Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

‘เกษตรกร’ โอด!! ‘ปลาหมอคางดำ’ บุกฟาร์มกุ้ง-หอย จับได้ 2 ตัน แต่ไม่มีที่ไหนรับซื้อ จึงโยนทิ้งลงทะเล

(19 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 67 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสมุทรปราการ หรือ ศรชล.จังหวัดสมุทรปราการ ศรชล.ภาค 1 น.อ.ทิฆัมพร สมนึก รอง.ผอ.ศรชล.จว.สป. เป็นประธานในการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เช่น ประมงจังหวัด, อบต.คลองด่าน, เทศบาลตำบลคลองด่าน และภาคประชาชน เช่น สมาคมประมง จ.สมุทรปราการ, สมาคมประมงคลองด่าน รวมถึงผู้แทน สส.สมุทรปราการ เขต 8 พรรคก้าวไกล

ก่อนหน้านี้ นายสมพร เกื้อสกุล ประมงจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางลงพื้นที่ไปดูจุดที่ชาวบ้านพบมีการระบาดของปลาหมอคางดำที่คลองตาเจียน หมู่ 6 ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อสำรวจพื้นที่จริงและนำกลับมาเป็นข้อมูลในการประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ตามสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งอาจไม่เหมือนกัน โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จึงได้ข้อสรุปเบื้องต้น

ขณะที่ เกษตรกรวังกุ้งรายหนึ่ง หมู่ 9 บ้านขุนสมุทรจีน ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ นำคลิปวิดีโอปลาหมอคางดำที่ถ่ายไว้จากบ่อเลี้ยงกุ้งมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเปิดเผยว่า ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำเมื่อปลายปี 2566 แต่มาหนักสุดเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา ปลาหมอคางดำกิน-ทำลายกุ้ง-หอยที่เลี้ยงไว้หมดทั้งบ่อ

เกษตรกรกล่าวอีกว่า จับปลาหมอคางดำได้รวมประมาณ 2 ตัน แต่เวลานั้นไม่มีที่ไหนรับซื้อ และไม่มีใครให้ข้อมูลใด ๆ จึงจำเป็นต้องนำปลาหมดคางดำทั้งหมดทิ้งลงทะเลไป และต้องหยุดทำธุรกิจบ่อกุ้งก่อนอย่างไม่มีกำหนด

เกษตรกรกล่าวต่อว่า ส่วนการมาประชุมวันนี้เริ่มมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะถ้าภาครัฐมีการรับซื้อที่ 15 บาทต่อกิโลกรัม คิดว่าน่าจะทำให้ปลาหมอคางดำมีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว ก็จะกลับมาประกอบอาชีพได้อีกครั้ง

นายพิชัย แซ่ซิ้ม นายกสมาคมการประมง จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีชาวประมงพื้นบ้านจับปลาหมอคางดำได้นอกเขต 3 ไมล์ทะเล หลังผ่าท้องพบเคยจำนวนมาก กังวลว่าหากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดปัญหาหนักกับกลุ่มประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ อยากฝากถึงหน่วยงานภาครัฐช่วยเร่งดำเนินการหาวิธีแก้ไขอย่างรวดเร็ว

นายพิชัยกล่าวต่อว่า ขอให้ผ่อนผันกฎหมายการทำประมงขยายขนาดของเรือ จากไม่เกิน 3 ตันกรอส เป็นไม่เกิน 10 ตันกรอส พร้อมให้คณะกรรมการประมงประจำจังหวัด เป็นผู้กำหนดทั้งรูปแบบ เครื่องมือ พื้นที่และขนาดเรือ เพื่อความคล่องตัวและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด

จากนั้นได้พาผู้สื่อข่าวไปดูบริเวณปลายแม่น้ำเจ้าพระยา ปากอ่าวไทย จุดที่ชาวประมงทอดแหครึ่งชั่วโมง สามารถจับปลาหมอคางดำได้ประมาณครึ่งถังพลาสติกเป็นประจำทุกวัน นำมาเลลงพื้นให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมตั้งข้อสังเกตความห่วงใยว่าปลาหมอคางดำอาจไปทำลายสัตว์น้ำต่าง ๆ ในทะเลอ่าวไทยจนหมด และอาจขยายวงกว้างไปสู่ทะเลของประเทศเพื่อนบ้าน สร้างปัญหาอย่างหนัก อาจทำให้สัตว์น้ำในทะเลลึกสูญพันธุ์ได้

นายสมพร เกื้อสกุล ประมงจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ยอมรับปัญหาเรื่องปลาหมอคางดำของ จ.สมุทรปราการ ระบาดอยู่ในขั้นวิกฤต มีประชาชนแจ้งเข้ามาว่านอกจากพบที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ และ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ แล้ว ยังพบอยู่ในพื้นที่ของ อ.เมืองสมุทรปราการ และที่ ต.เปร็ง อ.บางบ่อ เพิ่มอีก ดังนั้น จึงต้องการให้ความรู้ข้อมูลที่ถูกต้องกับทุกภาคส่วน จะได้เข้ามาร่วมกันจัดการกับปลาหมอคางดำให้หมดไป

นายสมพรกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องราคาที่รับซื้อตอนนี้มีความหลากหลายในแต่ละพื้นที่ ล่าสุด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้ภาครัฐช่วยรับซื้อในราคาที่เหมาะสม คือ 15 บาทต่อกิโลกรัม ขณะนี้รอคำสั่งอย่างเป็นทางการ และพร้อมดำเนินการในทันที

เปิดการฝึกผสม 'MULTILATERAL CARAT 2024' ไทย-สหรัฐฯ-สิงคโปร์ สร้างความมั่นคงทางทะเล

กองทัพเรือ โดยกองเรือยุทธการ จัดพิธีเปิดการฝึกผสม MULTILATERAL CARAT 2024 ไทย-สหรัฐฯ-สิงคโปร์ 
   
เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.67) พลเรือเอก ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มอบหมายให้พลเรือตรี กรวิทย์ ฉายะรถี รองเสนาธิการกองเรือยุทธการ เป็นผู้แทนเป็นประธานฝ่ายไทย พลเรือตรี โจอาควีน มาติเนส รองผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 กองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นประธานฝ่ายสหรัฐฯ และพันเอก โฮ จี คีน รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กองทัพเรือสิงคโปร์ เป็นประธานฝ่ายสิงคโปร์ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึก MULTILATERAL CARAT 2024 อย่างเป็นทางการ ณ ท่าเรือแหลมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีกำลังพลฝ่ายไทย สหรัฐฯ และสิงคโปร์ เข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ รวม 1,100 นาย

การฝึกผสม CARAT เป็นการฝึกพหุภาคี ระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 จนถึงปัจจุบัน โดยในปีนี้กองทัพเรือสิงคโปร์ ได้ส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าร่วมการฝึกด้วย เป็นการฝึกผสมรวม 3 ประเทศ  เรียกรหัสการฝึกว่า "MULTILATERAL CARAT 2024" ทั้งนี้กองทัพเรือ ได้มอบหมายให้กองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ เป็นหน่วยรับผิดชอบการฝึก โดยมี พลเรือตรี ณัฐพงศ์ ปานโสภณ ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม MULTILATERAL CARAT 2024

วัตถุประสงค์การฝึก เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือไทย กองทัพเรือสหรัฐฯ และกองทัพเรือสิงคโปร์ ในการร่วมกันพัฒนาความสามารถของกำลังพลทั้ง 3 ประเทศ ในการปฏิบัติภารกิจทางทะเลร่วมกันในทุกระดับ และเสริมสร้างองค์ความรู้และความเข้าใจอันดีในการปฏิบัติการ ตลอดจนยกระดับขีดความสามารถภาพสถานการณ์ทางทะเลให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน  

กิจกรรมในการฝึก แบ่งเป็น 3 ห้วงการฝึก ได้แก่ การฝึกในท่า การฝึกในทะเล และการสรุปผลการฝึก ระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 - 3 สิงหาคม 2567 รวม 21 วัน  

มีการฝึกในทะเลที่สำคัญ ประกอบด้วย การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล การปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ การฝึกประลองยุทธ์ การฝึกยิงอาวุธประจำเรือ และการฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่อากาศ แบบ ESSM โดยมีกำลังเข้าร่วมการฝึกของกองทัพเรือไทย ประกอบด้วย เรือหลวงตากสิน และเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช  อากาศยานและ อากาศยานไร้คนขับ ในส่วนกองทัพเรือสหรัฐฯ จัดกำลังเข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วย เรือรบ USS แกเบรียล จิฟฟอร์ด 1 ลำ และอากาศยาน ในส่วนกองทัพเรือสิงคโปร์ จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกเรือรบ 1 ลำ คือ เรือ RSS เวเลียนท์

โดยห้วงการฝึก ระหว่างวันที่ 18 – 25 กรกฎาคม 2567 ทำการฝึกในท่าเรือพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และการฝึกในทะเลบริเวณอ่าวไทยตอนบน ทั้งนี้ สามารถติดตามการฝึกผสม MULTILATERAL CARAT 2024 ในท่าเรือและการฝึกในทะเล ได้ในโอกาสต่อไป

