Thursday, 3 July 2025
NEWS FEED

ภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบร่วมขอบคุณและมอบดอกไม้ให้กำลังใจ รอง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปราบปรามผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเด็กไทยจากพิษภัยและอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า

วันนี้ (16 สิงหาคม 2567) เวลา 13.30 น. ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) นำโดย นพ. วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ อดีตนายกแพทยสมาคมโลก และ นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ ประกอบด้วย เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่, ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ, ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักปลัดกลาโหม,  มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่, สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย, คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ตัวแทนเครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่และแกนนำเยาวชน Gen Z โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์และ โรงเรียนเซนต์ราฟาแอล เข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) , พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) , พล.ต.ต.นิพนธ์  บุญเกิด ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (ผบก.สอท.2) , พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.สอท. และ บก.ปคบ. เพื่อให้กำลังใจ และขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลการดำเนินการดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญในการตัดวงจรไม่ให้บุหรี่ไฟฟ้าแพร่ระบาดไปยังนักเรียน นักศึกษา เป็นการป้องกันเยาวชนและนักสูบหน้าใหม่ ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวและตกเป็นทาสของบุหรี่ไฟฟ้า และเป็นการช่วยลดผู้ป่วยที่จะเกิดจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอีกด้วย

นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า รู้สึกขอบคุณและชื่นชม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และคณะทำงานเป็นอย่างยิ่ง ที่ดำเนินการจับกุมการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่และมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนเกิดการรับรู้และตื่นตัวในการดำเนินการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น และได้ฝากให้ทุกภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันสานพลังเพื่อปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า ตามที่ได้มีการประกาศปฏิญญาไว้ในเวทีประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 22 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เรียกร้องให้รัฐสภา ‘คงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า’ เพื่อคุ้มครองสุขภาพเด็ก และให้ความสำคัญกับอนาคตของชาติ มากกว่าผลกำไรและภาษี ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ จริงจัง เคร่งครัด และไม่เรียกรับผลประโยชน์ และจะเฝ้าระวัง เปิดโปงกลยุทธ์การตลาดของผู้ค้าบุหรี่ไฟฟ้าที่ทำการตลาดล่าเหยื่อมุ่งเป้าเยาวชน และกลยุทธ์การแทรกแซงนโยบายของเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านองค์กร บุคคล สื่อ ให้สังคมรับรู้ อีกทั้งจะร่วมมือกันส่งเสริมให้การไม่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นค่านิยมดูแลสุขภาพตนเองและผู้อื่น   

ในโอกาสนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้ให้ข้อมูลกับภาคีเครือข่าย ให้ทราบถึงผลการปฏิบัติสำคัญในห้วงที่ผ่านมาว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดมาตรการปราบปราม ให้ทุกสถานีตำรวจสืบสวนจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะพื้นที่รอบโรงเรียน สถานศึกษา แหล่งท่องเที่ยว ห้างร้าน ตลาด หรือสถานที่สำคัญ และมอบหมายให้ บช.สอท. และ บก.ปคบ. สืบสวนจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์รายใหญ่ที่มีสถานที่เก็บหรือโกดังเก็บบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก หรือมีการกระทำความผิดในลักษณะเป็นเครือข่าย ขบวนการ เพื่อตัดวงจรการกระจายสินค้าไปยังร้านค้ารายย่อย โดยห้วงปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นมา สามารถจับกุมผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ได้ถึง 11 ราย แต่ละรายมีโกดัง เก็บบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์บุหรี่ ไว้รายละหลายหมื่นชิ้น รวมทั้งมีผลการจับกุมร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารอบโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศได้อีกจำนวนมาก รวมผลการจับกุมรายใหญ่ทั้งสิ้น 17 ราย รวมบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ รวมจำนวน 630,853 รายการ มูลค่าของกลางคิดเป็น 121,488,140  บาท   

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิดตามกฎหมาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับช่องทางการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดนั้น พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เปิดช่องทางการรับแจ้งเบาะแสจากประชาชนที่พบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านสายด่วน 1599 โดยทุกสายที่มีการร้องเรียนมา จะสั่งการให้หน่วยที่รับผิดชอบลงไปตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายทุกราย พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจสอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบทุกกรณี

สมาคมแม่บ้านตำรวจ จัดงานวันคล้ายวันสถาปนาสมาคมแม่บ้านตำรวจครบรอบ 38 ปี

วันที่ 16 สิงหาคม 2567 สมาคมแม่บ้านตำรวจ กำหนดจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาสมาคมแม่บ้านตำรวจ ครบรอบ 38 ปี ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น 3 อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีคุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และอุปนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ให้การต้อนรับอดีตนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประกอบด้วย ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์ , คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา , พญ.วันทนีย์ วัฒนะ , คุณกิ่งดาว พจน์โพธิ์ศรี , คุณสาวิตรี ดามาพงศ์ , คุณพจมาน พุ่มพันธุ์ม่วง , คุณสุมนา กิตติประภัสร์ ในส่วนของสมาคมภริยาเหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.ต.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ นายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมและคณะ , คุณปัญญดา หนุนภักดี นายกสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทยและคณะ , ผู้แทนนายกสมาคมแม่บ้านทหารบกและคณะ , คุณกีรติ พันธุ์เอี่ยม นายกสมาคมภริยาทหารเรือและคณะ , คณคุณมนทิรา พัฒนกุล นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศและคณะ , คุณอนุสรา โรจนประดิษฐ นายกสมาคมแม่บ้านองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกและคณะ ,คุณสุกัญญา ประจวบเหมาะ ประธานสภาสตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมทั้งที่ปรึกษาของทางสมาคม แขกผู้มีเกียรติและประธานชมรมแม่บ้านในสังกัดสมาคมแม่บ้านตำรวจ

สมาคมแม่บ้านตำรวจ ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2529 โดยท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์ ให้เกียรติดำรงตำแหน่งนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจเป็นท่านแรก ตลอดระยะเวลา 38 ปี ของการก่อตั้งสมาคมแม่บ้านตำรวจมีนายกสมาคมทั้งสิ้น 21 ท่าน โดยคุณนิภาพรรณ สุขวิมล เป็นนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจคนปัจจุบัน ภายใต้คำขวัญ และการยึดหลักการทำงาน “พลังสามัคคี ทำดี เพื่อสังคม” 

โดยจะเห็นได้จากโครงการต่างๆที่ทางท่านนายกสมาคมได้ดำเนินการต่อเนื่องจากท่านอดีตนายกสมาคมและที่จะสรรค์สร้างความร่วมมือร่วมใจในการกำกับดูแลการดำเนินงานต่างๆ ได้แก่ กิจกรรมเพื่อถวายความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โครงการจิตอาสา ดำเนินกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อสังคม และกิจกรรมการทำนุบำรุงศาสนา ช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาสและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติต่างๆ ตลอดจนการช่วยเหลือสวัสดิการและดูแลทุกข์สุขของกำลังพลและครอบครัว อาทิ โครงการ One Provice One Product (OPOP) “หนึ่งจังหวัด หนึ่งผลิตภัณฑ์” โครงการขวัญดาว โครงการมอบทุนการศึกษา บุตรข้าราชการตำรวจประจำปี โครงการครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน สร้างอาชีพเพื่อเด็กพิเศษอย่างยั่งยืน โครงการร้านค้าสมาคมแม่บ้านตำรวจ “ร้านปันรักษ์ และปันรักษ์คาเฟ่” โครงการ Money Management  โครงการกาแฟอาซ้อ โครงการเกษตรอินทีย์ วิถีตำรวจพอเพียง โครงการจัดกิจกรรมแสดงสินค้าของสมาคมแม่บ้านตำรวจ SIDE BY SIDE ช้อป ชิม แชร์ จากใจเรา ถึงมืคุณ โดยโครงการดังกล่าวนี้ทำให้สมาคมแม่บ้านตำรวจเป็นหน่วยงานที่ทรงคุณค่าสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
สมาคมแม่บ้านตำรวจ

รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐท.สส. ผลิต Care giver หลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุสำหรับผู้ช่วยเหลือคนไข้ให้กับประชาชน

