Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

'อ.นิด้า' ยกข้อความ 'รศ.ดร.เสรี' ไม่ควรกล่าวหาโยนความผิดให้บริษัทใด ชี้!! ทุกรายใหญ่ในปัจจุบัน ต้องเข้มในสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมอยู่แล้ว

(17 ก.ค.67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ้างอิงคำกล่าวของ รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา เกี่ยวกับปมปลาหมอคางดำแพร่กระจาย ระบุว่า...

ไม่มีหลักฐานใด ๆ ทำไมจึงไปกล่าวหาโยนความผิดให้บริษัทที่เขายืนยันการทำงานด้วยความรับผิดชอบของใคร

บางทีคนบางคนอาจจะต้องตั้งคำถามตัวเองนะว่าทำไมจึงมีแนวโน้มที่มักจะมีอคติกับบริษัทยักษ์ใหญ่หลาย ๆ เรื่อง

เวลามีปัญหาสังคมเกิดขึ้น จะกล่าวหาบริษัทยักษ์ใหญ่ทันทีว่าเป็นต้นตอของปัญหาทั้งๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ

บริษัทยักษ์ใหญ่แทบทุกบริษัทเขามีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ทำประโยชน์กับสังคม

แทบทุกบริษัทดำเนินงานตามหลัก ESG คือ Environment, Society, และ Governance เป็นองค์กรเพื่อสังคม (Social Enterprise)

ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ใส่ใจสังคม และมีธรรมาภิบาล

กฟผ. จับมือ ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล พร้อมสนับสนุนการปรับปรุงซ่อมแซมท่าเทียบเรือและสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติเทิดพระเกียรติ รอบเกาะขาม

เมื่อ 16 ก.ค.67 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล พร้อมสนับสนุนการปรับปรุงซ่อมแซมท่าเทียบเรือและสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติเทิดพระเกียรติ รอบเกาะขาม โดยมีพลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธาน พร้อมด้วย นายกอบเดช สีหะเนิน ผู้อำนวยการโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน (อค-ปส.) นายประวิทย์ เลิศโกวิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมระบบส่ง (อวส.) และผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่อำเภอสัตหีบ เข้าร่วมกิจกรรม ณ อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ประธานในพิธี กล่าวว่า อุทยานใต้ทะเล เกาะขาม อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบดูแลโดยทัพเรือภาคที่ 1 ซึ่งทางอุทยานฯ ได้มีการตรวจพบว่า ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” (El Nino) อาทิ ปะการังฟอกขาว โรคปะการังแถบเหลือง การลดลงของสัตว์ทะเล ซึ่งล้วนแต่เกิดจากสภาพอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ทําให้อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดีในพื้นที่อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ยังคงมีวงจรที่เป็นไปตามธรรมชาติทุกๆ ปี นั่นคือ การมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ ในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม ทัพเรือภาคที่ 1 จึงได้จัดกิจกรรมการพัฒนาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ และความสมดุลของระบบนิเวศน์ให้เหมาะสมต่อการดํารงชีวิตของสัตว์ทะเลบริเวณอุทยานใต้ทะเล เกาะขาม รวมทั้งสร้างจิตสํานึกและทัศนคติที่ดีในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ร่วมกิจกรรมฯ และเยาวชนในพื้นที่ อีกด้วย

นายกอบเดช สีหะเนิน ผู้อำนวยการโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน กฟผ. กล่าวว่า เกาะขาม เป็นหนึ่งในเกาะที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ที่มีความสมบูรณ์ของแนวปะการังและยังเป็นแหล่งพักอาศัยของสัตว์ทะเล รวมทั้งพื้นที่บนบกยังมีพันธุ์ไม้หายากนานาชนิด ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเยี่ยมชมความสวยงามและศึกษาธรรมชาติบนเกาะเป็นจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงซ่อมแซมสะพานท่าเรือเกาะขาม สะพานทางเดินและทางเดินขึ้นจุดชมวิวให้มีความแข็งแรงปลอดภัยอยู่ตลอด

ซึ่ง กฟผ. ได้ร่วมดำเนินกิจกรรมสนับสนุนการอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขามมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีแล้ว การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกำลังพลทัพเรือภาคที่ 1 ประชาชนในพื้นที่สัตหีบ รวมถึงการสร้างจิตสํานึกและทัศนคติที่ดีในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเลในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยมีหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย ทัพเรือภาคที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนตำบลแสมสาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี มูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ มูลนิธิรักปะการัง โรงเรียนสัตหีบ เขตกองเรือยุทธการ และโรงเรียนสัตหีบ เขตฐานทัพเรือสัตหีบ

กิจกรรม ประกอบด้วย การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำคืนสู่ทะเล เช่น ปลาการ์ตูน หอยมือเสือ หอยสังข์มะระ และปูม้า เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรสัตว์น้ำในพื้นที่ การเก็บขยะบนบกและใต้น้ำ เพื่อรักษาความสะอาดและความสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมทางทะเล นับเป็นกิจกกรรมที่ สร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อให้มีความสมบูรณ์และยั่งยืนต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี
0909535645

‘Team Falcons’ ผงาดคว้าแชมป์โลก Free Fire รับ!! 10.8 ล้านบาท ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย

เมื่อวานนี้ (16 ก.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘หัวตารางบอลไทย’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“การแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต เกม Free Fire รายการชิงแชมป์โลก Esports World Cup 2024 ที่เมืองริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นการแข่งขันในรอบแกรนด์ไฟนอลส์

ผลปรากฏว่า ‘Team Falcons’ ตัวแทนจากประเทศไทย สร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยม ผงาดคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ ทำไป 106 คะแนน จากการเล่นทั้งหมด 6 รอบ ในรอบแกรนด์ไฟนอลส์

ส่งผลให้คว้าอันดับ 1 ไปครอง พร้อมกับคว้าเงินรางวัล 300,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 10.8 ล้านบาท

ส่วนอันดับสองเป็น EVOS จากอินโดนีเซีย ทำได้ 96 คะแนน และอันดับสาม Miners.gg จากบราซิล ทำไป 90 คะแนน

ทั้งนี้ ในขณะที่ผลงานอีก 3 ทีมตัวแทนจากประเทศไทย Buriram United Esports คว้าอันดับ 4 ทำไป 86 คะแนน

ตามมาด้วย All Gamers จบอันดับ 5 ทำไป 77 คะแนน และ Twisted Minds จบอันดับ 11 ทำไป 38 คะแนน”

‘แนท ไทยพัน’ คว้าแชมป์ ‘MasterChef Australia 2024’  เฉือนชนะคู่แข่งด้วยเมนูอาหารไทย ‘ไส้อั่ว-น้ำพริกหนุ่ม’ 


(17 ก.ค.67) หลังจากสร้างกระแสไวรัลได้อย่างต่อเนื่องถึงการนำเสนอซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยสู่สายตาชาวโลกผ่านรายการ MasterChef Australia 2024 ล่าสุด ‘แนท ไทยพัน’ บาริสต้าสาวไทยในออสเตรเลียคว้าแชมป์รายการเป็นที่เรียบร้อย

ในการแข่งขันรอบสุดท้ายสุดยิ่งใหญ่ ผู้เข้าแข่งขันต้องเผชิญกับความท้าทาย 2 รอบก่อนจะได้รับการตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

สำหรับรอบแรก มีส่วนผสมหลัก 5 ชนิดแสดงอยู่ตรงหน้า ได้แก่ ต้นหอม ยี่หร่า พริกไทยดำ และ ตะไคร้

แนท เลือกที่จะใส่ความเป็นไทยอย่างเมนู ไส้อั่ว-น้ำพริกหนุ่ม ลงไปในเมนู Scotch Egg ซึ่งเป็นที่ถูกใจกรรมการสำหรับไหวพริบในการสร้างสรรค์ของ แนท และให้คะแนนจานนั้นไป 36 เต็ม 40

ในรอบที่ 2 แคลร์ สมิธ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติและผู้บุกเบิกดาวมิชลิน ได้ทดสอบความกดดันของผู้เข้าแข่งขัน 2 คนสุดท้าย ทั้ง แนท และ เปซซา โดยให้เวลา 4 ชม.

ซึ่ง Core-teser เป็นอาหารที่โดดเด่นที่สุดของ สมิธ และเป็นผลงานที่ประณีตสวยงามสำหรับ Malteser ช็อกโกแลตที่เธอโปรดปราน เป็นเมนูชื่อดังของเธอในร้านระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาว

เมื่อกรรมการได้ไปชิมอาหารจานนี้ พวกเขาก็ทึ่งกับสิ่งที่ แนท นำเสนอ

“ฉันหมายถึง เธอมีองค์ประกอบทุกอย่างอยู่ในนั้น...เธอรู้ไหม เธอมีทั้งความว้าว ความสูงของขนม และ ดราม่า” เชฟแคลร์ สมิธกล่าว

อย่างไรก็ตามอาหารจานนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบเมื่อกรรมการพบความผิดพลาดตามมา

“แนท จะได้คะแนนเยอะมากในส่วนของการทำให้มอลต์พองขึ้น เพราะนั่นเป็นเทคนิคที่ยากที่สุดของอาหารจานนี้….แล้วผมก็คิดว่ารสชาติของอาหารทั้งหมดมันค่อนข้างลงตัว แต่ผมเจอเจลาตินชิ้นใหญ่อยู่ในมูสมอลต์ของผม” แอนดี้ อัลเลน เผยถึงอาหารของ แนท

แม้จะมีข้อบกพร่องหลังจากต้องทรหดลุยทำอาหารนาน 4 ชม. ในที่สุดอาหารของ แนท ก็ทำคะแนนไปได้ 35 เต็ม 50 เท่ากันกับ เปซซา แต่มีผลคะแนนรวม 2 รอบอยู่ที่ 71 เต็ม 90 โดย เปซซา ทำคะแนนรวมอยู่ที่ 68 คะแนน

แนท กลายเป็นผู้ชนะของรายการ MasterChef Australia 2024 และรับเงินรางวัลไป 250,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือกว่า 6 ล้านบาท และจะได้ประจำอยู่ใน ร้านอาหาร ALUMNI ของ Crown Melbourne

“นี่มันบ้ามาก รู้สึกเหมือนฝันแต่ไม่ใช่ฝัน มันเพิ่งเกิดขึ้น ฉันเพิ่งชนะมาสเตอร์เชฟ“ แนท กล่าวทั้งน้ำตาแห่งความดีใจ

