Sunday, 29 June 2025
NEWS FEED

สาว อบต.สุดช็อก!! กยศ.หักหนี้ทุกเดือนตลอด 4 ปี จู่ๆ หายไป โผล่อีกที ถูกฟ้องยึดทรัพย์ วอน!! รัฐมนตรี หาแนวทางแก้ไข ยัน!! พร้อมจ่าย แต่ขอให้หักเงินเดือน เหมือนที่ผ่านมา

(22 ก.ย. 67) น.ส.สุรินธิดา มณีทอง อายุ 40 ปี อาศัยอยู่ที่ ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ทำงานเป็นพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)พรสำราญ อ.คูเมือง เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)และอยากให้เป็นสื่อกลาง ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

น.ส.สุรินธิดา เล่าว่าตนเข้าทำงานที่ อบต.พรสำราญ ตั้งแต่ปี 2556 และเมื่อปี 2562 กองทุน กยศ.ได้มีหนังสือจะหักเงินยืมเรียน กยศ. ตนก็รับปฏิบัติ หลังจากนั้นเป็นต้นมา เงินเดือนตนจะถูกกองคลังของ อบต.หักทุกเดือน เดือนละ 1,200 บาท และถูกหักเรื่อยมา

พอมาถึงปี 2566 เงินเดือนของตนได้เข้าบัญชีเต็มจำนวนเงินเดือน คือ ไม่มีการหักเงินออกไป จึงเข้าไปสอบถามกองคลังของ อบต.ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีรายชื่อจาก กยศ.ส่งมาให้หักจึงไม่ได้หัก การเงินจะหักได้ก็ต่อเมื่อ กยศ.แจ้งรายชื่อมาว่ามีใครบ้างที่จะถูกหักและหักคนละเท่าไร ถ้าไม่มีรายชื่อ คลังจะไม่มีสิทธิหักเงินเดือนได้

น.ส.สุรินดา เล่าด้วยว่า ส่วนหนึ่งคิดว่ากยศ.น่าจะหักพอแล้ว หรืออาจจะเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่ละยุคที่มีการลดแลกแจกแถม จึงไม่ได้สนใจ ตนทำงานใน อบต.ของตัวเองตามปกติ

กระทั่งเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้รับหมายศาลจากศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า กยศ.เป็นโจทก์ฟ้องตนเป็นจำเลยที่ 1 และคนค้ำประกันอีก 2 คนเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 รวม 3 คน ว่าให้ดำเนินการบังคับคดีเพื่อสืบทรัพย์และยึดทรัพย์นำไปขายทอดตลาด แล้วนำเงินที่ได้ไปชำระ กยศ.พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 120,643.85 บาท

ตนและครอบครัวต่างตกใจ และไม่เข้าใจแนวทางการทำงานของ กยศ.ทั้งที่ตนเต็มใจให้หักเงินเดือนและถูกหักมาโดยตลอดเป็นระยะเวลา 51 งวด หรือ 4 ปี 3 เดือน ระหว่างปี 2562-2566 คิดเป็นเงิน 61,200 บาท และเมื่อไปตรวจสอบยอดบัญชีแล้ว เงินต้นไม่เคยลดลงเลย

จึงอยากจะฝากถึง กยศ.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ซึ่งเป็นคนบุรีรัมย์ ออกมาชี้แจงและหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนในขณะนี้ หากถามว่าตนพร้อมที่จะจ่ายหรือไม่ ตนพร้อมแต่ขอให้หักเงินเดือนเหมือนที่ผ่านมา แต่จะให้หาเงินก้อนมาชำระ คงไม่มี

หนุ่ม สอบติดผู้คุม ‘กรมราชทัณฑ์’ แต่ถูกปฏิเสธอ้างว่า ‘วุฒิไม่ตรง’ สุดท้าย!! เจ้าหน้าที่ ‘ตรวจเอกสารผิด’ ทำให้เสียสิทธิ์เข้าทำงาน

