Thursday, 12 June 2025
จีน

‘เวียดนาม’ ยัน!! ยึดมั่นหลักการจีนเดียว ค้านแทรกแซงกิจการภายในของจีน

(13 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, ฮานอย เผยว่า ‘สี จิ้นผิง’ เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานาธิบดีจีน ได้กล่าวถึงการประกาศสร้างประชาคม ‘จีน-เวียดนาม’ ที่มีอนาคตร่วมกัน ซึ่งมีนัยสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ได้ส่งสัญญาณเชิงบวกของความมุ่งมั่นของสองประเทศสังคมนิยมในความสามัคคี มิตรภาพ และการพัฒนาร่วมกัน โดยคำกล่าวนี้ สี จิ้นผิง ได้กล่าวขณะพบปะหารือกับ ‘เวือง ดิ่งห์ เหวะ’ ประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม ณ กรุงฮานอย

ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานถึงการพบปะพูดคุยกันระหว่างผู้นำจีน กับ ‘เหงียน ฟู้ จ่อง’ เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โดย จ่อง ได้กล่าวว่า เวียดนามยึดมั่นหลักการจีนเดียวอย่างหนักแน่น และคัดค้านกองกำลังใดๆ เข้าแทรกแซงกิจการภายในของจีน และกล่าวอีกว่าเวียดนามรับรองไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกของดินแดนจีน สนับสนุนกิจการรวมชาติของจีน และคัดค้านกิจกรรมแบ่งแยกดินแดนเพื่อ ‘เอกราชไต้หวัน’ ในทุกรูปแบบ

จ่อง กล่าวเสริมอีกว่า ประเด็นเกี่ยวกับฮ่องกง, ซินเจียง และทิเบต (ซีจ้าง) ล้วนเป็นกิจการภายในของจีน ซึ่งเวียดนามหวังและเชื่อว่าจีนจะรักษาเสถียรภาพ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองไว้ได้

หลังจากนั้น สี จิ้นผิง ได้กล่าวถึง ความพร้อมของจีนในการทำงานร่วมกับเวียดนาม เพื่อส่งเสริมพหุภาคีนิยมที่แท้จริง โดยฝ่ายจีนยินดีจะร่วมเพิ่มการส่งเสียงและอิทธิพลของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในกิจการระหว่างประเทศกับเวียดนาม

‘TCP Group’ ตั้งฐานผลิต 'เครื่องดื่มกระทิงแดง' ใหญ่สุดในจีน กินพื้นที่ 167 ไร่ กำลังการผลิต 1.44 พันล้านกระป๋องต่อปี

เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า โครงการฐานการผลิตเครื่องดื่มกระทิงแดงของทีซีพี กรุ๊ป (TCP Group) จากไทยในเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเน่ยเจียง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เริ่มต้นการดำเนินงานเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ธ.ค.) ซึ่งนับเป็นโรงงานแห่งที่ 2 ที่ทีซีพี กรุ๊ป ลงทุนโดยตรงในจีน รวมถึงฐานการผลิตเครื่องดื่มกระทิงแดงขนาดใหญ่ที่สุดในจีน

ฐานการผลิตแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ราว 167 ไร่ มูลค่าการลงทุน 2 พันล้านหยวน (ราว 1 หมื่นล้านบาท) มีสายการผลิต 5 สาย กำลังการผลิตรายปีตามการออกแบบอยู่ที่ 1.44 พันล้านกระป๋อง และมูลค่าผลผลิตรายปีจะแตะ 5 พันล้านหยวน (ราว 2.5 หมื่นล้านบาท) หลังจากก่อสร้างโครงการเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้เป็นฐานการผลิตที่มีการลงทุนมากที่สุด สายการผลิตมากที่สุด และความอัจฉริยะระดับสูงสุดของทีซีพี กรุ๊ป ในจีน

