Sunday, 8 June 2025
WORLD

‘ไบเดน’ เปิดทำเนียบต้อนรับ ‘เซเลนสกี’ พร้อมให้คำมั่น สหรัฐฯ จะหนุนยูเครนสู้รบรัสเซีย

(22 ธ.ค. 65) หลังจากที่มีข่าวลืออกมาว่า โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครน กำลังเดินทางไปสหรัฐฯ เตรียมเข้าพบประธานาธิบดีโจ ไบเดน และแถลงต่อที่ประชุมสภาคองเกรส ซึ่งจะเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกเท่าที่รู้นับตั้งแต่เกิดสงคราม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ร้องขอขีปนาวุธแพทริออตเพิ่มจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในระหว่างพบกันที่ทำเนียบขาว ก่อนที่ระบบป้องกันชุดแรกจะเดินทางถึงยูเครน โดยย้ำในระหว่างการแถลงข่าวว่า "เราอยู่ในสงคราม"

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้นำยูเครนว่า สหรัฐจะยังคงให้ความช่วยเหลือยูเครนตราบนานเท่านานในสงครามกับรัสเซีย และยูเครนจะไม่มีวันถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวเดียวดาย พร้อมยืนยันเรื่องที่สหรัฐจะมอบความช่วยเหลือครั้งใหม่มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 69,308 ล้านบาท) ให้แก่ยูเครนเพื่อนำไปใช้ป้องกันประเทศจากการโจมตีของรัสเซีย และให้สัญญาว่าจะมอบความช่วยเหลืออีกราว 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.56 ล้านล้านบาท) 

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังกล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีเซเลนสกีว่า เขาไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลเลยแม้แต่น้อยเกี่ยวกับการจัดตั้งกลุ่มแนวร่วมนานาชาติที่เป็นพันธมิตรร่วมกันเพื่อช่วยเหลือยูเครน ทั้งยังระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ยังคงไม่มีความคิดที่จะหยุดการทำสงครามอันโหดร้ายในครั้งนี้

รัฐบาลอาร์เจนตินา เตรียมพิมพ์แบงก์รูป ‘เมสซี’ เพื่อเป็นเกียรติและฉลองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

รัฐบาลอาร์เจนตินา เตรียมพิจารณาพิมพ์ธนบัตรรูปใบหน้าของ ลิโอเนล เมสซี ซูเปอร์สตาร์ของทัพ ‘ฟ้าขาว’ ที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ มาครองได้สำเร็จ เพื่อเป็นเกียรติแก่ดาวเตะวัย 35 ปีรายนี้

อาร์เจนตินา เอาชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส 4-2 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 3-3 ประกาศศักดาเถลิงบัลลังก์แชมป์โลกสมัยที่ 3 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ต่อจากปี 1978 และ 1986 ยุติการรอคอยอันยาวนานถึง 36 ปีเต็ม

ล่าสุดมีรายงานจากสื่อต่างประเทศ ระบุว่า รัฐบาลอาร์เจนตินา กำลังหารือกับธนาคารแห่งชาติของพวกเขาในการพิมพ์ธนบัตร 1,000 เปโซ ที่มีรูปใบหน้าของ ลิโอเนล เมสซี และเหล่าเพื่อนนักเตะเพื่อเฉลิมฉลองแชมป์โลกครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์

นอกจากใบหน้าของ ลิโอเนล เมสซี และเหล่านักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดแชมป์โลก 2022 แล้ว จะมีการพิมพ์หมายเลข 10 ซึ่งเป็นเบอร์ประจำที่ดาวยิงคนเก่งของทีมสวมใส่ พร้อมทั้งมีการใส่คำว่า 'La Scaloneta' ซึ่งเป็นชื่อเล่นของ ลิโอเนล สกาโลนี กุนซือทัพ ‘ฟ้าขาว’ ลงไปด้วย

ข้อคิดจากวิกฤติเงินเฟ้อ ‘อาร์เจนติน่า’ ผลพวงจากนโยบายประชานิยมสุดโต่ง

ก่อนอื่นคงต้องขอแสดงความยินดีกับทีมฟุตบอลอาร์เจนติน่าที่เพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาสดๆ ร้อนๆ สร้างความดีอกดีใจให้ชาวอาร์เจนติน่าถึงกับออกมาฉลองกันทั่วประเทศอย่างมืดฟ้ามัวดิน และคาดว่าคงฉลองกันอีกนานยันหลานบวช  ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับชาวอาร์เจนติน่าที่ผูกพันกับฟุตบอลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวประเทศนี้ จริง ๆ แล้วหากย้อนประวัติศาสตร์อาร์เจนติน่าจะเห็นว่าเป็นประเทศที่น่าสนใจมากประเทศหนึ่ง เพราะเคยเป็นประเทศเกษตรที่รวยที่สุด พรีเมี่ยมที่สุด เนื่องจากปลูกหญ้าที่ดีที่สุดได้ เลยทำให้มีเนื้อวัวชั้นดี เป็นแผ่นดินเหมือนเทพประทาน รวยขนาดเมื่อ 100 ปีก่อน มี GDP ที่ 7 ของโลก แถมพร้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ถือเป็นประเทศแถบละตินอเมริกา ที่มีคนยุโรปอยู่เยอะเป็นอันดับต้น ๆ แถมน่าจะมีทรัพยากรล้ำค่าเยอะมาก ดูจากชื่อประเทศ Argentina มาจากคำว่า 'Argentum' ในภาษาลาติน แปลว่า เงิน หรือแร่เงิน แต่คำถามที่ตามมาคือ ทำไมปัจจุบันถึงกลายเป็นประเทศที่เงินเฟ้อ 100% และมีวิกฤติเศรษฐกิจตลอดเวลา

