Tuesday, 6 May 2025
NewsFeed

ตำรวจไซเบอร์เตือน ระวังเพจขายสินค้าออนไลน์ปลอมระบาดหนัก ที่ผ่านมาพบประชาชนตกเป็นเหยื่อมากเป็นอันดับ 1

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่าได้รับรายงานจากการตรวจสอบสถิติการรับแจ้งความผ่านศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์พบว่าในช่วงที่ผ่านมายังคงมีผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงขายสินค้าและบริการออนไลน์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น 1.ซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้า 2.ซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ(ได้ไม่ตรงปก) 3.ซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือมีคุณต่ำ 4.การใช้หลักฐานการโอนเงินปลอมเพื่อหลอกลวงผู้ขาย เป็นต้น 

โดยมิจฉาชีพจะฉวยโอกาสมองหาสินค้าที่ประชาชนสนใจเป็นจำนวนมากในช่วงเวลานั้นๆ เริ่มจากการสร้างเพจเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมา แล้วตั้งชื่อเพจให้เหมือนหรือคล้ายคลึงกับเพจเฟซบุ๊กที่มีการซื้อขายสินค้าจริง ประกอบกับคัดลอกรูปภาพสินค้า เนื้อหา และโปรโมชัน จากเพจจริงมาใช้ให้เพจมีความเคลื่อนไหว สร้างความน่าเชื่อถือ มีการขายสินค้าในราคาถูกกว่าปกติ มีการการันตีสินค้า รีวิวสินค้าปลอมจากบัญชีเฟซบุ๊กอวตาร เมื่อหลอกลวงผู้เสียหายได้ทรัพย์สินเป็นจำนวนมากแล้ว ก็จะเปลี่ยนชื่อเพจเฟซบุ๊กหลอกลวงขายสินค้าไปเรื่อยๆ นอกจากนี้แล้วมิจฉาชีพยังได้ใช้วิธีการซื้อบัญชีเพจเฟซบุ๊กที่มีผู้ติดตามจำนวนมากอยู่แล้วมาใช้สร้างความน่าเชื่อถือหลอกลวงขายสินค้าให้แก่ประชาชนอีกด้วย ยกตัวอย่างที่ผ่านมา เช่น การหลอกลวงขายทุเรียนในช่วงฤดูกาลผลไม้, การหลอกลวงขายเครื่องปรับอากาศในช่วงสถานการณ์หมอกควันและฝุ่น PM 2.5, หลอกลวงขายแผงโซลาร์เซลล์ในช่วงค่าไฟฟ้าสูงขึ้น, หลอกลวงเอาเงินค่ามัดจำที่พักในฤดูกาลท่องเที่ยว เป็นต้น

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 65 – ๘ ก.ค. 66 มีประชาชนถูกหลอกลวงซื้อขายสินค้าและบริการสูงสุดเป็นลำดับที่หนึ่ง กว่า 111,139 เรื่อง หรือคิดเป็น 38.11% ของจำนวนเรื่องการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีความเสียหายรวมกว่า 1,644 ล้านบาท  

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงขายสินค้าออนไลน์

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มีคดีสำคัญหลายคดี สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายได้หลายราย และตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ถึงแม้จะมีข้อดีหลายๆ ประการ แต่ก็เป็นช่องทางหนึ่งให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบ

จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ พร้อมแนวทางการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้
1.ระมัดระวังการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่ไม่มีหน้าร้าน ควรติดต่อซื้อจากบริษัท หรือตัวแทนจำหน่ายโดยตรง
2.ระมัดระวังการซื้อสินค้าราคาถูก จำไว้ว่า ของฟรีไม่มีในโลก ของถูกต้องถูกอย่างมีเหตุผล
3.หากจะซื้อสินค้าผ่านเพจในเฟซบุ๊ก ต้องระมัดระวังเพจปลอม หรือเพจลอกเลียนแบบ โดยเพจจริงควรจะมีผู้ติดตามสูง มีการสร้างขึ้นมานานแล้ว และมีรายละเอียดการติดต่อร้านชัดเจน อย่างน้อยสามารถโทรศัพท์ติดต่อไปสอบถามได้