บึงกาฬ องคมนตรี ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและบริหารโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ วัดป่าดานวิเวก ในพระบรมราชูปถัมภ์

วันที่ 18 ก.ค.67 นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและบริหารโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ วัดป่าดานวิเวก ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมลงพื้นที่ดูฝายห้วยคลองตอนกลาง บ้านนาขาม ต.ศณีชมภู อ.โซ่พิสัย ที่ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมฝายขึ้นมาใหม่ โดยพระอธิการปรีดา ฉนฺทกโร เจ้าอาวาสวัดป่าดานวิเวก (หลวงปู่ทุย) 

เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ และสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับชุมชน พบปะและเยี่ยมเยือนประชาชนที่มีพื้นที่ติดกับโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ วัดป่าดานวิเวก ในพระบรมราชูปถัมภ์ สร้างการรับรู้สร้างความเข้าใจแก่ชุมชนในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ให้คนกับป่าอยู่ร่วมกัน โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผวจ.บึงกาฬ พร้อมคณะอนุกรรมการติดตามและบริหารโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ จากส่วนราชการต่างๆ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอโซ่พิสัย และโรงเรียนบ้านแสงอรุณ ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ

‘สาว’ โอด!! ถูกอดีตหัวหน้าขู่ฟ้อง หลังเขียนเหตุผลในใบลาออก จวก!! ‘สังคม Toxic-หัวหน้าไม่ค่อยมีวุฒิภาวะ-งานหนัก-ไม่ได้หยุด’

(18 ก.ค.67) จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เรื่องราวขอคำปรึกษาลงในกลุ่ม JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน หลังเขียนเหตุผลในใบลาออก แต่ทางหัวหน้าส่งข้อความมาบอก จะฟ้อง โดยรายละเอียดโพสต์ระบุว่า…

“ปกติเขียนเหตุผลในการลาออกยังไงกันหรอคะ พอดีลองเขียนความในใจไป หัวหน้าเลยจะฟ้องฝ่ายกฎหมาย แบบนี้ เขาฟ้องเราได้หรือเปล่าคะ เรากลับไปแก้ดีไหมคะ”

โดยเหตุผลการลาออก เจ้าของโพสต์ระบุในใบลาออกว่า สังคม Toxic หัวหน้าไม่ค่อยมีวุฒิภาวะ ทำงานหนักไม่มีวันหยุดพักผ่อน โดยหัวหน้าส่งข้อความมาบอกว่า พูดไม่เป็นความจริง พี่ขอส่งให้ฝ่ายกฎหมายของบริษัทนะ

หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ ออกไป ชาวเน็ตแห่แสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ

“จริง ๆ การเขียน hr จะเก็บไว้เพื่อเป็น feedback นะคะ และไม่นำไปฟ้องหรอก หลายที่ก็แปลก รับความ
จริงไม่ได้ แต่ตอนสัมภาษณ์งานอยากให้ตอบตามจริงซะงั้น”

“อย่าไปกลัวครับ ดูท่าจะไม่มีจริง ๆ”

“เอาอะไรมาฟ้องมันความจริง แต่hrไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้นะคะ”

“เขียนเรื่องจริงทำเป็นรับไม่ได้”

‘ชาวสมุทรสาคร’ เฮ!! พบฝูงปลากระบอกนับหมื่นตัวในแม่น้ำ เชื่อ!! ‘ปลาหมอคางดำ’ เริ่มน้อยลง-ระบบนิเวศกำลังฟิ้นกลับมา

(18 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร ได้ออกเรือตรวจผ่านมาบริเวณหน้าวัดกำพร้า อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร พบฝูงลูกปลากระบอกฝูงใหญ่จำนวนมากนับหมื่น ๆ ตัวว่ายล้อมโป๊ะหน้าวัดกำพร้า และว่ายลอยตัวอยู่ในแม่น้ำ สร้างความดีใจให้กับทุกคนที่ได้เห็นฝูงปลากระบอกกลับคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ

ลุงเล็ก ประธานประมงพื้นบ้าน บอกว่า การที่เห็นปลากระบอกจำนวนหลายหมื่นตัวว่ายให้เห็นแบบนี้ ชี้ให้เห็นว่าปลาหมอคางดำ ได้ลดน้อยเบาบางลงแล้ว เพราะถ้าปลาหมอคางดำ ยังมีจำนวนมากอยู่ปลากระบอกจะไม่ออกมาว่ายลอยให้เห็นอย่างนี้แน่นอน ปลากระบอกฝูงนี้ถือเป็นฝูงแรกที่กลับมาให้เห็นกัน เราไม่ได้เห็นอย่างนี้กันมานานแล้ว การที่ปลากระบอกเข้ามาอยู่บริเวณปากอ่าวนี้แล้ว อีกหน่อยก็จะกลับเข้าคืนสู่แม่น้ำลำคลองซอกซอยได้ต่อไประบบนิเวศก็จะได้กลับคืนมา

นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การที่เราได้พบฝูงปลากระบอกเป็นตัวบ่งชี้อย่างหนึ่งว่าความอุดมสมบูรณ์ส่วนหนึ่งที่เราพยายามทำมาตลอด 5-6 เดือนที่ผ่านมามันเริ่มกลับมาแล้วถ้าเราทำต่อเนื่องตนเชื่อนะว่าบ้านเราต้องกลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิมระบบนิเวศต้องกลับคืนมาโดยเร็ว

ฉลองสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี เอฟเคไอไอ.จับมือสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจจีน-เอเซียขยายความร่วมมือ 2 ประเทศ

รายงานข่าวจากสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์แจ้งวันนี้ว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์(FKII-Thailand)และอดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ นายชยดิฐ หุตานุวัชร์ ผู้อำนวยการเอฟเคไอไอ.ฯ. และประธานสถาบันทิวาหารือความร่วมมือกับ นายชุนจี ควอน นายกสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจจีน-เอเซีย(ภายใต้กระทรวงการต่างประเทศจีน) และคณะ 

โดยเห็นพ้องที่เอฟเคไอไอ.และสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจจีน-เอเซียจะร่วมมือทางด้าน การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์การเกษตร ภายใต้กรอบความร่วมมือยุทธศาสตร์อีต้าอีลู่ (1แถบ1เส้นทาง)ของจีนและยุทธศาสตร์12อุตสาหกรรมใหม่(12 S-Curves)ของไทยเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปีในปีหน้าพร้อมกันนี้นายชุนจิตยังได้เชิญนายอลงกรณ์เยือนประเทศจีนอีกด้วย

“สมาคมพัฒนาเศรษฐกิจจีน-เอเชีย มีสมาชิกมากว่า 20,000 บริษัททั่วประเทศจีนโดยสมาชิกของสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจจีน เอเชีย มีความต้องการที่จะไปลงทุนในประเทศไทย ในการพบหาคือครั้งนี้ยังมีนายปรพล อดิเรกสาร กรรมการ ด้านเศรษฐกิจสมาคมวัฒนธรรมเเละเศรษฐกิจไทย-จีน เเละ อดีตคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (ดอน ปรมัตถ์วินัย) นายดาวิน หยาง นายกสมาคมการค้าอาเซียน-จีน นายดำรงศักดิ์ มนัสวานิช รองนายกสมาคมการค้าอาเซียน-จีน

พร้อมด้วยนักธุรกิจภาคเอกชนร่วมประชุมที่ห้องประชุมสวนเสียงไผ่ ทาวน์อินทาวน์เมื่อ17 กรกฎาคมที่ผ่านมา”

‘แกร็บ’ ชวนคนไทยเชียร์ ‘นักกีฬาไทย’ สู้ศึกโอลิมปิก-พาราลิมปิกเกมส์ 2024 พร้อมเตรียมรางวัลอัดฉีดผู้คว้าเหรียญทอง สามารถใช้บริการฟรีตลอดทั้งปี

(18 ก.ค.67) แกร็บ ประเทศไทย ประกาศสนับสนุน การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ผุดแคมเปญใหญ่ ‘Grab Your Goal มากกว่าเส้นชัย คือกำลังใจจากคุณ’ เพื่อส่งแรงใจเชียร์ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยสู้ศึกการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 โดยเตรียมจัดขบวนพาเหรด พร้อมด้วยอาหารร้านดังจาก #GrabThumbsUp บน GrabFood และบัตรกำนัล GrabGift เพื่อต้อนรับและแสดงความยินดีกับนักกีฬาทีมชาติไทยหลังเดินทางกลับจากการแข่งขัน เสริมทัพด้วยรางวัลอัดฉีดให้กับนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญทอง ด้วยการมอบบัตรกำนัลมูลค่ากว่า 180,000 บาท เพื่อใช้บริการแกร็บฟรีตลอดปี

นอกจากนี้ ยังชวนคนไทยร่วมส่งแรงเชียร์นักกีฬาทีมชาติด้วยการมอบโค้ดส่วนลดพิเศษสำหรับการสั่งอาหาร ซื้อสินค้า และการเดินทางผ่านแอปพลิเคชัน Grab ตลอดระยะเวลาการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม-11 สิงหาคม 2567 

