Tuesday, 8 July 2025
NEWS FEED

‘เพจดัง’ เปิดภาพ ม้าหินอ่อนสวนลุมฯ หลังมี ‘สเตนเลส’ หุ้มไว้ ด้านชาวเน็ตแห่แซว พร้อมหวั่นอันตรายจากความร้อนจะติดไฟง่าย

(11 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานจากเพจ Bangkok Sightseeing โพสต์ระบุว่า “ฮ่า ๆ ๆ ไม่รู้ไอเดียใคร น่าจะเอกชนทำให้ ซุ้มม้าหินอ่อนในสวนลุมฯ ที่ผุพัง เอาสเตนเลสมาหุ้มแบบนี้ก็เข้าท่าดี แต่ใจจริงอยากให้ปรับโฉมใหม่ทั้งหมด เพราะหลาย ๆ ซุ้มเสื่อมโทรม ผุพังมาก”

อย่างไรก็ตาม จากโพสต์ดังกล่าวมีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย อาทิ

- เตาหมูกระทะช่วงพักเที่ยง
- ในวันที่แสงแดดจัดนั่งไม่ได้ ร้อน หากเกิดจุด Focus รวมแสงไปตกที่ใดที่หนึ่งที่ติดไฟได้ง่าย - อาจเกิดอันตราย
- หน้าหนาวฟินสุด
- นั่งตอนเดือนเมษา น่าจะย่างเนื้อได้เลยนะนั่น
- หน้าร้อนจะเป็นจุดรวมแสงให้เกิดความร้อนจนส่งผลให้เกิดเปลวไฟจากใบไม้แห้งไหมคะ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยประชาชนอย่ากดลิงก์ SMS แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อและได้รับความเสียหายจากการหลอกลวง ซึ่งในช่วงเดือน มิถุนายน พ.ศ.2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบพบว่า คนร้ายเริ่มกลับมาใช้วิธีส่งข้อความ SMS แอบอ้างเป็น บริษัทขนส่ง กรมที่ดิน กรมขนส่งทางบก การไฟฟ้าฯ โดยแนบลิงก์ให้กดใน SMS ตามที่ได้ตรวจสอบ พบดังนี้
https://Flash.anke.cc      แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.fla-qr.com               แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.fla-af.com               แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.fla-fh.com               แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.fla-ah.com              แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.flfah-line.cc            แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.flo-sh.cc                 แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.fly-fh.com               แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.fly-sh.com              แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
th-flash.com                  แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.th-flash.com          แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.Flsah.line.cc          แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.flgqh-line.cc          แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.flbgh-line.cc          แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.fifgh-line.cc           แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
flashline.com                แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
flash-line.com               แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
flfah-line.cc                   แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
flash-expres.com          แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.oy-th.cc                 แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง
www.kerry.orth.cc          แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง                                                                      
dit-gk.cc                       แอบอ้างเป็นกรมขนส่งทางบก
www.dlt-xf.com              แอบอ้างเป็นกรมขนส่งทางบก
dol-th.cc                       แอบอ้างเป็นกรมที่ดิน
www.pea.xw-th.com       แอบอ้างเป็นการไฟฟ้าฯ

โดยในเบื้องต้นทางสำนักตำรวจแห่งชาติได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ระงับการเข้าถึงลิงก์ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เชื่อว่าในอนาคตจะยังคงมีลิงก์หลอกลวงจากมิจฉาชีพในลักษณะเดียวกันอีก โดยข้อความและลิงก์ที่แนบมาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ จึงขอแจ้งเตือนภัยพี่น้องประชาชน ดังนี้

จุดสังเกต ลิงก์ที่คนร้ายส่งมามักจะสะกดชื่อผิดหรือมีข้อความที่ไม่ปกติต่อท้ายลิงก์
Domain ของ Website ปลอมมักจะจดบน Domain Free หรือ Domain ที่ไม่น่าเชื่อถือเช่น .cc
SMS ปลอมในบางครั้งคนร้ายจะใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อให้ส่ง SMS ปลอมเข้ามาอยู่ในกล่องข้อความของ SMS จริงได้ เมื่อกดลิงก์เข้าไปจะเป็น Line หน่วยงานที่คนร้ายแอบอ้าง เมื่อเหยื่อเพิ่มเพื่อนคนร้ายในไลน์ คนร้ายจะโทรมาพูดคุยโน้มน้าวเหยื่อและส่งลิงก์ให้ติดตั้ง Application ควบคุมโทรศัพท์มือถือ ให้ติดตั้งในเครื่องเหยื่อ  พร้อมให้ตั้งรหัสผ่าน 2 ชุดไม่ซ้ำกัน ซึ่งส่วนใหญ่เหยื่อมักจะเอารหัสเดิมๆที่เคยใช้ใน Application ธนาคารใส่ไปด้วย

