Monday, 9 June 2025
จีน

จีน แนะ ซาอุฯ - อิหร่าน - อิรัก - UAE - กาตาร์ - บาห์เรน ผนึกกำลัง สร้างพันธมิตรกองทัพเรือร่วมกัน เพื่อความมั่นคง

อัล จาดีด สำนักข่าวตะวันออกกลางรายงานว่า ประเทศในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ได้แก่ ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตท์ (UAE) กาตาร์ และ บาห์เรน กำลังวางแผนที่จะสร้างพันธมิตรกองทัพเรือร่วมกัน เพื่อความมั่นคงในการคมนาคมขนส่งในตะวันออกกลาง โดยมีจีนทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาครั้งนี้ 

ข่าวนี้ ได้รับการยืนยันจากกองทัพเรืออิหร่าน เมื่อ พลเรือตรี ผบ.ทร ชาห์ราม อิรานี ได้กล่าวออกสื่อโทรทัศน์ในอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า อิหร่านยินดิที่จะเข้าร่วมพันธมิตรกองทัพเรือกับชาติอื่นในตะวันออกลาง และหากทำสำเร็จ อาจมีการรวมกองทัพเรือของอินเดีย และ ปากีสถาน มาร่วมด้วย

พลเรือตรี ชาห์ราม อิรานี ได้กล่าวเสริมว่า ประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้เล็งเห็นแล้วว่า การผนึกกำลังร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างความมั่นคงในดินแดนแถบนี้ได้ 

และนับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของจีน ในฐานะคนกลางในการเจรจาสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนมีนาคม จีนสามารถพาคู่พิพาทระหว่างซาอุดิอารเบีย และ อิหร่าน กลับมาจับมือ และ สานสัมพันธ์ทางการทูตได้อีกครั้งหลังจากที่บาดหมางกันมานานหลายสิบปี 

ทำให้นักวิเคราะห์ที่เฝ้าสังเกตการในตะวันออกกลางมองว่า จากการที่จีนประสบความสำเร็จในการจัดการกับข้อพิพาทระหว่างชาติในตะวันออกกลางด้วยแผนการร่วมมือในเชิงเศรษฐกิจ และ ความมั่นคงเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียอย่างชัดเจน ในขณะที่อิทธิพลของสหรัฐอเมริกาเริ่มอ่อนจางไป 

และเห็นได้ชัดเจนยิ่งขี้น จากการที่ UAE ได้ถอนตัวออกจากกลุ่มกองกำลังร่วมทางทะเลที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ที่มีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยในย่านอ่าวเปอร์เซียที่เป็นเส้นทางการค้าน้ำมันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งโลก ก่อนที่จะมีข่าวว่าเข้าร่วมในพันธมิตรกองทัพเรือที่เป็นแผนการของจีนในอีก 2 วันต่อมา 

แต่การประกาศร่วมมือกันในการสร้างกองทัพเรือของประเทศพันธมิตรในตะวันออกกลาง ที่มีอิหร่านร่วมด้วย สร้างความไม่พอใจแก่อิสราเอล ที่เคยพยายามกดให้ชาติพันธมิตรตะวันออกลางร่วมโดดเดี่ยวอิหร่าน ด้วยข้อกล่าวหาว่าอิหร่านแทรกซึม และสนับสนุนองค์กรก่อการร้าย อย่างกลุ่ม ฮิซบอลลาห์ ในเลบานอน หรือกลุ่มกบฎฮูตี ในเยเมน และอาจมีปัญหากับสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน เนื่องจาก กลุ่ม  Iranian Revolutionary Guard Corps หรือ กองพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอิหร่านถูกขึ้นทะเบียนเป็นกลุ่มก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกา

อีกทั้งยังเป็นการท้าทายอำนาจของสหรัฐอเมริกาโดยตรง อันเนื่องจากสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรทางการค้ากับอิหร่าน และกดดันประเทศพันธมิตรในการซื้อ-ขายน้ำมันจากอิหร่าน แต่เมื่อจีนได้พาอิหร่านมาจับมือกับชาติมหาอำนาจในตะวันออกกลางได้ ก็จะเปิดช่องทางการค้าให้กับอิหร่านอย่างเปิดเผย รวมถึงการสร้างความมั่นคงปลอดภัยในเส้นทางขนส่งทางทะเลผ่านแผนการสร้างพันธมิตรกองทัพเรือ ก็จะยิ่งลดบทบาทของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้ลงไปเรื่อยๆ 

