Sunday, 8 June 2025
นายกรัฐมนตรี

นายกฯ ฝาก ปชช.ร่วมกันทำภารกิจสำคัญเพื่อบ้านเมือง โดยให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากทั่วโลก สู่บ้านเมืองเรา ด้วยความอบอุ่นและไมตรีจิต

“ผมขอให้พี่น้องประชาชน และทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันทำภารกิจสำคัญเพื่อบ้านเมือง โดยให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากทั่วโลก สู่บ้านเมืองเรา ด้วยความอบอุ่นและไมตรีจิต”

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 
นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 65

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 65 ว่า  พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพครับ

สัปดาห์นี้ เป็นอีกก้าวสำคัญของประวัติศาสตร์ ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่มีประชากรรวมกันเกือบ 3,000 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรโลก มีมูลค่าการค้ารวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของการค้าโลก ซึ่งจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จากเวทีการประชุมผู้นำเอเปคครั้งนี้ รวมทั้งการประชุมที่เกี่ยวเนื่องและคู่ขนานกันอีกจำนวนมาก ตลอดทั้งปีที่ประเทศไทยของเราเป็นเจ้าภาพครับ

หนึ่งในการประชุมคู่ขนานดังกล่าว คือ โครงการ 'APEC Voices of the Future' ที่เปิดโอกาสและพื้นที่ในการแสดงออก-แสดงความคิดเห็น ให้แก่ผู้แทนเยาวชน-คนรุ่นใหม่นับร้อยชีวิต จาก 21 เขตเศรษฐกิจ ได้เข้าร่วมกิจกรรม ใช้พลังบริสุทธิ์อย่างสร้างสรรค์ ในการเสนอแนะเชิงนโยบาย และแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ รวมถึงยกประเด็นที่เยาวชนเป็นกังวลว่าจะส่งผลต่อคนรุ่นต่อไปที่จะต้องเติบโตขึ้นมาดูแลโลกใบนี้ในอนาคต  ถึงผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่อาวุโส สมาชิกสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจ และผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทเอกชนต่าง ๆ ในช่วงการประชุมเอเปคนี้

โดยในวันนี้ (14 พ.ย.65) ผมได้ให้การต้อนรับคณะผู้แทนเยาวชน จากโครงการดังกล่าวนี้ พร้อมกับรับฟังแถลงการณ์เยาวชน (Youth Declaration) ที่กล่าวโดยสรุปตามแนวคิดหลัก 3 ประการของเอเปคได้ ดังนี้ : 

OPEN เปิดโอกาสทางการศึกษา โดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล และมุ่งเน้นความรู้-ทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพระบบเศรษฐกิจเดิม ด้วยมาตรฐานสากลใหม่ ที่ขจัดอุปสรรคในอดีตและทันต่อการเปลี่ยนแปลง 

'บิ๊กตู่' ดีใจคนรุ่นใหม่สนใจการลงทุน แนะ!! ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี อย่าหลงเชื่อจากคำโฆษณา

จากกระแสข่าวนักลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ขาดทุนอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ บางคนถึงขั้นสูญเงินแทบหมดตัว และมีจำนวนไม่น้อยถึงขั้นล้มละลาย จากที่เคยมีเงินนับหมื่นล้าน แต่เพียงชั่วข้ามคืนกลับมาเหลือเพียงศูนย์บาทเท่านั้น 

โดยก่อนหน้านี้ มีนักการเมืองและนักลงทุนรายใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศ ต่างออกมาเชียร์ให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยระบุว่า เป็นการลงทุนแห่งอนาคต ที่ให้ผลตอบแทนสูง ทำให้คนหลงเชื่อและขาดทุนจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลไปจำนวนมาก

แต่ทว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ออกมาเตือนหลายครั้งเกี่ยวกับการลงทุนดังกล่าว โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2564 ได้แสดงความเป็นห่วง โดยระบุว่า เป็นห่วงนักลงทุนในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน คนรุ่นใหม่วัยทำงาน หลังพบว่า มีเข้ามาลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยเหตุเพราะเข้าถึงได้ง่าย ใช้ระยะเวลาสั้นแต่ได้รับผลตอบแทนที่รวดเร็ว 

