Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

สมุทรปราการ- 'สส.ยงยุทธ' ควงคู่ 'นายกอรัญญา' เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียนร่วม 2,000 คน เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด

ท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยที่ 25 พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้เดินทางไปเลี้ยงอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนวัดแพรกษา เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร 

ท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นำคณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา เดินทางไปยังโรงเรียนวัดแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ โดยได้ร่วมกันแจกอาหารกลางวัน ขนมปัง พร้อมทั้งไอศครีมแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนวัดแพรกษา จำนวน 1,622 คน เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร ซึ่งตรงกับวันที่ 22 กรกฎาคม 2567 ที่จะถึงนี้

โดยมีทางคณะครู ผู้ปกครอง และนักเรียนโรงเรียนวัดแพรกษาร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ทางคณะครู ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลและชั้นมัธยมร่วมร้องเพลงอวยพรวันคล้ายวันเกิดให้กับทางท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ 

อีกทั้งทาง ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร และนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้มอบเงินให้แก่นักเรียน นักดนตรีของโรงเรียนวัดแพรกษา จำนวน 10,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่นักเรียนโรงเรียนวัดแพรกษาอีกด้วย พร้อมทั้งได้กล่าวชื่นชมและขอให้เด็กนักเรียนทุกคนจงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและเป็นคนดีของครอบครัวต่อไป

สมุทรปราการ-เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ร่วมกับชุมชนแห่เทียนพรรษาเนื่องในวันเข้าพรรษาวัดน้อยสุวรรณาราม

นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ เป็นประธาน นำคณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน และข้าราชการ สำนักงานเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ร่วมแห่เทียนพรรษา โดยมี สจ.ชนะ หงวนงามศรี รองประธานสภา อบจ.สมุทรปราการ สจ.มณิฐกานต์ บุญริ้ว สมาชิกสภาอบจ.สมุทรปราการ กำนันธนสัน วสันต์ กำนันตำบลแพรกษาใหม่ แพทย์ประจำตำบล ชาวชุมชนพฤกษา 15 พฤกษา 28 สมาชิกกลุ่มพัฒนาแพรกษาใหม่ ตลอดจนคณะครู นักเรียนโรงเรียนวัดคลองเก้า โรงเรียนอนุบาลแพรกษาใหม่ กลุ่มแม่บ้านสตรี พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ตำบลแพรกษาใหม่ ร่วมแห่เทียนพรรษา พร้อมทั้งถวายผ้าป่าสามัคคี เนื่องในวันเข้าพรรษา ประจำปี 2567 ณ วัดน้อยสุวรรณาราม (วัดคลองเก้า) ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 

โดยได้รับความเมตตาจากพระครูสุวรรณสิทธิธาดา เจ้าคณะตำบลบางปู เจ้าอาวาสวัดน้อยสุวรรณาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และสำหรับกิจกรรมแห่เทียนพรรษาและการถวายผ้าป่าสามัคคี ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ ทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ร่วมกับชาวชุมชนตำบลแพรกษาใหม่ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยนำเทียนพรรษาพร้อมทั้งผ้าอาบน้ำฝน เครื่องสังฆทาน จตุปัจจัยไทยธรรม นำมาถวายแด่พระสงฆ์ เพื่อเป็นพุทธบูชาในช่วงเทศกาลวันเข้าพรรษา ตลอดระยะเวลา 3 เดือน 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ และส่งเสริมประเพณีไทยปลูกฝั่งให้เด็กและเยาวชนได้รู้จักปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในวันสำคัญทางพุทธศาสนาอย่างถูกต้องตลอดจนเพื่อเป็นการสร้างความรัก ความสามัคคี ในหมู่คณะ ระหว่างเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ กับคนในชุมชนได้อีกด้วย

เปิดประวัติ ความสำคัญของ 'วันอาสาฬหบูชา' วันแรกที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาแก่ชาวโลก

วันอาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธนิกายเถรวาทและวันหยุดราชการในประเทศไทย คำว่า อาสาฬหบูชา ย่อมาจาก ‘อาสาฬหปูรณมีบูชา’ แปลว่า ‘การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ’ อันเป็นเดือนที่สี่ตามปฏิทินของประเทศอินเดีย ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนกรกฎาคมหรือเดือนสิงหาคม แต่ถ้าในปีใดมีเดือน 8 สองหน ก็ให้เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน 8 หลังแทน

วันอาสาฬหบูชาได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 45 ปี ก่อนพุทธศักราช ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 คือวันอาสาฬหปุรณมีดิถี หรือวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นกาสี อันเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาคือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแก่ปัญจวัคคีย์

การแสดงธรรมครั้งนั้น ทำให้พราหมณ์โกณฑัญญะ 1 ในปัญจวัคคีย์ ประกอบด้วย โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ เกิดความเลื่อมใสในพระธรรมของพระพุทธเจ้า จนได้ดวงตาเห็นธรรมหรือบรรลุเป็นพระอริยบุคคลระดับโสดาบัน ท่านจึงขออุปสมบทในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา พระอัญญาโกณฑัญญะจึงกลายเป็นพระสาวกและภิกษุองค์แรกในโลก และทำให้ในวันนั้นมีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วันนี้ถูกเรียกว่า ‘วันพระธรรม’ หรือ วันพระธรรมจักร อันได้แก่วันที่ล้อแห่งพระธรรมของพระพุทธเจ้าได้หมุนไปเป็นครั้งแรก และ ‘วันพระสงฆ์’ คือวันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และจัดว่าเป็น ‘วันพระรัตนตรัย’ อีกด้วย