แต่ถึงแม้กลิ่นสันติภาพจะแรงในตะวันออกกลาง แต่บรรยากาศในทะเลจีนใต้ยังคงคุกรุ่น เมื่อจีนพยายามที่จะสร้างอิทธิพลในตะวันออกกลาง แต่กับไต้หวัน ดินแดนใกล้ตัว กำลังอ่อนไหวพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ อันเนื่องจากเขตพื้นที่ในตะวันออกกลาง สหรัฐฯ อาจยอมที่จะหลับตาข้างหนึ่งไปก่อน เพราะกำลังเปลี่ยนเป้าสายตามาลงที่ย่านอินโด-แปซิฟิค นั่นเอง 

จีน’ ออกโรงเตือน ‘สหรัฐฯ’ ตั้งกลุ่มพันธมิตรสไตล์ ‘นาโต’ มีแต่ทำ ‘เอเชีย-แปซิฟิก’ จมลงสู่วังวนแห่งความขัดแย้ง

เมื่อไม่นานนี้ รัฐมนตรีกลาโหมจีน เตือนการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทางทหารสไตล์ ‘นาโต’ รังแต่จะทำให้ ‘เอเชีย-แปซิฟิก’ เจอกับวังวนความขัดแย้ง ย้ำโลกจะต้องเผชิญหายนะที่ไม่อาจทนทานได้ หากมีการเผชิญหน้ารุนแรงระหว่างจีนกับอเมริกา กระนั้น เขาก็ย้ำว่าประเทศของเขามุ่งแสวงหาการสนทนากันมากกว่าการเผชิญหน้า สำหรับทางด้านนายใหญ่เพนตากอน แสดงความไม่พอใจที่เรือจีนพุ่งตัดหน้าเรือพิฆาตของสหรัฐฯ ในระยะประชิด ขณะที่กองทัพปักกิ่งโต้ว่า อเมริกาและแคนาดาจงใจยั่วยุให้เกิดความเสี่ยงจากการร่วมกันเดินเรือผ่านช่องแคบไต้หวัน

‘หลี่ ช่างฝู’ รัฐมนตรีกลาโหมจีน กล่าวปราศรัยในเวทีประชุมความมั่นคง แชงกรีลา ไดอะล็อก ที่สิงคโปร์เมื่อวันอาทิตย์ (4 มิ.ย.) ว่า ความพยายามในการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทางทหารในรูปแบบคล้ายกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในเอเชีย-แปซิฟิกรังแต่จะทำให้ภูมิภาคนี้เผชิญวังวนความขัดแย้งและการเผชิญหน้า

การแสดงความคิดเห็นนี้ตอกย้ำคำวิจารณ์ของจีนต่อความพยายามของอเมริกาในการรวบรวมพันธมิตรในเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อต่อต้านอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของปักกิ่ง ขณะที่จีนตอบโต้ว่าเป็นความพยายามของวอชิงตันที่จะรักษาฐานะความเป็นเจ้าใหญ่เหนือใคร ๆ ของพวกเขาเอาไว้

ทั้งนี้ อเมริการิเริ่มผลักดันและเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มออคัส ที่ประกอบด้วยออสเตรเลียและอังกฤษ ตลอดจนกลุ่มควอด ที่มีทั้งออสเตรเลีย อินเดีย และญี่ปุ่น

หลี่เสริมว่า เอเชีย-แปซิฟิกวันนี้ต้องการการร่วมมือที่เปิดกว้างและครอบคลุมทุกประเทศ ไม่ใช่การจับกลุ่มยิบย่อยมาต่อต้านชาติอื่น

รัฐมนตรีกลาโหมจีนยังพยายามสร้างภาพให้อเมริกาเป็นผู้ปลุกปั่นให้เอเชียไร้เสถียรภาพ ขณะที่จีนต้องการผ่อนคลายสถานการณ์ โดยกล่าวว่า โลกใหญ่พอที่จีนและอเมริกาจะเติบโตไปพร้อมกัน นอกจากนั้น แม้มีระบบและหลาย ๆ อย่างต่างกัน แต่ไม่ได้ขัดขวางไม่ให้สองประเทศแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และการร่วมมือ และคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หากเกิดความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้ารุนแรงระหว่างจีนกับอเมริกา โลกจะต้องเผชิญหายนะที่ไม่อาจทนทานได้

ก่อนหน้านี้ ในวันเสาร์ (3 มิ.ย.) ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่ร่วมการประชุมแชงกรีลาที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ด้วยเช่นกัน ประณามจีนที่ปฏิเสธการจัดการหารือทางทหาร โดยระบุว่า การหารือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและการคำนวณผิดพลาด ไม่ใช่การให้รางวัล

วันเดียวกันนั้น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า ได้ส่งเรือพิฆาตยูเอสเอส ชุงฮุน จากกองเรือที่ 7 แล่นผ่านช่องแคบไต้หวันพร้อมกับเรือฟริเกต เอชเอ็มซีเอส มอนทรีออลของแคนาดา และจีนตอบโต้ด้วยการส่งเรือลำหนึ่งเข้าประชิดเรือยูเอสเอส ชุงฮุน

