Wednesday, 11 June 2025
จีน

‘จีน’ ประกาศลดค่า ‘วีซ่า’ 25% ให้หลายชาติ รวม ‘ไทย’ ด้วย เริ่ม 11 ธ.ค.66-31 ธ.ค.67 หวังกระตุ้นนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ

เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.66) กระทรวงต่างประเทศจีนและสถานทูตจีนในหลายประเทศรายงานว่า จีนจะลดค่าการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (วีซ่า) ลง 25% ให้แก่นักเดินทางจากไทย ญี่ปุ่น เม็กซิโก เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2566 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ปัจจุบันนโยบายนี้ครอบคลุมผู้เดินทางหลายร้อยล้านคนจากกว่า 10 ประเทศ

สำหรับมาตรการใหม่นี้เป็นมาตรการล่าสุดของจีนที่ต้องการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวต่างชาติเดินทางเข้าจีน ในช่วงที่เศรษฐกิจจีนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา จีนได้ประกาศนโยบายยกเว้นวีซ่าให้ผู้ถือหนังสือเดินทางฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2566 ถึงวันที่ 30 พ.ย. 2567 โดยสามารถพำนักอยู่ในจีนได้สูงสุด 15 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า สำหรับทำธุรกิจ ท่องเที่ยว เยี่ยมครอบครัว และแวะเปลี่ยนเที่ยวบิน

‘จีน’ ปล่อย ‘ลองมาร์ช-2ดี’ ส่งดาวเทียมสำรวจสู่อวกาศสำเร็จ นับเป็นการบินครั้งที่ 500 ของจรวดขนส่งในตระกูลลองมาร์

(10 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, ซีชาง รายงานว่า จีนปล่อยจรวดขนส่ง ‘ลองมาร์ช-2ดี’ (Long March2D) ซึ่งขนส่งดาวเทียมสำรวจระยะไกลดวงหนึ่งขึ้นสู่อวกาศ

‘จรวดลองมาร์ช-2ดี’ ทะยานออกจากศูนย์ปล่อยดาวเทียมซีชาง ในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ ตอน 09.58 น. (ตามเวลาปักกิ่ง) และส่งดาวเทียม ‘เหยาก่าน-39’ (Yaogan-39) เข้าสู่วงโคจรที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ การขนส่งดาวเทียมดังกล่าวนับเป็นภารกิจการบินครั้งที่ 500 ของจรวดขนส่งตระกูลลองมาร์ช

‘เจ้าหน้าที่จีน’ ยกระดับการอนุรักษ์ ‘กำแพงเมืองจีน’ งัดเทคโนโลยีช่วยคุ้มครอง-ตรวจจับความเสียหายที่เกิดขึ้น

เมื่อวานนี้ (10 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์ติดตามมรดกทางวัฒนธรรมจากสถาบันวิจัยวัฒนธรรมเส้นทางสายไหมเจียอวี้กวน (กำแพงเมืองจีน) พากันลาดตระเวนบริเวณจุดชมวิวกำแพงเมืองจีน ด่านเจียอวี้กวน ในเมืองเจียอวี้กวน มณฑลกานซู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เพื่อใช้เครื่องมือตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลจากกำแพงเมืองจีน

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถาบันคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมหลายแห่งได้เพิ่มการลงทุนด้านการคุ้มครองทางเทคโนโลยีของกำแพงเมืองจีน โดยใช้อุปกรณ์ทางเทคโนโลยีรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ตัวชี้วัด และตรวจจับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น วิธีการเหล่านี้ช่วยรับประกันการดำเนินมาตรการอนุรักษ์และฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพอย่างทันท่วงที รวมถึงรับรองว่ากำแพงเมืองจีนถูกอนุรักษ์ให้คงอยู่ในสภาพที่ดี

'มหาวิทยาลัยในจีน' ออกแบบคอร์สเรียนสำหรับ 'ผู้สูงวัย' สอนใช้ 'เทคโนโลยี-ดนตรี' ให้เท่าทันเทรนด์ยุคใหม่