สำหรับเมืองเน่ยเจียงของซื่อชวน ซึ่งมีข้อได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดี ได้ดึงดูดเหล่าผู้ประกอบการจำนวนมากจากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าพัฒนาธุรกิจในพื้นที่ เช่น ซีพี กรุ๊ป (CP Group) ที่เข้ามาในปี 1992 และทีซีพี กรุ๊ป ที่เข้ามาในปี 2020 โดยเน่ยเจียงได้เดินหน้าการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าอย่างใกล้ชิดกับ 63 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงไทยและเวียดนาม

ข้อมูลจากสำนักความร่วมมือทางเศรษฐกิจเน่ยเจียงระบุว่าปริมาณการนำเข้าและส่งออกของเน่ยเจียงกับกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สูงถึง 1.14 พันล้านหยวน (ราว 5.7 พันล้านบาท) ในปี 2022 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 28.8 ของปริมาณการนำเข้าและส่งออกทั้งหมดของเมืองในปีดังกล่าว และร้อยละ 96 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเน่ยเจียงมาจากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนการค้าระหว่างประเทศของเน่ยเจียงในปีนี้คาดว่าจะสูงเกิน 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 5 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าจากปีก่อน

เน่ยเจียงได้ดำเนินโครงการการลงทุนใหม่ จำนวน 169 โครงการ ซึ่ง 67 โครงการมีมูลค่าสูงเกิน 500 ล้านหยวน (ราว 2.5 พันล้านบาท) มีการลงทุนที่แท้จริงในโครงการอุตสาหกรรมนำเข้าจากนอกเมืองเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.25 เมื่อเทียบปีต่อปี และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูงแตะ 35.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.25 พันล้านบาท) เมื่อนับถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่สำนักฯ เผยว่าเน่ยเจียงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจแบบเปิดกว้าง ซึ่งมุ่งเน้นกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก และพยายามบุกเบิกความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างประเทศรูปแบบใหม่อย่างแข็งขัน

ทั้งนี้ ‘นิคมความร่วมมือทางอุตสาหกรรมซื่อชวน-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้’ ซึ่งถือเป็นนิคมความร่วมมือทางอุตสาหกรรมกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งแรกของซื่อชวน ได้เปิดทำการในเมืองเน่ยเจียงพร้อมกันเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ธ.ค.) อีกด้วย ซึ่งนิคมแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ใหม่สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจอันมุ่งเน้นการส่งออกของเน่ยเจียง

เจ้าหน้าที่สำนักพาณิชย์มณฑลซื่อชวนระบุว่าสำนักพาณิชย์ฯ จะสนับสนุนเน่ยเจียงในการขยับขยายความร่วมมือทางอุตสาหกรรมและการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สนับสนุนเน่ยเจียงทำการพัฒนาตลาดเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างลึกซึ้ง และมีส่วนร่วมในโครงข่ายอุตสาหกรรมระดับโลกเพิ่มขึ้น

‘จีน’ ปลื้ม!! ‘โรคเกิดจากอาหาร’ ระบาดลดลง หลังเข้มงวดตรวจสอบความปลอดภัยมากขึ้น

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.66 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยว่า จีนเผชิญการระบาดของโรคที่มีสาเหตุมาจากอาหารลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งส่งสัญญาณความคืบหน้าเชิงบวกในการจัดการความปลอดภัยทางอาหาร

เมื่อวันอังคาร (12 ธ.ค.) เฉาเสวี่ยเทา รองหัวหน้าคณะกรรมการฯ ระบุว่า ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการดำเนินโครงการติดตามความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางอาหารระดับชาติ

อนึ่ง โรคที่มีสาเหตุมาจากอาหาร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าอาหารเป็นพิษ เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญระดับโลก

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้เปิดตัวระบบเฝ้าติดตามหลัก 3 ระบบ เพื่อปรับปรุงความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางอาหาร โดยมุ่งเน้นไปที่การติดตามแต่ละกรณีการป่วยของโรคที่เกิดจากอาหาร ติดตามการระบาดของโรคประเภทดังกล่าว และสร้างเครือข่ายการตรวจสอบย้อนกลับระดับโมเลกุลเพื่อระบุแหล่งที่มาของการเจ็บป่วยจากอาหาร