4.ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ ว่ามีการเปลี่ยนชื่อมาก่อนหรือไม่ ผู้จัดการเพจอยู่ในประเทศหรือไม่
5.ตรวจสอบว่ามีสินค้าจริงหรือไม่ โดยขอดูภาพหลายๆ มุม สอบถามรายละเอียดสินค้าที่เกี่ยวข้อง ผลิตจากที่ใด เงื่อนไขการรับประกัน วิธีการใช้งาน เป็นต้น
6.ตรวจสอบการรีวิวสินค้า ผู้ที่เคยสั่งซื้อได้รับสินค้าหรือไม่ คุณภาพสินค้าเป็นอย่างไร ระวังการรีวิวปลอม ควรตรวจสอบตัวตนผู้รีวิวว่าเป็นอวตารหรือไม่

7.ก่อนโอนชำระเงินค่าสินค้า ให้ตรวจสอบประวัติของร้าน และชื่อหมายเลขบัญชีธนาคารที่รับโอนเงิน ว่ามีประวัติไม่ดีหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ Google, Blacklistseller, chaladohn เป็นต้น
8.เมื่อชำระเงินแล้ว ควรติดตามการจัดส่งจากผู้ซื้อ หรือขอดูหลักฐานการส่งสินค้า เพื่อยืนยันว่าส่งสินค้าให้จริง
9.หากท่านไม่ได้สั่งซื้อสินค้าดังกล่าว ควรปฏิเสธรับสินค้า และห้ามชำระเงิน หากไม่มั่นใจให้สอบถามบุคคลในบ้านให้ชัดเจน
10.กดรายงานบัญชี หรือเพจในเฟซบุ๊กปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อ
11.หากสินค้ามีปัญหาให้รวบรวมพยานหลักฐาน เช่น ข้อความการสนทนา หลักฐานการชำระเงิน คำสั่งซื้อสินค้า แล้วติดต่อกับผู้ขายให้แก้ไขปัญหา ส่งสินค้าคืน หรือเคลมสินค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด

ตำรวจไซเบอร์จับคาผ้าเหลือง เครือข่ายสรรพากรเก๊หนีจนมุมคากุฏ

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีตรวจสอบการกระทำความผิดตามสื่อสังคมออนไลน์ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรไปหาผู้เสียหายหลอกว่ามาจากกรมสรรพากร แล้วอ้างว่าจะทำเรื่องลดภาษีให้ แต่ไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงาน ต่อมาให้แอด LINE แล้วกรอกลิงก์ทำตามขั้นตอน หลังจากนั้นมือถือผู้เสียหายค้าง ทำอะไรไม่ได้ เมื่อใช้การได้ปกติพบว่าเงินในบัญชีที่ติดตั้งแอพธนาคาร 3 บัญชีถูกโอนออกไปหมด รวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท จากการรวบรวมพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดมหาสารคาม ออกหมายจับ นายอันนพ อายุ 46 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร

ต่อมาในวันที่ 10 ก.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบว่า นายอันนพฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ มาปรากฏตัวบริเวณวัดแห่งหนึ่งใน อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร จึงได้เดินทางมาตรวจสอบ พบผู้ต้องหาอยู่ภายในวัดดังกล่าว จึงได้แสดงตัว และอ่านหมายจับ รวมทั้งได้ให้ผู้ต้องหาตรวจสอบหมายจับและอ่านหมายจับเอง ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้แจ้งให้ผู้ต้องหา ทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดในฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและร่วมกันเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน” และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.มรกต แสงสระคู ผกก.2 บก.สอท.3 ได้ฝากเตือนให้ผู้เสียภาษีระมัดระวังกลลวงจากมิจฉาชีพด้วย ซึ่งในปีที่แล้ว พบมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายภาษีในกรณีต่างๆ เช่น อ้างว่าจะคืนภาษีให้ อ้างว่าเป็นหนี้ภาษีอากรค้างกรมสรรพากร หรือในเรื่องอื่นๆ โดยมีเงื่อนไขให้กดลิงก์ปลอมตามที่ส่งให้ทางแอพพลิเคชั่น LINE หรือให้แจ้งรหัส OTP 6 หลัก โดยอ้างว่าจะดำเนินการให้ จึงขอย้ำเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร โทรหาส่ง SMS แจ้งให้ประชาชนยื่นแบบหรือให้ชำระภาษีประจำปี เพราะอาจทำให้ท่านสูญเสียทรัพย์สินได้

