Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

(สุรินทร์) ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษา แก่บุตรทหารผ่านศึก ประจำปีการศึกษา 2567

เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.67) พลตรี ชินวิช เจริญพิบูลย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 /หัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เขตสุรินทร์ เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาประจำปี 2567 ให้แก่บุตรทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ 2 บัตรชั้นที่ 3 และบัตรชั้นที่ 4 ที่สอบชิงทุนการศึกษาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก รวมจำนวน 68 ทุน ทุนละ 10,000.- บาท เป็นเงิน 680,000.- บาท 

โดยมี คุณ อุไรวรรณ เจริญพิบูลย์ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบก ที่ 25 และคณะฯ โดยมี นางสาวอรัญญา พรหมบุตร รองหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เขตสุรินทร์ กล่าวรายงานและเข้าร่วมในพิธีมอบทุน ณ ห้องประชุม กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 โดยผู้ที่มารับทุนการศึกษาในวันนี้ เป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดศรีสะเกษ ทั้งนี้องค์การทหารผ่านศึกเขตสุรินทร์ ได้มอบทุนให้แก่บุตรทหารผ่านศึกนอกประจำการ เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ ก่อให้เกิดแรงจูงใจให้แก่นักเรียนมีความตั้งใจในการศึกษาเล่าเรียนต่อไป

ผู้ช่วย ผบ.ตร.เร่งรัดดำเนินคดีขบวนการที่เกี่ยวข้องกับโรงงานเก็บกักสารเคมีไม่ได้มาตรฐานจนเกิดเหตุเพลิงไหม้ใน 2 จังหวัด ล่าสุดจับกุมหลานนายโอภาสฯ ได้อีกราย เจ้าตัวยอมรับจัดการนำวัตถุอันตรายไปเก็บไว้ในโกดังที่ อ.ภาชี

วันนี้ (11 กรกฎาคม 2567) พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คดีเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ระยอง ได้สั่งการให้เร่งขยายผลดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง หลังตรวจสอบทั้ง 4 แห่งของ 2 จังหวัดแล้ว พบสารที่เป็นอันตรายอยู่ในโกดังทั้ง 4 แห่ง และพบความเชื่อมโยงกับอีกหลายพื้นที่ ลักษณะการทำงานเป็นขบวนการ โดยรับกากของเสียมาแล้วไม่ได้นำไปกำจัด ไม่มีใบอนุญาต นำมาครอบครองแล้วนำไปทิ้งในพื้นที่ป่าสงวน ตามไร่นา และพื้นที่ของประชาชนทั่วไป รวมทั้งมาเก็บแล้วปล่อยให้น้ำซึมลงไปในดิน สร้างความเสียหายต่อประชาชนในวงกว้าง

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.2 บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส ได้สืบสวนและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำวัตถุอันตรายมาทิ้งไว้ที่โกดังดังกล่าว ได้มีการขออนุมัติศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกหมายจับ นายจตุวุฒิฯ กรรมการบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต , ดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ โดยไม่ได้รับอนุญาต , ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยไม่ได้รับอนุญาต , ปล่อยน้ำซึ่งทำให้เกิดเป็นพิษแก่น้ำตามธรรมชาติหรือสารเคมีเป็นพิษลงในทางน้ำชลประทาน จนอาจทำให้ทางน้ำชลประทานเป็นอันตรายแก่เกษตรกรรม การบริโภค อุปโภค หรือสุขภาพอนามัย” เนื่องจากหลบหนีไม่มารับทราบข้อกล่าวหา และเชื่อว่าเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่รู้เห็นกับเหตุลักลอบทิ้งวัตถุอันตรายฯ ไว้ภายในโกดังดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส. สืบสวนพบว่า นายจตุวุฒิฯ ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่กับญาติพื้นที่หมู่ 7 ต.เขื่องคำ อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ จนพบแหล่งกบดาน จึงได้วางแผนเข้าจับกุม นายจตุวุฒิฯ ได้สำเร็จ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการนำวัตถุอันตรายฯ ไปเก็บไว้ในโกดังที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา จริง โดยมีนายโอภาสฯ กรรมการบริษัทวิน โพรเสส จำกัด ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้า ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา คอยสั่งการ ในส่วนของเหตุเพลิงไหม้ นายจตุวุฒิฯ ให้การว่า ไม่ทราบและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ ได้กำชับให้เร่งรัดรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งคดีเพลิงไหม้ ต้องให้ความชัดเจนในเรื่อง สารเคมีซึ่งเป็นพยานหลักฐาน และสำนวนการสืบสวนสอบสวนในความผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ในทุกมิติ ต้องรอบคอบ ชัดเจน และรวดเร็ว

(สุรินทร์) มณฑลทหารบกที่ 25 ร่วมกับ ศาลเยาวชนและครอบครัว 4 จังหวัด จัดกิจกรรม “ครอบครัวอุ่นใจ ได้ลูกหลานคืน” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567

วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ที่ สโมสรค่ายวีรวัฒน์โยธิน มณฑลทหารบกที่ 25 อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ พลตรี ชินวิช  เจริญพิบูลย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 มอบหมายให้ พันเอก ก้องภพศ์  ศิริเมฆ  หัวหน้ากองกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 รักษาราชการแทน หัวหน้ากองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 25 ร่วม โครงการสนับสนุนการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟูเด็ก เยาวชนและครอบครัว ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ครอบครัวอุ่นใจ ได้ลูกหลานคืน” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567  โดย นาย รุ่งสง่า นวลนุกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดชลบุรี ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานพิธีเปิด มี นายศุภกร อาภาธีรวัตร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุรินทร์ กล่าวรายงาน ตามแผนยุทธศาสตร์ศาลยุติธรรมฉบับ 2565-2568 กำหนดให้ศาลเยาวชน และครอบครัวเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขบำบัดฟื้นฟู คุ้มครองเด็ก เยาวชนและครอบครัว โดยกฎหมายเปิดโอกาสให้ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจใช้มาตรการ พิเศษแทนการดำเนินคดีอาญา และมาตรการแทนการพิพากษาคดีอาญา ให้ศาลมีคำสั่งให้เด็กหรือเยาวชนที่มอบตัวให้ผู้ปกครองไปดูแล หรือได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เข้ารับการบำบัดรักษา เข้ารับคำปรึกษาแนะนำ หรือเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไม่ให้หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำ จึงจำเป็นต้อง มีกิจกรรมเพื่อการแก้ไขบำบัดฟื้นฟู ตลอดจนกระบวนการดูแลช่วยเหลือเด็กและเยาวชนผู้กระทำความผิด ดังนั้นศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุรินทร์ ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดชัยภูมิ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้ร่วมกับมณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จัดทำโครงการนี้ขึ้น เพื่อให้โอกาสเด็กและเยาวชนได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติด้วยการฝึกระเบียบวินัย เสริมสร้างความเข็มแข็งทางจิตใจ ตระหนักในคุณค่าของตนรวมถึงเป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม สามารถนำทักษะที่ได้รับจากโครงการฯ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข ไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคตการจัดโครงการในครั้งนี้ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ให้การสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการ โดยมอบหมายให้ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุรินทร์เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดกิจกรรม รวมถึงได้ความร่วมมือจากมณฑลทหารบกที่ 25 ให้การสนับสนุนสถานที่ ชุดครูฝึกอบรมและอำนวยการฝึก โดยมีเยาวชนเข้ารับการ ฝึกอบรมจำนวน 45 คน พร้อมด้วย ชุดครูฝึกทหาร ที่ปรึกษาและคณะทำงาน เจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ

ปุรุศักดิ์ แสนกล้า ข่าว/ภาพ

'นก ยลดา' ชี้!! ไทยยังไม่ใช่สวรรค์ของ LGBTQIA+ ผ่านมุมห้องน้ำหลากเพศด้าน 'ชาวเน็ต' ติง!! เพศที่ 3 ถูกมองตลก เพราะชอบเรียกร้องแบบเกินเบอร์

(11 ก.ค. 67) จากกรณี 'นก ยลดา' Miss Fabulous Thailand ซีซัน 3 ได้โพสต์ตั้งคำถามถึงความเท่าเทียมทางเพศผ่านเฟซบุ๊ก 'Nok Yollada' โดยมองว่าประเทศไทยยังไม่ใช่สวรรค์ของเหล่า LGBTQIA+ อย่างแท้จริง รวมไปถึงการรับรองเพศสภาพและการมีห้องน้ำสำหรับเพศอื่นๆ

โดยทาง นก ยลดา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "เห็นหรือยังว่าเมืองไทย ’ไม่ใช่สวรรค์ของ LGBTIQNA+’ นี่พูดมาตลอด...รับรองเพศสภาพ? ห้องน้ำ all gender? ยังค้านกันยับ นี่ว่าสิ่งที่ควรที่สุดที่ต้องทำให้สำเร็จคือ แบบเรียนเรื่องความหลากหลายทางเพศในโรงเรียน เรียนกันตั้งแต่อนุบาลเลยค่ะ!! #ให้ฆวายกลายเป็นคน" 

หลังจากที่โพสต์นี้ได้เผยแพร่ออกไปก็ได้มีหลากหลายคอมเมนต์ที่เข้ามาแสดงความเห็นโดยส่วนใหญ่ออกไปในทางไม่เห็นด้วย อาทิ...

- "เพศที่ 3 ถูกมองเป็นตัวตลกเรื่องเยอะเรื่องมาก เพราะมีกะเทยบางคนบางกลุ่มชอบออกมาเรียกร้องมาทำเรื่องปัญญาอ่อนไง บางอย่างมันต้องค่อยเป็นค่อยไปเนอะ ตัวเองไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของโลกค่ะ" [ชาวเน็ต ตอบกลับ : จริงค่ะ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ค่อยปรับเปลี่ยน]

- "พี่ลองลดอีโก้ตัวเองดูครับ เรื่องห้องน้ำนี่มันไม่ไหวจริงๆนะถ้าเรามองในความเป็นจริง" [นก ยกลดา ตอบกลับ: ติดตรงไหนเรอคะ ถ้าเพื่อนเราอยากมีห้องน้ำของเขาเอง]

- "มันคือสิ่งที่เป็นไปได้ยากอะ เรียกร้องอะไรเยอะแยะ เจ้าของกิจการ เวลาทำธุรกิจต้องมาเพิ่มต้นทุนสร้างห้องน้ำเพิ่ม หน่วยงานรัฐ ก็ต้องมาสร้างห้องน้ำเพิ่มอะหรอ มันดูวุ่นวายมากกว่าด้วยซ้ำ แยกชายหญิง มันก็ชัดเจน แล้วนิ หรือพอเป็น LGBT แล้วไม่สามารถที่จะเข้าห้องน้ำได้ปกติ ต้องมีห้องน้ำพิเศษ เหมือนคนชรา และคนพิการ แบบนี้หรอ"

- "ไม่เข้าใจการทำงานของห้องน้ำนี้ค่ะ จะแก้ปัญหาเรื่องอะไรกันแน่ ความสบายใจ อาชญากรรม สุขอนามัย หรืออะไร ถ้าแค่อยากมีห้องน้ำของเพศตัวเองเพื่อความภูมิใจในชุมชนแอลจี ต้องซอยแยกกี่แบบ แยกตามสิ่งใด ใครเข้าได้และไม่ได้ในห้องนั้น หรือแค่อยากมีป้ายแปะว่า "ห้องน้ำ LGBT++" ซึ่งใครเข้าก็ได้ก็พอแล้ว อันนี้ถามนะคะ ไม่เคยฟังเสวนาหรืออะไรมาก่อน อยากช่วยให้มีในอนาคต"

- "เอาแต่ใจตัวเอง มีคืบจะเอาศอก"

"แอบไม่เห็นด้วยกับห้องน้ำรวมเลยค่ะ คิดว่าควรเรียกร้องไปทีละเรื่องก็ดีนะคะพี่นก เรียกร้องเรื่องรับรองเพศสภาพก่อน มันจำเป็นมากที่สุดแล้วจริงๆ ค่ะ"

- "การใช้ห้องน้ำนี่ละเอียดอ่อนนะคุณนก ขนาดคนอื่นมาบ้านยังไม่อยากให้ใช้ห้องน้ำส่วนตัวเลยเอาจริง ๆ บางคนสกปรกมาก แล้วถ้าใช้ได้หมดทุกเพศนี่แย่เลย ไม่ไหวจริง ๆ"

‘เทศบาลภูเก็ต’ สั่งลบแล้ว ‘ทางม้าลายสีรุ้ง’ แยกชาร์เตอร์ด หลังพลังโซเชียล ร้อง!! ฝนตกทำจักรยานยนต์ลื่นล้มหลายคัน

(11 ก.ค.67) กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล เมื่อรถจักรยานยนต์ที่ขับผ่านทางม้าลายสีรุ้ง บริเวณแยกชาร์เตอร์ดภูเก็ต แลนด์มาร์กยอดฮิตเมืองภูเก็ต ที่เทศบาลนครภูเก็ตทำขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับ Pride Month และสร้างสีสันในการจัดงาน Discover Phuket Pride 2024 เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา จนกลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมีฝนตกลงมาทำให้รถจักรยานยนต์ที่ขับผ่านเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มไปแล้วหลายคัน

จนกลายเป็นดรามาในโลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ถึงอันตรายที่เกิดขึ้น ประกอบกับการจัดงานได้จบไปแล้ว เทศบาลน่าที่จะลบทางม้าลายสีรุ้งดังกล่าวออกได้แล้ว เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ขับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกลงมา หลังจากนั้นเทศบาลนครภูเก็ตได้ติดสติกเกอร์เพื่อลดปัญหาการลื่น แต่พลังโซเชียลเรียกร้องทางเทศบาลนครภูเก็ตให้ลบออก

