Saturday, 28 June 2025
NEWS FEED

'รัฐมนตรี อว.' เยี่ยมชมนวัตกรรมคนไทย หม้อแปลง Low Carbon ประหยัดค่าไฟฟ้า, ลดค่าไฟฟ้าและลดคาร์บอนเครดิต พร้อม Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด Solar , Energy Storage สู่ Net Zero สนับสนุนส่งเสริมโดย NiA, BOI ด้านการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลัง

บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด นำโดยคุณประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ รู้สึกเป็นเกียรติจาก คุณศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ผู้แทนประธานคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่ง ประเทศไทย ที่ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธ หม้อแปลง Low Carbon ประหยัดค่าไฟฟ้า, ลดค่าไฟฟ้าและลดคาร์บอนเครดิต พร้อม Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด Solar , Energy Storage  สู่ Net Zero สนับสนุนส่งเสริมโดย NiA, BOI ด้านการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลัง ในงานมหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมประจำปี 2567 (TRIUP FAIR 2024)’ 

ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 กันยายน 2567 ณ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อผลักดันผลงานวิจัยและนวัตกรรมของไทยให้ถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และช่วยยกระดับความสามารถของภาคอุตสาหกรรม สร้างรายได้ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ

 

เชียงใหม่-คณะพยาบาลศาสตร์ มช. ร่วมกิจกรรมวันมหิดล ประจำปี 2567

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์และนักศึกษา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายบังคมพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ 9 เพื่อน้อมรำลึกและเทิดพระเกียรติในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ณ ลานพระราชานุสาวรีย์ฯ อาคารสุจิณโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

หลังจากเสร็จพิธีคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธานมอบโล่รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2567 แด่ รองศาสตราจารย์ ดร.ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ (รหัสประจำตัวนักศึกษา 197819) อดีตคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ และ ผู้อำนวยการสำนักงานหอพักนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในพิธีเทิดพระเกียรติสมเด็จพระมหิตลธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ 9  พร้อมกันนี้ได้มอบทุนการศึกษา 'กองทุนหมอเจ้าฟ้า 2' ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แก่นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารเรียนรวม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โดยคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดพิธีแสดงความยินดีแด่รองศาสตราจารย์ ดร.ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ ในโอกาสที่ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ (คณะพยาบาลศาสตร์) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เนื่องใน 'วันมหิดล' ประจำปี  2567 โดยมีอดีตคณบดี อาจารย์อาวุโส ตลอดจนผู้แทนหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกคณะฯ เข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร 4 คณะพยาบาลศาสตร์ เมื่อวันอังคารที่ 24 กันยายน 2567

'ใบตองแห้ง' ยก!! ทหารเป็นกำลังสำคัญในการกอบกู้ภัยพิบัติ ยัน!! ไม่ปฏิเสธการมีทหาร แต่แค่มีนายพลมากมายไว้ทำไม

(25 ก.ย. 67) อธึกกิต แสวงสุข หรือ ใบตองแห้ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Atukkit Sawangsuk' ในหัวข้อ 'ทหารมีไว้ทำไม' ระบุว่า...

คุยกับ บก.ลายจุด ทำงานร่วมกับทหารดีมาก

“เขาก็รู้ว่าผมเป็นใคร” แต่ทำงานร่วมกันอย่างมืออาชีพ ทหารยังให้รถมาใช้

ไม่ใช่แค่ บก.หรอก อาสาสมัครมูลนิธิกระจกเงามีหลากหลาย

แดง ส้ม คนรุ่นใหม่ ก็ไปทำงานร่วมกัน เสธ.ทั้งหลาย (ในขณะที่พวก IO นั่งหน้าคีย์บอร์ด)

ไม่ได้มีปัญหาในการทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยผู้ประสบภัยพิบัติ

ทหารนั้นเป็นกำลังสำคัญในการกอบกู้ภัยพิบัติ

เป็นอย่างนี้ทุกประเทศ เพราะมีกำลังพลพร้อมลุย

อันที่จริง ควรมีการฝึกซ้อมด้านนี้ด้วยซ้ำ

แต่อันดับแรก คือต้องเพิ่มประสิทธิภาพ ปภ. เป็นเจ้าภาพ แล้วให้ทหารเป็นกำลังหลัก อาสาสมัครเป็นกำลังเสริม 