สาเหตุของความตกต่ำล่มสลายคือนโยบายประชานิยมตั้งแต่ยุคเปรอง จนมีศัพท์ว่า peronismo outlast perong คือระบบเปรองนั้นมีชีวิตยาวนานกว่าเปรอง ท้าวความถึงเปรองแล้วคงต้องเขียนถึงภรรยาตัวจี๊ดของเปรองด้วย หลายคนจดจำละครบรอดเวย์เรื่องเอวิต้าได้จากบทเพลงแสนเศร้าคือ Don’t cry for me Argentina เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลง แต่คือโฆษณาชวนเชื่อยุคนั้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือเรื่องทางการเมืองในอาร์เจนติน่า

ภาพพจน์ของอวิต้ายังเป็นที่ถกเถียงกัน เพราะก้ำกึ่งระหว่างนางฟ้าผู้อุทิศตนเพื่อคนยากกับหญิงทะเยอทะยานกระหายอำนาจ เอวิต้านั้นถูกมองว่าเป็นทั้งนักบุญและนางบาป แล้วแต่ฝ่ายไหนจะมองจากแว่นสีใด แม้ร่างจะดับสูญไป แต่ยังทิ้งคำถามคาใจชาวโลกว่า แท้จริงแล้วเธอและสามีนำพาอาร์เจนตินาไปสู่ความรุ่งโรจน์หรือหายนะกันแน่

เอวิต้าเกิดในครอบครัวยากจน แต่ทะเยอทะยาน จึงเดินทางมาสู่เมืองหลวงและใช้เต้าไต่เพื่อหาโอกาส 'เกิด' จนกลายเป็นนางแบบและนักแสดง ในปี ค.ศ. 1944 เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่เมืองซานฮวน

ฮวน เปรอง รองประธานาธิบดีและหัวหน้ากรมแรงงานสวัสดิการสังคม จัดงานระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเชิญดารานักร้องคนดังมาร่วมงาน คืนนั้นทั้งคู่ได้พบกันเป็นครั้งแรก และกลายเป็นคนรักใหม่ของฮวน เปรอง

ฮวน เปรองตั้งระบบประกันสังคมแห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรกในอาร์เจนตินา เอื้อประโยชน์ให้ชนชั้นล่าง เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดารากหญ้าจนได้ฐานคะแนนเสียงจากคนเหล่านี้ รัฐบาลทหารมองว่าเปรองมีอำนาจมากเกินไปจึงสั่งจับ แต่พวกกลุ่ม 'เดสกามิซาโดส' Descamisados หรือกรรมกรและคนยากจนในเมืองรวมตัวประท้วงให้ปล่อยตัว จากนั้นฮวน เปรองก็แต่งงานกับเอวิต้า เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจกับชนชั้นสูงและทหารในกองทัพอย่างหนัก

ต่อมาเปรองสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในนามพรรคแรงงาน และได้รับเลือกอย่างถล่มทลาย เอวิต้าจึงกลายเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามสิบ เอวิต้าสร้างภาพพจน์ให้ตนเป็นแม่พระคนยากทำให้ชนะใจชนชั้นแรงงาน ส่วนเปรองชูนโยบายเอื้อต่อกลุ่มชนชั้นล่างเพื่อสร้างความนิยมอย่างเต็มรูปแบบภายใต้ชื่อ 'อาร์เจนตินาใหม่' สรุปง่าย ๆ คือประชานิยมเราดี ๆ นี่แหละที่ใช้ผูกใจรากหญ้าให้รักใคร่ใหลหลง

เปรองส่งเอวิต้าไปเดินสายทั่วยุโรปในนาม 'เส้นทางสายรุ้ง'  เมื่อกลับมาก็ก่อตั้ง 'พรรคสตรีเปรองนิยม' ฟังดูเหมือนจะดีงามที่ให้สิทธิแก่สตรี แต่แท้จริงแล้วต้องการดึงผู้หญิงมาเป็นฐานเสียงให้เปรองนั่นเอง เมื่อเปรองได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง เอวิต้าใช้เงินโปรยหว่านเพื่อผูกใจชนชั้นแรงงานผ่านโฆษณาชวนเชื่อ แม้กระทั่งในตำราเรียน ที่เน้นสอนให้รักเอวิต้าและเปรองเหมือนพ่อแม่ตน พูดง่าย ๆ คือตั้งระบบเปรองนิยมนั่นเอง

'เทศกาลคริสต์มาส' ห้วงความสุขของอเมริกันชน ความอบอุ่นที่เทียบเท่าได้ดั่ง 'สงกรานต์' บ้านเรา

คงปฎิเสธไม่ได้ว่าเทศกาลแสนสุขและเป็นวันรวมญาติในรอบปีของคนไทยคือ เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นช่วงที่คนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามอยากกลับไปเจอหน้าญาติพี่น้องที่บ้านเกิดทั้งนั้น ส่วนใครที่ไม่มีโอกาสกลับบ้านก็ได้แต่นั่งเศร้าเหงาหงอย ช่วงสงกรานต์นี้จึงถือว่าเป็นวันครอบครัวแห่งชาติกันเลยทีเดียว 