(22 ก.ย. 67) ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม จ.นนทบุรี นายสุรินทร์ หรือ ต้น ลิสอน อายุ 40 ปี ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนกับ ว่าที่ร้อยตรี รภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ นายชาญชัย ฉายบุ ที่ปรึกษามูลนิธิ แจ้งว่า ตนเองสอบติดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ แต่ถูกปฏิเสธอ้างว่า วุฒิการศึกษาไม่ตรง ทั้งๆ ที่ตนมีหลักฐานแสดงทุกอย่าง

ทั้งวุฒิการศึกษา คุณสมบัติการสอบผ่าน เมื่อถูกไล่ให้ไปขอวุฒิใหม่นำมาแสดง ก็นำมาแสดงให้จนครบถ้วน กลับบอกได้เพียงแค่คำว่า “ขอโทษ” เดี๋ยวติดต่อผู้ใหญ่หาที่ใหม่ให้เป็นพนักงานราชการจ้างเหมา ซึ่งตนเองรับไม่ได้ ตนพากเพียรอ่านหนังสือสอบมาแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 จนติดในตำแหน่งที่ต้องการ แต่กลับถูกปฏิเสธแบบนี้มันไม่ยุติธรรม

นายสุรินทร์ยังกล่าวว่า ลักษณะเรื่องราวของตนเหมือนกับเหตุการณ์ของ ครูเบญ เนื่องจากตนสมัครเข้ารับการคัดเลือกสอบเข้าบรรจุรับราชการ ตำแหน่งเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ ปฏิบัติงานกรมราชทัณฑ์ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่มีเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์โทรมาแจ้งว่า
.
คุณสมบัติไม่ตรงตามประกาศรับสมัคร ซึ่งกระบวนการสอบทั้งหลายได้ผ่านมาครบทุกขั้นตอนของการสอบทุกอย่างแล้ว แม้กระทั่งการส่งจดหมายมาที่บ้านเพื่อให้ตนไปรายงานตัวในวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 เวลา 07.30 น. พร้อมกับเตรียมเอกสารต่างๆ อาทิ สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษา ทั้งสำเนาและตัวจริงเพื่อตรวจสอบเอกสาร และเลือกที่ปฏิบัติหน้าที่ก็คือเรือนจำกลางนครปฐม ทุกอย่างจบทุกขั้นตอนแล้ว จึงมีการนัดหมายให้มารับหนังสือรายงานตัวที่กรมราชทัณฑ์อีกครั้งในวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 เวลา 07.30 น. และให้ไปรายงานตัวที่เรือนจำกลางนครปฐมในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน

จนมาถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เวลา 17.20 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายสรรหาและบรรจุ โทรมาแจ้งตนว่า วุฒิการศึกษาของตนไม่ตรงตามประกาศรับสมัคร ตนก็ได้ชี้แจงและให้ทางวิทยาลัยพลศึกษาสมุทรสาคร รับรองให้เรียบร้อยแล้วว่าเป็นอนุปริญญา ซึ่งก็ตรงตามประกาศรับสมัครของกรมราชทัณฑ์ แต่ก็ยังบ่ายเบี่ยงและไม่สามารถบรรจุตนเข้ารับราชการได้ ตนได้ไปที่กรมราชทัณฑ์เพื่อติดต่อ ติดตาม ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่และผู้อำนวยการกองบริหารงานบุคคล ก็ได้รับแต่คำว่า ขอโทษ ที่ทางเราตรวจเอกสารผิดพลาด ตนจึงบอกไปว่าพี่จะมาขอโทษแบบนี้ไม่ได้ เพราะตนเสียประโยชน์ เพราะได้ลาออกจากที่ทำงานเก่ามาแล้วเพื่อเตรียมตัวเข้ารับราชการที่กรมราชทัณฑ์แล้ว

เพราะในประกาศผู้สอบผ่านและขึ้นบัญชี ตนสอบได้ในลำดับที่ 153 และท้ายประกาศตนไม่ได้ติดเงื่อนไขอะไรเลย จึงเป็นเหตุผลที่ตนลาออกจากที่ทำงานเดิมก็คือ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ตำแหน่งนักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพ (ด้านพ่อบ้าน) เหตุการณ์นี้ทำให้ตนได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากไม่มีการเยียวยาแต่อย่างใดและต้องมาตกงาน เนื่องจากความบกพร่องจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ (ฝ่ายบรรจุและสรรหา) ตนจึงอยากให้ทางมูลนิธิรณรงค์ฯ โปรดช่วยเหลือด้วย เพราะตนก็มีภาระมีบุตร 2 คน ที่ต้องเลี้ยงดู

ว่าที่ร้อยตรี รภัสสิทธิ์ กล่าวว่า เคสของผู้เสียหายรายนี้ไม่ต่างอะไรกับกรณีของครูเบญ ทางมูลนิธิจะพาไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากผู้เสียหายมีคุณสมบัติครบถ้วน การที่เขาลาออกจากที่ทำงานเก่าแล้วมาสอบติดได้ในตำแหน่งที่ทำงานใหม่ที่เขารักในอาชีพ แต่กลับถูกปฏิเสธแบบนี้ ถือว่าเป็นการไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง ทางมูลนิธิต้องดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่แน่นอน

‘รามคำแหง’ ยกเว้นค่าเทอมให้ นักศึกษาที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม ยื่นเอกสารได้ที่ ‘ส่วนกลางหัวหมาก-ทางไปรษณีย์-สาขาวิทยบริการฯที่สังกัด’

(22 ก.ย. 67) มหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.) ยกเว้นค่าเทอมแก่นักศึกษา ที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี (ภาคปกติ) ประจำภาค 2 ปีการศึกษา 2567 รายละเอียดดังนี้

- ยกเว้นค่าลงทะเบียนเรียน
- ยกเว้นค่าบำรุงมหาวิทยาลัย
- ยกเว้นค่าธรรมเนียมการสอบ (เฉพาะนักศึกษาส่วนภูมิภาค)

นักศึกษาต้องทำการยื่นเอกสาร บัดนี้ - 15 พฤศจิกายน 2567

นักศึกษาส่วนกลาง
- ยื่นเอกสารที่งานบริการและสวัสดิการนักศึกษากองกิจการนักศึกษา ม.ร. หัวหมาก
- ยื่นเอกสารทางไปรษณีย์

นักศึกษาส่วนภูมิภาค
ยื่นเอกสารที่สาขาวิทยบริการฯ ที่นักศึกษาสังกัด

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่นักศึกษาที่ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) จากอิทธิพลพายุโซนร้อน ‘ยางิ’ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ตามประกาศกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย

‘เอกนัฏ’ เผย คุมเพลิงไหม้นิคมฯ มาบตาพุดได้แล้ว สั่งการให้คุมเข้มเรื่องสารเคมีรั่วไหล พร้อม!! ดูแลเยียวยาประชาชนโดยรอบอย่างใกล้ชิด รายงานเบื้องต้น ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

(22 ก.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เพลิงไหม้ของ บริษัท ไทยพลาสติกเคมีภัณฑ์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ถนนไอ-หนึ่ง ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง เมื่อเวลาประมาณ 12.10 น. ของวันนี้ ในขณะนี้นั้น ทาง ‘นิคมมาบตาพุด’ สามารถควบคุมเพลิงไหม้ไว้ได้แล้ว 

และตนได้สั่งการให้การนิคมฯ คุมเข้มเรื่องสารเคมี และสารพิษรั่วไหล โดยขณะเกิดเหตุได้อพยพคนออกจากพื้นที่ และไม่พบว่ามีใครได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นพบว่าเหตุเกิดในกระบวนการผลิต สามารถตัดแยกสารเคมีที่รั่วไหลได้ ยังไม่ลุกลามเข้าไปบริเวณแท้งค์เก็บสารเคมี