ข้อมูลการติดตามจากศูนย์ประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางอาหารแห่งชาติของจีน พบกรณีการระบาดของโรคที่มีสาเหตุมาจากอาหารกว่า 46,000 รายทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2010-2022 โดยเฉพาะในครัวเรือนและสถานประกอบการจัดเลี้ยงอาหาร

การระบาดในครัวเรือนส่วนใหญ่เกิดจากการกินเห็ดพิษป่าโดยไม่ได้ตั้งใจ และการปนเปื้อนจากแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค ส่วนในสถานประกอบการร้านอาหาร ควรให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคที่เกิดจากอาหารปนเปื้อนแบคทีเรีย

‘จีน’ สั่ง!! ห้ามใช้ ‘ไอโฟน’ ในหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ หวังเร่งเครื่องรณรงค์เลิกใช้เทคโนโลยีสหรัฐฯ มากขึ้น

(16 ธ.ค.66) หน่วยงานและบริษัทของรัฐบาลจีนจำนวนมากทั่วประเทศ ได้ออกคำสั่งให้พนักงานหยุดนำโทรศัพท์ไอโฟนและอุปกรณ์เคลื่อนที่ของบริษัทต่างชาติ ไปใช้ในสถานที่ทำงาน ซึ่งนับเป็นคำสั่งห้ามที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทของรัฐและหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งในอย่างน้อย 8 มณฑล ได้สั่งพนักงานให้เริ่มใช้อุปกรณ์สื่อสารของแบรนด์ท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญนับตั้งแต่ประมาณเดือนกันยายน เมื่อหน่วยงานเล็ก ๆจำนวนหนึ่งในปักกิ่งและเทียนจินได้แจ้งให้พนักงานเก็บอุปกรณ์สื่อสารของบริษัทต่างประเทศไว้ที่บ้าน

ความพยายามดังกล่าวถือเป็นการเร่งรณรงค์ของจีนเพื่อให้ชาวจีนเลิกใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ความนิยมของแบรนด์ในประเทศเพิ่มขึ้น อาทิ หัวเว่ย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจที่จะขยายการห้ามใช้อุปกรณ์สื่อสารของต่างชาติ นอกเหนือไปจากกระทรวงที่มีความอ่อนไหวมากที่สุด เพื่อให้ครอบคลุมหน่วยงานและบริษัทของรัฐจำนวนมากขึ้น 

‘นักวิจัยจีน’ ผุด ‘เสื้อผ้าพลังงานแสงอาทิตย์’ ประสิทธิภาพสูง ช่วยคุมอุณหภูมิร่างกายมนุษย์ให้รู้สึกสบาย แม้อากาศผันผวน

เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทีมนักวิจัยของจีนจากมหาวิทยาลัยหนานไคออกแบบระบบเสื้อผ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ยืดหยุ่น พึ่งพาพลังงานในตัวเอง และมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยควบคุมให้ร่างกายมนุษย์คงอยู่ในช่วงอุณหภูมิที่ทำให้รู้สึกสบาย แม้ว่าอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมจะผันผวน

ระบบเสื้อผ้าที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์แสงอาทิตย์แบบยืดหยุ่นนี้ไม่ต้องอาศัยแหล่งพลังงานภายนอก ยกเว้นเพียงแสงแดด และต่างจากเสื้อผ้าควบคุมความร้อนรุ่นก่อนหน้า ตรงที่สามารถสร้างความอบอุ่นและทำความเย็นด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถปรับเปลี่ยนอุณหภูมิสองทางตลอดทั้งวัน

การศึกษาระบุว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลังได้รับพลังงานแสงอาทิตย์เพียง 12 ชั่วโมง

นอกจากนั้น อุปกรณ์ข้างต้นทำงานเพื่อรักษาอุณหภูมิผิวหนังของมนุษย์ให้อยู่ในช่วงที่ทำให้รู้สึกสบาย ระหว่าง 32-36 องศาเซลเซียส แม้อุณหภูมิสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงที่ระหว่าง 12.5-37.6 องศาเซลเซียส