ตามนโยบาย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของกำลังพลและครอบครัว โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้จัดพิธีมอบใบประกาศและปิดโครงการอบรมหลักสูตร การดูแลผู้สูงอายุ สำหรับผู้ช่วยเหลือคนไข้ โดยได้รับเกียรติจาก คุณ ธัชกร นาเวศภูติกร ประธานชมรมภริยาฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นประธานในพิธีมอบใบประกาศนียบัตร กล่าวให้โอวาทและกล่าวปิดการอบรม​

โดยมีพลเรือตรี สรรชัย เลิศวีระศิริกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา ให้เกียรติร่วมในพิธีดังกล่าว ณ ห้องประชุมลุมพิกานนท์ รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อ 15 สิงหาคม 2567

'เชียงราย' ฉก.ทัพเจ้าตาก ยิงปะทะกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า 120,000 เม็ดไอซ์ 75 กิโลกรัมชายแดนแม่สาย

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 04.20 นาฬิกา กองกำลังผาเมือง โดย หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ จาก กองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก  ทำการเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด บริเวณ บ้านป่าแดงหลวง ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ประมาณ 6 - 8 คน แบกเป้สัมภาระเดินเข้ามายังพื้นที่เฝ้าตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา และเกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที ฝ่ายเราปลอดภัย  เนื่องจากเป็นห้วงเวลากลางคืนไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ได้ หน่วยจึงได้จัดกำลังเพิ่มเติม จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ วางกำลังควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อรอการพิสูจน์ทราบในห้วงเช้า

ต่อมาเมื่อเวลา 06.30 นาฬิกา หน่วยจึงได้ทำการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว ไม่พบกลุ่มขบวนการฯ บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และได้ตรวจพบเป้กระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลัง ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1 เป้ จำนวน 120,000 เม็ด และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 3 เป้ๆ เป้ละ 25 ถุง น้ำหนักถุงละประมาณ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนักทั้งสิ้นประมาณ 75 กิโลกรัม

และเมื่อเวลา 11.00 นาฬิกา พลตรี ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้มอบหมายให้ พันเอก กิดากร จันทรา รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พันเอก ณฑี  ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก และนาย ณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สายได้มอบหมายให้นาย   ยศพงศ์ ตุลาชม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว หลังจากนั้นจึงได้นำของกลางทั้งหมดส่งให้ สถานีตำรวจภูธรแม่สาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

'พิพัฒน์' มุ่งสร้างความสุขในองค์กร หารือ สสส. ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงาน

วันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 13.30 น. นายพิพัฒน์รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายอาทิตย์ อิสโม นายกสมาคมผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาแรงงาน ที่ได้นำนายแพทย์พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้อำนวยการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และคณะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อหารือการดำเนินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานด้วยการสร้างสุขภาวะในองค์กร (Happy Workplace) โดยมี นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน     

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ผมพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณผู้อำนวยการกองทุน สสส.และคณะ ที่ได้มาเยี่ยมเยียนถึงกระทรวงแรงงานในวันนี้ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงแรงงานกับ สสส.ได้ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณที่ สสส.ได้สนับสนุนงบประมาณกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในการขับเคลื่อนงานด้านการสร้างเสริมสุขภาพของพี่น้องผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการ การได้มาหารือกันในวันนี้จึงเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่า นอกเหนือจากการขับเคลื่อนงานด้านสุขภาวะในองค์กรแล้ว สสส.จะมีแนวทางสนับสนุนความร่วมมือร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในสังกัดกระทรวงแรงงานอย่างไร เช่น ความร่วมมือในการรณรงค์ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน ซึ่งในส่วนนี้ผมได้มอบหมายให้ สสปท.ไปวางระบบป้องกันก่อนการเกิดเหตุ ซึ่งทุกหน่วยงานต้องช่วยกันป้องกันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุแล้วมาเยียวยาทีหลัง