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.66 มหาวิทยาลัยฮาร์บินจัดคอร์สสอนดนตรีและเทคโนโลยีแก่นักศึกษาผู้สูงอายุ โดยแรกเริ่มคอร์สใหม่นี้ถูกใช้เพื่อสอนร้องเพลงคาราโอเกะสำหรับผู้สูงอายุ ก่อนที่จะเสริมวิชาอื่นๆ ให้ตามทันยุคสมัยปัจจุบัน เช่น การตัดต่อวิดีโอ จนคอร์สนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในวิทยาเขตซงซานของมหาวิทยาลัยฮาร์บิน ในมณฑลเฮยหลงเจียง

ทางมหาวิทยาลัยได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อตามทันเทรนด์โลกอยู่เสมอ โดยเพิ่มวิชาใหม่อีกมากมาย อาทิ เช่น วิชาสำหรับสอนการตัดต่อวิดีโอ การออกกำลังกาย จิตวิทยาสำหรับผู้สูงวัย การเต้นแนวสตรีตแดนซ์ และการใช้โดรน เป็นต้น

คุณฉีซิน ผู้อำนวยการวิทยาเขตซงซาน กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของคอร์สเรียนนี้ว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรามักจะเห็นผู้สูงอายุจำนวนมากไปร้องคาราโอเกะ (KTV) เพื่อร้องเพลงร่วมกับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนๆ จึงเกิดความคิดเริ่มผลิตหลักสูตรนี้

สำหรับคอร์สเรียนนี้เปิดสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา และเปิดสอนคอร์สที่สองในวันที่ 4 พ.ย. โดยแต่ละคอร์สมีนักเรียน 42 คน อายุระหว่าง 48-73 ปี ขณะที่ค่าเรียนหนึ่งคอร์สอยู่ที่ 90 หยวน (ราว 444 บาท) สำหรับการเรียนรวม 16 ครั้ง

หวังจินเฟิง หญิงวัย 69 ปี หนึ่งในผู้สมัครเรียน กล่าวว่า แม้เธอจะอายุมากแต่ก็ต้องตามเทรนด์ยุคใหม่เสมอ อย่างเช่นการเรียนรู้วิธีใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆ ซึ่งหลังจากลงเรียนคอร์สนี้ ตอนนี้เธอใช้แอปตัดต่อวิดีโอพื้นฐานในโทรศัพท์เป็นแล้ว 

แถมในภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า มีผู้สนใจลงทะเบียนเรียนคอร์สนี้มากถึง 39,000 รายในวิทยาเขตทั้ง 8 แห่งของมหาวิทยาลัยฮาร์บิน โดยนักศึกษามีอายุตั้งแต่ 45 ไปจนถึง 90 ปี และคอร์สใหม่ในภาคเรียนปีหน้า จะเปิดสอน 118 หลักสูตร ครอบคลุมอีกหลายสาขา ทั้งศิลปะการใช้ชีวิต การเขียนอักษรวิจิตร วรรณกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นต้น

กระแสชอปปิงผ่าน ‘ไลฟ์สด’ ในจีน ส่งสัญญาณสดใส หลังหลายร้านแห่ใช้ ‘AI’ ขายแทนคน สร้างความแปลกใหม่

(11 ธ.ค.66) ตามรายงานของแมคคินซี่ย์ แอนด์ คอมพานี (McKinsey & Company) บริษัทที่ปรึกษารายใหญ่ระดับโลก ระบุว่า ยอดขายสินค้าผ่านไลฟ์สดในจีนพุ่งสูงขึ้น 19% ในช่วงเทศกาลวันคนโสด (Singles Day) เมื่อเดือนพ.ย. ขณะที่ยอดขายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิม ปรับตัวลง 1%

นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในจีนเมื่อช่วงต้นปี 2563 กลุ่มผู้ค้าปลีกในจีนได้หันไปว่าจ้างนักไลฟ์สด หรือไม่ก็พัฒนาตนเองเป็นนักไลฟ์สดเพื่อขายสินค้า ขณะที่บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ออนไลน์ เช่น ออสติน หลี่ ได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และเป็นเศรษฐีเงินล้านเพียงชั่วข้ามคืน ผ่านการไลฟ์สดขายสินค้า