อุปกรณ์ใหม่นี้สามารถช่วยปรับปรุงความปลอดภัยและความรู้สึกสบายของร่างกายมนุษย์ ท่ามกลางอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมที่ผันผวน และยังอาจยืดระยะการเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ในอวกาศ หรือบนดาวเคราะห์ดวงอื่น

อนึ่ง การศึกษาฉบับดังกล่าวเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (15 ธ.ค.) ในวารสารไซแอนซ์ (Science)

‘จีน’ เกิดเหตุ ‘แผ่นดินไหว’ 6.2 แมกนิจูด ดับแล้ว 111 ราย บ้านเรือนพังยับ น้ำ-ไฟถูกตัดขาด ทีมกู้ภัยเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต

(19 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, จีสือซาน/ซีหนิง รายงานว่า สำนักงานใหญ่บรรเทาภัยพิบัติแผ่นดินไหว ในมณฑลกานซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน รายงานเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.2 ตามมาตราแมกนิจูด บริเวณอำเภอกลุ่มชาติพันธุ์ในกานซู่ช่วงเที่ยงคืนของวันจันทร์ (18 ธ.ค.) ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในกานซู่และชิงไห่ ที่เป็นมณฑลใกล้เคียง รวม 111 รายแล้ว

ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวแห่งประเทศจีน เผยว่าเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นตอน 23.59 น. ของวันจันทร์ (18 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีความลึกของจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว 10 กิโลเมตร และศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่ตำบลหลิ่วโกว ที่อยู่ห่างจากที่ตั้งของอำเภอปกครองตนเองจีสือซาน กลุ่มชาติพันธุ์เป่าอัน ตงเซียง และซาลา ในแคว้นปกครองตนเองหลินเซี่ย กลุ่มชาติพันธุ์หุยของกานซู่ราว 8 กิโลเมตร

กลุ่มผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน ถนนหนทาง และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ โดยหลายหมู่บ้านประสบกับไฟฟ้าขัดข้องและการจ่ายน้ำหยุดชะงัก

หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่น ระบุว่า อุณหภูมิต่ำรายวันในจีสือซานอยู่ที่ -10 องศาเซลเซียสในวันอังคาร (19 ธ.ค.) ด้านสำนักดับเพลิงและกู้ภัยของกานซู่ได้ส่งทีมกู้ภัย 580 คน เข้าช่วยเหลือพร้อมรถดับเพลิง 88 คัน สุนัขค้นหาและกู้ภัย 12 ตัว รวมถึงชุดอุปกรณ์มากกว่า 10,000 ชุดไปยังพื้นที่เกิดภัยพิบัติ

ขณะที่หน่วยงานการรถไฟระงับการเดินขบวนรถไฟโดยสารและรถไฟสินค้า ผ่านพื้นที่เกิดแผ่นดินไหว และสั่งการให้ตรวจสอบความปลอดภัยของรางรถไฟ

‘หูชางเซิง’ หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลกานซู่ และเหรินเจิ้นเฮ่อ ผู้ว่าการมณฑลกานซู่ ได้เร่งเดินทางลงพื้นที่เกิดภัยพิบัติเพื่อบัญชาการงานกู้ภัยและบรรเทาทุกข์แล้ว

‘จีน’ เผย ‘ท่องเที่ยวเชิงอุตุนิยมวิทยา’ เทรนด์ตลาดเกิดใหม่มาแรง ชู ‘การท่องเที่ยว-ภูมิอากาศ-ภูมิทัศน์-วัฒนธรรม’ ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ

(21 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, เจิ้งโจว รายงานจากสถาบันพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอุตุนิยมวิทยาแห่งประเทศจีน ระบุว่า การท่องเที่ยวเชิงอุตุนิยมวิทยาในจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องช่วงไม่กี่ปีมานี้ และจะรักษาแนวโน้มการเติบโตที่รวดเร็วในปีต่อๆ ไป จนเกิดเป็นตลาดการท่องเที่ยวเกิดใหม่