ส่วนเทศกาลในอเมริกาที่สามารถเทียบเคียงกับช่วงสงกรานต์ได้ ก็เห็นจะเป็นวันขอบคุณพระเจ้าในเดือนพฤศจิกายนกับคริสต์มาสในช่วงธันวาคมนี่แหละ เพราะใครๆ ต่างทยอยกันกลับบ้านเพื่อร่วมรับประทานอาหารมื้อพิเศษกับครอบครัว การอยู่คนเดียวในช่วงขอบคุณพระเจ้าและคริสต์มาสในความคิดฝรั่งจึงถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างเหลือแสน เพราะอเมริกันให้ความสำคัญกับครอบครัวอย่างยิ่งในสองวันนี้

ก่อนหน้าคริสต์มาสคือ เทศกาลขอบคุณพระเจ้า ซึ่งตรงกับเดือนพฤศจิกายน ทุกครอบครัวจะล้อมวงกินไก่งวงร่วมกัน ช่วงเวลาแห่งความสุขในรอบปีของอเมริกันคือช่วงเวลาก่อนคริสต์มาส อิ่มอวลไปด้วยความสุขอันหอมหวาน ผู้คนเดินไปมาในห้างด้วยสีหน้ายิ้มย่องผ่องใส ถือเป็นช่วงดีๆ ที่ผู้คนไม่ขึ้งโกรธหรือขุ่นข้องหมองใจระหว่างกัน แถมบางครั้งก็ได้รับน้ำใจแบบไม่คาดฝันจากคนแปลกหน้าด้วย 

ช่วงนี้แหละที่ผู้คนในอเมริกาดูอบอุ่นอ่อนโยนและใส่ใจกันเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขในรอบปี ห้างสรรพสินค้าโดยเฉพาะซุปเปอร์มาเก็ตมักมีซานตาครอสลึกลับแอบจ่ายเงินให้คนที่ต่อแถวข้างหลัง ถือเป็นของขวัญที่ผู้คนมอบให้กันอย่างไม่เฉพาะเจาะจง ส่วนมากแล้วคนที่ได้รับน้ำใจมักร้องไห้ออกมากลางห้างอย่างกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เพราะน้ำใจส่งท้ายปีจากคนแปลกหน้าถือเป็นความงดงามที่คนตัวเล็กอย่างเราสามารถมอบให้กันในเทศกาลอันเปี่ยมสุขแห่งปี

ผู้คนเฉลิมฉลองด้วยการประดับประดาหน้าบ้านด้วยไฟหลอดเล็กๆ สีเขียวสลับแดงพรืดไปทั้งหน้าบ้าน การตกแต่งบ้านเรือนยึดโทนสีหลักของเทศกาลคริสต์มาสแต่โบราณคือเขียวและแดง ซึ่งเป็นการใช้สีในเชิงสัญลักษณ์และเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา สีแดงถือเป็นสัญลักษณ์ของพระโลหิตของพระเยซู ส่วนสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตนิรันดร์ เพราะเป็นสีของต้นไม้ที่ไม่ผลัดใบและเขียวสดชั่วกาลนาน

ภายในบ้านมีต้นคริสต์มาสทั้งแบบพลาสติกและแบบสดแขวนสิ่งละอันพันละน้อยจนเต็มต้น บนยอดมีดวงดาวสีทองสุกใส ใต้ต้นมีกล่องของขวัญหลายกล่องวางเรียงราย มองเลยต้นคริสต์มาสไปอีกนิดจะเห็นถุงเท้ายาวหลายข้างแขวนไว้ตรงเตาผิงที่ตบแต่งไว้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ทั่วบ้านยังประดับพวงมาลัยที่ทำมาจากใบสนและและฮอลลีสีแดงสด บางบ้านก็มีการแขวนช่อมิสเซิลโทไว้ในบ้าน เชื่อกันว่าใครก็ตามที่มายืนใต้ช่อมิสเซิลโทแล้วจะต้องจูบกันโดยถือเป็นคำมั่นสัญญาว่ารักกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย       

นอกจากชาวคริสต์แล้ว ชาวยิวก็ฉลองเทศกาลในช่วงนี้เช่นกัน โดยประดับไฟหน้าบ้านด้วยสีฟ้าและสีเงิน ข้างหน้าต่างมีเชิงเทียนรูปทรงแปลกตางดงามที่เรียก 'มะโนรา' แยกออกเป็น 8 กิ่งเพื่อปักเทียนทั้งหมด 8 เล่ม เทศกาลนี้เรียกว่า 'ฮานุกก้า' เพื่อระลึกถึงปาฏิหาริย์แห่งแสงสว่างที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานถึง 8 วัน และเสมือนเป็นสัญญลักษณ์แห่งชัยชนะของผู้ศรัทธาที่ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติจักรวรรดินิยมกรีก  

มีเรื่องเล่ากันขำๆ ว่า ร้านอาหารฝรั่งทุกร้านปิดหมดในช่วงคริสต์มาส ร้านอาหารที่เปิดขายวันนี้เลยมีแต่ร้านอาหารจีน ชาวยิวในอเมริกาจึงมักออกไปรับประทานอาหารจีนกันทั้งครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องที่ล้อกันเล่นสนุกๆ บางคนไม่มีโอกาสกลับไปหาครอบครัวก็ถือโอกาสออกไปร้านอาหารจีนกินดื่มร่วมกันเพื่อนอย่างสนุกสนานไปด้วย