ต่อมาในวันอาทิตย์ ออสตินกล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า อันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากเรือจีนพุ่งตัดหน้าเรือพิฆาตของอเมริกาในระยะห่างแค่ 46 เมตร พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำจีนควบคุมการกระทำในลักษณะดังกล่าวที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ทว่า กองทัพจีนวิจารณ์ว่า อเมริกาและแคนาดาจงใจยั่วยุให้เกิดความเสี่ยงจากการร่วมกันเดินเรือผ่านช่องแคบไต้หวันซึ่งเป็นน่านน้ำที่มีความอ่อนไหว

ทางฝ่ายหลี่สำทับว่า จีนจะไม่ยอมให้อเมริกาและพันธมิตรใช้ข้ออ้างของเสรีภาพในการเดินเรือเพื่อครองอำนาจครอบงำการเดินเรือ

ภายหลังการกล่าวปราศรัยของหลี่ นักวิชาการหลายคนได้ถามย้ำหลี่เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงการที่จีนเพิ่มประจำการทางทะเลในทะเลจีนใต้ซึ่งมีข้อพิพาทด้านอธิปไตยกับหลายชาติ ปรากฏว่ารัฐมนตรีกลาโหมจีนไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ แต่บอกว่า การเคลื่อนไหวของประเทศนอกภูมิภาคทำให้ความขัดแย้งลุกลาม

ทั้งนี้ ออสติน และหลี่จับมือและคุยกันสั้นๆ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเปิดประชุมในวันศุกร์ (2 มิ.ย.) แต่ไม่ได้หารือกันเป็นเรื่องเป็นราว โดยอเมริกานั้นเชิญหลี่พบปะหารือกับออสตินนอกการประชุมแชงกรีลา แต่ปักกิ่งปฏิเสธ

เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า วอชิงตันยังเสนอการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับล่าง แต่ปักกิ่งไม่ตอบกลับ

ขณะที่สมาชิกคนหนึ่งของคณะผู้แทนจีนบอกกับเอเอฟพีว่า เงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการหารือคือ อเมริกาต้องยกเลิกการแซงก์ชันหลี่ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2018 จากกรณีการซื้ออาวุธจากรัสเซีย

นอกจากนั้น ชุ่ย เทียนข่าย อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำวอชิงตัน ยังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้านนอกการประชุมแชงกรีลาเมื่อวันอาทิตย์เรียกร้องให้อเมริกาถอนปฏิบัติการทางทหารใกล้จีนเพื่อแสดง ‘ความสุจริตใจ’ หากต้องการฟื้นการเจรจาระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งก็มีสัญญาณบางประการเหมือนกัน ซึ่งแสดงว่าทั้งสองประเทศเริ่มมี ‘การสนทนา’ กันมากขึ้นในระดับเจ้าหน้าที่ระดับสูง

เป็นต้นว่า ‘วิลเลียม เบิร์นส์’ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ได้เดินทางอย่างลับๆ ไปยังจีนเมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่อเมริกันผู้หนึ่งประกาศเรื่องนี้เมื่อวันศุกร์ (2) ที่ผ่านมา

ขณะที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก แดเนียล คริเทนบริงค์ ก็เดินทางไปจีนเมื่อวันอาทิตย์ (4) ในการเยือนซึ่งช่วงหลังๆ นี้เกิดขึ้นมาน้อยครั้ง
 

‘PLANET’ ผนึกกำลังขาใหญ่ ‘จีน-สิงคโปร์’ ลุยธุรกิจรถยนต์ EV-สถานีชาร์จในไทยเต็มรูปแบบ

วันที่ (7 มิ.ย. 66) นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย (PLANET) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ว่า บริษัท Singapore Electric Vehicles Pte (SEV) ผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ในสิงคโปร์

ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ทำการตลาดและจัดจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ SOKON right-hand drive ในสิงคโปร์และประเทศไทย ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน บริษัท แพลนเน็ต อีวี จำกัด (Planet EV) ซึ่งบริษัทย่อยของบริษัทฯ คิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังการเพิ่มทุน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันดำเนินธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งการผลิต ซื้อขาย ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าทุกชนิด ตลอดจนธุรกิจให้บริการสถานี สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวง

สำหรับ Planet EV และ SEV ในฐานะ Joint venture ยังได้ลงนามกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% รายใหญ่จากจีน คือ Sokon motors chongqing group เพื่อเป็นตัวจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้าประเภท ประเภทรถบรรทุกไฟฟ้าขนาดเล็ก มินิแวนบรรทุกไฟฟ้า ยี่ห้อ SOKON ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ในเบื้องต้น Planet EV และ SEV จะร่วมกันนำรถยนต์ไฟฟ้า 100% ยี่ห้อ Sokon มาทำการตลาดในประเทศไทย ในรูปแบบของการขายและให้เช่า โดย Planet EV จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่าย

นายประพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินการธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างครบวงจร Planet ยังลงนามความร่วมมือกับบริษัท Beep technologies (Voltality) ผู้ให้บริการโซลูชั่น plug-and-play ชั้นนำจากประเทศสิงคโปร์ ในการติดตั้งอุปกรณ์ POS สำหรับเชื่อม EV charger ทุกชนิด เข้าในระบบการชำระเงินเดียวกัน (Single payment platform) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันขยายธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
 

‘เกาเข่า’ การสอบวัดผลที่ชี้ชะตานักเรียน ม.ปลายจีนทั้งประเทศ เด็กนักเรียนเกือบ 13 ล้านคน พากันตบเท้าเข้าสนามสอบวันนี้

(7 มิ.ย. 66) เริ่มฤดูการสอบ ‘เกาเข่า’ (高考) หรือ การสอบวัดผลเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของจีนแล้วในวันนี้ ซึ่งเป็นการสอบใหญ่ระดับประเทศ เพื่อชี้ชะตาของเด็กมัธยมปลายของจีนที่จะต้องแข่งขัน เพื่อเข้าเรียนต่อในสถาบันการศึกษาชั้นนำในฝันได้หรือไม่

โดยในปีนี้ การสอบจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน 2566 หรืออาจมีบางพื้นที่ห่างไกลที่ต้องใช้เวลานานกว่านั้นบ้าง ด้านกระทรวงศึกษาธิการจีนรายงานตัวเลขจำนวนนักเรียนที่เข้าสอบเกาเข่าในปีนี้สูงถึง 12.9 ล้านคน ซึ่งมากกว่าตัวเลขของปีที่แล้ว (2022) ถึง 9.8 แสนคน

บรรยากาศในวันสอบเป็นไปด้วยความคึกคักแต่เช้ามืด มีทั้งนักเรียน และผู้ปกครอง เดินทางมายังสนามสอบกันอย่างคับคั่ง แม้บุตรหลานของตนจะเดินเข้าห้องสอบไปแล้ว ก็ยังยืนรอส่งกำลังใจให้อยู่ด้านนอกอาคาร เพื่อส่งกำลังใจให้ ด้วยความหวังว่าการเตรียมตัวอย่างหนักมาตลอดทั้งปี จะสัมฤทธิ์ผลในการสอบที่ใช้เวลาไม่กี่วัน

โดยทั่วไปแล้ว การสอบเกาเข่า จะคล้ายกับการสอบ Entrance บ้านเราในสมัยก่อน ที่ตัดสินกันในสนามเดียวในการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย โดยการสอบเกาเข่า จะประกอบด้วยวิชาบังคับ ได้แก่ ภาษาจีน คณิตศาสตร์ และ ภาษาต่างประเทศ (มักเป็นภาษาอังกฤษ) กับ วิชาเฉพาะทาง สำหรับนักเรียนสายวิทย์ ที่จะมีสอบวิชากลุ่มวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ส่วนนักเรียนสายศิลป์ จะแยกสอบวิชาประวัติศาสตร์ สังคมการเมือง ภูมิศาสตร์ และอื่นๆ

แต่ละสาย จะมีคะแนนรวมทั้งหมด 750 คะแนน ซึ่งหากนักเรียนที่คาดหวังที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของจีน หรือระดับสถาบันกลุ่ม C9 League ควรทำคะแนนให้ได้อย่างน้อย 600 คะแนนขึ้นไป ซึ่งถึงว่ายากมาก

จากข้อมูลจากการสอบในมณฑลกวางต่งปี 2022 ที่ผ่านมาพบว่า มีผู้เข้าสอบเพียง 3% เท่านั้นที่สามารถทำคะแนนได้เกิน 600 ในขณะที่กลุ่มสถาบันระดับท็อปของจีน เปิดรับนักเรียนใหม่ได้เพียงแค่ 50,000 ที่นั่งต่อปีเท่านั้น คิดเป็นเพียง 0.4% ของจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด

และด้วยผลพวงของการล็อคดาวน์หลายเมืองในช่วงการระบาด Covid-19 ทำให้ตัวเลขผู้เข้าสอบเกาเข่าในปีนี้ เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่จีนประกาศยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ และ เปิดประเทศ อันเนื่องจากข้อจำกัดในการเรียนออนไลน์ จึงมีนักเรียนจำนวนมากเรียนไม่ทัน ต้องรอข้ามปีเพื่อมาลงสนามสอบในปีนี้