ดาเนียล ซิปเลอร์ นักวิเคราะห์ของแมคคินซี่ย์กล่าวว่า การไลฟ์สด โดยเฉพาะการไลฟ์สดเพื่อขายสินค้านั้น กำลังเป็นที่นิยมในประเทศจีนมากกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก และขณะนี้บริษัทค้าปลีกหลายแห่งกำลังหันมาใช้เอไอ แทนคนในการไลฟ์สดขายสินค้า และหลายบริษัทเริ่มใช้อวตาร (Avatar) หรือภาพกราฟิกที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้แทนภาพลักษณ์จริงของมนุษย์

เสี่ยวเฟิง หวัง นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์เรสเตอร์กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อไลฟ์สดขายสินค้า ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเทศกาลวันคนโสดในจีนปีนี้ โดยคุณภาพของเอไอ หรืออวตาร ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และดูเหมือนคนจริง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเอไอที่พัฒนาโดยบริษัทเทนเซ็นต์

นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์เรสเตอร์ กล่าวว่า

“เราคาดว่ากลุ่มผู้ค้าปลีกในจีนจะใช้ AI ในการไลฟ์สดขายสินค้าเพิ่มขึ้นอีก เพื่อสร้างความแตกต่างจากการขายสินค้าทั่วไป และเพื่อลดต้นทุนในการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง” 

‘จีน’ ออกมาตรการเร่งพัฒนา ‘การค้าในประเทศ-ระหว่างประเทศ’ เพิ่มคุณภาพการค้า-รักษาเสถียรภาพการเงิน-เสริมระบบเศรษฐกิจ

(12 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า คณะรัฐมนตรีจีนออกชุดมาตรการเร่งรัดการพัฒนาเชิงบูรณาการของการค้าภายในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างการพัฒนารูปแบบใหม่และการส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง รวมถึงมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ การขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และการรักษาเสถียรภาพของผู้ประกอบการ

มาตรการเหล่านี้จะยกระดับการปรับปรุงกฎเกณฑ์และระบบการค้า ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งครอบคลุมการกำกับตรวจสอบ การควบรวมมาตรฐานต่างๆ และการอำนวยความสะดวกแก่การหมุนเวียนทรัพยากรการค้า ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศอย่างราบรื่น

นอกจากนั้น มาตรการเหล่านี้จะส่งเสริมการประสานงาน ของช่องทางการตลาดภายในประเทศและระหว่างประเทศ ปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการพัฒนาเชิงบูรณาการ ของการค้าภายในประเทศและระหว่างประเทศ และเร่งรัดการพัฒนาเชิงบูรณาการในหลายด้านสำคัญ

ทั้งนี้ จีนจะเสริมสร้างการสนับสนุนทางการคลังและการเงิน สำหรับการพัฒนาเชิงบูรณาการของการค้าภายในประเทศและระหว่างประเทศเพิ่มเติม

‘รมว.พาณิชย์สหรัฐ’ เล็งกีดกัน ‘Huawei - SMIC’ ขั้นสุด อ้าง!! ความมั่นคงของชาติ หลัง Huawei ผลิตชิปล้ำหน้า

(12 ธ.ค.66) นางจีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐกล่าวว่า สหรัฐจะดำเนินการอย่างเข้มงวดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ หลังจากถูกผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีแผนจะจัดการกับความก้าวหน้าล่าสุดในเทคโนโลยีการผลิตชิปของจีนอย่างไร

“เมื่อใดก็ตามที่พบเห็นบางสิ่งบางอย่างที่น่าเป็นกังวล เราก็จะตรวจสอบเรื่องนั้นอย่างจริงจัง” นางไรมอนโด กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) พร้อมเสริมว่าความคืบหน้าทางเทคโนโลยีล่าสุดของจีนนั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งสำหรับสหรัฐ