เวลาพูดเรื่องทหารมีไว้ทำไม

เราไม่ได้ปฏิเสธว่าทหารมีไว้รบ มีไว้กู้ภัย

แต่มันมีนายพลมากมายไว้ทำไม 

มีสนามกอล์ฟมากมายไว้ทำไม

มีทหารกระดาษ ทหารเดินเอกสาร ไว้มากมายทำไม

คึกคัก!! ‘รมช.นภินทร’ ขนทัพ ‘ผู้ประกอบการ SME ไทย 143 ราย’ ร่วมงาน CAEXPO @หนานหนิง นักช็อปจีนล้น ‘ไทยแลนด์ ฮอลล์’ คาดสร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 170 ล้านบาท

‘รมช.พณ.นภินทร’ ร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 21 (China-ASEAN EXPO: CAEXPO 2024) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 ก.ย.67 ณ นครหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกับบรรดาผู้นำประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ พร้อมเปิด ‘Pavilion of City of Charm’ จังหวัดมนต์เสน่ห์ของไทย นำเสนอจังหวัดฉะเชิงเทรา ชวนจีนท่องเที่ยวไทย พร้อมนำผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SME 143 ราย บินลัดฟ้าสู่แดนมังกร ขายสินค้าในงานใหญ่ระดับอาเซียน วันแรกคนจีนและต่างชาติร่วมชม-ช็อปสินค้าไทยใน Thailand Hall อย่างล้นหลาม รวมถึงเจรจาจับคู่ธุรกิจ คาดเม็ดเงินสะพัดกว่า 170 ล้านบาท และจะเป็นโอกาสขยายตลาดสินค้าไทยมายังจีนและอาเซียน 

เมื่อวานนี้ (24 ก.ย. 67) ณ นครหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 21 (China-ASEAN EXPO: CAEXPO 2024) และเป็นประธานเปิด Pavilion of City of Charm จังหวัดมนต์เสน่ห์ของไทย ภายใน CAEXPO ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมระหว่างประเทศหนานหนิง พร้อมกับเยี่ยมชมบูธผู้ประกอบการไทยจำนวน 143 ราย ที่มาจัดแสดงสินค้าในงานดังกล่าว พร้อมกับเปิดเผยว่า…

“สำหรับวันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SME ที่มีสินค้าไทยที่เป็นเอกลักษณ์มาจัดแสดงในงาน CAEXPO ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าระดับภูมิภาคอาเซียน ที่ถือเป็นงานใหญ่ที่ผู้ประกอบการรอคอยที่จะมาร่วมงานนี้ โดยงานนี้จัดขึ้นต่อเนื่องมาถึงปีที่ 21 แล้ว และกระทรวงพาณิชย์ได้เชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมทุกปี และผลที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง สำหรับในปีนี้ มีการจัดงานแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 

1) Pavilion of Commodity Trade ที่ได้นำผู้ประกอบการไทย 143 คูหา เข้าร่วม ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม แฟชั่นและเครื่องประดับ สุขภาพและความงาม ของใช้และของตกแต่งบ้าน และคูหาร้าน TOP THAI บนแพลตฟอร์ม JD.com 

นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศ จัดแสดงสินค้าข้าวของไทย และยังมีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คัดเลือกสินค้าที่มีดีไซน์เข้าร่วมงานด้วย 

2) Pavilion of Cities of Charm กระทรวงได้เลือกจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดมนต์เสน่ห์ของไทยด้านเมืองท่องเที่ยว เมืองน่าอยู่ เมืองลงทุนที่เชื่อมต่อกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รวมถึงนำเสนอสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบางคล้าและมะพร้าวน้ำหอมบางคล้า พร้อมด้วยบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย”

นอกจากนี้ สินค้าไทยที่เราคัดเลือกนำมาแสดงในงาน ล้วนเป็นที่นิยมของคนต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน อย่างเช่น ชุดเครื่องแกง ไอศกรีมผลไม้แช่เย็น ทองม้วนรสมะพร้าวและทุเรียน ลูกประคบสมุนไพรและสมุนไพรสปา น้ำมันเหลืองสมุนไพรและยาหม่อง เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทองและเงิน โคมไฟและกระเป๋าผลิตจากใบไม้ หมอนยางพารา และภาพแกะสลัก เป็นต้น 

