Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

‘ตำรวจ’ เผย!! 1 ใน 6 เวียดนามดับ เป็นผู้ลงมือวางยา เหตุจูงใจมาจากปัญหาหนี้สิน ก่อนกินยาตายตาม

(17 ก.ค. 67) จากกรณีพบผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาย 3 ราย และ หญิง 3 ราย ภายในห้องพักโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ พื้นที่ สน.ลุมพินี โดยคาดถูกวางยาพิษ ต่อมามีรายงานว่า การเสียชีวิตในครั้งนี้เกิดจากบุคคล 1 ใน 6 ที่เสียชีวิต เป็นผู้กระทำให้คนวางยาทั้งหมด ก่อนจะเสียชีวิตเป็นรายสุดท้าย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ ที่สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เมื่อคืนได้เรียกลูกสาวของ 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำ รวมถึงเรียกสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยแต่ละคนให้การเป็นประโยชน์ ซึ่งตามข้อมูล เชื่อว่ามูลเหตุน่าจะมาจากเรื่องปัญหาหนี้สิน ไม่มีประเด็นอื่น โดยคนก่อเหตุ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นนอกเหนือจาก 6 คนที่เสียชีวิต เพราะการตรวจสอบการเข้าออกห้องนี้ พบว่า มีแค่กลุ่มผู้เสียชีวิตเท่านั้น

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ก่อเหตุวางยาพิษฆาตกรรมภายในโรงแรมหรูดังกล่าว เป็น 1 ใน 6 ศพผู้เสียชีวิตนั้น คือ Ms.SHERINE CHONG สัญชาติอเมริกัน โดยสภาพศพสวมชุดสีเขียว

‘ตำรวจ’ เข้าตรวจ รร.ดัง หลังชาวเวียดนามเสียชีวิต 6 ราย พบ ‘ขวดสแตนเลส’ 2 ใบ เร่งตรวจสอบอย่างละเอียด

เมื่อวานนี้ (16 ก.ค. 67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ได้แถลงรายละเอียดเหตุพบศพนักท่องเที่ยว ชาวเวียดนาม 6 ศพ ในโรงแรมหรู

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่โรงแรม ได้เข้าไปทำความสะอาดห้องพักบริเวณชั้น 5 โดยห้องที่เกิดเหตุต้องทำการเช็กเอาท์ในช่วงบ่าย แต่ไม่ได้เช็กเอาท์จึงทำการตรวจสอบ และพบผู้เสียชีวิต จึงมาแจ้งผู้บริหาร และ สน.ลุมพินี หลังจากนั้น ทีมฝ่ายสอบสวนเข้ามา สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน เข้ามา

โดยพบศพผู้เสียชีวิต 6 คน ในโซนรับแขก 4 คน ห้องนอน 2 คน เป็นเพศชาย 3 คน เพศหญิง 3 คน โดยทั้งหมด เดินทางมาเช็กอินที่โรงแรมไม่พร้อมกัน เดินทางมาวันที่ 13 ก.ค. 1 ชุด และวันที่ 14 ก.ค. อีก 1 ชุด พักอยู่ที่ชั้น 7 ของโรงแรม 4 ห้อง และชั้น 5 อีก 1 ห้อง ทั้งหมด 5 ห้อง แจ้งการจองมา 7 คน แต่เช็กอิน 5 คน แต่พบศพ 6 ราย ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบว่าข้อมูลตรงกัน 5 ราย แต่พบ 6 ราย จากการตรวจที่เกิดเหตุ 4 ห้องในชั้น 7 ต้องเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมเมื่อวานตอนบ่าย โดยได้มีการเก็บกระเป๋าไปรวมไว้ที่ห้องชั้น 5 มีการเดินทางออกไป เพราะบุคคลที่นัดหมายมารับนั้น ไม่พบตัว และทางโรงแรมในเบื้องต้นให้ข้อมูลว่าไม่มีการชำระค่าใช้จ่าย

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่าเชื่อว่าทั้ง 6 คนเสียชีวิตเวลาประมาณ 13.53 น. เพราะเมนูอาหารที่สั่ง มีลักษณะเป็นอาหารจานเดียว 6 จานวางอยู่ในห้องรับแขก และมีถ้วยเครื่องดื่มลักษณะคล้ายการผสมเครื่องดื่มอีก 6 ถ้วย วางอยู่ที่จัดเตรียม 5 ถ้วย และอยู่บนโต๊ะ 1 ถ้วย และมีเศษตกค้างบนถ้วย ทาง พฐ. ได้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ตรงกับผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย

โดยเบื้องต้นไม่พบร่องรอย การชิงทรพย์รื้อค้น ไม่พบบาดแผลที่ปรากฏชัดเจน และข้าวของยังอยู่เป็นปกติ เมื่อแม่บ้านเข้าไปตรวจดูพบว่าประตูถูกล็อกจากด้านใน ซึ่งต้องเข้าไปทางประตูหลังไปเปิด โดยขณะนี้ฝ่ายสืบสวน ตำรวจนครบาล สตม. สรุปแนวทางที่สอดคล้องกัน ได้แก่