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พ.ต.อ.มรกต แสงสระคู ผกก.2 บก.สอท.3 ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.ธเนตร กาละกุล สว.กก.2 บก.สอท.3 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

‘เอม ตามใจตุ๊ด’ เพื่อนสนิท ‘พิมรี่พาย’ โดนจี้ถามดรามาน้ำปลาร้า ตอกกลับชาวเน็ตกลางไลฟ์สด ลั่น!! “อิพิมโกง สบายใจยัง?”

(11 ก.ค. 66) กระแสดรามาร้อนแรงโซเชียลปมน้ำปลาร้า ‘เจ๊กบ’ กับแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ‘พิมรี่พาย’ นอกจากกระแสรุมเร้า พิมรี่พาย เองโดนถล่มโดนจี้ถามรัวๆแล้ว บานปลายหนักไปถึงเพื่อนสนิทของพิมรี่พาย อย่างยูทูบเบอร์อินฟลูเอนเซอร์ดัง ‘เอม วิทวัส’ หรือ ‘เอม ตามใจตุ๊ด’

โดยชาวเน็ตเข้าไปแห่ถามถึงเรื่องพิมรี่พาย ขณะ เอม กำลังไลฟ์ขายของใน Tiktok ทำเอา เอม ก็ถึงกับตอบกลางไลฟ์ตามใจชาวเน็ตที่อยากฟังว่า “เอาตามที่พี่อยากฟังเลยนะ พร้อมยัง จริงพี่ อิพิมมันโกงแน่เลยเนอะ ว่าแล้วคนอย่างมันเนี่ย” พร้อมถามว่า “โอเคมั้ย สบายใจยัง สบายใจทุกคนแล้วนะ โอเคนะ จบ สบายใจให้พูดแบบนี้ใช่มั้ย โอเคสบายใจแล้ว”

แต่ยังมีคนเข้ามาบอกว่า “ใจเย็นพี่ เพื่อนพี่นะเบาๆ” เจ้าตัวถึงกับลั่นว่า “เห็นมั้ยก็ยังมีคนที่ไม่รู้เรื่องอีก” และยังมีคนถามอีกว่า “พี่พิมโกงจริงเหรอครับ” ทำเอาเอมถึงกับอุทาน “เห้ย ไปกันใหญ่แล้ว Tiktok”

เอม ยังบอกว่า “มีคนถามว่ารู้สึกยังไงกับพี่พิมเรื่องน้ำปลาร้า ก็เลยพูดไปว่าอยากได้ยินอะไรจากปากกู พวกมึงจะได้สบายใจ กูเลยพูดว่าใช่อิพิมโกงใช่ไหมพวกเรา คนก็มาถึง พี่เอมนั่นเพื่อนพี่นะใจเย็นๆหน่อย กูก็หาาา”

อยู่ทีมใคร อยู่ทีมพิมใช่มั้ย ไปให้กำลังใจ พิม อยู่ทีมป้ากบ ไปให้กำลังใจป้ากบ อยู่ทีมพี่หนุ่มใช่มั้ย ไปให้กำลังใจพี่หนุ่ม แค่นั้น อย่ามาถามกู สรุปโกงใช่มั้ย เป็นอะไร ถ้าอยู่ทีมกูก็อยู่กับกูไม่ต้องยุ่งกับใคร

ไปถามอิพิมพอมันด่าก็ไปตั้งสเตตัสด่ามัน ไปถามป้ากบ ป้ากบพูดไม่เข้าหูหน่อยก็ไปตั้งสเตตัสด่าป้ากบ ไปดูหนุ่ม กรรชัย โหนกระแส พอหนุ่ม กรรชัย พูดไม่ตรงใจก็ทัวร์ไปลงหนุ่ม ไปเรื่อยเปื่อย

