Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

สำนักงานตำรวจแห่งชาติปิดศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 ภาพรวมตลอดการแข่งขันจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 4,000 ราย พบเงินหมุนเวียนในระบบเกือบ 2,500 ล้านบาท สั่งเดินหน้าปราบปรามการพนันทุกมิติอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (15 กรกฎาคม 2567) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในห้วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือฟุตบอลยูโร 2024 ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 เพื่อปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบเล่นการพนันทั้งออนไลน์และออนไซต์อย่างเข้มข้น ตลอดห้วงการแข่งขัน โดยมีผลการปราบปรามอย่างเป็นรูปธรรม จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนมาก โดยเฉพาะการพนันออนไลน์พบเงินหมุนเวียนในระบบเกือบ 2,500 ล้านบาท

ภาพรวมผลการจับกุมการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม 2567 แบ่งเป็น 
1. การจับกุมการพนันออนไซต์ สามารถจับกุมผู้ต้องหา 3,191 คน แบ่งเป็น เจ้ามือ 52 คน , ผู้เล่น 3,106 คน และคนเดินโพย 33 คน ยึดเงินสดของกลางได้ 153,544 บาท
2. การจับกุมการพนันออนไลน์ สามารถจับกุมได้ 238 เว็บไซต์ ผู้ต้องหารวม 887 คน แบ่งเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน 151 คน , ผู้เล่น 736 คน พบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 2,485 ล้านบาท ตรวจยึดเงินสดและทรัพย์สินของกลางมูลค่ากว่า 472 ล้านบาท 

ทั้งนี้ เปรียบเทียบสถิติผลการจับกุมการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร ปี 2020 และปี 2024 พบว่ามีการจับกุมการพนันออนไซต์เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ซึ่งจับกุมได้ 1,606 ราย เป็น 3,177 ราย คิดเป็นจับกุมเพิ่มขึ้น 1,571 ราย หรือ 97.82% สำหรับการจับกุมการพนันออนไลน์ สามารถจับกุมเพิ่มขึ้นจากปี 2020 ซึ่งจับกุมได้ 118 ราย เป็น 892 ราย คิดเป็นจับกุมเพิ่มขึ้น 774 ราย หรือ 655.93% ในส่วนของการตรวจยึดเงินสดของกลางเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปี 2020 ตรวจยึดเงินสดของกลางได้ 92 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2024 ตรวจยึดอายัดเงินสดและทรัพย์สินของกลางได้กว่า 472 ล้านบาท คิดเป็นตรวจยึดเพิ่มขึ้น 380 ล้านบาท หรือ 413.04% และปี 2024 ยังพบเงินหมุนเวียนในระบบเป็นจำนวนเงินถึง 2,485 ล้านบาทอีกด้วย

นอกจากนี้ พล.ต.ท.อัคราเดชฯ กล่าวว่า ขณะนี้การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้ปิดศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 แต่อย่างไรก็ตาม การปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทุกประเภททั้งออนไลน์และออนไซต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงสั่งการให้ทุกหน่วยทั่วประเทศเดินหน้ากวาดล้างจับกุมอย่างเข้มข้นต่อเนื่องต่อไป พร้อมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบเบาะแสการลักลอบเล่นการพนัน สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีทางสายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

(สุรินทร์) พลโท อานนท์ เพชรคำ หัวหน้าคณะทำงานด้านกิจการพลเรือน กองทัพบก ตรวจสภาพความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์การช่วยเหลือประชาชน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 25

วันที่ 15 กรกฎาคม  2567 ที่ สโมสรค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ พลโท อานนท์ เพชรคำ หัวหน้าคณะทำงานด้านกิจการพลเรือน กองทัพบก ได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานในด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 25 โดยมี พันเอก จิตรกร  จันทร์สว่าง รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 และคณะนายทหารให้การต้อนรับ มี พันโทหญิง จิตรวรรณ สิงห์ทอง รองหน้ากองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 25 กล่าวรายงาน

โดย มณฑลทหารบกที่ 25 มีพื้นที่รับผิดชอบ 2 จังหวัดคือ จังหวัดสุรินทร์ และ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งหน่วยได้ร่วมกับส่วนราชการ ทั้ง 2 จังหวัด บูรณาการกำลังเครือข่ายทุกภาคส่วน โดยสนับสนุนและขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน ในการช่วยเหลือประชาชน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้อย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในพื้นที่ รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยได้นำนโยบาย ข้อสั่งการ ของผู้บังคับบัญชามายึดถือ และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด พลโท อานนท์ เพชรคำ หัวหน้าคณะทำงานด้านกิจการพลเรือน กองทัพบก ได้ตรวจสอบความรู้ความสามารถของกำลังพล ว่ากำลังพลขาดแคลนและมีความรู้หรือไม่ ยุทโธปกรณ์ที่ได้รับมีขีดความสามารถหรือขาดแคลนเครื่องไม้เครื่องมืออะไรบ้าง การบริหารจัดการ มีการบูรณาการฝึกร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอย่างไร ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ฝากเน้นในเรื่องอุปกรณ์ ที่เซฟร่างกายของผู้ปฏิบัติงาน โดยท่านได้กำชับเพิ่มเติมในเรื่องของเสื้อชูชีพ เชือกและที่จุดไฟ เพื่อป้องกันผู้ปฏิบัติงานให้ปฏิบัติงานได้อย่างปอดภัย และพร้อมที่จะสนับสนุนอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