รายงานว่า ด้วยการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอุตุนิยมวิทยาจากสถาบันฯ ที่เผยแพร่ในการประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงอุตุนิยมวิทยาแห่งประเทศจีน ครั้งที่ 2 ระยะ 2 วัน เผยว่า การพัฒนาที่รวดเร็วของการท่องเที่ยวดังกล่าวในจีน มีปัจจัยหลักมาจากการแสวงหาประสบการณ์ด้านอุตุนิยมวิทยาอันเป็นเอกลักษณ์ที่เพิ่มขึ้นของประชาชน รวมถึงนวัตกรรมและการยกระดับอย่างต่อเนื่องของการท่องเที่ยว

รายงานที่เผยแพร่ในการประชุมฯ ซึ่งปิดฉากลงเมื่อวันพุธที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในมณฑลเหอหนานทางตอนกลางของจีน คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมบริการเชิงอุตุนิยมวิทยาของจีนจะมีมูลค่าสูงกว่า 3 แสนล้านหยวน (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2025

‘ชวีหย่า’ เลขาธิการสมาคมอุตุนิยมวิทยาแห่งประเทศจีน กล่าวว่า ดวงอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม พายุฝนฟ้าคะนองที่งดงาม ผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว น้ำแข็งและหิมะ น้ำค้างแข็ง และป่าฝนล้วนเป็นทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงอุตุนิยมวิทยา

อนึ่ง ทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงอุตุนิยมวิทยา แบ่งแบบกว้างออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่

1.) ทรัพยากรภูมิทัศน์และสภาพอากาศ อาทิ เมฆ ฝน หิมะ แสงสว่าง และปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่พบได้ยาก

2.) ทรัพยากรภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม อาทิ การรักษาสุขภาพ ประสบการณ์ และวัตถุโบราณภูมิอากาศบรรพกาลที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศ

3.) ทรัพยากรเชิงอุตุนิยมวิทยาแนวมนุษยนิยม อาทิ อุตุนิยมวิทยาและประวัติศาสตร์ ภูมิทัศน์ที่มนุษย์สร้างขึ้น ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น

สื่อสหรัฐฯ เผย ‘สี จิ้นผิง’ บอก ‘ไบเดน’ ปักกิ่งจะรวมไต้หวันเข้ากับจีนแน่นอน ไม่สนการแทรกแซงจากภายนอก และพวกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไม่กี่คน

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 66 สำนักข่าว NBC News ของสหรัฐฯ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวของเจ้าหน้าที่ ซึ่งระบุว่า ประธานาธิบดี ‘สี จิ้นผิง’ ของจีน ได้กล่าวต่อหน้าประธานาธิบดี ‘โจ ไบเดน’ แห่งสหรัฐฯ อย่างตรงไปตรงมาระหว่างการประชุมซัมมิตที่ซานฟรานซิสโก ว่า ปักกิ่งจะรวมไต้หวันเป็นหนึ่งเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่แน่นอน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำเมื่อไหร่

สี จิ้นผิง ยังกล่าวในที่ประชุมหารือซึ่งมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสหรัฐฯ และจีนนั่งอยู่ด้วยกว่า 10 คน ว่า รัฐบาลจีนต้องการที่จะรวมชาติกับไต้หวัน ‘ด้วยสันติวิธี’ มากกว่าใช้กำลัง

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คน และอดีตเจ้าหน้าที่อีก 1 คน ซึ่งได้รับทราบเนื้อหาของการประชุม ยังบอกด้วยว่า สี จิ้นผิง อ้างถึงเรื่องที่นายพลระดับสูงของอเมริกาบางคนออกมาทำนาย ว่าเขามีแผนจะยึดไต้หวันภายในปี 2025 หรือ 2027 โดยเขายืนยันกับไบเดนว่า คนเหล่านั้นคาดการณ์ ‘ผิด’ เพราะเขายังไม่เคยกำหนดกรอบเวลาเรื่องนี้มาก่อน