ถึงแม้ว่าจะดูโหดร้ายสำหรับนักเรียนจีน ที่ต้องถูกกดดันอย่างหนักในการเรียนหนังสือ และกวดวิชา จนหลายคนยอมสละช่วงชีวิตวัยรุ่นในการคร่ำเคร่งเรียนหนังสือ โดยมีเป้าหมายเพื่อประสบความสำเร็จในการสอบเกาเข่า ที่อาจเป็นรากเหง้าประเพณีของระบบการศึกษาจีนที่มีมานานกว่า 2000 ปี แต่จีนก็เปิดกว้างสำหรับผู้ที่ต้องการสอบเกาเข่า สามารถเข้าสอบกี่ครั้งก็ได้ไม่จำกัดอายุ ตราบใดที่ยังมีไฟในการเรียนในมหาวิทยาลัย

อาทิ นาย เหลียง ฉี หนุ่มใหญ่วัย 55 ปีชาวเฉิงตู ที่มุ่งมั่นสอบเกาเข่า ติดต่อกันมาแล้วถึง 26 ครั้งเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเสฉวน หนึ่งในสถาบันชื่อดังของจีน ที่ต้องมีคะแนนรวมเกาเข่าสูงถึง 605 คะแนนในปีที่ผ่านมา โดยเขาตั้งเป้าว่าจะสอบให้ผ่านเพื่อให้ได้ตอบรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเสฉวนสักครั้งในชีวิต แม้ว่าวันนี้ตัวเขาจะเป็นเจ้าของกิจการขายวัสดุก่อสร้างไปแล้วก็ตาม จนชาวเน็ตจีนตั้งฉายาให้เขาเป็น ‘ราชาแห่งเกาเข่า’ ที่ไม่เคยยอมแพ้แม้จะล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน

จะเห็นได้ว่า ชาวจีนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของบุตรหลานเสมอ และอยากให้มีโอกาสได้เรียนต่อในสถาบันที่ดีที่สุด และระดับสูงที่สุดเท่าที่ความสามารถจะไปถึง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง และรัฐบาลจีนควรต้องเร่งแก้ปัญหาคือ อัตราการว่างงานในจีนกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาจบใหม่

จากตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า อัตราการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ในวัย 16 - 24 ปี ในเขตชานเมืองเพิ่มขึ้นถึง 20.4% จากจำนวนนักศึกษาจีนจบใหม่ต่อปี ราวๆ 11 ล้านคนต่อปี ทำให้นักศึกษาเป็นจำนวนมากต้องลงมาหางานทำในตำแหน่งที่ต่ำกว่าวุฒิการศึกษาของตน ที่นำไปสู่ปัญหาวุฒิการศึกษาเฟ้อ หรืออาการหมดไฟในชีวิตของหนุ่มสาววัยทำงานของจีนในอนาคต

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์
 

‘กุ้ย ไห่เฉา’ นักบินอวกาศชาวจีน จากเด็กเลี้ยงควาย สุดท้ายได้บินขึ้นฟ้า ไปหาดวงดาว

เฟซบุ๊ก ลึกชัดกับผิงผิง ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับ กุ้ย ไห่เฉา นักบินอวกาศชาวจีน ที่มีความขยันหมั่นเพียร ในการเล่าเรียนหนังสือ โดยมีใจความว่า ...

กุ้ย ไห่เฉา(桂海潮)นักบินอวกาศจีน ทำให้ดิฉันเชื่อมั่นว่า การเรียนหนังสือสามารถเปลี่ยนชีวิตได้ 
ตอนอายุ 6 ขวบ เขายังเป็นเด็กเลี้ยงควายในหมู่บ้านชนบท ชอบดูดวงดาว ตอนอายุ 36 ปี เขาได้ขึ้นฟ้าไปหาดวงดาว
ตามภาษาไต คำว่า “ซื้อเตี้ยน” แปลว่าดินแดนที่สวยงาม อำเภอซื้อเตี้ยนตั้งอยู่ทางตะวันตกของมณฑลยูนนานภาคใต้ของจีน ขับรถจากอำเภอซื้อเตี้ยนไปยังชานเมืองกว่า 20 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านเกิดของกุ้ย ไห่เฉา 

เพื่อนบ้านเก่าของกุ้ย ไห่เฉาเล่าว่า ตอนสมัยเด็ก มักจะได้ยินเสียงท่องหนังสือจากบ้านของเขา บางที พ่อจะดึงหูของผม และพาไปดูว่า น้องกุ้ย ไห่เฉาขยันเรียนหนังสืออย่างไร 
ตอนที่เรียนมัธยมปลายปีที่ 2 กุ้ย ไห่เฉาได้ฟังข่าวที่จีนยิงส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์เสินโจว-5 ส่งนักบินอวกาศจีนคนแรกขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จ ปีต่อมา เขาสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยการบินอวกาศปักกิ่งด้วยคะแนนสูงสุดด้านเทคโนโลยีของมณฑลยูนนาน 