ปุรุศักดิ์  แสนกล้า ข่าว/ภาพ

‘นักเรียนไทย’ เจ๋ง!! คว้า 4 เหรียญรางวัล เวทีชีววิทยาโอลิมปิก ประเทศคาซัคสถาน

(15 ก.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Prasit Futrakul’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

นักเรียนไทยสร้างชื่ออีกแล้ว....!!!

นักเรียนไทยสร้างชื่อให้ประเทศไทยในวงวิชาการระดับโลกอีกครั้ง เมื่อสามารถคว้า 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง เวทีชีววิทยาโอลิมปิกจากคาซัคสถาน ได้แก่…

- นายฆฤต โชติวรรณพร โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ เหรียญทอง
- นายศุภกร เล่งเวหาสถิตย์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครปฐม เหรียญเงิน
- นายศรัณย์ อยู่ร่วมใจ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครปฐม เหรียญเงิน
- นายชญาณ์ชนญ์ เจียมเวชวิทยาภร โรงเรียนกำเนิดวิทย์ จังหวัดระยอง เหรียญทองแดง

‘รวมไทยสร้างชาติ’ คิกออฟโครงการ ‘เลือดรวมไทย’  ชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปัน 23 ก.ค.นี้

(15 ก.ค.67) พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดโครงการ ‘เลือดรวมไทย’ ถวายในหลวง 72,000 ซีซี โดยขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ณ โรงเรียนสามเสนนอก กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 23 กรกฎาคม นี้

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายยอดรับบริจาคฯ โลหิตจำนวน 72,000 ซีซี เพื่อสำรองใช้ยามฉุกเฉิน โดยผู้บริจาคโลหิตจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปัน อันเป็นแบบอย่างที่ดีของการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอีกด้วย

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จะจัดหน่วยเคลื่อนที่มารับบริจาคโลหิต ในวันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุมครองราชย์ 60 ปี โรงเรียนสามเสนนอก เขตดินแดงกรุงเทพมหานคร

ทางพรรคฯ ขอเชิญชวนผู้ที่จะมาร่วมบริจาคทุกท่าน ร่วมกันแต่งกายด้วยเสื้อเหลือง ตราสัญลักษณ์ฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ

'กสทช.' เผย!! ผลยืนยันตัวตนซิมมือถือ พบมีผู้ที่ถือครองซิมสูงสุดหลักหมื่นเบอร์ ส่วนใหญ่เป็นผู้ค้ารายย่อยและผู้จำหน่ายปลายทางที่จะนำซิมไปขายต่อ

(15 ก.ค. 67) พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานอนุกรรมการบูรณาการแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐ พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง ประชุมติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ โดยมี 4 เรื่องหลัก 

ประเด็นแรก การดำเนินการตามประกาศ กสทช. เรื่อง การยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ด 6-100 เลขหมาย ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 พบว่า มีผู้ที่ลงทะเบียนยืนยันตัวตนทั้งหมด

ข้อมูลล่าสุดสำหรับ ผู้ที่ถือครองซิม 6-100 เลขหมาย มีผู้มาลงทะเบียน 1,839,934 เลขหมาย โดยจะเริ่มทยอยระงับการใช้งานในกลุ่มนี้อีกจำนวน 2,141,317 เลขหมาย คือ ระงับการโทรออก / การส่งข้อความ และการใช้อินเทอร์เน็ต แต่ยังคงรับสายโทรเข้าได้อีกระยะหนึ่งก่อนถูกเพิกถอน คาดว่า 2-3 สัปดาห์หลังการระงับจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมากมายืนยันเพิ่มเติม

ส่วนกลุ่มผู้ที่ถือครองซิมตั้งแต่ 101 หมายเลขขึ้นไป มีผู้มาลงทะเบียน 3,982,283 เลขหมาย โดยถูกระงับการใช้งานไป จำนวน 1,096,000 เลขหมาย ดังนั้น ซิมที่เปิดใช้โดยไม่มีการลงทะเบียน หรือ ลงทะเบียนด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน และคาดว่าอยู่ในความครอบครองของแก็งคอลเซ็นเตอร์ก็จะถูกกำจัดออกไป

