เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 23 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อน เป็นประธานในพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ 'เที่ยวชุมชน ยลวิถี' ประจำปี 2565 โดยเดินมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเองด้วยสีหน้าตั้งใจ เกือบ 30 นาที ว่า วันนี้ทราบดีว่าทุกคนให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางการเมือง และหลายพรรคการเมืองก็ออกมาเคลื่อนไหวกันเยอะแยะไปหมดและก็เห็นว่าทุกคนอยากทราบว่านายกรัฐมนตรีจะไปอย่างไรต่อไป วันนี้จากสถานการณ์ ที่ได้ติดตามมาตลอดเวลาที่ผ่านมาและเห็นถึงความเคลื่อนไหวของหลายพรรคการเมืองมีการเสนอชื่อผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค
“ที่ผ่านมานายกฯก็พยายามพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ ด้วยหลักการและเหตุผลต่าง ๆ มากมายหลายประการ วันนี้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติก็ได้เสนอมาแล้วว่ายินดีสนับสนุนนายกฯ คือผมให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผมจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้นไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไป ให้เกิดความเสียหายหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งผมก็เคยบอกแล้วว่าในช่วงที่ผ่านมาผมได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ แต่วันนี้พรรคพลังประชารัฐก็ได้มีการตกลงใจที่จะเสนอชื่อหัวหน้าพรรคคือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงได้ตัดสินใจวันนี้แล้วกันซึ่งความจริงก็ได้เตรียมการมาพอสมควรแล้วว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จะได้สบายใจกันและก็สุดแล้วแต่ประชาชนก็แล้วกันว่าจะให้การสนับสนุนหรือไม่อย่างไร สิ่งที่ผมต้องตัดสินใจแบบนี้เพราะว่าเพราะสิ่งหลายๆอย่างที่ผมได้ทำไว้มาอย่างต่อเนื่องหลายปี ที่ผ่านมานั้นก็น่าจะได้มีการสานต่อถ้าหากว่าผมสามารถอยู่ได้ในระยะเวลาตามที่กำหนด ในระหว่างนั้นก็จะได้สานต่อในสิ่งที่ยังค้างคา ยังไม่สำเร็จและยังมีปัญหาอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 4 ปีแรก และ 4 ปีหลัง ก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ระยะแรกจะเป็นรัฐบาลผิดรัฐธรรมนูญก็ตาม ในการเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีการเสนอชื่อก็เป็นวาระที่สอง ที่ผ่านมานายกเป็นผู้ที่กำหนดนโยบายและดูแลทุกพื้นที่ซึ่งในความเป็นจริงก็ดูแลทุกพรรค จะเห็นได้ว่าแผนงานโครงการต่าง ๆ ลงไปทุกจังหวัดไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นของใคร และหลายจังหวัดที่นายกฯ ลงพื้นที่ไปก็ไม่ได้มี ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาล คือพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุนตนแต่ก็พร้อมลงไปอย่างวันก่อนที่ไปจังหวัดเชียงรายก็ไม่ได้มี ส.ส. ของรัฐบาลสักคน แต่ตนก็ไปให้ เพราะตนมองประชาชนเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ส.ส.ทุกคน ต้องถือว่าเป็นตัวแทนของราษฎรที่คัดเลือกเข้ามาอะไรที่ต้นทำให้ได้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศก็นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. จัดสรรงบประมาณลงไปให้แต่ทุกอย่างต้องทำอย่างโปร่งใสและเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นมาโดยตลอดและไม่เคยคิดแสวงหาผลประโยชน์ใดใดทั้งสิ้น “ผมยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดแสวงหาผลประโยชน์แม้แต่เพียงเล็กน้อย”
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการปรึกษาในเรื่องดังกล่าวกับพล.อ.ประวิตรหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เรื่องนี้ได้กราบเรียนท่านไปนานแล้ว ว่าผมอาจจะมีความจำเป็นบางอย่าง ก็เรียนกับท่านไปหลายครั้งแล้ว จนครั้งสุดท้ายได้ตัดสินใจไปแล้วและคุยกับท่านแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่มีความขัดแย้งอะไรกันทั้งสิ้น อันนี้เป็นเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไปตามการเมืองตามระบบประชาธิปไตยก็ว่ากันไป”
เมื่อถามว่าถือว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้จากกันไปไหนนี่ ก็ยังคงพูดคุยกันอยู่เหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไร อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของทหารกับทหารด้วยกันมันลึกซึ้ง ลึกซึ้งยิ่งกว่าและผมก็จบมาก็อยู่ในการดูแลของท่าน และท่านก็เป็นผู้บังคับบัญชาของผมคนแรกในการที่ผมจบจากโรงเรียนในร้อยไปแวะรับราชการตั้งแต่ร้อยตรี จนกระทั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิตรับราชการมาจนถึงวันนี้ ความผูกพันอันนี้มันไม่มีใครลบล้างผมได้ ท่านเองก็รู้สึกเหมือนกันและท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งผมก็ได้บอกท่านว่าท่านจะได้สบายใจเพราะว่าท่านมีแรงกดดันมากมายหลายประการด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็ทราบดีกันอยู่แล้ว”
เมื่อถามว่าจะต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็น่าจะต้องคงสมัคร ส่วนจะสมัครได้เป็นทางการเมื่อไหร่นั้นอย่าเพิ่งถาม
ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียวที่พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ก็เห็นว่ายังมีคนเดียว แต่อย่าพึ่งไปถามอะไรล่วงหน้าเลย อย่าถามนี่ไปนั่นไปโน่นไปเรื่อย แล้วจะตอบได้อย่างไรเล่า
เมื่อถามว่าจะยังคงจับมือทางการเมืองกับพล.อ.ประวิตรต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง มันขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง ประชาชนจะเลือกใครเข้ามาวันนี้ยังไม่มีใครรู้ ถึงเวลานั้นสถานการณ์การเมืองที่เรียกว่าการจับคู่ทางการเมืองใครจะเป็นฝ่ายค้านเป็นฝ่ายรัฐบาล ซึ่งก็เหมือนครั้งที่แล้ว ก็จะมีพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถ้าคะแนนเสียงมารวมกันได้ และมากกว่าก็จะได้เป็นฝ่ายรัฐบาล ครั้งที่แล้วตนก็มาอย่างนั้นไม่ใช่หรือ
เมื่อถามว่าวันนี้ถือว่านายกรัฐมนตรีได้ประกาศสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างเต็มตัวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่ายังไม่ชัดอีกหรือ ทำไมต้องถามย้ำกันอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่าการตัดสินใจคนนี้ครอบครัว สนับสนุนเต็มที่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ ก็เข้าใจกันละนะ เขาเข้าใจว่าผมทำเพื่ออะไรนะ”