1.ต้องตรวจสอบบุคคลที่ 7 ก่อนว่าเดินทางเข้ามาจริงหรือไม่

2.เก็บรายละเอียดทั้งหมดของบุคคลทั้ง 6 คน ผ่านทางสถานทูตและข้อมูลโซเชียลต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนไว้

3.หากบุคคลที่ 7 ไม่มี ต้องหามูลเหตุจูงใจในครั้งนี้

กระเป๋าทั้งหมดที่อยู่ในห้องได้ประสานไปทางสถานทูตร่วมกับตำรวจนครบาล 5 ไปทำการพิสูจน์ร่วมกัน ว่าในกระเป๋ามีอะไรเป็นวัตถุพยานหรือพยานหลักฐานในครั้งนี้ได้ บ่งบอกว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้อง ตอนนี้คือทั้งหมดไม่ได้ทำร้ายตัวเองแต่ถูกคนอื่นทำให้เสียชีวิต

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวต่ออีกว่า ผู้เสียชีวิต เป็นคนเชื้อสายเวียดนามทั้งหมด แต่มีสัญชาติอเมริกาอยู่ในนั้น 2 ราย โดยห้องพักชั้น 7 เปิดเช็กอินวันที่ 13 ก.ค. แต่ห้องพักชั้น 5 เปิดเช็กอินวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งทั้งหมดจะเช็กเอาท์ในวันที่ 15 ก.ค. ทั้งหมด อาหารที่พบในห้องเป็นอาหารไทย และยังไม่มีการรับประทาน ซึ่งเราจะเก็บสิ่งของทุกชิ้นภายในห้องไปตรวจสอบ พร้อมระบุอีกว่า เครื่องดื่มภายในแก้วถูกดื่มทั้งหมด และจากการตรวจสอบในห้องน้ำพบกระปุกชาที่ถูกซื้อมา ลักษณะคล้ายชาอู่หลง พร้อมน้ำเกลือแร่ 1 ขวด น้ำเปล่า 1 ขวด และทั้งสามชิ้นถูกเปิดใช้แล้ว ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน จะนำไปพิสูจน์อีกครั้ง เพราะเสียชีวิตเกิน 24 ชั่วโมง โดยลักษณะสภาพผู้เสียชีวิตไม่มีบาดแผล มีรายเดียวที่มีบาดแผลบนใบหน้าโดยสันนิษฐานว่าน่าจะล้มฟาดโดนวัสดุแข็ง ไม่ถูกทำร้าย

เมื่อถามว่าภายใน 24 ชั่วโมงมีใครเข้าออกในพื้นที่เกิดเหตุหรือไม่ พลตำรวจโทธิติ ระบุว่า ตอนนี้กำลังไล่ดู ตั้งแต่ลงเครื่องบิน กำลังดำเนินการอยู่ แต่ในระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบริเวณนี้ แล้วจะทำไทม์ไลน์ทั้งหมดนำมาสรุปอีกครั้ง และต้องรอผลการตรวจกระเป๋าของผู้ตายทั้ง 6 คน ที่ สน.ลุมพินี ส่วนรายละเอียดทั้งหมด ผบ.สพฐ. จะเป็นคนดูแลเพราะเราจำกัดพื้นที่ทั้งหมดในการเข้าที่เกิดเหตุ เราไม่ได้ตั้งประเด็นว่าเขาถูกวางยา แต่มีบุคคลคนหนึ่ง ประสงค์ที่ทำร้ายชีวิตร่างกาย แต่โดยวิธีการใดนั้น นิติวิทยาศาสตร์จะเป็นคนบอก พร้อมด้วยพยานหลักฐานมาเชื่อมโยงกัน หากสอดคล้องกันก็จะตอบได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และยืนยันว่าไม่มีการประทุษร้าย อีกทั้งจากการตรวจสอบมีบุคคลหนึ่งพยายามเข้ามาที่ประตู แต่มาไม่ถึง เพราะล้มอยู่หน้าประตู 2 ราย เป็นเพศชาย 1 ราย และเป็นเพศหญิง 1 ราย

ส่วนการเปิดประตู เดี๋ยวจะมีการสอบปากคำแม่บ้านอีกครั้ง โดยโซนชั้น 5 เป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งจะมีห้องที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ และก็มีความเป็นไปได้ที่จะใช้เส้นทางนี้ในการหลบหนี แต่ต้องดูต่อว่าทางที่จะเดินมายังลิฟต์มีกี่ทาง โดยมีทางเดียว มิเช่นนั้นต้องกระโดดลงมา ตอนนี้เรากำลังตามหาบุคคลที่ 7 เพราะตัวเลขไม่ตรงกันกับที่เช็กอินไว้ 