แหล่งข่าวเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่จีนยังร้องขอก่อนการประชุมให้ ไบเดน ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณชนภายหลังการประชุมว่า “สหรัฐฯ สนับสนุนเป้าหมายของจีน ในการรวมชาติกับไต้หวันอย่างสันติ และไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน” ทว่าทำเนียบขาวปฏิเสธข้อเรียกร้องนี้

โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานนี้

คำเตือนที่ สี จิ้นผิง กล่าวกับ ไบเดน เป็นการส่วนตัวนั้น แม้จะไม่แตกต่างจากสิ่งที่ผู้นำจีนเคยพูดต่อสาธารณชนมาแล้วหลายครั้ง เรื่องการรวมชาติกับไต้หวัน แต่ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เห็นว่าไม่ธรรมดา เพราะมีขึ้นในช่วงที่จีนหันมาใช้นโยบายก้าวร้าวกับไทเปมากขึ้น อีกทั้งไต้หวันจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน ม.ค. ปี 2024 ด้วย

หลังจากที่เรื่องนี้ถูกตีแผ่ออกมาในช่วงแรกๆ ‘สว.ลินด์เซย์ เกรแฮม’ จากพรรครีพับลิกัน ถึงขั้นออกคำแถลงเรียกร้องให้สมาชิกพรรครีพับลิกัน และเดโมแครตร่วมมือกันป้องปรามจีน

“เรื่องที่รายงานนี้มันยิ่งกว่าน่ากังวล” เกรแฮม กล่าว “ผมจะร่วมมือกับ สว.ทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตเพื่อทำ 2 เรื่องให้เร็วที่สุด หนึ่งคือมอบการสนับสนุนด้านความมั่นคงให้ไต้หวัน และสองคือจัดทำร่างมาตรการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษจีน หากพวกเขาเริ่มลงมือยึดเกาะไต้หวัน”

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งทราบรายละเอียดการหารือระบุว่า คำพูดของ สี จิ้นผิง แม้ตรงไปตรงมาก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นไปในเชิงยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ

“สำนวนภาษาของเขาไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เคยพูดมาแล้ว เขาจริงจังเรื่องไต้หวันเสมอ และมีจุดยืนแข็งกร้าวเรื่องนี้มาโดยตลอด” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งบอก

ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อปีที่แล้ว สี จิ้นผิง ประกาศชัดเจนว่าจีนจะส่งทหารบุกไต้หวัน หากไทเปกล้าประกาศเอกราชโดยมีต่างชาติให้การสนับสนุน พร้อมย้ำว่าคำขู่ใช้กำลังของจีนนั้นมุ่งป้องปราม “การแทรกแซงจากขั้วอำนาจภายนอก และพวกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไม่กี่คน” ที่ต้องการให้ไต้หวันเป็นประเทศอิสระ
 

‘จีน’ เดินหน้าสร้าง ‘ศูนย์ข้อมูลใต้ทะเล’ แห่งแรกของโลก ชี้!! ประหยัดพลังงาน-ประสิทธิภาพสูง-เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เมื่อไม่นานนี้ จีนปล่อย ‘คลังข้อมูลใต้ทะเล’ น้ำหนัก 1,300 ตัน ที่ทะเลลึก 35 เมตร บริเวณน่านน้ำเกาะไหหลำ ซึ่งในอีกไม่นานที่นี่จะสร้าง ‘ศูนย์ข้อมูลใต้ทะเล’ แห่งแรกของโลก

‘คลังข้อมูลใต้ทะเล’ ที่กำลังติดตั้งในครั้งนี้ มิเพียงแต่สะสมข้อมูลที่เป็นตัวเลขเท่านั้น ทั้งยังเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใต้ท้องทะเล พลังการคำนวณเท่ากับคอมพิวเตอร์ทั่วไปจำนวน 60,000 เครื่อง ที่ทำงานออนไลน์ในเวลาเดียวกัน สามารถจัดการถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงได้มากกว่า 4 ล้านภาพใน 30 วินาที