ความคิดเห็นของนางไรมอนโดมีขึ้นหลังจากที่หัวเว่ย เทคโนโลยีของจีน ประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึงในการพัฒนาสมาร์ตโฟนที่ใช้โปรเซสเซอร์ขั้นสูง โดยหัวเว่ย ซึ่งถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำ ได้ร่วมมือกับหุ้นส่วนอย่างบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน (SMIC) ซึ่งเป็นผู้ชิปชั้นนำของจีน ในการผลิตโปรเซสเซอร์ดังกล่าว โดยสมาร์ตโฟนหัวเว่ย Mate Pro 60 ที่วางจำหน่ายเมื่อเดือนส.ค. นับเป็นความท้าทายต่อสมาร์ตโฟนไอโฟน (iPhone) ของบริษัทแอปเปิ้ล และแสดงให้เห็นว่าความสามารถในการผลิตของหัวเว่ยนั้นมีความก้าวหน้ามากกว่าที่คาดคิดไว้

ทั้งนี้ นางไรมอนโดกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นจากบรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกัน ซึ่งกล่าวว่าชิปที่ SMIC ผลิตให้กับหัวเว่ยนั้น นับเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่มีต่อหัวเว่ยอย่างชัดเจน และสหรัฐควรดำเนินการตอบโต้อย่างเด็ดขาดด้วยการกีดกันทั้งสองบริษัทไม่ให้เข้าถึงซัพพลายเออร์ทั้งหมดในอเมริกาได้โดยสิ้นเชิง

‘จีน’ รับอานิสงส์ ‘ไทย’ สั่งซื้อ ‘แอปเปิลเวยไห่’ กว่าพันตัน หลังศุลกากรเปิดช่องพิเศษ ลดปัญหาผลิตภัณฑ์เน่าเสียง่าย

เมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การส่งออกสินค้าเกษตรของเมืองเวยไห่ มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2023 มีมูลค่า 1.22 หมื่นล้านหยวน (ราว 6.03 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยในจำนวนนี้เป็นการส่งออกแอปเปิลไปยังตลาดทั่วโลกทั้งสิ้น 14,000 ตัน

ชุยชิงซาน ผู้จัดการทั่วไปของหรู่ซาน พริ้นเซส ฟรุต แอนด์ เวจตา จำกัด (Rushan Princess Fruit and Vegetable Co., Ltd) บริษัทผู้ส่งออกแอปเปิลในเมืองเวยไห่กล่าวว่า แอปเปิลเวยไห่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจากตลาดประเทศต่างๆ ในกลุ่มประเทศสมาชิกของแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) รวมถึงไทย เวียดนาม เนปาล และศรีลังกา

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรสดที่เน่าเสียง่าย คุณภาพของแอปเปิลจึงขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการขนส่งเป็นอย่างมาก

เพื่อตอบสนองต่อความจำเป็นเฉพาะตัวของธุรกิจแอปเปิล และเพื่อการดำเนินพิธีการทางศุลกากรอย่างมีประสิทธิภาพ ศุลกากรเวยไห่จึงเปิดช่องทางพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่เน่าเสียง่าย โดยกำหนดช่องทางบริการเฉพาะเพื่อให้บริการต่างๆ อาทิ การนัดหมายเพื่อตรวจสอบ โดยระยะเวลาพิธีการทางศุลกากรโดยเฉลี่ยสำหรับแอปเปิลนั้นจะใช้เวลาสั้นลงราวร้อยละ 60

ชุยกล่าวว่ามาตรการเหล่านี้ของศุลกากรเวยไห่ส่งผลให้คำสั่งซื้อในต่างประเทศของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสริมว่าในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ ยอดส่งออกแอปเปิลของบริษัทฯ ไปยังประเทศไทยเพียงแห่งเดียวสูงถึง 1,400 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพื่อรับมือกับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ยังได้ใช้อุปกรณ์คัดแยกอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งด้วย