ในช่วงเทศกาลของทั้งสองศาสนาในวาระเดียวกันเช่นนี้ เวลาไปจับจ่ายซื้อของที่ไหน พนักงานในร้านมักอวยพรรวมกันว่า 'สุขสันต์วันเทศกาล' หรือ Happy Holidays เนื่องจากชาวอเมริกันไม่ได้เป็นชาวคริสต์ทุกคนและคาบเกี่ยวกับเทศกาลฉลองของชาวยิวด้วยจึงเลือกที่จะใช้คำกลางๆ มาเรียกเทศกาลปลายเดือนธันวาคม

เสียงโหวตผู้ใช้ ‘ทวิตเตอร์’ เกินครึ่ง สั่ง ‘อีลอน มัสก์’ ลงจากตำแหน่งซีอีโอ

(20 ธ.ค. 65) สำนักข่าวซินหัว เผย ารสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มผู้ใช้งาน ‘ทวิตเตอร์’ โดยใช้ระยะเวลานาน 12 ชั่วโมง เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบเสียงส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.5 ของการโหวต 17.5 ล้านเสียง มองว่า ‘อีลอน มัสก์’ ควรลงจากตำแหน่งซีอีโอของทวิตเตอร์ ขณะร้อยละ 42.5 มองว่าเขาควรดำรงตำแหน่งต่อไป

สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ รายงานว่าผลสำรวจดังกล่าวปรากฏขึ้นหลังจากมีการถกเถียงบนทวิตเตอร์ แพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ที่เกิดความวุ่นวายนับตั้งแต่มัสก์เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนตุลาคม และสั่งเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากในเวลาต่อมา

ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) ทวิตเตอร์ประกาศแผนการห้ามผู้ใช้งานชักชวนผู้ติดตามบนทวิตเตอร์ไปติดตามพวกเขาบนอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก หรือมาสโตดอน (Mastodon) พร้อมเตือนว่าผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่ละเมิดกฎใหม่นี้หลายครั้งจะถูกระงับบัญชีการใช้งานถาวร

'สาวสวยจีน' เมินงานประจำ เปิดร้านขาย 'ฮัวโหมโหม' ช่วยดำรงมรดกวิถีท้องถิ่น แถมสร้างรายได้ 3 ปีกว่าล้านหยวน

ไม่นานมานี้ เฟซบุ๊กเพจ 'ลึกชัดกับผิงผิง' ได้โพสต์เรื่องราวของหญิงสาวชาวจีนคนหนึ่งที่กำลังไล่คว้าความสำเร็จในชีวิตอย่างต่อเนื่องจากการนำ 'ฮัวโหมโหม' ซาลาเปาหม่านโถวพื้นเมือง ซึ่งถือเป็นมรดกวิถีที่สืบทอดจากรุ่นปู่ย่า มาปรับประยุกต์เป็นธุรกิจที่เข้ายุคสมัย เรียกว่าเป็นทั้งการต่อยอดมรดกเชิงวัฒนธรรม และนำความมั่งคั่งมาสู่ตัวเธอได้ในระยะเวลาไม่นานไปพร้อม ๆ กัน

โดยหญิงสาวสวยคนนี้ชื่อ 'หยวนหยวน' เกิดในปี 1997 เธอจบการศึกษาปริญญาตรีทางการเงินในปี 2019 แต่หลังจบจากมหาวิทยาลัยไม่รู้จะทำงานอะไรดี เคยทำงานโรงพยาบาลเสริมความงาม พนักงานห้างสรรพสินค้า แต่ล้วนรู้สึกไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับเธอ

จนกระทั่งต้นปี 2020 หยวนหยวนเริ่มเห็นโอกาสทางการค้าจาก 'ฮัวโหมโหม' ที่เป็นซาลาเปาหม่านโถวพื้นเมืองมณฑลซานตง เป็นมรดกวิถีชนมณฑลซานตง เป็นอาหารที่จำเป็นในเทศกาลหรือวันสำคัญ อาทิ การฉลองวันเกิดคนชรา การฉลองวันเกิดครบ 100 วันของเด็ก ซึ่งตลาดมีความต้องการค่อนข้างมาก 

หยวนหยวนจำได้ว่าตอนสมัยเด็ก คุณย่ามักจะทำ 'ฮัวโหมโหม' ให้กิน มีรูปทรงต่างๆ น่าดูและน่ากินด้วย คุณย่าเคยบอกกับหยวนหยวนว่า "อาหารของชาวบ้านเรา นอกจากน่าดูน่ากิน ยังต้องสะอาด ดีต่อสุขภาพร่างกาย'" ด้วย

หยวนหยวนกล่าวว่า ปัจจุบันคุณย่าไม่อยู่แล้ว ดิฉันชอบ 'ฮัวโหมโหม' นี่เป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา จึงตัดสินใจเปิดร้านขาย 'ฮัวโหมโหม'