ล่าสุดเวลา 15:45 น. ตรวจวัดคุณภาพอากาศ พบว่ากลับมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ของการนิคมฯ ร่วมกับบริษัทฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ เพื่อดูแลเยียวยาประชาชนในชุมชนใกล้เคียงอย่างใกล้ชิด

‘ในหลวง’ พระราชทานเพลิงศพ ‘เอส ดิอาร์ค’ อาสาสมัครช่วยหมาแมว ที่เสียชีวิต ขณะปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือสัตว์เลี้ยง ที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย

(22 ก.ย. 67) ที่เมรุวัดวังธาร อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ต.สุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นประธานในการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายภรัญโรจน์ กิตติภัทร์ฐากรณ์ หรือเดิมชื่อ นายเกรียงสิทธิ์ จันทร์ทา รองประธานมูลนิธิดิอาร์ค ในพระราชูปถัมภ์ ที่เสียชีวิตระหว่างการไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือสุนัขและแมวที่ประสบอุทกภัยที่จังหวัดเชียงรายเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา โดยมี นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ข้าราชการ ครอบครัว ญาติพี่น้อง และประชาชนร่วมพิธีไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก สร้างความปลาบปลื้มและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิตอย่างหาที่สุดมิได้

ทั้งนี้ เมื่อขบวนอัญเชิญไฟพระราชทานมาถึงบริเวณพิธี ข้าราชการ ครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตได้ตั้งแถวเพื่อรอรับไฟพระราชทาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้อัญเชิญไฟพระราชทานขึ้นวางประจำจุดเตรียมประกอบพิธี จากนั้นตัวแทนเจ้าภาพได้อ่านหมายรับสั่งสำนักพระราชวัง อ่านสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และอ่านประวัติผู้ถึงแก่อนิจกรรม พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่เชิญผู้ร่วมพิธีร่วมยืนไว้อาลัยแด่ผู้ถึงอนิจกรรมเป็นเวลา 1 นาที ซึ่งโอกาสนี้ พล.อ.ต.สุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง ประธานในพิธี ได้ทอดผ้าบังสุกุลหน้าหีบศพของผู้เสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธีประโคมปี่ไฉนและกลองชนะเสร็จแล้ว ประธานสงฆ์พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล และประธานในพิธีประกอบพิธีพระราชทานเพลิงและวางดอกไม้จันทน์ ก่อนประธานสงฆ์วางดอกไม้จันทน์ ตามด้วยพระสงฆ์ สามเณร ข้าราชการ ญาติพี่น้อง และประชาชนที่มาร่วมพิธี เพื่อร่วมไว้อาลัยครั้งสุดท้ายให้กับนายภรัญโรจน์

‘เทศบาลอัมพวา – นักวิชาการ’ ลงตรวจพื้นที่ กรณี ‘ร้านลูกชิ้นทอด’ ที่เป็นข่าว เจ้าของร้าน รับ!! ลุงลูกจ้าง พลาดหยิบของเก่าไปทอดให้ แต่ได้คืนเงินลูกค้าแล้ว

(22 ก.ย. 67) จากกรณีในโลกออนไลน์มีการแชร์ต่อและวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวจากสมาชิกกลุ่มผู้บริโภครายหนึ่ง หลังจากที่ไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา แล้วต้องเสียความรู้สึกจากร้านลูกชิ้นร้านหนึ่ง โดยผู้โพสต์ได้โพสต์ภาพถุงลูกชิ้นทอด พร้อมระบุข้อความว่า