หยางหลงเชา หัวหน้าแผนกตรวจสอบของศุลกากรเวยไห่กล่าวว่า ปัจจุบัน มีสินค้าจำนวน 2,540 กลุ่มที่ได้รับบริการจากช่องทางพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งช่วยส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรอันเป็นเอกลักษณ์ของเวยไห่ได้อย่างมาก

‘สีจิ้นผิง’ เดินทางถึง ‘เวียดนาม’ เริ่มต้นการเยือนอย่างเป็นทางการ พร้อมถกประเด็นเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านกับคณะผู้นำเวียดนาม

(12 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, ฮานอย รายงานว่า ทางเวียดนามได้ปูพรมแดงต้อนรับ ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน และเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเริ่มต้นการเดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ด้วยเป้าหมายส่งเสริมสายสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคี

โดยก่อนหน้านี้ ‘วัง เหวินปิน’ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายจะหารือการยกระดับความสัมพันธ์ ‘จีน-เวียดนาม’ พร้อมกับทำงานเพื่อส่งเสริมและพิสูจน์ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างสองประเทศ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างการเยือนระยะสองวันนี้

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ของ สี จิ้นผิง ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก ‘ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์’ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และผู้แทนภาคส่วนต่างๆ รวมถึงประชาชนจากจีนและเวียดนามกว่า 400 คน ร่วมโบกธงของทั้งสองพรรคการเมืองและสองประเทศเพื่อต้อนรับคณะผู้นำของจีน ณ ท่าอากาศยาน รวมถึงประชาชนตลอดเส้นทางจากท่าอากาศยานไปยังโรงแรมที่พัก

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจีน แสดงความคาดหวังจะแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกกับคณะผู้นำของเวียดนาม ในประเด็นเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านอันสำคัญต่อทิศทางความสัมพันธ์ของ 2 พรรคการเมืองและ 2 ประเทศ

รายงานระบุว่า สี จิ้นผิง มีกำหนดหารือกับ ‘เหงียน ฟู้ จ่อง’ เลขาธิการใหญ่คณะกรรมกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม, ‘หวอ วัน เถือง’ ประธานาธิบดีเวียดนาม รวมถึงพบปะกับ ‘ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์’ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และ ‘เวือง ดิ่งห์ เหวะ’ ประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม ระหว่างการเยือนอย่างเป็นทางการ ระยะ 2 วัน

อนึ่ง การเยือนครั้งนี้นับเป็นการเยือนเวียดนาม ครั้งที่ 3 ของสีจิ้นผิง นับตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานาธิบดีจีน

ทั้งนี้ ได้มีการเผยถึงสุนทรพจน์ฉบับลายลักษณ์อักษรของ สี จิ้นผิง ซึ่งเผยแพร่หลังจากเขาเดินทางถึงเวียดนามด้วยว่า คณะผู้นำของทั้งสองฝ่ายจะหารือประเด็นระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคที่มีความสนใจร่วมกัน

จีนถือว่าความสัมพันธ์กับเวียดนามเป็นพันธกิจสำคัญในการทูตประเทศเพื่อนบ้านของจีน และสีจิ้นผิงคาดหวังว่าการเยือนครั้งนี้จะเป็นโอกาสส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับใหม่

จีนและเวียดนามที่เชื่อมต่อด้วยภูเขาและแม่น้ำมีมิตรภาพเก่าแก่ยาวนาน ซึ่งสั่งสมและบ่มเพาะร่วมกันโดยคณะผู้นำรุ่นเก่าก่อนของ 2 ประเทศ และถือเป็นสมบัติล้ำค่าของประชาชน 2 ประเทศ

สีจิ้นผิงในนามพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐบาลจีน และประชาชนชาวจีน ขอกล่าวทักทายและอวยพรให้กับพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม รัฐบาลเวียดนาม และประชาชนชาวเวียดนามอย่างจริงใจ

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศสำคัญในเอเชียและสมาชิกสำคัญของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ประชาชนชาวเวียดนามได้ก้าวสู่วิถีทางการพัฒนาอันเหมาะสมกับเงื่อนไขของประเทศ และเดินหน้าการเปลี่ยนผ่านทุกด้านตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีอิทธิพลในระดับโลกและระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น