ดังนั้นถ้ามาด้วยกันก็ต้องมี ข้อมูลในการเดินทางเข้าประเทศ ที่นั่ง สายการบิน ต้องดูว่าเดินทางเข้ามาจริงหรือไม่ ซึ่งขณะนี้เรายังไม่ตัดประเด็น ต้องมีคำตอบนี้ให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่มี ไม่มีเพราะอะไร และขณะนี้ให้ทางสถานทูตตรวจสอบว่าทำอาชีพอะไรและมีจุดประสงค์อะไรในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย พร้อมสอบปากคำพนักงานที่เข้ามาเสิร์ฟอาหารว่าเห็นความผิดปกติไม่

โดยพบว่าในที่เกิดเหตุมีวัตถุต้องสงสัยสองชิ้น เป็นวัตถุสแตนเลสสองขวด ซึ่งไม่ใช่วัตถุของทางโรงแรม แต่ปรากฏอยู่ในห้อง โดยยังไม่ได้ตรวจสอบเครื่องดื่มด้านใน และจากรูปถ่าย เล็บมือเล็บเท้าของผู้เสียชีวิต มีลักษณะดำคล้ำแต่อาจเกิดจากสาเหตุการเสียชีวิตมาประมาณ 24 ชั่วโมง โดยการชันสูตรพลิกศพครั้งนี้ส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ปิด และขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครติดต่อกับผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 13 ถึง 14 ก.ค. หรือไม่ ตอนนี้ต้องขอสอบปากคำแม่บ้านก่อน หากมีข่าวสารข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาก็ส่งมา

ทั้งนี้จากการตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ใน 6 ศพเป็น make up artist ชื่อดังของเวียดนาม ทราบชื่อ ‘phu Gia gia’

‘ชาวเวียดนาม’ แห่อาลัย โพสต์สุดท้าย ‘ช่างแต่งหน้าชื่อดัง’ หลังดับปริศนาโรงแรมหรู ย่านราชประสงค์ พบ!! มาไทยบ่อย

(17 ก.ค. 67) จากกรณีเกิดเหตุเสียชีวิตภายในโรงแรมดัง ย่านราชประสงค์ เบื้องต้นทราบมีผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาวเวียดนาม และชาวอเมริกัน กลางดึกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมนั้น ภายหลังจากชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้องพักหมายเลข 502 โดยเป็นภาพวงจรปิดของวันที่ 15 ก.ค. ช่วงเวลาตั้งแต่เวลา 14.09 น. ถึง 14.17 น. ซึ่งภาพบันทึกเหตุการณ์ที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คนเดินลากกระเป๋า ทยอยเข้า-ออกห้องพัก 502 โดยนำกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ภายในห้อง และภาพสุดท้ายคือทั้ง 6 คนได้เดินทยอยเข้าห้องพักดังกล่าว จากนั้นก็ไม่มีใครออกจากห้องอีกเลย

โดยมีรายงานจากสื่อมวลชนของประเทศเวียดนามระบุว่า 1 ในผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลมีชื่อเสียง คือ นายดินห์ ตรัน ภู (Mr.DINH TRAN PHU) อายุ 36 ปี เป็นช่างแต่งหน้าชื่อดังจากเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กของช่างแต่งหน้ารายดังกล่าว Phú Gia Gia (I’m Makeup Artist) ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.5 หมื่นคน ได้มีชาวเวียดนามเข้าไปแสดงความเสียใจ และอาลัยต่อการจากไปของเขาอย่างต่อเนื่อง เช่นว่า ขอโทษนะที่ฉันอยู่ไกล ฉันหวังว่าคุณจะจากไปอย่างสงบและกลับไปยังแผ่นดินเกิดของคุณ, คุณเป็นบุคคลที่มีความสามารถในอุตสาหกรรมการแต่งหน้าที่ฉันชื่นชมมาก ๆ , นี่เรื่องจริงหรือเปล่า, หลับให้สบายนะ, อาจารย์ ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม ครูและนักเรียนของเราโทรหาหลายวันแล้วบอกว่าคุณไปไทยเพื่อทำการเรียนการสอน, พวกเราเพิ่งคุยกันเอง ไม่อยากจะเชื่อเลย

ดินห์ ตรัน ภู เป็นเมกอัพอาร์ตติสที่รู้จักกันในชื่อ Phú Gia Gia โดยเขามีทีมงานที่มากความสามารถและเป็นมืออาชีพ ได้รับการเชิญให้ร่วมงานในวงการแต่งหน้า เป็นวิทยากร รวมถึงยังมีลูกศิษย์ที่เข้าคอร์สเรียนกับเขา โดยเขาทำงานกับทั้งงานอีเวนต์ วงการบันเทิง และนางงามด้วย

