ตำรวจไซเบอร์เตือน ระวังเพจขายสินค้าออนไลน์ปลอมระบาดหนัก ที่ผ่านมาพบประชาชนตกเป็นเหยื่อมากเป็นอันดับ 1

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่าได้รับรายงานจากการตรวจสอบสถิติการรับแจ้งความผ่านศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์พบว่าในช่วงที่ผ่านมายังคงมีผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงขายสินค้าและบริการออนไลน์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น 1.ซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้า 2.ซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ(ได้ไม่ตรงปก) 3.ซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือมีคุณต่ำ 4.การใช้หลักฐานการโอนเงินปลอมเพื่อหลอกลวงผู้ขาย เป็นต้น 

โดยมิจฉาชีพจะฉวยโอกาสมองหาสินค้าที่ประชาชนสนใจเป็นจำนวนมากในช่วงเวลานั้นๆ เริ่มจากการสร้างเพจเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมา แล้วตั้งชื่อเพจให้เหมือนหรือคล้ายคลึงกับเพจเฟซบุ๊กที่มีการซื้อขายสินค้าจริง ประกอบกับคัดลอกรูปภาพสินค้า เนื้อหา และโปรโมชัน จากเพจจริงมาใช้ให้เพจมีความเคลื่อนไหว สร้างความน่าเชื่อถือ มีการขายสินค้าในราคาถูกกว่าปกติ มีการการันตีสินค้า รีวิวสินค้าปลอมจากบัญชีเฟซบุ๊กอวตาร เมื่อหลอกลวงผู้เสียหายได้ทรัพย์สินเป็นจำนวนมากแล้ว ก็จะเปลี่ยนชื่อเพจเฟซบุ๊กหลอกลวงขายสินค้าไปเรื่อยๆ นอกจากนี้แล้วมิจฉาชีพยังได้ใช้วิธีการซื้อบัญชีเพจเฟซบุ๊กที่มีผู้ติดตามจำนวนมากอยู่แล้วมาใช้สร้างความน่าเชื่อถือหลอกลวงขายสินค้าให้แก่ประชาชนอีกด้วย ยกตัวอย่างที่ผ่านมา เช่น การหลอกลวงขายทุเรียนในช่วงฤดูกาลผลไม้, การหลอกลวงขายเครื่องปรับอากาศในช่วงสถานการณ์หมอกควันและฝุ่น PM 2.5, หลอกลวงขายแผงโซลาร์เซลล์ในช่วงค่าไฟฟ้าสูงขึ้น, หลอกลวงเอาเงินค่ามัดจำที่พักในฤดูกาลท่องเที่ยว เป็นต้น

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 65 – ๘ ก.ค. 66 มีประชาชนถูกหลอกลวงซื้อขายสินค้าและบริการสูงสุดเป็นลำดับที่หนึ่ง กว่า 111,139 เรื่อง หรือคิดเป็น 38.11% ของจำนวนเรื่องการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีความเสียหายรวมกว่า 1,644 ล้านบาท  

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงขายสินค้าออนไลน์

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มีคดีสำคัญหลายคดี สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายได้หลายราย และตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ถึงแม้จะมีข้อดีหลายๆ ประการ แต่ก็เป็นช่องทางหนึ่งให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบ

จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ พร้อมแนวทางการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้
1.ระมัดระวังการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่ไม่มีหน้าร้าน ควรติดต่อซื้อจากบริษัท หรือตัวแทนจำหน่ายโดยตรง
2.ระมัดระวังการซื้อสินค้าราคาถูก จำไว้ว่า ของฟรีไม่มีในโลก ของถูกต้องถูกอย่างมีเหตุผล
3.หากจะซื้อสินค้าผ่านเพจในเฟซบุ๊ก ต้องระมัดระวังเพจปลอม หรือเพจลอกเลียนแบบ โดยเพจจริงควรจะมีผู้ติดตามสูง มีการสร้างขึ้นมานานแล้ว และมีรายละเอียดการติดต่อร้านชัดเจน อย่างน้อยสามารถโทรศัพท์ติดต่อไปสอบถามได้

4.ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ ว่ามีการเปลี่ยนชื่อมาก่อนหรือไม่ ผู้จัดการเพจอยู่ในประเทศหรือไม่
5.ตรวจสอบว่ามีสินค้าจริงหรือไม่ โดยขอดูภาพหลายๆ มุม สอบถามรายละเอียดสินค้าที่เกี่ยวข้อง ผลิตจากที่ใด เงื่อนไขการรับประกัน วิธีการใช้งาน เป็นต้น
6.ตรวจสอบการรีวิวสินค้า ผู้ที่เคยสั่งซื้อได้รับสินค้าหรือไม่ คุณภาพสินค้าเป็นอย่างไร ระวังการรีวิวปลอม ควรตรวจสอบตัวตนผู้รีวิวว่าเป็นอวตารหรือไม่

7.ก่อนโอนชำระเงินค่าสินค้า ให้ตรวจสอบประวัติของร้าน และชื่อหมายเลขบัญชีธนาคารที่รับโอนเงิน ว่ามีประวัติไม่ดีหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ Google, Blacklistseller, chaladohn เป็นต้น
8.เมื่อชำระเงินแล้ว ควรติดตามการจัดส่งจากผู้ซื้อ หรือขอดูหลักฐานการส่งสินค้า เพื่อยืนยันว่าส่งสินค้าให้จริง
9.หากท่านไม่ได้สั่งซื้อสินค้าดังกล่าว ควรปฏิเสธรับสินค้า และห้ามชำระเงิน หากไม่มั่นใจให้สอบถามบุคคลในบ้านให้ชัดเจน
10.กดรายงานบัญชี หรือเพจในเฟซบุ๊กปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อ
11.หากสินค้ามีปัญหาให้รวบรวมพยานหลักฐาน เช่น ข้อความการสนทนา หลักฐานการชำระเงิน คำสั่งซื้อสินค้า แล้วติดต่อกับผู้ขายให้แก้ไขปัญหา ส่งสินค้าคืน หรือเคลมสินค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด