Wednesday, 11 June 2025
จีน

‘จีน’ มีโรงงานอัจฉริยะ-สถานีฐาน 5G กว่า 2.2 แสนแห่งแล้ว พร้อมผลักดันเครือข่ายขนาดใหญ่-ล้ำสมัยมากที่สุดในโลก

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัว, หางโจว รายงงานว่า สำนักเศรษฐกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ ประจำมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน รายงานว่า ปัจจุบันเจ้อเจียง ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ได้ก่อสร้างสถานีฐาน 5G เป็นจำนวน 220,000 แห่งแล้ว

‘หลี่หมิน’ รองผู้อำนวยการสำนักฯ ซึ่งร่วมการประชุม 5G+ อินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรมแห่งสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ปี 2023 ในเมืองเส้าซิงของเจ้อเจียง กล่าวว่าปัจจุบันผู้อยู่อาศัยในเจ้อเจียงทุก 10,000 คน สามารถเข้าถึงสถานีฐาน 5G มากกว่า 33 แห่ง

นอกจากนั้น เจ้อเจียงได้สร้าง ‘โรงงานแห่งอนาคต’ และโรงงานอัจฉริยะระดับมณฑล จำนวน 653 แห่ง และสร้างแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรมระดับมณฑล จำนวน 535 แห่ง

อนึ่ง จีนถือเป็นผู้นำโลกด้านการพัฒนา 5G ด้วยจำนวนสถานีฐานรวม 2.84 ล้านแห่ง เมื่อนับถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมของปีนี้ โดยจีนกำลังพยายามสร้างโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่และล้ำสมัยมากที่สุดในโลก

‘จีน’ บริจาค ‘ห้องเรียนอัจฉริยะ’ แห่งที่ 2 ให้ ‘บังกลาเทศ’ หวังส่งเสริมวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีแก่ ‘นร.-นศ.’ ในท้องถิ่น

(4 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตจีนในบังกลาเทศได้บริจาคห้องเรียนอัจฉริยะแก่บังกลาเทศเป็นแห่งที่ 2 ภายใต้โครงการการพัฒนาผู้มีความรู้ความสามารถมิตรภาพจีน-บังกลาเทศ โดยมีการจัดพิธีเปิดห้องเรียนดังกล่าวที่โรงเรียนมัธยมปลายและวิทยาลัยโซฟีร์ อุดดิน ในเมืองซิลเหต เมื่อวันอาทิตย์ (3 ธ.ค.) ที่ผ่านมา

เหยาเหวิน เอกอัครราชทูตจีนประจำบังกลาเทศ กล่าวว่า ฝ่ายจีนหวังว่าห้องเรียนอัจฉริยะนี้จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่ในท้องถิ่น พร้อมเรียกร้องนักเรียนนักศึกษาตั้งใจเล่าเรียนเพื่อมีส่วนส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายสมาร์ต บังกลาเทศ (Smart Bangladesh) ตามที่รัฐบาลบังกลาเทศคาดหวัง

ดร. โรชิด อาเหม็ด ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ กล่าวขอบคุณสถานเอกอัครราชทูตจีนสำหรับการบริจาคห้องเรียนอัจฉริยะนี้ รวมถึงการสนับสนุนฉันมิตรจากประชาชนชาวจีนแก่นักเรียนนักศึกษาของโรงเรียน

รายงานระบุว่า ห้องเรียนอัจฉริยะนี้มีระบบจัดการการเรียนรู้ขั้นสูงด้วยหัวเหว่ย ไอเดียฮับ (Huawei IdeaHub) ซึ่งจะช่วยให้ครูและนักเรียนมีแพลตฟอร์มการเรียนการสอนทั้งในห้องเรียนและทางออนไลน์ขั้นสูง โดยหัวเหว่ยประจำภูมิภาคเอเชียใต้ (Huawei South Asia) เป็นหุ้นส่วนทางเทคนิคในโครงการนี้

พานจวิ้นเฟิง ประธานหัวเหว่ยประจำภูมิภาคเอเชียใต้ และซีอีโอหัวเหว่ยประจำบังกลาเทศ กล่าวว่า หัวเหว่ยประจำภูมิภาคเอเชียใต้จะเดินหน้าช่วยเหลือการสร้างความเป็นดิจิทัลแก่ภาคการศึกษาของบังกลาเทศต่อไป

