Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

“เกษตร-พาณิชย์” รุกตลาด5ประเทศโปรโมทสินค้าเกษตรผลไม้ไทยจัดเต็มดึงเน็ตไอดอลติ๊กต็อกปาโกดาร่วมดันยอดขายไลฟ์สดทะลุ3แสน

นายอลงกรณ์ พลบุตรที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์และสถานเอกอัครราชทูตไทย สถานกงสุล กระทรวงการต่างประเทศจัดกิจกรรมเชิงรุกส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรและผลไม้ในประเทศที่เป็นตลาดหลักตลาดใหม่ ครอบคลุม4ทวีป5ประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย สหภาพยุโรปและออสเตรเลียตลอดเดือนพฤษภาคมประสบความสำเร็จได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

นายอลงกรณ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566 สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป เข้าร่วมการจัดงาน Discover Thailand in Brudges 2023 ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทยกรุงบรัสเซลส์ ณ เมือง Brudges ประเทศเบลเยียม มีการนำผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรของไทย อาทิ ผลิตภัณฑ์กาแฟแม่ลาน้อยที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการหลวง มะม่วงน้ำดอกไม้ เงาะ มังคุด มะพร้าว ข้าว ประชาสัมพันธ์ให้ผู้้เข้ารวมงานได้ทดลองชิมรสชาติและรับทราบคุณภาพมาตรฐานพร้อมกับนำเอกสารประชาสัมพันธ์ผัก ผลไม้ไทย รวมทั้งแผ่นพับรายชื่อผู้ประกอบการร้านค้าสินค้าเกษตรไทยในเบลเยียมและลักเซมเบิรก์ รายชื่อผู้จัดจำหน่าย แจกประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคชาวท้องถิ่นทราบถึงแหล่งจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรไทย เป็นการช่วยกระตุ้นการเข้าถึงตลาดสินค้าเกษตรไทยของผู้บริโภคชาวยุโรปในอีกทางหนึ่ง ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากโดยมีนายเสข วรรณเมธี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ เข้าร่วมเปิดงานร่วมกับนายพรเทพ ศรีธนาธร ผู้อำนวยการสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

เทศกาลผลไม้ไทย ตอกย้ำความเป็นหนึ่งในตลาดจีน ทางด้านสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำกรุงปักกิ่ง ผนึกกำลังร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง บริษัทครือเจริญโภคภัณฑ์และบริษัทเครือโต่วอิน (TikTok) จัดงานมหกรรมทุเรียนไทยประจำปี2023  ณ ห้าง Longfor ParadiseWalk DaXing และห้างSolana ในกรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม- 11 มิถุนายน 2566 โดยนางสาว ปทุมวดี อิ่มทั่ว อัครราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงปักกิ่ง ร่วมกล่าวเปิดงานมหกรรมทุเรียนไทย 2023 ได้เน้นย้ำความชื่นชอบในการบริโภคทุเรียนไทยในตลาดจีน ซึ่งมีปริมาณการนำเข้าทุเรียนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยใน ปี 2565 ขยายตัวจากปี 2562 กว่า30 เปอร์เซ็นต์

การจัดงานครั้งนี้เป็นปีที่2 ของการจัดมหกรรมทุเรียนในปักกิ่ง ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมบุฟเฟ่ต์ทุเรียนและจำหน่ายผลไม้อื่นๆได้แก่ ลำไย มังคุด มะม่วง ขนุน มะพร้าว และผลิตภัณฑ์ทุเรียน ซึ่งในวันที่10 มิถุนายน 2566  นางสาว ปทุมวดี อิ่มทั่ว จะร่วมกับKOL ชื่อดังทำการไลฟ์สด เพื่อนำเสนอทุเรียนคุณภาพของไทยบนแพลตฟอร์ม TikTok ของโต่วอิน 

ในขณะที่เมื่อวันที่ 19 – 21 พฤษภาคม 2566 สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ร่วมจัดงานเทศกาลไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ (Thai Festival in Shanghai 2023) ร่วมกับสถานกงสุลใหญ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สำนักงานพาณิชย์ BOI และ ททท. โดยมีกิจกรรมที่นำเสนอความเป็นไทยในมิติต่างๆ ให้แก่มิตรชาวจีนและชาวต่างชาติ และภายในงานฝ่ายเกษตรฯ ร่วมจัดซุ้มถ่ายรูปกับเรือผลไม้ใน Theme ตลาดน้ำ โดยให้ผู้เข้าร่วมสามารถเปลี่ยนชุดไทยถ่ายรูปกับเรือผลไม้ไทยได้อย่างสนุกสนาน มีการเล่นเกมผลไม้ และมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งตลอดการจัดงาน 3 วันมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 5,000 คน

ในวันแรกของการจัดงาน สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ มีการ Live streaming ผ่านช่องทาง weibo โดยได้เชิญเนตไอดอลชื่อดัง (KOL) นาย Wang You ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1.2 ล้านคน มาเป็นพรีเซนเตอร์ นอกจากนี้ นางสาวอาทินันท์ อินทรพิมพ์ กงสุล (ฝ่ายเกษตร) ได้ร่วมไลฟ์แนะนำจุดเด่นและรสชาติของผลไม้ไทยให้แก่ผู้ชมชาวจีน อีกทั้งยังให้ข้อมูลกรรมวิธีการแปรรูปมะพร้าวเผาของไทย นำเสนอความพิเศษของมะม่วงน้ำดอกไม้ เงาะ และส้มโอ เป็นต้น โดยการถ่ายทอดสดครั้งนี้มียอดรีวิวมากถึง 127,000 ครั้ง 

นอกจากนี้ฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองหนานหนิง และบริษัท เสิ่นเจอ้นปาโกดา อินดีสตรี(Shenzhen Pagoda Industrial (Group) Co., Ltd. )ซึ่งเป็นบริษัทผู้ค้าปลีกผลไม้รายใหญ่อันดับหนึ่งในประเทศจีน โดยปัจจุบันมีร้านค้าปลีกผลไม้ ภายใต้แบรนด์ Pagoda มากกว่า 5,645 สาขาทั่วประเทศจีน จัดงานเทศกาลผลไม้ไทย ประจำปี 2566 (Thai Fruit Festival 2023) ณ ห้างสรรพสินค้า Hangyang City นครหนานหนิง ภายใต้ธีม “泰爱你” (ไทยรักคุณ) ระหว่างวันที่ 11 - 17 พฤษภาคม 2566 เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดผลไม้ไทยทั้งในแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์

