Wednesday, 7 May 2025
NewsFeed

‘ดีเจแมน-ใบเตย’ ร่ำไห้ขึ้นศาล ดูซูบผอมและคล้ำขึ้น ทั้งคู่จับมือกันตลอดเวลา หลังเจอกันในรอบ 2 เดือน

(10 ก.ค. 66) ความคืบหน้าคดี หลังจากที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ส่งฟ้อง ‘นายพัฒนพล กุญชร’ และ ‘ใบเตย นางสาวสุธีวัน กุญชร’ ภรรยาสาว และพวกรวม 6 คน ใน 3 ข้อหา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ คดีแชร์ FOREX-3D เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลอาญาพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า จำเลยถูกฟ้องว่าร่วมกับพวกกระทำความผิดหลายกรรม ลักษณะการกระทำเป็นขบวนการ อันมีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก ส่งผลเสียในวงกว้าง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จึงให้ยกคำร้อง ทั้งหมดจึงถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวไปคุมขัง โดย ‘ดีเจแมน’ ถูกนำตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วน ‘ใบเตย’ ถูกนำตัวไปที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

ล่าสุดวันนี้ บรรยากาศที่ห้องพิจารณาคดี 809 ซึ่งเป็นห้องที่ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในคดี โดยมีกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานช่วงเวลา 09.30 น. ต่อมาเมื่อเวลา 09.25 น. จำเลยฝ่ายชายถูกควบคุมตัว เข้ามาภายในห้องพิจารณาคดี โดยดีเจแมน เป็นจำเลยฝ่ายชายคนสุดท้ายที่เข้ามาภายในห้อง ซึ่งลักษณะภายนอกดูซูผอมลง รวมไปถึงผิวดูคล้ำขึ้น สีหน้าแววตาดูมีความกังวล

หลังจากที่ดีเจแมนเข้ามาแล้ว ไม่ถึง 1 นาที ใบเตย ก็เดินตามเข้ามา โดยใบเตยมีอาการร้องไห้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในห้องพิจารณาคดี ซึ่งใบเตยได้ตัดผมสั้นเท่าติ่งหู ซูบผอม และผิวคล้ำ เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องพิจารณาคดีก็ได้นั่งข้างดีเจแมน โดยดีเจแมน ก็โอบกอดใบเตยจากด้านหลัง และลูบศรีษะเพื่อปลอบใจภรรยาก่อนที่ตัวเองก็หลั่งน้ำตาตาม หลังจากนั้น ใบเตย ก็เช็ดน้ำตาให้ ซึ่งระหว่างที่นั่งอยู่ภายในห้องพิจารณาคดีทั้งคู่ มีการพูดคุยกันและจับมือกันตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน ‘น้องชาย’ ของใบเตย ซึ่งเดินตามเข้ามาในห้องพิจารณาคดีด้วย ได้นั่งมองพี่สาวและพี่เขยอยู่จากด้านหลัง โดยมีการพูดคุยกันเป็นระยะ ซึ่งก็มีการให้กำลังใจกัน ก่อนที่พ่อของใบเตย จะเข้ามาภายในห้องพิจารณาคดี ซึ่งน้องชายของใบเตย จึงลุกจากที่นั่งเพื่อให้พ่อได้เข้ามานั่งด้านหลังของใบเตย

‘ตร.’ คุมตัว 2 ต่างชาติสอบเข้ม ปม ‘นักธุรกิจเยอรมัน’ หายตัวไป ล่าสุด ‘ทีมสืบฯ’ พบพิรุธเส้นทางการเงิน คาด!! อาจเอี่ยวคดีนี้ 

(10 ก.ค. 66) ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผบก.สส.ภาค 2 นำทีมบุกตรวจค้นบ้านพัก 1 ในผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติเกี่ยวข้องการหายตัวไปของนักธุรกิจอสังหาฯ ชาวเยอรมันช่วงกลางดึกที่ผ่านมา หลังเชิญตัวชาวต่างชาติ 2 รายสอบปากคำ แต่ยังไม่ให้การใดๆ ส่วนผู้สูญหายยังไม่รู้ชะตากรรม

