Sunday, 6 July 2025
NEWS FEED

“บิ๊กต่าย“สั่งเร่งกวาดล้างผู้ค้ารายย่อยในชุมชน ”ผู้ช่วยสำราญฯ“สนองนโยบาย เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นทั่วประเทศ”

ตามนโยบายรัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกพื้นที่ถือเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งในด้านการปราบปรามนั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดเพื่อตัดวงจรและท่อน้ำเลี้ยงเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร.ให้ทุกหน่วยทำงานเชิงรุกในการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่รับผิดชอบ และสืบสวนขยายผลคดียาเสพติดทุกคดีเพื่อจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องทุกระดับ

วันนี้ (25 ก.ค. 67) ณ ศูนย์ปฏิบัติการ ห้องประชุมภักดีภูมิ บช.ปส. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.ผู้รับผิดชอบงานปราบปรามยาเสพติด ได้เดินทางมาติดตามการปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้นเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดทั่วประเทศ ซึ่งได้สั่งการให้ทุกหน่วยเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพร้อมกันในเช้าวันนี้ โดยเป้าหมายการปิดล้อมดังกล่าวมีที่มาจากข้อมูลการซักถามผู้เสพหรือผู้ต้องหาคดียาเสพติด รวมทั้งข้อมูลการแจ้งเบาะแสของประชาชน จนทำให้ได้ข้อมูลผู้ค้ายาเสพติดในชุมชนมาทำการสืบสวนและกำหนดจุดปิดล้อมตรวจค้นเพื่อกวาดล้างจับกุม โดย ตำรวจภูธรภาค 1 – 9 , กองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆได้แก่ สำนักงานป.ป.ส.,ทหาร,ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเครือข่ายยาเสพติดจำนวน 874 เครือข่าย เป้าหมายปิดล้อมตรวจค้น 2,638 จุดตรวจค้น

ผลการปิดล้อมตรวจค้น สรุปรายละเอียด ดังนี้
- จับกุมคดียาเสพติดรวม 1,757 คดี
- จับกุมผู้ต้องหา 1,645 ราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ 112 ราย
- ตรวจยึดของกลาง ได้แก่ ยาบ้า 1,555,902 เม็ด, ไอซ์ 87 กก.,คีตามีน 4.5 กก, เฮโรอีน 35 กก., ยาอี 2,644
เม็ด, อาวุธปืน 152 กระบอก
- ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน 652 รายการ รวมมูลค่า 97,195,645 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เวลา 10.48 น.)

จากผลการระดมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศในครั้งนี้ จะเห็นว่าตำรวจทั่วประเทศได้รุกอย่างหนัก อย่างเป็นรูปธรรม ทำจริง จับจริง และยึดจริง โดยในขณะนี้สำนักตำรวจแห่งชาติมีนโยบายเน้นการปราบปรามผู้ค้ารายย่อยซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับประชาชนในชุมชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่าจากสถิติการจับกุมและยึดของกลางคดียาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 66 ถึงปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดได้ถึง 72,050 ราย และตรวจยึดยาบ้าได้ 781,341,317 เม็ด, ไอซ์ 15,550 กก. และ คีตามีน 2,641 กก. รวมทั้งการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องได้รวมมูลค่ากว่า 9,525 ล้านบาท
สายด่วนแจ้งเบาะแสยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร  191 , 1599

ผบ.ตร.ขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรี ประชุมทางไกล จับมือ ผบ.ตร.กัมพูชา หารือ แลกเปลี่ยนข้อมูล เสริมสร้างความร่วมมือปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน (Task force) เพื่อแก้ไขปัญหา ให้เป็นรูปธรรมเห็นผลภายใน 60 วัน

จากการที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประสานไปยัง สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อให้มีความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ระบาดและสร้างความเสียหายจำนวนมากแก่พี่น้องประชาชนในปัจจุบัน   