หลังโครงการศูนย์ข้อมูลเชิงพาณิชย์ใต้ทะเลแห่งแรกของโลกสร้างแล้วเสร็จ เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลภาคพื้นดินแบบดั้งเดิมที่มีขนาดเท่ากัน จะสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้รวม 122 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ประหยัดพื้นที่ 68,000 ตารางเมตร และประหยัดน้ำจืด 105,000 ตันต่อปี 

แนวคิดอันสร้างสรรค์ของวิศวกรจีนนี้ กำลังนำพาจีนก้าวไปสู่ประเทศทันสมัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งอนาคต

‘ต้มยำกุ้งหม้อไฟ’ สุดยอดเมนูคลายหนาว ขายดีในยูนนาน แถมชาวจีนที่เคยทาน เริ่มหัด ‘ทำกินเองที่บ้าน’ แล้วด้วย

(21 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, คุนหมิง ห้วงยามฤดูหนาวที่อากาศเย็นเยือก ‘ฟ่าน จื้อเหวิน’ เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในนครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ได้ออกเมนู ‘ต้มยำกุ้งหม้อไฟ’ ที่มีเครื่องต้มยำกุ้งของไทยเป็นส่วนประกอบหลัก เสิร์ฟพร้อมเนื้อสัตว์ อาหารทะเล และผักสด กลายเป็นที่โปรดปรานของลูกค้าจำนวนไม่น้อย

‘ฟ่าน’ วัย 35 ปี เผยว่า ต้มยำกุ้งถือเป็นเมนูยอดนิยมที่สั่งกันทุกโต๊ะ ส่วนต้มยำกุ้งหม้อไฟเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีลูกค้าสั่งกันเยอะในฤดูหนาว โดยร้านอาหารกลุ่มชาติพันธุ์ไต-อาหารไทยของเขา มักออกสารพัดเมนูตามฤดูและเทศกาล เช่น ฤดูร้อนมีเมนูรสชาติเผ็ดเปรี้ยว ฤดูหนาวมีเมนูหม้อไฟ และมีเมนูพิเศษต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ด้วย

ทั้งนี้ ฟ่านผู้เริ่มต้นทำธุรกิจร้านอาหารไทยมาตั้งแต่ปี 2015 มองว่า ชาวอวิ๋นหนานชื่นชอบต้มยำกุ้งหม้อไฟกันไม่น้อย หลายคนหาซื้อวัตถุดิบกลับไปทำกินเองที่บ้าน ทำให้เป็นเมนูที่ขาดไม่ได้สำหรับร้านอาหารไทยในคุนหมิง

เมนูต้มยำกุ้งหม้อไฟที่มีน้ำซุปอุ่นร้อนให้ซดนั้น เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นอีกในช่วงอากาศหนาวเย็นจัด โดยข้อมูลจากเหม่ยถวน (Meituan) และเตี่ยนผิง (Dianping) พบว่าช่วงวันที่ 1-13 ธ.ค. ร้านอาหารในอวิ๋นหนานออกเมนู ‘ต้มยำกุ้งหม้อไฟ’ หรือ ‘หม้อไฟไทย’ เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบปีต่อปี และยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 74

ขณะที่การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมระหว่างจีน-ไทย ที่พัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แปรเปลี่ยนแนวทางรับประทานอาหารไทยของผู้บริโภคชาวจีนจาก ‘หากินที่ร้าน’ เป็น ‘ทำกินเองที่บ้าน’

ข้อมูลจากเหม่ยถวน ระบุว่า ปริมาณการค้นหาคำว่า “หม้อไฟไทย” และ “ต้มยำกุ้งหม้อไฟ” บนแอปพลิเคชันสั่งอาหารในอวิ๋นหนานเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เข้าสู่เดือนธันวาคม โดยการค้นหาคำว่า “หม้อไฟไทย” เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 ส่วนคำว่า “ต้มยำกุ้งหม้อไฟ” เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 912.7

ด้านจำนวนร้านอาหารที่มีเมนูหม้อไฟไทยบนแพลตฟอร์มของเหม่ยถวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 ยอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 170.4 และยอดการซื้อขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.6


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top