Thursday, 3 July 2025
NEWS FEED

ประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ให้การต้อนรับคณะผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร 'ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล' รุ่นที่ 25

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 402 - 403 ชั้น 4 นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ให้การต้อนรับ คณะผู้บริหารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม และผู้เข้ารับการอบรมอบรมหลักสูตร “ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล” รุ่นที่ 25 จำนวน 95 คน ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมวุฒิสภา ในการนี้ ประธานวุฒิสภา ได้ปาฐกถาเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตย กระบวนการนิติบัญญัติ บทบาทหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภา และนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง กล่าวต้อนรับพร้อมทั้งให้หลักคิด แนวทางการทำงานอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม การครองตนอย่างเหมาะสมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานด้านตุลาการให้แก่คณะ อนึ่ง ก่อนหน้านี้เวลา 09.00 น. ณ ห้องรับรองพิเศษ ชั้น 2 นางสาวนภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ให้การต้อนรับคณะและกล่าวถึงนโยบายการดำเนินงานขับเคลื่อนสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเป็นองค์กรต้นแบบด้านต่าง ๆ 

โอกาสนี้ เวลา 10.40 - 15.00 น. คณะฯ ได้เข้าชมห้องประชุมวุฒิสภา และเข้าฟังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ณ ห้องฟังการประชุมสำหรับประชาชน ชั้น 4 ชมประติมากรรมปลาอานนท์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ชมพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ชั้น MB1 ชมหอสมุดรัฐสภา ชั้น 9 และเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้องค์กรต้นแบบสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ชั้น 1 อาคารรัฐสภา

‘อ.สุวินัย’ ชี้เป็น ‘นายกฯ’ ช่วงนี้เหมือนมีทุกขลาภ!! เศรษฐกิจตกต่ำ หากทำได้ไม่ดี มีถูกตราหน้าไปอีกนาน

เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.67) รองศาสตราจารย์ ดร. สุวินัย ภรณวลัย นักเขียนชาวไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้มีฉายาว่า ‘มูซาชิเมืองไทย’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ป้ายแดง โดยได้ระบุว่า …

ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่สังคมต้องเผชิญ คือปัญหาหนี้ครัวเรือน วิกฤติฐานราก วิกฤติสภาพคล่อง ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เศรษฐกิจโลกตกต่ำ และผลกระทบจากสงครามใหญ่

จะว่าไปแล้วคนที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงนี้ น่าจะเป็นทุกขลาภมากกว่า...ดุจเอาคอไปพาดเขียงก็ว่าได้

หมากตานี้ดูเหมือนเป็นหมากบังคับให้เจ้าตัวจำต้องเดินมากกว่าเต็มใจเดินเอง...ตั้งแต่เจ้าตัวคิดกลับเมืองไทย กระดานหมากกระดานนี้ก็ถูกปูรอไว้แล้วด้วยซ้ำ

จนเจ้าตัวจำต้องลุยไฟฝ่าทุ่งสังหารไปตายเอาดาบหน้า โดยหอบหิ้วลูกสาวคนโปรดฝ่าไปด้วย

ข้อดีของการได้นายกฯ คนใหม่คนนี้ก็มีเหมือนกัน ...คือเปิดทางให้ยกเลิกการแจกเงินหมื่นดิจิทัลโดยไม่เสียหน้า จึงไม่เสี่ยงต่อการสร้างหายนะทางการคลัง

สังคมไทยคงได้ซึมซับความอ่อนด้อยในการบริหารที่แท้จริงของนายกฯหญิงที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่วัยแค่ 37 ปี

ภาพลักษณ์ที่เป็นภาพลบของนาง น่าจะนำไปสู่ฉากอวสานแห่งภาพพจน์ที่เคยคุยโม้นักหนาว่า ‘เก่งเศรษฐกิจ’ และคงจะถูกสังคมตราหน้าไปอีกนานแสนนาน ...ท่ามกลางความฉิบหายทางเศรษฐกิจที่รออยู่ข้างหน้าอย่างถ้วนหน้า