“สำหรับงานในวันแรกวันนี้ถือว่าคึกคักเป็นอย่างมาก ในพื้นที่จัดแสดงของประเทศไทยมีคนจีนเข้ามาเลือกซื้อสินค้า และจับมือเจรจาธุรกิจ ในการนำเข้าสินค้าไทยมายังประเทศจีน ซึ่งถือว่านี่คือความสำเร็จของผู้ประกอบการไทยที่พัฒนาสินค้าของตนให้ตอบโจทย์และเป็นที่นิยมของลูกค้าในตลาดใหญ่อย่างจีน ผมขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SME และเชื่อว่าสินค้าไทยยังเป็นที่ต้องการตลาดใหญ่ในประเทศอาเซียนอีกด้วย” นายนภินทรฯ กล่าว

สำหรับ The 21st CAEXPO จัดระหว่างวันที่ 24-28 กันยายน 2567 งานแสดงสินค้า CAEXPO เป็นมหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติที่กระทรวงพาณิชย์จีน กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ และ ASEAN Secretariat เป็นงานแสดงสินค้าที่รัฐบาลจีนและกลุ่มประเทศอาเซียนให้ความสำคัญและจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างภูมิภาคอาเซียนและจีนทั้งด้านการค้าการลงทุน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ภายใต้วัตถุประสงค์ของเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA)

'พิทบูลจอมโหด' ขย้ำแม่เฒ่าวัย 67 ดับ พบรอยบาดแผลฉกรรจ์ ขาเกือบขาด

เมื่อวานนี้ (24 ก.ย. 67) พ.ต.ท.กฤชฐา ประทุมแก้ว สารวัตรสอบสวน สภ.สามโคก ได้รับแจ้งมีเหตุ สุนัขพันธุ์พิทบูลกันคน แล้วลูกชายอุ้มมาอยู่บริเวณถนน ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยศพอยู่บริเวณหน้าร้านซ่อมจักรยานยนต์ ใกล้เคียงที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 

หลังรับแจ้ง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดหตุ พร้อม พ.ต.อ.จตุพร คงเมือง ผกก.สภ.สามโคก, เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.สามโคก, แพทย์และเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลสามโคก, แพทย์เวรจาก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบศพ นางสาวแดง ธรรมทันตา อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 42 หมู่ 1 ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี สภาพศพนอนหงาย มีรอยถูกสุนัขพันธุ์อเมริกันพิทบูล กัดตามร่างกายหลายแห่ง ขาขวาเกือบขาด และแขนซ้ายทั้งหมด เป็นบาดแผลฉกรรจ์ ทางแพทย์พยายามห้ามเลือด ปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่ผู้บาดเจ็บเสียเลือดมาก เป็นเหตุให้เสียชีวิต 

ซึ่งจุดที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณภายในซอยห่างจากจุดพบศพประมาณ 800 เมตร ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านผู้ตาย โดยทราบว่า หมาตัวที่กัดเป็นหมาพันธุ์อเมริกัน พิทบูลชื่อ ‘โป๊ยก่าย’ เป็นสุนัขเพศผู้ ซึ่งเป็นหมาของญาติ ๆ ที่อยู่บ้านใกล้กัน ซึ่งเมื่อเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณด้านในซอย ก่อนถึงบ้านคนตาย พบรถจักรยานล้มอยู่ข้างถนน และมีรอยเลือดกระจัดกระจายเต็มไปหมด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถาม นายทวี มากผ่อง อายุ 41 ปี (ลูกชาย) ตนเองก็ไม่ทราบว่าแม่กำลังจะไปไหน มาทราบอีกทีคือน้ามาเรียกว่าแม่ถูกหมากัด เมื่อวิ่งมาดูก็ตกใจเพราะเห็นเลือดออกจำนวนมาก ตนเองกับพี่ชายจึงได้อุ้มแม่ออกมาขอความช่วยเหลือที่บริเวณร้านค้าใกล้เคียงที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 600 เมตร ก่อนที่จะมีคนโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทัน

ต่อมา ทางด้านจ่าสิบเอกนำ พล. นาคประดิษฐ์ อายุ 52 ปี หลานผู้ตาย เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมกับบอกว่า โดยตอนเช้าและตอนเย็นจะปล่อยออกมา โดยคนตายเป็นน้าสาวของตนเอง ซึ่งบ้านจะอยู่หน้าสุด ส่วนบ้านของน้าจะอยู่ถัดไปอีก 2 หลัง ซึ่งในกลุ่มนั้นจะเป็นบ้านญาติพี่น้องกันหมดเลย วิ่งทุกเช้าน้าก็จะปั่นจักรยานออกไปมาปกติ ซึ่งปกติเขาก็ไม่มีอาการก้าวร้าว แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยกัดลูกสาวคนเล็ก ซึ่งตอนนี้ยังพาไปทำแผลอยู่เลย