แนท นับเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ถูกจับตามองอย่างมากตั้งแต่เริ่มเปิดรายการ เธอยังได้รับรางวัล Immunity Challenge ตั้งแต่ครั้งแรก เธอยังได้รับรางวัล Immunity ระหว่างที่ Top 5 ของรายการต้องเดินทางไปฮ่องกงด้วย ซึ่งเธอสร้างสรรค์เมนูของ วิคกี้ เฉิง เชฟมิชลินสตาร์ ในเวอร์ชันที่แทบจะเหมือนกัน

ในปีนี้ แนท ได้สร้างสรรค์เมนูที่ทำเอาคณะกรรมการตื่นตาตื่นใจไม่ว่าจะเป็น ลาบจิงโจ้กับไข่ดอง, แจ่วส้มข้าวจี่ กับ สลัดส้มโอใบชะพลู, เมี่ยงคำ และเมนูสุดท้ายที่ทำคะแนนนำกับไส้อั่วน้ำพริกหนุ่ม

'ปฐม อินทโรดม' บันทึกความจำ ความต่างระหว่าง 'บริษัทจีน-บริษัทญี่ปุ่น' 'จีน' มาดมั่น-ใจป๋า-อย่าต่อรอง 'ญี่ปุ่น' ครองความอ่อนน้อม เหมือนคุยกับญาติ

เมื่อวานนี้ (16 ก.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Pathom Indraroshom' โดย คุณปฐม อินทโรดม ได้โพสต์ความรู้สึกถึงบริษัทจีนและบริษัทญี่ปุ่นในปัจจุบันที่มีโอกาสได้พูดคุยด้วย ระบุว่า...

วันนี้มีคุยเรื่องงานกับบริษัทจีนและบริษัทญี่ปุ่นหลายบริษัทต่อเนื่องกันทั้งวัน เลยอยากขอบันทึกเอาไว้สักหน่อย 

บริษัทจีน: คนจีนรุ่นใหม่มาดมั่นเป็นผู้นำเสนอ เปิดตัวด้วยข้อมูลที่บอกว่าเป็นเบอร์ 1 ในตลาดหลัก ๆ ของโลก ภูมิใจที่นำเสนอว่าบริษัทเขามีสิทธิบัตรหลายพันรายการและมีทรัพย์สินทางปัญญาติดอันดับต้น ๆ ของโลก เน้นสินค้าที่มีลูกเล่นไฮเทคเหลือเฟือ พร้อมสถิติว่าถูกใจคนรุ่นใหม่ ย้ำว่าถ้าไม่จับมือกับเขาเราจะตกขบวน 

บริษัทญี่ปุ่น: คนญี่ปุ่นมาพร้อมคนไทยแนะนำตัวความอ่อนน้อม มีข้อมูลว่าสินค้าของเขาเป็นเบอร์ 1 ในตลาดต่างจังหวัดของไทย ภูมิใจที่นำเสนอว่าทำธุรกิจมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ผูกพันกับคนไทยมาหลายสิบปี สินค้ามีลูกเล่นใกล้เคียงของจีนแต่ดูเรียบ ๆ ไม่หวือหวา ย้ำว่าช่วยกันผลักดันตลาดให้เติบโตไปด้วยกัน

ความรู้สึกเมื่อคุยกับจีน: เขาทำสำเร็จที่จีนและตลาดโลกมาแล้ว เราไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำตามเขาแล้วเราน่าจะสำเร็จได้ไม่ยาก คนนำเสนอก็ป๋าโคตร ๆ ขออะไรให้หมดยกเว้นต่อรองราคา

ความรู้สึกเมื่อคุยกับญี่ปุ่น: สินค้าน่าจะพอขายได้ ไม่หลากหลายแต่ครบถ้วนที่ต้องการ เงื่อนไขทุกอย่างยืดหยุ่นได้หมด เหมือนคุยกับญาติที่พลัดพรากกันไปนาน คุยด้วยแล้วสบายใจ 

อันนี้มาจากบริษัทราว ๆ 1,250 เอ้ย 12 แห่งที่เข้ามานำเสนอพร้อม ๆ กันโดยมิได้นัดหมายนะครับไม่อาจใช้เป็นบรรทัดฐานได้ และไม่นับรวมบริษัทเกาหลีที่ได้คุยเหมือนกันแต่ขอไม่พูดถึงด้วยเหตุผลบางประการ

ตำรวจ ปส. เปิดปฏิบัติการ 'The Black sheep' ไล่ล่าปิดล้อมตรวจค้นจับกุมยึดทรัพย์ 3 เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่

ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ที่หน่วยงานของรัฐต้องร่วมมือกับภาคประชาชน และภาคเอกชน บูรณาการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างจริงจัง และเด็ดขาด ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 90 วัน พร้อมทั้งมีบทลงโทษแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่บกพร่อง ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งผู้ที่เข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. ให้ทุกหน่วยทำงานเชิงรุกในการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่รับผิดชอบ และสืบสวนขยายผลคดียาเสพติดทุกคดีเพื่อจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องทุกระดับ     

ในวันนี้ 17 ก.ค.67 เวลา 08.00 น. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ท.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. รรท.รอง ผบช.ปส, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ,พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. ,พ.ต.อ.วันชนะ บวรบุญ, พ.ต.อ.หญิง บุครา จงรักชอบ, พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน และ พ.ต.อ.ศรีศักดิ์ พรหมบุญ รอง ผบก.ขส.บช.ปส. ได้ร่วมกันเฝ้าติดตามรับฟังการรายงานพร้อมทั้งแถลงผลปฏิบัติการ “The Black Sheep” ซึ่ง บก.ขส.ได้ร่วมกับ บก.ปส.2, บก.ปส.3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 3 เครือข่าย ผ่านระบบกล้อง BodyCam Hytera 

พร้อมโปรแกรม Moniter ณ ห้อง ณ ห้องประชุม ศปก.บก.ขส. ชั้น 8 บช.ปส. สืบเนื่องจาก บก.ข่าวกรองยาเสพติด ร่วมกับ บก.ปส.2 และบก.ปส.3 ได้สืบสวนขยายผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญและนำไปสู่การออกหมายจับผู้สั่งการ จำนวน 3 เครือข่าย ดังนี้

เครือข่ายที่ 1 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สกส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 12,000,000 เม็ด, ไอซ์ 600 กิโลกรัม และ คีตามีน 400 กิโลกรัม ได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ ต่อเนื่อง สถานีบริการน้ำมันเขาทอง (ขาเข้า) ต.ยางตาล อ.โกรกพระ จว.นครสวรรค์ จากนั้น ตำรวจ บก.ขส.ร่วมกับ บก.ปส.3 ทำการสืบสวนขยายผล จนทราบว่า นายปวิตร ปัจจุบัน เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล แห่งหนึ่งใน จ.ตาก เป็นผู้สั่งการให้ลำเลียง ยาเสพติดจำนวนมาก เข้ามาทางชายแดนภาคเหนือ  ทำมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุด ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ นายปวิตร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 389/2567 ข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์และยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการกระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐฯ 

เครือข่ายที่ 2 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มี.ค.67 ตำรวจ บก.ขส.บช.ปส. ร่วมกับ บก.ปส.2 บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 3,000,000 เม็ด ได้บริเวณริมถนนเจนจบทิศ ตำบลเทพาลัย อำเภอคง จว.นครราชสีมา ต่อเนื่อง บริเวณสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ปตท.ดอนหวาย (แยกโนนสูงขาเข้าโคราช) ต.โตนด อ.โนนสูง จว.นครราชสีมา ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พ.ค.67 สามารถจับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 4,980,000 เม็ด ได้บริเวณบ้านเลขที่ 52 ม.2 ต.หนองหลวง อ.เสลภูมิ จว.ร้อยเอ็ด ต่อเนื่อง ปั๊มน้ำมัน ปตท.เสลภูมิ ต.นาเมือง อ.เสลภูมิ  จว.ร้อยเอ็ด และวันที่ 9 มิ.ย.2567 สามารถจับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางยาบ้า 6,200,000 เม็ด ได้ที่ถนนภายในหมู่บ้านโนนหอม หมู่ 2 ต.โนนหอม อ.เมือง จว.สกลนคร จากการสืบสวนสอบสวนขยายผลของ ตำรวจ บก.ขส. และ บก.ปส.2 ทราบว่า ทั้ง 3 คดีดังกล่าว มีนายนพรัตน์ และ น.ส.ฉัตรชนก เป็นผู้สั่งการ และร่วมกระทำความผิด 

โดยการนำรถยนต์ไปบรรทุกยาเสพติด ก่อนจะนำมาส่งต่อให้กลุ่มผู้ต้องหา เพื่อขับรถลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้เครือข่ายต่อไป สำหรับ นายนพรัตน์ ปัจจุบัน เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล แห่งหนึ่งใน จว.นครพนม ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการลักลอบนำเข้ายาเสพติดทุกชนิด ทางชายแดน จว.นครพนม และ จว.หนองคาย เบื้องต้นศาลได้อนุมัติออกหมายจับ 1. นายนพรัตน์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 373/2567 ลง 3 ก.ค.67 2. น.ส.ฉัตรชนก  ตามหมายจับศาลอาญาที่ 372/2567 ลง 3 ก.ค.67 ข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดฯ และสมคบฯ

เครือข่ายที่ 3 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค.67 ตำรวจ บก.สปพ. บช.น. จับกุมผู้ต้องหา 2 คนเครือข่ายอาท ต่ำเอี่ยว พร้อมของกลางยาบ้า 2,000,000 เม็ด , ไอซ์ 249 กิโลกรัม ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตำรวจ บก.ขส. ร่วมกับ บก.ปส.3 ได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า นายกำธรและนายเทิดพงษ์ เป็นผู้สั่งการให้มีการลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ จว.สุพรรณบุรี  ไปยัง จว.ปทุมธานี ล่าสุด ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ 1. นายกำธร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 393/2567 ลง 10 ก.ค.67 และ 2. นายเทิดพงษ์ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 394/2567 ลง 10 ก.ค.67 ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดฯ และสมคบฯ

ภายหลังการสืบสวนขยายผลของทั้ง 3 เครือข่ายข้างต้น จึงเป็นที่มาของการเปิดปฏิบัติการ “The Black sheep” ในครั้งนี้ โดย บก.ขส.และ บก.ปส.2 และบก.ปส.3 บช.ปส. พร้อมหน่วยร่วมปฏิบัติได้แก่ตำรวจภูธรภาค 1, ตำรวจภูธรภาค 4, ตำรวจภูธรภาค 5, ตำรวจภูธรภาค 6, ตชด., เจ้าหน้าที่ ปปส. และกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ร่วมกันลงพื้นที่กำหนดเป้าหมายปิดล้อมตรวจค้นตั้งแต่ 06.00 น. ของวันนี้ (17 ก.ค.67) ในพื้นที่ 6 จังหวัดพร้อมกัน ได้แก่ อ.พบพระ และ อ.แม่สอด จว.ตาก, พื้นที่ อ.แม่จัน จว.เชียงราย, พื้นที่  อ.ธาตุพนม และอ.เรณูนคร จว.นครพนม, พื้นที่ อ.เทพสถิต จว.ชัยภูมิ, พื้นที่ อ.พัฒนานิคม จว.ลพบุรี และ พื้นที่ อ.สามชุก จว.สุพรรณบุรี รวมทั้งสิ้น 17 จุดตรวจค้น เป้าหมายจับ จำนวน 5 หมายจับ ผลการปิดล้อมตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 4 หมายจับ จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 1 คดี 1 คน  พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1,400 เม็ด และ Happy water 20 ซอง ยึดอายัดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบจำนวน 183 รายการ ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 21 รายการ, ทองรูปพรรณ 28 รายการ, อาวุธปืน 3 รายการ, เครื่องกระสุน 40 นัด, รถยนต์ 9 รายการ, เงินสด 471,520 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดอายัดได้กว่า 20,397,900 บาท 

ภายหลังการเปิดปฏิบัติการ พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. กล่าวว่า บช.ปส. ได้ดำเนินการปราบปราม และขยายผลเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในครั้งนี้ได้มีการจับกุมผู้สั่งการที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำแหน่งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล 2 ราย และเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มาเป็นผู้กระทำความผิดเอง โดยการจับกุมจะต้องดำเนินการอย่างรัดกุมและเด็ดขาด รวมทั้งการตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด

นักวิชาการประมง ชี้!! 'หมอคางดำ' หนังม้วนเดิมแบบ 'หมอบัตเตอร์' แนะ!! ถอดบทเรียน ช่วยหยุดแพร่กระจายสัตว์น้ำต่างถิ่นในอนาคต

(17 ก.ค. 67) จากเพจ 'Theerawat Sampawamana' ซึ่งเป็นนักวิชาการประมง ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำ ว่า...

โหนกระแส 'หมอคางดำ'

โลกโซเชียลมีเดียหลายวันมานี้ มีแต่ข่าว สัตว์น้ำต่างถิ่น 'หมอคางดำ' ระบาดไปทั่ว สังคมแตกตื่น ทุกฝ่ายตระหนก!!!

หลายปีก่อนผมเคยเขียนเรื่อง 'ปลาหมอบัตเตอร์' สัตว์น้ำต่างถิ่นอีกตัวที่แพร่ระบาดเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ เมืองกาญจน์ จนปลาพื้นเมืองหลายชนิดลดจำนวนลงอย่างน่าตกใจ

หนังม้วนเดิมครับ 'หมอบัตเตอร์กับหมอคางดำ' พล็อตเรื่องเดียวกันเดี๊ยะ ปฐมบทเหตุแห่งปัญหา ที่มา....ที่ไป!!!

จริง ๆ แล้ว สมัยยังเป็นนักวิชาการประมง ผมไม่มีประสบการณ์ใดๆ เกี่ยวข้องกับปลาหมอคางดำ คืนนี้ขอนอนดึกเสิร์ชหาข้อมูลตามความตั้งใจ เผื่อจะได้ความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์บ้าง

ข้อมูลสำคัญที่ค้นคว้าหาได้ สรุปไว้ประมาณนี้ครับ...

หมอคางดำ เป็นปลาน้ำกร่อย พบทั่วไปตามพื้นที่ป่าชายเลน ถิ่นกำเนิดอยู่ทวีปแอฟริกาฝั่งตะวันตก อยู่ได้ทั้งในสภาวะความเค็มสูงและความจืดสนิท โตเต็มที่รายงานพบขนาดความยาวเกือบๆ หนึ่งฟุต!!!

สืบพันธุ์วางไข่ได้รอบเร็ว โดยธรรมชาติวางไข่บริเวณชายฝั่งน้ำตื้น (ไม่มีรายงานชัดเจนว่าสามารถสืบพันธุ์ในแหล่งน้ำจืดที่ไม่มีเขตติดต่อทะเลได้หรือไม่)

ในสภาวะปกติตัวผู้จะดูแลอนุบาลไข่หลังผสมพันธุ์ในปากในช่วงระยะวัยอ่อน ลูกดก ตายยาก อึด ทน!!!

ประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศแรกที่ประสบปัญหาการรุกล้ำของสัตว์ต่างถิ่นชนิดนี้ มีรายงานพบการแพร่ระบาดหลายภูมิภาคของโลก ทั้งแถบทวีปอเมริกาเหนือ หมู่เกาะฮาวาย ประเทศฟิลิปปินส์ ฯลฯ ส่วนใหญ่หลุดรอดจากการเลี้ยง!!!

งานวิจัยบางส่วนกล่าวถึงผลกระทบเชิงลบ มีรายงานว่าการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วเป็นสาเหตุของความแออัดและส่งผลให้เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่

มักก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจหากหลุดรอดไปยังบ่อเลี้ยงปลา เช่น กรณีฟาร์มเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเลในฟิลิปปินส์

ข้อมูลที่ได้รับจากสื่อต่างๆ ก่อนหน้านี้ ทำให้ผมเข้าใจว่าหมอคางดำกินปลาหรือสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร และเป็นสาเหตุสำคัญทำให้สัตว์น้ำอื่นๆ หมดสิ้นไปจากแหล่งน้ำนั้นๆ

จริงๆ แล้วไม่น่าจะใช่ งานวิจัยที่อ้างอิงได้ ระบุว่าหมอคางดำ ส่วนใหญ่กินซากพืชซากสัตว์ หอยสองฝาขนาดเล็ก ๆ แพลงค์ตอนสัตว์ รวมถึงแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่อยู่บริเวณพืชน้ำหรือรากไม้ ชอบหากินกลางคืนมากกว่ากลางวัน

เพราะมีจุดแข็งหลายข้อ ตามที่กล่าวข้างต้น สัตว์น้ำต่างถิ่นชนิดนี้จึงยึดครองแย่งเจ้าถิ่นเดิมพันธุ์พื้นเมืองตลอดแนวชายฝั่งหลายพื้นที่ได้แบบเบ็ดเสร็จ

เมื่อปราบไม่หมด การสนับสนุนบริโภคคือหนึ่งในมาตรการที่ภาครัฐส่งเสริม

เจ็บแล้วต้องจำครับ การถอดบทเรียนกรณีหมอบัตเตอร์ หมอคางดำ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการจัดการการแพร่กระจายสัตว์น้ำต่างถิ่น…ในอนาคต!!!

'เศรษฐา' ยัน!! ท่องเที่ยวไม่กระทบ ปมสลดเวียดนามดับ 6 ราย เหตุ!! เป็นเรื่องภายในกลุ่มผู้ตาย ไม่สะเทือนความมั่นคงในไทย

(17 ก.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเหตุชาวเวียดนามเสียชีวิต 6 ศพ ในโรงแรมย่านราชประสงค์ ข้อเท็จจริงเป็นการฆ่าตัวตายหรือเป็นการฆาตกรรม ว่า สรุปจริง ๆ แล้วยังต้องคอยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ หรือโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่ผ่าพิสูจน์ศพอยู่ แต่จากการสันนิษฐานเบื้องต้นเป็นเรื่องภายในกันเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของการปล้นทรัพย์ หรือเกี่ยวข้องกับความมั่นคงภายในของเราก็ไม่เกี่ยว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบกับการท่องเที่ยวใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เกี่ยว

เมื่อถามว่า ทราบว่านายกฯ ได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตเวียดนามแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช่ครับ เพราะท่านทราบ ท่านก็มาและตนเองก็ไปด้วย จะได้พูดคุยกันได้ อันนี้เป็นเหตุผลหลักที่เดินทางไป ทั้งนี้ให้ความมั่นใจว่าเราให้ความเป็นธรรมทุกอย่าง อย่างน้อยถ้าเกิดว่าข้อมูลเบื้องต้นบอกมาว่าเป็นอย่างไรเราจะได้แจ้งให้เขาทราบ เพื่อเขาจะได้รายงานให้ญาติพี่น้องของเขาทราบ ไม่อยากให้พี่น้องกังวล จะได้เคลียร์ไปทีละเปราะ ๆ ไป

เมื่อถามว่า เบื้องต้นนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาเมืองไทยประจำหรือเพิ่งมาครั้งแรก นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวขอให้ทางตำรวจเป็นคนบอกดีกว่า เพราะเวียดนามกับไทยพื้นที่ใกล้เคียงกัน เหมือนเราไปสิงคโปร์หรือไปฮ่องกง อย่าเพิ่งไปอะไร รอให้ทางตำรวจแถลงข่าวโดยรวมดีกว่า อย่าจับเอาจุดเล็ก ๆ แล้วไปต่อกันเอง จะทำให้เกิดความสับสน

เมื่อถามว่าเห็นทางตำรวจ สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ลงไปในพื้นที่ด้วยตรงนี้เขาห่วงเรื่องอะไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นธรรมดา เพราะมีคนสัญชาติอเมริกัน 2 คน กับเป็นคนเวียดนาม

ถามอีกว่า เห็นว่าวันเดียวกันนี้จะมีการประชุมรัฐมนตรีพลังงานของรัสเซีย ที่โรงแรมที่เกิดเหตุดังกล่าวจะต้องมีการเปลี่ยนสถานที่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่น่า เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการก่อการร้าย หรือความหละหลวมทางด้านการรักษาความปลอดภัย และคิดว่าทุกอย่างดำเนินการตามปกติ

‘ตำรวจ’ เผย!! 1 ใน 6 เวียดนามดับ เป็นผู้ลงมือวางยา เหตุจูงใจมาจากปัญหาหนี้สิน ก่อนกินยาตายตาม

(17 ก.ค. 67) จากกรณีพบผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาย 3 ราย และ หญิง 3 ราย ภายในห้องพักโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ พื้นที่ สน.ลุมพินี โดยคาดถูกวางยาพิษ ต่อมามีรายงานว่า การเสียชีวิตในครั้งนี้เกิดจากบุคคล 1 ใน 6 ที่เสียชีวิต เป็นผู้กระทำให้คนวางยาทั้งหมด ก่อนจะเสียชีวิตเป็นรายสุดท้าย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ ที่สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เมื่อคืนได้เรียกลูกสาวของ 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำ รวมถึงเรียกสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยแต่ละคนให้การเป็นประโยชน์ ซึ่งตามข้อมูล เชื่อว่ามูลเหตุน่าจะมาจากเรื่องปัญหาหนี้สิน ไม่มีประเด็นอื่น โดยคนก่อเหตุ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นนอกเหนือจาก 6 คนที่เสียชีวิต เพราะการตรวจสอบการเข้าออกห้องนี้ พบว่า มีแค่กลุ่มผู้เสียชีวิตเท่านั้น

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ก่อเหตุวางยาพิษฆาตกรรมภายในโรงแรมหรูดังกล่าว เป็น 1 ใน 6 ศพผู้เสียชีวิตนั้น คือ Ms.SHERINE CHONG สัญชาติอเมริกัน โดยสภาพศพสวมชุดสีเขียว

‘ตำรวจ’ เข้าตรวจ รร.ดัง หลังชาวเวียดนามเสียชีวิต 6 ราย พบ ‘ขวดสแตนเลส’ 2 ใบ เร่งตรวจสอบอย่างละเอียด

เมื่อวานนี้ (16 ก.ค. 67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ได้แถลงรายละเอียดเหตุพบศพนักท่องเที่ยว ชาวเวียดนาม 6 ศพ ในโรงแรมหรู

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่โรงแรม ได้เข้าไปทำความสะอาดห้องพักบริเวณชั้น 5 โดยห้องที่เกิดเหตุต้องทำการเช็กเอาท์ในช่วงบ่าย แต่ไม่ได้เช็กเอาท์จึงทำการตรวจสอบ และพบผู้เสียชีวิต จึงมาแจ้งผู้บริหาร และ สน.ลุมพินี หลังจากนั้น ทีมฝ่ายสอบสวนเข้ามา สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน เข้ามา

โดยพบศพผู้เสียชีวิต 6 คน ในโซนรับแขก 4 คน ห้องนอน 2 คน เป็นเพศชาย 3 คน เพศหญิง 3 คน โดยทั้งหมด เดินทางมาเช็กอินที่โรงแรมไม่พร้อมกัน เดินทางมาวันที่ 13 ก.ค. 1 ชุด และวันที่ 14 ก.ค. อีก 1 ชุด พักอยู่ที่ชั้น 7 ของโรงแรม 4 ห้อง และชั้น 5 อีก 1 ห้อง ทั้งหมด 5 ห้อง แจ้งการจองมา 7 คน แต่เช็กอิน 5 คน แต่พบศพ 6 ราย ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบว่าข้อมูลตรงกัน 5 ราย แต่พบ 6 ราย จากการตรวจที่เกิดเหตุ 4 ห้องในชั้น 7 ต้องเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมเมื่อวานตอนบ่าย โดยได้มีการเก็บกระเป๋าไปรวมไว้ที่ห้องชั้น 5 มีการเดินทางออกไป เพราะบุคคลที่นัดหมายมารับนั้น ไม่พบตัว และทางโรงแรมในเบื้องต้นให้ข้อมูลว่าไม่มีการชำระค่าใช้จ่าย

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่าเชื่อว่าทั้ง 6 คนเสียชีวิตเวลาประมาณ 13.53 น. เพราะเมนูอาหารที่สั่ง มีลักษณะเป็นอาหารจานเดียว 6 จานวางอยู่ในห้องรับแขก และมีถ้วยเครื่องดื่มลักษณะคล้ายการผสมเครื่องดื่มอีก 6 ถ้วย วางอยู่ที่จัดเตรียม 5 ถ้วย และอยู่บนโต๊ะ 1 ถ้วย และมีเศษตกค้างบนถ้วย ทาง พฐ. ได้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ตรงกับผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย

โดยเบื้องต้นไม่พบร่องรอย การชิงทรพย์รื้อค้น ไม่พบบาดแผลที่ปรากฏชัดเจน และข้าวของยังอยู่เป็นปกติ เมื่อแม่บ้านเข้าไปตรวจดูพบว่าประตูถูกล็อกจากด้านใน ซึ่งต้องเข้าไปทางประตูหลังไปเปิด โดยขณะนี้ฝ่ายสืบสวน ตำรวจนครบาล สตม. สรุปแนวทางที่สอดคล้องกัน ได้แก่

1.ต้องตรวจสอบบุคคลที่ 7 ก่อนว่าเดินทางเข้ามาจริงหรือไม่

2.เก็บรายละเอียดทั้งหมดของบุคคลทั้ง 6 คน ผ่านทางสถานทูตและข้อมูลโซเชียลต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนไว้

3.หากบุคคลที่ 7 ไม่มี ต้องหามูลเหตุจูงใจในครั้งนี้

กระเป๋าทั้งหมดที่อยู่ในห้องได้ประสานไปทางสถานทูตร่วมกับตำรวจนครบาล 5 ไปทำการพิสูจน์ร่วมกัน ว่าในกระเป๋ามีอะไรเป็นวัตถุพยานหรือพยานหลักฐานในครั้งนี้ได้ บ่งบอกว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้อง ตอนนี้คือทั้งหมดไม่ได้ทำร้ายตัวเองแต่ถูกคนอื่นทำให้เสียชีวิต