“ผมจะพัฒนากระทรวงแรงงานให้เป็นกระทรวงต้นแบบด้านองค์กรสุขภาวะ ซึ่งจะต้องอาศัยการทำงานร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง กระทรวงแรงงานเราเป็นกระทรวงที่ดูแลแรงงานตั้งแต่ระดับล่างสุดไปจนถึงแรงงานระดับสูงสุด เพราะทุกคนเป็นคนทำงานที่ต้องแลกกับรายได้ เราจึงต้องดูแลเพื่อให้แรงงานทุกภาคส่วนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีสิทธิเท่าเทียมกันทั้งหมด ดังนั้น การหารือร่วมกันทั้งสองฝ่ายในวันนี้ กระทรวงแรงงานเองพร้อมสนับสนุนขับเคลื่อนความร่วมมือเพื่อมุ่งสร้างสุขภาวะในองค์กรและยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานให้ดียิ่งขึ้น” นายพิพัฒน์ กล่าว    

ด้าน นายแพทย์พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้อำนวยการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในนาม สสส.ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ ที่เปิดโอกาสให้เข้าพบเพื่อหารือความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานด้วยการสร้างสุขภาวะในองค์กร

ในวันนี้ และขอขอบคุณทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน สสส.เองเราให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาวะของวัยทำงานทุกคน และเรายินดีที่จะทำงานร่วมกันกับกระทรวงแรงงาน ในการสร้างสุขภาวะให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงานให้มีสุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ เชื่อมโยงกันเป็นองค์รวม เพื่อให้กำลังแรงงานของประเทศเข้มแข็งและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย จัดโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตและการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชนรุ่นที่ 4 ภาคใต้

นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิต และการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน รุ่นที่ 4 ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15 - 17 สิงหาคม 2567 ณ ห้องประชุมทานตะวัน ชั้น 1 โรงแรม หาดใหญ่ พาราไดซ์ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

โดยมี นายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย / กรรมการและที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย คณะกรรมการภาคใต้ ผู้แทนตำรวจภูธรภาค 8 และภาค 9 ผู้แทนหน่วยงานสาธารณสุข ในเขตพื้นที่ภาคใต้ ผู้แทนจากกรมสุขภาพจิต ผู้แทนสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งภาคใต้จังหวัดนครศรีธรรมราช (บ้านสิชล) ผู้มีเกียรติ ร่วมงาน

นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่าย การให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตและการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ในวันนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการให้ผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน
ได้รับความรู้ มีความเข้าใจ ในเรื่องสิทธิด้านต่างๆ สำหรับคนพิการ โดยเฉพาะการดูแล ผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูง ต่อการก่อความรุนแรง และการฆ่าตัวตาย  รวมทั้ง เน้นให้เห็นความสำคัญของครอบครัว เพื่อลดความรุนแรง รวมทั้งเพื่อให้ได้แนวทางและขั้นตอนในการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตอย่างถูกวิธี ตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต และพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
 
นางวัลยา ลามะ ประธานเครือข่ายสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย สาขาภาคใต้ กล่าวว่า โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิต และการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน มีวัตถุประสงค์ของเพื่อให้เกิดแกนนำเครือข่ายภาคปฏิบัติ ที่มีความรู้ความเข้าใจขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตเมื่ออยู่ในภาวะต่างๆได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และทันเหตุการณ์ เพื่อให้ได้แนวทาง และขั้นตอนในการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตอย่างถูกวิธี ตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต และ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จากการทำแผนงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในพื้นที่และส่วนกลาง

สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2546 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 21 ปี การจัดโครงการฯในวันนี้ จะดำเนินการระหว่างวันที่  15 – 17 สิงหาคม 2567 โดยจะมีการจัดกิจกรรมทั้งหมดจำนวน 5 รุ่น แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 ภาคเหนือ จำนวน 140 คน รุ่นที่ 2 ภาคกลาง จำนวน 139 คน รุ่นที่ 3 ภาคอีสาน จำนวน 154 คน รุ่นที่ 4 ภาคใต้ จำนวน 117 คน และรุ่นที่ 5 ภาคตะวันออก จำนวน 76 คน รวมกลุ่มเป้าหมายทั้งโครงการจำนวน 626 คน 

กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการในรุ่นที่ 4 ภาคใต้ ประกอบด้วยคณะกรรมการภาคใต้หรือผู้แทน คณะกรรมการและกรรมการที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ผู้แทนตำตรวจภูธรภาค 8 และภาค 9 ผู้แทนหน่วยงานสาธารณสุขในเขตพื้นที่ภาคใต้ ผู้แทนจากกรมสุขภาพจิต ผู้แทนสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งภาคใต้จังหวัดนครศรีธรรมราช (บ้านสิชล) ผู้สังเกตการณ์ วิทยากรและคณะทำงาน รวมจำนวน 117 คน  

‘นิสิตเก่าวิศวฯ ม.เกษตรฯ’ ดูแลน้องช่วงอ่านหนังสือสอบเต็มที่ แจกนมวันละ 300 ถุง และข้าวต้ม 200 ถ้วย ระหว่างติว 24 ชม.

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์’ ได้โพสต์ภาพบรรยากาศบางส่วน ของวันที่ 9 ส.ค.67 ณ ห้องสมุดและศูนย์การเรียนรู้ฯ คณะวิศวฯ หลังเปิดพื้นที่ให้นิสิตคณะ อ่านหนังสือช่วงสอบกลางภาคตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมมีบริการเครื่องดื่ม นมวันละ 300 ถุง และข้าวต้ม 200 ถ้วย ซึ่งสนับสนุนโดยพี่ ๆ นิสิตเก่าวิศวกรรมโยธา

โดยทางเพจระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับการสอบกลางภาคครั้งนี้ มีการสนับสนุนอาหารและเครื่องดื่มสำหรับนิสิตวิศวฯ มก. บางเขน ช่วงอ่านหนังสือเตรียมสอบ ในวันที่ 9-17 ส.ค.67 ที่ห้องสมุดและศูนย์การเรียนรู้ฯ คณะวิศวฯ

ซึ่งนอกจากจะอิ่มท้องเพิ่มพลังสมอง เพราะมีผู้บริหาร พี่ ๆ นิสิตเก่าวิศวฯ และคณาจารย์ สนับสนุนอาหารว่างและเครื่องดื่มแล้ว ยังอุ่นใจเพราะมีเพื่อนช่วยกันอ่านหนังสือเยอะแยะเลย และมีพี่ ๆ เจ้าหน้าที่คอยดูแลและบริการระหว่างการอ่านหนังสืออีกด้วย

นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ 15 ส.ค.67 ช่วงเวลา 4 ทุ่ม คณบดีคณะวิศวฯ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และผศ.ดร.ปฐมาภรณ์ ศรีผดุงธรรม ก็ได้มีการสนับสนุนโจ๊กหมูทรงเครื่อง และลิ้มเหล่าโหงว สำหรับนิสิต ช่วงอ่านหนังสือเตรียมสอบ Midterm ด้วยเช่นกัน

ถือเป็นเรื่องราวดี ๆ และเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถเพิ่มแรงใจให้เด็ก ๆ มีพลังอ่านหนังสือต่อได้

‘แพทองธาร’ ขอบคุณทุกคะแนนเสียงโหวตนั่งนายกรัฐมนตรี ประกาศพร้อมเดินหน้าทำงานอย่างตั้งใจ สร้างโอกาส ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยทุกคน

วันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 14.08 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งแรกภายหลังสภาผู้แทนราษฎร 319 เสียง ลงมติเห็นชอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 

นางสาวแพทองธาร กล่าวขอบคุณทุกคะแนนเสียงโหวตจากตัวแทนประชาชนทุกท่าน ดิฉันและทีม จะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ใดก็ตามที่ได้รับมอบหมาย ขอขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี  ที่ทำงานมาอย่างหนักมาโดยตลอดเกือบ 1 ปีเต็ม เราทุกคนพร้อมจะทำงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป“