คิดว่าอิพิมโกงก็ไปร่วมกันฟ้องกับป้ากบ คิดว่าอิพิมไม่ได้โกงก็ไปให้กำลังใจมัน ไม่ต้องงง ไม่ต้องมาถามกู ถามอิจ๊ะเลย เรื่องนี้ที่ไม่ออกความเห็นเพราะออกความเห็นไม่ได้ เรื่องของใครก็เรื่องของท่านแค่นั้นเอง เอาตัวเองให้รอดก่อนมั้ย เรื่องของกูยังไม่รอดเลย”

เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ‘เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin’

วันก่อนผมได้พบกับคุณริชาร์ด หลี่ นักธุรกิจใหญ่ในวงการประกันชีวิตและสาธารณูปโภคพื้นฐานชาวฮ่องกง เจ้าของหลากหลายเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น FWD Group, PCCW, Hong Kong Telecom และ Pacific Century Group นอกจากนี้ยังเป็นลูกชายของคุณหลี่ กาชิง มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกงปัจจุบัน คุณริชาร์ดเดินทางมาที่ประเทศไทยเพื่อศึกษาตลาดและโอกาสในการขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติม หลังจากที่เครือ FWD Group ได้ทำงานร่วมกับธนาคารไทยพานิชย์เป็นอย่างดีมาโดยตลอด และส่วนตัวคุณริชาร์ดเองก็ชื่นชอบประเทศไทยมาก 

ดีใจครับที่ไทยเรายังมีเสน่ห์ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติอยากมาร่วมลงทุน โดยเฉพาะหลังจากนี้ที่เราจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลฝั่งประชาธาธิปไตยได้สำเร็จ สถานการณ์ก็ย่อมดียิ่งขึ้นไปอีก ยินดีต้อนรับเสมอครับ

‘บีโอไอ’ ชี้!! ยอดลงทุน 6 เดือน พุ่ง 3.6 แสนล้าน ‘พริงเกิลส์-โลตัส บิสคอฟ’ ขยายฐานการผลิตในไทยต่อ

(11 ก.ค. 66) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ ‘บีโอไอ’ เปิดเผยสถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน 6 เดือน (มกราคม – มิถุนายน) ปี 2566 มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมรวมทั้งสิ้น 891 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และมีมูลค่าเงินลงทุน 364,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

สำหรับคำขอรับการส่งเสริมในอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีจำนวน 464 โครงการ มูลค่ารวม 286,930 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 79 ของมูลค่าขอรับการส่งเสริมทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ตามลำดับ

นอกจากการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการรายเดิมทั้งไทยและต่างชาติแล้ว ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้มีบริษัทระดับโลกหลายรายตัดสินใจขยายฐานผลิตมาที่ประเทศไทย เช่น บริษัท พริงเกิลส์ ผู้ผลิตมันฝรั่งแผ่นจากสหรัฐอเมริกา และบริษัท โลตัส บิสคอฟ ผู้ผลิตบิสกิตชื่อดังแบรนด์ ‘Lotus Biscoff’ สัญชาติเบลเยี่ยม เป็นต้น 

‘ชัชชาติ’ เชื่อ คานก่อสร้างทางยกระดับถล่ม ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จี้!! ผอ.เขตลาดกระบังเร่งสอบสวนสาเหตุ เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 66 นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวระหว่างลงพื้นที่เกิดเหตุคานโครงการก่อสร้างทางยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบังถล่ม ว่า ช่วงระหว่างก่อสร้างคือจุดอ่อนที่อันตรายที่สุด เนื่องจากคอนกรีตยังไม่แข็งตัว องค์ประกอบแต่ละส่วนของโครงสร้างยังไม่เชื่อมเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะต้องร้อยชิ้นส่วนซึ่งเป็นคอนกรีตมาประกอบกัน เชื่อว่าไม่ใช่เหตุสุดวิสัย ตามหลักการ เหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้น อาจมีความผิดปกติเกิดขึ้นระหว่างก่อสร้าง เพราะฐานรากมีการลงเสาเข็มลึกถึงชั้นทราย