จนล่าสุดเมื่อช่วงคืนวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักช่างเทศบาลนครภูเก็ต เข้าดำเนินการลบทางม้าลายสีรุ้งดังกล่าวออก คืนทางม้าลายสีขาวแดง สี่แยกธนาคารชาร์เตอร์ด โดยเริ่มจากฝั่งถนนพังงา ตรงสี่แยก 1 จุด ด้วยการนำรถแบ็กโฮมาขุดผิวจราจรที่ได้ทาสีรุ้งออก แล้วราดยางมะตอยไว้ครึ่งหนึ่งก่อน หลังจากนั้น จะดำเนินการอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการคืนทางม้าลายสีขาวแดง ให้เสร็จทั้งหมดภายใน 4 วัน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการลบทางม้าลายสีรุ้งออกทั้งหมดนั้น การจราจรในบริเวณดังกล่าวอาจจะไม่สะดวกเท่าที่ควร และในช่วงนี้ภูเก็ตมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ขับรถจักรยานยนต์จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

‘คนไทยคนแรก’ พิชิตภารกิจของ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ สำเร็จ หลังตะลอนเช็กอินครบ 55 สาขา ได้สิทธิ์กินฟรี 1 ปีเต็ม

(11 ก.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘สุกี้ตี๋น้อย’ ร้านบุฟเฟต์ดัง ได้โพสต์ประกาศแสดงความยินดีกับผู้พิชิตภารกิจ จากกิจกรรม Super Fan ทานครบ 55 สาขา ‘คุณปกรณ์ จอกลอย’ คนไทยคนแรกที่จะสัมผัสความพิเศษ ทานสุกี้ตี๋น้อยฟรี 1 ปีเต็ม

โดยข้อความระบุว่า "ขอแสดงความยินดีกับผู้พิชิตภารกิจ จากกิจกรรม Super Fan ทานครบ 55 สาขา 'คุณปกรณ์ จอกลอย' คนไทยคนแรกที่จะสัมผัสความพิเศษ ทานสุกี้ตี๋น้อยฟรี 1 ปีเต็ม! สุกี้ตี๋น้อย ขอแสดงความยินดีด้วยครับ! กิจกรรมยังมีให้ร่วมสนุกอยู่นะครับ เช็กอินกันกี่สาขาแล้วคอมเมนต์บอกกันได้เลย แล้วมาเป็น Super Fan คนถัดไปด้วยกันนะค้าบ 

>> วิธีร่วมกิจกรรม

1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Klaiklai (ใกล้ใกล้) และทำการสมัครสมาชิก เพื่อร่วมกิจกรรม​
2. สมัครสมาชิกสุกี้ตี๋น้อยในไลน์ OA ก่อนเริ่มกิจกรรม (ไลน์ @sukiteenoi)​
3. กดที่เมนู ‘ตามหา Superfan’ ที่หน้าไลน์สุกี้ตี๋น้อย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม​
4. ทานสุกี้ตี๋น้อยจำนวน 55 สาขา (โดยไม่ซ้ำสาขาเดิม) พร้อมถ่ายรูป, ใส่แฮชแท็ก #กินสุกี้ตี๋น้อยลุ้นกินฟรี1ปี , เช็กอินสาขาที่รับประทานสุกี้ตี๋น้อย และโพสต์ลง Facebook ของท่าน โดยเปิดโพสต์ให้เป็นสาธารณะ (1 ท่าน / 1 โพสต์ พร้อมให้พนักงานแคชเชียร์ตรวจสอบก่อนชำระเงิน)​
5. สามารถสแกน QR Code เพื่อสะสมสติ๊กเกอร์รายชื่อสาขาได้หลังจากชำระเงินเท่านั้น (ไม่สามารถสะสมย้อนหลังได้ทุกกรณี) (1 ใบเสร็จ / 1 QR Code และสามารถสแกนได้ตามจำนวนลูกค้าในใบเสร็จเท่านั้น)​
6. ผู้ร่วมกิจกรรมจะต้องทำการเก็บใบเสร็จ ณ วันที่ร่วมกิจกรรมไว้เพื่อตรวจสอบ และยืนยันสิทธิ์หากเป็นผู้ชนะ​

>> เงื่อนไขกิจกรรม

1. ระยะเวลากิจกรรมตามหา Superfan สุกี้ตี๋น้อย ตั้งแต่ 1 เม.ย. 67 - 2 เม.ย. 68 (เวลา 05.00 น.) หรือจนกว่าจะได้​ผู้โชคดีครบตามจำนวนที่กำหนด ​
2. ผู้ที่ทานสุกี้ตี๋น้อยครบ 55 สาขา (โดยไม่ซ้ำสาขาเดิม) จำนวน 20 ท่านแรกเท่านั้น ที่ได้รับสิทธิพิเศษทานสุกี้ตี๋น้อย ​ฟรี 1 ปี (อ้างอิงข้อมูลผู้เล่นกิจกรรมตามหา Superfan จากข้อมูลในแอปฯ Klaiklai ก่อนหลังตามลำดับ)​
3. ร่วมกิจกรรมได้โดยใช้ 1 หมายเลขสมาชิก ต่อ 1 การสะสมชื่อสาขาเท่านั้น ไม่สามารถสะสมแทนผู้อื่นได้​
4. 1 ใบเสร็จ สามารถสะสมได้ตามจำนวนผู้ที่เข้าใช้บริการในใบเสร็จเท่านั้น​
5. สงวนสิทธิ์ร่วมกิจกรรมเฉพาะการทานบุฟเฟต์สุกี้ตี๋น้อยที่ร้านพร้อมเครื่องดื่ม (ราคาผู้ใหญ่) มูลค่า 276 บาท / ท่าน ​จึงสามารถร่วมกิจกรรมตามหา Superfan สุกี้ตี๋น้อยได้ ​
6. เริ่มใช้สิทธิ์ทานฟรี 1 ปี ตั้งแต่ 1 พ.ค. 68 - 2 พ.ค. 69 (เวลา 05.00 น.) ที่สุกี้ตี๋น้อยทุกสาขา ยกเว้นร้าน Teenoi Express สาขาเมเจอร์ รัชโยธิน (สิทธิ์ทานฟรีมูลค่า 276 บาท ครั้งละ 1 สิทธิ์/ใบเสร็จ/วัน/ท่าน) หรือ หากมีผู้โชคดีได้รับสิทธิ์ก่อนระยะเวลาสิ้นสุดกิจกรรม จะดำเนินการประกาศการเริ่มใช้สิทธิ์ของผู้โชคดีโดยแยกเป็นรายบุคคล​
7. ร้าน Teenoi Express สามารถเข้าร่วมกิจกรรมตามหา Superfan สุกี้ตี๋น้อยได้ตามปกติ ​
8. บัตรคูปองรับประทานอาหารสุกี้ตี๋น้อย (รหัส Cxxxxx) ที่ได้ทำการชำระเงิน สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ตามปกติ​
9. ผู้ที่ได้รับของรางวัลจะต้องใช้สิทธิพิเศษในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น และต้องยื่นบัตรประชาชนเพื่อตรวจสอบการใช้สิทธิ์ที่หน้าสาขาก่อนทุกครั้ง หากเลยระยะเวลาที่กำหนดจะไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ทุกกรณี​
10. หากท่านร่วมกิจกรรมตามหา Superfan สุกี้ตี๋น้อยแล้ว ท่านยังคงสามารถสะสมแต้มคอนโดได้ตามปกติ ​
11. ของรางวัลไม่สามารถแลก/เปลี่ยน เป็นเงินหรือของรางวัลอื่น ๆ ได้​
12. สิทธิพิเศษที่ท่านได้รับไม่สามารถโอนให้กับผู้อื่นได้ทุกกรณี ​
13. การตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุดและขอสงวนสิทธิ์ในการเพิ่ม, แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้​
ทราบล่วงหน้า​
14. ไม่อนุญาตให้พนักงาน บริษัท บีเอ็นเอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด เข้าร่วมกิจกรรม หากดำเนินการตรวจสอบพบจะทำการตัดสิทธิ์ในทุกกรณี​
15. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line OA @sukiteenoi (มี @ นำหน้า)

>> เงื่อนไขที่ไม่สามารถร่วมกิจกรรมได้

1. หากท่านใช้สิทธิ์ส่วนลดโปรโมชันและชำระเงินต่อท่านไม่ถึงมูลค่า 276 บาท จะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ ​
2. หากท่านใช้สิทธิ์ทานฟรีในวัน/เดือนเกิด หรือสิทธิ์ทานฟรีในกิจกรรมต่าง ๆ จะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ ​
3. การสั่งซื้อผ่านแอป Delivery หรือ Take Away ที่หน้าสาขาจะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ ​
4. บัตร Gift Voucher สุกี้ตี๋น้อย (รหัส Gxxxxx) ที่ได้จากการร่วมกิจกรรมหรือแจกฟรีจะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้​
5. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเพิ่ม, แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า​

หมายเหตุ : ผู้ที่ร่วมเล่นกิจกรรมตามหา Super Fan เช็กอิน 55 สาขา จะต้องทำการสมัครสมาชิกสุกี้ตี๋น้อยในไลน์ OA ก่อนเล่นกิจกรรมหรือก่อนเช็กอินครบ 55 สาขา หากท่านเป็นผู้โชคดี 20 ท่านแรกที่ได้รับรางวัล และไม่ได้ทำการสมัครสมาชิกสุกี้ตี๋น้อยหากดำเนินการตรวจสอบพบจะทำการตัดสิทธิ์ในทุกกรณี"

'Interlink Communication Company Visit' ครั้งที่ 2/2567 ต้อนรับนักลงทุน เผยผลความสำเร็จ เปิดแผนทิศทางโชว์ศักยภาพธุรกิจ 'ที่เติบโต ต่อเนื่อง และยั่งยืน'