พร้อมทั้ง ได้ฝากเตือนให้นักลงทุนพิจารณาถึงความเสี่ยงจากการลงทุนประเภทนี้ให้มาก เนื่องจากคริปโตเคอเรนซีไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เป็นการเก็งกำไรและมีความผันผวนสูง ส่วนผู้ปกครองที่เปิดบัญชีให้เยาวชน ต้องมีความระมัดระวังในการลงทุนและดูแลอย่างใกล้ชิด จึงขอให้ผู้สนใจที่จะลงทุนทำความเข้าใจในลักษณะความเสี่ยง ต้องแน่ใจว่าสามารถยอมรับการสูญเสียเกือบทั้งจำนวนได้ หาข้อมูลและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ และที่สำคัญ อย่าหลงเชื่อคำโฆษณา ต้องเลือกผู้ให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

'บิ๊กตู่' ยังรอดโควิด กลับจากกัมพูชาตรวจแล้ว หลัง 'ฮุน เซน' ติดเชื้อโควิด งดร่วมเวทีเอเปค

(15 พ.ย. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่ สมเด็จอัครมหาเสนบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ติดเชื้อโควิด - 19 ได้มีการส่งใครมาร่วมประชุมเอเปคแทนหรือไม่ ว่า ตามกติกาเป็นการเชิญผู้นำโดยตรง สรุปว่าสมเด็จฮุน เซน ไม่ได้มาร่วมประชุมเนื่องจากไม่สบาย

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯได้ตรวจโควิด-19 แล้วหรือยัง เนื่องจากในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัมพูชา นายกฯได้ใกล้ชิดกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนตรวจบ่อยอยู่แล้วและมีตรวจที่บ้านกันเองด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจ และวันไหนไปงานพิเศษอะไรต่าง ๆ ก็มาตรวจที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย แต่ที่บ้านมีการตรวจกันเป็นประจำ และหลังจากกลับมาจากกัมพูชาตนก็ได้ตรวจ เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ตอนกลางคืนก็ตรวจอีก ก็ยังโอเคอยู่

เมื่อถามว่า แสดงว่ากัมพูชาไม่ได้ส่งใครมาร่วมประชุมเอเปคใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ใช่ส่งใครมา แต่ตามกติกาจะต้องเป็นตัวผู้นำจริง ๆ ที่มา เมื่อถามว่าจะต้องเพิ่มมาตรการตรวจโควิดในการประชุมเอเปคหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีตรวจอยู่แล้วที่โรงแรม และผู้ที่มาร่วมประชุมก็มีผลการตรวจมาแสดงอยู่แล้ว ระมัดระวังที่สุด ทุกคนไม่มีใครอยากเป็นหรอก และช่วงนี้การเดินทางก็มีบ่อยและเจอกันเยอะแยะ ฉะนั้นอยากฝากพวกเรา ขอเตือนด้วยแล้วกัน ซึ่งวันนี้ได้มีการฉีดเข็มกระตุ้น การใช้หน้ากากในพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ ไม่อยากให้มันกลับมาอีก ตอนนี้ท่องเที่ยวก็เต็มอะไรก็เต็ม คนก็เยอะ ธุรกิจก็ดีขึ้น ฝากด้วยแล้วกัน

‘บิ๊กตู่’ เปิดประชุมวิชาการเอเปค ที่จุฬาฯ ชู ‘ภาคการศึกษา’ พื้นฐานขับเคลื่อน ศก. – สังคม

เริ่มทางการแล้วประชุมวิชาการเอเปค ‘บิ๊กตู่’ ร่ายยาว เปิดงาน APEC University Leaders ย้ำความร่วมมือระหว่างกันเป็นหัวใจสำคัญในการนำพาประเทศให้ก้าวผ่านวิกฤตไปได้ ขอคนไทยโชว์รัก สามัคคี พร้อมต้อนรับด้วยยิ้มแห่งสยาม 

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 พ.ย. ที่อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน APEC University Leaders’ Forum: “Preventing the Next Pandemic (AULF) ภายใต้หัวข้อการเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดครั้งต่อไป โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า 

ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมทางวิชาการ APEC University Leaders Forum 2022 ในวันนี้ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างสมาคมมหาวิทยาลัยภาคพื้นแปซิฟิกกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งสอดรับกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้ APEC โดยเป็นโอกาสให้เครือข่ายการศึกษาทั่วโลกได้พัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในระดับนานาชาติ และเป็นเวทีในการแบ่งปันประสบการณ์ในมิติต่าง ๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆที่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่และอาจต้องเผชิญอีกในอนาคตโดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนนั้น เป็นพื้นฐานสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างภูมิคุ้มกันจากความท้าทายดังกล่าว อีกทั้งเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการฟื้นฟูและเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมั่นคงและยั่งยืน ได้ต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทยในปีนี้ เรามุ่งผลักดันการสร้างความร่วมมือภายใต้แนวคิด 'Open. Connect. Balance.' เพื่อนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในยุคหลังโควิด - 19 โดยในส่วนของเรื่อง Open เน้นการผลักดันให้เอเปคนำเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิกมาหารือใหม่ เพื่อให้เอเปคสามารถรับมือกับความท้าทายและใช้โอกาสจากบริบทโลกแบบใหม่ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล การค้ากับโรคระบาด และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

ในส่วนของ Connect ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูความเชื่อมโยงของภูมิภาคในทุกมิติ ทั้งการเดินทางข้ามพรมแดนอย่างสะดวกปลอดภัย และความเชื่อมโยงทางดิจิทัล เพื่อให้เอเปคมีแนวทางการรับมือกับวิกฤตโรคระบาดในอนาคต โดยยังสามารถรักษาการเดินทางและกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากที่สุด และสุดท้าย Balance เน้นการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม โดยส่งเสริมโมเดลธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ที่สร้างผลกำไรควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และชับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมกันทั้งสังคม ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งผลลัพธ์สำคัญของการเป็นเจ้าภาพเอเปคในครั้งนี้ คือ ไทยจะเสนอให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค รับรองเอกสารเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG เพื่อนำแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ของไทยมาเร่งกระบวนการทำงานในเอเปค และวางบรรทัดฐานใหม่ให้เอเปคมุ่งเน้นการสร้างเสริมการค้าการลงทุนควบคู่ไปกับการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ที่นอกจากจะให้ความสำคัญกับด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังมุ่งขยายความสำคัญไปถึงการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยเพื่อยกระดับองค์ความรู้ใหม่ในการพัฒนาสังคมและสร้างความปลอดภัยในชีวิตให้แก่ประชาชนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตนเชื่อว่าขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ ผู้วางนโยบาย และผู้นำธุรกิจจะได้มาร่วมมือกันสร้างสรรค์นโยบาย ออกแบบทิศทางและแผนการบริหารประเทศที่สอดรับกับวิถีความปกติใหม่ของโลก โดยเฉพาะความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ที่แม้ว่าเราจะก้าวผ่านการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 มาแล้ว แต่องค์ความรู้ด้านการแพทย์และสาธารณสุขยังต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความจำเป็นเร่งด่วนของทั่วโลกในขณะนี้คือการทำวิจัยที่เกี่ยวกับชีวการแพทย์ การบำบัดโรค และการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ที่พร้อมต่อการรับมือกับโรคอุบัติใหม่ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุด คือนวตกรรมเชิงป้องกัน และการนำงานวิจัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเกิดผลเป็นรูปธรรมสำหรับประชาชนอย่างทั่วถึง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในวิกฤตสาธารณสุขที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า ความถูกต้องของข้อมูลและการเผยแพร่ รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในการบริหารสถานการณ์วิกฤตของรัฐบาล การเผยแพร่ข้อเท็จจริงสู่สาธารณชน ต้องอาศัยความถูกต้องทางวิชาการ ทั้งจากการศึกษา ค้นคว้า ซึ่งภาคการศึกษา มหาวิทยาลัย นักวิชาการ เป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งในการชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องแก่สังคม เพื่อขจัดข้อมูลเท็จ โฆษณาชวนเชื่อ และข่าวปลอมที่แพร่กระจายและเป็นภัยอยู่ในสังคม ยกตัวอย่างเช่นในช่วงต้นของการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ที่ประชาชนบางส่วนมีความกังวลใจเกี่ยวกับผลค้างเคียงของวัคซีนจากข้อมูลข่าวสารที่อาจไม่ถูกต้อง 