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ความตั้งใจแรกที่จะทำคืออะไร นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ขอให้มีการเสนอรายชื่อและโปรดเกล้าก่อนที่จะมีการพูดถึงรายละเอียดในการบริหารต่อไป วันนี้ตั้งใจเพื่อขอบคุณคะแนนโหวตมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนแรกที่แสดงความยินดีคือใคร  นางสาวแพทองธาร ตอบว่า สามี พี่ชาย และพี่สาว  ซึ่งอยู่ด้วยกันในขณะติดตามการโหวต  และได้โทรคุยกับคุณพ่อคุณแม่  โดยคุณพ่อโดย Facetime บอกว่า เมื่อได้รับการนำเสนอชื่อทูลเกล้าและโปรดเกล้าฯ แล้ว ขอให้ทำเต็มที่ ดีใจที่หวังว่าจะได้เห็นลูกสาวได้รับตำแหน่ง (นายกรัฐมนตรี) ก่อนที่ท่านจะเป็นอัลไซเมอร์ เป็นอะไรไป ท่านบอกแบบนี้ เพราะท่านอายุมากแล้ว  (หัวเราะ) พูดกันเล่นๆ ก็เป็นกำลังใจให้กันเสมอ คุณแม่ เป็นห่วงเสมอ บอกคุณแม่ว่าจะดูแลตัวเองให้ดี 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแรงกดดันหรือไม่ นางสาวแพทองธารตอบว่า ความกดดัน เราสามารถจัดการกับมันได้ การทำงาน ใน mindset ที่เข้ามาทำงานตั้งแต่ก้าวเข้ามาทำงานการเมือง ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนที่ดีที่สุด เก่งที่สุดในห้อง แต่คิดเสมอว่าเรามีแรงผลักดันที่ชัดเจน เรามีทีมที่ดี ทีมของเราเข้มแข็ง มีประสบการณ์ มีความตั้งใจและคิดไปในแนวทางเดียวกับเรา คือสิ่งที่ตนเองให้คุณค่า (Value) ตรงนี้มากๆ ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งตรงไหนก็ตาม  เมื่อเรามีทีมที่ดี เราจะประสบความสำเร็จได้ 

ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศว่า ตนมีความคาดหวังว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนว่า ‘เรา พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล’ จะร่วมกันสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างพลังให้กับคนไทยทุกคน 

(I really hope that I can make the people feels confident about that we can to built opportunity and to improve the quality of life and to empower to all Thais)

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศถามว่า คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับการยืนยันว่านายเศรษฐา ต้องออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (What was on your my when confirm the Prime minister left? )

นางสาวแพทองธาร ตอบว่า  มีความรู้สึกสับสน และในขณะนั้นยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรหลังจากผลของคำนิจฉัยของศาลออกมา เมื่อผลเป็นเช่นนั้น ตนรู้สึกเสียใจ เพราะไม่ได้คาดหวังว่าผล (ของคำวินิจฉัย) จะเป็นอย่างนั้น 

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้รู้ผลคำวินิจฉัยหลังจากที่เดินทางกลับจากจีน และรู้ผลหลังจากเปิดโทรศัพท์มือถือและอ่านข่าว ตอนนั้นเกิดความรู้สึกว่า ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเป็นอย่างนี้ ตนรู้สึกเสียใจมาก และได้คุยกับคุณเศรษฐา พูดคุยกับครอบครัว และพูดคุยกับคนในพรรคหลายคน จนตัดสินใจได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะทำอะไรสักอย่าง เพื่อประเทศ และเพื่อพรรคเพื่อไทยด้วย ตนจะทำเต็มที่เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า 

ตอนนี้ วันนี้ รู้สึกเป็นเกียรติและมีความสุขมาก ยืนยันว่าทำดีที่สุดในทุกๆ วันและในทุกโอกาสที่มี  แม้มีหลายอย่างเกิดขึ้น หากตนทำดีที่สุดเสมอ และนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้เสมอ เชื่อว่าทุกอย่างจะลุล่วงไปได้ด้วยดี

(I was very confused and I didn’t know what to do when the result come out and I felt very bad because I didn't expect the result to be right that at all. 

On Wednesday, I heard the result because I was on a plane flying back from China. So, when I turned on my phone and then I read the news. I felt almost like I didn’t know it gonna happen like this. I was very sad and I got back up again and I talked to Khun Srettha and I talked to my family and I talked to a lot of people from my party. And I decided that it’s about time to do something for the country and for the party as well and I hope that I can do my best to make the country go forward. That’s what I try to do. Right now, today I feel very honored and I feel very happy.