กุ้ย ไห่เฉาจบการศึกษาปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก แล้วไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ผลงานทางวิชาการของเขากว่า 20 ฉบับได้รับการเผยแพร่ในวารสารระดับสุดยอดของโลก 
ปี 2018 กุ้ย ไห่เฉาอายุ 31 ปี กลายเป็นศาสตรจารย์สอนนักศึกษาปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยการบินอวกาศปักกิ่ง ทั้งยังเป็นนักบินอวกาศสำรอง เวลาว่าง เขามักจะวิ่งทนในสนามกีฬา ปั่นจักรยานหรือว่ายน้ำ เมื่อนักศึกษามีปัญหาไปถามเขา มักจะต้องไปตามที่สนามกีฬา 
วันที่ 30 พฤษภาคมปี 2023 จีนยิงส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์เสินโจว-16 ที่มีการบรรทุกนักบินอวกาศชุดใหม่จำนวน 3 คนที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอกทั้งหมด ให้ไปขึ้นสถานีอวกาศจีน โดยเฉพาะกุ้ย ไห่เฉา เขานับเป็นนักวิทยาศาสตร์จีนคนแรกที่ขึ้นสถานีอวกาศจีน รับผิดชอบการทดลองต่างๆ บนสถานีอวกาศ 

ระหว่างวันที่ 7-9 มิถุนายนนี้ นักเรียนจีนจำนวนกว่า 12.9 ล้านคนเข้าร่วมสมัครสอบมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีนประจำปี 2023 หวังว่าพวกเขาประสบความสำเร็จ และสามารถที่จะจบการศึกษาด้วยคุณภาพสูง มีอนาคตที่ดีงามยิ่งขึ้น

‘ระบบร่มชูชีพ’ ฝีมือจีน นำทางจรวด ให้ลงจอด จุดที่กำหนดไว้ ได้อย่างแม่นยำ

(ซินหัว) — สถาบันเทคโนโลยีจรวดขนส่งแห่งชาติจีน เปิดเผยผลการทดสอบระบบร่มชูชีพพัฒนาเองที่สามารถช่วยนำทางจรวดบูสเตอร์ (rocket booster) ร่อนลงสู่พื้นที่เป้าหมาย ระหว่างการปล่อยจรวดขึ้นสู่อวกาศ เมื่อไม่นานนี้

สถาบันฯ ระบุว่าระบบร่มชูชีพนี้ถูกใช้กับจรวดขนส่งลองมาร์ช-3บี (Long March-3B) ซึ่งบรรทุกดาวเทียมนำทางเป่ยโต่วขึ้นสู่วงโคจรเมื่อวันที่ 17 พ.ค. จากศูนย์ปล่อยดาวเทียมซีชาง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยสามารถนำทางจรวดบูสเตอร์ลงสู่ตำแหน่งที่กำหนดไว้ และจำกัดระยะการลงจอดให้แคบลงได้ร้อยละ 80

ระบบดังกล่าวถูกออกแบบให้ควบคุมตำแหน่งลงจอดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ระหว่างร่อนลงจะสามารถเปิดพาราฟอยล์หรือร่มชูชีพโดยอัตโนมัติที่ระดับความสูงเฉพาะ ซึ่งจะนำทางจรวดบูสเตอร์สู่พื้นที่ลงจอดที่คาดการณ์ไว้

อนึ่ง จุดปล่อยจรวดสำคัญของจีนส่วนใหญ่ตั้งลึกเข้าไปในแผ่นดิน ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนจรวดลงสู่พื้นอย่างคาดการณ์ไม่ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีกิจกรรมของมนุษย์ และถือเป็นภารกิจเร่งด่วนสำหรับบรรดานักวิทยาศาสตร์

รถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ระยะ 1 พร้อมรองรับ 50,000 คนต่อชั่วโมง/ทิศทาง

เพจเฟซบุ๊ก ทันข่าว Today ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วง กทม.-นครราชสีมา โดยมีใจความว่า ...      

โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วง กทม.-นครราชสีมา ประกอบด้วย 6 สถานี คือ สถานีกลางบางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา สระบุรี ปากช่อง และนครราชสีมา ระยะทางรวม 250.77 กม. 