แต่ในภายหลัง ความหวาดกลัวได้คลายลงเมื่อข้อมูลทางวิชาการที่เชื่อถือได้เริ่มปรากฏออกมามากขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดได้อย่างน่าพอใจ และในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนนี้ การสร้างความร่วมมือระหว่างกันเป็นหัวใจสำคัญในการนำพาประเทศให้ก้าวผ่านวิกฤตไปได้ โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับคำชมจากองค์การอนามัยโลก และนานาประเทศถึงนโยบายและมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการดูแลประชาชน ทั้งการป้องกัน การควบคุมโรค การรักษาพยาบาล และการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และด้วยความสำเร็จนี้ องค์การอนามัยโลกได้เลือกให้ประเทศไทยเป็นประเทศต้นแบบในโครงการนำร่องการทบทวนการเตรียมความพร้อมกรณีฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า เมื่อเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นความภาคภูมิใจที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา ทั้งสถาบันการศึกษาและศูนย์วิจัยต่าง ๆ ตลอดจนอาสาสมัครและประชาชนทุกคน และมิตรประเทศ รวมถึงความม่งมั่นในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี ยารักษาโรค วัคซีน และเครื่องมือทางการแพทย์กับประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย

“ผมขอชื่นชมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและภาคการศึกษาทั้งหมดที่ได้ร่วมมือกับ ศบค. ในการช่วยเหลือประเทศภายใต้รูปแบบ นวัตกรรมเพื่อสังคมโดยได้นำผลการศึกษาวิจัยมาพัฒนาให้สามารถใช้งานได้จริง และนำมาช่วยเหลือสังคมในช่วงวิกฤต เช่น CU-RoboCOVID (ซี-ยู-โรโบ-โควิด) ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ให้การสนับสนุนด้านการแพทย์ภายในโรงพยาบาลสนาม และ Chula COVID-19 Strip Test (จุฬา-โควิด-19-สตริป-เทสต์) รวมถึงนวัตกรรมการรักษา 'วัคซีนใบยา' ที่เป็นวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA (เอ็ม-อาร์-เอ็น-เอ) ที่ทางมหาวิทยาลัยพัฒนาขึ้น โดยนวัตกรรมต่าง ๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเกิดขึ้นจากการร่วมมือพัฒนาของนักวิชาการและนักวิจัยสหสาขา 

'นิพนธ์' มั่นใจ!! 'จุรินทร์' พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี หากรวมเสียงข้างมากในสภาได้ ยัน! พรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุนฯ โว หากได้เป็นจะทำได้ดี

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีภายหลังที่ 'นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาประกาศตัวว่า พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากพรรคประชาธิปัตย์ จะเสนอชื่อเพียงคนเดียว และมั่นใจว่าตัวเองมีความพร้อม หากหลังการเลือกตั้งแล้วไม่พร้อมสมาชิกเลือกไปก็เสียของ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนเห็นชอบด้วย รอผลจากการเลือกตั้ง

โดยนายนิพนธ์ กล่าวว่า การที่หัวหน้าพรรคได้ออกมาให้สัมภาษณ์นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนเองได้พูดมา 2 ปีแล้ว ว่าประชาธิปัตย์ ได้สนับสนุนให้ 'จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า พรรคเรา มีหัวหน้าพรรคมาแล้วทั้งหมด 8 คน และได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไปแล้ว 4 คน โดยหัวใจสำคัญที่สมาชิกพรรคใช้ตัดสินในการเลือกหัวหน้าพรรรค มี 2 อย่างคือ 1. จะต้องนำพาพรรคไปข้างหน้าได้ และ 2. คนๆ นั้นต้องพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อเราได้เลือก 'จุรินทร์' ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค นั้นหมายความว่า เราพร้อมที่จะสนับสนุนให้เป็น 'นายกรัฐมนตรี' … ซึ่งในระบอบประชาธิปไตย การที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องขึ้นอยู่กับระบบรัฐสภาฯ ซึ่งหมายความว่า หัวหน้าพรรคการเมืองพรรคไหน ที่ไปรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ คนนั้นก็จะได้รับการสนับสนุน ให้เป็นนายกรัฐมนตรี เหล่านี้จึงอยู่ที่จำนวนมือของ ส.ส.ที่สนับสนุน ในสภาผู้แทน”

'บิ๊กตู่' พร้อม!! ภารกิจสำคัญเพื่อชาติใน APEC 2022 คิวแน่นเช้ายันค่ำ 'หารือ-ถก-ต้อนรับ' เหล่าผู้นำสำคัญ