อย่างไรก็ตาม พบว่า โพสต์สุดท้ายของ Phú Gia Gia ช่างแต่งหน้าคนดัง คือบัตรเชิญเข้าร่วมงานเกี่ยวกับการแต่งหน้าที่นครโฮจิมินห์ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม เจ้าตัวได้โพสต์ภาพร้านผัดไทยทิพย์สมัย ถนนมหาไชย ย่านประตูผี พร้อมระบุข้อความเป็นภาษาเวียดนาม ใจความว่า…

“หลังจากที่แต่งหน้าให้ลูกค้าเสร็จ เพื่อนที่เป็นล่ามภาษาไทยพาไปกินข้าว ซึ่งพบว่าเป็นร้านต้นตำรับ และสืบทอดทายาทต่อกันมา ผัดไทยที่เครื่องเทศส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ที่ร้านทำเองหมดเลย มาชิมกันดู อร่อยมาก ร้านนี้มีหลายเมนู แต่มี 2 เมนูซิกเนเจอร์ที่ทางร้านแนะนำ” พร้อมกับภาพผัดไทยกุ้งสดห่อไข่ และผัดไทยทรงเครื่อง

ขณะที่ Lương Thị Khánh เพื่อนสนิทของเขา ระบุว่า เธอทราบข่าวแล้ว รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า โดยทราบว่าผู้เสียชีวิตบินไปไทย และจะบินกลับมาร่วมเวิร์คช็อปของเธอ พร้อมบอกด้วยว่าเขาเป็นคนใจดีเป็นมิตร และเธอนับถือในตัวเขามาก นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการแต่งหน้า

ขณะที่ในวงการช่างแต่งหน้าก็ได้มี เมกอัพอาร์ตติสออกมาโพสต์ไว้อาลัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งหลายคนที่นับถือเขาเป็นครู บ้างก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ผูกพันกันมา ทราบข่าวแล้วเสียใจอย่างมาก ขอให้เจ้าหน้าที่คลี่คลายคดีโดยไว นอกจากนี้ทุกคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเป็นคนที่น่ารัก มากความสามารถ มีอะไรอร่อย ๆ ก็จะนำมาฝากเสมอ แถมยังมีลูกค้าเยอะด้วย

คนสนิทรายหนึ่งยังได้โพสต์ด้วยความโศกเศร้าว่า ช่วงหลังก็ไม่ค่อยได้เจอกันเพราะเขาไม่ว่างเลย งานยุ่งมาก ๆ ทว่าต่อจากนี้กลับจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว

ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ระบุว่า นายดินห์ ตรัน ภู (Mr. DINH TRAN PHU) เกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 1987 (พ.ศ. 2530) อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม เข้าประเทศไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้รับการยกเว้นวีซ่า (วีซ่า ผ.ผ.30 หรือผ่อนผันโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) อนุญาตถึงวันที่ 10 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมาเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยแล้ว 11 ครั้ง

เปิดช่วงเวลา 6 เวียดนามดับ หลังถูกวางยาพิษคาโรงแรมดังกลางกรุงฯ พบเสียชีวิตมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ

(17 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวเปิดเผยไทม์ไลน์ของ 6 นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามที่ถูกวางยาพิษดับในโรงแรมดังกลางกรุงฯ ของวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567 โดยมีรายละเอียดดังนี้...

- 10:14:13 น. เด็กรับผ้าเดินเข้าห้อง
- 10:15:37 น. เด็กรับผ้าออกมาจากห้อง
- 11:20.31 น. มีเด็กรับผ้าเอาเสื้อคลุมมาส่ง
- 11:20:54 น. เด็กรับผ้าเดินกลับมาจากบริเวณหน้าห้อง
- 12:00:36 น. Mr. Tran dinh phu เดินออกมาจาก ถือถุงพลาสติกสีขาว
- 13:01:09 น. พนักงานทำความสะอาด เดินออกจากห้องติดกัน แล้วเข้าห้อง (ที่เกิดเหตุ)
- 13:13:04 น.พนักงานทำความสะอาดเอาผ้าปูที่นอนออกมาจากห้องที่เกิดเหตุ
- 13:15:57 น. พนักงานทำความสะอาดถือผ้าปู เข้าห้องที่เกิดเหตุ
- 13:29:20 น. พนักงานทำความสะอาดเดินออกจากห้องที่เกิดเหตุ
- 13:30:44 น. พนักงานทำความสะอาดถือผ้าเข้าห้องที่เกิดเหตุ
- 13:36:19 น. พนักงานทำความสะอาดถือจานผลไม้ออกมาจากห้อง
- 13:37:39 น. พนักงานทำความสะอาดถือจานผลไม้เข้าไป
- 13:40:25 น. พนักงานทำความสะอาดเดินออกมาห้อง พร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด
- 13:52:44 น. Room service มารอหน้าห้อง 2 คน
- 13:53:36 น. Room service นำอาหารมาเสิร์ฟ 3 ถัง
- 13:58:18 น. Room service ออกจากห้อง
- 14:04:33 น. Mrs. Thi nguyen phuong ถือลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูเดินเข้าไป
- 14:05:26 น. MR. Pham hong thanh สวมเสื้อกางเกงขาว ลากกระเป๋าเดินทางสีดำ เดินเข้าห้อง
- 14:09:41 น. Mrs. Thi nguyen thuong lan สวมเสื้อสีชมพู ลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูเดินเข้าห้อง
- 14:09:56 น. Mr. Hung dang van สะพายกระเป๋าสีดำแดง มือซ้ายถือกระเป๋าดำ มือขวาถือกระเป๋าเทา เดินเข้าห้อง
- 14:11:29 น. Mrs.sherine chong/Mrs. Thi nguyen/Mr. Hong pham thanh/ Mr. Hung dang van เดินออกมาจากห้อง

