Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

‘สนธิ’ ปั้น!! ‘Thaitimes’ โซเชียลคนไทย ใช้งานได้เหมือน ‘เฟซบุ๊ก’ ไม่ปิดกั้นข้อมูลดี แต่ผู้ไม่หวังดีต่อ ‘ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์’ บล็อกเรียบ

(19 ก.ค.67) จากช่วงหนึ่งของรายการ SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง EP.251 ได้เปิดเผยว่า…

กำลังทำแอปพลิเคชันที่ฟังชันเหมือนเฟซบุ๊กทุกประการ แต่มีอิสระมากกว่า สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี แอปพลิเคชันนี้มีชื่อว่า ‘Thaitimes’ หรือเวลาของคนไทย โดยทีมพัฒนาขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปิดกั้นอิสระ เพราะทุกวันนี้ถูกผูกขาด ปิดกั้นจากแพลตฟอร์มต่างประเทศ แต่แพลตฟอร์ม Thaitimes จะไม่มีเรื่องพวกนี้ โดยสามารถพูดเรื่องวัคซีน หรือเรื่องอื่น ๆ ที่หากใครมีข้อมูลลึก ๆ จากต่างประเทศก็สามารถเผยแพร่ได้ หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือความจริงจะปรากฏในแอปพลิเคชันชื่อ ‘Thaitimes’

สำหรับกฎการใช้แอปพลิเคชัน Thaitimes มีอยู่ข้อเดียวคือรัก ‘ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์’ ใครที่ไม่หวังดีต่อพระมหากษัตริย์หรือสถาบันกษัตริย์ มาใช้ Thaitimes ไม่ได้ 

นายสนธิระบุว่า “ตอนนี้เราพร้อมแล้ว พร้อมจริง ๆ อยากให้ลองเข้ามาใช้กันได้แล้ว ดาวน์โหลดที่แอปสโตร์และเพลย์สโตร์ ฟรี ค้นหาคําว่า Thaitimes จากนั้นใช้แค่อีเมลในการสมัครเข้าใช้จะเป็น Hotmail หรือ Gmail ก็ได้” 

สำหรับฟังชันของแอปฯ Thaitimes ใช้งานได้เหมือนเฟซบุ๊กทุกประการ ทั้งโพสต์รูป โพสต์วิดีโอ หรือท่านใดอยากขายของ ก็สามารถมาขายได้เลย เพราะเรามีฟังชัน คอมเมนต์ อีโมจิ อินบ็อกซ์ หรือหากพบข้อบกพร่อง ที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ก็แจ้งกลับมาได้เลย เรามีทีมเทคนิคพร้อมแก้ปัญหาตลอดเวลา

นายสินธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนี้แล้ว ผมยังลงคลิปพิเศษจากรายการความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2 ณ หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ ท่านผู้ชมดาวน์โหลดลงทะเบียนใน Thaitimes แล้วสามารถเสิร์ชหาเพจ SONTHIX ได้เลย”

“อยากให้ท่านผู้ชมเข้ามา เพราะอีกหน่อยในอนาคต เมื่อประชาคมของเราเพิ่มเยอะขึ้น อาจจะต้องไลฟ์ผ่าน Thaitimes ส่วนช่องทางเฟซบุ๊กก็ไว้ใช้แจ้งเตือนข่าวสาร ในเมื่อเฟซบุ๊กปิดกั้น เราก็หนีมาอยู่ที่ Thaitimes กันนะ และขอย้ำว่า การใช้ Thaitimes จะต้องไม่ใช้ในทางเรื่องลามก และไม่ทำลายชาติ ทำลายบ้านเมือง โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้สามารถโพสต์ แชร์ได้หมด” นายสนธิ กล่าวทิ้งท้าย

ดาวน์โหลดแอปฯ Thaitimesได้แล้วทั้งใน iOS และใน android
iOS : https://apps.apple.com/th/app/thaitimes-social/id6502225132
Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.thaitimes.app2&pcampaignid 

‘นันยาง’ เนียนขาย ‘รองเท้าแตะ’ ผ่านกระแสชุดพิธีการนักกีฬาไทย หยอดแคปชัน ช่วงบนมีความเห็นต่าง ช่วงล่างขอเป็น ‘ช้างดาว’