ระวังด้วยนะคะ ที่ตลาดน้ำอัมพวา จอดรถหน้าอำเภอ เดินไประวังลุงคนนึง ร้านอยู่ก่อนถึงทางขึ้นสะพาน ร้านขาย ทอดมัน หอยจ๊อ และลูกชิ้นปลา แพง ได้น้อย และไม่อร่อย หอยจ๊อเหมือนจะเสีย เอาของเก่ามาทอดขายซ้ำๆ ขายไม่แจ้งราคา ในถุงนี้ 100.- ค่ะ ได้เท่านี้เลย

โดยหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ต่อไปมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา นั้น

ล่าสุด นายกฤตย มีทวี รองนายกเทศมนตรีตำบลอัมพวา นำคณะอาจารย์จากวิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี ผู้แทนสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ลงพื้นที่ประเมินร้านค้า เพื่อยกระดับมาตรฐานตลาดน้ำอัมพวาให้สูงขึ้น 

พบว่าร้านค้าดังกล่าว มี นางจงดี อายุ 63 ปี เป็นเจ้าของร้านขายของทอด โดย อ.พศิน ศรียาภัย และ อ.พสิษฐ์ ศรียาภัย รอง ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี และคณะได้สอบถามถึงขั้นตอนและวิธีการผลิต เก็บรักษา และจำหน่ายให้ลูกค้า เพื่อจะประเมิน และให้คำแนะนำให้มีมาตรฐานดีขึ้น

นางจงดี ได้ยอมรับร้านค้าที่เป็นข่าวในโซเชียล เป็นร้านของตนจริงๆ พร้อมระบุว่า เป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากของทอดที่ขายให้กับลูกค้าในวันเกิดเหตุนั้น เป็นของเก่าที่ตนตั้งใจจะเก็บไว้แจกให้กับผู้ยากไร้ แต่ลูกจ้างของตน (ลุงที่ในโซเชียลกล่าวถึง) ไม่รู้จึงไปหยิบมาทอดและนำไปขายให้กับลูกค้า

อย่างไรก็ตามภายหลังที่ทราบเรื่องตนไปติดต่อไปพูดคุยขอโทษและอธิบายกับผู้โพสต์แล้ว และยินดีโอนเงิน 100 บาท คืนให้ ซึ่งผู้โพสต์ก็เข้าใจ

นางจงดี กล่าวเพิ่มเติมพร้อมพาไปดูขั้นตอนการทอดว่า น้ำมันที่ตนทอดจะเป็นน้ำมันใหม่ ส่วนลูกชิ้นตนจะขายวันต่อวัน ส่วนใหญ่แทบไม่เหลือ ถ้าทอดจนมืดแล้วเหลือก็จะแช่แข็งเก็บไว้ทอดใหม่ในวันรุ่งขึ้น แต่หากดูแล้วคุณภาพไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเก็บไว้แจกฟรีให้ผู้ยากไร้

ส่วนราคาชุดเล็ก 50 บาท ถ้าลูกใหญ่ 12 ลูก ลูกเล็ก 15 ลูก ชุดใหญ่ 100 บาท จะ 20 ลูกขึ้นไปแล้วแต่ว่าลูกเล็กลูกใหญ่ และส่วนมากก็จะแถม ส่วนประเด็นที่ราคาแพงนั้นลูกชิ้น ทอดมันของตน จะทำจากปลาอินทรีย์แท้ หอยจ้อ ก็จะทำจากเนื้อปูแท้ ไม่มีผสมแป้ง เป็นของมีคุณภาพรสชาติอร่อย ขายมาแล้วกว่า 20 ปี มีลูกค้าประจำ ไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้

นางจงดี กล่าวยกมือไว้ขอโทษพร้อมระบุว่า “ขอโทษทุกคนจากใจ หากไม่พอใจร้านตนก็อย่าทอดทิ้งตลาดน้ำอัมพวา”