อนึ่ง ก่อนหน้านี้สถานเอกอัครราชทูตจีน และหัวเหว่ยประจำภูมิภาคเอเชียใต้ ได้บริจาคห้องเรียนอัจฉริยะแห่งแรกแก่โรงเรียนและวิทยาลัยเทคนิครัฐบาลจันทปุระของบังกลาเทศ เมื่อเดือนมีนาคมของปีนี้

‘จีน’ ช่วย ‘อียิปต์’ ส่งดาวเทียมสำรวจดวงใหม่ สู่วงโคจรสำเร็จ พัฒนาความร่วมมือเทคโนโลยีการบิน-อวกาศระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, จิ่วเฉวียน รายงานข่าว ‘จีน’ ช่วย ‘อียิปต์’ ส่งดาวเทียมสำรวจระยะไกลขึ้นสู่วงโคจร จากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

รายงานระบุว่า ‘ดาวเทียมมิสร์แซท-2’ (MISRSAT-2) ถูกขนส่งด้วยจรวด ‘ลองมาร์ช-2ซี’ (Long March-2C) เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลา 12.10 น. ตามเวลาปักกิ่ง และจะถูกใช้เพื่อประโยชน์ด้านที่ดินและทรัพยากร การอนุรักษ์น้ำ การเกษตร และอื่นๆ ของอียิปต์

องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน เผยว่า ดาวเทียมดวงนี้ เป็นโครงการสำคัญของความร่วมมือเชิงลึกระหว่างจีนและอียิปต์ ในด้านเทคโนโลยีการบินและอวกาศขั้นสูง และถือเป็นหมุดหมายสำคัญของความร่วมมือด้านการบินและอวกาศระหว่างสองประเทศ

อนึ่ง การส่งดาวเทียมครั้งนี้นับเป็นภารกิจการบินที่ 499 ของจรวดขนส่งตระกูลลองมาร์ช โดยมีดาวเทียมสำรวจระยะไกล ‘สตาร์พูล 02-เอ’ (Starpool 02-A) และ ‘สตาร์พูล 02-บี’ (Starpool 02-B) ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศในช่วงเวลาเดียวกัน

‘บ.จีน’ ร่วมสร้าง ‘โครงการบ้านจัดสรร’ ในคูเวต ใช้เทคโนโลยีก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

(6 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คูเวตเริ่มต้นการก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรรเมืองเซาธ์ ซาอัด อัล-อับดุลลาห์ ซิตี (South Saad Al-Abdullah City) ในเขตผู้ว่าราชการญาห์รา ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ไชน่า เก๋อโจวป้า กรุ๊ป จำกัด (CGGC)

บริษัทฯ สาขาคูเวต ระบุว่าโครงการนี้ครอบคลุมพื้นที่ราว 64 ตารางกิโลเมตร เพื่อจัดสรรที่อยู่อาศัย จำนวน 21,800 หน่วย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยจะตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนอย่างน้อย 150,000 คน

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะรับผิดชอบงานขุดดินและถมดิน ก่อสร้างถนนระยะทางกว่า 150 กิโลเมตร และสะพานหลายแห่ง รวมถึงท่อส่งต่าง ๆ ความยาว 975 กิโลเมตร สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ภายใต้สัญญา

หยวนเจิ้น ผู้จัดการบริษัทฯ สาขาคูเวต กล่าวว่าโครงการนี้มุ่งเน้นการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้ระบบก่อสร้างอัจฉริยะ ระบบบำบัดน้ำเสียเชิงบูรณาการ แสงสว่างจากพลังงานแสงอาทิตย์ และแหล่งกักเก็บน้ำฝน

‘จีน’ ประกาศเร่งพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี ‘6G’ เดินหน้าขับเคลื่อนการกำหนดมาตรฐานระดับโลก

(6 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ประกาศมาตรการเร่งรัดการพัฒนาและการสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี 6G

จางอวิ๋นหมิง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ กล่าวว่า กระทรวงฯ ทำงานร่วมกับกลุ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์การพัฒนา เดินหน้าการวิจัยและพัฒนาทางเทคโนโลยี และบ่มเพาะความร่วมมือระดับโลก

กระทรวงฯ ยังอำนวยความสะดวกแก่การจัดตั้งกลุ่มการส่งเสริมไอเอ็มที-2030 (6G) และจัดสรรคลื่นความถี่ 6 กิกะเฮิรตซ์ สำหรับระบบ 5G และ 6G ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนเชิงนโยบาย

นอกจากนั้นกระทรวงฯ จะเสริมสร้างรากฐานการใช้งาน 6G และเกื้อหนุนการทำงานร่วมกันระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อบ่มเพาะระบบนิเวศ 6G อันแข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนการกำหนดมาตรฐาน 6G ระดับโลก

‘นักวิจัยจีน’ คิดค้น ‘ขั้วไฟฟ้ากระตุ้นเซลล์ประสาท’  อาศัยเทคโนโลยีอินเทอร์เฟซ ช่วยรักษา ‘โรคสโตรก’ 

เมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อไม่นานนี้ การศึกษาที่เผยแพร่ผ่านวารสารแอดวานซ์ แมททีเรียลส์ (Advanced Materials) ระบุว่า กลุ่มนักวิจัยของจีนได้พัฒนาขั้วไฟฟ้ากระตุ้นเซลล์ประสาทสมองไฮโดรเจลแบบฝังเข้าไปในร่างกายชนิดใหม่ เพื่อช่วยการฟื้นตัวของหนูทดลองที่ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือสโตรก ซึ่งช่วยไขกระจ่างเกี่ยวกับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เฟซระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์

โรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุหลักของภาวะอัมพาตครึ่งซีกและความผิดปกติด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเทคโนโลยีดังกล่าวคาดว่าจะสามารถช่วยสนับสนุนการควบคุมการยิงสัญญาณของเซลล์ประสาท การทำงานของจุดประสานประสาท และวงจรประสาทสมอง รวมถึงส่งเสริมการฟื้นตัวของเซลล์ประสาทสมองและวงจรเซลล์ประสาทที่เสียหาย

ทีมวิจัยดังกล่าวที่นำโดยจางเฉียง จากสถาบันเคมีประยุกต์ฉางชุน สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน พัฒนาขั้วไฟฟ้าข้างต้นซึ่งสามารถรับข้อมูลเส้นประสาทสมองในจุดกำเนิด และควบคุมเส้นประสาทสมองในระดับเซลล์เดียวได้

ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ติดตามข้อมูลของเซลล์ประสาทสมองเป็นเวลา 8 สัปดาห์ติดต่อกัน และใช้เทคโนโลยีการควบคุมเส้นประสาทด้วยแสง เพื่อควบคุมวงจรประสาทในสมองและการตอบสนองของแขนและขา โดยการควบคุมเซลล์ประสาทที่บาดเจ็บในพื้นที่สมองของหนูทดลองที่ได้รับความเสียหายจากโรคหลอดเลือดสมอง สามารถลดพื้นที่เนื้อเยื่อสมองขาดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมส่งเสริมการฟื้นตัวด้านการเคลื่อนไหว

จางระบุว่า เทคโนโลยีดังกล่าวสร้างความคืบหน้าในแง่ของการออกแบบขั้วไฟฟ้าตรวจจับเส้นประสาท การติดตามสัญญาณประสาท การควบคุมเส้นประสาท และการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง อีกทั้งมีประโยชน์ในการรับข้อมูลเส้นประสาทสมองและรักษาความผิดปกติของสมอง

‘จีน’ เปิดใช้ ‘ห้องแล็บใต้ดิน’ ลึก-ใหญ่ที่สุดในโลก ‘สะอาด-รังสีต่ำ’ ตอบโจทย์การตรวจจับ ‘สสารมืด’

(8 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนเปิดใช้งานห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ ซึ่งตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 2,400 เมตร ในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยห้องปฏิบัติการแห่งนี้ถือเป็นห้องปฏิบัติการใต้ดินขนาดใหญ่ที่สุดและตั้งอยู่ลึกมากที่สุดในโลก

คณะนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าห้องปฏิบัติการใต้ดินแห่งนี้จะเป็นพื้นที่ ‘สะอาด’ สำหรับการแสวงหาสสารที่มองไม่เห็นหรือ ‘สสารมืด’ (dark matter) โดยการตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดินอย่างมากจะช่วยสกัดกั้นรังสีคอสมิกส่วนใหญ่ที่เป็นอุปสรรคต่อการสังเกตการณ์

รายงานระบุว่าห้องปฏิบัติการใต้ดินลึกและรังสีพื้นหลังต่ำพิเศษสำหรับการทดลองทางฟิสิกส์แนวหน้า (DURF) ตั้งอยู่ข้างใต้ภูเขาจิ่นผิง แคว้นปกครองตนเองเหลียงซาน กลุ่มชาติพันธุ์อี๋ ของซื่อชวน มีความจุของห้องรวม 330,000 ลูกบาศก์เมตร

ห้องปฏิบัติการฯ จัดเป็นระยะที่ 2 ของห้องปฏิบัติการใต้ดินจิ่นผิงแห่งประเทศจีน เริ่มต้นก่อสร้างเดือนธันวาคม 2020 และร่วมสร้างโดยมหาวิทยาลัยชิงหัว และบริษัท ยาหลง ริเวอร์ ไฮโดรพาวเวอร์ เดเวลอปเมนต์ จำกัด

ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดินช่วยให้ห้องปฏิบัติการฯ สัมผัสกับรังสีคอสมิกในปริมาณเล็กน้อยมาก คิดเป็นหนึ่งร้อยในหนึ่งล้านของปริมาณการสัมผัสรังสีคอสมิกบนพื้นผิวโลก

เย่ว์เฉียน อาจารย์มหาวิทยาลัยฯ ระบุว่าห้องปฏิบัติการฯ มีจุดเด่นหลายประการ ทั้งปริมาณรังสีคอสมิกต่ำพิเศษ รังสีในสิ่งแวดล้อมต่ำมาก ความเข้มข้นของเรดอนต่ำมาก และพื้นที่สะอาดพิเศษ ซึ่งเกื้อหนุนการตรวจจับสสารมืด

ทั้งนี้ คณะนักวิทยาศาสตร์อนุมานว่าสสารที่มองเห็นได้คิดเป็นเพียงราวร้อยละ 5 ของจักรวาล ขณะสสารมืดและพลังงานมืดคิดเป็นราวร้อยละ 95 ของจักรวาล

ปัจจุบันคณะนักวิจัยทีมแรกจาก 10 ทีม ซึ่งมาจากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของจีน เช่น มหาวิทยาลัยชิงหัว และมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เจียวทง ได้ประจำการอยู่ในห้องปฏิบัติการฯ เพื่อดำเนินการทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้ว

เย่ว์กล่าวว่าห้องปฏิบัติการฯ จะเป็นศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ใต้ดินลึกสหวิทยาการระดับโลก ซึ่งบูรณาการสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งฟิสิกส์อนุภาค ฟิสิกส์ดาราศาสตร์นิวเคลียร์ และชีววิทยาศาสตร์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การพัฒนาการวิจัยในสาขาแนวหน้าที่เกี่ยวข้องของจีน

อนึ่ง ระยะที่ 1 ของห้องปฏิบัติการใต้ดินจิ่นผิงแห่งประเทศจีนก่อสร้างเสร็จสิ้นและเปิดใช้งานเมื่อสิ้นปี 2010 มีความจุห้องราว 4,000 ลูกบาศก์เมตร และประสบผลสำเร็จทางวิทยาศาสตร์หลายรายการ ซึ่งยกระดับการทดลองตรวจจับสสารมืดของจีนสู่ระดับสูงบนเวทีโลก

‘หญิงจีน’ ช็อก!! เจอบิลค่าอาหารกว่า 2 ล้านบาท หลังโพสต์รูปติด ‘คิวอาร์โค้ด’ แล้วเจอชาวเน็ตแกล้งสั่ง

หญิงชาวจีนแชร์ประสบการณ์ถูกแจ้งบิลค่าอาหาร 430,000 หยวน หรือราวๆ 2.1 ล้านบาท หลังจากที่เธอเผลอโพสต์รูปที่มี ‘คิวอาร์โค้ด’ สั่งอาหารลงในสื่อออนไลน์ จนทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากแกล้งใช้มันกดสั่งเมนูต่างๆ ในชื่อของเธอ

เมื่อไม่นานนี้ หญิงจีนสกุล ‘แซ่หวัง’ คนนี้เล่าว่า เธอตั้งใจโพสต์รูปอาหารที่เธอกับเพื่อนไปนั่งรับประทานด้วยกันที่ร้านหม้อไฟแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ทันสังเกตว่ามีคิวอาร์โค้ดที่ถูกแปะอยู่ข้างๆ โต๊ะ สำหรับกดสั่งอาหารและชำระเงินติดอยู่ในรูปด้วย

แม้เธอจะโพสต์รูปลงใน ‘WeChat Moments’ ซึ่งถูกตั้งค่าให้มองเห็นได้เฉพาะเพื่อนเท่านั้น แต่ปรากฏว่ามีคนจำนวนมากเริ่มนำโค้ดไปใช้กดสั่งอาหาร

หวัง เพิ่งมารู้ตัวว่า ‘พลาด’ ไปแล้ว หลังพนักงานของร้านเดินมาขอคำยืนยันว่า “เธอต้องการสั่งอาหารมูลค่า 430,000 หยวนจริงหรือไม่?”

หวัง ตัดสินใจลบโพสต์ดังกล่าวทันที แต่ยังคงมีออเดอร์ถูกสั่งในนามโต๊ะของเธอไม่หยุด ซึ่ง หวัง เข้าใจว่าคงจะมีใครสักคนดาวน์โหลดภาพดังกล่าวไปแล้ว ก่อนที่เธอจะลบมันทิ้ง

จากภาพสกรีนช็อตที่ หวัง นำมาแชร์เป็นอุทาหรณ์ ออเดอร์ที่พวกชาวเน็ตตะลุยสั่งในนามของเธอประกอบด้วยเลือดเป็ดสด 1,850 ชิ้น, ปลาหมึก 2,850 จาน และกุ้งบดอีก 9,990 จาน ซึ่งแต่ละจานก็มีสนนราคาหลายสิบหยวน

โชคยังดีที่ทางร้านไม่ได้บังคับให้ หวัง ต้องจ่ายเงินตามออเดอร์เหล่านั้น โดยหลังจากที่ทราบว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น พนักงานก็ได้ย้ายเธอกับเพื่อนไปนั่งโต๊ะใหม่ และมองข้ามออเดอร์ทั้งหมดที่ถูกสั่งเข้ามาเพิ่ม

หวัง ยอมรับว่านี่เป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับเธอ พร้อมเตือนให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล และใช้ความระมัดระวังมากขึ้นก่อนจะโพสต์ภาพหรือข้อมูลต่างๆ ลงในสื่อออนไลน์

‘หลิน เสี่ยวหมิง’ ทนายความจากบริษัทกฎหมาย ‘Sichuan Yishang Law Firm’ ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนว่า เนื่องจาก ‘ออเดอร์ปลอม’ ที่ถูกส่งเข้ามาไม่ได้เกิดจากเจตนาของ หวัง ดังนั้น จึงถือว่าเป็น ‘โมฆะ’ และร้านอาหารที่เผชิญปัญหาลักษณะนี้มีสิทธิ์ปฏิเสธออเดอร์ หรือแม้กระทั่งฟ้องเรียกเงินจากชาวเน็ตเหล่านั้น หากทำให้ทางร้านเกิดความเสียหาย

‘จีน’ ออกแผนปฏิบัติการมุ่งปรับปรุง ‘คุณภาพอากาศ’ หวังลด PM 2.5 ให้ได้ร้อยละ 10 ภายในปี 2025

เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะรัฐมนตรีจีนเผยแพร่แผนปฏิบัติการเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศ ท่ามกลางความพยายามส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพสูงของประเทศ

แผนปฏิบัติการดังกล่าวประกอบด้วยชุดมาตรการที่มุ่งบรรลุเป้าหมายท้องฟ้าที่มีสีฟ้ามากขึ้น ภายในปี 2025 อาทิ การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมสีเขียว การสร้างพลังงานผสมที่สะอาดมากขึ้น และการพัฒนาระบบการขนส่งคาร์บอนต่ำ

เป้าหมายของแผนนี้คือเพื่อลดความเข้มข้นของฝุ่นพิษขนาดเล็ก พีเอ็ม 2.5 (PM2.5) ในเมืองระดับแคว้นขึ้นไป ลงร้อยละ 10 ภายในปี 2025 เมื่อเทียบกับระดับปี 2020 เพื่อควบคุมสัดส่วนวันที่มีมลพิษทางอากาศย่ำแย่แต่ละปีให้อยู่ที่ร้อยละ 1 หรือต่ำกว่า และเพื่อลดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายกว่าร้อยละ 10

ภูมิภาคปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ยและพื้นที่โดยรอบ รวมถึงภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี และที่ราบเฝินเว่ย ถูกระบุเป็นพื้นที่สำคัญในแผนปฏิบัติการข้างต้น