ในบางสถานการณ์ การอดทนอดกลั้นรอเวลาให้อีกฝ่ายแพ้ภัยตัวเอง คือ กลยุทธ์ที่แยบยล 

คือต้องให้สังคมไทยและคนไทยเห็นด้วยตา ประจักษ์ด้วยสายตาตนเอง ว่าใครเก่งจริง และใครกลวงจริง

คนไทยยังจะต้องเจอความทุกข์ทรมานมากกว่านี้ ถึงจะได้บทเรียนฝังใจ ...นี่คือชะตากรรมที่เลี่ยงได้ยากเหลือเกิน บางครั้งความยุติธรรมที่ล่าช้า คือ กลยุทธ์ที่ทรงพลัง

‘Benz BKK Certified’ รุกตลาดมือสองเต็มรูปแบบ ‘รับซื้อ-ขาย-ซ่อมบำรุง’ ให้บริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟ การันตีคุณภาพมาตรฐาน ‘เมอร์เซเดส-เบนซ์’

(17 ส.ค.67) Benz BKK Certified เบนซ์ บีเคเค เซอร์ทิฟายด์ โดย BENZ BKK GROUP ให้บริการเกี่ยวกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มือสองเต็มรูปแบบ ทั้งรับซื้อ ขาย ซ่อมบำรุง การันตีคุณภาพมาตรฐาน 

BENZ BKK GROUP มียอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส- เบนซ์มือสองตั้งแต่ต้นปี ที่ส่งมอบให้กับลูกค้า มากกว่า 200 คัน หรือคิดเป็น 55% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าปี 2567 จะต้องส่งมอบ รถเบนซ์มือสอง ให้กับลูกค้าไม่น้อยกว่า 400 คัน

สำหรับรถเบนซ์มือสองที่มี เป็นรถผู้บริหารเลขไมล์น้อย รถทดลองขับ (เดโม่) หรือรถเบนซ์บ้านที่มีคุณภาพสูง ที่สำคัญเรามีการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ Multi-Point Check มากกว่า 200 รายการ พร้อมการซ่อมบำรุงด้วยอะไหล่แท้ ภายใต้การดูแลจากทีมช่างผู้เชี่ยวชาญของ BENZ BKK GROUP

จุดเด่นสำคัญ ทั้งการขายรถใหม่ รถ Certified (รถเบนซ์มือสอง) ความครบ อุปกรณ์ตกแต่งจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ศูนย์บริการหลังการขาย บริการประกันภัย ตลอดจนยางรถยนต์ ให้บริการอะไหล่แท้ ศูนย์ซ่อมสีและบริการรับแลกเปลี่ยน รับซื้อรถ รวมถึงการให้คำปรึกษาโปรแกรม ทางการเงินจากพันธมิตรเพื่อหาข้อเสนอทางการเงิน ที่สามารถปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละ บุคคลเพื่อให้การซื้อรถ Mercedes-Benz มือสอง ภายใต้ BENZ BKK CERTIFIED สะดวกสบาย และง่ายที่สุดสำหรับลูกค้า ด้วยบริการที่ครบสมบูรณ์แบบ

ล่าสุดได้พัฒนาพื้นที่โชว์รูม BENZ BKK Group-Bangna เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการปรับพื้นที่ภายในโชว์รูมให้ลูกค้าที่ต้องขายรถเข้ารับบริการตรวจเช็กสภาพรถ และการประเมินราคา จากช่าง ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์

รวมถึงการนำพื้นที่ชั้น 3 ของโชว์รูม BENZ BKK BANGNA Mercedes-Benz Experience Center เป็นพื้นที่จัดแสดงรถเบนซ์มือสอง ให้ลูกค้าได้ใกล้ชิด และสัมผัสรถด้วยตนเอง โดยมีที่ปรึกษาการขายของ Benz BKK Certified ให้บริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟ, พื้นที่ชั้น 7 จัดสรรให้เป็นพื้นที่สำหรับเตรียมรถก่อนนำรถเข้าจอดโชว์ในโชว์รูมและ BKK Studio สตูดิโอสำหรับถ่ายภาพรถ 360 องศา สำหรับอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่สนใจชมรถได้ทุกมุมผ่านทางเว็บไซต์ http://www.benzbkkcertified.com