📌*****(Mrs. Thi nguyen phuong lan อยู่ห้องคนเดียว)

- 14:13:38 น. Mr. Hung dang van เดินกลับเข้าห้องที่เกิดเหตุ
- 14:14:20 น. Mr. Hung dang van เดินออกมาจากห้อง
- 14:15:04 น. Mr. Hung dang van เดินกลับมาที่ห้องถือถุงพลาสติก / Mr. Dinh tran phu ลากกระเป๋าเดินทางสีดำเดินตามมา แล้วส่งกระเป๋าเดินทางให้ Mr.Hung ดันกระเป๋าเดินทางเข้าห้อง และทั้งสองเดินออกมา
- 14:17:43 น. Mr. Hung เดินกลับเข้าห้อง
- 14:17:51 น. เริ่มทยอยเดินเข้าห้อง 502 ที่เกิดเหตุ โดย Mr.Dint/Mrs.sherine/Mrs. Thi nguyen/Mr. Hong Pham
- 14:17:52 น. ทุกคนอยู่ภายในห้อง

ส่วนช่วงเวลาการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่คาดว่าชาวเวียดนามเสียชีวิตหลัง 13.53 น. ของวันที่ 15 ก.ค.  เพราะเมนูอาหารที่สั่งเป็นอาหารจานเดียว 6 จาน วางอยู่ห้องรับแขก แต่อาหารที่ Room service นำมาเสิร์ฟยังไม่ได้ถูกรับประทาน แต่มีเครื่องดื่มประเภทชากาแฟ จำนวน 6 ถ้วย ซึ่งมีเศษตกค้างอยู่บริเวณก้นถ้วย และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บไปตรวจสอบแล้ว โดยจำนวนถ้วยกาแฟตรงกับผู้เสียชีวิต 6 คน ทั้งนี้ เบื้องต้นไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ หรือขัดขืนใดๆ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบศพชาวต่างชาติเสียชีวิต 6 รายที่โรงแรมในพื้นที่ สน.ลุมพินี

วันนี้ (16 กรกฎาคม 2567) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ว่ามีเหตุผู้เสียชีวิตภายในโรงแรมดังกล่าว พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สภ.ลุมพินี นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบมีผู้เสียชีวิตอยู่ที่โรงแรม จำนวน 6 ศพ จึงได้แจ้งแพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ร่วมตรวจสอบ และทางด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อม พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ และหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการให้เร่งสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิต และเร่งติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุโดยเร็ว พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุทันที 

ล่าสุดขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กั้นพื้นที่เกิดเหตุ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน  ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน และล่าสุดขณะนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเองแล้ว

“เชียงราย”การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาแม่สาย จัดงานสัมมนาลูกค้ารายใหญ่ ส่งเสริมการพัฒนาด้านพลังงานทดแทน มุ่งสู่พลังงานสะอาด”

เมื่อวันนี้ 17 กรกฎาคม 2567 นาย ชัยยุทธ สารติ๊บ ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานสัมมนาลูกค้ารายใหญ่ ประจำปี 2567 "PEA DlGITAL GRID & GREEN ENERGY"

โดยมีนายวีระศักดิ์ ชุมภูเทพ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาแม่สาย กล่าวรายงาน ซึ่งภายในงานมีผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย  รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว สาขาแขวงบ่อแก้ว ผู้บริหารองค์กร หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าร่วมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกับกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์ นโยบายและโครงการที่สำคัญๆของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ประโยชน์สำหรับผู้เข้าร่วม 