จากกรณีการหายตัวไปของ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค (MR.HANS PETER RALTER MACK) อายุ 62 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวเยอรมัน พร้อมรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ คูเป้ อี 350 สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ญศ 7146 กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา จนภรรยาต้องประกาศตั้งรางวัลให้ผู้พบเห็นรถยนต์เป็นเงินจำนวน 100,000 บาท และเจอตัวผู้สูญหายจะให้รางวัลสูงถึง 3,000,000 บาท

โดยระบุว่าสามีหายไปหลังออกจากบ้านไปพูดคุยกับนายหน้าชาวต่างชาติที่รู้จักกันไม่นานเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ก่อนจะมีการตามเจอรถยนต์ซึ่งถูกนำมาจอดทิ้งที่ลานจอดรถข้างคอนโดฯ ภายในซอยเขาน้อย เมืองพัทยา และมีผู้พบเห็นว่ามีผู้หญิงนั่งมาด้วย

จนนำสู่การตรวจสอบอย่างละเอียดภายในรถเบนซ์คันดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ส่อแววร้าย เพราะพบว่าภายในรถยนต์มีการน้ำยาบางชนิดเข้ามาทำความสะอาดเบาะ และอีกหลายจุด ซึ่งเชื่อว่าเป็นความพยายามในการทำลายหลักฐาน และจากการตรวจสัญญาณโทรศัพท์มือถือครั้งสุดท้ายของผู้สูญหายพบพิกัดบริเวณแนวชายแดน จ.สระแก้ว นั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา (9 ก.ค.) พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภาค 2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ และเจ้าหน้าที่ทีมสืบสวนได้เชิญตัวชาวต่างชาติ 2 ราย ซึ่งเดินทางมาพร้อมทนายความเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม แต่ทั้งหมดยังคงปิดปากเงียบและยืนยันว่าจะให้ทนายความเป็นผู้จัดการเท่านั้น

โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว 1 ในผู้ต้องสงสัยเป็นหญิงชาวต่างชาติเข้ามาให้ปากคำแล้ว แต่ยังยืนยันว่าจะให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการเช่นกัน

จากนั้น พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภาค 2 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 2 สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวดชลบุรี เจ้าหน้าที่สืบสวนตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นำหมายค้นที่ 129/2566 เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 21/302 หมู่บ้านโชคชัย การ์เด้น 2 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ซึ่งเป็นบ้านของ 1ในผู้ต้องสงสัยแต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทีมสืบสวนได้พบเส้นทางการเงินที่ผิดปกติ รวมจำนวนกว่า 2 ล้านบาท ที่อาจมีส่วนเกี่ยวโยงกับคดีดังกล่าว แต่จะต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ขณะที่ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค ยังไม่ทราบชะตากรรมว่าเป็นตายร้ายดีเช่นไร

‘เบอร์เกอร์คิง’ ออกเมนูใหม่ ‘เรียลชีสเบอร์เกอร์’ ใส่ American Cheese เน้นๆ มากถึง 20 แผ่น

เมื่อวานนี้ (9 ก.ค. 66) เพจ ‘Burger King Thailand’ ได้โพสต์ภาพสินค้าใหม่พร้อมระบุว่า…

ไม่ขายขำ นี่ขายจริง!
เรียลชีสเบอร์เกอร์ จากเบอร์เกอร์คิง! 🍔
ใส่อเมริกันชีส ถึง 20 แผ่น!!! 🧀

ราคาเพียง 109.- (จากปกติ 380.-)
ชีสเบอร์เกอร์ตะโก๊น! คนที่กดไลก์แอดมิน ถ้าไม่สั่งจะงอนมาก

Exclusive วันแรกเฉพาะซื้อที่สาขา
ชาว Delivery พรุ่งนี้พร้อมกันทั่วประเทศ!
#BurgerKingTH #เบอร์เกอร์คิงยืนหนึ่งเรื่องคุณภาพ
#CheeseBurger #ชีสเบอร์เกอร์