ทางด้าน นางเกียรติกนก แทนแล อายุ 48 ปี เล่าให้ฟังว่า สุนัขของตนชื่อ ‘โป๊ยก่าย’ เป็นสุนัขพันธุ์พิทบูลเพศผู้ อายุประมาณ 6 ปี ปกติตนเองจะเอาเข้าไปนอนด้วย เข้าก็จะนอนข้างเตียง โดยเขามาเริ่มดุเมื่อไม่นาน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยกัดลุงข้างบ้าน และก็ลูกสาว โดยหมาไทยจะเห่านำแล้วเจ้าโป๊ยก่าย ก็จะวิ่งเข้าใส่เลย โดยปกติจะปล่อยตอนเข้า และตอนเย็น ซึ่งคาดว่าวันนี้มันจะหลุดออกไปซึ่งตนเองก็คาดว่าน่าจะกระโดดออกจากตรงประตูข้างหน้า ซึ่งตนเองก็อยากให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เข้ามาช่วยเหลือเพื่อเอาน้องไปดูแลหน่อย เพราะเรารับผิดชอบไม่ไหวแล้ว เพราะน้องกัดคนตายแล้ว โดยตอนนี้เราเลี้ยงไว้ 7 ตัว อาจจะให้เอาแต่เจ้าพิทบูลไป โดยลูกสาวคนโตเป็นผู้เอามาเลี้ยง ซึ่งตนเองไม่อยากได้เลย ซึ่งผู้เสียชีวิตก็เป็นญาติฝั่งสามีอีกด้วย

ในเบื้องต้นทาง พ.ต.ท.กฤชฐา ประทุมแก้ว สารวัตรสอบสวนสภ.สามโคก ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับแพทย์เวร และร่วมกันชันสูตรพลิกศพ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกภาพในจุดเกิดเหตุ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะนำเจ้าของหมาไปทำการสอบสวนที่โรงพัก ส่วนผู้เสียชีวิต มอบให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำร่างผู้เสียชีวิต ส่งศพไปผ่าพิสูจน์ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ถนนสายซ่อมสร้าง ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี เพื่อหาสาเหตุการตายโดยละเอียดอีกครั้ง และให้ญาติ ๆ ไปขอรับศพ นำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีมอบประกาศเกียรติคุณ และสวนสนาม เป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ประจำปี 2567

(24 ก.ย. 67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ประจำปีพุทธศักราช 2567 เช่น พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และข้าราชการตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้เกษียณอายุราชการ , พิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ , พิธีวางพานพุ่มฯ , พิธีสวนสนาม และพิธีเชิญธงพิทักษ์สันติราษฎร์ลงจากยอดเสา เนื่องในงานเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2567 ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม

โดยในเวลา 16.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน ในพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และถวายราชสักการะพระบรมรูป รัชกาลที่ 9 และพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้เกษียณอายุราชการ ประจำปี 2567 แก่ข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ระดับ พ.ต.อ.ขึ้นไป ณ ห้องประชุมเตมียาเวส 

จากนั้น เวลา 19.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 และรับการเคารพจากกองเกียรติยศ ต่อมา ผบ.ตร.เป็นประธานตรวจพลสวนสนาม พิธีมอบแหวนอัศวิน และกล่าวอําลาชีวิตราชการ จากนั้นเป็นขบวนสวนสนาม และพิธีเชิญธงพิทักษ์สันติราษฎร์ลงจากยอดเสา ณ ลานฝึกศรียานนท์ พิธีสุดท้ายในเวลา 22.00 น. ข้าราชการตํารวจในสังกัดโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และนักเรียนนายร้อยตำรวจ ตั้งแถวซุ้มกระบี่หน้าประตูทางออกหอประชุมชุณหะวัณ และยืนแถวรายทางจากหน้าหอประชุม ถึงลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นเกียรติแก่คณะผู้เกษียณอายุราชการ ผบ.ตร. และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า สำหรับข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการแล้ว การที่ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ในราชการ จนวันเกษียณอายุราชการอย่างราบรื่น ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าปลาบปลื้มยินดีอย่างยิ่ง ขอให้ท่านใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างมีคุณภาพ มีศักดิ์ศรี และมีความสุขต่อไป นอกจากนี้ ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายพึงระลึกเสมอว่า การที่เราได้อาสามาเป็นตำรวจนั้น หน้าที่หลักคือการดูแลทุกข์สุขของประชาชน เสียสละอุทิศกายและใจให้กับการทำงาน เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับประชาชน โดยเฉพาะหน้าที่ที่สำคัญที่สุด คือการปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้ตำรวจทุกนายได้ภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ ตามรอยพระยุคลบาทในฐานะข้าของแผ่นดิน โดยมีเจตนาอันแน่วแน่ ในอันที่จะมุ่งหมายประพฤติปฏิบัติตนเป็นตำรวจที่ดีของประชาชน ให้สมกับคำว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