แต่พ่อแม่คัดค้าน ไม่อยากให้ลูกสาวที่จบมหาวิทยาลัยไปเปิดร้านซาลาเปาหม่านโถวเหมือนเหล่าคุณป้า แต่ควรจะไปสอบบรรจุเข้ารับข้าราชการหรือครูอาจารย์จะเหมาะสมกว่า

แต่หยวนหยวนตั้งใจทำ เธอนำเงินสะสมกว่าหมื่นหยวนและยืมเงินจากเพื่อนอีกหลายพันหยวน เปิดร้าน 'ฮัวโหมโหม' ในปี 2020

ARJ21 นกเหล็กสายพันธุ์จีน บุกตลาดต่างแดนครั้งแรกแล้ว

(19 ธ.ค. 65) สำนักข่าวซินหัว เผย บริษัทอากาศยานพาณิชย์แห่งประเทศจีน (COMAC) ได้ส่งมอบเครื่องบินโดยสารระดับภูมิภาค รุ่นเออาร์เจ21 (ARJ21) แก่ลูกค้าในต่างประเทศรายแรกอย่าง สายการบินทรานส์นูซา (TransNusa) ของอินโดนีเซีย เมื่อวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่าเครื่องบินโดยสารระดับภูมิภาค รุ่นเออาร์เจ21 ที่ส่งมอบสู่ตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกนี้ ถูกออกแบบให้มีที่นั่งโดยสารชั้นประหยัด จำนวน 95 ที่นั่ง ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่องถูกทาสีน้ำเงิน สีเหลือง และสีเขียว

อนึ่ง เครื่องบินโดยสารระดับภูมิภาค รุ่นเออาร์เจ21 ที่จีนพัฒนาภายในประเทศ มีพิสัยการบินระยะไกลถึง 3,700 กิโลเมตร สามารถทำการบินผ่านภูมิภาคเทือกเขาสูงชันและที่ราบสูง และสามารถปรับการดำเนินงานเข้ากับท่าอากาศยานต่าง ๆ

'ยูเครน' ซัดเดือด!! หลัง FIFA เมินฉายคลิป ‘เซเลนสกี’ ก่อนบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ ทั้งที่รัฐบาลกาตาร์หนุน

ทำเนียบประธานาธิบดียูเครนออกมาวิพากษ์วิจารณ์สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) หลังถูกปัดตกข้อเรียกร้องให้ฉายคลิปเรียกร้องสันติภาพของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ก่อนศึกฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศเมื่อวานนี้ (18 ธ.ค.)

ทำเนียบ ปธน.ยูเครนระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรถึง CNN เมื่อวันเสาร์ (17) ว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวซึ่งบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ มีจุดประสงค์เพื่อ 'เรียกร้องให้เกิดสันติภาพ'

“รัฐบาลกาตาร์สนับสนุนแนวคิดริเริ่มของประธานาธิบดี (เซเลนสกี) ทว่า FIFA ปิดกั้นมัน และไม่ยินยอมให้มีการเปิดคลิปคำแถลงของประธานาธิบดีก่อนการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ”

ทางการยูเครนยืนยันว่าจะยังคงเผยแพร่คลิปดังกล่าวผ่านช่องทางอื่น ๆ พร้อมเตือนว่าการที่ FIFA ไม่ยอมออกอากาศให้นั้นแสดงให้เห็นว่าองค์กรแห่งนี้ “สูญเสียความเข้าใจอันมีค่าของกีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นเกมที่หลอมรวมผู้คนเข้าด้วยกัน ไม่ใช่สนับสนุนให้เกิดความแตกแยก”

ทั้งนี้ FIFA พยายามใช้ทุกมาตรการเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เกมการแข่งขันฟุตบอลโลกที่กาตาร์ถูกใช้เป็นเวทีแสดงจุดยืนทางการเมืองของฝ่ายใด ขณะที่รัฐบาลกาตาร์เองก็ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของยูเครน

‘อีลอน มัสก์’ ตั้งโพลถามชาวนกฟ้า “สละตำแหน่ง CEO ทวิตเตอร์ดีไหม?”

มหาเศรษฐี ‘อีลอน มัสก์’ ตั้งโพลให้ชาวเน็ตผู้ติดตามเข้าไปโหวตแสดงความคิดเห็นว่าตนเองควรที่จะสละตำแหน่ง ‘ซีอีโอทวิตเตอร์’ หรือไม่ วานนี้ (18 ธ.ค.) และยืนยันว่าถ้าผลโพลออกมาในรูปไหนก็ยินดีที่จะทำตาม

โพลดังกล่าวจะเปิดให้มีการโหวตได้จนถึงเวลา 11.20 GMT ของวันจันทร์ (19) ขณะที่ มัสก์ เองยังไม่ให้กรอบเวลาที่ชัดเจนในการลงจากตำแหน่งซีอีโอ หากผลสำรวจพบว่าชาวเน็ตส่วนใหญ่ต้องการเช่นนั้น

มัสก์ ยังเข้าไปตอบคำถามของผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง โดยยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่ได้วางตัว “ผู้สืบทอดตำแหน่ง” ในกรณีที่ตนเองต้องลาออก

ทั้งนี้ มัสก์ เคยกล่าวต่อศาลที่รัฐเดลาแวร์เมื่อเดือน พ.ย. ว่า ตนจะ “ใช้เวลากับทวิตเตอร์ให้น้อยลง” และจะคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมขึ้นมาเป็นซีอีโอแทนในที่สุด