ยอดนำเข้า ‘ทุเรียนเวียดนาม’ สู่ ‘จีน’ พุ่งทะยานต่อเนื่อง หลังศุลกากรเปิดช่องทางพิเศษ หนุนการค้าทวิภาคีเติบโต

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, หนานหนิง รายงานข่าว ‘ด่านโหย่วอี้กวน’ ซึ่งเป็นด่านนำเข้าทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุดของจีนในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ และคุ้นเคยกับการนำเข้าทุเรียนจาก ‘ไทย’ เป็นหลัก ได้รับรองการนำเข้าทุเรียนจาก ‘เวียดนาม’ นับตั้งแต่มีการอนุญาตทุเรียนเวียดนามเข้าถึงตลาดจีนเมื่อปีก่อน

‘หนงหลี่ชิง’ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทนำเข้าและส่งออกแห่งหนึ่งในเมืองผิงเสียงของกว่างซี ซึ่งเป็นที่ตั้งของด่านบกโหย่วอี้กวน สามารถประสานงานขนส่งทุเรียนสดใหม่ถึงมือลูกค้าในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ที่อยู่ใกล้เคียง และมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีนอย่างรวดเร็ว

“ปีนี้เรานำเข้าทุเรียนมากกว่า 1,600 ตู้คอนเทนเนอร์แล้วเมื่อนับถึงเดือนธันวาคม โดยนอกจากไทย เราได้เริ่มนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามด้วย” หนงกล่าว พร้อมเสริมว่าปัจจุบันมีการนำเข้าทุเรียนหลายสิบตู้คอนเทนเนอร์ในแต่ละวัน

อนึ่ง จีนนำเข้าทุเรียนในปี 2022 รวม 825,000 ตัน โดยข้อมูลศุลกากรระบุว่าการนำเข้าทุเรียนครองอันดับหนึ่งในหมู่ผลไม้นำเข้าของจีน คิดเป็นมูลค่า 4.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.43 แสนล้านบาท)

สำหรับทุเรียนเวียดนาม ซึ่งเป็นที่รู้จักว่ามีฤดูเก็บเกี่ยวยาวนานกว่าและราคาถูกกว่า ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตลาดจีน ภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ในปี 2022 โดยปัจจุบันจีนกลายเป็นตลาดส่งออกทุเรียนแห่งหลักของเวียดนาม

“สักสิบกว่าปีก่อน ผลไม้จากประเทศอาเซียนอย่างทุเรียน มังคุด และมะพร้าว ถือเป็นของหายากในจีน แต่ตอนนี้พบเจอได้ตามแผงขายผลไม้ในแทบทุกเมืองใหญ่และมีราคาย่อมเยามากขึ้น” หวังเจิ้งโป๋ ประธานบริษัทผลไม้ในกว่างซี กล่าว

บริษัทของหวังก้าวเข้าแวดวงการนำเข้าทุเรียนเวียดนาม และลงนามสัญญากับสวนทุเรียนหลายแห่งในเวียดนาม ซึ่งมีพื้นที่รวมเกือบ 3,000 เฮกตาร์ (ราว 18,750 ไร่) เมื่อปีก่อน โดยหวังเผยว่าปีนี้มีแผนนำเข้าทุเรียนเวียดนามมากกว่า 3,000 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ 60,000 ตัน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดจีน

‘ด่ง กวาง หาย’ นักธุรกิจชาวเวียดนามที่ทำธุรกิจเพาะปลูกทุเรียนในเวียดนามมานานนับสิบปี กล่าวว่าทุเรียนเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจีน มีความต้องการจากผู้บริโภคและศักยภาพทางการตลาดสูงมาก