‘ยอร์ช ยงศิลป์’ เตรียมเดบิวต์ในเกาหลีใต้ สังกัด GRID Ent. แฟนคลับร่วมแสดงความยินดี ผ่าน #yorch_yongsin

(10 ก.ค. 66) หลังจากที่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวในไทยจนปังไม่หยุดไปแล้วสำหรับ ‘ยอร์ช ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์’ และยังได้ปล่อยซิงเกิลแรกในชีวิต ‘Seven (7)’ พร้อมทั้งเปิดบริษัท YORCH ENTERTAINMENT ของตัวเองไปเมื่อกลางเดือนเมษาที่ผ่านมา

และก่อนหน้านี้ก็ทำเอาแฟน ๆ กรี๊ดกันใหญ่ไปแล้วเมื่อหนุ่มยอร์ช ได้โผล่เซอร์ไพรส์เป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตของ ‘บีไอ’ (B.I) หรือ ‘คิมฮันบิน’ (Kim Han Bin) แร็ปเปอร์และโปรดิวเซอร์หนุ่มฮอตจากเกาหลีใต้ ทำเอาแฟน ๆ เรียกร้องให้ทั้งคู่ร่วมงานกันอีกในอนาคต

และล่าสุดก็สิ้นสุดการรอคอย เมื่อยอร์ชได้เผยโปรไฟล์ตัวเองผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวพร้อมแคปชั่นว่า "My new home @fillthegrid" และเมื่อกดเข้าไปดูอินตาแกรม @fillthegrid ก็พบว่ามันคืออินสตาแกรมของ GRID Entertainment ซึ่งเป็นค่ายใหม่ที่อยู่ในเครือของค่าย 131 Label ซึ่งเป็นค่ายของแร็ปเปอร์หนุ่มสุดฮอต ‘คิมฮันบิน’ โดยค่าย GRID Entertainment ได้เปิดตัวศิลปินคนแรกคือหนุ่ม ‘ยอร์ช ยงศิลป์’ เป็นศิลปินคนแรกแถมยังเป็นคนไทยอีกด้วย เรียกได้ว่าได้กลิ่นความปังตั้งแต่เปิดตัวแล้ว

ทั้งนี้ แฟนคลับของยอร์ชได้ออกมาแสดงความดีใจผ่าน #yorch_yongsin จนขึ้นเป็นเทรนด์ในทวิตเตอร์อีกด้วย

'สมศักดิ์ เจียม' ซัด!! ผู้ใหญ่ใช้ปากเด็กสื่อสาร อยากแสดงความคิดเห็นเอง แต่ขี้ขลาด

(10 ก.ค. 66) รศ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เด็กอายุ 10 ขวบ ย่อมจะมีความคิดเห็นได้ คุยกับเพื่อน คุยกับผู้ใหญ่ แต่เราไม่ถือว่า การคุยเหล่านี้ต้องมีรับผิดชอบตามมา อาจจะเปลี่ยนใจ อาจจะเลิก ฯลฯ ดังนั้น เราจึงไม่ให้เด็กขนาดนี้ไปแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ เพราะอย่างหลังต้องมีความรับผิดชอบ

ผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบแล้ว ให้เด็กไปพูด #เท่ากับเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้ขลาด คืออยากจะแสดงความคิดเห็นดังกล่าว แต่ให้เด็กพูด บอกว่า "ก็เรื่องของเด็ก" ครั้นฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย จะทำอะไรเด็กก็ไม่ได้ จะทำอะไรผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้พูดเอง "ก็เด็กมันพูด" โดยสรุปแล้ว นับเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้ขลาดและไร้ความรับผิดชอบโดยแท้

รู้จัก 'ฝาท่อลายศิลปะ' แรงขับเคลื่อนจากยุคผู้ว่าฯ อัศวิน สู่การสานต่อหมุดหมายทางวัฒนธรรมในเมืองกรุง