ชาวเน็ตให้กำลังใจ 'ฟาร์มดัง' เชือดจระเข้ยกบ่อ 'หวั่นน้ำท่วม-จระเข้หลุด' หลังตัดสินใจแบบเร่งด่วนที่สุด ขอป้องกันไว้ก่อน ดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง

(24 ก.ย. 67) หลังจากหลายพื้นที่มีฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายจังหวัด ทำให้ชาวบ้านต่างได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ข้าวของในบ้านต่างเสียหายหนัก

ล่าสุดเฟซบุ๊ก ‘เอ็กซ์ วัวหันอินเตอร์’ ฟาร์มจระเข้ จ.ลำพูน โพสต์ข้อความและรูปภาพกล่าวว่า “วันนี้ตัดสินใจเอาจระเข้พ่อแม่พันธุ์ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้น ประมาณ 17 ปี ออกจากบ่อทั้งหมด หนึ่งในปัจจัยคือ เรื่องฟ้าฝนที่ปีนี้ดูจะรุนแรงเกิน ผมต้องรีบตัดสินใจแบบเร่งด่วนที่สุด ป้องกัน ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง…

“ปรึกษาครอบครัวและคนใกล้ชิด มีมติเอกฉันท์ ปกติผมจะไม่ค่อยยอม แต่มาคิดหลายด้าน ชั่งใจอยู่นานพอสมควร มันคือทางเลือกที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้แล้วละ จำใจจริง ๆ ปีหน้าเราจะไม่มีเก็บไข่จระเข้ หรือทำคลอดจระเข้อีกแล้ว เชื่อว่า ฟ้าหลังฝนจะสดใสเสมอ ฝนตกหนัก ดินชุ่มน้ำ อุ้มน้ำจนพื้นน่วม อ่อนปวกเปียก ทำให้การทำงานค่อนข้างจะยากมาก”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวไปมีชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจจำนวนมาก เช่น แอบเศร้า เชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดและดีที่สุดแล้ว ส่งกำลังใจไปให้ค่ะ, เป็นกำลังใจให้นะพี่เห็นแล้วก็ใจหายไม่น้อยเลยค่ะ เข้าใจเจ้าของฟาร์มอย่างน้องเลย

สะเทือนใจ!! ทุบประติมากรรมปูนปั้น 'ครูทองร่วง' ทำร้านกาแฟ ช้ำหนัก!! คำพูดเจ้าอาวาสปัจจุบัน "อย่ากลัวความเปลี่ยนแปลง"

(24 ก.ย. 67) นายวรา จันทร์มณี ตัวแทนชมรมคนรักศิลปวัฒนธรรม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'วรา จันทร์มณี' ระบุว่า...

การทุบปูนปั้นของครูทองร่วง ศิลปินแห่งชาติทำด้วยมือ แต่กลับถูกลบด้วยเท้า

การทุบประติมากรรมปูนปั้นอันงดงามลึกซึ้งของครูทองร่วง เอมโอษฐ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์-ศิลปะปูนปั้น) หนึ่งในศิลปินแห่งชาติไม่กี่คนของจังหวัดเพชรบุรี ผู้เป็นตำนานเรื่องการบันทึกระบบสังคมการเมืองวัฒนธรรมมาไว้ในงานศิลปกรรม ที่วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เพื่อทำร้านกาแฟ นับเป็นความสิ้นคิด เป็นความมักง่ายของผู้เกี่ยวข้อง เพชรบุรีเป็นเมืองช่างแท้ๆ ทำไมไม่ตระหนัก 