ด้าน นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “แกร็บ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนการกีฬาแห่งประเทศไทย ในการจัดเตรียมการเฉลิมฉลองต้อนรับนักกีฬาทีมชาติไทยหลังจบเกมส์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 นักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนถือเป็นตัวแทนประเทศและเป็นไอดอลคนสำคัญที่ได้สร้างความหวังและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย ทั้งยังมีส่วนในการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก ในฐานะแพลตฟอร์มที่มุ่งมั่น ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน แกร็บขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกย่องและสนับสนุนบุคคลตัวอย่างเหล่านี้ โดยเราเตรียมจัดขบวนรถต้อนรับทัพนักกีฬาไทยอย่างยิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมเซตอาหารไทยจากสุดยอดร้านอาหารจาก #GrabThumbsUp บน GrabFood ไม่ว่าจะเป็น Emily’s เส้นหมี่ไก่ฉีกที่เป็นกระแสไวรัล เจ๊แดง ส้มตำไก่ย่างร้านเด็ด Easy Buddy ข้าวกะเพราวัตถุดิบคุณภาพ ร้านโคตรยำ ยำสุดแซ่บ และ HAAB ขนมไข่เตาถ่านเจ้าดังสูตรต้นตำรับจากสงขลา พร้อมด้วยบัตรกำนัล GrabGift เพื่อให้นักกีฬาสามารถนำไปใช้บริการต่างๆ ของแกร็บได้ นอกจากนี้ เรายังได้เตรียมรางวัลพิเศษให้กับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทองกลับมา ด้วยการมอบบัตรกำนัลมูลค่ากว่า 180,000 บาท เพื่อนำไปใช้เรียกรถและสั่งอาหารผ่านแกร็บได้ฟรีตลอดทั้งปี”

ด้าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวเสริมว่า “การกีฬาแห่งประเทศไทย มีพันธกิจสำคัญในการพัฒนานักกีฬาไทยเพื่อยกระดับขึ้นไปเทียบเท่าระดับสากล โดยในปีนี้ ประเทศไทยส่งตัวแทนนักกีฬาทีมชาติ เพื่อเข้าร่วมการแข่งโอลิมปิกเกมส์ จำนวน 17 ชนิดกีฬา อาทิ เทควันโด มวยสากล และยกน้ำหนัก ในส่วนของพาราลิมปิกเกมส์ จำนวน 13 ชนิดกีฬา อาทิ ยิงธนู แบดมินตัน และจักรยาน นอกจากเสียงเชียร์จากคนไทยนับล้านที่คอยให้กำลังใจนักกีฬาทุกคนระหว่างการแข่งขันแล้ว การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนก็ถือเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาและส่งเสริมวงการกีฬาไทย กกท. ขอขอบคุณหน่วยงานภาคเอกชนอย่าง แกร็บ ประเทศไทย ที่ได้ให้การสนับสนุนนักกีฬาในครั้งนี้ ทั้งอาหารที่ช่วยให้นักกีฬาได้ฟื้นฟูกำลังอย่างเต็มที่ และขบวนพาเหรดที่จะต้อนรับนักกีฬาอย่างอบอุ่น  ซึ่งถือเป็นการสร้างกำลังใจและความภาคภูมิใจให้กับกองทัพนักกีฬาไทยได้เป็นอย่างดี”

นอกจากนี้ เพื่อต้อนรับกระแสเชียร์กีฬาระดับโลก แกร็บชวนคนไทยร่วมส่งแรงใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยในศึกการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ด้วยการมอบส่วนลดสุดพิเศษสำหรับผู้ใช้บริการ เพียงใส่โค้ด ‘CHEERTHAI’ เมื่อใช้บริการ GrabFood รับส่วนลดสูงสุด 100 บาท บริการ GrabMart รับส่วนลดทันที 30 บาท และบริการการเดินทาง อาทิ JustGrab และ GrabCar รับส่วนลดสูงสุด 50 บาท ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 นี้ 

