ ค่าถ่ายรูป ค่าทำหนังสือเดินทาง (กรณียังไม่มี) ค่าตรวจสุขภาพ ค่าตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และค่าสมัครสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ รวมค่าใช้จ่าย ประมาณ 5,500 บาท โดยสามารถศึกษารายละเอียดการสมัครสอบ และดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร ได้ที่เว็บไซต์ doe.go.th/overseas หัวข้อ ‘ข่าวประกาศรับสมัคร’ โดยยื่นใบสมัครทางอีเมล ตั้งแต่วันที่ 21 - 27 กันยายน 2566 ไม่เว้นวันหยุดราชการ

นายไพโรจน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับตำแหน่งงาน และคุณสมบัติที่นายจ้างบริษัท Galaxy Entertainment Group ต้องการ จะต้องเชี่ยวชาญการสื่อสารภาษาไทยและจีนกลาง สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี มีใจรักการบริการ สามารถทำงานเป็นกะได้ และมีประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งที่สมัคร โดยทั้ง 7 ตำแหน่ง มีรายละเอียด ดังนี้

1. พนักงานต้อนรับลูกค้าวีไอพี (Service Ambassador) เพศหญิง อายุระหว่าง 21 - 32 ปี ส่วนสูง 165 เซนติเมตรขึ้นไป จำนวน 5 อัตรา ค่าจ้างเดือนละ 16,000 – 18,000 เหรียญมาเก๊า หรือประมาณ 70,080 – 78,840 บาท

2. กัปตัน (Captain) อายุระหว่าง 25 - 35 ปี  จำนวน 5 อัตรา ค่าจ้างเดือนละ 15,000 เหรียญมาเก๊า หรือประมาณ 65,700 บาท

3. พนักงานเสิร์ฟ (Service Agent) อายุระหว่าง 21 - 32 ปี จำนวน 5 อัตรา ค่าจ้างเดือนละ 11,500 เหรียญมาเก๊า หรือประมาณ 50,370 บาท

4. บาร์เทนเดอร์/บาร์แอทเทนแดน (Spa Therapist) เพศชาย อายุระหว่าง 21 - 35 ปี จำนวน 5 อัตรา ค่าจ้างเดือนละ 11,500 เหรียญมาเก๊า หรือประมาณ 50,370 บาท

5. พนักงานฝ่ายต้อนรับวีไอพี (Welcome Ambassador) ในแผนกโรงแรม การจัดประชุม และนิทรรศการ เพศหญิง อายุระหว่าง 21 - 29 ปี ส่วนสูง 170 เซนติเมตรขึ้นไป น้ำหนัก 48 - 55 กิโลกรัม ไม่มีรอยแผลเป็น และรอยสัก จำนวน 2 อัตรา ค่าจ้างเดือนละ 14,000 เหรียญมาเก๊า หรือประมาณ 61,320 บาท

6. พนักงานนวดสปา (Spa Therapist) เพศหญิง สัญชาติไทย อายุไม่เกิน 40 ปี จำนวน 2 อัตรา 13,900 เหรียญมาเก๊า หรือประมาณ 60,882 บาท

7. พนักงานนวด – ฝ่าเท้า (Masseur-Foot Hub) เพศหญิง อายุระหว่าง 21 - 45 ปี จำนวน 10 อัตรา ค่าจ้างเดือนละ 13,000 เหรียญมาเก๊า หรือประมาณ 56,940 บาท

“หนึ่งในนโยบายสำคัญของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งมั่นทำให้สำเร็จ ภายในปี 2567 คือการส่งเสริมและขยายตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศ 100,000 อัตรา ซึ่งการไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากสำเร็จนอกจากช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยถึง 100,000 คนให้ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ 100,000 ครอบครัวมีโอกาสยกระดับคุณภาพชีวิตตามไปด้วย” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2245 1034 ในวันและเวลาราชการ

‘เศรษฐา’ ยันไม่มีความคิดปลด ‘ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ’ ย้ำชัด ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน

เมื่อวานนี้ (20 ก.ย. 66) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวจะปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ว่า เป็นเรื่องที่น่าตลกมาก ตนไม่เคยมีความคิดและคราวนี้ไม่แน่ใจว่ามีข่าวมาได้อย่างไร ตนเคยได้เจอผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 3 ครั้ง ตั้งแต่ตนเข้ามาทำงานการเมือง ก่อนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าฯ ได้เข้าไปที่พรรคเพื่อไทย เพื่อหารือถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ได้ให้ข้อเสนอแนะ ตนก็น้อมรับมาปฏิบัติ และได้เจอกันที่กระทรวงการคลังในวันที่มอบนโยบาย คือทุกคนไปพูดว่านายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิที่จะไปไล่ผู้ว่าฯ ธปท.

“บางคนไปพูดว่านายกรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปไล่ ผมนี่ความคิดยังไม่มีเลยครับ อย่าว่าแต่สิทธิ์เลยครับ ความคิดยังไม่มีเลย ผมว่าเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผมและผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เราไม่เคยมีเรื่องอะไรมาก่อน ผมให้ความเคารพ ให้เกียรติ ต่างคนต่างเคารพซึ่งกันและกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำ

กรรมการสภาองค์กรผู้บริโภค ซัด!! การตัดสิทธิการเมืองขัด รธน. ชี้!! เพราะ รธน.เล็กกว่าพระราชบัญญัติ ประเทศจึงเละแบบนี้

(21 ก.ย. 66) นายกมล กมลตระกูล กรรมการนโยบายสภาองค์กรของผู้บริโภค โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การตัดสิทธิทางการเมืองขัดกับรัฐธรรมนูญ!

ถ้าเป็นที่อเมริกา ซึ่งมีระบบกฎหมายที่เข้มแข็ง เป็นธรรมและยึดหลักนิติธรรม คณะศาลฎีกาจะเป็นผู้ตัดสินว่ากฎหมายหรือคำตัดสินของศาลในคดีใดคดีหนึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่

กรณีการตัดสิทธิทางการเมืองของของคุณช่อ (พรรณิการ์) คุณธนาธร คุณปิยบุตร และนักการเมืองอื่นอีกหลายคนที่ผ่านมานั้นขัดกับหลักการพื้นฐานเรื่องการรับรองสิทธิ เสรีภาพ และ สิทธิส่วนบุคคลที่รัฐธรรมนูญค้ำประกันไว้ ดังนั้น จึงต้องเป็นโมฆะ (เมื่อบ้านเมืองมีหลักนิติธรรม และระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์)

อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญไทยเขียนไว้เป็นเรื่องตลกสำหรับชาวโลกและนักกฎหมายทั่วโลก คือ รับรอง หรือกำหนดเรื่องต่าง ๆ แต่ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ

กลายเป็นว่า รัฐธรรมนูญเล็กกว่า หรือมีอำนาจน้อยกว่า พ.ร.บ. คำถามที่เกิดขึ้น คือ แล้วจะมีรัฐธรรมนูญไว้เพื่ออะไร? ทุกเรื่องถึงเละตุ้มเป๊ะในทุกวันนี้ มีศรีธนญชัย และนักร้องเต็มไปหมด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top