นายกฤตย มีทวี รองนายกเทศมนตรีตำบลอัมพวา กล่าวว่า ตลาดน้ำอัมพวามีร้านค้า สตรีท ฟู้ด จำนวนมากหลายร้อยร้านค้า เทศบาลตำบลอัมพวาให้ความสำคัญกับการยกระดับให้มีมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการติดป้ายแจ้งราคา ความสะอาด เป็นพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งเทศบาลฯจึงได้ร่วมมือกับ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ(องค์การมหาชน) โดยวิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี ที่มีความเชี่ยวชาญในการสอนทำอาหาร ดูแลผู้ประกอบการทำอาหาร เข้ามาตรวจประเมินร้านค้าโดย 2 วันนี้(เสาร์อาทิตย์) มีเป้าหมาย 200 ร้านค้า

อ.พสิษฐ์ ศรียาภัย กล่าวว่า การประเมินเบื้องต้น จะตรวจสอบด้วยการสัมภาษณ์ทั้งเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบ การเก็บรักษาอย่างไรเพื่อให้การนำมาทำในวันต่อไปสดใหม่เสมอ อีกทั้งความสะอาดของร้านค้า และสุขลักษณะของผู้ค้าในร้าน เพื่อสร้างมาตรฐานของ สตรีท ฟู้ด ให้เป็นตัวอย่างให้ทุกร้านในตลาดน้ำอัมพวาทำตามเป็นมาตราฐานทั่วไปได้ ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของตลาดน้ำอัมพวาที่มีอาหาร สตรีท ฟู้ด ที่สะอาด

อ.พศิน กล่าวว่า การประเมินจากการสัมภาษณ์เบื้องต้น หากพบว่าตรงเกณฑ์มาตรฐานจะกรอกข้อมูล เข้าสู่ระบบ หากคะแนนถึงเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองตรงตามคุณวุฒิ

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบด้วยการสัมภาษณ์ร้านของทอดดังกล่าว พบว่าผู้ค้าสามารถอธิบายถึงวัตถุดิบ และการเก็บรักษาให้ได้มาตรฐาน แต่อาจจะมีความไม่เข้าใจเกี่ยวกับวัสดุรองจานที่เป็นพลาสติกรูปใบตอง เขียวสวย แต่ไม่เหมาะกับมารองอาหารที่ทอดจากน้ำมัน ซึ่งได้ให้คำแนะนำไปแล้ว ส่วนน้ำมันทอดทุกสัปดาห์ ส่วนของที่มีการทอดเหลือจะนำกลับไปแช่แข็ง เหลือเกิน 2 วันจะทิ้งเลย ซึ่งในทางปฏิบัติสามารถทำได้ และยังยอมรับได้

ถอดบทเรียนสิงคโปร์ซื้อ 'สัมปทานรถไฟฟ้า' คืน หวัง!! แก้ปัญหาเอกชน โกยแต่กำไร

(22 ก.ย. 67) สิงคโปร์เป็นหนึ่งประเทศที่มีขนส่งสาธารณะดีอันดับต้นๆ ของโลก โดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ (CNA) รายงานว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีคุณภาพขนส่งสาธารณะดีอันดับที่ 3 ของโลกเป็นรองเพียงฮ่องกงและเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามการจัดอันดับของ Mobility Index Ranking 2023 ของบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Oliver Wyman Forum

อย่างไรก็ตาม ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่ง และโลจิสติกส์ สถาบันเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ให้สัมภาษณ์พิเศษว่า หากย้อนกลับไปในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งเป็นช่วงแรกๆ ที่สิงคโปร์เริ่มพัฒนาระบบรถไฟฟ้าใต้ดินก็เผชิญปัญหาเรื่อง ’สัญญาสัมปทาน' คล้ายประเทศไทย

ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า ปัญหาสำคัญปัจจุบันของระบบรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดินของประเทศไทยปัจจุบันคือ ผู้ใช้บริการไม่สามารถเดินเชื่อมต่อกันในแต่ละสถานีได้โดยไม่ต้องออกจากประตูและใช้บัตรใบเดียว