“ผลการดำเนินการพบว่า มีผู้ที่ถือครองซิมสูงสุดอยู่ที่หลัก 10,000 เลขหมาย ส่วนใหญ่เป็นผู้ค้ารายย่อยและผู้จำหน่ายปลายทางซึ่งจะนำซิมไปจำหน่ายต่อ” พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร กล่าว

ประเด็นที่สอง การตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนซิมการ์ด Mobile Banking กับบัญชีธนาคารว่าเป็นของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ขณะนี้ กสทช. ได้รับข้อมูลจากธนาคารทั้ง 21 แห่งผ่านทาง ปปง. แล้ว จำนวน 113,568,836 บัญชี คิดเป็น 79 ล้านเลขหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบแยกเครือข่าย

ก่อนส่งให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละราย ตรวจเปรียบเทียบ ว่าเจ้าของซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ กับเจ้าของบัญชีธนาคารนั้น ๆ เป็นของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ จากนั้น กสทช. จะรวบรวมส่งกลับให้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งผ่านทางระบบของ ปปง. เพื่อดำเนินการต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในกำหนด

ประเด็นที่สาม มาตรการกำจัด เสา สาย กระจายสัญญาณโทรคมนาคมเถื่อน กสทช. ร่วมกับ สตช. กวาดล้างจับกุมผู้ลักลอบติดตั้งเสาส่งสัญญาณเถื่อน ตามแนวชายแดน เอื้อกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย 29 ราย และตรวจสอบสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่และเสาสัญญาณของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ตรวจสอบทิศทางการกระจายสัญญาณบริเวณชายแดน ออกมาตรการตรวจสอบเข้มข้น

โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 ราย ผลการดำเนินการในพื้นที่ 5 จังหวัด 7 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.แม่สาย อ.เชียงของ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และ อ.เมือง จ.ระนอง มีสถานีวิทยุคมนาคมที่ให้บริการโทรคมนาคมเข้าข่ายและมีการดำเนินการแล้ว ดังนี้ ระงับสัญญาณ 465 จุด, ปรับทิศทางสายอากาศ 470 จุด และรื้อถอนสายอากาศ จำนวน 179 จุด นอกจากนี้ กสทช. ได้มีหนังสือแจ้งเพิ่มเติมพื้นที่บริเวณชายแดนที่มีความเสี่ยงใน อ.แม่ระมาด อ.พบพระ จ.ตาก อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์

ประเด็นสุดท้าย แถลงผลตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อนที่ไม่ได้อนุญาตจาก กสทช. จับกุมผู้ต้องหา และยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากในพื้นที่เขตสวนหลวง และเขตวัฒนา เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยตรวจยึดของกลางได้ 18 ประเภทรายการ มากกว่า 6,000 ชิ้น รวมมูลค่าของกลางมากกว่า 12 ล้านบาท เป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคม ในข้อหา มี ใช้ นำเข้า และค้า 

ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยตรวจยึดของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ มาตรการกำจัดซิมผีบัญชีม้า โค่นเสาสัญญาณเถื่อน และตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมายดังกล่าว เป็นการทำลายปัจจัยสำคัญ ในการก่ออาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างเป็นรูปธรรม จะเห็นได้จากการไหลทะลักเข้ามาของอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียม Starlink ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง คาดว่าคนร้ายเริ่มปรับตัว

‘ปลาหมอคางดำ’ บุก!! ‘กทม.’ โผล่ระบาดแล้ว 3 เขต ล่าสุดพบชาวบ้านแห่จับ หลังลอยเกลื่อนบึงมักกะสัน

(15 ก.ค. 67) จากกรณีปัญหา ‘ปลาหมอคางดำ’ ซึ่งล่าสุดแพร่พันธุ์กระจายเข้ามาในพื้นที่ กทม.แล้ว 3 เขต โดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เขตบางขุนเทียน โดยพบว่าแพร่ระบาดมาจากจังหวัดสมุทรสงคราม

สำหรับในพื้นที่กทม. ที่พบ ‘ปลาหมอคางดำ’ ในขณะนี้ คือ เขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ และบางบอน ซึ่งมีการแพร่ระบาดเข้ามาของปลาหมอคางดำที่แพร่พันธุ์ได้เร็วมาก

ล่าสุดวันนี้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพ ‘ปลาหมอคางดำ’ จำนวนมาก โดยมีการระบุว่าเป็นบริเวณบึงพระราม 9 ซึ่งเพจ อีซ้อขยี้ข่าว3 ได้นำภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ พร้อมระบุข้อความว่า “ชาวบ้านแห่จับปลาหมอคางดำที่น็อกน้ำ แถวบึงมักกะสันฝั่งขาออกประชาสงเคราะห์”

ทัวร์ลง!! ‘ยูทูบเบอร์ดัง’ หลังแสดงออกผิดหวังที่เห็นลาซา (ทิเบต) เจริญ ฟากชาวเน็ตไทย-จีน รุมสอนประวัติศาสตร์ ‘ทำไมทิเบตควรพัฒนาก้าวหน้า’

จากกรณีช่องยูทูป ‘Pigkaploy’ ผู้ติดตามกว่า 1.43 ล้าน ได้โพสต์วิดีโอชื่อ “ทิเบต เที่ยวเองไม่ได้? นครลาซา เมืองหลวงหลังคาโลก I #soloไทยสู่หิมาลัย D18” พร้อมเขียนแคปชันวิดีโอว่า…

“24 ชั่วโมงแรก ในนครลาซา ศูนย์กลางของทิเบต หนึ่งในเมืองที่สูงที่สุดในโลก 3650 เมตร!...

“กับสถานที่ที่ต้องไปเมื่อมาถึง อย่างพระราชวังโปตาลา วังโบราณกลางหุบเขา ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง ที่ทุกจุดแฝงไปด้วยเรื่องราวในอดีต รวมไปถึงวัดโจคัง วัดศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดของชาวทิเบต ถนนบาคอร์ จัตุรัสคนเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนเดินทางมาแสวงบุญ และมีตลาดขายสินค้าโบราณ ของแปลกที่ไม่คิดว่าจะเจออย่าง กะโหลกมนุษย์!!...

“ภาพจำของทิเบตในแบบฉบับของทุกคนเป็นยังไง พอได้ดูคลิปนี้แล้วจะเป็นเหมือนที่คิดไว้มั้ย
เดินทางไปสัมผัสพร้อม ๆ กับเรานะคะ”

หลังจากเผยแพร่วิดีโอไปได้ไม่นาน ก็เกิดกระแสตอบโต้อย่างรุนแรงจากทางโซเชียลจีน ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Chorunchun Tou Kuntapinta’ ก็ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีนี้ โดยระบุว่า…

“#คลิปทิเบตน้องพลอยในยูทูปเจอทัวร์จีนลงฉ่ำ
#แถมสอนประวัติศาสตร์จีนทิเบต ก้อนเบ้อเร่อ..

เพราะ ..เหตุเดียวในคลิป ที่ #พลอยพูดทำนองว่า "ผิดหวังที่เห็นลาซาเจริญและเปลี่ยนแปลงไม่เหมือนที่คิดไว้"

#กูว่าละ อินฟูไทยหัวใจฝรั่ง...ไปเขตอ่อนไหวของเขาทีไร แม่งทุกคนเลย!! ที่กำไม้บรรทัดของตัวเองจากตะวันตกไปด้วยเสมอ...บางทีก็สมควร…โดนแบบนั้นแหละ 55555

ดูคนไม่ดังเท่าไร #คนไทยไปทิเบตของแท้ดีกว่า...
แล้วจะรู้ว่า #ทำไมทิเบตจึงสมควรได้รับการพัฒนาให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป!!!

ผมอยู่เกิน 3 วันไม่ไหว? #หมู่บ้านทิเบตจีนที่โคตรชนบท
#ขอบคุณมากๆคับผม!!
📌  https://www.youtube.com/watch?v=vJofcqZbanU

พร้อมระบุในคอมเมนต์ต่ออีกว่า “คลิปพลอยเดินทางต้นๆ #คนจีนชมชอบมากนะ ก่อนเข้าลาซาอ่ะ คลิปน้อง ดังใน #โต่วอิน ตั้งแต่เข้าฉงชิ่งละ..คนจีนแห่กรูกันเข้ามาชมเยอะมากเลยนะ.. ในยูทูปเนี่ย...ให้กำลังใจเลย ต้อนรับอย่างดีเลย.. #พลาดไปนิสสสสส... Ep. นี้แหละ..”

ทั้งนี้ จากความเห็นชาวเน็ตไทย-จีน ได้คอมเมนต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งมีอยู่หลากหลายมุมมองกับวิดีโอดังกล่าว ดังนี้…

>> น้องพลอย หากไปเมืองจีน และไปในบางพื้นที่ เช่น ทิเบต ซินเจียงอุยร์กู มาเก็า ฮ่องกง และใต้หวัน อันนี้ อย่าไปเอาเฉพาะข้อมูลที่ตะวันตกเขียนขึ้นมานำเสนอครับ คนจีนกว่าพันล้านคนเขาไม่น่าจะชอบแน่นอน เนื่องจากจีนเขาก็ถูกชาติตะวันตกมาล่าอาณานิคมรุกรานเขาเหมือนกันในอดีต เช่นในสงครามฝิ่น กับอังกฤษ เป็นต้น คนจีนเขาเป็นคนชาตินิยมสูง เพราะมีประวัติศาสตร์ประเพณีที่ยาวนานหลายพันปี เขาเลยแค้นมาจนถึงปัจจุบันกับชาติตะวันตก อันที่จริงชาติตะวันตกทำไม่ดีกับคนทั้งโลกไว้มาก เนื่องจากมีลักษณะการล่าอาณานิคมไปทั่วทั้งโลกเพื่อยึดครองและเอาทรัพยากร ชนิดทั่วทุกทวีปโดนมาหมด เหมือนในทวีปอเมริกา ทั้งเหนือทั้งใต้นี้ ชาวพื้นเมืองอินเดียแดง แทบสูญพันธุ์กันเลย ส่วนลักษณะการปกครองของตะวันตกต่ออาณานิคมที่ยึดมาได้และเขายังใช้มาจนถึงปัจจุบันคือ การแบ่งแยกเพื่อปกครองไม่ให้รวมกัน โดยทำให้แตกแยก เพื่อง่ายแก่การปกครอง 

อันนี้บางประเทศที่เคยโดนยึด และยังไม่ถูกตะวันตกกลืนไปทั้งหมด เขาจะแค้นเอามาก ๆ อันที่จริงประเทศที่ควรจะแค้นพวกตะวันตกแบบสุด ๆ เพราะทำให้ประเทศถูกแบ่งแยกและถูกยึดพื้นที่ไปกว่าครึ่ง ก็คือสยาม หรือไทยนี่แหละ ที่ถูกตะวันตกแบ่งแยกดินแดนไปกว่าครึ่ง เช่นเสียลาว เขมรให้
ฝรั่งเศส เสียไทยบุรี กลันตัน ตังกานู และตะนาวศรีให้อังกฤษ เป็นต้น 

อันนี้เมื่อศึกษาประวัติศาสต์ให้ดี ๆ แล้ว ก็จะไม่แปลกใจว่า ทำไมคนจีนเขาก็คงไม่ค่อยชอบพวกชาติตะวันตก ฉะนั้นคนเอเชียที่ทำได้ คือควรเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีจากตะวันตกให้ทันเพื่อไม่ให้เสียเปรียบอีก

ส่วนอย่างอื่นของตะวันตกอันไหนดีก็ควรเอามา แต่อย่าไปทำตามทุกเรื่องโดยทิ้งอัตลักษณ์ของตนเองไป เช่น ในทิเบต ที่ทุกอย่างมันก็ยังมีเหมือนเดิมนั่นล่ะ แค่มันเจริญขึ้นเพราะจำเป็นต้องมีสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาเท่านั้นเอง

>>สรรพสิ่งใด ๆ ล้วนเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง อะไรที่หยุดนิ่งก็คือตายไปแล้ว ทำไมต้องคิดว่าทิเบตจะต้องอยู่แบบเดิม ๆ เขาเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ขนาดเมืองไทยก็ยัง เปลี่ยนไปมาก หลายสิ่งก็ไม่เหมือนเดิม

>>ที่จริงแล้วทิเบตไม่ใช่ว่า เพิ่งจะมาพัฒนา หรือ เปลี่ยนแปลงในเร็ว ๆ นี้นะ ผมไปมาเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วก็เจริญ และพัฒนาแบบนี้แล้ว ในเมืองหลวง ลาซา มีห้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกแทบทุกอย่าง ระบบการคมนาคม รถเมล์ใหม่และสะอาดกว่าเมืองไทยอีก (ย้ำว่าเมื่อ เกือบ 10 ปีที่แล้ว) ระบบการสื่อสาร internet wif ก็ถือว่าดี ในห้างและในโรงแรมที่อยู่ ห้องน้ำก็สะอาด ส่วนห้องน้ำนอกเมืองก็ตามสภาพ ผมดูมาหลายช่องแล้ว youtuber อีกช่องมาทิเบต ไปเที่ยว เมืองหลวงลาซา แล้วทำหน้าตาท้อแท้ แบบผิดหวัง แสดงอารมณ์ดราม่าคืองงว่า คุณกำลังคาดหวังอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดาของโลก ขนาดเมืองสิบสองปันนายังพัฒนาเลย อยากให้เที่ยวด้วยทัศนคติที่มีความสุขมากกว่า เที่ยวอย่างมีความสุขดีกว่า อย่างน้อยก็คือการได้ไปสัมผัสบ้านเมืองเค้าซึ่งก็ถือว่าแปลกตา กลายเป็นว่าคลิปนี้ดูสีหน้า อารมณ์ อึน ๆ แปลก ๆ ไป ไม่สดในเหมือนทุกคลิป ที่ผ่านมา ดูดราม่าไป

>>ถ้าทิเบตไม่พัฒนาก้าวหน้าก็อาจจะมีคาถาที่ชั่วร้ายกว่าเมืองไทยหลายร้อยเท่า ฉันมีเพื่อนชาวทิเบตและพวกเขาก็กินดีอยู่ดี ขณะเดียวกันพุทธศาสนาในทิเบตก็ยังรักษาสิ่งดี ๆ ไว้ ในชีวิตปัจจุบันผู้คนมีความเจริญรุ่งเรื่องและสังคมมีความสามัคคี

>>หากคุณสนใจทิเบตจริง ๆ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ คุณสามารถบริจาคเงินหรือทำงานเป็นครูในทิเบตได้สักสองสามปี

>>ไม่เคยได้อ่านเรื่องของทิเบตจริงจังมาก่อน พอได้มาอ่านคอมเมนต์ของชาวจีนเลยพยายามหาข้อมูล แต่พบว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของชาวทิเบตน้อยมากในภาษาไทย ส่วนที่เป็นภาษาอังกฤษก็มักจะเป็นข่าวการเมืองมากกว่า ทำให้ได้เรียนรู้ว่าการที่เราไปท่องเที่ยว เห็นสิ่งต่าง ๆ สวยงาม ก็เป็นเพียงมุมหนึ่ง แต่ในมุมของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น เค้ามีเรื่องราว มีอารมณ์ความรู้สึกทั้งด้านดีและไม่ดี ผ่านกาลเวลามายาวนาน การที่เราจะชื่นชมหรือวิพากษ์วิจารณ์ควรทำด้วยความใส่ใจ ระมัดระวัง เสมือนเราไปหาเพื่อนที่บ้าน นอกจากต้องอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมแล้ว ก็ต้องระวังไปรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวทางจิตใจของเขาด้วย

>>พัฒนาไปแบบไหนถึงจะดี? ถ้าสงสัยก็ต้องถามชาวบ้าน พื้นถิ่นจริง ๆ สักหลาย ๆ คนหลาย generation ดูครับ ว่าเค้าคิดอย่างไร อยากไปแนวไหน อนุรักษ์มาก ๆ หรือก้าวหน้ามาก ๆ หรือรักษาสมดุล และที่เป็นอยู่มันสมดุลมั้ย? บางครั้งความคิดเราความอยากของเราที่อยากให้มันเป็นแบบที่เราจินตนาการไว้เพื่อตอบสนองความ romantic หรือความ advenger ในใจเราก็ดูจะเป็นการเอาเปรียบ
และกดขี่ผู้คนท้องถิ่นที่อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้น พัฒนามากขึ้น ปลอดภัยขึ้น อย่างที่เราและมนุษย์เกือบทุกคนอยากได้และต้องการก็ได้นะครับ

>>คนจีนเข้ามาเมนต์เยอะมาก อ่าน ๆ ดูจับใจความได้ว่า เขาค่อนข้างผิดหวังที่น้องพลอยหรือคนไทยมองว่าทิเบตถูกจีนเปลี่ยนให้เจริญนั้นไม่ดี อยากให้ทิเบตเป็นแบบเดิม ๆ แต่เขาบอกว่าก่อนจีนเข้ามาพัฒนา ทิเบตในสมัยก่อนที่ลามะปกครองนั้นคือสังคมทาสเต็มรูปแบบที่โหดร้าย มีการบูชายัญการปฏิบัติทางศาสนาที่งมงายมาก ๆ ของพุทธศาสนานิกายนี้ของทิเบตนี้ เขาผิดหวังที่คนไทยมาแล้วโหยหาภาพเก่า ๆ ที่เราไม่ได้รู้จักจริง รู้ผิด ๆ จากสื่อตะวันตกมา

>>แนะนำให้แอดมินช่องตัดส่วนความคิดเห็นของน้องพลอยออกไป หรือแม้แต่ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ด้วยครับ เพราะต่อให้ข้อมูลมีความเป็นสากลแค่ไหน ถูกหรือผิดอย่างไรก็จะมีปัญหากับคนที่ชอบหรือไม่ชอบอยู่ดี เสี่ยงต่อการถูกกดรายงานด้วยครับ ด้วยความห่วงใยจริง ๆ

>>สิ่งที่พลอยกับเบนซ์ต่างกันคือ เบนซ์เที่ยวคือเที่ยวไปแบบเทน้ำออกจากแก้วเลยไม่พยายามยัดความรู้ให้คนดู สังเกตหลายคลิปแล้ว แต่กับพลอยไม่ใช่ ชอบพลอยเที่ยวแบบเดิม ๆ พยายามถ่ายสถานที่สวย ๆ เยอะ ๆ ความรู้ให้คนดูไปหาเอาเองดีกว่า 

>>ถึงชาวจีนทุกคน เจ้าของช่องไม่ได้มีเจตนาที่จะดูหมิ่นประเทศของคุณ มันเป็นเพียงคลิปการผจญภัยของเขาโปรดเข้าใจด้วยค่ะ