เพจ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 65 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มีการประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) พร้อมด้วยมหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมหารือเรื่องการขยายผลงานวิจัย โดยนำเทคโนโลยีและศิลปะมาพัฒนาเมืองผ่านประติมากรรม ซึ่งมีขอบเขตพื้นที่ที่ศึกษา คือ เยาวราช-เจริญกรุง และสำเพ็ง โดยใช้แผนที่ทางวัฒนธรรม โดยมีนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ลัษมณ อรรถาพิช ที่ปรึกษาผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) รศ.จักรพันธ์ วิลาสินีกุล นักวิจัยจากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้บริหารสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ ณ ห้องอัมรินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร

ทั้งนี้ สำหรับแผนงานวิจัยดังกล่าวได้ดึงนักวิจัยชั้นนำของมหาวิทยาลัยศิลปากรจากหลายสาขามาร่วมดำเนินการเก็บข้อมูลภาคสนาม จนได้ข้อมูลที่ กทม. สามารถนำไปใช้ประโยชน์เพิ่มเติมจากข้อมูลของยูเนสโกเกี่ยวกับอาคารเก่าทรงคุณค่าและโบราณสถาน การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วัตถุดิบอาหาร และเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งในส่วนของอัตลักษณ์ของย่านเยาวราช-เจริญกรุง ที่จะดึงมาใช้เพื่อสื่อสารผ่านศิลปะได้มี 4 ประเภท คือ 

1. สถานที่สำคัญของย่านในอดีต เช่น น้ำพุวงเวียนโอเดียน ประตูสามยอด ห้างขายยา เป็นต้น 
2. สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม เช่น ลวดลายจีน อักษรที่เป็นมงคล หน้ากากงิ้ว เป็นต้น 
3. กิจกรรมทางวัฒนธรรมและกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น รถเข็นจีน รถราง เป็นต้น 
4. อาชีพและสินค้าที่เป็นที่นิยมและสร้างสรรค์ในย่าน เช่น ผลไม้จีน เครื่องยาจีน โคมไฟจีน ย่านทำตะเกียง อัญมณี เป็นต้น 

โดยประติมากรรมผ่านฝาท่อดังกล่าวจะต้องรักษาไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของเยาวราชควบคู่กับการพัฒนาเมืองในปัจจุบัน พร้อมกับข้อมูลในรูปแบบคิวอาร์โค้ดซึ่งสามารถสื่อสารได้ 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถศึกษาข้อมูลผ่านคิวอาร์โค้ดบนฝาท่อ

นอกจากนี้ยังจัดการฐานข้อมูลและพัฒนาให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปใช้งานในเว็บไซต์และแผนที่ทางวัฒนธรรม (Cultural Map) ได้ ทั้งนี้ รศ.จักรพันธ์ได้เสนอว่าระยะต่อไปเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองน่าจะมีมากกว่าสตรีทอาร์ต ตลอดจนการเข้าไปสำรวจพื้นที่เพื่อประเมินคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม สุนทรียศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคม วิทยาการและการศึกษา ซึ่งคณะวิจัยพร้อมที่จะมอบข้อมูลในคิวอาร์โค้ดและเว็บไซต์ให้กทม.เป็นผู้ดูแลต่อไป

ด้าน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องการให้มีการสนับสนุนคนท้องถิ่นดั้งเดิมในชุมชนย่านนั้นให้รวมตัวกันเพื่อร่วมให้ข้อมูลของชุมชน รวมถึงร่วมดูแลและสร้างอัตลักษณ์ของชุมชนร่วมกันด้วย เพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านฐานข้อมูลที่สำคัญและเป็นการร่วมอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ย่านดังกล่าวให้คงอยู่ ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครและนักวิจัยจะร่วมกันสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในย่านเยาวราช-เจริญกรุง เพื่อร่วมการจัดทำออกแบบฝาท่อและจุดพื้นที่วางประติมากรรมดังกล่าวอย่างเหมาะสมต่อไป

สำหรับโครงการ ‘ศิลปะบนฝาท่อสาธารณูปโภค’ เพื่อเผยแพร่แผนที่ทางวัฒนธรรมของชุมชน เป็นการต่อยอดมาจาก โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลองโอ่งอ่าง และโครงการศิลปะชุมชนกิจกรรมแต้มสี กรุงเทพฯ ปี 2561 ที่ผ่านมาในสมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ว่าฯ กทม. โดยโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวจึงนำมาสู่การสานต่อการติดตั้งฝาท่อลายศิลปะในพื้นที่ย่านเยาวราช-เจริญกรุง ต่อไป

บีโอไอ เผย รถยนต์อีวีจีน ปักหมุดฐานผลิตในไทย ดันมูลค่าลงทุนจากแดนมังกรปีนี้ทะลุ 7.7 หมื่นลบ.

บีโอไอนำธุรกิจไทยโรดโชว์จีน ร่วมมหกรรมแสดงสินค้าที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคตะวันตก เปิดเวทีจับคู่ธุรกิจ ดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมอีวี - พลังงานสะอาด

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยผลการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุน ณ มหานครฉงชิ่ง และนครเฉิงตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 28 - 30 มิ.ย. 2566 โดยคณะได้พบกับผู้บริหารของบริษัทรถยนต์ EV รายใหญ่ของจีน ได้แก่ บริษัท ฉงชิ่ง ฉางอัน ออโตโมบิล จำกัด และบริษัท เฌอรี่ ออโตโมบิล จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ EV อันดับที่ 5 - 6 ของจีน โดยได้หารือกันถึงความคืบหน้าของแผนการลงทุนในประเทศไทย นโยบายส่งเสริมการลงทุนและมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ของไทย

นอกจากนี้ บีโอไอได้นำคณะผู้ประกอบการจากสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย เข้าร่วมงานมหกรรมแสดงสินค้าที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคตะวันตกของจีน (WCIF) ซึ่งถือเป็น 1 ใน 10 งานระดับชาติของจีน และประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นประเทศเกียรติยศ เพียงประเทศเดียวในการจัดงานครั้งนี้ โดยภายในงาน บีโอไอได้ร่วมกับมณฑลเสฉวนและสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู จัดสัมมนาในหัวข้อ China (Sichuan) - Thailand Investment Cooperation Conference โดยบีโอไอ ได้นำเสนอโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่จีนมีความเชี่ยวชาญ เช่น EV, อิเล็กทรอนิกส์, ดิจิทัล และ BCG รวมทั้งมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านต่าง ๆ

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งนครเฉิงตู และศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีแห่งเมืองเทียนฟู จัดกิจกรรมสัมมนาและเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการจีนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม รวมทั้งระบบชาร์จไฟฟ้าและอุปกรณ์กักเก็บพลังงาน เป็นต้น โดยบีโอไอได้นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานจับคู่ธุรกิจหลายราย เช่น สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย และบริษัทในกลุ่ม ปตท., ทีซีซี และสหยูเนี่ยน เป็นต้น

นายนฤตม์ กล่าวว่า จากการเข้าพบบริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล จำกัด บริษัทได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทย และยืนยันแผนการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ EV ในประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนในเฟสแรกประมาณ 9,000 ล้านบาท เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสของตลาดไทยและภูมิภาคอาเซียน และความพร้อมของไทยในการเป็นแหล่งผลิตรถยนต์ที่โดดเด่นของภูมิภาค โดยบริษัทมีแผนเปิดตัวรถยนต์ EV ในไทยช่วงปลายปีนี้ สำหรับการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ EV ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยได้เตรียมการฝั่งประเทศไทยพร้อมหมดแล้ว รอเพียงการอนุมัติในขั้นตอนสุดท้ายจากรัฐบาลจีนเท่านั้น