ในโอกาสนี้ นายปรัตถกร แท่นมณี กงสุล (ฝ่ายเกษตร) ประจำนครกว่างโจว ได้เข้าร่วมกิจกรรม Live Streaming ผ่านแพลตฟอร์ม DOUYIN (Tik Tok ) Pagoda แนะนำผลไม้ไทย ได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากชาวจีน มีผู้เข้าชมกว่า 300,000 คน

นอกจากนี้ ฝ่ายเกษตรฯ กว่างโจว ได้จัดกิจกรรม Durian tasting ภายใต้งานเทศกาลผลไม้ไทย ประจำปี 2566 ณ นครหนานหนิง โดยได้นำทุเรียนไทย จำนวน 5 สายพันธุ์ ได้แก่ หมอนทอง ชะนี ก้านยาว พวงมณี และนวลทองจันทร์ มาให้แขกผู้ร่วมงาน สื่อมวลชน ผู้มีอิทธิพลทางความคิด (KOL) และผู้มีอิทธิพลในการตลาด (KOC) ได้ลิ้มลองรสชาติ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านแพลตฟอร์มโซเซียลมีเดียของจีน ภายใต้แนวคิด “想到榴莲 想到泰国” (Think Durian Think Thailand)

ผลไม้ไทยกระหึ่มวอชิงตัน นายอลงกรณ์ยังเปิดเผยต่อไปว่า 
สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นางกฤษณา สุขุมพานิช อัครราชทูต (ฝ่ายเกษตร) นางสาวธนัฏฐา สุวรรณไพบูลย์ ที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.  ร่วมจัดคูหาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรและผลไม้ไทยในงาน THAI Open House 2023 ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Passport DC ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าเยี่ยมสถานทูตของประเทศต่าง ๆ กว่า 20 ประเทศรวมทั้งสถานเอกอัครราชทูตไทย โดยได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของทุเรียน และมังคุด พร้อมแจกตัวอย่างทุเรียนสายพันธุ์ต่าง ๆ ได้แก่ หมอนทอง และนกกระจิบ พร้อมกับมังคุดฉายรังสี (ได้รับการสนับสนุนจากกรมวิชาการเกษตร) ให้ผู้เข้าร่วมงานชิม นอกจากนี้ สำนักงาน ได้แจกน้ำมะพร้าวน้ำหอมคว้านทั้งลูกบรรจุถ้วยพร้อมดื่มและน้ำอ้อยพาสเจอร์ไรส์ พร้อมกับรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มจากลำไยกระป๋อง ชื่อ "Longan Ruby" ผสมผสานน้ำลำไยกระป๋อง น้ำเลม่อนเนด และน้ำแครนเบอร์รี่ ตกแต่งด้วยเนื้อลำไย  ซึ่งได้รับความสนใจและความนิยมจากแขกผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก 
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ยังได้จัดกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายเพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์ไทย ดนตรีไทย ศิลปะแม่ไม้มวยไทย ดนตรี Pop Jazz การสาธิตการทำอาหารไทย การเดินแฟชั่นโชว์ชุดไทยและผ้าไทย กิจกรรมวาดภาพ และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทย นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตและทีมประเทศไทยพร้อมด้วยคู่สมรส ยังได้จัดอาหาร ขนมหวาน ของว่าง และเครื่องดื่มอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนที่เข้าร่วมตลอดงาน สร้างความสนุกสนานและประทับใจให้ผู้เข้าร่วมงานอย่างมาก โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 3,500 คน

ข้าวไทยบุกรัสเซีย ทางด้านสำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตรฯ.ประจำกรุงมอสโกได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าเกษตรไทยในตลาดสุขภาพของรัสเซีย ภายใต้ชื่อ “ข้าวไทย เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า (Thai Rice Your Healthier Choice - Тайский рис Ваш здоровый выбор)” ระหว่างวันที่ 25-26 พ.ค. 2566  ในงาน Veg-Life 2023 ณ TVK Tishinka กรุงมอสโก ซึ่งมีบริษัทและผู้ประกอบการสินค้าเพื่อสุขภาพเข้าร่วมกว่า 170 ราย

เปิดตลาดเป็ดไทยสู่ออสเตรเลียสำเร็จ ยิ่งกว่านั้นประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเปิดตลาดเป็ดปรุงสุกในออสเตรเลีย ภายหลังการเจรจาเปิดตลาดเป็ดปรุงสุก ซึ่งดำเนินการภายใต้การประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชและมาตรฐานอาหาร (SPS Expert Group) ไทย - ออสเตรเลีย มาเป็นเวลา 7 ปี กว่า 
ในที่สุดประเทศไทยก็สามารถส่งออกเป็ดปรุงสุกไปยังประเทศออสเตรเลียได้แล้ว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โดยผู้ประกอบการไทยต้องผลิตสินค้าเป็ดปรุงสุกให้สอดคล้องและเป็นไปตามเงื่อนไขข้อกำหนดในการนำเข้าเป็ดปรุงสุกจากประเทศไทย ที่ออกโดยกระทรวงเกษตร ประมง และป่าไม้ ออสเตรเลีย อย่างเคร่งครัด

ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ กสทช. สรรพสามิต ปูพรมค้นห้างดังกลางกรุง ยึดมือถือ และอุปกรณ์สื่อสารผิดกฎหมาย จำนวนมาก

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และ กรมสรรพสามิต ร่วมกันตรวจค้นแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมาย ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านปทุมวัน เพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพนำไปใช้ก่อคดีออนไลน์ โดยสามารถตรวจยึดอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ไม่ได้รับอนุญาตนำเข้ามาในราชอาณาจักรจำนวนมาก 

ตามที่ปัจจุบันได้มีการลักลอบนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมโดยผิดกฎหมาย และลักลอบจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคมที่กำหนดไว้ อีกทั้งยังเป็นช่องทางของกลุ่มมิจฉาชีพนำไปใช้ก่อคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและการขออนุญาตได้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.วิวัฒน์  คำชำนาญ และ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. จึงได้สั่งการให้สืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง โดยประสานข้อมูลกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. และ กรมสรรพสามิต ภายใต้การอำนวยการของ นายพยุง บุญสมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบ ป้องกัน และปราบปราม