วันนี้ (25 ก.ค. 67) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เข้าร่วมประชุมกับ พล.ต.อ.ซอ เทต ผบ.ตร.กัมพูชา และคณะ โดยผ่านระบบประชุมทางไกล ซึ่งที่ประชุมฝ่ายไทยยังประกอบด้วย พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , ตำรวจภูธรจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา , ธนาคารแห่งประเทศไทย , สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) , สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี เข้าร่วมประชุมด้วย ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ที่ประชุมได้หารือถึงข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ตำรวจทั้งสองประเทศแสวงหาความร่วมมือปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง โดยตำรวจไทยได้นำเสนอคดีอาชญากรรมออนไลน์ที่เกิดขึ้น ซึ่งยังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง ที่จะต้องอาศัยข้อมูลความร่วมมมือของกัมพูชาในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ยังมีการทบทวน ข้อหารือที่ได้เคยตกลงกันไว้ระหว่างสองประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน (Task force) เพื่อแก้ปัญหาปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวอย่างจริงจัง และจะมีการหารือกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้าที่ประเทศกัมพูชา 

ผลการประชุมหารือเป็นไปในทิศทางที่ดี ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นร่วมกันที่จะดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ระบาดอยู่ในสองประเทศ ให้ได้ผลอย่างจริงจังภายใน 60 วัน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

'น้าเน็ก' เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา พูดถึงความโชคดีของการเป็นคนแก่ในยุคนี้ และความห่วงต่อคนอายุน้อยที่ต้องรับมือในโลกยุคใหม่ ผ่านช่องยูทูบ Rayron : เร่ร่อน ตอน พุฒ ต้า เร VS น้าเน็ก

ไม่นานมานี้ 'น้าเน็ก' เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ได้พูดถึงความโชคดีของตน จากการเป็นคนแก่ในยุคนี้ และรู้สึกห่วงคนอายุน้อยที่ต้องรับมือกับโลกในยุคปัจจุบัน ผ่านช่องยูทูบ 'Rayron : เร่ร่อน' ตอน 'พุฒ ต้า เร VS น้าเน็ก' โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

"รู้สึกโชคดีที่เป็นคนแก่ในยุคนี้นะ เพราะไม่งั้นลองคิดดูดิ ถ้ามึงเป็นคนอายุน้อยในยุคนี้ มึงจะรับมือกับสิ่งรอบข้างยากมาก...

"ตอนพวกเราอายุน้อย ๆ สังคมของเราจะยึดติดกับที่ตั้ง สังคมของเราคือ ในออฟฟิศ ในโรงเรียน ในร้านเหล้า ในซอยหมู่บ้านเท่านั้น เราเห็นเท่าที่เราเห็น เราไม่สามารถเห็นห้องนอนใคร เราไม่สามารถเห็นทรัพย์สมบัติใคร เราไม่เห็นชีวิตคนอื่นเลย ทําให้กิเลสของเรา ความอยากของเราน้อย...

"แต่ผู้คนในวันนี้ มันเห็นทุกอย่าง ทุกคนโชว์ชีวิตดีๆ เด็กอายุน้อยได้เห็นชีวิตคนอื่นจากในไอจี เห็นบ้านเห็นห้อง เห็น Gadget เห็นกองเงิน เห็นโอมากาเสะ เห็นนู่นนี่ เห็นหิมาลัย เห็นทุกที่ที่เขาไป เห็นทุกซอกทุกมุมโลกที่ทุกคนแชร์กัน"

ดังนั้นบทสรุปของเรื่องนี้ จึงสะท้อนให้เห็นว่า กิเลสจะมากหรือน้อย ส่วนหนึ่งล้วนเกิดจากการได้พบเห็น แต่ถ้าเห็นแล้วแยกแยะได้ ว่าอะไรคือ ความเป็นจริง อะไรคือมายา อะไรคือความจำเป็น อะไรคือการโหยหา หรือแค่อยากได้อยากมี ย่อมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับมนุษย์ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งความโชคดีของคนรุ่นก่อนที่ได้เห็นอะไรไม่มากแบบเด็กยุคนี้ จึงเหมือนเป็นข้อดีหนึ่งในวันโลกที่หมุนเร็วได้เหมือนกัน

‘ประมงสมุทรสาคร’ ยัน!! 'ปลากะพง' กินลูก 'ปลาหมอคางดำ' ได้วันละหลายตัว ไม่ใช่ว่ากินได้ครั้งละตัวและอิ่มไปหลายวัน ตามที่มีการพูดวิพากษ์วิจารณ์กัน

(25 ก.ค.67) นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้รับการ แจ้งจากชาวประมงอวนรุนที่ออกไปล่าจับปลาหมอคางดำที่คลองสุนัขหอน โดยได้ปลากะพงติดมา 2 ตัว จึงได้มีการผ่าท้องปลากะพงดู พบว่าภายในท้องปลากะพงซึ่งไซด์ไม่ใหญ่นักสามารถกินลูกปลาหมอคางดำได้ถึง 3 ตัว พิสูจน์ให้เห็นว่าปลากะพงกินลูกปลาหมอคางดำได้ครั้งละหลาย ๆ ตัว ไม่ใช่ว่ากินได้ครั้งละตัวและอิ่มไปหลายวันอย่างที่มีการพูดวิพากษ์วิจารณ์กัน ถือเป็นการช่วยตัดวงจรการขยายพันธ์ุของปลาหมอคางดำได้เป็นอย่างดี 

โดยทางประมงจังหวัดสมุทรสาครจะมีการทยอยปล่อยปลากะพงลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติอีกเรื่อย ๆ เพื่อให้ปลากะพงไปไล่ฮุบลูกปลาหมอคางดำให้เหลือน้อยลงให้ได้มากที่สุด

‘พี่จอง’ เคลื่อนไหวหลังดรามาเกาะปันหยี ชี้!! ทุกที่ดีทั้งดี ไม่ดี แต่ขอให้มองแต่สิ่งที่ดีๆ

กลายเป็นประเด็นดรามาร้อนแรงบนโลกออนไลน์ หลังจากพี่จอง-คัลแลน ยูทูปเบอร์ชื่อดัง ช่อง ‘Cullen Hateberry’ ได้ลงคลิปไปเที่ยวที่เกาะปันหยี ซึ่งเมื่อคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างพากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีที่สองหนุ่มถูกเอาเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเดินทาง ของฝากที่ระลึก รวมทั้งของกินที่มีราคาแพงจนเกินไป 

ซึ่งกระแสดรามาที่เกิดขึ้น ทางด้านเจ้าของร้านอาหารและหน่วยงานที่เกาะปันหยี ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมน้อมรับในกระแสข้อวิจารณ์ที่ใช้เหตุผล ส่วนข้อวิจารณ์ที่ไม่เป็นความจริงและกล่าวหามุสลิมเพื่อต้องการเรียกยอดไลก์และสร้างความเสียหายกับพี่น้องชาวไทยมุสลิมบนเกาะปันหยี ก็อาจจะพิจารณาใช้กฎหมายดำเนินการต่อไป

ล่าสุด (25 ก.ค. 67) พี่จอง ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว (@jung_kt_) โดยได้โพสต์รูปภาพที่นั่งอยู่บนเรือ พร้อมรอยยิ้มที่สดใส และระบุข้อความว่า 

“ผมคิดว่า ทุก ๆ ที่มีทั้งดี และไม่ดี ผมอยากให้ทุก ๆ คน มองแต่สิ่งดี ๆ เราจะเป็นคนที่มีความสุข มองดูที่นี้ครับ”

ทำเอาแฟน ๆ เข้ามาคอมเมนต์กันสนั่น เช่น “หนูรู้นะคะ ว่าพี่จองหมายถึงอะไร พี่จองน่ารักที่สุดในโลกเลย” / “เห็นด้วยค่ะ มองแต่สิ่งดี ๆ เราจะมีแต่ความสุข อันไหนไม่ดีก็ปล่อยผ่าน รักพี่จองมากนะคะ พี่ทำให้พวกเรามีความสุข และพี่สมควรได้ความสุขมาก ๆ เช่นกันนะคะ” / “จริงค่ะ ทุก ๆ ที่มีทั้งดีและไม่ดี แต่สำหรับหนู พี่จองคือสิ่งที่ดีที่สุดเลยค่ะ รอยยิ้มของพี่จองทำให้หนูมีความสุขและเป็นพลังใจในการทำงานทุก ๆ วันเลยนะคะ ใจฟูมากๆๆ”

เชียงใหม่-ขอเชิญร่วมพิธีทำบุญครบรอบ 52 ปี คณะพยาบาลศาสตร์ มช.