กำหนดการ #APEC2022THAILAND 
18 พ.ย. 65 

เวลา 08.03 น.  นายกรัฐมนตรี ต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ ครั้งที่ 29 ณ ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 

เวลา 09.15 น.  นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเขตผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 (Retreat ช่วงที่ 1) ภายใต้หัวข้อ 'การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุมและยั่งยืน (Balanced, Inclusive and Sustainable Growth)'

เวลา 11.15 น.  นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับแขกพิเศษ (APEC Leaders’ Informal Dialogue with Guests) 

เวลา 12.30 น.  นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับ นางคริสตาลินา กอร์เกียวา (Ms. Kristalina Georgieva) กรรมการจัดการกองทุนเงินระหว่างประเทศ (IMF) 

‘นายกฯ’ ชื่นชม เยาวชนไทย สร้างชื่อ คว้าแชมป์โลกแข่งโอลิมปิกหุ่นยนต์

นายกรัฐมนตรี ยินดี เยาวชนไทย สร้างชื่อ คว้าแชมป์โลกแข่งโอลิมปิกหุ่นยนต์ โชว์ศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ ของไทย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แสดงความชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของทีม ThaiHerbGood โรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง และ ทีม PANYA ROBOT จากสถาบันปัญญาโรบอท กรุงเทพฯ ตัวแทนประเทศไทย ที่คว้ารางวัลในการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ WORLD ROBOT OLYMPIAD ในการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ ระหว่างวันที่ 17 - 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่เมืองดอร์ทมุนต์ ประเทศเยอรมนี โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม องค์กรพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นผู้สนับสนุนทางวิชาการ และบริษัท แกมมาโก้ (ประเทศไทย) จำกัด WRO National Organizers ประจำประเทศไทย นำทีมเด็กไทยเข้าร่วมการแข่งขัน 

สำหรับ การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ ฯ มี73 ประเทศ รวม 365 ทีม เข้าร่วม โดยประเทศไทย ส่งร่วมแข่งขัน 3 ประเภท คือ 1. ประเภทหุ่นยนต์อัตโนมัติ ROBOSPORTS 2. ประเภทหุ่นยนต์อัตโนมัติ Future Engineers 3. ประเภทหุ่นยนต์อัตโนมัติ ROBOMISSION รุ่นอายุ 8 - 12 ปี รุ่นอายุ 11 - 15 ปี และรุ่นอายุ  14 - 19 ปี โดยตัวแทนประเทศไทยที่คว้าสองรางวัลใหญ่ ได้แก่ ทีม ThaiHerbGood จากโรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง สมาชิกในทีม 1. นายปพนรัตน์ ฟูใจ 2. นายเขมินท์ พินิตเกียรติสกุล ผู้ควบคุมทีม นายอรรถพล ชื่นกุล คว้ารางวัลชนะเลิศประเภท ROBOMISSION รุ่น Senior และ ทีม PANYA ROBOT จากสถาบันปัญญาโรบอท กรุงเทพมหานคร สมาชิกในทีม 1. นายโชติพิสุทธิ์  มงคลวิสุทธิ์ 2. นายพิสิษฐ์  มงคลวิสุทธิ์ 3. นายวรกร ฤกษ์สมถวิล ผู้ควบคุมทีม นายปัญญา สนธิธรรม คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภท ROBOSPORTS 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความยินดีกับเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ และชื่นชมในความสามารถของเยาวชนไทยทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ ศักยภาพและความสามารถของเยาวชนไทยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นสาขาวิชาที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ นอกจากทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่ดีแล้ว ยังเป็นความภาคภูมิใจในการเป็นตัวแทนเยาวชนไทยที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ 

นายกรัฐมนตรี ประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 11/2565 เปิดรับสมัคร ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ลงโทษตำรวจทำผิดวินัย ไล่ออก 9 ปลดออก 5 ขอบคุณตำรวจที่ปฏิบัติการช่วงเอเปค ย้ำห่วงใยตำรวจสถานการณ์ใต้