>>หน้าปกของวิดีโอเกี่ยวกับการเดินทางในจีนมี ธงชาติจีน แต่หน้าปกของวิดีโอเกี่ยวกับทิเบตไม่มี
ธงชาติจีน นี่เป็นการกระทำโดยตั้งใจและแสดงให้เห็นว่าเธอไม่รู้ว่าทิเบตเป็นของจีน (คอมเมนต์ชาวต่างชาติ)

>>คุณคิดว่าคนจีนแยกไม่ออกระหว่างความผิดโดยไม่ตั้งใจกับการบิดเบือนโดยเจตนาหรือไม่ (คอมเมนต์ชาวต่างชาติ)

>>ฉันยังสามารถพูดได้ว่าเชียงใหม่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย และภูเก็ตก็ไม่ใช่เช่นกัน (คอมเมนต์ชาวต่างชาติ)

>>นี่ไม่ใช่ความผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นการจงใจใส่ร้าย เธอไม่ให้เข้าเมือง คนจีนเป็นมิตรกับเธอ
มาก แต่เธอก็เหมือนงูพิษที่ชาวนาช่วยชีวิตไว้! (คอมเมนต์ชาวต่างชาติ)

>> ฉันเป็นคนจีนและเชื่อว่าพลอยไม่มีเจตนาร้าย แต่ข้อมูลที่ทีมผลิตวิดีโอรวบรวมไว้นั้นไม่ถูกต้อง ฉันยังกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของจีน พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับอารมณ์เชิงลบที่สร้างโดย CCP มาเป็นเวลานานและเชื่อว่าทั้งโลกกำลังมุ่งเป้าไปที่จีน ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความต่ำต้อยและความเย่อหยิ่ง แต่พวกเขาลืมไปว่าการมองโลกในแง่ดีเป็นวิถีแห่งการเป็นที่นิยม ประชาชนควรเป็นเช่นนี้ และควรเป็นเช่นเดียวกับประเทศหนึ่ง (คอมเมนต์ชาวต่างชาติ)

‘แอร์พอร์ตเรลลิงก์’ ไฟเขียว!! ผู้โดยสารพา 'สุนัข-แมว-นก-ปลาฯ' ขึ้นขบวนได้ แต่มีเงื่อนไข น้องๆ ต้องไม่ออกมารบกวนผู้อื่น เจ้าของดูแลใกล้ชิด

(15 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าเอรา วัน ซิตี้ไลน์ หรือแอร์พอร์ตเรลลิงก์ พญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ ประชาสัมพันธ์ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ได้เปิดบริการ Pet Travel Service ให้ผู้โดยสารสามารถนำสุนัข แมว นก และปลาเลี้ยงสวยงาม เดินทางไปกับขบวนรถได้ ตามวันและเวลาที่กำหนด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยงจะต้องโดยสารในตู้รถไฟสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางกับสัตว์เลี้ยงเท่านั้น

โดยในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยงสามารถเดินทางได้ในช่วงเวลา 10.00 ถึง 15.00 น. และ 20.00 ถึง 24.00 น.เท่านั้น ส่วนวันเสาร์และวันอาทิตย์ สามารถเดินทางได้ตลอดเวลาทำการ ตั้งแต่เวลา 05.30 ถึง 24.00 น. แต่หากมีกิจกรรมพิเศษ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเวลาทำการสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะทำการแจ้งให้ผู้โดยสารทราบล่วงหน้าต่อไป

ชนิดของสัตว์เลี้ยงที่อนุญาตให้นำเข้าระบบรถไฟฟ้า ได้แก่ สุนัข แมว ปลาเลี้ยงสวยงาม และนกเท่านั้น โดยผู้โดยสาร 1 รายสามารถเดินทางกับสัตว์เลี้ยงได้ 1 ตัว หรือถุงใส่ปลาเลี้ยงสวยงาม 1 ถุง หรือกรงสำหรับใส่นก 1 กรง (อย่างใดอย่างหนึ่ง) เท่านั้น

โดยระหว่างอยู่ในระบบโดยสาร สัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขและแมวจะต้องอยู่ในกรง หรือเป้สะพายที่ปิดมิดชิด และไม่สามารถนำออกมาภายนอกได้ โดยน้ำหนักของสัตว์เลี้ยงไม่ควรมีน้ำหนักเกิน 10 กิโลกรัม ภายในกรงหรือเป้ขนาดไม่เกิน กว้าง 35 x ยาว 56 x สูง 36 เซนติเมตร

และระหว่างการเดินทาง ผู้โดยสารจะต้องถือหรืออุ้ม กรง หรือเป้สะพายที่ปิดมิดชิดของสุนัข แมว หรือถุงใส่ปลา หรือกรงใส่นกตลอดการเดินทาง และห้ามวางกรงหรือถุงดังกล่าว บนที่นั่งสำหรับผู้โดยสารโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้กีดขวางทางของผู้โดยสารท่านอื่น