วิธีป้องกัน ไม่กดลิงก์ใดๆที่ส่งมาใน SMS หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อหน่วยงานที่ปรากฏในข้อความ SMS เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงของ SMS ที่ได้รับ พี่น้องประชาชนท่านใดที่ได้รับ SMS แล้วน่าสงสัยว่าน่าจะหลอกลวง โปรดอย่ากดลิงก์ใน SMS ดังกล่าว และส่งข้อมูลดังกล่าวโดย Capture หน้าจอ SMS ที่ท่านได้รับให้ครบถ้วนพร้อมระบุ วันที่ และเวลาที่ได้รับ SMS รวมไปถึงเบอร์โทรศัพท์ที่ได้ส่ง SMS มาให้ท่าน แจ้งเบาะแสผ่านทางช่องทาง www.thaipoliceonline.go.th (ช่องทางแจ้งเบาะแส) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สำหรับช่องทางรับรู้ข่าวสารเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน AOC 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบกรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.go.th

‘ครูเดวิด’ อึ้ง!! ฝรั่งมาไทย ยังชื่นชม 'ผู้คน-อาหาร-ความปลอดภัย' แต่ 30-40% คอมเมนต์คนไทย ไม่ขอบคุณ แถมดันด่าประเทศตัวเอง

(10 ก.ค. 67) จากกรณีที่ชาวต่างชาติคนหนึ่ง ได้โพสต์วิดีโอลงบนติ๊กต็อกชื่นชมประเทศไทย ว่าคนไทยอัธยาศัยดีมาก และยังเป็นประเทศที่ปลอดภัยมาก ๆ สามารถเสียบกุญแจคาไว้ที่รถได้เลยโดยที่รถไม่หาย แต่หลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตคนไทยบางส่วนกลับแห่คอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์และด้อยค่าประเทศตัวเองเสียอย่างนั้น

ล่าสุด 'เดวิด วิลเลียม' (David William) ครูสอนภาษาอังกฤษ ชาวอเมริกา ที่ได้มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ได้โพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าวลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมพูดถึงกรณีดังกล่าว โดยมีเนื้อความดังนี้…

"ทุกคนพี่ไปเจอคลิปนี้มา ซึ่งพี่ต้องขออนุญาตพูดก่อนว่า เป็นหนึ่งคลิปที่ชาวต่างชาติท่านหนึ่งที่อุตส่าห์มาชมบ้านเรา และตอนแรกพี่ก็นึกว่าคนไทยที่เข้าไปคอมเมนต์จะชมเขาหรืออย่างน้อยก็ขอบคุณที่เขาอุตส่าห์มาชื่นชมบ้านเรา

"แต่พี่งงมากเลยนะ เพราะ 30-40% ของคอมเมนต์นั้น คือ ไม่ได้ชมเขาเลยนะ ไม่ได้ขอบคุณเขาด้วย แต่กลับออกมาด่าประเทศไทยไม่หยุด"

จากนั้น ครูเดวิด ก็ได้เล่าคอมเมนต์จากผู้ที่ด่าเมืองไทยในคลิปนั้น ดังนี้...

"คอมเมนต์แรกนะทุกคน มีคนบอกว่า ‘ผมกล้าบอกเลย ประเทศไทยไม่ได้น่าอยู่อย่างที่คุณบอก คนก็ไม่ได้น่ารัก ผมโดนเจ้านายด่าทุกวัน ประเทศก็ไม่ได้น่าอยู่ ประเทศไทยเป็นหนึ่งประเทศที่ไร้การพัฒนา ถ้าคุณชอบประเทศผมขนาดนี้ ช่วยแลกที่กับผมเถอะ’...

"คนนี้เป็นคนที่แจ๋วมากเลยนะทุกคน คือแทนที่เขาจะคิดลบใช่ป่ะ คือคนนี้ต้องเป็นคนที่บวกแห่งปี 2024 แน่ ๆ ถามว่าทําไมรู้ป่ะ คือแทนที่เขาจะเข้าใจว่า ‘ที่เจ้านายเราเนี่ยด่าเราทุกวัน แสดงว่าศักยภาพของเราอาจจะไม่ดีพอหรือเปล่า หรือแสดงว่าเราทํางานไม่ดีพอหรือเปล่า แต่เขากลับคิดว่า ตัวเองเริ่ดขนาดนี้ ประเสริฐขนาดนี้ ทำไมถึงถูกด่า’ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยทุกคน ทุกคนเลยนะ เป็นคนที่ใจร้ายที่สุดในโลกอย่างแน่นอน...

"คอมเมนต์ต่อไปนะทุกคน ‘คนนี้บอกว่า ใจเย็นฝรั่ง นายต้องอยู่นานกว่านี้หน่อยนะ แล้วค่อยมาบอกกันอีกที’ / ‘ผมไม่เคยชอบประเทศไทยถ้าคุณชอบก็เรื่องของคุณ’...

"แต่คอมเมนต์ต่อไปนี่คือสุดเลยทุกคน ‘เขาบอกว่าอยู่ไหนครับ เดี๋ยวผมไป’...

"สิ่งที่พี่ต้องการจะพูดคือ ‘นี่คือสิ่งที่ประหลาดมาก’ กับการที่เวลามีชาวต่างชาติมาชมบ้านเรา เวลามีคนมาชมประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการชมประเทศไทย อาหารไทย วัฒนธรรมไทย คนไทย หรือความปลอดภัยของประเทศไทยก็ตาม แต่กลับมีคนคอมเมนต์บอกว่าประเทศไทยไม่ได้ปลอดภัย คุณอย่าคิดแบบนั้น"

ครูเดวิด ยกตัวอย่างให้ฟังด้วยว่า "ถ้าคุณไปดูงานวิจัย แล้วถ้าคุณเปรียบเทียบประเทศไทยกับอเมริกา คุณจะรู้ว่า 50% ของชาวอเมริกันนั้น เขาจะบอกว่า เฮ้ย!! เราไม่เคยรู้สึกปลอดภัย เรารู้สึกกลัวตลอดเมื่ออยู่บนท้องถนน และในฐานะคนอเมริกันคนหนึ่ง พี่สามารถฟันธงได้เลยว่าตั้งแต่ที่พี่มาอยู่ประเทศไทย พี่ไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรเลย คือถามว่ามันอาจจะมีบางสถานที่ในประเทศไทย ที่อาจจะไม่ปลอดภัย คําตอบคือใช่ เหมือนทุกประเทศในโลก แต่ถามว่าโดยรวมแล้ว เรื่องอัธยาศัยของคนไทย และด้วยความน่ารักของพวกเขา ถ้าคุณไปเดินบนท้องถนนแล้วคุณต้องรู้สึกกลัวรึเปล่า? คําตอบคือไม่อย่างแน่นอน...

"จริง ๆ พี่อยากจะถามมาก ๆ มันจําเป็นตรงไหนเราจะต้องนั่งแบบด่าประเทศตัวเองทุกวัน อันนี้คือพี่อยากจะรู้จริง ๆ เลยนะ กลับกันถ้าคุณลองไปถามพลเมืองในประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี, สหรัฐฯ หรือแม้กระทั่งฟิลิปปินส์ก็ตาม ว่าเขารู้สึกยังไงเกี่ยวกับประเทศตัวเอง สิ่งเดียวที่เขาจะพูดตลอดคือ พวกเขารักประเทศของเขามาก เขาชอบประเทศเขามาก แน่นอนว่าประเทศไหนๆ ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ทุกคนที่เกิดในประเทศนั้นๆ เขาล้วนรู้สึกภูมิใจในประเทศตัวเองทั้งสิ้น...

"แล้วถามว่าทำไมเขาถึงภูมิใจ เขาก็จะบอกว่า ก็เขาเกิดที่นี่แล้ว เขาก็จะพยายามปกป้องประเทศ ปกป้องอาหารของเขา วัฒนธรรมของเขา เพราะมันคงไม่มีประเทศไหนบนโลกที่เหมือนประเทศของเขาอย่างแน่นอน"

"โดยสรุปนี้แล้ว ถึงแม้ประเทศไทย อาจจะไม่ได้เป็นประเทศที่ Perfect ที่สุดในโลก แต่พี่อยากให้คนไทยภูมิใจในบ้านตัวเองมากขึ้น เพราะพี่สามารถบอกคุณได้เลยนะ อาหารของเมืองไทยไม่ธรรมดา ความน่ารักของคนไทยก็ไม่ธรรมดา พวกเขาไม่เคยดูถูกชาวต่างชาติ ต้อนรับทุกคนตลอดเวลา ประเทศไทยมีความปลอดภัยให้ และคนไทยก็มีความใจดี ประเทศไทยเป็นหนึ่งประเทศที่น่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง" ครูเดวิดทิ้งท้าย

‘นายกฯ’ ปลุก 12 จังหวัดอีสานตอนบน ตัดวงจรพ่อค้ายาฯ ลั่น!! 'ต้องไม่มีพื้นที่ให้ยาเสพติด' พร้อมหนุน จนท.เต็มสูบ

(10 ก.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 23 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี ก่อนที่เวลา 13.45 น. นายกฯ เดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดสีดำ ทะเบียน กล 5559 อุดรธานี ถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี  โดยมีนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ข้าราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรอต้อนรับ

โดยเมื่อเดินทางถึงนายกฯ รับฟังบรรยายสรุปแผนสกัดกั้นแนวชายแดนอีสานตอนบน 5 จังหวัด และรับฟังบรรยายายสรุปปฏิบัติการไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 จากตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งรายงานว่า ได้มีการใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องมือพิเศษ ปิดล้อม และตรวจค้นจำนวน 6 ครั้ง โดยสามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดจำนวน 3,446 ราย และยึดทรัพย์ของกลางยาบ้า 10,345,615 เม็ด ยึดอาวุธปืน 217 กระบอก เครื่องกระสุน 32 นัด และสามารถตรวจยึดทรัพย์ 1,553 รายการ  มูลค่าทั้งสิ้น 254,961,366 บาท

ด้านนายกฯ ได้สอบถามเลขาป.ป.ส. ถึงเรื่องค่าตอบแทนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการทั้งทหารตำรวจและพลเรือน ที่ได้รับเงินจากกองทุน ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรณีได้รับบาดเจ็บ โดยเลขาป.ป.ส.รายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้รับเงินเยียวยาจำนวน 10,000 บาท  ด้านนายกฯ กล่าวกำชับว่า ขอให้เพิ่มเงินเยียวยาดังกล่าวเป็น 50,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฎิบัติหน้าที่ที่เข้มข้นขึ้น ก่อนที่นายกฯ จะเยี่ยมชมรถ ซึ่งเป็นระบบเทคโนโลยีตรวจจับผู้ต้องสงสัย 

ต่อมานายกฯ เยี่ยมชม และรับฟังบรรยายายโครงการชุมชนยั่งยืนของตำรวจภูธรภาค 4  พร้อมกันนายกฯ ได้พูดคุยกับผู้กล้าที่เลิกยาเสพติด โดยนายกฯ สอบถามว่า ได้เลิกยามากี่ปีแล้ว และมีการฝึกอาชีพให้หรือไม่ 

จากนั้นนายกฯ รับฟังบรรยายสรุปการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของฝ่ายปกครอง  โดยมีการค้นหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ด้วยการเอ็กซเรย์และมีการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูทางสังคม รวมถึงมีการจัดตั้งจุดสกัดตรวจสถานบริการ  และตั้งศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม ก่อนรับฟังบรรยายสรุปจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ในส่วนของผลงานด้านบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติด 12 จังหวัดภาคอีสานระยะเร่งรัด 3 เดือน 

ทั้งนี้นายกฯ กล่าวกำชับว่า ขอให้ตั้งเป้าการนำผู้เสพเข้าสู่การบำบัดให้สูงขึ้น เพื่อกวาดล้างให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ตนจะหารือกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในเรื่องดังกล่าว โดยจังหวัดหนองคายถือเป็นจังหวัดที่นำผู้เสพที่มีอาการทางจิตเข้าสู่กระบวนการบำบัดน้อยที่สุด ก็ขอให้เป็นจังหวัดนำร่อง ทั้งนี้ ขอให้ตั้งเป้าให้เยอะ เพราะฝ่ายความมั่นคงกวาดล้างได้จำนวนมาก 

นอกจากนี้ เด็กนักเรียนและครูชมรม To BE Number one จากโรงเรียนพันดอนวิทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดร 4  ร้องเพลงบูมเชียร์ให้กับนายกฯ ก่อนที่นายกฯ จะเดินทักทาย

จากนั้นนายกฯ รับชมวีดิทัศน์ขับเคลื่อนการปลุกพลังชุมชน ก่อนรับชมการแสดงเพลงมุ่งสู่ขวัญ NPD.P4 จากนักเรียนและครูโรงเรียนชุมชนสามพร้าวและครูแดร์ หรือ D.A.R.E. โดยระหว่างชมการแสดงนายกฯได้อมยิ้มพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปด้วย

ต่อมานายกฯ เป็นประธานเปิดงานกิจกรรม ‘งานรวมพลังชุมชน อีสานเหนือสู้ภัยยาเสพติด’ โดยผู้ร่วมงาน และนายกฯร่วมกันแสดงพลังสู้ภัยยาเสพติดใส่ถุงมือแสดงสัญลักษณ์ ที่มีข้อความว่า ‘No Place For drug’

นายกฯ กล่าวเปิดกิจกรรมตอนหนึ่งว่า ตนมีความยินดีที่ได้มาร่วมกิจกรรมงานรวมพลังชุมชน อีสานเหนือสู้ภัยยาเสพติด ซึ่งยาเสพติดเป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะลงพื้นที่มากี่ครั้ง กี่หมู่บ้าน ก็ล้วนแต่ได้ยินมาว่าเป็นปัญหา เป็นเรื่องที่หนักหนาจริง ๆ ลูกหลานของพวกเราจำนวนมากต้องตกเป็นทาสยาเสพติด  ตนเห็นหลายครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัว อยู่ด้วยกันในชุมชนก็รู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งสังคมไทยไม่ควรเป็นแบบนี้

นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนยอมไม่ได้ที่สังคมไทย ลูกหลานของเรา อยู่ในสังคมที่มียาเสพติดแพร่ระบาดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งนี้ การป้องกันปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม บูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งในระดับพื้นที่ และภาคประชาชน เพื่อแก้ปัญหาในชุมชน และมุ่งปราบปรามการค้ายาเสพติดนำไปสู่การสร้างพลังชุมชนที่เข้มแข็ง และยั่งยืนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเราปฏิบัติการเด็ดปีกนักค้าอีสานเหนือครอบคลุม 12 จังหวัด ทำให้เห็นพลังของมวลชนต่อการประกาศจุดยืนในการต่อสู้กับปัญหายาเสพติดในชุมชนของตนเอง  

นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากการแก้ไขปัญหายาเสพติดจะสำเร็จได้ ทุกคนทุกภาคส่วน ตำรวจ จังหวัด ทหาร สาธารณสุข ป.ป.ส. และหน่วยงานอื่น ๆ จะต้องทำงานร่วมกัน และต้องได้รับการสนับสนุนจากชุมชน ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหายาเสพติดร่วมกัน และเป็นหูเป็นตา ช่วยกันดูแลสอดส่อง แจ้งเบาะแส เฝ้าระวัง และป้องกันลูกหลานไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

อย่างไรก็ตาม วันนี้พวกเราทุกคนได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน ขอให้พวกเราบอกกล่าวในชุมชนให้ขยายผลการปฎิบัติออกไปในวงกว้าง เพื่อฝึกพลังชุมชนทุกพื้นที่ให้รวมพลังอย่างเข้มแข็ง ซึ่งตนขอบคุณในความตั้งใจ และพลังของทุกคน ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันต่อสู้ เพื่อเอาปัญหายาเสพติดให้หมดออกไปจากสังคม เราจะร่วมกันรักษา ฟื้นฟู ดูแล และปกป้องลูกหลานของเราให้ห่างไกลยาเสพติด

“ขอให้ทุกคนน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงห่วงใยปัญหายาเสพติด ไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม ตามพระราชประสงค์อย่างยั่งยืนต่อไป” นายกฯ กล่าว

จากนั้นนายกฯ นำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อนำพลังชุมชนอีสานเหนือสู่ภัยยาเสพติด ก่อนร่วมกันยืนแสดงความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีจอมราชา และร่วมกันโบกธงเพื่อแสดงความจงรักภักดี เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนจะถ่ายรูปร่วมกับเด็กนักเรียนอย่างเป็นกันเอง และเดินทางกลับกรุงเทพฯ

‘ชาวเน็ต’ ถกสนั่นประเด็น ‘ห้องน้ำ’ รองรับ LGBTQIA+ จะมีได้ไหมในไทย เสียงส่วนใหญ่เห็นพ้อง หวั่นความสะอาด-ความปลอดภัย หากทำ ‘แบบรวม’

(10 ก.ค. 67) ปัจจุบันทั่วโลกเปิดกว้างมากขึ้นเกี่ยวกับ LGBTQIA+ ในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยก็มีกฎหมาย ‘สมรสเท่าเทียม’ รองรับกลุ่มคนเหล่านี้ เพื่อให้พื้นที่ในสังคมแก่พวกเขาอย่างทัดเทียมกัน อีกทั้งหลาย ๆ คน ก็ตระหนักถึงเรื่อง ‘เพศสภาพ’ และ ‘รสนิยมทางเพศ’ กันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ประเด็นเกี่ยวกับ LGBTQIA+ ก็ยังคงมีเรื่องให้ถกเถียงอยู่เป็นระยะ ล่าสุดเรื่อง ‘ห้องน้ำ’ ก็กลายเป็นที่พูดถึง หลังมีคนจุดประเด็นเรื่อง ‘ห้องน้ำไม่แบ่งเพศจะเป็นไปได้ไหมในสังคมไทย?’

โดยอ้างอิงจาก Sukha Thesis (สุขาธีสิส) อดีตกลุ่มนักศึกษาที่เคยโด่งดังจากการทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับห้องน้ำสำหรับ LGBTQIA+ ซึ่งจะแบ่งห้องน้ำออกเป็น 4 ประเภท

1. อนุญาตให้เข้าตามเพศสภาพได้ เป็นห้อง ‘น้ำชาย-หญิง’ ตามเดิม แต่อนุญาตให้ทรานส์เข้าตามเพศสภาพได้
2. ห้องน้ำห้องที่ 3 มีห้อง ‘น้ำชาย-หญิง’ ตามเดิม แต่เพิ่มห้องที่ 3 มาคั่นกลาง สำหรับ ‘LGBTQIA+’
3. ห้องน้ำเฉพาะ แบ่งสัดส่วนชัดเจน สร้างห้องน้ำหลาย ๆ ห้อง แบ่งเฉพาะเพศ เช่น ห้องน้ำสำหรับเกย์, ห้องน้ำสำหรับทรานส์
4. ห้องน้ำรวม (All Gender) ใช้ร่วมกันได้ทุกเพศ มองที่ฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องน้ำ คือ ห้องน้ำเป็นแค่สถานที่มาปลดทุกข์, ทำความสะอาดร่างกาย

ทั้งนี้ ความคิดเห็นส่วนใหญ่มองว่า ห้องน้ำรวม (All Gender) สร้างความลำบากใจมากที่สุดหากเกิดขึ้นจริง โดยหลายคนยกตัวอย่างจากประสบการณ์ที่ไปต่างประเทศ บางคนก็กระอักกระอ่วนใจที่ต้องเข้าไปภาพของเพศอื่นกำลังใช้ห้องน้ำ และกังวลเรื่องความปลอดภัย

บ้างก็กังวลเรื่องความสะอาด หากเป็นห้องน้ำรวม สุขภัณฑ์ชายต้องไม่เรียงติดกัน ซอยเป็นห้อง ผนังกั้นต้องจากพื้นถึงเพดาน มีประตูมิดชิด

ซึ่งในประเทศไทย ห้องน้ำแบบที่ 1 และ 2 นั้น เรียกได้ว่าเป็นห้องน้ำที่มีอยู่เป็นปกติ หลาย ๆ ครั้งที่เราจะเห็นทรานส์เข้าห้องน้ำหญิง บางคนก็เลือกใช้ ‘ห้องน้ำคนพิการ’ หรือที่สากลเรียกว่า ‘Universal toilet’ (ห้องน้ำสำหรับทุกคน)