โดยในวันนี้ (26 พฤษภาคม 2566) เวลา 12.00 น. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.4 บก.สอท.1 ร่วมกับนายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และ นายวิโรจน์รัตน์ แจ่มวรรณา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการตรวจสอบสรรพสามิต และฝ่ายป้องกันและปราบปราม 4 สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นบริเวณชั้น 4 ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์โทรคมนาคมขนาดใหญ่ โดยพบว่ามีการนำสินค้าเครื่องวิทยุคมนาคมที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในราชอาณาจักร และไม่ผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน (Type Approval Test) เช่น โทรศัพท์มือถือ , เครื่องติดตาม (GPS Tracker) , อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ Wifi , เครื่องดักฟัง , วิทยุสื่อสาร , โดรนถ่ายภาพ มาวางจำหน่ายจำนวนมาก

โดยผลการตรวจค้น ได้ทำการจับกุมร้านค้าจำนวน 9 แห่ง  และตรวจยึดเครื่องโทรคมนาคมผิดกฎหมายจำนวนมากกว่า 157 รายการ มูลค่ากว่า 707,000 บาท

ทั้งนี้ร้านค้าดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมแต่อย่างใด เป็นการกระทำความผิดในข้อหา “มี และ ค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับจึงได้ทำการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดนำส่งพนักงานสอบสวน   สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน “เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพมีการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคม ตลอดจนซิมการ์ดโทรศัพท์ผิดกฎหมายเป็นช่องทางในการหลอกลวงประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ กสทช. และ กรมสรรพสามิต จะมีการออกตรวจตรา และกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบในการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่ทางราชการกำหนด”

ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนมีปัญหาข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้วิทยุโทรคมนาคม สามารถสอบถามได้ที่ สำนักงาน กสทช. Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1200

กู้ชีพฉุกเฉิน! ตำรวจและอาสาจราจรจันทุรีช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินหัวใจหยุดเต้น  “ผบ.ตร. - รอง ผบ.ตร.” ชมเชยเป็นตำรวจมืออาชีพ ยกเป็นตัวอย่าง “สุภาพบุรุษจราจร”

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566 พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์  ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศจร.ตร. )  เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ( 27 พฤษภาคม 2566 ) ตำรวจจราจร สภ.เมืองจันทบุรี ร่วมกับหน่วยบริการทางการแพทย์ ช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินหัวใจหยุดเต้น บริเวณตลาดน้ำพุ ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.พระปกเกล้า    

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า เหตุเกิดเวลา 13.37 น. ของวานนี้ ขณะ ร.ต.อ.สมเกียรติ ลิมปิโชติกุล, จ.ส.ต. บรรเทิง ผกามาศ,  ด.ต.ศาสดา ยาวิไชย และ อส.จร.อำพล สุขศรี ตำรวจจราจร และอาสาจราจร สภ.เมืองจันทบุรี กำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้มีหญิงสูงอายุที่เพิ่งออกจากคลินิคหมอจักวิดา ตลาดน้ำพุ มีอาการหัวใจหยุดเต้น หมดสติไปบริเวณหน้าคลินิก จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ ประเมินผู้ป่วยแล้วว่า หมดสติ น้ำลายฟูมปาก ไม่หายใจ คลำชีพจรไม่ได้ (ไม่มีชีพจร) จึงได้ช่วยทำการ CPR กับพยาบาลอีก 2 คน สลับกันเปิดทางเดินหายใจ เมื่อรถพยาบาลถึงที่เกิดเหตุ ได้ให้พยาบาลช่วยติด AED (เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ) และติด Defibrillator (เครื่องกระตุกหัวใจ) ตลอดจนปฏิบัติตามขั้นตอนการช่วยเหลือในเบื้องต้นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถกลับมาตรวจพบสัญญาณชีพจรได้ (มีชีพจรหลังหัวใจหยุดเต้น) จากนั้นได้อำนวยความสะดวกการจราจร นำผู้ป่วยฉุกเฉินส่งยังโรงพยาบาลพระปกเกล้า ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย (ถึง ร.พ. ปัจจุบันเข้าสู่กระบวนการรักษาของแพทย์ในหอผู้ป่วยวิกฤตของ ร.พ.พระปกเกล้า ต่อไป)

“ตำรวจ และอาสาสมัครจราจร ได้ผ่านการอบรมหลักสูตรปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐานและช่วยปฏิบัติการแพทย์ขั้นสูง EMT 2564 จึงเข้าให้การช่วยเหลือหญิงสูงอายุหัวใจหยุดเต้นอย่างเร่งด่วน โดยเริ่มจากการตรวจดูความปลอดภัยบริเวณรอบๆ ตัวผู้ป่วยว่ามีสิ่งที่อาจเกิดอันตรายหรือไม่ จากนั้นทำการยืนยันว่าผู้ป่วยหมดสติจริง โดยการตีที่ไหล่แล้วเรียกด้วยเสียงดัง 4-5 ครั้ง เมื่อไม่ได้สติและหยุดหายใจ จึงเริ่มทำการกดหน้าอกโดยจับผู้ป่วยนอนหงาย นั่งคุกเข่าข้างผู้ป่วย วางสันมือข้างหนึ่งตรงครึ่งล่างกระดูกหน้าอก และวางมืออีกข้างทับประสานกันไว้ เริ่มการกดหน้าอกด้วยความลึกอย่างน้อย 5 เซนติเมตร ในอัตราเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที จนผู้ป่วยกลับมามีชีพจรอีกครั้ง จึงนำขึ้นรถและนำส่งโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย”  หัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ ศจร.ตร. กล่าว  

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวด้วยว่า กรณีช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินครั้งนี้ นับเป็นรายที่ 2 แล้วที่ อส.จร.อำพล สุขศรี ได้เข้าช่วยเหลือ โดยก่อนหน้าได้เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี ซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศจร.ตร. ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจรา สภ.เมืองจันทบุรี และอาสาจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ ได้รับการฝึกฝนจนชำนาญ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง  “สุภาพบุรุษจราจร” ที่ ศจร.ตร.กำลังขับเคลื่อนสร้างมาตรฐานตำรวจจราจรทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริการประชาชน  สร้างความเชื่อถือศรัทธา และนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในที่สุด

หัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ ศจร.ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจจราจรทั่วประเทศ พร้อมดูแลให้การช่วยเหลือประชาชนที่เกิดเหตุฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยทำคลอด ช่วยเหลือปฐมพยาบาล ช่วยชีวิตผู้ป่วยวิกฤตนำส่งแพทย์อย่างเร่งด่วน อำนวยความสะดวกเส้นทางผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมทั้งซ่อมรถฉุกเฉิน ฯลฯ ทั้งนี้หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อประสานงานได้ที่สายด่วนตำรวจจราจรโทร.1197  (ในกรุงเทพและปริมณฑล) หรือ โทร. 191 (ทั่วประเทศ)

‘เหม่ยถวน’ อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน โตอย่างแข็งแกร่ง  เผยกำไร 3 เดือนแรก รวมอยู่ที่ 2.87 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 

(ซินหัว) — เหม่ยถวน (Meituan) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน รายงานกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2023 รวมอยู่ที่ 3.59 พันล้านหยวน (ราว 1.76 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเปลี่ยนจากการขาดทุนเป็นกำไร

รายงานผลประกอบการก่อนตรวจสอบของบริษัทฯ ระบุว่ารายได้จากการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนแรก รวมอยู่ที่ 5.86 หมื่นล้านหยวน (ราว 2.87 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 เมื่อเทียบปีต่อปี

เหม่ยถวนเพิ่มปริมาณการลงทุนในตลาดผู้บริโภคจีนอย่างต่อเนื่องช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม รวมถึงด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี (R&D) โดยมีการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาแตะ 5 พันล้านหยวน (ราว 2.45 หมื่นล้านบาท) ส่วนรายได้จากการค้าหลักท้องถิ่น อยู่ที่ 4.29 หมื่นล้านหยวน (ราว 2.1 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.5 เมื่อเทียบปีต่อปี

หวังซิ่ง ซีอีโอของเหม่ยถวน กล่าวว่าธุรกิจทั้งหมดของบริษัทฯ เติบโตแข็งแกร่งในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งเป็นผลมาจากการบริโภคในท้องถิ่นที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

ภูมิใจในความเป็นไทย!! ลิซ่า BLACKPINK เผย รู้สึกภูมิใจที่ได้สวมชุดไทย และชฎาไทย ในมิวสิกวิดีโอ LaLisa

เมื่อไม่นานมานี้ ‘ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า’ นักร้องวง BLACKPINK ขวัญใจคนไทยและทั่วโลก ได้ตอบคำถามพิธีกรที่ว่า “รู้สึกอย่างไรที่ทำให้ชุดไทย ชฎาไทยที่ลิซ่าสวมในมิวสิกวิดีโอ LaLisa ขายดีจนหมดเกลี้ยง?” ซึ่งลิซ่าได้ให้คำตอบว่า…

“มันเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆ น้อยๆ ของหนูที่ได้ใส่ชุดไทยใน MV ของเรา แล้วทั่วโลกได้เห็น ภูมิใจค่ะ ภูมิใจจริงๆ และแฮปปี้มากๆ ที่ทุกคนชอบ”

โดยลิซ่าได้กล่าวไว้ในงานแฟนมีต What’s Lisa’s True ID จัดขึ้นที่ True ICON Hall ไอคอนสยาม เมื่อคืนวันที่ 26 พ.ค. 66 ซึ่งมีแฟนคลับมาให้กำลังใจแน่นขนัด รับแจกความสดใสจากลิซ่ากันไปเต็ม ๆ ก่อนที่ลิซ่าจะขึ้นเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ของ BlackPink ที่สนามรัชมังคลา 2 รอบ คือวันนี้และพรุ่งนี้

สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย จัดโครงการ "พัฒนาศักยภาพแกนนำเครือข่ายกับการจ้างงานคนพิการทางจิตอย่างยั่งยืน" สุดยิ่งใหญ่แห่งปี

วันที่ 27 พฤษภาคม 2566 ณ ชั้น 4  เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ในงานนี้ "น.ส.สราญภัทร อนุมัติราชกิจ" อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานโครงการ "พัฒนาศักยภาพแกนนำเครือข่ายกับการจ้างงานคนพิการทางจิตอย่างยั่งยืน" และจัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2565 ของสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 20  AMIT 20 Th Anniversary โดย "นางสาวฐิติพร พริ้งเพลิด คณะกรรมการชมรมตะวันทอแสงกล่าวถึงความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ให้ทราบพอสังเขป  ดังนี้

1. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรม มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการจ้างงานคนพิการ การพัฒนาศักยภาพคนพิการ และการขับเคลื่อนงาน Job coach เพื่อให้คนพิการทางจิตมีความยั่งยืนในการทำงาน
2. เพื่อจัดทำแผนขับเคลื่อนงานของสมาคมรวมทั้งเครือข่ายภาคและชมรมตะวันทอแสงประจำปี 2567
3. จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 และรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของสมาคมฯ ​​​​สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่  27 มีนาคม  2546 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา  20 ปี

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การปรึกษาและช่วยเหลือผู้บกพร่องทางจิตและครอบครัวให้สามารถดำรงชีวิตอิสระในสังคมได้เท่าเทียมกับทุกคน และเพื่อพิทักษ์สิทธิในด้านต่างๆของผู้บกพร่องทางจิต รวมทั้งรณรงค์ให้ครอบครัว ชุมชน สังคม มีความรู้ ความเข้าใจ มีเจตคติเชิงสร้างสรรค์และยอมรับผู้บกพร่องทางจิต ตลอดจนประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ ของผู้บกพร่องทางจิต ปัจจุบันสมาคมฯ มีเครือข่ายเพื่อผู้บกพร่องทางจิตทั่วประเทศ จำนวน  154 ชมรม มีทั้งชมรมเก่าและชมรมใหม่ และมีการรวมกลุ่มเครือข่ายระดับภาคและเขตอีก จำนวน 5 ภาค 1 เขตและอีก 1 ชมรม คือชมรมตะวันทอแสงซึ่งเป็นชมรมของคนพิการทางจิต โดยคนพิการ และเพื่อคนพิการ
 