อย่างไรก็ตาม แกร็บ (Grab) คือ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งให้บริการทั้งด้านเดลิเวอรี บริการการเดินทางและบริการทางการเงินดิจิทัล ครอบคลุมกว่า 700 เมืองใน 8 ประเทศ อันได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ในทุก ๆ วันแกร็บได้ช่วยอำนวยความสะดวกผู้คนนับล้านให้สามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้ภายในแอปพลิเคชันเดียว ไม่ว่าจะเป็น การสั่งอาหาร การสั่งซื้อสินค้าและของชำ การจัดส่งพัสดุเอกสาร การเรียกรถรับ-ส่งหรือแท็กซี่ ไปจนถึงการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ ทั้งการขอสินเชื่อและการทำประกัน ทั้งนี้ แกร็บก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2555 ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปข้างหน้า ผ่านการสร้างโอกาสและส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับทุกคน และยึดมั่นเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งให้กับผู้ถือหุ้น ควบคู่ไปกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมทั่วทั้งภูมิภาค

‘ผู้เชี่ยวชาญชุดไทย’ แนะ 7 ข้อแก้ ‘ชุดพิธีการโอลิมปิก’ ให้ทันสมัย หากแก้ไม่ได้ ควรให้นักกีฬาใส่ชุดวอร์มที่สวยงาม-เท่-ทันสมัยจะดีกว่า

(18 ก.ค.67) จากกรณีที่คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดตัวชุดพิธีการที่จะใช้ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปรากฏว่ามีเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตถึงความเชย ไม่ทันสมัยในการออกแบบ คล้ายกับเครื่องแต่งกายชุดผ้าไทยของข้าราชการ หรือเปรียบได้กับชุดไปประชุมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ชุดไปงาน อบต. นั้น

ปรากฏว่า ‘ครูบิ๊ก’ พีรมณฑ์ ชมธวัช เจ้าของอาภรณ์งามสตูดิโอ ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องแต่งกายนาฏศิลป์ไทยโบราณ ผู้อยู่เบื้องหลังโขนพระราชทาน และผู้อยู่เบื้องหลังชุดในโฆษณารีเจนซี่กว่า 15 ปี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Peeramon Chomdhavat โดยระบุข้อความว่า…

ถ้ายังดื้อ ยืนยันว่าจะใช้แบบเสื้อนี้ให้นักกีฬาทีมชาติไทยใส่ไปโอลิมปิกจริง ๆ ก็จำเป็นต้องแก้ไข การตัดเย็บ ปรับสัดส่วนเสื้อให้พอดีตัวคนใส่ ตามนี้

1. ปรับวงคอให้ตื้นขึ้นอีก ตอนนี้มันคว้านลึกไป
2. วงแขนใหญ่เกินตัวไปมาก ต้องแก้แพตเทิร์นใหม่ให้เล็กลง
3. เก็บเกล็ดหลังเสื้อเข้าอีก
4. ลดขนาดแขนเสื้อให้แคบลงอีก
5. ปลายแขนเสื้อยาวไปปรับขึ้นให้พอดีข้อมือ
6. ความยาวของตัวเสื้อยาวไปมากใส่แล้วดูตัวยาวขาสั้นรูปร่างผิด ส่วนอย่างแรงต้องปรับให้ชายเสื้อสั้นขึ้นอีก
7. แนะนำให้ใส่เสื้อ สีฟ้าครามตัวนี้กับกางเกงสีขาวล้วนถุงเท้าขาวรองเท้าสีขาว จะช่วยให้ดูดีขึ้น เป็นชุดของหนุ่มสาวมากขึ้นเหมาะกับวัยของนักกีฬา

แบบเสื้อนี้เป็นแบบอนุรักษนิยมจัด ถ้าจะให้ดูดีตามคติจำเป็นมากต้องตัดให้พอดีตัว ไม่สามารถใส่แบบ โคร่ง ๆ หลวม ๆ oversized แบบที่นำมาโชว์นี้ได้มันทำให้ดูแย่ ไม่มีสง่าราศี ผิดหลักการของชุดไทยประจำชาติมาก

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากในการนำเสนอ คือการถ่ายภาพ ควรทำให้ดูทันสมัยกว่านี้ เพราะนี่คืองานระดับโลก ภาพที่ออกมาจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับชาติอื่น ๆ ทั่วโลก เราคงไม่อยากเห็นประเทศไทยด้อยกว่าชาติอื่นจริงไหมครับ

ถ้าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ ทางออกที่ดีกว่านี้คือนำแบบเสื้อนี้ให้ทีมผู้ฝึกสอนและคณะทำงานใส่ เท่านั้น ส่วนนักกีฬาทั้งหมดเปลี่ยนแบบไปใส่ชุดวอร์มของแกรนด์สปอร์ต ที่ออกแบบมาได้สวยงามทันสมัย ที่มีอยู่แล้วกับรองเท้าผ้าใบสีขาว นักกีฬาไทยจะดูดี เท่ทันสมัยมาก ๆ ในชุดของแกรนด์สปอร์ต เชื่อผม