เดิมนั้นไม่มีการประกอบพิธีการบูชาในเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาในประเทศพุทธเถรวาทมาก่อน จนมาในปี พ.ศ. 2501 การบูชาในเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาจึงได้เริ่มมีขึ้นในประเทศไทย ตามที่คณะสังฆมนตรี ได้กำหนดให้วันนี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2501 โดยคณะสังฆมนตรีได้มีมติให้เพิ่มวันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธในประเทศไทย ตามคำแนะนำของ พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี) โดยคณะสังฆมนตรีได้ออกเป็นประกาศสำนักสังฆนายกเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 กำหนดให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาพร้อมทั้งกำหนดพิธีอาสาฬหบูชาขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีพิธีปฏิบัติเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชาอันเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล

อย่างไรก็ตาม วันอาสาฬหบูชาถือเป็นวันสำคัญที่กำหนดให้กับวันหยุดของรัฐเพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทอื่น ๆ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันอาสาฬหบูชาเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชา

สำหรับความสำคัญ ‘วันอาสาฬหบูชา’ ถือเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาประกาศพระธรรมจักร (ฟัง) เป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์และ ‘เป็นวันที่บังเกิดมีพระสงฆ์ครบเป็นองค์พระรัตนตรัยครั้งแรกในโลก’

วันอาสาฬหบูชา หรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมที่ตรัสรู้เป็นครั้งแรก จึงถือได้ว่าวันนี้เป็น 'วันเริ่มต้นประกาศพระพุทธศาสนาแก่ชาวโลก  และด้วยการที่พระพุทธเจ้าทรงสามารถ แสดง เปิดเผย ทำให้แจ้ง แก่ชาวโลก ซึ่งพระธรรมที่ตรัสรู้ได้ จึงถือได้ว่าพระองค์ได้ทรงกลายเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์ คือทรงสำเร็จภารกิจแห่งการเป็นพระพุทธเจ้าผู้เป็น ‘สัมมาสัมพุทธะ’ คือเป็นพระพุทธเจ้าผู้สามารถแสดงสิ่งที่ตรัสรู้ให้ผู้อื่นรู้ตามได้ ซึ่งแตกต่างจาก ‘พระปัจเจกพุทธเจ้า’ ที่แม้จะตรัสรู้เองได้โดยชอบ แต่ทว่าไม่สามารถสอนหรือเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ตามได้ ด้วยเหตุนี้วันอาสาฬหบูชาจึงมีชื่อเรียกว่า ‘วันพระธรรม’

วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่ท่านโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรมสำเร็จพระโสดาบันเป็นพระอริยบุคคลคนแรก และได้รับประทานเอหิภิกขุอุปสมบทเป็นภิกษุองค์แรกในพระศาสนา และด้วยการที่ท่านเป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกในโลกดังกล่าว พระรัตนตรัยจึงครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก ด้วยเหตุนี้วันอาสาฬหบูชาจึงมีชื่อเรียกว่า ‘วันพระสงฆ์’

ดังนั้น วันอาสาฬหบูชา จึงถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธศาสนาดังกล่าว ซึ่งควรพิจารณาเหตุผลโดยสรุปจากประกาศสำนักสังฆนายกเรื่องกำหนดพิธีอาสาฬหบูชา ที่ได้สรุปเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวันอาสาฬหบูชาไว้โดยย่อ ดังนี้...

1.เป็นวันแรกที่พระโคตมพุทธเจ้าทรงประกาศศาสนาพุทธ

2.เป็นวันแรกที่พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมจักร ประกาศสัจธรรม อันเป็นองค์แห่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ

3.เป็นวันที่พระอริยสงฆ์สาวกองค์แรกบังเกิดขึ้นในโลก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้รับประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา ในวันนั้น

4.เป็นวันแรกที่บังเกิดสังฆรัตนะ สมบูรณ์เป็นพระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ

สำหรับกิจกรรมที่ชาวพุทธในประเทศไทย และทั่วโลก นิยมทำในวันอาสาฬหบูชา มีดังนี้...

- ตักบาตรในตอนเช้า
- เวียนเทียนในตอนเย็น 
- ฟังพระธรรมเทศนา
- ถวายสังฆทาน
- ปฏิบัติธรรม

มุกดาหาร​ -​ตชด.234 มุกดาหาร เปิดยุทธการพิทักษ์ริมน้ำโขง ตรวจยึดรถยนต์ขณะเตรียมลักลอบข้ามโขง 4 คัน