ซึ่ง​การจัดโครงการฯในวันนี้ จะดำเนินการระหว่างวันที่  26 – 29 พฤษภาคม 2566  โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการ มาจากแกนนำเครือข่ายเพื่อผู้บกพร่องทางจิตระดับภาค/เขต คนพิการทางจิตและผู้ดูแล ผู้แทนจากศูนย์บริการคนพิการจังหวัดนนทบุรี ผู้แทนจากสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดปทุมธานี ผู้แทนจากบ้านกึ่งวิถีหญิงธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ผู้แทนจากกรมสุขภาพจิต ผู้แทนจากหน่วยงานสาธารณสุข ผู้แทนจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้แทนจากจัดหางานจังหวัดนนทบุรี ผู้แทนจากกรุงเทพมหานคร ผู้แทนจาก สปสช. สสส. กอช. สวส. อาสาสมัครจากมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวัน บุคคลและองค์กรที่ทำคุณประโยชน์ช่วยเหลือคนพิการ รวมทั้งหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมจำนวน 966 คน  

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 "คุณนุชจารี คล้ายสุวรรณ" นายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย คุณณฐอร อินทร์ดีศรี (ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ) ผู้แทนกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ , แพทย์หญิงมธุรดา สุวรรณโพธิ์ (ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา) , นายแพทย์ไพฑูรย์ สมุทรสินธุ์ (ที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย และ รองผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจสนับสนุนและพัฒนาเครือข่ายบริการ โรงพยาบาลศรีธัญญา , คุณรัตน์ จิรธรรม (ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ) และผู้แทนสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และ คุณชัญญ์ญาณ์ ธำรงวินิจฉัย (ผู้จัดการใหญ่ กิจกรรมการตลาดศูนย์การค้า
 
“สำหรับงานในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้สังคมรับรู้ว่า ปัจจุบันผู้บกพร่องทางจิตสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป และมีความสุข อยากจะให้ทุกๆคนในสังคมหันกลับมาให้ความสำคัญและให้ความเท่าเทียมกันเกิดขึ้นในสังคมไทย”

​สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรอิสระ ที่ก่อตั้งขึ้นโดย ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมด้วย พ่อแม่ ผู้ปกครอง ของผู้ทุพลภาพทางร่างกาย ในปี 2556 ปัจจุบันมีเครือข่ายองค์กรกว่า 200 องค์กร ทั้งในองค์กรส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานองค์กรชมรม สมาคม ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ให้ผู้บกพร่องทางจิตได้รับการยอมรับจากสังคม ได้ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างปกติสุข เท่าเทียม และให้ผู้บกพร่องทางจิตเกิดความเชื่อมั่นต่อตนเองภายในสังคมอย่างบูรณาการ สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ 47 ตึกหญิง 10 โรงพยาบาลศรีธัญญา, กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี

​โครงการ “โครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเครือข่ายกับการจ้างงานคนพิการทางจิตอย่างยั่งยืน" ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย เช่น การออกบูธจำหน่ายสินค้าจากผู้บกพร่องทางจิตทั่วทุกภูมิภาค และการออกบูธขององค์กรภาครัฐด้านสุขภาพจิต เพื่อให้คำแนะนำ ปรึกษาทางออกด้านสุขภาพจิตให้กับผู้ที่มาร่วมงานโดยมีทีมจิตเวช ที่จะคอยดูแลตลอดระยะเวลาให้คำปรึกษา ภายในงานมีการแสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นจากนักวิชาการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และผู้บกพร่องทางจิตที่เข้ารับการรักษาฟื้นฟูจนหายกลับมาสู่การใช้ชีวิตปกติ ,การแสดงมากมายจากผู้บกพร่องทางจิตทั่วทุกภูมิภาค ,พบกับศิลปินและอินฟูเลนเซอร์ที่มีชื่อเสียง และกิจกรรมอีกมากมายภายในการจัดงานครั้งนี้

นายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงงานในครั้งนี้ว่า “เป็นโอกาสดีที่สังคมจะได้หันมาให้ความสนใจกับความสำคัญของการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม เปิดโอกาสให้ผู้บกพร่องทางจิตได้กลับมาสู่สังคมบนเส้นทางที่พร้อมจะสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้และสร้างตัวตน ยืนยัดในสังคมด้วยความเท่าเทียม และเป็นมิตรกันทุกๆคน”

จากนั้น คุณชัญญ์ญาณ์ ธำรงวินิจฉัย (ผู้จัดการใหญ่ กิจกรรมการตลาดศูนย์การค้าบริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ปจำกัด) ได้กล่าวถึงงานในครั้งนี้ว่า “ในฐานองค์กรเอกชน ขอเป็นส่วนหนึ่งในการเปิดโอกาส สร้างพื้นที่ให้กับผู้บกพร่องทางจิตทั่วประเทศ และพร้อมจะสนับสนุนในทุกๆ ด้านทั้งการส่งเสริมอาชีพ ส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้สังคมนี้ได้เปิดรับและอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม “

‘ธรรมนัส’ เคลียร์ใจ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีฯ ‘พปชร.’ ปมท่อน้ำเลี้ยงตัน ยัน!! ไร้ปัญหาคาใจ พร้อมร่วมงานกันต่อ

(29 พ.ค. 66) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีนายคมเดช มัชฌิมวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมแทนอดีตผู้สมัคร ส.ส. ประมาณ 20 คน โดยทวงถามเงินค่าใช้จ่ายหลังเลือกตั้งว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับกลุ่มอดีตผู้สมัคร ส.ส. และเข้าใจกันดีแล้ว ทราบว่าปัญหาเกิดจากการประสานงานเข้าใจกันคลาดเคลื่อน ในเรื่องการปฎิบัติงานต่างๆ ในพื้นที่ จากนี้จะร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลังพูดคุยกับอดีตผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนยืนยันยังเคารพ รัก และเชื่อมั่นในตัวพล.อ.ประวิตร อย่างเหนียวแน่นและพร้อมทำงานกับพรรค เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่อไปในทุกเรื่องที่ทำได้ และจะไปทำความเข้าใจกับอดีตผู้สมัคร ส.ส.คนอื่น ที่ไม่ได้มาพูดคุยวันนี้ เพื่อให้เข้าใจว่าพรรค จะแก้ปัญหาและให้ความเป็นธรรมแน่นอน