คณะพยาบาลศาสตร์ มช. จัดพิธีทำบุญวันคล้ายวันสถาปนาคณะพยาบาลศาสตร์ มช. ประจำปี 2567 วาระครบรอบ 52 ปี แห่งการสถาปนาและเป็นปีที่ 64 การศึกษาพยาบาล มช. ในวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2567 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร 4

ผศ.ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า คณะฯ เริ่มต้นดำเนินการจัดการศึกษาพยาบาลตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2503 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คณะฯ ได้มีการพัฒนาในทุกด้านมาอย่างต่อเนื่องจนได้การยอมรับว่าเป็นสถาบันการศึกษาทางการพยาบาลชั้นนำที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานทางการศึกษา โดยดำเนินงานตามพันธกิจหลักสำคัญของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตลอดจนยุทธศาสตร์ตามกรอบแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา

ปัจจุบันคณะฯ จัดการเรียนการสอนที่ตอบสนองความต้องการของสังคมในทุกระดับการศึกษา ตั้งแต่หลักสูตรระดับปริญญาตรี ระดับปริญญาโท และระดับปริญญาเอกที่เปิดควบคู่ทั้งหลักสูตรปกติและหลักสูตรนานาชาติ รวมทั้งหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล เป้าหมายที่จะขับเคลื่อนไปสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคมโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต บัณฑิตทุกระดับที่สำเร็จการศึกษาจากคณะฯ ออกไปรับใช้สังคมทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ สร้างชื่อเสียงเกียรติคุณและความภาคภูมิใจให้แก่คณะฯ เป็นอย่างมากมาย 

ด้านการวิจัยคณะฯ มุ่งผลิตผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาองค์ความรู้ทางการพยาบาล การเรียนการสอน การปฏิบัติการพยาบาล อีกทั้งด้านนโยบายที่นำไปใช้ประโยชน์ในระดับชาติและระดับนานาชาติ ด้านการบริการวิชาการแก่สังคม คณะฯจัดหลักสูตรและการอบรมสำหรับพยาบาล ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งในและต่างประเทศตลอดทั้งปี โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรชั้นนำหลายแห่งทั้งภายในและภายนอกประเทศ ด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ส่งเสริมให้ทุกคนในองค์กรตระหนักเข้าใจถึงคุณค่าของขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่นล้านนา เพื่อสามารถนำไปใช้ในการปฎิบัติงานและดำรงชีวิตอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม

โดยความสำเร็จในช่วงระยะเวลาของการบริหารที่ผ่านมา ในปี พ.ศ.2564 คณะฯ ผ่านการรับรองหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต จากสภาการพยาบาลระยะเวลาสูงสุด 5 ปีการศึกษา (พ.ศ.2564-2568) ความสำเร็จดังกล่าวนำมาซึ่งความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งให้แก่องค์กร อีกทั้งในส่วนของพยาบาลสาร (Nursing Journal) ได้รับการจัดอันดับวารสารไทย ในฐานข้อมูล TCI รอบที่ 4 พ.ศ.2564-2567 ในกลุ่มที่ 1 นอกจากนี้เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก คณะฯได้รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ (Thailand Quality Class) ประจำปี 2565 รางวัลเกียรติยศแสดงถึงมาตรฐานด้านการบริหารจัดการองค์กรเทียบเท่าระดับมาตรฐานโลก จากสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม นับว่าเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้รับรางวัลดังกล่าวนี้

ในปี พ.ศ.2566 เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งคณะฯผ่านการตรวจรับรองหลักสูตรในระดับนานาชาติ โดยใช้เกณฑ์ International Accreditation: Accreditation Commission for Education in Nursing (ACEN) ประเทศสหรัฐอเมริกา (2022-2028) การได้รับการรับรองทำให้มั่นใจได้ว่า 2 หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรปริญญาตรี) และ 10 หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสูตรปริญญาโท) ของคณะพยาบาลศาสตร์ มช. มีคุณภาพมาตรฐานสากล เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถส่งมอบคุณค่าแก่ผู้เรียนและผู้ใช้บัณฑิตเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนต่อไป