นี่เป็นความเห็นและข้อแนะนำจากผม พีรมณฑ์ ชมธวัช ผู้เชี่ยวชาญด้านชุดไทยและผ้าไทย

‘สสส.’ จับมือพันธมิตร มอบรางวัลเชิดชูบุคคล-องค์กรต้นแบบ สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และการรู้เท่าทันสื่อ ประจำปี 2567

เนื่องจากปัจจุบัน เด็กและเยาวชนกำลังเผชิญปัญหากับภัยคุกคามบนสื่อออนไลน์ที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ เกม พนัน และการโฆษณาชวนเชื่อ โดยเฉพาะเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มเยาวชนอย่างชัดเจน 

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สมาคมวิทยุและสื่อเพื่อเด็กและเยาวชน (สสดย.) จัดงานประกาศรางวัลดีเด่นด้านการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการรู้เท่าทันสื่อ ประจำปี 2567 ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอน จังหวัดนนทบุรี หวังมุ่งพัฒนากลไกเฝ้าระวังสื่อที่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสังคม ยกระดับนวัตกรรมการสื่อสารให้เกิดระบบสื่อสุขภาวะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดพลังบวกในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการรู้เท่าทันสื่อสู่ทุกภาคส่วน 

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมมากมาย ทั้งการแสดง และกิจกรรมเสวนาในหัวข้อ ‘แนวทางการสร้างการรู้เท่าทันสื่อ เพื่อสุขภาวะในสังคมไทย’ รวมถึงพิธีมอบรางวัล โดยการประกาศผลการประกาศระดับรางวัลโล่เกียรติยศ 4 ประเภท ได้แก่ 

1.) ประเภทบุคคล 
2.) ประเภทสถานศึกษา 
3.) ประเภทภาครัฐ 
4.) ประเภทภาคประชาสังคม 

โดยรางวัลการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการรู้เท่าทันสื่อประเภทบุคคลดีเด่นระดับรางวัลโล่เกียรติยศได้แก่ พลตำรวจตรีนิเวศน์ อาภาวศิน รอง.ผบช.สอท. 

รางวัลการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการรู้เท่าทันสื่อประเภทสถานศึกษาดีเด่นระดับรางวัลโล่เกียรติยศผู้ได้รับรางวัลได้แก่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี 

รางวัลการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการรู้เท่าทันสื่อประเภทองค์กรภาครัฐ ดีเด่นระดับรางวัลโล่เกียรติยศผู้ได้รับรางวัลได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 3 

รางวัลการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการรู้เท่าทันสื่อประเภทภาคประชาสังคมดีเด่นระดับรางวัลโล่เกียรติยศผู้ได้รับรางวัลได้แก่ มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย

นอกจากนี้ผู้ได้รับรางวัลการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ระดับเกียรติบัตรประเภทบุคคลดีเด่น ได้แก่ 
1.รศ.ดร.พนม คลี่ฉายา 
2.อาจารย์เจนจิรา โพธิ์ชัย 
3. รองศาสตราจารย์ ดร.กุลทิพย์ ศาสตระรุจิ 
4. ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน 
5. ดร.ดนัย หวังบุญชัย 

รางวัลการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ระดับเกียรติบัตรประเภทสถานศึกษาดีเด่น ได้แก่ 
1. โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี จังหวัดกรุงเทพมหานคร 
2. โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก 

รางวัลการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ระดับเกียรติบัตรประเภทองค์กรภาครัฐดีเด่น 
1. บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดมหาสารคาม กรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้แก่ 
2. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 3 
3. สำนักงานส่งเสริมดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีป้า 
4. สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ

รางวัลการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ระดับเกียรติบัตรประเภทภาคประชาสังคมดีเด่น ได้แก่
1. ศูนย์สร้างสรรค์ เพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัว 
2. กลุ่ม Critizen 
3. สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทยในพระอุปถัมภ์ฯ

หลังจากนั้นได้มีกิจกรรมพิเศษสุดท้ายจากตัวแทนภาคเยาวชนนำโดยที่ได้มาเสนอความรู้สึกภายในงานฝากถึงภาคีเครือข่ายผ่านในงานให้นำเสียงที่เยาวชนนำเสนอ หวังสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องความสำคัญของรู้เท่าทันกับสถานการณ์โลกยุคดิจิทัลต่อไป

โดยในงานประกาศรางวัลการรู้เท่าทันสื่อ ประจำปี 2567 ในครั้งนี้นั้นได้เปิดงานร่วมกันระหว่าง 3 ผู้จัดสำหรับผ่านคอนเซปต์ในการเปิดงานในครั้งคือเป็นการต่อจิ๊กซอว์สานพลังของทั้งสามหน่วยงานเติมเต็มความสมบูรณ์แบบร่วมกันพัฒนา โดยสีฟ้า ได้แก่ สสดย. สีส้มได้แก่ สสส. และสีน้ำเงินได้แก่ สช.