(19 ก.ค. 67) เรียกรอยยิ้มได้มากเลยทีเดียวกับโพสต์ของ ‘นันยาง’ แบรนด์รองเท้าในตำนาน หลังโพสต์ภาพช่วงล่างของ ‘ปอป้อ ทรัพย์สิรี’ ขณะสวมรองเท้านันยาง พร้อมระบุ "ช่วงบนมีความเห็นต่าง ช่วงล่างขอเป็นช้างดาว"

จากกรณีที่คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์เปิดตัวชุดพิธีการที่จะใช้ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปรากฏว่ามีเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตถึงความเชย ไม่ทันสมัยในการออกแบบ คล้ายกับเครื่องแต่งกายชุดผ้าไทยของข้าราชการ หรือเปรียบได้กับชุดไปประชุมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ชุดไปงาน อบต. ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

โดยเพจ ‘นันยาง Nanyang’ ก็ไม่พลาดที่จะเกาะกระแสของชุดพิธีการที่นักกีฬาไทยต้องใส่เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ซึ่งภาพต้นฉบับนั้นเราจะเห็นแค่ครึ่งตัวช่วงบนของ ปอป้อ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักแบดมินตันประเภทคู่ผสม มือ 1 ของไทย และมือ 6 ของโลกเท่านั้น เราจะไม่เห็นว่าช่วงล่างใส่อะไร ความหัวหมอของเพจนันยางจึงได้ตัดต่อภาพช่วงล่างที่สวมใส่รองเท้าแตะของนันยาง พร้อมระบุข้อความว่า

"ช่วงบนมีความเห็นต่าง ช่วงล่างขอเป็นช้างดาว"

ซึ่งโพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มียอดแชร์โพสต์ไปแล้วกว่า 5 พันครั้ง พร้อมกับคอมเมนต์ชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์รองเท้าที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน

'วราวุธ' ปล่อยคาราวานจิตอาสาเพื่อประชาชน เฉลิมพระเกียรติฯ รุดเยี่ยมกลุ่มเปราะบาง 'เด็ก-ผู้สูงอายุ-คนพิการ-ผู้ด้อยโอกาส'

(19 ก.ค.67) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กทม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม 'คาราวานจิตอาสาพระราชทาน กระทรวง พม.' ภายใต้โครงการ 'พม.ร้อยดวงใจ จิตอาสาเพื่อประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567' พร้อมนำกล่าวคำปฏิญาณ ‘เราทำความดีด้วยหัวใจ’

จากนั้นเป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถตู้คาราวานจิตอาสาพระราชทาน นำโดยผู้บริหารกระทรวง พม. ออกปฏิบัติหน้าที่ลงพื้นที่ 10 ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเยี่ยมบ้านให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม อาทิ เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส 

ในขณะที่ ส่วนภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ มีการจัดกิจกรรม 'คาราวานจิตอาสาพระราชทาน กระทรวง พม.' โดยพร้อมเพรียงกัน ด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่ ภายใต้แนวคิด 'พม.หนึ่งเดียว' ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ศูนย์-สถาน-บ้าน-นิคมฯ รวมทั้งภาคีเครือข่ายด้านสังคมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ประชาชนทั่วไป และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) 

นายวราวุธ กล่าวว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาพระราชทาน โครงการจิตอาสา 904 วปร. ตามแนวพระราชดำริ ‘เราทำความดี ด้วยหัวใจ’ เพื่อมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ปรองดองสามัคคี ร่วมมือร่วมใจ ประกอบกิจกรรมสาธารณะ เพื่อประโยชน์สุขของชุมชนส่วนรวมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้มีความรักความผูกพันต่อสถาบันหลักของชาติ อันได้แก่ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา  และสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการส่งเสริมและสร้างบุคลากรในสังกัดกระทรวง พม. ให้เป็นจิตอาสาพระราชทาน รวมทั้งเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 

นายวราวุธ กล่าวว่า กิจกรรม 'คาราวานจิตอาสาพระราชทาน กระทรวง พม.' เกิดขึ้น เพื่อให้บุคลากรที่ได้ผ่านการฝึกอบรมจิตอาสาพระราชทาน 904 และบุคลากรที่ได้ลงทะเบียนเป็นประชาชนจิตอาสาพระราชทาน รวมจำนวน 7,200 คน เข้าร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ เกิดความตระหนักรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของการเป็นจิตอาสาเพื่อประชาชน รวมทั้งเป็นการย้ำเตือนถึงเจตนารมณ์ของกระทรวง พม. ในการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสังคม เพื่อร่วมสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคมให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุขต่อไป

นายวราวุธ กล่าวว่า นอกจากนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 กระทรวง พม. มีเป้าหมายในปี 2567 ด้วยการปล่อยขบวนคาราวานจิตอาสาพระราชทาน ลงพื้นที่ชุมชนเพื่อเยี่ยมบ้านให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม รวมจำนวน 1,072 ครัวเรือน ทั่วประเทศ และการปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติฯ รวมจำนวน 72,000 ต้นในหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ทั่วประเทศ

ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ รับมอบโล่ห์ผู้สนับสนุนมูลนิธิขาเทียมฯ

เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.67) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ รับมอบโล่ห์ผู้สนับสนุนโครงการ ออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 169 จังหวัดนครปฐม จากศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ โรงแรมเซ็นนครปฐม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ ดิฉันในนามมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้เข้ารับมอบโล่ห์ในฐานะ ผู้สนับสนุนโครงการทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 169 จ.นครปฐม สำหรับใช้จัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ในการผลิตขาเทียมให้แก่ผู้พิการยากไร้ทั่วประเทศ ในการจัดทำขาเทียมพระราชทานให้แก่คนพิการขาขาด เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เนื่องในวโรกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567

ทั้งนี้ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้รับการสนับสนุนเงินจากหน่วยงานภาคเอกชน เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท การมอบเงินของมูลนิธิในครั้งนีั เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน และสังคม สำหรับการออกหน่วยขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ณ จังหวัดนครปฐม มูลนิธิขาเทียมฯ ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลนครปฐมและภาคีเครือข่าย มอบให้กับผู้พิการขาขาด เพื่อให้ผู้พิการสารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่เป็นภาระต่อสังคมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

สวทท.ร่วมปฐมนิเทศ The Media รุ่นที่ 5

นางสาวชุติพันธุ์ ลิมปะพันธุ์ นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ นายสมชาย จรรยา,นางสาวเจนกิจ นัดไธสง และนางปัทมาภรณ์ ธรรมทัต ร่วมงานปฐมนิเทศ “หลักสูตร The Media (New Era) รุ่นที่ 5” ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ณ เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท ชั้น 19 โดยมีพลตำรวจเอก ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. (ด้านกฏหมาย) เป็นประธานเปิดงานปฐมนิเทศครั้งนี้

หลักสูตร The Media รุ่นที่ 5 บริหารหลักสูตรโดยดร.ธีรพล มั่นพิริยะกุล ผอ.หลักสูตร The Media และสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกันพัฒนาหลักสูตร The Media ขึ้น เพื่อเสริมทักษะการใช้สื่อทั้ง online/  offline เพื่อการดำเนินธุรกิจ และการวางแผนกลยุทธ์ ที่ได้เรียนรู้จากผู้สร้างสื่อและผู้ใช้สื่อที่ประสบความสำเร็จตัวจริง ทั้งในวงการวิทยุโทรทัศน์ ในวงการ Social media และInfluencerชื่อดัง ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับนานาชาติด้วย โดยนอกจากเนื้อหาทฤษฎีแล้วยังเน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง ตามโจทย์จริงที่จะได้รับจากหลักสูตร เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรม สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรสามารถนำไปปฎิบัติจริงได้อย่างเป็นรูปธรรม ในการสร้างยอดขายสินค้าและบริการ สร้างการรับรู้และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร อย่างมีประสิทธิภาพทันสมัย และถูกกฎหมาย อย่างมีจริยธรรม นอกจากนี้ยังมีการศึกษาดูงานนอกสถานที่ ที่จะทำให้เข้าใจกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบในภาพรวมอีกด้วย

เจนกิจ นัดไธสง สวทท.68 รายงาน 

'คนราชบุรี' การันตี!! 'เนื้อปลาหมอคางดำ' รสชาติอร่อย แนะ!! 'แดดเดียว-ต้มยำ' ยัน!! จับยังไงก็ไม่มีวันหมด

เมื่อวานนี้ (18 ก.ค. 67) ได้รับการแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.สามเรือน อ.เมือง จ.ราชบุรีว่าพบปลาหมอคางดำจำนวนมาก ลอยคออาศัยอยู่ในลำคลองหน้าวัดโพธิ์สามเรือน หมู่ที่ 2 ต.สามเรือน ลำคลองสายนี้ยาวหลายกิโลเมตรเชื่อมต่อพื้นที่ ต.พิกุลทอง เชื่อมต่อไปออกแม่น้ำแม่กลอง เป็นแม่น้ำสายหลักไปที่จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งคาดว่ายังคงมีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเพิ่มมากขึ้น