‘บริษัทยานยนต์ดัง’ ในระยอง เตรียมปิดกิจการถาวร ปี 68 คาด!! ปลดพนง.ออกหมดสิ้นปีนี้ หลังลุยงานมาหลายสิบปี

(10 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์’ โพสต์ข้อความระบุว่า บริษัทดังในนิคมอมตะซิตี้ ระยอง ทำเกี่ยวกับยานยนต์ และเป็นบริษัทในฝันของใครหลาย ๆ คน เรื่องสวัสดิการดีเยี่ยมเลยทีเดียว จะมีการประกาศปิดกิจการในไทยภายในปี 68

ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้ดำเนินกิจการในไทยมาแล้ว 20 ปี เป็นเรื่องที่น่าใจหายเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ทยอยปลดพนักงานออกเป็นชุด ๆ คาดว่าจะปลดออกทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ หรือช้าสุดเดือนมกราคม 2568 เพื่อเคลียร์ทุกอย่างก่อนจะประกาศปิดกิจการในไทยอย่างถาวร ถึงอย่างไรก็ตาม ทางเพจจะอัปเดตหากมีความคืบหน้าต่อไป

หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ไป มีเหล่าพนักงานและคนทำงานต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมให้กำลังใจซึ่งกันและกันจำนวนมาก

‘ชูวิทย์’ ขอบคุณทุกกำลังใจ พร้อมเผยสิ่งที่อยากทำก่อนจากไป อโหสิกรรม ‘สันธนะ’ อย่าได้เจอกันอีกไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน

(10 ก.ค. 67) เพจ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว’ โพสต์ข้อความจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ที่ไปรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้ายที่ประเทศอังกฤษ ได้ฝากถึงแฟนคลับ ความว่า…

“ด้วยความคิดถึงขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ ในชีวิตเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน จึงทำให้คิดได้ มีอีกหลายเส้นทาง ที่ชีวิตไม่เคยไปสัมผัส ฝรั่งเรียก ‘Bucket list’ สิ่งที่ทำ ก่อนชีวิตสูญสลาย…

“สิ่งหนึ่งคือ ไม่มัวติดอยู่กับอดีต เพราะนับจากนี้ไป อีกไม่นาน เราก็จะตายไปกันหมด ไม่ช้า ก็เร็ว สิ่งที่เราหามาทั้งชีวิตก็จะไปตกในมือคนอื่น ๆ จะไม่มีใครจำเราได้อีกต่อไป แม้แต่คนในครอบครัว จะมีใคร ไปจำพ่อของทวดได้บ้าง ?...

“เราควรคิดถึงสิ่งที่เรามีความสุขในวันนี้ เลิก คิด แค้น เคือง พยาบาท ใครต่อใคร เพราะทุกสิ่งมันผ่านไปหมดแล้ว ยิ้ม พอใจ กับที่เรามีอยู่วันนี้ที่ทุก ๆ เช้า เราตื่นมาได้ ด้วยร่างกายที่ไม่เจ็บปวด แม้จิตใจจะยังสู้ แต่ร่างกายไม่ไหว ก็ต้องปล่อยไป มีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำก่อนตาย หาความสุข ในสิ่งที่ เราอยากทำ” 

ส่วนข้อความถึง ‘สันธนะ’ หลังศาลอาญา มีคำพิพากษาในคดีหมิ่นประมาท โรงแรมของชูวิทย์ ระบุว่า “ข้าพเจ้า ขอขมากรรมต่อท่าน ที่ได้ล่วงเกินประการใดก็ตาม ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี นับแต่อดีตชาติเป็นต้นไป มาจวบจนปัจจุบันชาติ…

“ขอให้อโหสิกรรม ต่างคนต่างเดิน ไป ตามทางตัวเองด้วยเทอญ อย่าได้พบเจอกันอีก ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน”

อย่างไรก็ตาม ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ. 2892/2565 ที่บริษัท ต้นตระกูล จำกัด โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นโจทก์ฟ้องนายสันธนะ ประยูรรัตน์ เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ, หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

กรณีเหตุการณ์ ระหว่างวันที่ 5-8 พ.ย.2565 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จและสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ในทำนองว่า ชั้นล็อบบี้ภายในโรงแรม เดอะเดวิส ซอยสุขุมวิท 24 กรุงเทพฯ มีกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงประมาณ 100 คน เข้ามามั่วสุมเสพยาเสพติดในห้องน้ำชายและเปิดบริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้จำเลยยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายแขนงสร้างความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงแก่โจทก์

ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 328 ให้คุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 100,000 บาทและลงโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อกับสื่อเป็นเวลารวม 5 วัน ติดต่อกัน

นายสันธนะ ระบุว่า ข้อหาอื่นที่ฟ้องคดีมา ศาลยกฟ้องทั้งหมด แต่ในข้อหาหมิ่นประมาท ศาลเห็นว่ามีความผิดจึงพิพากษาจำคุก 1 ปี รอลงอาญา 2 ปี ปรับอีก 100,000 บาท ซึ่งได้จ่ายค่าปรับไปแล้ว ส่วนกรณีที่โจทก์เรียกค่าเสียหายมา 100 ล้านบาทนั้น ศาลระบุว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบว่าเสียหายอย่างไร จึงให้จ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์ 100,000 บาท แต่ตนเองยังไม่จ่ายเพราะเตรียมที่จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป

'ตำรวจบุรีรัมย์' ส่งสำนวนคดีขโมยลูกชิ้นยืนกิน ยอมรับเห็นใจผู้กระทำผิด หลังทำไปด้วยความจน

(10 ก.ค.67) กรณีเจ้าของบริษัทผลิตลูกชิ้นยืนกิน ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ นำคลิปวงจรปิดไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.สุพจน์ ตึกกระโทก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่าได้ถูกบุคคลในคลิปวงจรปิด ขโมยลูกชิ้นที่วางไว้หน้าร้านจำนวน 1 ถุง จากที่วางไว้ 2 ถุง มูลค่าประมาณ 300 บาท เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น.

ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมือง สามารถจับกุม นายบุญเที่ยง หรือธง พิทักษ์พันธุ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.5 บ้านหนองกระทิง ต.หนองกระทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ บุคคลในคลิปวงจรปิดมาสอบสวน

โดยนายบุญเที่ยงให้การรับสารภาพ ว่าเป็นคนก่อเหตุจริง สาเหตุที่ขโมยเพราะเห็นลูกชิ้นวางอยู่หน้าร้านไม่มีใครเฝ้า และร้านปิดแล้ว จึงเดินเข้าไปหยิบเอา ยอมรับว่าหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวไม่ทัน ลูกชิ้นที่ได้ไป เอาไปทอดเป็นกับข้าวให้ลูกกิน ส่วนหนึ่งเอาไปฝากพ่อกับแม่ที่ป่วยอยู่ที่ อ.ลำปลายมาศ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากไม่มีคนมาประกันตัว

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้คนแสดงความเห็นใจนายบุญเที่ยง หรือ ธง เป็นจำนวนมาก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และคาดว่าครอบครัวน่าจะยากจน แต่กฎหมายต้องดำเนินไปต่อตามกระบวนการ

ล่าสุด ร.ต.อ.สุพจน์ ตึกกระโทก พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี ได้ทำสำนวนส่งไปที่อัยการจังหวัดบุรีรัมย์วันนี้แล้ว เพราะจะครบกำหนดฝากขัง 48 วัน

ร.ต.อ.สุพจน์ กล่าวยอมรับว่า คดีนี้เป็นคดีที่น่าเห็นใจ จากการสอบสวน และสืบสวน พบว่าครอบครัวมีฐานะยากจน มีพ่อแม่แก่ และป่วยติดเตียง จริง ๆ แล้วส่วนตัวมองว่านายบุญเที่ยง ไม่มีเจตนาที่จะขโมย สังเกตจากสินค้าของร้านวางไว้ 2 ถุง แต่เอาไปถุงเดียว ผิดวิสัยของขโมยทั่วไปที่จะต้องเอาไปให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อเป็นคดีความที่ยอมไม่ได้จะต้องเดินต่อไป

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 57 บ้านโนนแดง หมู่ 5 ต.หนองกระทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่ของนายบุญเที่ยง ผู้ต้องหา พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว สร้างยังไม่เสร็จ ภายในบ้านอยู่ด้วยกัน 3 คือ พ่อ-แม่ และพี่สาวนายบุญเที่ยง

นายทอง พิทักษ์พันธุ์ อายุ 88 ปี พ่อนายบุญเที่ยง ยังนั่งอยู่หน้าบ้านอยู่ตลอดเวลา เมื่อสอบถามทราบว่า "กำลังรอลูกชายเอาอาหารมาให้" และไม่รู้ว่าลูกชายขโมยของมาให้กิน จนถูกตำรวจจับได้

นางอุย พิทักษ์พันธุ์ อายุ 89 ปี แม่นายบุญเที่ยง ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง และป่วยโรคไต บอกว่าปกติลูกชายจะเอาอาหารมาให้กินเป็นประจำ ครั้งล่าสุดเอาลูกชิ้นมาให้กิน ซึ่งลูกชายมาสารภาพว่า “ขโมยเขามาให้แม่กิน” หลังจากนั้นไม่เห็นลูกชายมาหาอีกเลย จนกระทั่งมีคนมาบอกว่าลูกชายถูกจับดังกล่าว

ขณะที่นางพิมพ์พร พิทักษ์พันธุ์ อายุ 59 ปี พี่สาวนายบุญเที่ยง เล่าว่า น้องชายจะกลับบ้านอาทิตย์ละ 2 วัน หลังจากนั้นจะไปหากินอยู่ในตัวเมืองกับภรรยา หลังน้องชายถูกตำรวจจับไม่เคยได้ไปเยี่ยม เพราะต้องมีภาระดูแลพ่อแม่ซึ่งป่วยติดเตียง ส่วนพ่อแม่ได้แต่นั่งเฝ้าคอยลูกชายกลับมาหา

‘รปภ.สาว’ ถูกหนุ่มหัวร้อน ‘ด่าทอ-ขู่ทำร้าย’ ขณะพานักเรียนข้ามถนน เหตุไม่พอใจถูกตะโกนเรียก “อ้วน” เพราะ ‘ไม่ยอมหยุดรถ’ ตรงทางม้าลาย