ปัจจุบันด่านโหยวอี้กวนกลายเป็นด่านบกสำหรับการแลกเปลี่ยนทางพรมแดน ระหว่างจีนและเวียดนามที่คึกคักและสะดวกมากที่สุด โดยสถานีตรวจสอบชายแดนขาเข้า-ขาออกที่ด่านโหยวอี้กวนได้รับรองยานพาหนะเข้าและออกในปีนี้ 400,000 คัน เมื่อนับถึงวันอังคารที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 122 เมื่อเทียบปีต่อปี

‘ถังซาน’ หัวหน้าศุลกากรด่านโหยวอี้กวน ระบุว่า ด่านโหยวอี้กวนเป็นด่านบกขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับส่งออกผลไม้เวียดนามสู่จีน มีรถบรรทุกขนส่งทุเรียน แก้วมังกร ขนุน และผลไม้อื่นๆ ของเวียดนามเข้าทำพิธีศุลกากรช่วงในฤดูกาลวันละเกือบ 300 คัน และมีการขนส่งทุเรียนเวียดนามช่วงนอกฤดูกาลวันละมากกว่า 30 ตู้คอนเทนเนอร์

“เราเริ่มนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามเมื่อปีก่อน ทุเรียนเป็นหนึ่งในสินค้าผลไม้นำเข้าที่ขายดีที่สุด มีการจัดจำหน่ายทางออฟไลน์และออนไลน์ทั่วประเทศ” ‘ฟางช่วงเฉวียน’ ผู้ค้าผลไม้ในเมืองผิงเสียงกล่าว

โดยข้อมูลจากศุลกากรหนานหนิง ระบุว่า มูลค่าสินค้านำเข้าจากเวียดนามผ่านด่านโหยวอี้กวน ช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคมของปีนี้ รวมอยู่ที่ 9.14 หมื่นล้านหยวน (ราว 4.47 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 271.8 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้าผลไม้เวียดนาม 1.17 หมื่นล้านหยวน (ราว 5.73 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 637.9 โดยมูลค่าการนำเข้าทุเรียนรวมอยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านหยวน (ราว 5.43 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3,084.2

การค้าทวิภาคีด้านผลิตภัณฑ์การเกษตรบนพรมแดนจีน-เวียดนาม ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยอานิสงส์จากการอนุมัตินำเข้าผลิตภัณฑ์การเกษตรหลายรายการจากเวียดนามสู่จีน กอปรกับการส่งออกผักผลไม้ที่มีคุณภาพจากกว่างซีสู่ตลาดเวียดนาม

นอกจากด่านโหยวอี้กวนแล้ว ด่านเหอโข่วในมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ยังกลายเป็นด่านนำเข้าทุเรียนยอดนิยมของจีน นับตั้งแต่มีการอนุมัตินำเข้าทุเรียนผ่านด่านเหอโข่วเมื่อเดือนเมษายนปีนี้

‘ฟู่จิง’ ผู้ค้าผลไม้จากมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งคลุกคลีอยู่ในแวดวงการค้าผลไม้นำเข้ามานานมากกว่า 10 ปี ได้เริ่มนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามเมื่อไม่นานนี้เช่นกัน โดยฝูบอกว่าขั้นตอนพิธีการศุลกากรที่สะดวกรวดเร็วของด่านเหอโข่วเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราเลือกนำเข้าทุเรียนเวียดนาม

‘เหยาฉี’ ตำรวจหญิงประจำสถานีตรวจสอบชายแดนขาเข้า-ขาออกเหอโข่ว เผยว่า การนำเข้าทุเรียนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากดึงดูดผู้คนมายังด่านเหอโข่วเพิ่มขึ้น มีบริษัทจำนวนมากเข้ามาตั้งสาขา หรือสำนักงานในอำเภออันเป็นที่ตั้งของด่านเหอโข่ว

ปัจจุบันด่านเหอโข่วรับรองยานพาหนะเข้าและออกเฉลี่ยวันละราว 700 คัน และจัดตั้งช่องทางด่วนสำหรับการทำพิธีการศุลกากร ของผลิตภัณฑ์การเกษตรและผลิตภัณฑ์ปลีกย่อย รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพของขั้นตอนพิธีการศุลกากรอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top