นอกจากนั้นยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ VIP Lounge, ห้องส่งมอบรถ 360 องศา, BKK Cafe ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม, นวดออฟฟิศซินโดรมจากเทอราปิสต์มืออาชีพ และพื้นที่ Co-Working Space พร้อมห้องประชุม 

BENZ BKK GROUP รับจัดซื้อรถเบนซ์มือสองทั่วประเทศ มีเจ้าหน้าที่บริหารงานขายรวมถึงผู้เชี่ยวชาญ เป็นผู้ประเมินตรวจสอบสภาพ และเข้าบริการ ถึงทุกที่หมายด้วยบริการรับซื้อรถอย่างตรงไปตรงมาในราคาที่ยุติธรรม มั่นใจได้ ในมาตรฐานคุณภาพที่ สามารถปิดการซื้อขายได้ภายใน 1 ชั่วโมง ด้วยขั้นตอนคุณภาพดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 ลูกค้าติดต่อเรา 02-745-4444 หรือ 081-884-7778
ขั้นตอนที่ 2 ส่งรายละเอียด นัดหมายดูรถ
ขั้นตอนที่ 3 ดำเนินการตรวจเช็กรถ ตกลงซื้อ-ขายรถ
ขั้นตอนที่ 4 ดำเนินการด้านเอกสารให้ครบทุกขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 5 ลูกค้ารับเงิน ส่วนเบนซ์ บีเคเค เซอร์ติฟายด์ รับรถ

BENZ BKK CERTIFIED ที่ชั้น 3 โชว์รูม BENZ BKK BANGNA Mercedes-Benz Experience Center พร้อมเป็นศูนย์บริการซื้อ-ขายและซ่อม รถเบนซ์มือสองที่ใหญ่ที่สุด ไมล์น้อย คุณภาพดี ทุกคันการันตีคุณภาพมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ 

เป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ในราคาไม่ถึงล้าน

ด้วยโปรโมชันภายในงาน BIG MOTOR SALE 2024 ระหว่างวันที่ 23 ส.ค.-1 ก.ย. 67 ที่ไบเทค บางนา

โดยเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษเท่ารถใหม่ป้ายแดง ที่เริ่มต้น 2.49% ต่อปี รถของ BENZ BKK CERTIFIED จะได้รับการรับประกัน หรือ Warranty สูงสุดฟรี 1 ปี และจองรถและรับรถภายใน 30 ก.ย. 2567 รับฟรี เครื่องดูดฝุ่น Dyson มูลค่า 15,900 บาท 

ส่วนลูกค้าที่ตกลงขายรถยนต์เมอร์เซเดส- เบนซ์คันเก่าให้ BENZ BKK CERTIFIED ระหว่างวันนี้-31 ส.ค. 67 รับฟรี ทองคำมูลค่า 20,000 บาททุกคัน

ลูกค้าและผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารก่อนใครได้ที่ Line I : @benzbkkcertified เว็บไซต์ http://www.benzbkkcertified.com

‘จีน’ ยินดีที่ไทยได้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ พร้อมเดินหน้า!! พัฒนาสองประเทศ

เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.67) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ตอบคำถามนักข่าวกรณี ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยในวันที่ 16 ส.ค. ฝ่ายจีนมีความเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ และมีความคาดหวังอย่างไรต่อความสัมพันธ์จีน-ไทย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ระบุว่า ฝ่ายจีนขอแสดงความยินดีกับคุณแพทองธารที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย และเชื่อว่าประชาชนชาวไทยจะบรรลุผลสำเร็จใหม่ ๆ ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น บนเส้นทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของประเทศ

จีนและไทยเป็นมิตรประเทศและเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ในปี 2025 จะเป็นวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย นับเป็นโอกาสใหม่ในประวัติศาสตร์ของการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งฝ่ายจีนยินดีทำงานร่วมกับไทยเพื่อสานต่อมิตรภาพดั้งเดิม เสริมสร้างการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ กระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันให้เข้มแข็งและลึกซึ้งมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

‘กฟผ.’ จัดนิทรรศการ ‘โลกไฟฟ้ายั่งยืน Into Sustainable World’ พร้อมชวน ‘เยาวชน’ พิชิตภารกิจสร้างโลกไฟฟ้ามั่นคง เพื่อโลกยั่งยืน

เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.67) นายสมศักย์ ปรางทอง ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการด้านการใช้พลังงานและสิ่งแวดล้อม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ร่วมเป็นประธานพิธีเปิดนิทรรศการ ‘โลกไฟฟ้ายั่งยืน Into Sustainable World’ ที่ กฟผ. จัดขึ้นภายในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 16 – 25 สิงหาคม 2567 เวลา 09.00 – 19.00 น. ณ อาคาร 12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

นายสมศักย์ ปรางทอง ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการด้านการใช้พลังงานและสิ่งแวดล้อม กฟผ. กล่าวว่า การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ กฟผ. ได้นำเสนอแนวคิดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และความเข้าใจในภารกิจหลักของ กฟผ. ที่มุ่งสร้างไฟฟ้ามั่นคง เพื่อโลกและอนาคตที่ดีกว่าและยั่งยืน หรือ Mission To Sustainability ภายใต้กลยุทธ์ Triple S  ได้แก่ Sources Transformation : การปรับเปลี่ยนรูปแบบผลิตไฟฟ้า, Sink Co-creation : การเพิ่มแหล่งดูดซับกักเก็บคาร์บอนอย่างมีส่วนร่วม, Support Measures Mechanism : การสนับสนุนโครงการชดเชยและหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ผ่านรูปแบบนิทรรศการผสมผสานที่สนุก น่าสนใจ เข้าใจง่าย รวมถึงส่งเสริมให้เยาวชนได้ร่วมมือกันอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าและสิ่งแวดล้อม

ภายในนิทรรศการ ‘โลกไฟฟ้ายั่งยืน Into Sustainable World’ ประกอบด้วย 4 โซน โดยเริ่มต้นการผจญภัย ด้วยการลงทะเบียนเพื่อรับพาสปอร์ตสะสมแต้มจากภารกิจในแต่ละโซนเพื่อแลกรับของรางวัลสุดพิเศษจาก กฟผ. และออกผจญภัยไปยังโซนต่างๆ ได้แก่

โซนแรก เรียนรู้ Sources Transformation การเปลี่ยนผ่านพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่เป็นเชื้อเพลิงสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีไฮไลท์อยู่ที่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้า และเทคโนโลยีให้ทันสมัย การพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Modernization) รองรับพลังงานหมุนเวียนซึ่งจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ลดความผันผวน และสร้างความมั่นคงต่อระบบไฟฟ้าของประเทศ

โซนที่ 2 ทำความรู้จัก Sink Co-creation การเพิ่มแหล่งดูดซับกักเก็บคาร์บอนอย่างมีส่วนร่วม ผ่านการเรียนรู้ประโยชน์ของต้นไม้ และรู้จักเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture Utilization and Storage) ที่มีส่วนสำคัญในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 

โซนที่ 3 สนุกกับ Support Measures Mechanism : การสนับสนุนโครงการชดเชยและหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผ่าน 3 เรื่องราว 1) ทำความรู้จักห้องเรียนสีเขียว แหล่งเรียนรู้ด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  2) เรียนรู้ความสำคัญของฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 พร้อมตัวอย่างอุปกรณ์ที่ได้รับฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 3) ผจญภัยในโลกไฟฟ้ายั่งยืนยุคใหม่กับ EV STATION สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EleX by EGAT เรียนรู้การใช้แอปพลิเคชัน EleXA ที่พร้อมให้บริการและสร้างความมั่นใจในทุกการเดินทาง