เปิดบ้านใหญ่ ILINK บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยี และมีความเชี่ยวชาญอันโดดเด่นด้านสายสัญญาณ พร้อมกับอุปกรณ์ส่งสัญญาณอันดับต้น ๆ ของประเทศ จากความตั้งมั่นของ CEO ที่ต้องการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศไทย จึงมีความตั้งใจเผยแผนกลยุทธ์ของทิศทางการเติบโตกว่า 38 ปี ทั้ง 3 ธุรกิจ ให้เห็นภาพชัดอย่างเป็นที่ประจักษ์ ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ 'เติบโต ต่อเนื่อง และยั่งยืน' ซึ่งสามารถขับเคลื่อนดำเนินธุรกิจให้บรรลุเป้าหมาย และก้าวหน้าได้อย่างมีคุณภาพมาจนถึงทุกวันนี้

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK นำโดย คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ต้อนรับเหล่านักลงทุน และผู้ที่สนใจ ร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมบริษัทฯ เผยผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา และทิศทางในขับเคลื่อนของทั้ง 3 ธุรกิจ รวมทั้งชูกลยุทธ์จากความชำนาญของบริษัทฯ ที่ได้นำมาปรับใช้ให้ประสบผลสำเร็จ ในงาน “Interlink Communication Company Visit” ครั้งที่ 2/2567 ณ สำนักงานใหญ่ อาคารอินเตอร์ลิ้งค์ฯ เพื่อส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และทั่วถึง ตามหลักการกำกับกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่น และความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักลงทุนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจกว่า 38 ปี ของทั้ง 3 ธุรกิจ และ 1 มูลนิธิ อันได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Import & Distribution Business), ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Turnkey Engineering Business), ธุรกิจโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นเตอร์ (Telecom Business & Data Center Business) และมูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ (Interlink Hai Jai Foundation) ได้วางแนวทางไว้อย่างเด่นชัด และยังคงตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นหนึ่งในรากฐานการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และทั่วถึง ซึ่งจากผลการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เติบโต ตามเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่องที่มาเหนือความคาดหมายจนถึงปัจจุบันนั้น ด้วยการเติบโตที่ โตเร็ว โตแรง โตทุกธุรกิจ ปัจจุบันก็ยังคงมุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก ด้วยความเชื่อที่ว่า เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และนับเป็นปัจจัยที่สำคัญของแผนการผลักดันธุรกิจที่บริษัทฯ ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยีให้เข้ากับยุคสมัย ทั้งในโลกปัจจุบัน และอนาคต  

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ (11 - 12 ก.ค. 67) นับเป็นการเปิดเผยหลักการ เจาะลึกถึงกลยุทธ์ และวางแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อตอกย้ำให้เห็นภาพชัดของผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ซึ่งวางเป้าหมายหลัก ๆ ของปี 2567 และในปีถัดไป ล่วงหน้าในปี 2568, 2569, และ 2570 ของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ โดยนำมาเล่าให้ฟังถึงแนวทางการเติบโต และการปรับตัวในสภาพแวดล้อมของประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียได้เข้าใจรายละเอียด ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพได้อย่างมีคุณภาพที่ครอบคลุมทุกรอบด้าน ทุกมิติขององค์กร อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างโอกาสอันดีร่วมกัน เพื่อจูงใจให้ทุกท่านเข้าร่วมลงทุน เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนสืบต่อไป นอกจากนี้ ทุกท่านยังได้มีโอกาสร่วมซักถาม และตอบคำถาม โดยมี คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการฯ ที่จะมาให้ข้อมูลอย่างกระจ่างชัด และโปร่งใส รวมถึงเปิดให้ได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น และสร้างสัมพันธ์อันดีให้แก่นักลงทุนร่วมกัน

โดย คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “จากความตั้งมั่นของผม ด้วยการปรับกลยุทธ์ของทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ตามยุทธศาสตร์ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะต้องสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น และต้องลดค่าใช้จ่ายที่เป็นการสูญเสีย เพื่อหนุนให้ทุกธุรกิจดำเนินงาน และขับเคลื่อนไปตามแบบแผน ขานรับกำไร ทำรายได้อย่างเติบโตแบบมีคุณภาพต่อไปในทุก ๆ ไตรมาส ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้ก้าวกระโดดทำกำไรเหนือความคาดหมายสูงเป็นประวัติการณ์ เป็นผลจากความเชี่ยวชาญของทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ที่ทุกท่านสามารถเชื่อมั่นได้อย่างแน่นอนว่า บริษัทฯ ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาสินค้า และอุปกรณ์ รวมทั้งโปรดักส์ต่าง ๆ ที่เราได้รังสรรค์ คิดค้น พัฒนานวัตกรรมใหม่ให้ตอบโจทย์แก่ยุคสมัย และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ยังคงเป็นปัจจัยหลักสำคัญแห่งการสื่อสารถึงกันอยู่เสมอ ตลอดจนยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศร่วมกันทั้ง 3 ธุรกิจ เพื่อกระตุ้นการทำยอดขายที่เพิ่มขึ้น ร่วมกับสร้างกำไรแบบมีคุณภาพ นับว่าเป็นภาพสะท้อนความสำเร็จที่เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ที่ทุกท่านสามารถมั่นใจได้ว่า ในปีนี้ และในอนาคตข้างหน้า จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่เติบโต ขยายกว้าง และมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน อีกทั้ง จะสามารถเติบโตได้ตามที่ตั้งเป้าหมายความสำเร็จไว้ โดยใช้ความสามารถจากการเป็นผู้นำอันดับต้น ๆ ในธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ และความชำนาญในแต่ละธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต ต่อเนื่อง อย่างยั่งยืนแบบมีคุณภาพ ทั้งรายได้ และกำไรสุทธิ ดั่งวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เรา” 