To do my best in everyday and in every opportunity that I have. I think that’s make me feels like. You know that a lot of things going on around me. If I always do my best and always think about what is happening right now right here in front of my face, I will be fine.

Thank you all for coming) 

'ลุงป้อม' ปลื้ม!! นักกีฬาโอลิมปิก ครั้งนี้ทำดีที่สุดแล้ว ขอให้มุ่งมั่นต่อไป พร้อมบ่นสื่อ "ถามอะไรก็ไม่รู้' หลังถูกซักเรื่อง 'อุ๊งอิ๊ง' เป็นนายกฯ

(16 ส.ค.67) ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนศรีอยุธยา กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เปิดห้องรับรองสำนักงานคณะกรรมการฯ เลี้ยงต้อนรับและแสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีนักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคม เข้าร่วม

โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก พล.อ.ประวิตร ได้ให้กำลังใจและมอบของที่ระลึกกับบรรดานักกีฬา รวมถึงเซลฟี่กับ น้องเทนนิส น.ส.พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่ได้เหรียญทองในครั้งนี้ รวมถึงทำท่าซารางเฮโย กับโค้ช ชัชชัย เช อย่างอารมณ์ดี

จากนั้นเวลา 12.15 น. พล.อ.ประวิตร กล่าวภายหลังงานเลี้ยงรับรองนักกีฬาโอลิมปิกถึงการพูดคุยกับนักกีฬา ว่า ให้กำลังใจเขา แล้วสื่อให้กำลังใจเขาหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องพัฒนานักกีฬาเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเข้าร่วมโอลิมปิกในครั้งหน้าอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องทำให้ได้เหรียญมากขึ้น ครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดแล้ว แต่ต่อไปต้องมากกว่านี้อีก ต้องให้กำลังใจและชักชวนเด็ก ๆ คนไทยทุกคนมาเล่นกีฬาอะไรก็ได้ เพื่อทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติและคนไทยมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ติดตามเรื่องการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ถามอะไรก็ไม่ได้ยิน ก่อนจะเดินขึ้นรถยนต์และเปิดกระจกลงมาถามผู้สื่อข่าวว่า อยากจะถามอะไร ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า มองอย่างไรที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 พล.อ.ประวิตร อุทานว่า "หูย ! ถามอะไรก็ไม่รู้" ก่อนเดินทางกลับทันที

สมุทรปราการ-พิพิธภัณฑ์ครุฑ จัดพิธีบวงสรวงพญาครุฑ พร้อมมอบโล่ใบประกาศเชิดชูเกียรติแก่เยาวชนกตัญญู ประจำปี 2567

ที่พิพิธภัณฑ์ครุฑ โดยธนาคารทหารไทยธนชาต ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีบวงสรวงมหามงคลฉลองบูรณะองค์พญาครุฑ ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์รับสิริมงคล   

โดยมี พล.ต.จินตมัย ชีกว้าง รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบกส่งเสริมกิจกรรมเด็กและเยาวชน เรื่องคุณธรรมจริยธรรม ความซื่อสัตย์สถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมด้วย นางสาวมาริสา จงคงคาวุฒิ หัวหน้ากิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืน ทีเอ็มบีธนชาต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากร่วมในพิธีครั้งนี้

ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก นางสาวสุมลฑา เจริญศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย ดร.วิชัย จันทร์จำรูญ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวจรรยารักษ์ สาธิตกิจ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ คณะครูและนักเรียนจากสถานการศึกษาต่าง ๆ ทั้งในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ที่เดินทางมารับมอบโล่และใบประกาศเชิดชูเกียรติพร้อมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก

โดยกิจกรรมในช่วงเช้าได้จัดพิธีบวงสรวงองค์พญาครุฑที่ตั้งประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ จากนั้น ได้จัดให้มีพิธีมอบโล่และใบประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติแก่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ให้การสนับสนุนพิพิธภัณฑ์ในทุกด้าน รวมถึงคณะครูและผู้บริหารจากสถานการศึกษาต่างๆ พร้อมได้มอบโล่และใบประกาศการยกย่องเชิญชูเกียรตินักเรียนต้นแบบคนกตัญญู ประจำปี 2567 อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top