ด้านนายคมเดช กล่าวว่า จากการพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส ทุกคนเข้าใจกันดี จากนี้จะรอการประสานงานเพื่อแก้ปัญหาร่วมกับผู้ใหญ่ในพรรคตามขั้นตอน โดย ร.อ.ธรรมนัส จะนำเรื่องไปรายงานหัวหน้าพรรค จากนั้นจะนัดหมายทำความเข้าใจ และหารือแก้ปัญหาต่อไป

ตนและกลุ่มอดีตผู้สมัคร ส.ส.ยืนยันกับ ร.อ.ธรรมนัส ว่าเรายังเคารพรักและเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประวิตร เสมอและตลอดไป เราไม่ต้องการทำลายพรรค และยังยืนยันจะทำงานร่วมกับพรรค เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่อไปแน่นอน

ปิดเกมส์ “ปาย-ปัดคู่แฝด หลังอาละวาดข่มขืนเด็ก ม.ต้น ทั่ว ราชบุรี อ้างหน้าเฉย"อยากเจอเมน ไม่อยากเจอหมาก "เน้นสาวพรหมจรรย์

“เตือนภัยชาวราชบุรีและใกล้เคียง” คู่แฝดออกตระเวนข่มขืนเด็กทั่ว จ.ราชบุรี โดยหลอกเหยื่อผ่านทางเฟสบุ๊ค และในระยะใกล้เคียง ล่าสุดมีผู้ปกครองเหยื่อเด็กหญิงกล้าเข้าแจ้งความ จำนวน 4 ราย  จากการสืบสวนล่าสุด พบว่ายังมีเหยื่ออีก “หลายราย” ที่ยังไม่กล้าเข้าแจ้งความเนื่องจากเกรงกลัวแฝดนรกคู่นี้

บางรายถึงกับเป็นโรคซึมเศร้าไม่กล้าออกจากบ้าน  บางรายพยายามทำร้ายตัวเอง เป็นที่หวาดผวาให้กับเหล่าผู้ปกครองในพื้นที่ จว.ราชบุรี จนได้มีล่าสุดเรื่องถึงหู พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ส่งชุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน. PCT ชุดที่ 5 นำกำลังติดตามจับกุมตัวแฝดนรกคู่นี้ได้โดยเร่งด่วน เพราะเกรงว่าเด็กผู้หญิงจะตกเป็นอันตรายเพิ่ม   เหยื่อรายหนึ่งให้ข้อมูลชุดสืบสวนว่า 2 แฝดบอกชอบเด็ก และไม่ชอบคนรุ่นเดียวกันชอบพูดว่า "อยากเจอเมน ไม่อยากเจอหมาก" และเด็ก ๆ น่ารักกว่า และคนร้ายชอบชุดนักเรียน”

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น./รอง หน. PCT ชุดที่ 5, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ, พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา, ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังสืบสวนติดตามสามารถจับกุมตัว ผู้ต้องหาแฝด 2 ราย

1. นายยุทธนา ทูลศิริ หรือ ปาย(แฝดพี่)อ ายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142/1 ม.6 ต.สระแก้ว อ.เมือง จว.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ที่ จ.222/2566 ลงวันที่ 23 พ.ค. 66
2. นาย วันธนะ ทูลศิริ หรือ ปัด (แฝดน้อง)อายุ 19 ปีอยู่ที่บ้านเลขที่ 142/1 ม.6 ต.สระแก้ว อ.เมือง จว.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดราชบุรีที่ จ.221 /2566 ลงวันที่ 23 พ.ค. 66

โดยกล่าวหาว่า  พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร, กระทำอนาจารและกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกจับกุมได้ ณ บริเวณ ภายในแคมป์คนงานไม่มีเลขที่ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จว.ราชบุรี
ผู้ต้องหาที่ 2 ถูกจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 142/1 ม.6 ต.สระแก้ว อ.เมือง จว.สุพรรณบุรี

เบื้องต้นในชั้นจับกุม นายยุทธนาฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมทั้งได้โยนความผิดให้แฝดอีกคน  จากนั้นนายยุทธฯฯ สมัครใจพาเจ้าหน้าที่ไปชี้ยังบ้านพักซึ่งนายวันธนะฯ พักอาศัยอยู่ในภูมิลำเนา จว.สุพรรณ เพื่อจับกุมอีกราย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนาย วันธนะ ทูลศิริ หรือ ปาย ผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 หมายจับ

1.หมายจับศาลจังหวัดราชบุรีที่ จ.219/2566 ลงวันที่ 23 พ.ค. 66 ข้อหา “พรากและพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม , เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น พาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม กระทำอนาจารและกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตนฯ”

2.หมายจับศาลจังหวัดราชบุรีที่ 221/2566 ลงวันที่ 23 พ.ค. 66 ข้อหา “โดยปราศจากเหตุอันควร พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล , เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น พาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม”
3.หมายจับศาลจังหวัดราชบุรีที่ จ.222/2566 ลงวันที่ 23 พ.ค. 66 ข้อหา “พราก และพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารฯ , กระทำอนาจารและกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามฯ”

ในชั้นจับกุมนายวันธนะฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองนำส่ง พงส.สภ.จอมบึง จว.ราชบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พฤติการณ์กล่าวคือ ช่วงเดือน ก.พ. 66 เป็นต้นมาได้เกิดเหตุ เด็กหญิงชั้น ม.ต้น อายุไม่เกิน 15 ปี ได้ถูก “แฝดนรก” ข่มขืนกระทำชำเรา โดยทั้งสองจะล่อลวงเด็กหญิงทางเฟสบุ๊ก ในระยะใกล้ ๆ โดยจะคัดเหยื่อชั้น “ม.ต้น” แล้วทำทีชวนไปเที่ยว “โรบินสัน” แต่สุดท้ายก็จะถูกพาไปข่มขืนในบ้านร้าง ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเหยื่อได้พาเด็กหญิงที่ถูกกระทำชำเราเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ    