กำหนดสร้างแล้วเสร็จในปี 2569 มี 15 สัญญา แบ่งเป็นงานโยธา 14 สัญญา งานระบบ 1 สัญญา ขณะนี้ ก่อสร้างเสร็จแล้ว 1 สัญญา อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 สัญญา และรอการลงนาม 3 สัญญา

คาดว่า จะใช้ขบวนรถรุ่น ฟู่ซิงห้าว (Fuxing Hao) CR300AF มาให้บริการ แบ่งประเภทที่นั่งได้ 3 ระดับ คือ ชั้น 1 แบบเก้าอี้เดี่ยว ชั้น 2 ประเภทธุรกิจ และชั้น 3 ความจุ 600 คน/ขบวน ต่อพ่วงได้ 3-10 คัน/ขบวน รองรับผู้โดยสารได้ 5 หมื่นคน/ชั่วโมง/ทิศทาง

จีนพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยี ทักษะและองค์ความรู้เกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูง 11 ด้านให้ไทย เช่น วัสดุที่ใช้ในการสร้างรางรถไฟ, แนวปฏิบัติในการวางรางในภูมิประเทศลักษณะต่าง ๆ, การออกแบบสถานีให้ผู้โดยสารสัญจรไปมาได้ดีขึ้น, การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำหรือแหล่งอื่น ๆ ด้วยความเร็วที่มากขึ้นและต้นทุนที่ต่ำลง, การออกแบบและสร้างอุโมงค์ที่ปลอดภัย รวมถึงอบรมการบริหารรถไฟความเร็วสูง การซ่อมบำรุง และการขับรถไฟ

ฉงชิ่ง’ เปิดเส้นทางใหม่ นำเข้า ‘ทุเรียนไทย’ ภายใน 4 วัน

(ซินหัว) — 11 มิ.ย. เทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ต้อนรับรถไฟขนส่งทุเรียนไทยระบบห่วงโซ่ความเย็นขบวนแรกที่เดินทางผ่านระเบียงการค้าทางบก-ทะเลระหว่างประเทศใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor) ก่อนถึงจุดหมายปลายทาง

ทุเรียนจากไทยจำนวน 150,000 ลูก ถูกขนส่งไปยังลาวผ่านทางถนน ก่อนลำเลียงขึ้นรถไฟเพื่อส่งไปยังจีนผ่านทางรถไฟจีน-ลาว

เติ้งฮ่าวจี๋ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของหงจิ่วฟรุ๊ต บริษัทจัดซื้อผลไม้จีน กล่าวว่าการขนส่งทั้งหมดใช้เวลาเพียง 4 วัน ลดลงจากเส้นทางขนส่งทางทะเล-ถนนก่อนหน้านี้ที่ใช้เวลาราว 8-10 วัน พร้อมเสริมว่าสำหรับผู้นำเข้าผลไม้ เวลานั้นเป็นเงินเป็นทองและทุกชั่วโมงล้วนมีค่า โดยรถไฟขนส่งทุเรียนนี้ช่วยลดต้นทุน รวมถึงลดความเสียหายระหว่างการขนส่ง

รายงานระบุว่าทุเรียนไทยเหล่านี้ส่วนใหญ่จะวางจำหน่ายที่ตลาดแห่งต่างๆ ในฉงชิ่ง ขณะทุเรียนที่เหลือบางส่วนจะถูกขนส่งด้วยรถไฟสู่มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ที่อยู่ข้างเคียง

อนึ่ง ทุเรียนจัดเป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรหลายชนิดของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน (ASEAN) ที่ถูกนำเข้าสู่ตลาดจีนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งข้ามพรมแดน

MIXUE' (มี่เสวี่ย)' แฟรนไชส์ร้านไอติมและชาเจ้าดังจากจีน เขย่าบัลลังก์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟในไทย ตั้งเป้า 2,000 สาขาใน 3 ปี

MIXUE (มี่เสวี่ย) แฟรนไชส์ร้านไอศกรีมและชาสัญชาติจีน กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในเมืองไทย ปัจจุบันมีจำนวน 14 สาขา ล่าสุดเปิดสาขาสยามสแควร์ ฝั่งถนนอังรีดูนังต์ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 66

MIXUE เข้ามาทำตลาดตั้งแต่เดือน ก.ย. 65 เปิดสาขาแรกแถวซอยราคมคำแหง 53 ใช้กลยุทธ์ขยายสาขาทำเลมหาวิทยาลัย ย่านชุมชน ตั้งเป้าใน 3 ปี ขยายแฟรนไชส์ 2,000 สาขา เปิดรับสมัครพนักงานมากกว่า 10,000 คนในไทย 

MIXUE มีการจัดหาวัตถุดิบทั้งชา ผลไม้จากท้องถิ่นในไทย สนับสนุน พัฒนาภาคอุตสาหกรรมการเกษตร อนาคตมีแผนสร้างคลังสินค้า โรงงานแปรรูปผลไม้ในไทย ส่งออกเป็นวัตุถดิบในร้าน MIXUE ทั่วโลก