และล่าสุด ในปี พ.ศ.2567 คณะพยาบาลศาสตร์ มช. ได้รับการจัดอันดับจาก QS World University Rankings by Subject 2024 (สาขาวิชา Nursing) ให้อยู่ในลำดับที่ 101-150 ของโลก จากผลการจัดลำดับคณะฯ ถือเป็นสถาบันทางการศึกษาพยาบาลอันดับ 1 ของประเทศ

กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ได้นั้น ต้องใช้ความมุ่งมั่นทุ่มเทจากกำลังกาย กำลังใจของอดีตคณะผู้ก่อตั้ง คณบดี คณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร ในทุกยุคทุกสมัย ศิษย์เก่า ตลอดจนผู้สนับสนุนอย่างดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ นับจากนี้ไปทุกคนในองค์กรต่างพร้อมทำงานด้วยความตั้งใจ เสียสละ อุทิศตนในการที่จะก้าวเดินต่ออย่างท้าทายในยุคสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ของคณะฯ “คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสถาบันชั้นนำระดับสากลด้านการศึกษาและการวิจัย”  

ในโอกาสนี้ ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นเกียรติและร่วมแสดงความยินดีในพิธีทำบุญวันคล้ายวันสถาปนาคณะพยาบาลศาสตร์ มช. ประจำปี 2567 วาระครบรอบ 52 ปี แห่งการสถาปนาและเป็นปีที่ 64 การศึกษาพยาบาล มช. ในวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2567 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร 4

'ตชด.ภ.4' ล่อซื้อยาบ้า รวบนายหน้าหาลูกค้าให้กับเอเย่นเสี่ยใหญ่ยึดยาบ้าได้มูลค่ากว่า 7 แสน สั่งเร่งขยายผลล่าตัวเสี่ยนายทุน

เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.67) พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบช.ตชด.เปิดเผยว่า จากนโนบายของรัฐบาล ทั้งข้อสั่งการ ของ ตร. ให้เร่งปราบปราบจับกุมเครือข่ายยาเสพติด วันนี้(24 ก.ค.) ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ร่วมกับชุดปราบปรามยาเสพติดกองบังคับตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติติศิริ รอง ผบช.ตชด. รรท.ผบก.ตชด.ภาค 4 พ.ต.อ.เสกสรร อินทรสิทธิ์ รอง ผบก.ตชด.ภาค 4 ,พ.ต.อ.มานิต นาโควงศ์ ผกก.ตชด.44 , พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ โพธิ์ศรีมา รอง ผกก.ตชด.44 ,พ.ต.ท.เพิ่มศักดิ์ สองแก้ว ผบ.ร้อย ตชด.443 หน.ชปส.กก.ตชด.44 วางแผนล่อซื้อยาบ้าและจับกุม นายฟุรกร อายุ 21 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นนายหน้าค้ายาบ้า

ซึ่งสามารถ จับกุมได้ คาลานจอดรถหน้าร้านไก่ทอด  ถนนกาญจนวนิช เขตเทศบาลเมืองเขารูปช้าง อ.เมืองสงขลาพร้อมยาบ้า จำนวน 70,000 เม็ด ที่ติดต่อซื้อขายกันในราคา 770,000 บาท บริเวณถนนทางหลวงสาย 43 หมู่ 2 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา

สำหรับเบื้องหลังการจับกุมเครือข่ายค้ายาบ้าครั้งนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายใหญ่ในพื้นที่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ส่งสายลับแฝงตัวเป็นกลุ่มนักค้ายาติดต่อประสานงานกับ นายฟุรกร ซึ่งทำหน้าที่เป็นนายหน้าในการซื้อขายยาบ้าระหว่างเจ้าของยาบ้ากับลูกค้าที่สั่งชื้อ โดยตกลงซื้อขายยาบ้ากัน 35 มัด จำนวน 70,000เม็ด ราคา 770,000 บาท หรือมัดละ 62,000บาท นายฟุรกร ได้นัดจ่ายเงินกันที่หน้าร้านไก่ทอด เขตเทศบาลเมืองเขารูป ส่วนยาบ้าได้ให้คนเดินยานำไปวางไว้ ริมถนนสาย 43 หมู่ 2 ต.บ้านนา อ.จะนะ โดยให้สายลับไปรับของได้เลย เมื่อได้ยาบ้าเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมนายฟุรกร ทันที