(10 ก.ค.67) ที่ สภ.เมืองนนทบุรี น.ส.สุภาพ อายุ 50 ปี หัวหน้า รปภ.องค์การทหารผ่านศึก ประจำจุดทำงานโรงเรียนสตรีนนทบุรี เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ชัยยงค์ อ้วนมะโฮง รอง สว.(สอบสวน) หลังถูก นายเดียร์ อายุประมาณ 30 ปี อดีตคนขับรถเจ้าอาวาสวัดดังในเมืองนนทบุรี พูดจาด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย และข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย จนรู้สึกไม่ปลอดภัย เกรงว่า นายเดียร์ ซึ่งเป็นขาใหญ่ในพื้นที่ จะทำร้ายจริง ๆ จึงต้องเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ติดตามตัวนายเดียร์ มารับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดย น.ส.สุภาพ เล่าทั้งน้ำตาคลอเบ้า ว่าเมื่อช่วงเย็น วันที่ 9 กรกฎาคม 67 หลังโรงเรียนเลิก ตนเองจะพาเด็กนักเรียนเดินข้ามถนนจากหน้าโรงเรียนไปอีกฝั่งหนึ่ง โดยจุดที่พาเด็กนักเรียนข้ามเป็นทางม้าลาย ตนเองทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในโรงเรียนมานาน จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะต้องมาทำแบบนี้ แต่ด้วยความที่ตนเป็นห่วงเด็กนักเรียนเล็ก ๆ เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยระหว่างข้ามถนน จึงมักช่วยเหลือด้วยจิตอาสาเป็นประจำ

ระหว่างที่ทำหน้าที่อยู่นั้น นายเดียร์ ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ยอมหยุดทางข้ามม้าลาย ตนจึงตะโกนไปด้วยเสียงอันดังว่า "อ้วน ทำไมไม่หยุดรถล่ะ" ซึ่งตนก็พูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร เห็นว่ารู้จักกัน สุดท้าย นายเดียร์ ได้วนรถกลับมา และด่าตนหยาบคายเสีย ๆ หาย ๆ ว่ามาบูลลีเขาทำไม "xูอ้วนไปหนักกบาลอะไรxึงเหรอ" นอกจากนี้ยังพูดจาข่มขู่ให้ตนเองระวังตัวให้ดี ๆ เดี๋ยวได้โดนแน่

ตนเองรู้สึกตกใจและเสียใจที่เขามีความรู้สึกที่ไม่ดีกับตนแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็ช่วยเหลือเด็ก ๆ ด้วยใจ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการ เพราะตนรู้สึกกลัวและไม่ปลอดภัย เพราะเขาขู่ทำร้ายไว้

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงไปที่พื้นที่จุดเกิดเหตุหน้าโรงเรียนสตรีนนทบุรี ได้รับการเปิดเผยจากคุณแอร์ อายุ 40 ปี ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนรายหนึ่ง เปิดเผยว่า หัวหน้า รปภ.หญิงคนนี้ ทำงานดี มีจิตเมตตา ทุกเช้า-เย็น ตนมาส่งลูกมักจะเห็นเขาช่วยเหลือพาเด็ก ๆ ข้ามถนน เรื่องที่นายเดียร์ ประพฤติตัวแบบนี้ ตนรู้สึกไม่โอเค อยากให้มาขอโทษ คุณขี่ผ่านแถวนี้ประจำ ควรมีน้ำใจให้กับเด็ก ๆ นักเรียน หากวันไหนเกิดชนเด็กขึ้นมา แล้วคุณเองจะเป็นฝ่ายเสียใจ

‘เครือข่ายฯ ม.ราม’ เชิญชวน #Saveทับลาน #Saveชาวบ้าน ค้านการเพิกถอนพื้นที่ป่า ‘อุทยานแห่งชาติทับลาน’

(10 ก.ค.67) จากกรณีกระแส #Saveทับลาน ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ ทาง ‘ชมรมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง’ ก็ได้อยากมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

“เครือข่ายนักกิจกรรมเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์การเพิกถอนพื้นที่ป่าของอุทยานแห่งชาติทับลาน

เนื่องด้วยสถานการณ์ดังกล่าว มีกระแสข่าวและเป็นประเด็นอยู่ 2 ด้านหลัก ๆ ได้แก่ ประเด็น #saveทับลาน และประเด็น #saveชาวบ้าน ซึ่งเครือข่ายฯ ได้ร่วมกันศึกษาและเสนอแนะแนวทางพร้อมทั้งแสดงจุดยืน ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้ง 2 ประเด็นเอาไว้ในแถลงการณ์แล้ว นักศึกษา ประชาชน และผู้ที่มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว สามารถร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เพจสำนักอุทยานแห่งชาติ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdOxZiTKKlqQFEBS_NHMbJ0wsBlkV9s8GNTrh9znEVsaGCnyg/viewform

ทั้งนี้ เครือข่ายฯ จึงขอเชิญชวน ผู้ที่มีความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าว ร่วมกันแสดงจุดยืนและอ่านแถลงการณ์ร่วมกันในเวลา 17.30 น. ณ ลานหน้าอนุเสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top