การที่เจ้าอาวาสบอกว่า ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ อย่ากลัวความเปลี่ยนแปลง โอกาสเหมือนไอติม ถ้าไม่กินก็ละลาย นั่นพูดเหมือนจะเป็นนักธุรกิจ ท่านเป็นพระ จะคิดแต่เรื่องเงินไม่ได้ ท่านต้องตระหนักถึงมิติทางสังคม เรามีวัดก็เพื่อส่งเสริมจิตวิญญาณ ศิลปกรรมส่งเสริมจิตวิญญาณ ท่านจะหาเงินก็หาไป แต่ไม่ควรทำลายศิลปวัฒนธรรม

ผมคิดว่าการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์วัดให้ดีขึ้น เหมาะสมแล้ว เดิมมีห้องน้ำอยู่หน้าวัด ดูไม่ดีเลย และจะไม่มีปัญหาเลยถ้าไม่มีการทุบทำลายศิลปกรรมอันทรงคุณค่าที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ หรือเต็มที่ก็หาทางย้ายไปจัดแสดงในที่เหมาะสม จะแก้ตัวอย่างไรก็แล้วแต่ แต่งานประติมากรรมของครูทองร่วงถูกทุบทำลายไปจากความมักง่ายของทุกคนที่เกี่ยวข้อง และเมื่อถูกทุบทำลายไปแล้ว ได้ยินข่าวว่ามีคนบอกจะปั้นให้ใหม่ จะปั้นใหม่ได้อย่างไร มันคนละเรื่องกัน ศิลปินตายไปแล้ว มือแบบนั้นไม่มีอีกแล้ว 

บ่อยครั้งที่เราเห็นศิลปกรรมถูกทำลายด้วยความโง่ แต่เพื่อถนอมน้ำใจกันเลยต้องพูดให้เพราะหน่อยว่า "เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์" ไม่ได้มีเจตนา แล้วอะไรคือเจตนา ความไม่ใส่ใจ ปัดความผิดให้พ้นตัวคือเจตนาใช่หรือไม่ และถ้าจะมาอ้างว่าของอยู่ในวัด เป็นสิทธิ์ของวัดหรือกรรมการอะไรก็อ้างไม่ได้ วัดไม่ใช่ของเจ้าอาวาส วัดไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของใคร วัดเป็นสมบัติสาธารณะ เขาให้มาดูแล ไม่ใช่ให้มาทำลาย การทำลายสมบัติสาธารณะ เจ้าอาวาสในฐานะผู้ดูแลต้องรับผิดชอบ

ประติมากรรม 2 ชิ้นที่ถูกทุบทำลายไป เป็นปูนปั้นประดับเสารั้วพิพิธภัณฑ์วัดมหาธาตุ หรือที่เรียกกันว่า ศาลานางสาวอัมพร บุญประคอง ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2536 ประติมากรรมชิ้นแรกเป็นภาพ 'ชั่งหัวมัน' มีหนุมานทูนตาชั่งที่เอียง โดยข้างหนึ่งที่มีหัวมันสองหัว กลับมีน้ำหนักมากกว่าข้างที่มีหัวมันสามหัว เป็นการเสียดสีถากถางล้อระบบสังคมและกระบวนการยุติธรรมที่ฉ้อฉล เมื่อเรียงเวลาพบว่าประติมากรรมนี้สร้างก่อนที่จะมีโครงการชั่งหัวมันของรัชกาลที่ 9 ซึ่งมาทำที่อำเภอท่ายาง เมื่อปี 2552 

ส่วนประติมากรรมอีกชิ้นเป็นรูปอาคาร ข้างบนเป็นห้องนอนเตียงนอน มีม่านซ้ายขวาพริ้วไหวงดงาม ตรงกลางมีธรรมจักร รายล้อมด้วยเครื่องอัฐบริขาร ส่วนใต้เตียงมียักษ์ไปขดตัวนอนอยู่อย่างอึดอัด เป็นปริศนาธรรมสื่อถึงเรื่อง 'ธัมมะมัจฉริยะ' คือความตระหนี่ในธรรม มัจฉริยะแปลว่าความตระหนี่  เสียดาย เป็นกิเลสที่ทำให้คนใจแคบเห็นแก่ตัว ขาดความกรุณา การปั้นยักษ์ไปนอนขดอยู่ใต้เตียงที่อึดอัด สื่อถึงความโหดร้ายใจแคบ เป็นยักษ์รูปกายก็ร้ายอยู่แล้ว ใจยังร้าย หวงแหนวิชาความรู้ ไม่อยากให้คนอื่นรู้เท่าตน แทนที่จะนอนบนเตียงให้สบาย ก็ยอมไปขดตัวนอนอยู่ใต้เตียงเพื่ออำพรางความรู้ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะรู้ว่าเตียงมีไว้นอนข้างบน เดี๋ยวคนอื่นเขาจะเจอความรู้