การตั้งโพลในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ทวิตเตอร์ประกาศอัปเดตนโยบายใหม่เมื่อวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) โดยห้ามมิให้มีการเปิดบัญชีทวิตเตอร์เพื่อ ‘โปรโมต’ โซเชียลมีเดียเจ้าอื่น รวมถึงจะแบนเนื้อหาที่มีการแปะลิงก์หรือยูสเซอร์เนมสำหรับแพลตฟอร์มคู่แข่งด้วย

นโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Facebook, Instagram, Mastodon, Truth Social, Tribel, Nostr และ Post เป็นต้น ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนทวิตเตอร์ยืนยันว่า การโพสต์เนื้อหาที่ซ้ำกับในแพลตฟอร์มอื่น ๆ (cross-content posting) ยังสามารถทำได้

อย่างไรก็ดี TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแชร์คลิปวิดีโอสั้นของบริษัท ไบต์แดนซ์ ของจีน ไม่ได้มีชื่ออยู่ใน ‘ลิสต์ต้องห้าม’ ของทวิตเตอร์

‘ชาวฝรั่งเศส’ เรียกร้องรัฐบาลถอนตัวจาก ‘นาโต้-อียู’ และเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย หลังราคาพลังงานพุ่งไม่หยุด

พวกผู้ชุมนุมรวมตัวกันบนท้องถนนของกรุงปารีสเมื่อวันเสาร์ (17 ธ.ค.) ประท้วงคัดค้านนโยบายต่างๆ ของฝรังเศสที่มีต่อรัสเซีย และเรียกร้องให้ประเทศถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของนาโต้ ท่ามกลางความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจ อันเนื่องจากราคาพลังงานที่พุ่งสูง ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย

การชุมนุมที่มีผู้เข้าร่วมหลายพันคนในครั้งนี้ จัดโดยพรรค Les Patriotes (พรรครักชาติ) พรรคการเมืองฝ่ายขวาที่นำโดย ฟลอริย็อง ฟิลิปโปต์ อดีตรองหัวหน้าพรรค National Rally ของนางมารีน เลอแปง

ฟิลิปโปต์ จัดการชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า ‘การขัดขืน’ มาตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง เรียกร้องให้ฝรั่งเศสถอนตัวจากนาโต้และอียู เช่นเดียวกับวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจและการต่างประเทศของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง

ในการประท้วงในวันเสาร์ (17 ธ.ค.) พวกผู้ชุมนุมถือป้ายข้อความต่างๆ ในนั้นรวมถึง ‘ฝรั่งเศสต้องออกจากนาโต้’ และ ‘ถอดถอนมาครง’ รวมไปถึง ‘ขัดขืน!’ นอกจากนี้ พวกเขายังโบกธงชาติฝรั่งเศสและตะโกนว่า ‘อัวร์ซูลา หุบปากซะ!’ อ้างถึง อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป

ความเคลื่อนไหวประท้วงล่าสุดนี้ ซึ่งตัวของ ‘ฟิลิปโปต์’ เข้าร่วมด้วย มีชนวนเหตุเฉพาะเจาะจงจากราคาพลังงานที่พุ่งสูง ซึ่งบีบให้ธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากทั่วประเทศต้องปิดตัวลง โดยเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “เราต้องหยุดมาตรการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซีย เพราะมันไม่ได้รับใช้สันติภาพ แต่มันนำความทุกข์ยากมาที่นี่”

แฮรี่และเมแกน สะบั้นสัมพันธ์ ‘ราชวงศ์อังกฤษ’ หลังถ่ายทอดเรื่องราว ‘สาวไส้ให้กากิน’ ผ่าน Netflix ด้วยความจริงที่มาจากฝั่งเดียว

เมื่อเป็นข่าวตอนแรกๆผู้เขียนไม่ได้สนใจในเรื่องนี้นัก แต่พออ่านข่าวที่ออกมาหลังจากที่สารคดี ๖ ตอนจบที่ Netflix จัดทำและเผยแพร่ออกมา ก็เริ่มสนใจว่าทั้งดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซสของอังกฤษออกมาพูดอะไรบ้างและเห็นคนที่ดูออกมาวิจารณ์มากมายก่ายกอง เลยอยากเขียนเรื่องนี้สักหน่อยโดยอาศัยอ้างอิงจากบทความของ Katie Razzall ซึ่งเป็นบรรณาธิการด้านวัฒนธรรมและสื่อ ของบีบีซี 

ก่อนที่จะไปพูดถึงบทความของเคธี่ แลซเซอล์ เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็คือ Netflix ได้จ้างหรือเชิญด้วยราคาแพง (ตามข่าว) ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์หรือที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ เจ้าชายแฮรี่และภรรยาคือเมแกน มาร์เคิล อดีตดาราโทรทัศน์ชาวอเมริกันให้มาเล่าเรื่องราวชีวิตของทั้งสองคนว่ามีอะไรและ เป็นอย่างไรที่ได้ประสพมามีปัญหาอะไรกับราชวงศ์อังกฤษ ตามที่เคยเป็นข่าวมาบ้างแล้ว แต่นั้นก็เป็นการให้สัมภาษณ์เป็นช่วงๆเมื่อมีเรื่องขึ้นมา