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ Era One Call Center โทร. 0-2091-1595 ตั้งแต่เวลา 06.00 ถึง 20.00 น. ของทุกวัน

‘ฝรั่ง’ ชื่นชม!! ‘น้ำใจคนไทย’ หลังลืมมือถือไว้บนแท็กซี่ ช่วยตามคืนจนเจอ พร้อมทำให้ฟรี ไม่ยอมรับสินน้ำใจ

(15 ก.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Jo Montanee' โดยคุณโจ มณฑานี ตันติสุข ดีเจ พิธีกร นักวิจารณ์ นักเขียนและวิทยากรชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“Danthomtravel เจ้าของช่อง TikTok ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย ถึงกับทำคลิปประกาศให้โลกรู้ว่าคนประเทศนี้เป็นคนดีมีศีลธรรมเพียงใด และควรนำมาเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนในประเทศตะวันตกที่เขาจากมา

คุณแดนลืมมือถือไว้ในรถแท็กซี่ คิดว่าหายแน่แล้ว แต่พี่ ๆ ที่อยู่ข้างหลังเขาเห็นเหตุการณ์เลยวิ่งรถไปตามคืนจนเจอ (น่าจะวินมอเตอร์ไซค์มั้ย?)

ที่แดนปลื้มจนต้องเอามาทำคลิปชื่นชม ก็เพราะพี่ ๆ ไม่ยอมรับสินน้ำใจที่เขามอบให้ค่ะ ไปตามให้ฟรี 

‘สภาสังคมสงเคราะห์ฯ’ เปิดโผ!! บุคคลต้นแบบ 2567 ‘คุณแม่-ลิซ่า’ ไม่พลาด!! ด้าน 'ภัชกุญช์ ห่อทองคำ' คุณแม่ 'ดร.ตั้น' ปลื้ม!! ได้รับเกียรติคุณแม่ดีเด่น

เมื่อไม่นานมานี้ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดงานแถลงข่าว 'การจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567' โดยมี ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เป็นประธานการแถลงข่าว ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตึกนวมหาราช สภาสังคมสงเคราะห์ฯ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปีนี้ สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ได้เชิดชูเกียรติ คุณแม่จิตรทิพย์ บรู๊ชวายเลอร์ มารดาของนักร้องสาว ลิซ่า Blackpink และ คุณแม่ภัชกุญช์ ห่อทองคำ มารดาของ ดร.ตั้น-กฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม ให้ได้รับการคัดเลือกเป็น 'แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2567' 

ขณะที่ นางสาวลลิษา มโนบาล หรือ 'ลิซ่า' ได้รับการคัดเลือกเป็น 'ลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่' ในโอกาสงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567 ของสภาสังคมสงเคราะห์ฯ 

ทั้งนี้ คุณแม่ดีเด่นแห่งชาติ และลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ ที่ได้รับการคัดเลือกจะเข้ารับพระราชทานรางวัลจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ณ เจ้าพระยาแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 3 อาคารบางกอก ดินเนอร์เธียเตอร์ สยามอเมซิ่งพาร์ค

นอกจาก ลิซ่าแล้ว ยังมีคนมีชื่อเสียง อีกหลายคน ที่ได้รับรางวัลปีนี้ ได้แก่ นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เพื่อไทย เชียงราย, แชมป์-ชนาธิป โพธิ์ทองคำ, โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี, พีพี-ปุญญ์ปรีดี คุ้มพร้อม รอดสวาสดิ์, เบนซ์-มารุต มะลาหอม, ไมค์ เทโอดอร์ พลัตเต้, วสุ แสงสิงแก้ว, หลุยส์ เฮสดาร์ซัน, อิงฟ้า วราหะ และร.ต.อ.อาทิติยา เบ็ญจะปัก

อีกทั้งยังมี ธีรวัฒน์ พึ่งทอง, ชุติมา พึ่งความสุข 2 ผู้ประกาศข่าวดัง และ วรัญสุดา การุณยธัช ร่วมด้วย

สำหรับงานนี้ ก็ถือเป็นอีกงานสำคัญ ที่ตอกย้ำให้เห็นถึงมุมเด่นของสังคมไทย ซึ่งพร้อมจะยกย่องบุคคลที่ประพฤติตนได้อย่างดีงามเสมอ เพื่อเป็น 'แรงบันดาลใจ-แบบอย่าง' แก่ลูก ๆ ทุกท่านให้ยึดมั่นในความกตัญญูรู้คุณต่อบุพการี รวมถึงการเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนรุ่นหลังได้เคารพรักอย่างหมดใจจากคุณแม่ดีเด่นทุก ๆ ท่านที่ได้รับคัดเลือกในครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top