ซึ่งต่อมาภัยร้ายของสังคมทราบถึงหู พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงสั่งการให้นักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ PCT ตรวจสอบแผนประทุษกรรมในระบบข้อมูลคดีที่มีลักษณะเดียวกัน ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ก็ได้มีเหยื่ออีกอย่างน้อย 4 ราย ที่เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่และมีพฤติกรรมการก่อเหตุเช่นเดียวกัน และยังพบเบาะแสว่ายังมีเด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อมีอีกหลายรายที่ยังไม่กล้าเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ เพราะเกรงกลัว

โดยแผนประทุษกรรมของแฝดนรกรายนี้คือ จะหาเหยื่อจากช่องทาง Facebook โดยเลือกที่อยู่ใกล้ตนเองก่อน และต้องเป็น “สาว ม.ต้น” อายุไม่เกิน 15 ปี หรือที่ “ยังซิง” หรือเป็นสาวพรหมจรรย์      

จากนั้นจะล่อลวงนัดพบจากนั้นจะล่อลวงไปข่มขืน และไม่เพียงข่มขืนกระทำชำเรา แต่หลังลงมือแล้วจะข่มขู่เหยื่อว่าจะกลับมาทำร้ายอีกและให้เหยื่อกลัว ก่อนปล่อยเหยื่อไป โดยเหยื่อทั้งหมดล้วนเป็นเหล่าเด็กหญิง ม.ต้น ในพื้นที่ จ.ราชบุรี บางรายอายไม่กล้าไปโรงเรียน อยากลาออก บางรายถึงกับเป็นโรคซึมเศร้าไม่กล้าออกจากบ้าน และคิดฆ่าตัวตาย เรียกได้ว่า “ตายทั้งเป็น”


พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ฯ เห็นว่าพฤติกรรมของ “แฝดนรก” คู่นี้เป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT 5 นำกำลังชุด PCT5 ลงพื้นที่ตรวจสอบจนสืบทราบได้ว่าแฝดนรกคู่นี้คือ นายยุทธนา ทูลศิริ หรือ ปาย และ นาย วันธนะ ทูลศิริ หรือ ปัด อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับกว่า 4 หมายจับ ในคดีการข่มขืนกระทำชำเราเด็กลักษณะวิธีการกระทำความผิดเดียวกัน

จากการตรวจสอบผู้ถูกจับฝาแฝดทั้ง 2 ปรากฏพบว่า แฝดทั้ง 2 พบประวัติต้องโทษความผิดเกี่ยวกับทรัพย์และความผิดเกี่ยวกับเพศโชกโซน โดย นายยุทธนาฯ (แฝดผู้พี่) พบประวัติต้องโทษจำนวน 6 คดี เป็นความผิดฐาน “ลักทรัพย์” ในพื้นที่ จว.สุพรรณบุรี จำนวน 3 คดี ความผิดเกี่ยวกับเพศในพื้นที่ จว.สุพรรณบุรี อีก 3 คดี  ส่วนนายวันธนะฯ (แฝดผู้น้อง)

ประวัติการต้องโทษก็ไม่ธรรมดา พบประวัติต้องโทษจำนวน 5 คดี เป็นความผิดฐาน “ลักทรัพย์” ในพื้นที่ จว.สุพรรณบุรี จำนวน 3 คดี ความผิดเกี่ยวกับเพศในพื้นที่ จว.สุพรรณบุรี และ กรุงเทพ จำนวน 4  คดี และความผิดเกี่ยวกับเพศในพื้นที่ จว.สุพรรณบุรี อีก 1 คดี

นาย วันธนะ ทูลศิริ หรือ ปาย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้ให้การต่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนขณะจับกุมว่า “ตนเองจบการศึกษาชั้น ป.5 และช่วงเป็นเยาวชน เคยอยู่ในแก๊งขโมยรถจักรยานยนต์ และโดนจับกุมในวัยเด็ก 3 ครั้งเรื่องลักทรัพย์ และเคยถูกจับคดีขายยาเสพติด 2,000 เม็ด ทั้งหมดโดยที่ จ.สุพรรณบุรี และพ้นโทษออกมาเมื่อเดือน เม.ย. 65 ปัจจุบันทำงานอยู่ที่อู่ซ่อมรถไม่ได้ศึกษาต่อ ตนเองชอบเด็กไม่ชอบคนแก่ อยากเจอเมน ไม่อยากเจอหมาก และเด็ก ๆ นั้นน่ารักกว่าผู้ใหญ่ โดยหลังเกิดเหตุมีญาติๆผู้เสียหายโทรมาหา มาขอเจรจา ได้ด่าไปว่า ลูกมึง ห. กลิ่นมะลิหรือไงถึงเรียกเงิน เงินไม่มีให้ มีแต่ ค. และลมหายใจจะเอามั้ย จึงน่าจะเป็นเหตุให้ทางผู้เสียหายติดใจเอาความ”

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “นี้เป็นอีกหนึ่งภัยสังคมที่พี่น้องประชาชนในชุมชนและสังคมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตของเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ แผ่นดินสูงขึ้นเมื่อ คนร้ายทั้งคู่ถูกจับกุม  

จึงขอฝากผู้ปกครองบุตรหลาน รวมถึงบุคคลใกล้ชิดในครอบครัว จำเป็นต้องช่วยกันสอดส่อง เตือนภัย และเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลาน จากกลุ่มเพื่อนหรือบุคคลแปลกหน้าในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเข้ามาพูดคุย ตีสนิทและชักชวนอาจทำให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนร้ายหรือตกเป็นเหยื่อของกลุ่มเหล่านี้ดังกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ อันจะส่งผลกระทบบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจต่อตัวบุตรหลานในระยะยาว

ซึ่งผมจะเดินหน้าขจัดปัดเป่าภัยในรูปแบบดังกล่าวให้ถึงที่สุด ตามนโยบายของ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. หากใคร มีเบาะแสของเหยื่อรายอื่นเพิ่มเติม สามารถแจ้งได้ที่เพจ FACEBOOK “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

“ความเดือดร้อนของท่าน คือ หน้าที่ของเรา”
 

‘นักวิชาการ’ เผย เห็นด้วย รบ.ใหม่ปรับแก้เก็บภาษีไม่เป็นธรรม แนะ โครงสร้างส่วนใหญ่ดีอยู่แล้ว ปรับเปลี่ยนแค่บางเรื่องก็พอ