แต่ Netflix อาจเห็นว่ามันยังไม่มากพอหรือกระจ่างชัดพอเลยทำเป็นสารคดียาว ๆ เล่ากันเสีย ๖ ตอนเกือบ ๖ ชั่วโมงจบซึ่งก็เพิ่งจะจบไปหมาดๆนี่เอง ไหน ๆ ก็เป็นข่าวดังไปทั้งคุ้งน้ำทั้งสองฝากฝั่งแอตแลนติกแล้ว ดังนั้นลุ่มน้ำเจ้าพระยาก็น่าจะได้รู้กันบ้างจึงเป็นที่มาของบทความนี้

เนื่องจากการเล่าเรื่องของทั้งเจ้าชายแฮรี่และเมแกนมีความยาวมาก บทความนี้จะกล่าวถึงเพียงคร่าว ๆ แต่ถ้าท่านผู้อ่านสนใจอยากดูก็เชิญติดตามได้ที่ Netflix แต่สิ่งที่ผู้เขียนอยากพูดถึงคือมุมมองของบ.ก ด้านวัฒนธรรมและสื่อของบีบีซีที่ได้ดูทั้ง ๖ ตอนและเธอได้สรุปแยกเป็นตอนๆไว้อย่างน่าสนใจว่าทั้งคู่พูดถึงอะไรและมีข้อน่าสังเกตอย่างไรบ้าง

รำลึกถึงพ่อ ตามรอยสถานที่พระประสูติกาลของรัชกาลที่ 9 จากพลเมืองอเมริกัน สู่ องค์ราชันผู้ยิ่งใหญ่

หลายคนอาจไม่รู้ว่ารัชกาลที่ 9 ทรงมีพระประสูติกาลในอเมริกา ไม่ใช่สวิตเซอร์แลนด์ โดยพระองค์เสด็จพระราชสมภพใน 'โรงพยาบาลเคมบริดจ์' ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น 'โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น' (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ และสหรัฐอเมริกามีกฎหมายว่า เด็กทุกคนที่เกิดในอเมริกาให้ถือเป็นพลเมืองอเมริกัน ดังนั้นพระองค์ทรงมีสถานภาพเป็นพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด

ก่อนหน้าจะทรงมีพระประสูติกาล สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกของรัชกาลที่ 9 นับเป็นพระราชนิกุลพระองค์แรกที่เสด็จฯ ไปศึกษาที่สหรัฐอเมริกา โดยทรงเข้าศึกษาในชั้นเตรียมแพทย์ก่อนเป็นเวลา 1 ปี และลงทะเบียนเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 1 ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในปี พ.ศ. 2460

ระหว่างทรงศึกษาในอเมริกา พระโอรสพระองค์ที่สองมีประสูติกาลที่โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ 2470 ภายใต้การดูแลของนายแพทย์ DR. W. STEWART WHITTEMORE เมื่อแรกพระบรมราชสมภพ โดยรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระนามในสูติบัตรว่า 'เบบี้สงขลา' (Baby Songkla) ซึ่งมาจากพระนามของสมเด็จพระบรมราชชนก ที่มีพระนามในต่างประเทศว่า Mr.Mahidol Songkla

หลังจากที่ทรงพระราชสมภพได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมง สมเด็จพระบรมราชชนกทรงส่งโทรเลขถึงสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ว่า...

"ลูกชายเกิดเช้าวันนี้ สบายดีทั้งสอง ขอพระราชทานนามทางโทรเลขด้วย"

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามว่า 'ภูมิพลอดุลยเดช' ซึ่งแปลว่า 'พลังแห่งแผ่นดิน'

ยื่นหมูยื่นแมว ค่าเหยียบแผ่นดิน อุปสรรคการเดินทางจากไทยเมียนมา ลุ้น!! ปลดล็อกครั้งใหม่ 'ไทย-เมียนมา' หันกันสะดวกขึ้น

เราจะเห็นได้ว่าเมื่อไทยเปิดประเทศแล้ว สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลไทยมีมติเลย คือ การเก็บค่าเหยียบแผ่นดินสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยจะเรียกเก็บเงินค่าเหยียบแผ่นดินนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศโดยสารทางเครื่องบิน คนละ 300 บาท ส่วนผู้ที่เดินทางแบบไปเช้า เย็นกลับ จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม โดยคาดว่าจะเริ่มเก็บในช่วงต้นปี 2566 

เรื่องนี้สร้างความหวั่นให้กับผู้ประกอบการชาวไทยว่าต่างชาติจะไม่เข้ามาหรือเข้ามาน้อยลง แต่ความจริงแล้วเมื่อดูข้อมูลดี ๆ ในหลาย ๆ ประเทศมีการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินซึ่งจะตั้งชื่อในรูปแบบต่าง ๆ กัน เช่น ในญี่ปุ่นจะเรียกว่า Sayonara Tax ในบางประเทศเรียก Tourist Tax และบางประเทศเรียกชื่ออื่นๆ เช่น Bed Tax, Culture Tax, Departure Tax, Occupancy Tax เป็นต้น ซึ่งราคาก็แตกต่างกันออกไป

ในเมียนมา ณ วันนี้ก็มีค่าเหยียบแผ่นดินเช่นกัน แต่มาในรูปของประกันชีวิต โดยทางเมียนมาได้ระบุว่าชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมายังเมียนมาทุกคนนอกจากจะมีผลฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็มแล้ว จะต้องซื้อประกันชีวิตที่เป็น INBOUND TRAVEL ACCIDENT INSURANCE ซึ่งจะต้องซื้อเท่ากับจำนวนวันที่เราเข้ามาอยู่ในเมียนมา 