ในวัดมหาธาตุมีปูนปั้นอีกมาก ซึ่งเป็นทั้งปริศนาธรรมและการบันทึกประวัติศาสตร์ทางสังคมการเมือง วัดมหาธาตุเป็นวัดสำคัญซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยทวารวดี เนื่องจากมีการขุดพบซากอิฐสมัยทวารวดีจำนวนมาก แม้แต่การขุดวางฐานรากเพื่อก่อสร้างร้านกาแฟครั้งนี้ก็ยังเห็นศิลาแลงซึ่งน่าจะอยู่ในยุคเดียวกับวัดกำแพงแลง (ตั้งอยู่ใน ต.ท่าราบ อ.เมือง เพชรบุรี) และเห็นอิฐซึ่งน่าจะอยู่ในสมัยทวารวดีเหมือนที่เจดีย์ทุ่งเศรษฐี (ชะอำ) ข้อมูลเหล่านี้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรตระหนัก ไม่ใช่ทุบทำลาย และขุดทิ้งอย่างไม่เห็นค่า ทำอย่างนี้นอกจากจะทำลายคุณค่าประวัติศาสตร์ศิลปกรรมของประเทศ แล้วยังเสียชื่อจังหวัดเพชรบุรี ไม่ไว้หน้าคนเมืองเพชร หลวงพ่อบุญรวม อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุผู้มีคุณูปการต่อศิลปกรรมเมืองเพชรบุรี ท่านรักและใส่ใจในเรื่องศิลปวัฒนธรรมมาก แต่ทำไมพอมาถึงเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันถึงเป็นเช่นนี้

ขณะที่เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.67) จากเฟซบุ๊ก 'นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว' นักวิชาการนักเขียนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

"พ่อล้อม เพ็งแก้ว ตายไม่ถึง 2 เดือน ช่างทองร่วง เอมโอษฐ์ ศิลปินแห่งชาติ ตายไปปีกว่าๆ ได้มีการทุบงานปูนปั้นการเมืองของครูทองร่วงทิ้งไปแล้ว ที่วัดมหาธาตุ กลางเมืองเพชรบุรี เพราะวัดมหาธาตุจะใช้พื้นที่ทำร้านกาแฟ หมดพ่อล้อม หมดครูทองร่วง ต่อจากนี้ ใครเล่าจะปกป้องรักษางานปูนปั้นศิลปะการเมือง ของเมืองเพชรบุรีเอาไว้ได้"

หลังจากนั้น ด้าน พระวชิรวาที เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ จังหวัดเพชรบุรี โพสต์ข้อความระบุว่า...

"ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ อย่ากลัวความเปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญคือ 'การปรับตัว' คนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทุกๆ วันของคุณจะกลายเป็น 'โอกาส' โอกาสเหมือนไอติม ถ้าไม่กินก็ละลาย โอกาสเป็นสิ่งที่ไม่เคยรอเราถ้ามาแล้วไม่รีบคว้าเอาไว้จะกลายเป็นอากาศ และยากที่จะพบกับช่วงเวลาอันควร หรือโอกาสอีกสักครั้ง"

‘บุ๋ม ปนัดดา’ แจงข้อสงสัย “เงินบริจาคของมูลนิธิฯ หายไปไหน?” วอน!! ไม่ช่วยกันไม่ว่า แต่อย่าโจมตีแบบนี้ สงสารคนลงพื้นที่

(24 ก.ย. 67) เพจ ‘ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ ประธานมูลนิธิองค์กรทำดี ได้โพสต์ชี้แจงกรณีมีคนตั้งข้อสงสัยถึงเงินบริจาคของมูลนิธิฯ อยู่ที่ไหน ทั้งที่มีเหล่าดารา ประชาชนโอนมาช่วยเหลือ โดยระบุว่า…

“ในกลุ่มเชียงรายมีการโจมตีมูลนิธิว่าเงินบริจาคเยอะแยะไปไหนหมด ขอโทษนะคะ รถที่มูลนิธิจัดหาไปช่วยปรับปรุงพื้นที่ ใช้น้ำมันไม่ได้ใช้น้ำโคลน…