สำหรับ Launcher คือคาน 1 คาน เคลื่อนไหวได้ ประกอบด้วย ชิ้นส่วนคอนกรีต 20 ชิ้น ต้องใช้ลวดสลิงดึงส่วนประกอบแต่ละชิ้นมาต่อกัน เบื้องต้นสันนิษฐานว่า เกิดจากความไม่เสถียรระหว่างก่อสร้าง ส่วนจุดที่เสาขาด คาดว่ารับน้ำหนักมากเกินไป

นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะมีการก่อสร้างลักษณะนี้มากมายในกรุงเทพมหานครโดยไม่ต้องปิดพื้นที่ และไม่เคยเกิดปัญหาลักษณะนี้ ต่อไปต้องคัดเลือกผู้รับเหมาที่มีคุณภาพ เบื้องต้นอาจต้องปิดพื้นที่บริเวณเกิดเหตุ 3-4 วัน และคาดว่าจะรู้สาเหตุภายในคืนนี้ สำหรับผู้บาดเจ็บ ณ เวลานี้ ได้รับแจ้ง 8 คน เสียชีวิต 1 คน ยังไม่มีรายงานผู้สูญหาย ปัจจุบัน ได้แต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานเขตลาดกระบัง เป็นผู้บัญชาการเหตุ

‘มดดำ คชาภา’ แอดมิทโรงพยาบาลด่วน หลังมีอาการปากเบี้ยว-ตาตก คาด!! อาจเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาท ชาวเน็ตแห่ส่งกำลังใจรัวๆ

(11 ก.ค. 66) ก่อนหน้านี้แฟนๆ พากันทักถามด้วยความเป็นห่วงว่า ‘มดดำ คชาภา’ เป็นอะไร ถึงมีอาการเหมือนปากเบี้ยว ซึ่งตอนแรกพิธีกรคนดังก็นึกว่าเป็นผลจากการไปทำฟันมา ก่อนจะทราบภายหลังว่าไม่ใช่ เพราะอาการดังกล่าวเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากความเครียด หรือติดเชื้อไวรัส

“ปากก็เบี้ยว ตาก็ตก ตอนแรกประมาทนึกว่ารักษารากฟันมา อ้าวเห้ย เกือบขิต โคตรสุด อดใจอีกวัน รักษาสุด หมอฟันโคตรน่ารัก หาทางออกให้ไม่เกี่ยวกับทำฟัน เกี่ยวกับเครียดทำงาน จนเส้นประสาทอักเสบ หนักเลย” มดดำเคยระบุ

ล่าสุด เมื่อคืนนี้ (10 ก.ค.) มดดำโพสต์ภาพขณะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล พร้อมเขียนข้อความบอก “เสร็จแฉ @chae_show เข้าโรงพยาบาลต่อ จบ” ซึ่งก็มีเพื่อนพ้องในวงการ รวมถึงแฟน ๆ จำนวนมากพากันแสดงความห่วงใย สอบถามว่าไปรักษาอาการของเส้นประสาทใช่หรือไม่ พร้อมกันนั้นก็พากันอวยพรให้หายเร็วๆ

'กาชาด' โต้ กสม. ยันไม่เคยเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มหลากหลายทางเพศ กรณีการจำกัดสิทธิบริจาคโลหิตในผู้ที่มีความหลากหลาย

(11 ก.ค.66) 'กาชาด' แจงข้อเท็จจริง เหตุ ‘กสม.’ แถลงคลาดเคลื่อน หวั่นเกิดความเข้าใจผิด ยันไม่มีการเลือกปฏิบัติ ตระหนักถึงหลักการ #ความเท่าเทียม

จากกรณี ‘สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)’ แถลงข่าวผ่านสื่อมวลชน (6 ก.ค. 2566) ถึงประเด็นเรื่อง 'การจำกัดสิทธิการบริจาคโลหิตในผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ' อันเป็นข้อมูลคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งทำให้ผู้บริจาคโลหิตและประชาชนเกิดความเข้าใจผิด

‘ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย’ ยังคงตระหนักถึงหลักการความเท่าเทียมกันของมนุษย์ และมาตรฐานสากลในการคัดเลือกผู้บริจาคโลหิต ที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริจาคและผู้ป่วยผู้รับโลหิตเป็นสำคัญ รวมถึงมีการทบทวนเกณฑ์การรับบริจาคโลหิตมาอย่างต่อเนื่อง มีการปรับคำถามในการคัดกรองและประชาสัมพันธ์มาอย่างสม่ำเสมอ โดยขณะนี้ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ อยู่ระหว่างดำเนินโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาเกณฑ์การรับบริจาคโลหิตของประเทศ ร่วมกับ สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย

โอกาสนี้ ‘ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย’ ขอยืนยันข้อเท็จจริงว่า มิได้มีการเลือกปฏิบัติหรือตีตราผู้มีความหลากหลายทางเพศแต่อย่างใด หากแต่มุ่งมั่นในการให้บริการโลหิตที่ปลอดภัยทั้งผู้ให้และผู้รับ และขอให้ ‘สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ’ ทบทวนประเด็นดังกล่าวและแถลงข้อเท็จจริงต่อไป

ศาลรับคดี ‘สว.อุปกิต’ ฟ้อง ‘โรม’ หมิ่นประมาท  ปมอภิปรายในสภาฯ เรื่อง ‘เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา’

(11 ก.ค. 66) ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีดำอ.468/2566 ที่นายอุปกิต ปาจริยางกูร วุฒิสมาชิก (ส.ว.) ยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ

กรณีช่วงคืนวันที่ 15 ก.พ. 2565 ในการอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีนายรังสิมันต์ ได้อภิปรายในหัวข้อ ‘เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา’ โดยมีเนื้อหาพาดพิง ใส่ความให้ผู้อื่นเข้าใจว่า นายอุปกิต มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งล้วนเป็นเท็จทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาทด้วย

โดยวันนี้ทั้งนายอุปกิต ปาจรียางกูร และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โจทก์และจำเลยไม่ได้มาศาล แต่มอบหมายให้ทนายความมาฟังคำสั่งแทน

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การอภิปรายและนำคลิปวิดีโอมาเปิดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ของนายรังสิมันต์ โรม จำเลยซึ่งมีหน้าที่และเอกสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่การที่จำเลยนำคลิปวิดีโอในการอภิปรายดังกล่าวนั้น ออกมาเผยแพร่ทางช่องทั้ง YouTube และ Facebook ซึ่งเป็นสื่อโซเชียล ถือว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา คดีมีมูลจึงมีคำสั่งประทับรับฟ้อง พร้อมให้เจ้าหน้าที่ศาลมีหมายแจ้งให้จำเลยทราบนัด เพื่อมาสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 21 ส.ค. เวลา 09.00 น.

ชาวแอฟริกาใต้สุดตื่นเต้น!! หิมะตกครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังแนวปะทะอากาศ เย็นพัดผ่าน ทำอุณหภูมิลดฮวบทั่วเมือง

(11 ก.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแอฟริกาใต้ ระบุว่า เราได้เห็นสภาพอากาศเช่นนี้ เมื่อปี 2012 โดยมีรายงานหิมะตกทั่วพื้นที่ทางตอนใต้ของจังหวัดเกาเต็ง ที่มีโจฮันเนสเบิร์กเป็นเมืองเอก และคาดว่าจะยังคงมีหิมะตกตลอดทั้งวัน ซึ่งรวมถึงพื้นที่สูงของจังหวัดอีสเทิร์นเคป และ จังหวัดควาซูลู-นาทาล ที่อาจทำให้ถนนหลายสายต้องปิดการจราจรด้วย

ทั้งนี้ โจฮันเนสเบิร์ก ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงมากกว่า 1,700 เมตร (5,600 ฟุต) และอยู่ในจุดสูงสุดของฤดูหนาวในซีกโลกใต้ อย่างไรก็ดี การมีหิมะตกในเมืองนี้ยังคงเกิดขึ้นได้ยาก ก่อนหน้านี้เคยเกิดหิมะตกในปี 2012 และ ปี 1996

ทั้งนี้ อุณหภูมิที่เย็นยะเยือกยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้คนที่อาศัยตามท้องถนน ในประเทศที่ความยากจนยังปกคลุมเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ยังคาดว่า ทะเลที่มีคลื่นรุนแรงและลมกระโชกแรง จะก่ออันตรายต่อเรือขนาดเล็กตรงชายฝั่งทางตะวันออกของแอฟริกาใต้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top