โซนสุดท้าย  ตะลุยค้นหาศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ทั่วประเทศ เพื่อสื่อสารพันธกิจ กฟผ. และต่อยอดเรียนรู้การอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า รวมทั้งปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่เยาวชน

นอกจากนี้ ภายในบูทนิทรรศการของ กฟผ. ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ บนเวที อาทิ การแข่งขัน E- Sport พร้อมร่วมลุ้นรับของรางวัลมากมายจากการสะสมแต้มตลอดการจัดงาน ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูทนิทรรศการของ กฟผ. ได้ ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 16 – 25 สิงหาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 19.00 น. ณ อาคาร 12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ประธานวุฒิสภาให้การรับรองเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย ในโอกาสหารือข้อราชการ

เมื่อวันที่ (14 ส.ค.67) เวลา 14.15 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 204 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ให้การรับรองนายระห์หมัต บูดีมัน (H.E. Mr. Rachmat Budiman) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานวุฒิสภา และหารือข้อราชการ โดยมีพลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง และนางสาวนภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา ร่วมให้การรับรอง

ประธานวุฒิสภา กล่าวให้การต้อนรับในโอกาสเข้าพบปะในวันนี้ และเป็นเอกอัครราชทูตคนแรกที่ได้ให้การรับรอง สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินโดนีเซียมีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนานตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา กระทั่งมีการสถาปนาทางการทูต ทั้งสองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและราบรื่นจวบจนปัจจุบัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในทุกระดับทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และประชาชนของทั้งสองประเทศ และได้พัฒนายกระดับความร่วมมือระหว่างกันเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” สำหรับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติมีความใกล้ชิดกันในทุกระดับ ทั้งในระดับผู้นำนิติบัญญัติ กลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาของทั้งสองประเทศ และสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับวุฒิสภาไทยนับว่ามีความแนบแน่นเนื่องจากมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ สำหรับความร่วมมือพหุภาคี สมาชิกรัฐสภาของทั้งสองประเทศได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในกรอบการประชุมองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าฝ่ายนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศจะพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีไปสู่ความร่วมมือด้านนิติบัญญัติอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และมีความยินดีที่จะมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลสำคัญของฝ่ายของอินโดนีเซียในโอกาสต่อไป

ด้านเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานวุฒิสภา และแสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในทุกมิติให้แน่นแฟ้นสืบต่อไป ทั้งด้านการทูต เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างรัฐสภาอินโดนีเซียกับวุฒิสภาไทย อีกทั้งยังตั้งใจที่จะเยือนทั้ง 77 จังหวัดของไทยภายในปีนี้เพื่อสร้างและเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจประเทศไทยอันนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ได้นำเรียนว่าคณะรองประธานสภาผู้แทนระดับภูมิภาคอินโดนีเซียจะเดินทางมาเยือนไทย และจะขอเข้าเยี่ยมคารวะประธานวุฒิสภาในสัปดาห์หน้าด้วย นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทยจะมีการจัดงานแสดงวัฒนธรรมอินโดนีเซีย ในวันที่ 15 กันยายน 2567 และได้เรียนเชิญประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาเข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย

ขอนแก่น - รพ.ขอนแก่น จัด 'มหกรรมแพทย์แผนไทย ประจำปี 67'

มหกรรมนี้ จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก และเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาศาสตร์แผนไทยให้มีความก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไป

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่ ศูนย์แพทย์แผนไทยบูรณาการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โรงพยาบาลขอนแก่น ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่นรายงานว่า นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิด งาน “มหกรรมแพทย์แผนไทย ประจำปี 2567” จัดโดย กลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลขอนแก่น ท่ามกลางความสนใจ ของ ญาติผู้ป่วย และประชาชนทั่วไป ที่มาใช้บริการของโรงพยาบาลขอนแก่น

นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่างานมหกรรมนี้ จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก และเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาศาสตร์แผนไทยให้มีความก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไป

นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าวด้วยว่ากิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การให้ความรู้เรื่องศาสตร์การแพทย์แผนไทย แผนจีน และศาสตร์การแพทย์บูรณาการที่ให้บริการในระดับโรงพยาบาลตติยภูมิ ซึ่งแพทย์แผนจีนมีความสำคัญในการรักษาโรคและบรรเทาอาการปวดด้วยการฝังเข็ม ครอบแก้ว และใช้สมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เน้นการป้องกันโรคด้วยการรักษาสมดุลของพลังชีวิตและการปรับสมดุลหยิน-หยาง มองร่างกายเป็นองค์รวม ส่วนศาสตร์แผนไทย เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนไทย รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์และวัฒนธรรมไทย

เชียงใหม่-ททท. ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์สายการบิน Malaysia Airlines เส้นทางกัวลาลัมเปอร์–เชียงใหม่

ททท. ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์สายการบิน Malaysia Airlines เส้นทางกัวลาลัมเปอร์–เชียงใหม่ ดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจากมาเลเซีย ผลักดันประเทศไทยสู่ HUB OF ASEAN

เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.67) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์สายการบิน Malaysia Airlines เที่ยวบิน MH772 บินตรงเส้นทางกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย – เชียงใหม่ ประเทศไทย โดยมี นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางพิมพา รัตนพฤกษ์ รองผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางพัศลินทร์ เศวตรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานเชียงใหม่ นางศิรินทรา สุระกนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ นายณัฐจิต อุ่นเสียม ผู้อำนวยการกองตลาดอาเซียน เอเชียใต้ ททท. และแปซิฟิกใต้ Ms. Emily Tan ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดสายการบิน Malaysia Airlines  นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ และ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติร่วมต้อนรับคณะเดินทาง โดย ททท. มุ่งดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดขยายตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพด้วยการร่วมมือกับเครือข่ายสายการบิน ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่ HUB OF ASEAN

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. มุ่งขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพโดยร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะสายการบิน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติในการเดินทางมาประเทศไทย ด้วยมาตรการอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยว (Ease of Travelling) อย่างต่อเนื่อง โดยการเปิดให้บริการเที่ยวบินตรง (Direct Flight) เส้นทางกัวลาลัมเปอร์ – เชียงใหม่ ของสายการบิน Malaysia Airlines ในครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่นิยมเดินทางเข้าประเทศไทยทางบกสู่ภาคใต้ของประเทศไทย ให้ออกเดินทางมาแสวงหาประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่จุดหมายปลายทางอย่างจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม มีศักยภาพการให้บริการพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ครอบคลุมด้วยเสน่ห์ไทยในหลากหลายมิติที่รอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส ทั้งนี้ ททท. หวังว่าการเปิดเที่ยวบินเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสองจุดหมายปลายทางสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียตลอดจนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนต่อไป

สายการบิน Malaysia Airlines กำหนดให้บริการเส้นทางบินตรง (Direct Flight) เที่ยวบิน MH772 เส้นทางกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย – เชียงใหม่ ประเทศไทย เริ่มบินวันแรกตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2567 เวลา 11.50 น. – 13.40 น. โดยสายการบิน Malaysia Airlines จะให้บริการบินตรงด้วยเครื่อง A330neo ให้บริการ 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ความจุโดยสาร 297 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน 

โดยในโอกาสนี้ ผู้บริหาร ททท. รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเพื่อส่งมอบความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวทันทีที่เดินทางมาถึงประเทศไทย ด้วยอุโมงค์น้ำต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์พร้อมมอบของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในเที่ยวบินดังกล่าว เพื่อแสดงถึงความเป็นมิตรไมตรีในฐานะเจ้าบ้าน ตอกย้ำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