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 234 จังหวัดมุกดาหาร พ.ต.ท.วัฒนพล ดาแก้ว ผบ.ร้อย ตชด.234 แถลงผลการปฏิบัติตามแผนยุทธการพิทักษ์ริมน้ำโขงโดย พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบช.ตชด. สามารถตรวจยึดรถยนต์ขณะเตรียมลักลอบนำข้ามแม่น้ำโขงส่งนายทุนรถยนต์เถื่อน สปป.ลาว จำนวน 4 คัน 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม เวลาประมาณ 20.00 น. พ.ต.ท.วัฒนพล ดาแก้ว ผบ.ร้อย ตชด.234 ได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบรถยนต์ต้องสงสัยว่าจะนำมาจอดพักเพื่อรอทำการลักลอบส่งออกนอกราชอาณาจักร จอดอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าศูนย์อาหารของปั้มน้ำมัน ปตท.คำป่าหลาย ต.คำป่าหลาย อ.เมืองมุกดาหาร  จะจ.มุกดาหาร  จำนวน 4 คัน จึงได้สั่งการให้ ร.ต.ท.ทองดี แก้วอาจ หน.ชุด ชปข.ร้อย ตชด.๒๓๔ พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 12 นาย และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ออกตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ไปถึงจุดที่รับแจ้งพบรถยนต์กระบะ 4 ประตู จำนวน 4 คัน  คือ 1.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็กซ์  สีเทา ทะเบียน ขร 8542 ระยอง 2.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น ไฮลักซ์ รีโว่  ทะเบียน กจ 3614 ชัยนาท  3.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็กซ์  สีขาว ทะเบียน จค 9326 ชลบุรี 4.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น ไฮลักซ์ รีโว่ สีดำ ทะเบียน 5 กฮ 6989 กรุงเทพมหานคร ตรงตามที่สายลับให้ข้อมูลไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังเฝ้าตรวจการณ์รอบบริเวณและได้สอบถามพนักงานปั๊มน้ำมันแต่ไม่มีใครทราบว่ารถยนต์ทั้ง 4 คันเป็นของผู้ใดซึ่งจอดอยู่นานแล้ว จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. ไม่มีบุคคลใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของรถยนต์จำนวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึดรถยนต์ทั้ง 4 คัน จากการตรวจสอบพบว่า ประตูรถยนต์ทั้ง 4 คันไม่ได้ล็อคไว้ และมีกุญแจรถเสียบอยู่ภายในรถยนต์ทั้ง 4 คัน จึงได้ทำการนำรถยนต์ทั้งหมดกลับมาที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 234 เพื่อสืบสวนขยายผลและทำบันทึกการตรวจยึดเพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คำป่าหลาย อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘วัดโพธิ์’ ติด 1 ใน 10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมที่สุดในเอเชีย 2024 นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมเช็กอิน - ชื่นชมความงามของพระนอน

(19 ก.ค. 67) ‘ทริปแอดไวเซอร์’ เว็บไซต์ท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ประกาศผลการจัดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2024 จากการโหวตของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ปรากฏว่า ‘วัดโพธิ์’ หรือ ‘วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร’ ได้รับการจัดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากที่สุด เป็นอันดับที่ 9 ในเอเชีย ซึ่งเป็นข่าวที่สร้างความปลื้มปีติยินดี และภาคภูมิใจแก่ประเทศและคนไทยเป็นอย่างมาก

สำหรับการจัดอันดับของทริปแอดไวเซอร์ ประจำปี 2024 มีดังนี้

-อันดับที่ 1 ได้แก่ การ์เด้นส์ บาย เดอะเบย์ ประเทศสิงคโปร์ ถูกยกให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม–อันดับ 1 ในรางวัล Best of the best 2024 
-อันดับที่ 2 คือ นครวัด ประเทศกัมพูชา 
-อันดับที่ 3 มู่เทียนหยู ประเทศจีน 
-อันดับที่ 4 ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย 

-อันดับที่ 5 ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ ประเทศญี่ปุ่น 
-อันดับที่ 6 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว รอยัลสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย 
-อันดับที่ 7 เมืองโบราณฮอยอัน ประเทศเวียดนาม 
-อันดับที่ 8 ป่าลิงอูบุด ประเทศอินโดนีเซีย

-อันดับที่ 9 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ประเทศไทย เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธไสยาส หรือ พระนอน สร้างขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และมีความงดงามเป็นยิ่งนัก ปิดด้วยทองคำรอบองค์ขนาดใหญ่ มีความยาว 46 เมตร และสูง 15 เมตร และ-อันดับที่ 10 พิพิธภัณฑ์ไซง่อน เวียดนาม

พระเทพวัชราจารย์ รศ.,ดร. (เจ้าคุณเทียบ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ประธานคณะกรรมการฝ่ายเผยแพร่วัดพระเชตุพนฯ เปิดเผยว่า ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดทั่วโลกลดความรุนแรงลง นักท่องเที่ยวที่มาวัดโพธิ์ ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เฉลี่ยวันละ 7,000 - 10,000 คนขึ้นไป โดยเฉพาะช่วงเทศกาลมีมากกว่า 10,000 คน เพราะต้องการมาชมความงามของพระนอนวัดโพธิ์ที่เป็นที่เลื่องชื่อ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้มีผู้นำจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมาที่วัด อาตมภาพ ได้มีโอกาสให้การต้อนรับและนำชมแทบทุกครั้ง ตั้งแต่นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นางฮิลลารี่ คลินตัน มกุฏราชกุมารและพระชายาแห่งเบลเยียม 

ซึ่งต่อมาได้รับสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์และพระราชินีแห่งเบลเยียม นายกรัฐมนตรีของจีน ประธานาธิบดีชิลี รองประธานาธิบดีอินเดีย นายกรัฐมนตรีภูฏาน คณะพระคาร์ดินัลจากนครรัฐวาติกัน 

ล่าสุด คือเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นต้น ซึ่งผู้นำทุกท่านที่มาเยือนวัดโพธิ์ ล้วนประทับใจความงามของ ‘พระนอน’ เป็นยิ่งนัก

“ที่สำคัญต้องยอมรับว่าข่าวสารของโลกสมัยนี้ มีความก้าวหน้า ทันสมัยและรวดเร็วมาก เมื่อผู้นำหรือผู้ที่เป็นที่รู้จักของสังคมโลกได้เผยแพร่ภาพที่มาเยือนวัดโพธิ์ออกไป ยิ่งทำให้คนทั่วโลกอยากมาเห็น อยากมาสัมผัสพระนอนวัดโพธิ์ด้วยตาตนเองสักครั้ง อาตมภาพมองว่าอานิสงส์ในครั้งนี้ล้วนเกิดจากสายพระเนตรที่กว้างไกลขององค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ที่ทรงมีความศรัทธาในพระศาสนาอย่างแรงกล้า ทรงทำนุบำรุงและปฏิสังขรณ์ วัด ศาสนสถานมาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นพระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ต่อประเทศและพสกนิกรชาวไทยอย่างแท้จริง” พระเทพวัชราจารย์ กล่าว

สิ้น ‘หลวงปู่เฉลิม’ เทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์ มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 80 ปี

เมื่อวานนี้ (18 ก.ค. 67) หลวงปู่เฉลิม ผลปญฺโญ หรือ พระครูวินิต ปัญญาคุณ วัดพวงนิมิต ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว หรือที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาขนานนามท่านว่า ‘เทพเจ้าเขาแห่งฉกรรจ์’ เกจิชื่อดังทางด้านเครื่องรางของขลัง ได้มรณภาพอย่างสงบที่โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ สิริอายุรวม 80 ปี 55 พรรษา ท่ามกลางความเศร้าโศกของบรรดาลูกศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการมรณภาพ หลวงปู่เฉลิมมีอาการช็อกหมดสติไป 2-3 ครั้ง หลังจากเดินทางกลับจากการเข้าร่วมพิธีปลุกเสกที่จังหวัดลำปาง ลูกศิษย์จึงได้นำตัวท่านส่งโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ ก่อนการมรณภาพอย่างสงบ ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว 

สำหรับหลวงปู่เฉลิมจัดเป็นเกจิชื่อดังและมีชื่อเสียงทางด้านเครื่องรางของขลัง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วสารทิศ เครื่องลางของขลังที่จัดสร้างไว้มีมากมาย อาทิ เขี้ยวหมูป่าแกะเสือนั่งแท่น รุ่นพยัคฆ์นั่งแท่น หลวงพ่อเฉลิม ผลปัญโญ เทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์ วัดพวงนิมิต อานุภาพของเขี้ยวหมูป่า ยอดทางมหาอุดหยุดลูกปืน คงกระพัน ป้องกันภัย มหาอำนาจ ได้สารพัด ตลอดจนพระเครื่อง เหรียญรุ่นต่าง ๆ จำนวนมาก

นายจรัญ ขำสุขเลิศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เขาสามสิบ ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงปู่ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะศิษยานุศิษย์ได้นำร่างของหลวงปู่เฉลิมกลับมาที่วัดพวงนิมิตแล้วเพื่อเตรียมจัดพิธีรดน้ำศพ ในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. และอยู่ระหว่างขอพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ รวมทั้งทางบรรดาศิษยานุศิษย์เตรียมจัดงานสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ตั้งคืนวันที่ 20 ก.ค.67 เป็นต้นไป เพื่อน้อมส่งหลวงปู่เฉลิมสู่นิพพาน

‘ธนารักษ์’ เตรียมจำหน่าย ‘เหรียญที่ระลึก’ เฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.10 เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ตั้งแต่ 24 ก.ค.นี้

(19 ก.ค. 67) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติดังกล่าวขึ้น

ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยน้ำพระราชหฤทัยอันเต็มเปี่ยมที่มีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทรงแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรให้มีความร่มเย็นเป็นสุข เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรและความอุดมสมบูรณ์แก่แผ่นดิน และเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณให้แผ่ไพศาลทั้งภายในประเทศและนานาประเทศทั่วโลก

สำหรับการจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ครั้งนี้ ประกอบด้วย

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 5 ชนิด
1.เหรียญทองคำขัดเงา
-ชนิดราคา 20,000 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 50,000 บาท

2.เหรียญเงินขัดเงา
-ชนิดราคา 1,000 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 3,000 บาท

3.เหรียญโลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
-ชนิดราคา 50 บาท จ่ายแลกราคาเหรียญละ 50 บาท 

4.เหรียญโลหะสีขาวขัดเงา (ทองแดงผสมนิกเกิล)
-ชนิดราคา 20 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 200 บาท 

5.เหรียญโลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
-ชนิดราคา 20 บาท จ่ายแลกราคาเหรียญละ 20 บาท

โดยเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ทั้ง 5 ชนิด มีลวดลาย ดังนี้

ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผินพระพักตร์ทางเบื้องขวา ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า ‘พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว’

ด้านหลัง กลางเหรียญมีรูปตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เบื้องล่างมีข้อความบอกราคาว่า ๒๐๐๐ บาท / ๑๐๐๐ บาท / ๕๐ บาท และ ๒๐ บาท ตามลำดับ ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า ‘พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗’ เบื้องล่างมีข้อความว่า ‘ประเทศไทย’ โดยมีลายไทยประดิษฐ์คั่นระหว่างข้อความเบื้องบนกับเบื้องล่างทั้งสองข้าง

เหรียญที่ระลึก 3 ประเภท
1. เหรียญทองคำ ราคาเหรียญละ 60,000 บาท มีลวดลาย ดังนี้

ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า ‘พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว’

ด้านหลัง กลางเหรียญมีรูปตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า ‘พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗’

2. เหรียญเงินรมดำพ่นทรายพิเศษ ราคาเหรียญละ 10,000 บาท มีลวดลาย ดังนี้

ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ด้าน

ข้างพระบรมรูปทั้งสองข้างมีโต๊ะเคียงทอดเครื่องราชูปโภค โต๊ะเคียงด้านขวาทอดพานพระขันหมาก โต๊ะเคียงด้านซ้ายทอดพระมณฑปรัตนกรัณฑ์ เบื้องล่างด้านซ้ายทอดพระสุพรรณราช เบื้องหลังพระบรมรูปมีพระที่นั่งภัทรบิฐ ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า ‘พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว’

ด้านหลัง กลางเหรียญมีรูปตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า ‘พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ’ เบื้องล่างมีข้อความว่า ‘๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗’

3. เหรียญทองแดงรมดำพ่นทรายพิเศษ ราคาเหรียญละ 3,000 บาท มีลวดลายเช่นเดียวกับลวดลายของเหรียญที่ระลึกชนิดเงินรมดำพ่นทรายพิเศษ

ขณะที่ เหรียญที่ระลึกชนิดเงินรมดำพ่นทรายพิเศษเหรียญเฉลิมพระเกียรติ (เหรียญที่ระลึกประดับแพรแถบ) เหรียญเงิน ชนิดบุรุษและชนิดสตรี จำหน่ายราคาเหรียญละ 1,600 บาท โดยมีลวดลาย ดังนี้

ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า ‘พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว’

ด้านหลัง กลางเหรียญมีรูปตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า ‘พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗’

ขอบนอกเหรียญ ด้านหน้าเบื้องบนมี เลข ๑๐ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ เบื้องหลังประดิษฐานพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เบื้องล่างด้านขวามีเลข ‘๗’ ด้านซ้ายมีเลข ‘๒’ หมายถึง พระชนมพรรษา 72 พรรษา ด้านหลังขอบนอกเหรียญมีห่วงสำหรับบุรุษใช้ห้อยกับแพรแถบ กว้าง 32 มิลลิเมตร สำหรับสตรีใช้ห้อยกับแพรแถบดังกล่าว ผูกเป็นรูปแมลงปอ

โดยความหมายของแพรแถบ แพรแถบกว้าง 32 มิลลิเมตร พื้นของแพรแถบเป็นสีขาวนวล หมายถึง น้ำพระราชหฤทัยอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ประกอบไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาที่เปี่ยมล้นที่พระองค์มอบสู่ประชาชนของพระองค์ ทั้งสองข้างมีริ้วสีเหลืองข้างละ 2 ริ้ว สีเหลือง เป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ และเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ และมีริ้วสีม่วงข้างละ 1 ริ้ว สีม่วง เป็นสีประจำวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ที่ทรงเคียงคู่บุญบารมีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมธนารักษ์กำหนดเปิดจำหน่ายจ่ายแลก และรับจองเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ (เหรียญที่ระลึกประดับแพรแถบ) ณ สถานที่ดังต่อไปนี้

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เริ่มจำหน่าย จ่ายแลก วันที่ 24 กรกฎาคม 2567

-กรมธนารักษ์ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2278 5439, 0 2618 6340
-พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ ถนนจักรพงษ์ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2282 0820
-พิพิธบางลำพู ถนนพระสุเมรุ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2281 9812
-พิพิธตลาดน้อย ซอยภาณุรังษี เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2233 7390
-พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 0 5322 4237 - 8
-พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น โทร. 0 4330 6167
-พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดสงขลา โทร. 0 7430 7071
-Online : www.treasury.go.th

'ชัชชาติ' โชว์ฟาดเต็มคำ 'หมอคางดำ' ฝีมือ 2 เชฟเก่ง ชู!! กำจัดด้วยการเพิ่มมูลค่า อีก 6 เดือนมาดูกันอีกที

(19 ก.ค. 67) ที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะผู้บริหาร กทม. คณะผู้บริหารเขตบางขุนเทียน และสื่อมวลชนร่วมกิจกรรม BKK Food Bank และสาธิตการทำเมนูอาหารด้วยปลาหมอคางดำ จากนายชุมพล แจ้งไพร (เชฟชุมพล) และนายเมธัส ปาทาน (เชฟชีส) 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัชชาติได้แจกสิ่งของให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ผ่านโครงการ BKK Food Bank ซึ่งประกอบด้วยสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงเมนูอาหารที่ทำจากปลาหมอคางดำ และปลาสดเพื่อให้ชาวบ้านนำไปประกอบอาหาร จากนั้นได้ชมการสาธิตการทำเมนูอาหารจากฝีมือทั้ง 2 เชฟ และได้ชิม พร้อมกับให้คะแนนปลาหมอคางดำทอดเกลือ 10 เต็ม 10 ซึ่งได้เชิญชวนสื่อมวลชนร่วมรับประทานด้วย โดย 5 เมนู ได้แก่ ปลาหมอคางดำราดซอสเปรี้ยวหวาน ปลาหมอคางดำทอดเกลือ ฉู่ฉี่ปลาหมอคางดำ แกงส้มปลาหมอคางดำ และปลาร้าจากปลาหมอคางดำ 

ทั้งนี้ เชฟชุมพล รังสรรค์เมนู Fine Dining ปลาหมอคางดำราดพริกสมุนไพร และเชฟชีส เมนู Fine Dining ปลาหมอคางดำราดซอสมะขาม

นายชัชชาติกล่าวว่า การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่กรุงเทพฯ เช่น เขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ บางบอน และพื้นที่ปริมณฑล ตามนโยบายของกรมประมงที่ออกมา 6 มาตรการ คือการกำจัด การปล่อยปลาผู้ล่า การเพื่อมูลค่า การแบ่งแยกโซน การหาแนวร่วม และการใช้เทคโนโลยีอย่างการทำหมัน  ในวันนี้ได้มากำจัดปลาหมอคางดำ 3 ใน 6 มาตรการหลัก ได้แก่ กำจัดจากแหล่งน้ำ สร้างเพิ่มมูลค่า และหาแนวร่วมภาคเอกชน โดยมีเอกชนในพื้นที่ช่วยซื้อปลาหมอคางดำจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 20 บาท จำนวน 1 ตัน มาทำเมนูต่างๆส่งต่อให้กลุ่มเปราะบาง  รวมถึงแจกปลาสดให้กับ 4 ชุมชน 

“การไปเรียกว่าเอเลี่ยนสปีชี่ส์ฟังแล้วดูน่ากลัว คนไม่กล้ากิน แต่พอกินแล้วก็อร่อยเหมือนปลาธรรมดา เป็นการเร่งการบริโภค สร้างแรงจูงใจในการเพิ่มมูลค่า และอีก 6 เดือนจะมาดูกันอีกครั้งเพราะได้หมักปลาร้าเอาไว้” นายชัชชาติเผย

นายชัชชาติกล่าวว่า ในพื้นที่เขตอื่น ๆ ก็ให้สำรวจเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม แต่ไม่ระบาดเยอะมากเหมือนในพื้นที่บางบอน ทุ่งครุ บางขุนเทียน ส่วนในบึงมักกะสัน ที่ชาวบ้านจับปลากันนั้น พบปลาหมอคางดำเพียงแค่ 20% ซึ่งหากจะตัดต้นตอของปลาหมอคางดำ ก็ทำได้ยาก เพราะในแหล่งน้ำมีปลาทุกชนิด แต่ตอนนี้ถ้าช่วยกันจับ ก็จะช่วยลดประชากรของปลาหมอคางดำไปได้

สำหรับในพื้นที่เขตบางขุนเทียน มีเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่ลงทะเบียนไว้ 800 ราย จากทั้งหมด 900 ราย ซึ่งรอการจัดสรรงบประมาณเงินเยียวยาจากทางกรมประมง เนื่องจากว่ามีการแพร่ระบาดในหลายจังหวัด 

ด้านนายชุมพล แจ้งไพร หรือ เชฟชุมพล กล่าวว่า ปลาหมอคางดำเหมือนปลานิล แต่เนื้อกระด้างกว่า เพราะมีความต้านทานสูง มีโปรตีนสูง ปลาตัวเล็กสามารถทำปลาร้าได้ และเชื่อว่าอีก 3 เดือนหาจับไม่ได้ และราคาจะขึ้นด้วย

ด้านนายเมธัส ปาทาน หรือ เชฟชีส กล่าวว่า ปลาหมอคางดำกินได้ แม้จะมีรสชาติน้อยกว่าปลาทั่วไป แต่คนไทยปรุงรสชาติเข้มข้น จัดจ้าน ก็สามารถทานได้เหมือนกับปลานิล ปลากะพง และจากการสังเกตปลาตัวใหญ่จะเป็นปลาตัวเมีย ส่วนปลาตัวผู้ ตัวจะเล็กกว่า

นายกรัฐมนตรีสั่งการเร่งด่วนศูนย์ไซเบอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน เข้ามาหลอกลวง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” โดยปฏิบัติการร่วมกับสำนักงาน กสทช. , ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย AIS  DTAC TRUE  NT และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ โดยให้ตัดสัญญาณโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้อง ของไทยทั้งหมดที่คนร้ายลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวง ที่คนร้ายลักลอบลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวง อย่างเด็ดขาด  

