'ยูเครน' ซัดเดือด!! หลัง FIFA เมินฉายคลิป ‘เซเลนสกี’ ก่อนบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ ทั้งที่รัฐบาลกาตาร์หนุน

ทำเนียบประธานาธิบดียูเครนออกมาวิพากษ์วิจารณ์สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) หลังถูกปัดตกข้อเรียกร้องให้ฉายคลิปเรียกร้องสันติภาพของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ก่อนศึกฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศเมื่อวานนี้ (18 ธ.ค.)

ทำเนียบ ปธน.ยูเครนระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรถึง CNN เมื่อวันเสาร์ (17) ว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวซึ่งบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ มีจุดประสงค์เพื่อ 'เรียกร้องให้เกิดสันติภาพ'

“รัฐบาลกาตาร์สนับสนุนแนวคิดริเริ่มของประธานาธิบดี (เซเลนสกี) ทว่า FIFA ปิดกั้นมัน และไม่ยินยอมให้มีการเปิดคลิปคำแถลงของประธานาธิบดีก่อนการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ”

ทางการยูเครนยืนยันว่าจะยังคงเผยแพร่คลิปดังกล่าวผ่านช่องทางอื่น ๆ พร้อมเตือนว่าการที่ FIFA ไม่ยอมออกอากาศให้นั้นแสดงให้เห็นว่าองค์กรแห่งนี้ “สูญเสียความเข้าใจอันมีค่าของกีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นเกมที่หลอมรวมผู้คนเข้าด้วยกัน ไม่ใช่สนับสนุนให้เกิดความแตกแยก”

ทั้งนี้ FIFA พยายามใช้ทุกมาตรการเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เกมการแข่งขันฟุตบอลโลกที่กาตาร์ถูกใช้เป็นเวทีแสดงจุดยืนทางการเมืองของฝ่ายใด ขณะที่รัฐบาลกาตาร์เองก็ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของยูเครน

วันศุกร์ที่แล้ว (16) CNN อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวในสำนักงานของ เซเลนสกี ว่า คำขอเผยแพร่คลิปของผู้นำยูเครนในศึกฟุตบอลโลกนัดชิงถูกปฏิเสธโดย FIFA และต่อมาในวันเสาร์ (18) CNN ก็ได้รับสำเนาคลิปดังกล่าวซึ่งผู้นำยูเครนกล่าวไว้ในบางช่วงบางตอนว่า ฟุตบอลเป็นเกมกีฬาที่หลอมรวมประชาคมโลกเข้าไว้ด้วยกัน และตนขอสนับสนุน “บอลโลก ไม่ใช่สงครามโลก”

“บอลโลกครั้งนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า ประเทศและชนชาติต่าง ๆ สามารถตัดสินได้ว่าใครคือผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในเกมการแข่งขันที่เป็นธรรมบนสนามหญ้า... ไม่ใช่การเล่นกับไฟในสนามรบ”

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบประธานาธิบดียูเครนเผยกับ CNN ว่า ทาง FIFA มองว่าถ้อยแถลงดังกล่าว “มีนัยทางการเมืองมากเกินไป”

ล่าสุด ผู้นำยูเครนแถลงวานนี้ (19) ว่า ทั่วโลก “ยังคงได้ยิน” ข้อเรียกร้องสันติภาพของตนอยู่ดี ถึงแม้ว่า FIFA จะตัดสินใจไม่นำคลิปไปออกอากาศให้ก็ตาม

“ถึงแม้ FIFA จะปิดกั้นสารของเราไม่ให้ถูกเผยแพร่ในสนามก่อนการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศที่กาตาร์ แต่ทั่วโลกยังคงได้ยินข้อเรียกร้องของเราอยู่ดี” เซเลนสกี ระบุในการแถลงข่าวประจำวัน พร้อมเผยว่านักฟุตบอลยูเครนและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ต่างก็ช่วยกันเผยแพร่สารดังกล่าวออกไป


ที่มา : CNN, รอยเตอร์

ที่มา: https://mgronline.com/around/detail/9650000119965