จากการลงสำรวจพื้นที่ลำคลองพบชาวบ้านกำลังพายเรือใช้ตาข่ายวางบริเวณลำคลอง แล้วค่อย ๆ ลากขึ้นฝั่ง พบมีลูกปลานิลติดขึ้นมาด้วย ส่วนอีกจุดชาวบ้านเหวี่ยงแหเพียง 1 ครั้ง จากนั้นค่อย ๆ ลากแหขึ้นมาริมฝั่ง พบว่ามีปลาหมอคางดำติดขึ้นมาจำนวน 7 ตัว มีทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ รวมทั้งมีปลานิลอีก 8 ตัวติดรวมขึ้นมาด้วย

ลุงสุรพล สันเกตุ ชาวบ้านที่เหวี่ยงแหจับปลาหมอคางดำชาว ต.สามเรือน กล่าวว่า คลองสายนี้ปลาหมอคางดำเข้ามา คาดว่ามากกว่าปลานิล แต่ถ้าจะให้ชัดเจนต้องมาตอนช่วงเช้าและจะเห็นปลาลอยขึ้นเป็นแพจะขึ้นอยู่ชายคลอง ที่นี่น่ามีมาประมาณ 5-6 เดือน แต่ทางพื้นที่ อ.ปากท่อ ปลาหมอคางดำอยู่มาเป็นปีแล้ว มีการปล่อยในพื้นที่ ต.ยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เขตติดต่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ประมาณ 6-7 ปีแล้ว โดยปลาชนิดนี้จะกินทำลายปลาชนิดอื่นหมด ทราบว่าจะมีการนำปลากะพงขาวมาล่าปลาหมอคางดำนั้นมองว่าหากปลาหมอคางดำ มีอายุประมาณ 4-5 เดือน ปลากะพงจะไม่สามารถล่าปลาหมอคางดำได้ เพราะหัวปลาหมอคางดำมีความแข็งมากและจะกินปลากะพงแทน

ส่วนปลาที่น่าจะปราบปลาหมอคางดำได้ต้องเป็นปลาชะโด สามารถปราบปลาชนิดนี้ได้แน่ มองว่าปลานี้น่าจะออกลูกทุกเดือนถึงได้มากมายขนาดนี้ ถ้ามาตอนเช้า ๆ จะเห็นไล่ล่าปลาอื่นหนีกันจะกินเป็นอาหารหมด

"ยืนยันว่าปลาหมอคางดำนี้กินได้ รสชาติอร่อยมาก อร่อยกว่าปลานิล เนื้อไม่เหม็นขี้โคลน เนื้อนุ่ม ถ้าหากใส่เกลือลงไปนำตากแดดเดียวทำให้เนื้อปลาแข็ง แต่ถ้านำไปต้มยำสด ๆ ใส่ใบยอดมะขามอ่อนกลายเป็นเมนูเด็ดอร่อยมาก กล้าท้าว่าหากจับปลาหมอคางดำจะไม่มีวันหมด เนื่องจากเขาเป็นปลาที่ออกลูกขยายพันธุ์เร็วมาก" ลุงสุรพล กล่าว

จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่ามีอีกหลายลำคลองที่มีปลาหมอคางดำอาศัยอยู่จำนวนมากซึ่งชาวบ้านได้ใช้อุปกรณ์ดักจับนำมาแปรรูปทำเมนูอาหารมากมายหลายอย่างทั้งแกงส้ม ต้มยำ ทอดแดดเดียวและต้มยอดมะขามอ่อน ซึ่งถือว่าเป็นอีก 1 เมนูที่สามารถปรุงเป็นเมนูอาหารที่มีรสชาติอร่อยไม่แพ้กว่าเมนูอื่น ๆ 

นายอำนาจ โกมินทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.สามเรือน อ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า ได้ประชาสัมพันธ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ผ่านทางหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน หากพบปลาหมอคางดำที่ไหนก็จะแจ้งมาที่ผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นผู้ใหญ่จะแจ้งไปทาง สส.ในพื้นที่เพื่อประสานประมงจังหวัดและหน่วยงานต่าง ๆ มาดำเนินการ ส่วนสถานการณ์ในคลองสามเรือนถือว่าอยู่ในช่วงระดับปานกลางคงต้องอาศัยทางประมงเข้ามาแนะนำวิธีการจับต่อไป