สำหรับบริษัท เฌอรี่ ออโตโมบิล จำกัด บีโอไอได้หารือกับผู้บริหารที่รับผิดชอบด้านการลงทุนต่างประเทศของบริษัท ซึ่งมองว่าไทยเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่เหมาะสำหรับการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขับพวงมาลัยขวา เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยบริษัทให้ความสนใจประเทศไทยอย่างมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรและพิจารณารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมในไทย ในส่วนของการเข้าสู่ตลาดไทย บริษัทมีแผนนำรถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV รุ่น OMODA 5 เข้ามาเปิดตลาดในไทยเป็นรุ่นแรกในช่วงต้นปี 2567 เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย

“จากการหารือกับผู้ผลิตรถยนต์ EV รายใหญ่ของจีนทั้งสองราย มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ EV พวงมาลัยขวา เพราะมีความพร้อมด้านระบบนิเวศของอุตสาหกรรมยานยนต์ และมีตลาด EV ที่เติบโตสูงที่สุดในภูมิภาค ซึ่งบีโอไอได้ตอกย้ำมาตรการสนับสนุน EV แบบครบวงจรของภาครัฐ รวมทั้งความต่อเนื่องของนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม EV เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล” นายนฤตม์ กล่าว

สำหรับประเทศไทย ได้ชื่อว่า เป็นฐานการผลิตรถยนต์อีวีที่สำคัญของค่ายรถยนต์จากจีน หลายค่ายได้ขยายการลงทุนมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัท GAC AION New Energy Automobile หรือ GAC AION ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศจีน ซึ่งมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 2.7 แสนคันในปี 2565 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 6 แสนคันในปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้ตอบรับเดินหน้าลงทุนครั้งใหญ่ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะใช้เงินลงทุนในเฟสแรกกว่า 6,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค. - พ.ค.) มีโครงการจากจีนยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 93 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 31,000 ล้านบาท ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 แซงหน้าญี่ปุ่น โดยส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน และเคมีภัณฑ์

และคาดว่า ตลอดทั้งปี 2566 จะมีโครงการจากจีนยื่นขอรับการลงทุนมากกว่าปี 2565 ที่มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 7.7 หมื่นล้านบาท ได้อย่างแน่นอน

'ก้าวไกล' ส่งหนังสือด่วนถึง กกต. คัดค้านส่งเรื่องวินิจฉัย กรณี 'พิธา' ถือหุ้นสื่อไอทีวีไปยังศาลรัฐธรรมนูญ 

(10 ก.ค. 66) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้ส่งหนังสือด่วนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อคัดค้านการที่ กกต. จะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยกรณีหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนที่ระเบียบ กกต. ระบุไว้เอง มีความเร่งรัดเกินกว่าเหตุ จนน่าสงสัยในเจตนาของ กกต. ว่ากระทำโดยความเป็นกลางหรือไม่

นายชัยธวัชกล่าวว่า ตามระเบียบของ กกต. เมื่อมีการร้องเรียนผู้สมัครคนใดเกี่ยวกับการกระทำหรือการขาดคุณสมบัติ คณะกรรมการต้องไต่สวน สืบสวน รวบรวมข้อเท็จจริง จากนั้นให้แจ้งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ผู้ถูกร้องทราบ และให้ผู้ถูกร้องเข้าไปชี้แจง จากนั้นจึงดำเนินการต่อไปในการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ในกรณีนี้ เมื่อมีการไต่สวนรวบรวมข้อเท็จจริงแล้ว ยังไม่มีการแจ้งข้อเท็จจริงให้พิธาทราบ และยังไม่มีการเรียกเจ้าตัวไปชี้แจงด้วย แต่กลับจะมีการเร่งรัดส่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่ากับ กกต. กำลังทำผิดระเบียบของตนเองอยู่

“ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ อีกเพียง 4 วัน ก็จะถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี การที่จู่ๆ กกต.จะเร่งรัด ทำข้ามขั้นตอน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทันที อาจทำให้สังคมตั้งคำถามได้ว่าองค์กรอิสระทำหน้าที่อย่างไม่เป็นกลาง มีเป้าประสงค์ทางการเมืองหรือไม่ ผมเชื่อว่าประชาชนเฝ้ารอการโหวตนายกรัฐมนตรีกันทั้งประเทศ จึงไม่ควรมีการกระทำใดๆ ที่จะขัดขวางการตั้งรัฐบาลตามครรลองประชาธิปไตย” นายชัยธวัชกล่าว

‘หลวงปู่วิชิต’ พระมหาเถระวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร มรณภาพ สิริอายุรวม 95 ปี 10 เดือน 74 พรรษา

(10 ก.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก วัดประยุรวงศาวาส ได้แจ้งข่าวการสูญเสีย พระราชปริยัติดิลก (วิชิต อิสฺสโร ป.ธ.9) หรือ หลวงปู่วิชิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2566 เวลาประมาณ 10.45 น. ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริอายุรวม 95 ปี 10 เดือน 74 พรรษา

สำหรับ พระราชปริยัติดิลก หรือ หลวงปู่วิชิต นับเป็นพระมหาเถระที่มีพรรษากาลสูงสุดในวัดประยุรวงศาวาส และยังเป็นอาจารย์สอนพระปริยัติธรรมให้กับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ กรรมการ มส. แม่กองบาลีสนามหลวง เมื่อครั้งยังเป็นสามเณรมหาเปรียญธรรม และพระราชปริยัติดิลก ยังเป็นผู้ร่วมจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ พ.ศ.2497 อันโด่งดัง ร่วมกับหลวงปู่ทิมด้วย

ประวัติของ พระราชปริยัติดิลก หรือ หลวงปู่วิชิต มีนามเดิมว่า วิชิต วิจิตรบรรจง เกิดวันที่ 9 ก.ย. 2471 ที่ อ.ระโนด จ.สงขลา บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2492 ที่วัดพังตรี ตำบลระวะ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือ พระครูปทุมธรรมธารี วัดสามบ่อ ตำบลระวะ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา 

>> การศึกษา มีดังนี้
- พ.ศ. 2494 สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร  
- พ.ศ. 2523 สอบได้ ประโยค ป.ธ.9สำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร 
- พ.ศ. 2542 ได้รับพระบัญชาจากสมเด็จพระสังฆราชแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ 
- พ.ศ. 2549 ได้รับปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

>> เกียรติคุณ มีดังนี้
- พ.ศ. 2531 ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักรทองคำ ในฐานะผู้บริหารศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ดีเด่น จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- พ.ศ. 2549 ได้รับปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

>> ตำแหน่งฝ่ายปกครอง มีดังนี้
- พ.ศ. 2542  เป็นพระอุปัชฌาย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร

>> งานการศึกษา มีดังนี้
- พ.ศ. 2475 เป็นครูสอนปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร  พ.ศ.2479 เป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง 
- พ.ศ. 2498-ปัจจุบัน เป็นกรรมการตรวจข้อสอบบาลีสนามหลวง 
- พ.ศ. 2533 -ปัจจุบัน เป็นประธานนำข้อสอบบาลีสนามหลวงไปเปิดสอบ ณ สนามสอบคณะจังหวัดชุมพร คณะจังหวัดตรัง คณะจังหวัดสุราษฏร์ธานี และคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช

>> ลำดับสมณศักดิ์ มีดังนี้
พ.ศ. 2526 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญ ที่ พระศรีวิสุทธิดิลก 
พ.ศ. 2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ ชั้นราช ที่ พระราชปริยัติดิลก

‘ริกกี้ โคลเล’ หญิงข้ามเพศ คว้ามงกุฎ ‘มิสเนเธอร์แลนด์ 2023’ จุดกระแสด้านลบในโลกโซเชียล เกรง ‘หญิงแท้’ ถูกแย่งโอกาส