นอกจากนี้ จีนจะสั่งห้ามกำลังการผลิตเหล็กใหม่ เร่งการยกเลิกกำลังการผลิตที่ล้าสมัยในอุตสาหกรรมหลัก และส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

จีนจะดำเนินการเพื่อพัฒนาพลังงานใหม่และพลังงานสะอาดเพิ่มเติม เพื่อรับประกันว่าพลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิลจะครองสัดส่วนร้อยละ 20 ของการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศ ภายในปี 2025 โดยการผลิตและการจัดหาก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ส่วนยานยนต์พลังงานใหม่จะครองสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของรถบัส รถแท็กซี่ และยานพาหนะขนส่งสาธารณะอื่นๆ ในเมืองรุ่นใหม่หรือที่ได้รับการปรับปรุงในพื้นที่สำคัญ

ทั้งนี้ จีนจะพยายามเสริมสร้างการกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมาย การปรับปรุงกฎหมาย การปรับปรุงนโยบายสิ่งแวดล้อมและนโยบายเศรษฐกิจ ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการสภาพแวดล้อมในชั้นบรรยากาศ ตลอดจนการป้องกันและควบคุมการแปรสภาพเป็นทะเลทราย

‘THAI FIGHT’ บุกจีน ลุยส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทย เตรียมเปิดยิมสอนทักษะ 10,000 แห่ง ภายในเวลา 5 ปี

(9 ธ.ค.66) นายนพพร วาทิน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยไฟท์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ THAI FIGHT บริษัทจัดการแข่งขันมวยไทยอาชีพระดับโลก กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ (เอ็มโอยู) กับ บริษัท ยูไนเต็ด แวนเซน สปอร์ต แมเนจเมนท์ จำกัด โดยนายวิลเลียม หวู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้ลงนาม มีนางจิราพร สุดานิช กงสุลใหญ่ไทย ณ นครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว THAI FIGHT และ United Vansen จะร่วมกันส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทยเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ การจัดการแข่งขันมวยไทยระดับโลกในประเทศจีน ดำเนินการเปิดยิมมวยไทยทั่วประเทศจีนเพื่อฝึกอบรมตลอดจนปลูกฝังและคัดเลือกนักมวยไทยมืออาชีพที่เป็นชาวจีน รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่สนใจออกกำลังกายด้วยวิชามวยไทยเพื่อสุขภาพที่ดีและรวมถึงเป็นศิลปะการป้องกันตัวด้วย ตั้งเป้าจะเปิดยิมมวยไทย 10,000 ยิม ภายในเวลา 5 ปี

นายนพพร กล่าวว่า บริษัท ยูไนเต็ด แวนเซน สปอร์ต แมเนจเมนท์ จำกัด บริหารจัดการกีฬาชั้นนำอันดับต้นๆ ของจีน มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงปักกิ่ง ความร่วมมือครั้งนี้ได้รับการประสานงานจากนายเชาว์ชัย เจียมวิจิตร และนายฉัตรชัย เล่งอี้ ประธานและรองประธานคณะอนุกรรมการหอการค้าแห่งประเทศไทยด้านค้าชายแดนด้านจีนตอนใต้ ซึ่งตรงกับนโยบายหลักของบริษัทฯ คือความเป็น ‘THAI SPIRIT’ ที่บ่งบอกความเป็นไทยและคนไทยเท่านั้นที่จะทำได้ดีที่สุด

นายวิลเลี่ยม กล่าวว่า ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวโครงการแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจีน-ไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมพัฒนาในเชิงลึกของทั้ง 2 ประเทศไม่ว่าจะเป็นในด้านวัฒนธรรม กีฬา การท่องเที่ยว และด้านอื่นๆ หลังจากพิธีลงนามทั้งสองฝ่ายยังได้หารือและวางแผนในเชิงลึกเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านการจัดการแข่งขัน พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกีฬา และกีฬาเพื่อสุขภาพอย่างละเอียด รวมถึงมีแผนจะผลักดันด้านลิขสิทธิ์กีฬา สื่อบันเทิงกีฬา รวมถึงอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์กีฬาต่างๆ ที่มีคุณภาพของประเทศไทย รวมถึงเครื่องดื่มชูกำลังด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top