ยโสธร ผู้อำนวยการองค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึกลงพื้นที่ยโสธร

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 เวลา 14.00 น. ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พลเอก เดชนิธิศ เหลืองามชำ และคณะเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยือนทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก ที่โรงเรียนอนุบาลตำบลกุดชุม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร มีเครือข่ายแม่บ้านองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก  มีนาง สิริภัทร เพียรสมผล รองหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึก รับผิดชอบพื้นที่ 3 จังหวัด ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กล่าวรายงาน โดย พลเอก เดชนิธิศ เหลืองามชำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ ทหารผ่านศึก เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งพบปะเยี่ยมเยือนสมาชิกเกษตรกรรมทหารผ่านศึกหมู่บ้านนักรบไทย และมอบของที่ระลึกให้แก่สมาชิก ยโสธร 

ทหารผ่านศึกนอกประจำการ 8.272 นาย มีเครือข่าย 9 เครือข่าย ครบทั้ง 9 อำบล มีนาย บัวสอน มาสขาว เป็นทหารผ่านศึกนอกประจำการ / บัตรชั้น 3 อายุ 70 ปี เป็นแกนนำเครือข่ายทหารผ่านศึก ระดับอำเภอเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทหารผ่านศึกแล้ว ยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และเพื่อรับทราบปัญหา  ความเดือดร้อน  แลกเปลี่ยนเสนอความต้องการ เพื่อที่จะให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกมีความมั่นคง เข้มแข็ง  ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันไว้ ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทหารผ่านศึกและครอบครัว  เพื่อให้มีสวัสดิการ ดูแลรักษาสุขภาพ อยู่คู่บ้านเมืองสังคมอย่างมีความผาสุก องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกพร้อมที่จะดูแล อำนวยความสะดวกด้านสวัสดิการอย่างครอบคุม ขอให้ความมั่นใจว่าจะไม่ทอดทิ้งกัน

โอกาสนี้ พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกได้กล่าวว่า พี่น้องทหารผ่านศึกทุกท่านคงทราบดี ขอให้ตระหนักถึงความมั่นคง การพัฒนาของประเทศชาติของเรา ให้เกิดความรักสมัครสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านยาเสพติด ช่วยกันเป็นกำลังอันสำคัญที่ดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดังนั้น  ผมจึงขอให้ พี่น้องทหารผ่านศึกทุกท่าน มีความรัก ความสามัคคี ร่วมมือกับทางราชการ ช่วยกันแก้ไขปัญหาของชาติ เพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา เกิดความสงบสุข สามัคคีมีความสัมพันธ์อันดีงามต่อกันตลอดไป
ชัยยะยโสธรรายงาน

เชียงใหม่-ททท.เชียงใหม่ ชูเสน่ห์ไทย Must Try มวยไทย ผ่านกิจกรรม “AMAZING MUAY THAI @CHIANG MAI”

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมแถลงข่าวการจัดงาน AMAZING MUAY THAI @ CHIANG MAI พร้อมด้วย นางพัศลินทร์ เศวตรัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ นายสุทธินันท์ ฤทธิ์บริรักษ์ Chief Executive Officer ONE MUAY THAI โดยมี เลขานุการนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่  ผู้อำนวยการ สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 5  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าของยิมมวย ครูมวย และผู้มีเกียรติร่วมงาน ณ ลานกิจกรรมข่วงประตูท่าแพ 

นางพัศลินทร์  เศวตรัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า ททท.เชียงใหม่ จับมือ กกท. ภาค 5 และ กกท.จังหวัดเชียงใหม่ และ ค่ายยิมมวยดังที่ได้มาตรฐานในจังหวัดเชียงใหม่ และแพลตฟอร์มออนไลน์ NOW MUAY THAI  จัดกิจกรรมอเมซิ่ง มวยไทย @ เชียงใหม่ (Amazing Muay Thai @ Chiang Mai)  ชูเสน่ห์ไทย Must Try มวยไทย  จัดโปรโมชั่นสำหรับ นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม – 15 กันยายน 2567  โดยมอบส่วนลดพิเศษให้กับผู้ที่ซื้อคอร์สฝึกซ้อมมวยไทยที่เข้าร่วมโครงการฯ มากกว่า 10 ค่ายในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 