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวต่ออีกว่า ผู้เสียชีวิต เป็นคนเชื้อสายเวียดนามทั้งหมด แต่มีสัญชาติอเมริกาอยู่ในนั้น 2 ราย โดยห้องพักชั้น 7 เปิดเช็กอินวันที่ 13 ก.ค. แต่ห้องพักชั้น 5 เปิดเช็กอินวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งทั้งหมดจะเช็กเอาท์ในวันที่ 15 ก.ค. ทั้งหมด อาหารที่พบในห้องเป็นอาหารไทย และยังไม่มีการรับประทาน ซึ่งเราจะเก็บสิ่งของทุกชิ้นภายในห้องไปตรวจสอบ พร้อมระบุอีกว่า เครื่องดื่มภายในแก้วถูกดื่มทั้งหมด และจากการตรวจสอบในห้องน้ำพบกระปุกชาที่ถูกซื้อมา ลักษณะคล้ายชาอู่หลง พร้อมน้ำเกลือแร่ 1 ขวด น้ำเปล่า 1 ขวด และทั้งสามชิ้นถูกเปิดใช้แล้ว ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน จะนำไปพิสูจน์อีกครั้ง เพราะเสียชีวิตเกิน 24 ชั่วโมง โดยลักษณะสภาพผู้เสียชีวิตไม่มีบาดแผล มีรายเดียวที่มีบาดแผลบนใบหน้าโดยสันนิษฐานว่าน่าจะล้มฟาดโดนวัสดุแข็ง ไม่ถูกทำร้าย

เมื่อถามว่าภายใน 24 ชั่วโมงมีใครเข้าออกในพื้นที่เกิดเหตุหรือไม่ พลตำรวจโทธิติ ระบุว่า ตอนนี้กำลังไล่ดู ตั้งแต่ลงเครื่องบิน กำลังดำเนินการอยู่ แต่ในระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบริเวณนี้ แล้วจะทำไทม์ไลน์ทั้งหมดนำมาสรุปอีกครั้ง และต้องรอผลการตรวจกระเป๋าของผู้ตายทั้ง 6 คน ที่ สน.ลุมพินี ส่วนรายละเอียดทั้งหมด ผบ.สพฐ. จะเป็นคนดูแลเพราะเราจำกัดพื้นที่ทั้งหมดในการเข้าที่เกิดเหตุ เราไม่ได้ตั้งประเด็นว่าเขาถูกวางยา แต่มีบุคคลคนหนึ่ง ประสงค์ที่ทำร้ายชีวิตร่างกาย แต่โดยวิธีการใดนั้น นิติวิทยาศาสตร์จะเป็นคนบอก พร้อมด้วยพยานหลักฐานมาเชื่อมโยงกัน หากสอดคล้องกันก็จะตอบได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และยืนยันว่าไม่มีการประทุษร้าย อีกทั้งจากการตรวจสอบมีบุคคลหนึ่งพยายามเข้ามาที่ประตู แต่มาไม่ถึง เพราะล้มอยู่หน้าประตู 2 ราย เป็นเพศชาย 1 ราย และเป็นเพศหญิง 1 ราย

ส่วนการเปิดประตู เดี๋ยวจะมีการสอบปากคำแม่บ้านอีกครั้ง โดยโซนชั้น 5 เป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งจะมีห้องที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ และก็มีความเป็นไปได้ที่จะใช้เส้นทางนี้ในการหลบหนี แต่ต้องดูต่อว่าทางที่จะเดินมายังลิฟต์มีกี่ทาง โดยมีทางเดียว มิเช่นนั้นต้องกระโดดลงมา ตอนนี้เรากำลังตามหาบุคคลที่ 7 เพราะตัวเลขไม่ตรงกันกับที่เช็กอินไว้ 

ดังนั้นถ้ามาด้วยกันก็ต้องมี ข้อมูลในการเดินทางเข้าประเทศ ที่นั่ง สายการบิน ต้องดูว่าเดินทางเข้ามาจริงหรือไม่ ซึ่งขณะนี้เรายังไม่ตัดประเด็น ต้องมีคำตอบนี้ให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่มี ไม่มีเพราะอะไร และขณะนี้ให้ทางสถานทูตตรวจสอบว่าทำอาชีพอะไรและมีจุดประสงค์อะไรในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย พร้อมสอบปากคำพนักงานที่เข้ามาเสิร์ฟอาหารว่าเห็นความผิดปกติไม่

โดยพบว่าในที่เกิดเหตุมีวัตถุต้องสงสัยสองชิ้น เป็นวัตถุสแตนเลสสองขวด ซึ่งไม่ใช่วัตถุของทางโรงแรม แต่ปรากฏอยู่ในห้อง โดยยังไม่ได้ตรวจสอบเครื่องดื่มด้านใน และจากรูปถ่าย เล็บมือเล็บเท้าของผู้เสียชีวิต มีลักษณะดำคล้ำแต่อาจเกิดจากสาเหตุการเสียชีวิตมาประมาณ 24 ชั่วโมง โดยการชันสูตรพลิกศพครั้งนี้ส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ปิด และขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครติดต่อกับผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 13 ถึง 14 ก.ค. หรือไม่ ตอนนี้ต้องขอสอบปากคำแม่บ้านก่อน หากมีข่าวสารข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาก็ส่งมา

ทั้งนี้จากการตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ใน 6 ศพเป็น make up artist ชื่อดังของเวียดนาม ทราบชื่อ ‘phu Gia gia’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top