นายชัยยุทธ สารติ๊บ ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงราย(CEO) กล่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มุ่งเน้นสู่ความเป็นองค์กรที่ทันสมัย ยึดหลักธรรมาภิบาล ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ปราศจากการทุจริต คอรัปชั่น ตอบสนองนโยบายภาครัฐและยุทธศาสตร์ เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยการจัดงานในครั้งนี้เพื่อนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุด ให้กับลูกค้าทุกภาคส่วน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตสินค้า หรือบริการตลอดจนการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ตามนโยบายภาครัฐ และสามารถวางแผนการใช้ไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สำหรับภายในงานการจัดงานสัมมนาลูกค้ารายใหญ่ ประจำปี 2567 จะเป็นการรับฟังการบรรยาย แนะนำบริการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง PEA SOLAR, PEA VOLTA และการส่งเสริมพลังงานสะอาดในอนาคต จากผู้เชี่ยวชาญการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 1 ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และแผนกสนับสนุนและประเมินผลธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และแผนกพัฒนาธุรกิจและระบบการให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า กองธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างลูกค้า และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อจะได้กำหนดทิศทางการลงทุนให้สอดรับกับแนวโน้มพลังงานในอนาคต รวมทั้งรวบรวมความต้องการ และข้อเสนอแนะของลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุง แก้ไข งานด้านบริการ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้ตอบสนองต่อลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์ หัวหน้าศูนย์ข่าวอำเภอแม่สาย/รายงาน

‘ม.ขอนแก่น’ มีคำสั่ง ‘ไล่ออก’ อาจารย์ 3 ราย ฐานซื้อขายผลงานวิจัย พร้อมเร่งเอาผิดตาม กม.

(16 ก.ค. 67) ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ได้รับแจ้งผลการสอบวินัยร้ายแรงกรณีการซื้อขายผลงานวิจัยของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าขณะนี้ ม.ขอนแก่น ได้ดำเนินการสอบสวนและพิจารณาโทษทางวินัยแก่อาจารย์จำนวน 3 ราย ที่กระทำผิดจริงเสร็จสิ้นแล้ว โดยได้มีคำสั่งลงโทษ ‘ไล่ออก’ ทั้ง 3 ราย นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างแจ้งความดำเนินคดีอาญาแก่บุคคลทั้ง 3 รายอีกด้วย

รองปลัด อว. กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่มีข่าวการซื้อขายงานวิจัยเมื่อต้นปี 2566 ทางสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นักวิจัย 109 ราย จาก 33 สถาบัน เข้าข่ายผลงานวิจัยผิดปกติ จึงส่งข้อมูลให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบข้อเท็จจริง ปัจจุบันได้มีการตรวจสอบเกือบครบถ้วนแล้ว และมี 14 รายที่พบความผิดปกติจริง และบางรายได้มีการตั้งกรรมการลงโทษทางวินัย เป็นผลให้ ปัจจุบัน มีการไล่ออกแล้ว 6 ราย ได้แก่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 1 ราย ม.เชียงใหม่ 2 ราย และล่าสุด ม.ขอนแก่น 3 ราย

“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในวงการวิชาการ การซื้อผลงานวิจัยที่ไม่ใช่ของตนเอง เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในแวดวงวิชาการ ต้องขอบคุณมหาวิทยาลัยที่มีมาตรการตรวจสอบอย่างเข้มแข็งและนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด ปัจจุบัน สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ยังมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง หากมีความผิดปกติก็จะแจ้งมหาวิทยาลัยให้ดำเนินการต่อไป” ศ.ดร.ศุภชัย กล่าว

‘ในหลวง’ โปรดเกล้าฯ พระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวัน ‘นร.-จนท.’ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ณ รร.วัดราชาธิวาส

(16 ก.ค.67) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เป็นประธาน เชิญอาหารพระราชทาน ไปพระราชทานเลี้ยงแก่นักเรียน คณะครู บุคลากรและเจ้าหน้าที่ โรงเรียนวัดราชาธิวาส เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร จำนวน 890 คน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อให้นักเรียน และคณะครู รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ได้รับประทานอาหารที่ดีมีคุณค่าตามหลักโภชนาการอันจะส่งผลให้มีสุขอนามัยที่ดี มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีสุขภาพจิตที่ดี สำหรับเมนูอาหาร ประกอบด้วย ข้าวมันไก่ทอด ข้าวมันไก่ตอนข้าวหมูแดง หมูกรอบ บะหมี่แห้งหมูแดง ข้าวขาหมู ไข่พะโล้ และโดนัทไส้ต่าง ๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงรับเป็นพระราชภารกิจที่สำคัญ ในการดูแลให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่ามีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง และมีโภชนาการที่ดีโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอาหาร แก่เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน และสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ เนื่องในโอกาสวันเฉลิม พระชนมพรรษา วันคล้ายวันพระราชสมภพ วันคล้ายวันประสูติ และวันสำคัญต่าง ๆ มาโดยตลอด การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ นักเรียน และคณะครู รวมทั้งเจ้าหน้าที่ต่างปลื้มปีติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

โรงเรียนวัดราชาธิวาส เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 ก่อตั้งเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2446 โดยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก่อตั้งโดยทุนทรัพย์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย (พระโอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทว มหามงกุฎวิทยมหาราช นับแต่การก่อตั้งจนถึงปัจจุบันมีระยะเวลาถึง 121 ปี ซึ่งโรงเรียนมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง มีการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนและการวัดประเมินผลให้สอดคล้องกับแผนการศึกษาของชาติ ศิษย์เก่าหลายท่านที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้มีบทบาทและผลงานที่สำคัญในการพัฒนาบ้านเมือง สร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน ปัจจุบันเปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนจำนวน 800 คน ครูและเจ้าหน้าที่ จำนวน 90 คน