กลายเป็นกระแสวิจารณ์อย่างหนัก เมื่อหญิงข้ามเพศคว้าตำแหน่งผู้หญิงที่สวยที่สุดในเนเธอร์แลนด์ประจำปี 2023 สร้างความไม่พอใจในสื่อสังคมออนไลน์ของเนเธอร์แลนด์ หลายคนมองว่าการคว้าตำแหน่งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ‘หญิงแท้’ กำลังโดนแย่งโอกาส

‘ริกกี้ โคลเล’ วัย 22 ปี คว้าตำแหน่ง มิสเนเธอร์แลนด์ เอาชนะหญิงสาว 9 คน ในการประกวดเมื่อวันที่เสาร์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าคนเนเธอแลนด์ส่วนหนึ่งกลับไม่พอใจในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรวมถึง อีวา วลาดิงเกอร์โบร์ก นักเคลื่อนไหวทางการเมืองแนวซ้ายจัดที่แสดงความเห็นว่า “ผู้ชายเพิ่งคว้ารางวัล ‘มิสเนเธอร์แลนด์’ ปี 2023…ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรอีกแล้ว” เธอกล่าว

ก่อนหน้านี้ ริกกี้ โคลเล คือ หญิงข้ามเพศคนแรกที่ได้เข้าร่วมในรายการโทรทัศน์ ‘Holland’s Next Top Model’ ในปี 2018 และเป็นคนข้ามเพศคนที่ 2 ที่เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส โดยคนแรกมาจากสเปนในปี 2018 มิสยูนิเวิร์สอนุญาตให้ผู้เข้าประกวดข้ามเพศมาตั้งแต่ปี 2012

คณะกรรมการมิสเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า “โคลเลมีสตอรี่ที่แข็งแกร่ง และภารกิจที่ชัดเจน” และเสริมว่าพวกเขา “เชื่อมั่นว่าองค์กร จะสนุกกับการทำงานเธอ”

โคลเล โพสต์ใน Instagram ระบุ “ฉันทำแล้ว!!!!!” และ “ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง ๆ แต่ฉันต้องเรียกตัวเองว่า @missnederland 2023 มันเป็นการเดินทางเพื่อการเรียนรู้ และเป็นความสวยงาม ปีของฉันจะล้มเหลวไม่ได้แล้ว ต้องทำให้ชุมชนของฉันภูมิใจและแสดงให้เห็นว่าสามารถทำได้”

แต่กระแสการเลือกบุคคลข้ามเพศให้เป็น มิสเนเธอร์แลนด์ กลับสร้างกระแสถกเถียงในชุมชนออนไลน์ของเนเธอร์แลนด์มากมาย

ชาว Twitter คนหนึ่งเยาะเย้ยชัยชนะของ โคลเล และเรียกเธอว่าเป็น ‘มิสเตอร์ เนเธอร์แลนด์’ หลายโพสต์อิโมจิหน้าตัวตลกบนทวีตของพวกเขาเพื่อรายงานข่าว

“เนเธอร์แลนด์เป็นบ้านของผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” ชาวเนเธอร์แลนด์อีกคนบอก 

นอกจากนี้ยังมีคนแสดงความคิดเห็นว่า “ท่ามกลางสาวงามเหล่านี้ พวกเขาเพิ่งเสนอชื่อผู้ชายข้ามเพศให้เป็นมิสเนเธอร์แลนด์ 2023 ผู้ชายที่เคยมีอวัยวะเพศควรถูกตัดสิทธิ์จากการประกวดนางงามหญิงคนใด และมันบ้ามาก ๆ ถ้าฉันจะถูกเกลียดและโดนด่า เพียงแค่เพราะพูดความจริงพวกนี้"

ยังมีคนที่เปรียบเทียบภาพของมิสเนเธอร์แลนด์ กับสาวงามที่ได้ตำแหน่งรอง ๆ ว่าถ้าไม่คิดว่าใครเป็นหญิงแท้ ใครเป็นหญิงข้ามเพศ สาวงามหลาย ๆ คนก็สวยกว่ามิสเนเธอร์แลนด์ คนล่าสุดมาก ๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top