พล.ต.ท.ธัชชัย ฯ กล่าวว่า จะเริ่มกดปุ่มปฏิบัติการแรก 'ระเบิดสะพานโจร' ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งคนร้ายได้มีฐานปฏิบัติการในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณโดยรอบคิงส์โรมัน ประเทศลาว โดยปัจจุบัน คิงส์โรมันเป็นสถานบันเทิงครบวงจรพร้อมมีสนามบินรองรับนักท่องเที่ยวจากไทย ลาว และเมียนมา ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อสุจริตชนตามแนวชายแดนไทย นอกจากนี้ จะมีการขยายผลจับกุมดำเนินคดีกับผู้ให้บริการที่ผิดกฎหมาย เช่น ตู้ซิมที่ช่วยเหลือกลุ่มคนร้ายในการลงทะเบียนซิมมาหลอกลวงประชาชน รวมทั้งจัดการกับกลุ่มคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติและคนไทยที่ร่วมกันมาหลอกลวงทำร้ายคนไทยด้วยกันให้ถึงที่สุด

‘โอลิมปิคแห่งประเทศไทย’ รับผิด!! สื่อสารเรื่องชุดพิธีการผิดพลาด เคาะ!! ให้นักกีฬาสวมชุดจากแกรนด์สปอร์ต ร่วมพิธีเปิดโอลิมปิก 2024

หลังจากที่เกิดกระแสเกี่ยวกับชุดพิธีการของนักกีฬา ทีมชาติไทย ที่เดินทางไปแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะงานออกแบบที่ถูกโลกโซเชียล วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ล่าสุด (19 ก.ค. 67) ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย นัดแถลงข่าว

จากการที่มีประเด็นเกี่ยวเนื่องกับภาพนักกีฬาสวมชุดไทยพระราชทาน ผมพบว่าความเข้าใจผิดในวงกว้าง จึงขอนุญาตชี้แจง ข้อเท็จจริงกี่ยวกับประเด็นต่างๆดังกล่าว

ในวันนี้ผมในฐานะตัวแทน คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ต้อง
ขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น และน้อมรับฟังทุกความคิดเห็น เพราะประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่
จะออกความเห็นร่วมกันอย่างเท่าเทียม ภายใต้ความสุภาพและเคารพกันในฐานะคนไทยด้วยกัน
และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้สำหรับความเข้าใจผิด และข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากทีมงานไม่ว่าจะใน
ส่วนไหน เนื่องด้วยที่ผ่านมาทางโอลิมปิค มิได้ชี้แจงให้ชัดเจนว่าชุดไหนใช้สำหรับงานช่วงใดใน
โอลิมปิคครั้งนี้

เนื่องจากทางคณะกรรมการโอลิมปิค และทีมงาน มีความตั้งใจในการเผยแพร่ ศิลปะ วัฒนธรรม ร่วมขับเคลื่อน Soft Power ของประเทศไทยเรา ผ่านวัฒนธรรมผ้า และสิ่งทอไทย จึงได้มอบหมายให้ทีมออกแบบของแต่ละแบรนด์ ทำมาเสนอ ซึ่งก็จะมีในส่วนของ ชุดกีฬา แจ๊คเก็ต

ชุดไทยพระราชทาน รองเท้า กระเป๋า ต่าง ๆ ซึ่งทางคณะกรรมการโอลิมปิค เป็นผู้คัดเลือกออกแบบตัดเย็บเอง ภายใต้ชื่อแบรนด์ ทรงสมัย ทางคณะกรรมการโอลิมปิค ดำเนินการคัดเลือกผ้าเอง ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด การออกแบบตัดเย็บ เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการโอลิมปิค ทั้งหมดไม่มีหน่วยงานใด ๆ เกี่ยวข้องทั้งสิ้นครับ จากเหตุการณ์ทั้งหมด ทางคณะกรรมการโอลิมปิค ขอรับผิดชอบไว้แต่เพียงผู้เดียวครับ ในส่วนของชุดไทยพระราชทานสีฟ้าที่ปรากฏนั้น ทางคณะกรรมการได้กำหนดให้นักกีฬาใช้สวมใส่ ในวาระโอกาส งานพิธี ที่เป็นทางการ

ส่วนชุดที่จะใช้ในพิธีเปิด จะเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำเงินจากแกรนด์สปอร์ต ในการประชุมผมและคณะกรรมการได้ย้ำคอนเซปต์กับทางทีมผู้ออกแบบและตัดเย็บ ว่าขอให้เป็นผ้าที่สวมใส่สบาย ไม่อึดอัด เข้ากับสภาพอากาศ แต่ต้องแฝงด้วยเรื่องราวและอัตลักษณ์ความเป็นไทย มีความทันสมัยและเป็นสากล ซึ่งมองว่าทางแกรนด์สปอร์ตทำออกมาได้ดี

ในตอนแรก ผมยังคิดอยากนำเสื้อลายช้างที่เป็นที่รู้จักและนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยว ๆ ต่างชาติ ให้ทัพนักกีฬาสวมใส่ ขึ้นเรือ เพราะเห็นว่าเนื้อผ้าใส่สบายมีความพลิ้วไหวดี แต่ก็กังวลจะเกิดประเด็นว่าไม่เหมาะสมดูสบาย ๆ ไป จึงได้คิดใหม่ ทำใหม่อย่างระมัดระวังมาโดยตลอด