โดยขั้นต้นเริ่มที่ 15 วัน ราคาจะอยู่ที่ 50-100 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นกับช่วงอายุและราคาจะสูงขึ้นเมื่ออยู่ในเมียนมานานขึ้น ซึ่งนโยบายนี้เองสร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเมียนมาอยู่ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มีรายได้สูงมากนัก ก็จะไม่อยากจ่ายเงินก้อนนี้เพราะรู้สึกว่าเป็นการที่เอาเงินไปทิ้งเปล่าๆ แต่กระนั้นเองก็ทำให้เมียนมาได้กลุ่มนักท่องเที่ยวหรือคนเข้าประเทศที่มีทุนทรัพย์และสามารถจับจ่ายใช้สอยหากเข้ามาท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจในเมียนมาจริง ๆ

‘ทางรถไฟจีน-ไทย’ หั่นเวลาเดินทาง กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น

(15 ธ.ค. 65) สำนักข่าวซินหัว เผยเรื่องราวของ ‘ปัณรส บุญเสริม’ วัย 32 ปี นักแปลประจำโครงการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย ที่เล่าเรื่องราววัยเด็กเกี่ยวกับทางรถไฟที่เชื่อมโยงบ้านของเธอในจังหวัดเชียงใหม่ กับบ้านปู่ย่าตายายในนครราชสีมา ซึ่งทำให้ครอบครัวของเธอต้องใช้เวลามากมายยามสัญจรไปมาหาสู่กันด้วยรถไฟ

ปัณรส กล่าวว่า รถไฟในไทยทำให้ผู้คนเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลเพราะให้บริการเชื่องช้าเกินไป และหวังว่าทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย จะเสร็จสมบูรณ์และเริ่มเปิดใช้โดยเร็วที่สุด

ทางรถไฟจีน-ไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายทางรถไฟข้ามเอเชีย จะเป็นทางรถไฟความเร็วสูงรางมาตรฐานสายแรกของไทย โดยมีการคาดการณ์ว่าทางรถไฟฯ ระยะที่ 1 ที่เชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับจังหวัดนครราชสีมา จะลดระยะเวลาเดินทางจากเดิมมากกว่า 4 ชั่วโมง เหลือเพียงกว่า 1 ชั่วโมงเท่านั้น

ปัณรส มีโอกาสเยี่ยมชมสถานที่หลายแห่งในจีน ขณะเดินทางไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยหนานไคในเทศบาลนครเทียนจินทางตอนเหนือของจีน และได้เห็นว่าทางรถไฟความเร็วสูงมีบทบาทยกระดับชีวิตคนในท้องถิ่น ทำให้เธอมองว่าทางรถไฟจีน-ไทยจะไม่เพียงอำนวยความสะดวกการเดินทางของผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น แต่ยังช่วยฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ โดยรอบ

ปัณรส กล่าวว่า ปกติการเดินทางด้วยรถยนต์ระหว่างกรุงเทพฯ กับนครราชสีมา จะกินเวลาราว 2 ชั่วโมง 30 นาที แต่การสัญจรจะสะดวกสบายและประหยัดเวลาขึ้นมาก หากโครงการทางรถไฟฯ ปัจจุบันเสร็จสิ้น ทั้งเสริมว่าการคมนาคมขนส่งสำคัญต่อการท่องเที่ยวมาก และการคมนาคมขนส่งที่ดีจะทำให้ผู้คนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอน เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ทางรถไฟจีน-ไทย จะเป็นทางรถไฟจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดชายแดนอย่างหนองคาย ซึ่งจะมีสะพานเชื่อมต่อกับทางรถไฟจีน-ลาว ทำให้อนาคตสามารถเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ผ่านลาว ไปสู่นครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

‘อิหร่าน’ สวน!! ไม่เคยส่งออกโดรนพลีชีพไปยังรัสเซีย หลังยูเครนอ้าง แต่ไม่เผยหลักฐานที่รัสเซียใช้งาน

เมื่อ (13 ธ.ค. 65) สำนักข่าวแทสนิม (Tasnim) อ้างอิงโมฮัมหมัดเรซา อัชเตียนี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิหร่าน ระบุว่ายูเครนไม่ได้แสดงหลักฐานอันใด สำหรับสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ารัสเซียใช้โดรนทางทหารของอิหร่านในสงครามยูเครน

อัชเตียนี ระบุว่า คณะผู้เชี่ยวชาญจากอิหร่านและยูเครนจัดการประชุม เพื่อหารือถึงข้อกล่าวหาดังกล่าวเมื่อไม่นานนี้ โดยในการประชุมทางเทคนิค ฝ่ายยูเครนไม่ได้เสนอเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวพันกับกรณีดังกล่าว

นอกจากนั้นอัชเตียนี ยังปฏิเสธกรณีชาติตะวันตกกล่าวหาอิหร่านในประเด็นนี้ว่าเป็น “ข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง” พร้อมชี้ว่าความร่วมมือทางทหารของอิหร่านและรัสเซียนั้นดำเนินมาอย่างช้านานและอยู่นอกเหนือวัตถุประสงค์เฉพาะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top