เมื่อไม่นานมานี้ นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pat Hemasuk’ ถึงประเด็น นโยบายปรับโครงสร้างภาษีที่ไม่เป็นธรรม ของแคนดิเดตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภายใต้การทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ โดยระบุว่า…

“ในสังคมคอมมิวนิสต์ยังทำไม่ได้เลยครับ ลองคิดดูว่าข้าวในจานของวิศวกรสร้างจรวด กับข้าวในจานของคนสานตะกร้า คุณภาพอาหารมันยังไม่เท่าเทียมกันเลย ถึงแม้จะกินอิ่มเหมือนกันก็ตาม 

สิ่งที่ควรคิด คือ ทำอย่างไรให้มีช่องทางหาข้าวจากนอกบ้าน มาเติมเพิ่มให้จานทุกใบในบ้านกินได้ดีขึ้น อิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่ไปแย่งเอาข้าวในบ้านจากจานของคนทำงานหนักกว่า มาใส่ในจานคนทำงานน้อย

แบบนี้ใครจะอยากทำงานหนักตอนหนุ่มเพื่ออนาคตตอนแก่ของตัวเอง ที่เงินถูกสูบออกไปในรูปของภาษีที่เกินกว่าเหตุในทุกช่องทางอยู่ตลอดเวลา อีกสิบปีข้างหน้า คนแก่ที่ไม่ได้ทำงานแล้วจะเหลือเงินให้กินใช้เพียงพอก่อนตายหรือเปล่าก็ไม่รู้

ผมไม่แปลกใจหรอกนะ ที่ตลาดหุ้นตลาดทุนมันเจริญลงฮวบๆ อย่างที่เห็นในเวลานี้ คงได้เห็นการดิ่งลงทะลุแนวต้านที่พันห้าร้อยในเวลาอันใกล้

ทุกรัฐบาลในอดีตเน้นการเรียกทุนต่างชาติจากภายนอกให้เข้ามาในประเทศ ไม่ต่างกับการหาข้าวนอกบ้านมาเติมให้จานข้าวทุกใบมีอาหารมากขึ้น

ผมเห็นด้วยในนโยบายบางเรื่องของแคนดิเดต รมว.คลังของรัฐบาลใหม่ ที่จะปรับโครงสร้างภาษีที่ไม่เป็นธรรม ผมเน้นอีกที่ว่า ‘บางเรื่อง’ เท่านั้น แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องไปแตะมันแล้ว คือ การสร้างความวิบัติให้ระบบโครงสร้างหลักที่กำลังเดินมาดีแล้วให้หยุดลง

ผมรู้ ทุกคนรู้ ว่าการออกไปหาข้าวนอกบ้านมาเติมในจานทุกคน มันยากกว่าที่จะแย่งข้าวในจานคนอื่นบนโต๊ะอาหารเดียวกัน ถ้ายังไม่เลิกความคิดแบบนี้ ระบบเศรษฐกิจจะล้มจากภายใน ที่เป็นการล้มที่แก้คืนได้ยากมาก สำหรับรัฐบาลที่จะเข้ามาใหม่ในอีกหลายปีข้างหน้า ที่ต้องมาเช็ดขี้รัฐบาลก่อนหน้า คือ รัฐบาลที่กำลังจะมีในเวลานี้ที่ขี้แตกทิ้งไว้เต็มเก้าอี้ไปหมด

รถเมล์สายประเทศไทยคันเดิมมันดีอยู่แล้ว ส่วนที่เสียต้องซ่อมไม่ถึง 5% หรอกครับ ซ่อมได้ แต่อย่าไปรื้อเครื่องยนต์เก่าออกหมด แล้วเอาเครื่องใหม่ที่ยังไม่รู้เลย ว่าจะติดเครื่องได้หรือเปล่ามาฝันละเมอว่าดีกว่าแล้วใส่แทน นั่นคือความวิบัติของประเทศจากคนด้อยประสบการณ์ แต่คิดว่าตัวเองเก่งสุดในสามโลก”

 

‘เครื่องบินโดยสาร C919’ ของจีน ขึ้นบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรก ถือเป็นก้าวสำคัญสู่ตลาดการบินพลเรือนอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, เซี่ยงไฮ้ รายงานว่า เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่จีนพัฒนาขึ้นเอง ‘รุ่นซี 919’ (C919) ได้ทำการบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกจากนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออก ไปยังกรุงปักกิ่งทางตอนเหนือเสร็จสิ้น เมื่อวันอาทิตย์ (28 พ.ค.) ซึ่งถือเป็นการก้าวสู่ตลาดการบินพลเรือนอย่างเป็นทางการ

รายงาน ระบุว่า เที่ยวบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกนี้ดำเนินงานโดยสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส (China Eastern Airlines) ขึ้นบินจากท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ หงเฉียว พร้อมผู้โดยสาร 128 คน ด้วยรหัสเอ็มยู 9191 (MU9191) ตอน 10.32 น. ตามเวลาท้องถิ่น

เครื่องบินได้รับการต้อนรับด้วยพิธีการฉีดอุโมงค์น้ำ หลังจากลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครหลวงปักกิ่ง ตอน 12.31 น. ตามเวลาท้องถิ่น

อนึ่ง ซี919 ถือเป็นเครื่องบินไอพ่นขนาดใหญ่ที่จีนพัฒนาขึ้นเองรุ่นแรก ซึ่งมีมาตรฐานความสมควรเดินอากาศระดับสากลและสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาโดยอิสระของตนเอง

โครงการ ซี 919 เริ่มต้นปี 2007 พัฒนาโดยบริษัทอากาศยานพาณิชย์แห่งประเทศจีน (COMAC) และมีการส่งออกเครื่องบินลำแรกจากสายการผลิตในเซี่ยงไฮ้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015 โดยเครื่องบินทำการบินเที่ยวปฐมฤกษ์สำเร็จในปี 2017

“เที่ยวบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกนี้ นับเป็นพิธีก้าวผ่านช่วงสำคัญของเครื่องบินรุ่นใหม่ โดยซี 919 จะดำเนินงานได้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากสามารถคงสถานะที่ดีในตลาด” จางเสี่ยวกวง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและจัดจำหน่ายของบริษัทฯ กล่าว
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top