เอกลักษณ์ MIXUE คือ ไอศกรีม Soft Serve โคนวาฟเฟิลอันใหญ่ เริ่มต้นแค่ 15 บาท มีชานมไข่มุกและชาผลไม้อื่นๆ หลากหลายเมนู ราคาสุดคุ้ม น้ำเลม่อนแก้วใหญ่ๆ ราคาแค่ 20 บาท, ชาพีชใส่เนื้อผลไม้เต็มๆ แก้วละ 45 บาท, ชานมไข่มุกแก้วละ 40 บาท ราคาย่อมเยา มีสาขาเยอะ เข้าถึงง่าย ทำให้ MIXUE ครองใจลูกค้ารวดเร็ว มีการทำตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ โชว์ภาพลักษณ์แบรนด์ทันสมัย มีตัว Snow King ตุ๊กตาสโนว์แมน หน้าตาบ้องแบ๊วสวมมงกุฎ เป็นมาสคอตประจำร้าน

ปัจจุบัน MIXUE มีสาขาในจีนมากกว่า 25,000 แห่ง สาขาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 3,000 แห่ง เป็นแฟรนไชส์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดสาขามากสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจาก Mcdonald, Subway, Starbucks และ KFC 

นับว่าเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ร้านไอศกรีมและชาสัญชาติจีน ที่กำลังมาแรง สร้างกระแสฮือฮาอย่างมากในตอนนี้ เตรียมเขย่าบัลลังก์คู่แข่งสำคัญอย่าง 'แดรี่ ควีน' เจ้าตลาดไอศกรีม Soft Serve ในไทย เดินเกมกลยุทธ์ยึดทำเลมหาลัย ย่านชุมชน มีเมนูหลากหลาย ไม่มีแบรนด์ไหนทำมาก่อน ทั้งไอศกรีม ชานมไข่มุก แถมราคาถูกกว่าคู่แข่ง 15-50 บาทเท่านั้น
 

‘ซาอุฯ’ หวังร่วมมือกับ ‘จีน’ ไม่ขอเป็นคู่แข่ง ลุยลงทุน 'ด้านการค้า-พลังงานหมุนเวียน'

📌 (12 มิ.ย. 66) เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบียต้องการความร่วมมือกับจีนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ในด้านการลงทุนทางการค้าและการไหลเวียนของพลังงาน แทนที่จะแข่งขันกับจีน โดยรับรู้ถึงความเป็นจริงในปัจจุบันว่าขณะนี้จีนกำลังนำอยู่ และจะยังคงเป็นผู้นำต่อไป จึงไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับจีน โดยได้กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ระหว่างการประชุมธุรกิจอาหรับ-จีน เมื่อวันอาทิตย์ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา

เจ้าชายบิน ซัลมาน ได้กล่าวเสริมว่า การทำงานกับจีนนั้นมีคุณค่า เพราะจีนเป็นผู้นำในการหาโรงงานผู้ผลิตที่เหมาะสม โดยเฉพาะในด้านพลังงานหมุนเวียน และจะไม่กลับไปเล่นเกมที่มีฝ่ายใดเป็นผู้ได้หรือเสียอีก

เมื่อต่อข้อคำถาม ทำไมซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกโอเปกจึงได้มุ่งความสนใจไปที่จีน

เจ้าชายบิน ซัลมาน เชื่อว่าอุปสงค์ด้านน้ำมันของจีนยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นเรื่องสำคัญที่ซาอุดีอาระเบียจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้

ทั้งนี้ จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก และซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันให้จีนมากที่สุดในเดือนเมษายน แม้ว่าน้ำมันรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรจะราคาถูกกว่าก็ตาม

และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ได้ประกาศข้อตกลงโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ 2 ฉบับ ซึ่งจะส่งออกน้ำมัน 690,000 บาร์เรลต่อวัน ให้กับบริษัทหร่งเซิง ปิโตรเคมิคอล (Rongsheng Petrochemical) และบริษัทเจ้อเจียง ปิโตรเคมิคอล (Zhejiang Petrochemical) โดยข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2565 ที่ผ่านมา

นี่ไม่ได้หมายความว่าซาอุฯ จะไม่ร่วมมือกับประเทศอื่น ยังมีประเทศกลุ่มประเทศอื่นที่ซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์ทางการค้าด้วย ไม่ว่าจะเป็นยุโรป เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐ และลาตินอเมริกา

อย่างไรก็ตาม การประชุมในกรุงริยาดนั้น จัดขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการทูตของจีนและซาอุดีอาระเบียที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในขณะเดียวกันจีนและซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับชาติตะวันตก
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top