เชียงใหม่-ผบ.ตร.ขึ้นเหนือ แถลงจับคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 3 คดี รวมของกลางยาบ้า 13,980,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 น. ตามนโยบายรัฐบาลให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ดุลเดชา  อาชวะสมิตระกูลรอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย , พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,พล.ต.นิรันดร์ชัย  ทิพย์กาญจนกุล รอง ผบ.นบ.ยส.35 ,นายธันวา ผุดผ่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , นายกองตรี ปิยะวุฒิ พิทักษ์บริบาล นายอำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง , พ.ต.อ.ชูวิทย์  กองแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง และ พ.ต.อ.รัชพล น้อยช่างคิด รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญของตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 3 คดี ที่ ลานสโมสรอินทนนท์ ตำรวจภูธรภาค 5  อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้สืบเนื่องผลมาจากการติดตามเฝ้าระวังกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดของ นายป๋อลี หรือนายบุญชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด  ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายม้งในพื้นที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา, อ.เทิง และ อ.พญาเม็งราย จว.เชียงราย เป็นแหล่งพื้นที่พักยาเสพติด เพื่อรอการลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการดำเนินการใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีในการสืบสวน และระดมสรรพกำลังในการปฏิบัติ รวมถึงการประสานงานในรูปแบบการทำงานร่วมกันเป็นทีมงาน ระหว่างกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 และ ตำรวจภูธรจังหวัด ทั้ง 8 แห่งในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 รวมถึงการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงาน ณ ด่านตรวจ/จุดตรวจยาเสพติด โดยมีการนำระบบเทคโนโลยี AI และกล้องที่ติดตั้ง ในจุดต่าง ๆ มาร่วมในการวิเคราะห์ติดตามเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด รายละเอียดดังนี้

คดีที่ 1 ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยจะใช้รถยนต์ในการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และได้สั่งการให้ทำการสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 13 ส.ค.67 พบรถยนต์คันที่กำหนดไว้เป็นเป้าหมายการสืบสวน จำนวน 3 คัน ได้ขับออกจากพื้นที่ จ.เชียงราย จึงได้เฝ้าติดตามโดยแบ่งหน้าที่ในการติดตามสะกดรอย จำนวน 3 ชุด ต่อมาวันที่ 14 ส.ค.67 เวลาประมาณ 23.54 น. รถยนต์เป้าหมาย รถนำคันที่ 1 ขับมาถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกเพื่อขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย 

จึงได้ปล่อยรถยนต์คันดังกล่าวไป ต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามรถยนต์อีก 2 คัน แจ้งว่ารถยนต์ทั้ง 2 คัน กลับรถที่จุดกลับรถ บ้านท่าชุม ก่อนถึงด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ประมาณ 3 กม. จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบรถยนต์ทั้ง 2 คัน พบเป็นรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว จอดทิ้งไว้ที่บริเวณป่าข้างถนนพหลโยธิน บ้านท่าชุม ม.2 ต.พระบาทวังตวง ส่วนคนขับได้หลบหนีไป จึงทำการตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าว