สำหรับกิจกรรม Amazing Muay Thai @ Chiang Mai ททท. สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการร่วมกับพันธมิตร กกท.และ NOW MUAY THAI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ออนไลน์ ดำเนินการโดยคนไทยที่รวบรวมค่ายมวยและยิมมวยในจังหวัดหลักของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว กลุ่มความสนใจพิเศษ กลุ่มผู้ชื่นชอบกีฬามวยไทย ที่จะเดินทางมาเพื่อเรียนรู้ ฝึกซ้อมทักษะวิธีการชกมวยไทย

ซึ่งแคมเปญ Amazing Muay Thai @ Chiang Mai นี้มีเป้าหมายสำคัญที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยว มาสัมผัสประสบการณ์ของมวยไทย ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีความเก่าแก่และมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมไทย กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมให้มวยไทยเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้กับเจ้าของยิมมวยและครูมวยทุกท่าน โดยเรามุ่งเน้นที่จะขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น  

มวยไทย ยังเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและกีฬาผ่าน Sub-Culture สอดคล้องกับนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND ของรัฐบาล ซึ่งตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) ผลักดันการท่องเที่ยวไทยให้ก้าวสู่ระดับชั้นนำในฐานะ “High Value Destination” ที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุดในภารกิจของ ททท. คือการสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าผ่านการท่องเที่ยว ตามแนวคิดเสน่ห์ไทย 5 Must Do in Thailand 

อีกทั้งมุ่งเน้นที่จะขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ต้องการประสบการณ์ที่หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่สนใจการเรียนมวยอย่างจริงจังเท่านั้น ด้วยการทำให้มวยไทยเป็นกิจกรรมทางเลือกที่สร้างสรรค์และเพื่อสุขภาพ เราเชื่อมั่นว่าจังหวัดเชียงใหม่จะสามารถประกาศศักดาเป็นเมืองของมวยไทย และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสประสบการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับทุกท่านอย่างยั่งยืนและเติบโตในอนาคต หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประกาศให้ทุกคนได้ทราบถึงแคมเปญนี้ จะช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้กับเจ้าของยิมมวยและครูมวยที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยวให้กับจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการใช้มวยไทยเป็นตัวเชื่อมให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาสร้างรายได้ให้กับประเทศ

ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาร่วมกิจกรรม ไม่น้อยกว่า 200 คน สำหรับกิจกรรมอเมซิ่ง มวยไทย @ เชียงใหม่ (Amazing Muay Thai @ Chiang Mai)  เป็นการนำเสนอขายเสน่ห์ไทย 5 Must Do คือ (Must Taste, Must Try , Must buy ,Must seek, Must see) กีฬามวยไทย อยู่ในเสน่ห์ไทย Must Try  ของจังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทาง มาเพื่อฝึกซ้อมมวยไทย หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทย (expat) และยังเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในช่วงกรีนซีชั่น 

ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถคลิ๊กเข้าไปสมัครและรับส่วนลดผ่านเวปไซด์ www.nowmuaythai.com ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

นภาพร/เชียงใหม่   

“เชียงราย”ตม.เชียงรายไล่ล่าระทึกจับกุมขบวนการขนแรงงานเถือนพม่าเข้าไทย”

ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ตม.จว.เชียงราย ได้สืบทราบว่า นายปั่นติ๊ลุงจอยหรือตี๋ใหญ่กับพวก มีพฤติการณ์ร่วมกันแบ่งหน้าที่กันพาคนต่างด้าวเข้าสู่พื้นที่ตอนในโดยใช้รถยนต์กระบะหลายคัน หมุนเวียนสับเปลี่ยนกัน จากการเฝ้าสังเกตุและจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบตรวจจับทะเบียนยานพาหนะ (LPR) ปรากฎข้อมูลยานพาหนะของกลุ่มขบวนการที่มีการใช้งานหมุนเวียนรับ-ส่ง คนต่างด้าว โดยมีการหมุนเวียนกันทำหน้าที่รับตัวคนต่างด้าวไปส่งยังจุดพักคอยและมีการนำคนต่างด้าวไปพำนักไว้ที่ ตั้งอยู่บ้านพักไม่ทราบเลขที่ ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองจ.เชียงราย ก่อนจะนำส่งไปยังพื้นที่ตอนใน โดย พล.ต.ท.อิทธิพล  อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย , สั่งการให้ทำการสืบสวนจับกุมเพื่อตัดตอนเครือข่ายขบวนการดังกล่าว