“เราช่วยบูรณะโรงเรียน 50 โรงเรียน มีรถช่วยกันอยู่ 50 กว่าคัน ทั้งแบ็กโฮ รถขุด รถตัก รถหกล้อ สิบล้อ กระบะดัมป์ เพื่อทำให้ถนนในแม่สายดีขึ้น ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าซ่อมรถ ค่าน้ำมันรถลงพื้นที่ ค่าอาหารสด อาหารแห้ง ดูแลคนเป็นหลายพันคน ค่าอาหารจิตอาสาลงพื้นที่ทำความสะอาด ค่าอุปกรณ์ทำความสะอาด ค่าปั๊มน้ำ และเราช่วยสนับสนุนทำข้าวกล่องจริง ๆ จำนวนมากต่อวัน…

“ใครคิดอะไรไม่ออก บอกบุ๋ม ดูแลศูนย์พักพิง และมีชาวแม่สายที่ต้องการความช่วยเหลือหลายด้านจริง มารับของสดของแห้งวันหนึ่งหลายตัน ไม่มีตรงไหนโกหกเลย ไม่ช่วยไม่ว่า อย่าโจมตีกันแบบนี้เลยนะคะ สงสารคนลงพื้นที่ ไม่ได้ท้อใจนะคะ แต่บางครั้งถึงเวลาต้องอธิบายก็ต้องอธิบาย มูลนิธิเราโปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมาย ตรวจสอบได้”

‘นักธุรกิจสาว’ โวยโรงหนังดัง หลังถูกงูฉกขณะเข้าใช้บริการ ฟาก ‘โรงหนัง’ ไม่เชื่อ คิดว่าเป็นหนู เสนอเยียวยา 6,990 บาท

(24 ก.ย. 67) น.ส.กรภาภิพร (สงวนนามสกุล) นักธุรกิจ อายุ 27 ปี เข้าร้องทุกข์กับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีนั่งดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ชื่อดังกับครอบครัว จู่ ๆ ก็ถูกงูฉกที่เท้าได้รับบาดเจ็บ 

โดยผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. ขณะเข้าไปดูหนังเรื่องในโรงหนังชื่อดังย่านพระราม 2 พอภาพยนตร์จบก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเลื้อยผ่านเท้า เพราะถอดรองเท้าแตะนั่ง จากนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกตัวอะไรกัด ตะโกนร้องกรี๊ดตกใจรีบออกไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่นอกโรงภาพยนตร์ 

พอเห็นท่าไม่ดี จึงรีบไปโรงพยาบาล ต้องอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1 คืน เมื่อออกจากโรงพยาบาล จึงไปแจ้งความที่ สน.ท่าข้าม แต่ตำรวจให้เพียงแค่ลงบันทึกประจำวัน โดยอ้างว่าให้ไปพูดคุยเจรจากันก่อน 

ผู้เสียหายยังบอกว่า หลังเกิดเรื่องทางพนักงานโรงภาพยนตร์ไม่เชื่อว่าเป็นงูฉกอาจจะเป็นหนู ซึ่งทางความเห็นแพทย์ระบุว่า ถูกกัดจากสัตว์มีเขี้ยวอาจเป็นงูพิษ ซึ่งตนเองพยายามเรียกร้องการดูแลรับผิดชอบ เรื่องค่ารักษาพยาบาล เป็นจำนวนเงิน 25,000 บาท แต่ทางตัวแทนโรงภาพยนตร์กลับบอกว่าให้สำรองจ่ายไปก่อน ค่อยนำใบเสร็จมาเบิกเงิน กว่าจะได้เงินค่ารักษาคืนก็นานเป็นสัปดาห์ 

ล่าสุดเมื่อวาน (23 ก.ย. 67) เสนอเงินเยียวยา 6,990 บาท แต่ตนเองปฏิเสธไป เห็นว่าทางโรงภาพยนตร์ควรจะแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจให้มากกว่านี้ 

ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า จะประสานกับผู้กำกับสน.ท่าข้าม  ตรวจสอบกรณีนี้ เพราะเห็นว่าควรเป็นคดีอาญา อีกทั้งในเรื่องความรับผิดชอบนั้นควรจะมีมากกว่านี้ เชื่อว่าทางโรงภาพยนตร์มีการทำประกันภัยไว้ เพราะถือว่าโรงภาพยนตร์เป็นที่สาธารณะจะต้องมีความปลอดภัยสูง ไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top