'เด็ก ม.ดังภาคอีสาน' เอะใจ!! รุ่นพี่ชวนไปค่ายจิตอาสา แต่เหมือนเข้าลัทธิ ชักจูงไปร่วมกิจกรรมแปลก อ้าง!! แลกชั่วโมงกิจกรรม ‘กยศ.’ ได้

(16 ก.ค.67) จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปที่มีการโพสต์ในกลุ่ม ‘น้องใหม่ มมส 68’ ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปข้อความว่า “เตือนภัยนะคะ เราโดนรุ่นพี่หลอกบอกว่าจะเป็นค่ายจิตอาสาแต่พอมาถึงเค้าให้ทำอะไรไม่รู้มีคำสอนแปลก ๆ ที่ต่างจากศาสนาพุทธ และก็ให้ทำอะไรพวกนี้ด้วย กินเจด้วย”

โดยในคลิป มีการทำกิจกรรมอยู่ภายในวิหารจีน พร้อมกับบอกให้ผู้เข้าค่ายกราบ โดยมีเสียงผ่านไมโครโฟนว่า กราบจี้กง 3 กราบ, กราบพระโพธิสัตว์ 3 กราบ, กราบจอมเทพ 3 กราบ เป็นต้น

ซึ่งภายหลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีการเข้ามาคอมเม้นท์เป็นจำนวนมากว่า เคยไปตอนเรียนปี 1 มีการบอกว่าเป็นค่ายจิตอาสา แต่พอไปแล้วก็กลายเป็นเหมือนไปเข้าลัทธิอะไรสักอย่าง ซึ่งคอมเมนต์บางส่วนมีการบอกว่าจะได้ชั่วโมงจิตอาสาของ กยศ. แต่พอไปจริง ๆ แล้ว ก็ไม่ได้อะไรเลย ชั่วโมง กยศ. ก็ไม่ได้ 

โดยกิจกรรมดังกล่าว เป็นกิจกรรม Volunteens boost up เติมพลังนักจิตอาสา จัดขึ้นวันที่ 13-14 สิงหาคม 2567 ที่จังหวัดมุกดาหาร ในโบรชัวร์บอกว่า จะได้ชมวิวเมือง กิจกรรมฐานสนุก เจอเพื่อน 10 สถาบัน ผู้เข้าร่วมจะได้เกียรติบัตรนักจิตอาสา แชร์ประสบการณ์ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ร่วมกับเพื่อนต่างมหาวิทยาลัย และทัศนศึกษาชมความงดงามวัดภูมโนรมย์

ล่าสุด รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยมหาสารคาม รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยกองกิจการนิสิต ได้รวบรวมสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีนิสิตที่เข้าร่วมจำนวนกี่คน สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับนิสิตหรือไม่ หรือมีใครหลอกลวงนิสิตให้เข้าร่วมกิจกรรมนี้  ซึ่งหากมีนิสิตที่ถูกหลอกลวงให้ไปร่วมกิจกรรมนี้ ให้แจ้งมาที่กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อที่จะได้รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ถ้าหากเป็นบุคคลภายนอก จะได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ แต่หากเป็นนิสิตหรือบุคคลภายในมหาวิทยาลัยฯ ก็จะดำเนินการลงโทษทางวินัยตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ประเด็นหลักที่ถูกกล่าวอ้างมาเชิญชวนนิสิตคือ การเข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับชั่วโมง กยศ.

แต่สำหรับกิจกรรมจิตอาสา กยศ. นั้นทางมหาวิทยาลัยฯ กำหนดว่า ต้องเป็นกิจกรรมที่มีผู้รับผิดชอบโครงการ รับรองกิจกรรม ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม ซึ่งทางเพจกองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้มีการโพสต์แจ้งเตือนนิสิต ไม่ให้หลงเชื่อ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ มหาวิทยาลัยได้เร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อนิสิตของมหาวิทยาลัย

ขณะที่นิสิตสาวรายหนึ่งที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเคยมีประสบการณ์เข้าร่วมค่ายที่กำลังเป็นกระแสนี้ โดยขณะนั้นตนเรียนอยู่ชั้น ม.4 ผ่านมาแล้วเกือบ 10 ปี เคยไปร่วมกิจกรรมแบบนี้ 1-2 ครั้ง ให้ฟิลแบบค่ายคุณธรรม โดยเธอเล่าว่า คุณครูเป็นคนพาไป ซึ่งตอนนั้นที่ไปไม่ได้คิดอะไร เพราะว่าไปกับเพื่อน ฟิลไปค่าย ไปสถานธรรม ในค่ายจะให้กินเจ มีการกราบตามที่ปรากฎในคลิปที่ลงในโซเชียล ตอนนั้นไม่ได้รู้อะไร แต่พอมาเห็นคลิปที่มีการส่งต่อกันมาก็ เอ๊ะ เริ่มงงว่ามันเป็นยังไง อิหยังวะ