กระทั่งเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2567 เวลาประมาณ 05.00น. พ.ต.ท.มนตรี  อินเปรี้ยว รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย , พ.ต.ท.กฤษณ์ สมณาศักดิ์ สว.ตม.จว.เชียงราย บูรณาการร่วมกับ ตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย ชุดสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 สกัดจับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ดสีดำทะเบียน จง-4043เชียงใหม่ โดยมีนายแขก ลุงปันอายุ33ปี เป็นผู้ขับขี่และ รถยนต์กระบะยี่ห้อรีโว่แคป สีขาวทะเบียน ยท-6515 จังหวัดเชียงใหม่มีนายจายเล็ก ไม่มีนามสกุล อายุ38ปีและรถยนต์นำต้นทางเป็นรถยนต์โตโยต้ารีโว สีดำ ทะเบียนยท-1575 เชียงใหม่ โดยมีนายปั่นติ๊ ลุงจอย อายุ51ปี ได้ที่บริเวณริมถนนบริเวณหลักทางหลวงสาย ๑๑๘  (เชียงราย-เชียงใหม่) บริเวณหลัก กม.๑๕๐ ช่องทางมุ่งหน้าจังหวัดเชียงใหม่ ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จว.เชียงราย พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ทั้งสามคันซึ่งนั่งโดยสารอัดแน่นซ้อนทับกันบริเวณที่นั่งผู้โดยสารตอนหน้า และที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังรวมจำนวนทั้ง3คันรวม25คนโดยมีเด็กผู้ติดตาม2คน

โดยในการนำส่งในแต่ละครั้งจะเก็บค่าใช้จ่ายจากบุคคลต่างด้าวเป็นเงิน 7,000บาทต่อคนต่างด้าว 1 คน โดยส่วนใหญ่ยอมรับว่าจะเข้าไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พล.ต.ท.อิทธิพล  อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. มีนโยบายให้หน่วย ตม.ทั่วประเทศบูรณาการการปฏิบัติในการสืบสวนจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมาย อย่างเข้มงวดและจริงจัง การจับกุมเครือข่าย นายยุรนันท์ ฯ ในครั้งนี้ เป็นความสำเร็จจากการบูรณาการร่วมกันของเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ร่วมกันสืบสวนติดตามพฤติการณ์จนทราบว่า กลุ่มเครือข่ายนายยุรนันท์ฯ ร่วมกันขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยใช้วิธีการหลบเลี่ยงจุดตรวจ ด่านตรวจ และมีการปรับเปลี่ยนแผนประทุษกรรมให้ยากต่อการสืบสวนจับกุม
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือโทร. 1178

สันติ วงศ์สุนันท์/หัวหน้าศูนย์ข่าวอำเภอแม่สาย/รายงาน

‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ’ เสด็จฯ เป็นนักร้องรับเชิญ 'ร้องข้ามกำแพง' ทรงร้องเพลงรักแรกของ ‘นนท์ ธนนท์’ บิ๊กเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึง

(19 ก.ค.67) ปล่อยตัวอย่างออกมาให้หลายคนได้ติดตาม สำหรับรายการ The Wall Song ร้องข้ามกำแพง EP.202 ที่จะมีการเปิดตัว ‘นักร้องเปิดกำแพง’ ที่มาเปิดรายการแบบพิเศษสุด ๆ ไม่เหมือนใคร โดยบอกว่าเป็น ‘BIG SURPRISE ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ’ ทำให้แฟนรายการต่างคาดเดาไม่น้อย

ล่าสุด รายการร้องข้ามกำแพง ที่ออกอากาศวันที่ 18 กรกฎาคม ก็เฉลยออกมาแล้ว ให้ผู้ชมทั่วประเทศได้รับชม ซึ่งก็คือ ‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี’ ทรงร้องเพลง รักแรก ของ นนท์ ธนนท์ จำเริญ งานนี้นอกจากแขกรับเชิญจะอึ้ง และเซอร์ไพรส์ไปตาม ๆ กัน

ทั้งนี้ รายการตอนดังกล่าว มีคนเข้ามาโพสต์จำนวนไม่น้อย และต่างก็ติดแฮชแท็กในทวิตเตอร์ กลายเป็นกระแสไม่น้อย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top