ทั้งนี้ ตำรวจได้คุมตัวมาสอบสวน เบื้องต้นให้การว่าตนเองเป็นเพียงนายหน้าหาลูกค้าให้กับเจ้าของยาบ้ารายหนึ่งแต่ไม่ทราบชื่อจริงและได้จะส่วนแบ่งจากการขายยาบ้าเมื่องานเสร็จ เจ้าหน้าที่จึงได้คุมตัวส่ง สภ.จะนะ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลไปยังเจ้าของยาบ้าล๊อตนี้ต่อไป

กองทัพเรือ จัดโครงการอบรมให้ความรู้ โคก หนอง นา โมเดล และโครงการปลูกป่าและต้นไม้ 72,904 ต้น เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

วันนี้ (24 กรกฎาคม 2567) เวลา 09.00 น. พลเรือเอก อะดุง  พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมให้ความรู้ “โคก หนอง นา โมเดล” ณ บริเวณพื้นที่ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ “โคก หนอง นา โมเดล” กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และ โครงการปลูกป่าและต้นไม้ 72,904 ต้น เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 บริเวณหาดน้ำหนาว กรมก่อสร้างและพัฒนา ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี นางกีรตา  พันธุ์เอี่ยม นายกสมาคมภริยาทหารเรือ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่สัตหีบ คณะกรรมการบริหารสมาคมภริยาทหารเรือ ประชาชนและนักเรียนในพื้นที่จำนวน 700 คน เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ทรงนำพาประเทศไทยให้ก้าวหน้าในทุกยุคทุกสมัย ทัดเทียมนานาอารยประเทศตราบจนปัจจุบัน

โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ความรู้ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามศาสตร์พระราชา ในการดำรงชีวิตเพื่อเป็นแบบอย่างแห่งความสำเร็จ ความพอเพียงที่พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งส่งเสริมแหล่งการเรียนรู้ในเขตทหาร และเพิ่มพื้นที่การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ และป่า โดย “โคก หนอง นา โมเดล” คือ การจัดการพื้นที่ซึ่งเหมาะกับพื้นที่การเกษตร ผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้าน บูรณาการให้สอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นที่ โคก หนอง นา โดยมีมนุษย์เป็นส่วนส่งเสริมให้สำเร็จเร็วขึ้นอย่างเป็นระบบ อันเป็นแนวทางทำเกษตรอินทรีย์และการสร้างชีวิตที่ยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายกสมาคมภริยาทหารเรือ ได้ปลูกต้นรวงผึ้ง ปล่อยปลานิล เยี่ยมชมนิทรรศการและศูนย์การเรียนรู้ พร้อมมอบพันธุ์กล้าไม้ และนำปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมี ทัพเรือภาคที่ 2 ทัพเรือภาคที่ 3 และ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เข้าร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ 904 ต้น ในพื้นที่ของแต่ละหน่วย ณ ที่ตั้ง โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านระบบการประชุมทางไกล (VTC)

สำหรับโครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ “โคก หนอง นา โมเดล” กองทัพเรือได้ดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นมา โดยมีภารกิจที่สำคัญในการให้ความรู้ การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยแบ่งออกเป็นฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น ฐานการปลูกต้นไม้ ฐานการเลี้ยงปลา ฐานการเลี้ยงกบ ฐานการเลี้ยงไก่ ฐานการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ ฐานการเลี้ยงหมู ฐานการทำปุ๋ยหมัก ฐานการปลูกอ้อย เป็นต้น ปัจจุบัน ศูนย์การเรียนรู้ต่าง ๆ ของกองทัพเรือ มีความพร้อมในทุกมิติ เปิดให้กำลังพลและครอบครัว พี่น้องประชาชนผู้สนใจ สามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการเพื่อศึกษา และนำไปใช้เป็นแนวทางการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ต่อไป

ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาประยุกต์เป็นต้นแบบ ให้กำลังพลกองทัพเรือและครอบครัว ตลอดจนประชาชนทั่วไป ใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิต สอดคล้องกับพระปฐมบรมราชโองการของ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ปรัชญาที่ทรงชี้แนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่ปวงชนชาวไทยมาเป็นอย่างยาวนาน เพื่อมุ่งให้พสกนิกรดำรงชีวิตอยู่ได้ อย่างยั่งยืน มั่นคง และปลอดภัย

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี0909535645,0945565622/086-3684323

สมุทรปราการ- นายก 'อำนวย บุญริ้ว' เปิดโครงการ ฝึกอบรมอาชีพแก่ผู้สูงอายุ คนพิการ มุ่งเน้นสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับตนเองและชุมชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ เวลา 09:00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการ “ฝึกอบรมอาชีพแก่ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ใดโอกาส” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

โดยมีนาง ศิริพร ทับคล้าย รองนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการในครั้งนี้ โดยมี คณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ตลอดจนกลุ่มผู้สูงอายุในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ จำนวนกว่า 500 คน ร่วมในกิจกรรมฝึกอบรมอาชีพในครั้งนี้ 

โดยจัดขึ้นภายในอาคารกองสวัสดิการ เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ ด้านนาย อำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ กล่าวว่า โครงการฝึกอบรมอาชีพแก่ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่เล็งเห็นความสำคัญของพี่น้องประชาชน รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ทั้งนี้เพื่อต้องการส่งเสริมทั้งด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต อีกทั้ง เพื่อส่งเสริมการฝึกอบรมด้านอาชีพผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ 

เพื่อที่จะได้นำความรู้ที่ได้รับมานำมาพัฒนาอาชีพให้กับชุมชน และนำไปประกอบเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัวต่อไป

(สุรินทร์) “ไทย -กัมพูชา” ฝึกร่วมบรรเทาภัย ปฐมพยาบาล และอบรมขยายผลโครงการเกษตร (ทหารพันธุ์ดี) สู่หมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน

วันที่ 24 กรกฏาคม 2567 ที่ศูนย์ประสานงานพื้นที่ชายแดนช่องจอม พันเอก จิรัฏฐ์ ช่วงฉ่ำ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ประธานไทย พร้อมด้วย พลตรี ลัวะ ลัญ ผู้บัญชาการยุทธบริเวณ พื้นที่ 3 ส่วนหน้า ประธานฝ่ายกัมพูชา ร่วมเป็นประธานเปิดการฝึกร่วมในครั้งนี้  ทั้งนี้ กองกำลังสุรนารี ร่วมกับ ภูมิภาคทหารที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 โรงพยาบาลกาบเชิง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สถานีตำรวจภูธรอำเภอกาบเชิง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง องค์การบริหารส่วนตำบลด่าน และ หัวหน้าส่วนราชการ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดอุดรมีชัย และประชาชนทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมในพิธี โดยในการฝึกร่วม ในครั้งนี้ ได้จัดให้ความรู้ ในเรื่องการบรรเทาสารณภัย, การปฐมพยาบาลช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน การส่งต่อผู้ป่วย ทางบก และทางอากาศ พร้อมกันนี้ พันเอก จิรัฏฐ์ ช่วงฉ่ำ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้มอบสิ่งของ เป็น เมล็ดพันธุ์พืช จากโครงการทหารพันธุ์ดี หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 สู่หมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดนไทย -กัมพูชา โดยได้มอบให้แก่ตัวแทน ผู้นำชุมชน ชาวกัมพูชา พร้อมทั้งจัดวิทยากรอบรมให้ความรู้ การขยายเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อต่อยอดแก่ชุมชนรอบข้าง การสาธิตการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และ การฝึกอบรม การป้องกันตนเองจากช้างป่า ตามนโยบายกองทัพภาคที่ 2 และกองกำลังสุรนารี เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ซึ่งจะนำมาถึงความร่วมมือในด้านต่างๆ รวมถึงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมซึ่งกันและกัน ตลอดจนนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงาน การขยายผลไปสู่กำลังพล และประชาชนของทั้งสองประเทศ

ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top