ผลการตรวจสอบพบกระสอบยาเสพติด(ยาบ้า) ซุกซ่อนอยู่ในแคป และท้ายกระบะ และรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา รถนำคันที่ 2 บริเวณข้างถนนพหลโยธิน บ้านท่าชุม ม.2 ต.พระบาทวังตวง จอดห่างกันประมาณ 1 กม. จึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามรถนำคันที่ 1 จนสามารถจับกุมได้ที่บริเวณด่านตรวจแม่สลิด ต.แม่สลิด อ.บ้านตาก จ.ตาก จากนั้นได้นำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมรถยนต์ของกลางทั้ง 3 คัน มาตรวจสอบโดยละเอียดที่ด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 25 กระสอบ รวมยาบ้าจำนวน 5,000,000 เม็ด จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่พริก จ.ลำปาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และได้รับสั่งการให้ติดตามสืบสวนหาข่าว จนกระทั่ง เวลาประมาณ 04.00 น. ของวันเดียวกัน พบรถยนต์กระบะสี่ประตูมีโครงหลังคา ยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน งย 4193 เชียงใหม่ ซึ่งมีลักษณะตรงกันกับที่ได้รับแจ้งจากสายลับ ขับมาตามถนนสายหลังอำเภอ หมู่ 2 ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปทาง อ.เทิง จ.เชียงราย จึงได้ร่วมกันติดตามและสกัดกั้นรถยนต์คันดังกล่าวได้พบ นายวีรพล เป็นผู้ขับขี่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 17 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสาร และพบยาบ้า จำนวน 18 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในหลังกระบะ รวมทั้งหมดจำนวน 35 กระสอบ รวมยาบ้าประมาณ 8,750,000 เม็ด จากนั้นจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เชียงของ จ.
เชียงรายดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 เวลาประมาณ 19.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการตรวจยึดยาเสพติที่ซุกช่อนอยู่ในพัสดุ ณ ศูนย์กระจายสินค้า Flash Express ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่ - ลำปาง ต.ไชยสถาน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จำนวน 120,000 เม็ด ได้ทำการตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจากการตรวจสอบทราบว่ายังมีพัสดุหมายเลข TH650160022510 ที่มีผู้ส่งเป็นบุคคลคนเดียวกัน คือนายนิพนธ์ ที่อยู่ ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้ถูกส่งไปยังปลายทางผู้รับชื่อนายฮาริส ที่อยู่ ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบพัสดุหมายเลขดังกล่าว อยู่ที่โกดัง Flash Express สาขาสันทราย จึงได้แจ้งแก่พนักงาน และขอทำการตรวจสอบผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 110,000 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ประชุมร่วมไทย-ลาว ประสานความร่วมมือแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เตรียมศึกษาแนวทางตั้งคณะทำงานร่วม เพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามให้ได้ผลอย่างจริงจัง

เมื่อวันที่ (15 สิงหาคม 2567) เวลา 15.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. ลงพื้นที่ สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อประชุมบูรณาการร่วมหน่วยงานความมั่นคงชายแดน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไทย-ลาว-เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดยมี พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ต.วีระชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5 , พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 พร้อมด้วย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย , นายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน , นายวุฒิเลิศ ชนะหาญ ผอ.สำนักงาน กสทช.เขต 34 , คณะเมืองต้นผึ้ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นำโดย ท่านคำเพ็ง กุมพัน หัวหน้าห้องว่าการเมืองต้นผึ้ง และผู้แทนหน่วยงานความมั่นคงระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้าร่วมประชุม

พล.ต.ท.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ระหว่างประเทศไทย-ลาว โดยทางการลาวจะไม่ให้มีการตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำอีกต่อไป โดยกำหนดเดดไลน์ในวันที่ 25 สิงหาคม 2567 หลังจากนั้นหากตรวจพบจะมีการดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด นอกจากนี้ เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ไทยและลาวจะได้มีการไปศึกษาและกำหนดแนวทางในการตั้งคณะทำงานร่วมกัน โดยเป็นคณะทำงานปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวตะเข็บชายแดนระหว่างไทย-ลาว ซึ่งในส่วนของไทย ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 ในการศึกษาและร่วมกันในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมฯ ไทย-ลาว ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่องและเด็ดขาดต่อไป 

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ธัชชัยฯ กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยดำเนินการเข้มงวดเรื่องการตัดสัญญาณซิม สาย เสา ที่ผ่านมา พบว่าในช่วงหลังคนร้ายเริ่มใช้สัญญาณโทรศัพท์จากประเทศเพื่อนบ้านโทรเข้ามา โดยสังเกตได้ว่าจะเป็นหมายเลข +697 หรือ +698 และมีหมายเลขโทรศัพท์หลายตัว หรือโทรศัพท์เข้ามาแล้วอ้างเป็นแพลตฟอร์มต่างๆ  ในส่วนนี้เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่สามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์ของประเทศไทยได้อย่างที่เคยทำมา และในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา เริ่มย้ายมาตั้งในประเทศไทย ซึ่งตำรวจไทยสามารถดำเนินการได้อย่างเด็ดขาด และมีการจับกุมไปแล้วที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่ผ่านมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top