   

 

'บิ๊กปุ้ม' ทอดผ้าป่ามหากุศลกว่า 8 ล้านบาท พัฒนา รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ก้าวสู่ EEC

ที่หอประชุมโรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พล.ร.ต.ดนัย ปานแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ในนามของโรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ จัดให้มีพิธีทอดผ้าป่ามหากุศลขึ้น โดยได้รับเกียรติจากพล.ร.อ.ศิษฐวัชร (บิ๊กปุ้ม) วงษ์สุวรรณ - พลตรีหญิง อรัญยานี วงศ์สุวรรณ ภริยา และพล.ร.อ.ธนะกาญจน์ ใคร่ครวญ - คุณ ปัญชรินทร์ และครอบครัว เป็นประธานร่วมในพิธี มีข้าราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชน ร่วมในพิธีทอดผ้าป่ามหากุศล ในวันนี้เป็นจำนวนมาก

พล.ร.ต.ดนัย ปานแดง กล่าวว่า ขอกราบขอบพระคุณท่านประธานและคณะฯ ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานและร่วมในพิธีทอดผ้าป่ามหากุศลในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เป็นโรงพยาบาลตติยภูมิขนาดใหญ่ ที่ให้บริการสุขภาพแก่ ทหาร ครอบครัว และประชาชนโดยทั่วไป 

ปัจจุบัน ความต้องการด้านบริการสุขภาพ มีความซับซ้อน ต้องอาศัยทรัพยากรและเทคโนโลยีทางการแพทย์มากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพทั้งการตรวจวินิจฉัยและการรักษาพยาบาล ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เจ็บป่วย และมีความทันสมัยทัดเทียมกับสถานพยาบาลในภาคส่วนอื่น ๆ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จึงต้องปรับตัวพัฒนาศักยภาพให้สามารถรองรับความเจริญในภูมิภาคนี้ ที่จะก้าวไปสู่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของภาครัฐ 

ซึ่งต้องอาศัยงบประมาณและทรัพยากรในการดำเนินการที่มากขึ้น การจัดพิธีทอดผ้าป่ามหากุศลในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสมทบทุนพัฒนาโรงพยาบาลและจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้มีความทันสมัย โดยได้รับความเมตตาจาก พระราชวชิรธรรมาจารย์ (สุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด พระครูสมุห์สุชิน ปริปุณโณ เจ้าอาวาสวัดธรรมสถิต และคณะพระเถรานุเถระ อีกจำนวนมาก รวมถึงหน่วยงานภาค ราชการ เอกชน พุทธศาสนิกชน ร่วมกันดำเนินงานและสมทบทุน ทอดผ้าป่ามหากุศลให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ 

รายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว โรงพยาบาลฯ จะนำไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป โดยในวันนี้ มียอดผ้าป่าสามัคคี เป็นจำนวนเงิน 8,021,500 บาท (แปดล้านสองหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยบาท)

ตำรวจไซเบอร์ขยายวงสืบค้นทั่วประเทศ จับกุมขบวนการ 2 เว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ เงินหมุนเวียนมหาศาล ล่าสุดจับอีก 5 บัญชีม้า เป้าหมายจับครบทั้ง 64 ราย และเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีกหลายราย

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) สั่งการขยายผลการจับกุมต่อเนื่อง หลังจากตำรวจไซเบอร์ บก.สอท.3 กวาดล้างเครือข่าย 2 เว็บพนันฟุตบอลรายใหญ่ ที่มีเงินหมุนเวียนมหาศาลกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งได้ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดทั้งขบวนการ จำนวน 64 ราย และสามารถติดตามจับกุมตัวได้จำนวนหนึ่งแล้วนั้น

พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีอย่างไม่ลดละ สืบสวนติดตามจับกุมทั่วประเทศ ไม่ว่าอยู่พื้นที่ใดให้ประสานพื้นที่นำตัวมาดำเนินคดีทุกราย ล่าสุดจากการสืบสวนทราบว่ามีผู้ต้องหาอยู่ในพื้นที่ ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี จึงได้ประสาน สภ.หน้าพระลาน ร่วมติดตามจับกุม ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวได้อีก 5 ราย ได้แก่ นายอัศวินฯ อายุ 50 ปี , นางเล็กฯ อายุ 70 ปี , นายประณัยฯ อายุ 20 ปี , น.ส.ขันหมากฯ อายุ 56 ปี และ นายชัยรัตน์ฯ อายุ 55 ปี เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ารับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจริง โดยได้รับค่าจ้าง 2,000 บาท 

พ.ต.อ.อภิรักษ์ฯ กล่าวว่า ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ บช.สอท.เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปรามจับกุมการลักลอบเล่นพนันออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยูโร 2024 ซึ่งทางด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ได้กำชับสั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ บก.สอท.3 ดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจากปฏิบัติการ SHUTDOWN EURO BET ซึ่งพบว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบมากที่สุดถึงกว่า 1,400 ล้านบาท โดยขณะนี้มีการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวไปจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ บก.สอท.3 จะได้เร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือทั้งขบวนการมาดำเนินคดี และจะมีการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวอีกหลายรายด้วย

พร้อมกันนี้ ฝากเตือนพี่น้องประชาชน หากมีผู้ชักชวนหรือว่าจ้างให้เปิดบัญชี ขอให้ปฏิเสธทันที ไม่ควรเห็นแก่เงินค่าจ้างเพียงเล็กน้อย เพราะหากบัญชีของท่านถูกนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย เจ้าของบัญชีจะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย ในหลายความผิด เช่น ผู้ใดรับจ้างเปิดบัญชี หรือยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัญชีธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรับโอนเงิน หรือรับชำระค่าสินค้าหรือบริการที่ได้มาโดยการกระทำความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ อาจมีความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และอาจมีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน อีกด้วย ซึ่งมีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ

ภ.2 โชว์ผลงาน ...รับลูก สนองนโยบายรัฐบาล เร่งปราบยา ตามที่ ตร.กำชับ ผู้บัญชาการภาค 2 บี้ทีมสืบนครนายก ลุยขบวนการค้ายายึด 4 แสนเม็ด พร้อมของกลางเพียบ

เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.67) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ช่วยราชการ ตำรวจภูธรภาค 2,โฆษกตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า เย็นวานนี้(เวลาประมาณ 17.00 น) ภายใต้อำนวยการของ  พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท่วม ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต. ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 , พล.ต.ต.จักษ์ จิตธรรม ผบก.นครนายก , พ.ต.อ.เผ่าภากร รามนุช รอง ผบก.นครนายก , พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริ ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครนายก , พ.ต.ท.กฤตพงศ์ โรจน์รุ่งศศิธร รอง ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครนายก , พ.ต.ท.สุดเขตต์ บุญญนานันท์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.ภ.จว.นครนายก วางแผนจับกุมขบวนการค้ายาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาจำหน่ายในพื้นที่ตอนใน พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คน จับกุมผู้ต้องหา 5 คน
(1.) น.ส.กิตติยา (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ที่อยู่ 148/1 ม.1 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
(2.)น.ส.ธารทิพย์ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปีที่อยู่ 80/4 ม.1 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
(3.)นางฐานิตา (นามสมมุติ)อายุ 32 ปี ที่อยู่ 15/ช ม.1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 
(4.) นายบรรจง (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ที่อยู่ 166/9 ม.3 ต.ปากแพรก อ.เมืองจ.กาญจนบุรี 
(5.) นายกมล วังแก้ว อายุ 42 ปีที่อยู่ 302/3 ม.3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

พร้อมด้วของกลาง
1.ยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด และได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน 1.รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ้นรีโวร๊อคโค สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ขศ 169 กทม. มูลค่า 1,200,000 บาท
2.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 938 ราชบุรี มูลค่า 800,000 บาท

ซึ่งเป็นความผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้าการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้รับอนุญาต พยายามจำหน่ายยาเสพติตให้โทษประเกท ๑ (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้า การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป 

ผู้ต้องหารับว่าลำเลียงยาบ้ามาจาก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อส่งให้ลูกค้า ได้ค่าจ้างครั้งละ 400,000 บาท ซึ่งทำมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว และได้หยุดไปนานแล้ว และจึงหวนกลับมาทำใหม่ในครั้งนี้ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในครั้งนี้ สถานที่จับกุม บริเวณห้างโลตัสนครนายก ต.บ้านใหญ่ อ.เมือง จ.นครนายก  จะได้ดำเนินการขยายผลถึงขบวนการทั้งหมดทั้งต้นทางและลูกค้าปลายทางและยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top