โดยกิจกรรมก็จะมีการกราบ มีการให้ทานเจ มีคำสอนเรื่อง กราบพระ กราบเทพเจ้า กี่ครั้งกี่ครั้งก็ว่าไป ซึ่งก็ไม่ได้มีการบังคับหรืออะไร อาหารเจก็โอเค ให้นอนที่สถานธรรม พอเสร็จจากกิจกรรมก็มีการ์ดเจ้าแม่กวนอิมมาให้ แล้วบอกว่าให้เก็บไว้ แต่ถ้ากินเนื้อก็จะอาเจียน ส่วนตัวก็เลยไม่เอาการ์ดไว้กับตัว และตนเองก็ทานเนื้อสัตว์ ซึ่งในขณะที่เพื่อน ๆ ที่เคยไปด้วยกันก็ทานเนื้อสัตว์กันหมดทุกคน ก็ไม่ได้มีอาการอะไร

'ซีพีเอฟ' ยัน!! ทำลายปลาหมอคางดำหมดเกลี้ยงตั้งแต่ 14 ปีก่อน ส่วนปัญหาระบาดช่วงนี้ บริษัทฯ พร้อมสนับสนุนภาครัฐแก้ปัญหา

(16 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเปรมศักดิ์ วนัชสุนทร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ผู้บริหารสูงสุดด้านการวิจัยและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กล่าวว่า ในส่วนงานสัตว์น้ำ ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ โดยได้มีการทบทวนย้อนหลังสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การนำเข้าในเดือนธันวาคม 2553 ถึงวันทำลายในเดือนมกราคม 2554 มั่นใจได้ว่าบริษัทได้ดำเนินการอย่างถูกต้องและด้วยความรอบคอบตามหนังสือชี้แจงที่ได้นำส่งไปยัง คณะกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กมธ.)

นายเปรมศักดิ์ กล่าวว่า “บริษัทยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนหน่วยงานรัฐตามแนวทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5 ด้าน อันประกอบด้วย…

1.ทำงานร่วมกับกรมประมงในการสนับสนุนให้มีการรับซื้อปลาหมอคางดำไปผลิตเป็นปลาป่น…

2.ทำงานร่วมกับภาครัฐในการสนับสนุนการปล่อยปลาผู้ล่าลงสู่แหล่งน้ำ…

3.สนับสนุนภาครัฐในการจัดกิจกรรมจับปลา…

4.สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากปลาหมอคางดำร่วมกับสถาบันการศึกษา…

และ 5.สนับสนุนการวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญในการหาแนวทางควบคุมประชากรปลาหมอคางดำ”

สำหรับหนังสือชี้แจงไปยัง กมธ. มีรายละเอียด ดังนี้ ในปี 2553 บริษัทได้นำเข้าปลาจำนวน 2,000 ตัว ซึ่งพบว่ามีปลาสุขภาพไม่แข็งแรงและมีการตายจำนวนมากในระหว่างทาง ทำให้เหลือปลาที่ยังมีชีวิตแต่อยู่ในสภาพอ่อนแอเพียง 600 ตัว ซึ่งได้รับการตรวจสอบ ณ ด่านกักกันโดยกรมประมง ทั้งนี้ เนื่องจากปลามีสุขภาพไม่แข็งแรง จึงมีการตายต่อเนื่องจนเหลือเพียง 50 ตัว บริษัทจึงตัดสินใจหยุดการวิจัยในเรื่องนี้ โดยมีการทำลายซากปลาตามมาตรฐานและแจ้งต่อกรมประมง พร้อมส่งตัวอย่างซากปลา ซึ่งดองในฟอร์มาลีนทั้งหมดไปยังกรมประมงในปี 2554

นอกจากนี้ ในปี 2560 ที่เริ่มพบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ คณะผู้ตรวจเยี่ยมจากกรมประมง เข้าตรวจเยี่ยมฟาร์มของบริษัท ณ จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อขอข้อมูลจำนวนลูกปลาหมอคางดำที่นำเข้าเมื่อปี 2553 และการบริหารจัดการ ซึ่งนักวิจัยของบริษัทได้รายงานข้อเท็จจริงทั้งหมด ต่อมาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมฟาร์มอีกครั้ง ซึ่งนักวิจัยของบริษัทได้ชี้แจงถึงวิธีการทำลายปลาทั้งหมด โดยใช้สารคลอรีนเข้มข้นและฝังกลบซากปลาโรยด้วยปูนขาว และยืนยันว่าไม่ใช่สาเหตุของการแพร่ระบาดดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top