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า วันนี้ (24 พ.ย. 65 ) เวลา 09.00 น. พล.อ. ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 11/2565 ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. โดยมี ก.ตร. , ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วม ที่ประชุมได้รายงานการดำเนินงานของอนุกรรมการ ก.ตร. ชุดต่างๆ ที่ ก.ตร.มอบหมายให้ไปปฏิบัติและพิจารณาการบริหารงานบุคคลให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ อาทิ คณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และกฎหมาย ได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ของข้าราชการตำรวจ เดือน พ.ย 65 มีข้าราชการตำรวจลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 14 นาย ซึ่งเป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 9 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 5 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. 65 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น 229 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 178 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 51 นาย 

นายกรัฐมนตรี Kick off โอนเงินมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 65/66 งวดแรก 14,531 ล้านบาท

ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลาง จังหวัดเพชรบูรณ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานส่งมอบเงินตามมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 เป็นวันแรก โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ผู้บริหารและผู้แทนจากส่วนงานต่าง ๆ พร้อมด้วยเกษตรกร  เข้าร่วมกิจกรรม

สำหรับการจัดกิจกรรมในวันนี้ รัฐบาลได้โอนเงินงวดแรกตามมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไปยังชาวนาทั่วประเทศ จำนวน 14,531 ล้านบาท จากเป้าหมายรวม 81,265 ล้านบาท ตามที่รัฐบาลได้อนุมัติวงเงินเพื่อ ให้ ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวผ่าน 4 โครงการ ในการเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่าย และพัฒนาศักยภาพในการผลิต เพื่อให้มีโอกาสขายข้าวเปลือกในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งมีเกษตรกรได้รับประโยชน์จำนวน 4.68 ครัวเรือน ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 กันยายน 2566 ประกอบด้วย มาตรการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกร ได้แก่ โครงการแรกสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 โดยสนับสนุนเงินให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2565/66 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน วงเงินงบประมาณ 55,083 ล้านบาท  โดยในส่วนของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีเกษตรกรได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 77,452 ราย  เป็นจำนวนเงินกว่า 932 ล้านบาท

‘3 พ. เพื่อไทย’ กดดัน ‘บิ๊กตู่’ ยุบสภาฯ ฟาด!! 8 ปีไร้ผลงาน มุ่งแต่รักษาอำนาจ

(28 พ.ย. 65) นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขตบึงกุ่ม-คันนายาว พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า ขณะนี้เป็นช่วงปลายรัฐบาล ที่ทุกพรรคการเมืองเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง แต่ละพรรคการเมืองเริ่มทยอยประกาศนโยบายในการแก้ไขปัญหาประเทศกันแล้ว แต่สิ่งที่เกิดคำถามในใจประชาชน คือนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะพรรคแกนนำหลักของรัฐบาล ที่ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ยังไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้เลย เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท ต่อวัน, เงินเดือนผู้จบ อาชีวะ 18,000 บาทและปริญญาตรี 20,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ เป็นต้น ทำให้เห็นว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่รับปากกับประชาชนไว้เลย มัวแต่สนใจแต่ประเด็นการเมืองเพื่อรักษาอำนาจของกลุ่มตัวเองไว้ให้ได้นานที่สุด

“วันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะสร้างดาวดวงใหม่เพื่อกลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ แบบนี้แล้วประชาชนจะหวังพึ่งอะไรได้ นโยบายที่จะประกาศมาไม่มีอะไรรับประกันว่าจะได้รับความใส่ใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างจากพรรคเพื่อไทย ที่เราเสนอนโยบายอะไรไว้เราทำได้จริง ประชาชนได้รับการแก้ปัญหาตามที่เราประกาศไว้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถทำสิ่งที่ตัวเองหาเสียงไว้ได้แบบนี้ก็ยุบสภาฯ ไปเลยดีกว่า ประเทศจะได้มีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำงาน” นายพลภูมิ กล่าว

ด้าน น.ส. เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตยานนาวา บางคอแหลม กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจ และคะแนนลำดับทุจริต Corruption Perceptions Index หรือ CPI คะแนนลดลงอย่างมาก จากภายใต้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ส่งผลกระทบภาพรวมในการบริหาร และความไว้ใจจากประชาชน ที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ประชาชนมีความเดือดร้อน ทั้งด้านหนี้สิน ข้าวของแพง และ เงินเฟ้อ รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำ และหนี้ครัวเรือนเป็นระเบิดเวลาข้างหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย การกระตุ้นเศรษฐกิจในการหารายได้เข้าประเทศนั้นมีไม่มากพอ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top