สุดท้ายนี้ ผมขอให้ทุกท่านร่วมมือกันแสดงพลังความรัก ความสามัคคี ที่มีในคนไทยทุกภาคส่วน ร่วมมือกันรักษา สืบสาน ขับเคลื่อนศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ต่อยอดสิ่งดี ๆ ประสบการณ์ดี ๆ ของคนรุ่นก่อน ๆ ประเทศไทยประกอบไปด้วยประชาชนที่มีความรู้ความสามารถ ทุกเพศทุกวัย และทรัพยากรพร้อมในทุกอุตสาหกรรมอยู่แล้ว เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ กำลัง ความคิดสร้างสรรค์จากคนรุ่นใหม่ ก็จะสามารถช่วยกันผลักดันนำพา Soft Power อันดีงาม คงความเป็นอัตลักษณ์ไทย มีความเป็นสากล ทันสมัย ให้ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกได้

ที่ผ่านมามองว่าการแต่งกายที่ออกแบบในโอลิมปิกเกมส์ระดับนานาชาติ ตั้งแต่ ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ เราใช้สูทธรรมดา สากล ปีนี้เป็นปีที่เรามองว่าเป็นสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ของคนไทยจริง ๆ หลายประเทศใส่ชุดพื้นเมืองต่าง ๆ เยอะแยะไป สามารถมองต่างมุมได้ ยอมรับว่าบางครั้งอาจจะมองในภาพที่สวยหรูเกินไป หรือ มองในภาพที่ผิดไป ก็ต้องขอรับผิดชอบในสิ่งนี้ด้วย

“สิ่งที่เราได้พยายามทำ ทำเพื่อประเทศ และชื่อเสียงประเทศเท่านั้นไม่มีอะไรแอบแฝง ไม่เคยมีผลประโยชน์ตอบแทน มีแต่เพียงสนับสนุนกีฬาเท่านั้น ที่เราต้องการแสดงออกว่าประเทศไทยไม่ใช้ประเทศที่ไม่มีความสามารถ เราเป็นหนึ่งในโลกที่สามารถแข่งขันกับใครก็ได้ เราผ่านควอลิฟายถึง 51 คน จาก 17 กีฬา อยากให้ร่วมใจให้กำลังใจกับนักกีฬาที่เป็นตัวแทนไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกดีกว่าที่จะมานั่งมองถึงปัญหานี้”

“ในส่วนของชุดดังกล่าว ในช่วงโอลิมปิกเกมส์ มีงานพิธีอีกหลายงานระหว่าง 26 ก.ค.-11 ส.ค. เราต้องมีชุดต่าง ๆ ที่ใส่ในงานเพื่อความเหมาะสมต่าง ๆ รวมถึงพิธีปิด โอลิมปิกเกมส์ 11 ส.ค. จะให้ ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาเป็นผู้พิจารณา”

“พูดตรง ๆ ผมรับผิดชอบเรื่องนี้ เห็นว่าให้นโยบายไปกับ ธนา ไชยประสิทธิ์ ชุดที่ใส่ไปก็ควรแสดงอัตลักษณ์เพราะเป็นการแข่งขันที่ 4 ปีมีครั้ง แล้วออกแบบมาเป็นชุดพระราชทานเท่านั้นเอง และคณะทำงาน เห็นชอบ ร่วมกับ รวมทั้งสีต่าง ๆ ที่เลือกกัน เห็นว่าควรจะใส่ในพิธีเปิด แต่มีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นเรื่อง สถานการณ์ต่าง ๆ อากาศร้อน จึงจะเปลี่ยนไปใช้ชุดแจ็กเก็ตนักกีฬา ต่อข้อถามเรื่องกระบวนการของเสื้อผ้าชุดพิธีการนั้น ทางเราเห็นชอบในด้านการออกแบบ ส่วนตั้งแต่กระบวนการตัดเย็บนั้น เป็นทรงสมัย ที่จัดการทั้งหมดกระทั่งส่งถึงมือนักกีฬา แต่ส่วนตัวผมดูแล้ว ไม่ได้เป็นเสื้อผ้าที่ไม่มีเอกลักษณ์ มองต่างมุม ไม่ใช่แค่ใส่แต่สูทอย่างเดียว

ส่วนประเด็นปัญหาเรื่องของทรงของชุดนักกีฬา ในเรื่องของการตัดเย็บที่ไม่เข้ากับรูปร่างของนักกีฬานั้น ในส่วนนี้ ทรงสมัยรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในการตัดเย็บ หนหน้าจะพิจารณาว่าควรต้องทำอย่างไรให้ไม่มีปัญหา เพราะรับฟังเสียงจากทุกฝ่าย “พร้อมเปิดกว้างใช้ เอไอ เจเนเรตก็ได้ หรือถ้ามีร้านที่ตัดสวยก็แนะนำมาได้

ส่วนชุดที่ปรากฏนั้น ในส่วนของ ‘ปอป้อ’ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักแบดมินตันทีมชาติไทยนั้น เราได้สอบถามไปยัง ทรงสมัย ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะชุดพระราชทานควรจะเข้ารูป แต่ มาทราบว่า ทรัพย์สิรี บอกให้เอาแขนยาว ตัวยาว มันก็เลยออกมาแบบนี้”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top