ถึงกับไปไม่เป็น!! ผู้สัมภาษณ์งาน อึ้ง!! คำถามจากเด็กจบใหม่ "ถ้าผ่านงาน 2 เดือน ปรับเป็น 15,000 ขอมาทำเดือนที่ 3 เลยได้มั้ย?"

(18 ก.ค. 67) จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'SharePoint Khungkamano' ได้โพสต์ถามชาวเน็ต ว่าควรตอบคำถามเด็กจบใหม่ที่มาสัมภาษณ์งานอย่างไร เมื่อเจอบทสนทนาเช่นนี้ ว่า...

"คำถามสุดท้ายของการสัมภาษณ์พนักงานใหม่ น้องตั้งคำถามว่า ผ่านทดลองงานจ่ายเงินยังไงคะพี่ ผมบอกไปว่า เดือนแรก 12,000 ผ่านงาน 2 เดือน ปรับเป็น 15,000 น้องถามต่อว่า "นู๋ขอมาทำงาน เดือนที่ 3 เลยได้มั้ยคะพี่ หมื่นสองนู๋ไม่เอา" ตอบน้องไงดี?"

ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ก็มีเสียงสะท้อนจากโลกโซเชียล ดังนี้...

- "โอเคผ่านค่ะ ผ่านประตูออกไปเลยนะคะน้อง ขอบคุณมากค่ะ คนต่อไป เด็กปัจจุบันเขาชอบตอบตรง ๆ ไม่ต้องอ้อมค่ะ"

- "ถ้ามีน้องมาบอกว่า ทดลองงานก่อน ทำไม่ได้ หรือไม่ดี ไม่เอาตังค์ ผมจะรับทันทีเลย 555"

- "ที่เคยโทรสัมภาษณ์เบื้องต้นตำแหน่ง Sale Engineer จบใหม่ไม่มีประสบการณ์ น้องบอกถ้าได้ไม่ถึง 25,000 ก็ไม่เสียเวลาคุย เอิ่มมม…น้องคะงานขายเขามีคอมมิสชัน เพราะฉะนั้นบริษัทส่วนใหญ่จะไม่ตั้งเงินเดือนสูงแต่จะมี Allowance ต่าง ๆ เข้ามาให้ ขอผ่านไปคุยกับคนทัศนคติดี ๆ พร้อมเรียนรู้งานดีกว่า"

- "ว่าไปแล้วเด็กเดี๋ยวนี้ โดนปลูกฝังค่านิยมแบบนี้เกือบทั้งหมด ... ที่บริษัทก็มีครับ ไม่มีประสบการณ์ เพิ่งจบ ภาษาอังกฤษไม่ได้ วิชาการก็น้อยมาก แต่ถามหาเงินเดือนสูงไว้ก่อน"

- "ก็ถ้าน้องคิดว่าน้องเหาะได้ บันไดขั้นที่ 1 ที่ 2 ไม่ต้องเหยียบก็ลองดู แล้วจะรู้ว่า บันไดขั้นที่ 3 ไม่มีอยู่จริง"

- "จ้างคนพม่ามาเลย ส่วนน้องเขาก็ร้องเพลงรอต่อไป"

- "รออีกไม่นานคงไม่มีเคสแบบนี้แล้วค่ะ ผู้ประกอบการหันไปใช้ AI กับหุ่นยนต์หมดแล้ว"

- "อีกมุม น้องเขาอาจมี Mindset (ความคิด) จากรัฐบาลบอกแรงงานขั้นต่ำ ป.ตรี 15.000 บาท จึงอยากได้ตามที่น้องเคยได้ยิน แต่น้องพูดไม่เป็น ทำให้น้องไม่น่าได้งานทำ"

- "น้องอาจจะไม่ได้ทั้ง 12000 กับ 15000 นะ"

ขณะที่เพจ ''สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา' ก็ได้ให้มุมมองกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ว่า...

"ใครบอกเด็กไทยไม่ฉลาดเพราะได้คะแนนข้อสอบสากลน้อยกว่าเด็กชาติอื่น ไม่จริงนะครับ เด็กไทยฉลาดมาก แต่เป็นความฉลาดแบบไทย ๆ กันไง แถวนี้เราลูกหลานศรีธนญไชยกันทั้งนั้นแหละ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top