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือ หากผู้ใช้งานคนหนึ่งต้องการเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพื่อไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน หากเป็นประเทศที่ระบบขนส่งสาธารณะออกแบบมาอย่างดี ผู้ใช้งานจะสามารถใช้บัตรใบเดียวในการเดินทางเปลี่ยนจากบีทีเอสไปเป็นเอ็มอาร์ทีได้โดยไม่ต้องเดินออกจากประตู

แต่สำหรับประเทศไทยในหลายสถานีผู้ใช้บริการยังต้องออกจากสถานีบีทีเอสเพื่อไปซื้อตั๋วเอ็มอาร์ทีใหม่ซึ่งสร้างความไม่สะดวกสบายและทำลายต้นทุนด้านเวลาของผู้ใช้บริการอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้น ดร.สุเมธ จึงมองว่า หนึ่งปัญหาสำคัญคือ ปัจจุบันรถไฟฟ้าแต่ละสายไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ภายใต้ระบบเดียว คือ ภาครัฐไทยไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาสัมปทานแบบเอกชนร่วมทุน (PPP) ตั้งแต่ต้นว่ารถไฟฟ้าแต่ละสายต้องเชื่อมต่อกัน

ปัจจุบันภาครัฐไทยให้สัมปทานเอกชนเพื่อเดินรถไฟฟ้าไปแล้ว 6 ฉบับภายในระยะเวลา 20 ปี ทว่าไม่มีฉบับใดเลยที่ระบุเรื่องการเชื่อมต่อเอาไว้

ทั้งนี้ ครั้งหนึ่งสิงคโปร์เคยเผชิญปัญหาเรื่องสัญญาสัมปทานคล้ายไทย โดยประมาณปี 1990 รัฐบาลสิงคโปร์นำโดยหน่วยงาน Land Transport Authority (LTA) ใช้โมเดล PPP เหมือนประเทศไทยเพื่อสร้างรถไฟฟ้าสายแรก ตอนนั้นรัฐบาลให้สัญญา PPP ไป 2-3 ฉบับ โดยโครงสร้างสัญญาคล้ายกันคือ เมื่อรัฐก่อสร้างเสร็จก็ให้เอกชนมาซื้อขบวนรถแล้วก็เก็บค่าโดยสารโดยมีสัญญา 30 ปี

จากนั้นเอกชนดำเนินกิจการไปประมาณ 10 กว่าปี ถึงประมาณปี 2000 ต้นๆ ตอนนั้นรัฐบาลออกแบบระบบหลังบ้านและออกแบบสัญญาค่าโดยสารได้ค่อนข้างดี คือรัฐอุดหนุนเยอะเพื่อให้ค่าโดยสารต่ำ

แต่ปัญหาที่เกิดเป็นเรื่องทางเทคนิคที่น่าสนใจคือเมื่อเป็นสัญญาในเชิงกำหนดค่าโดยสาร กำหนดข้อบังคับและวิธีการดำเนินงานอย่างรอบคอบ แต่เมื่อรถไฟฟ้าวิ่งไปสักพักเอกชนก็เริ่มทำกำไรได้ ด้วยการออกแบบในตอนนั้น มีความจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนรถไฟฟ้า แต่นั่นก็หมายความว่าเอกชนต้องลงทุนเพิ่มซึ่งเอกชนไม่เห็นด้วยเพราะคิดว่ายังอัดผู้โดยสารเข้าไปได้ สุดท้ายจึงเกิดปัญหาแออัด

ประกอบกับตอนนั้นรัฐบาลสิงคโปร์เขาพยายามโปรโมตการใช้ขนส่งมวลชนมากอยู่แล้ว แทบไม่ให้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลดังนั้นประชาชนก็อัดกันเข้าไปใช้รถไฟฟ้า

ตอนนั้นไม่ว่ายังไงเอกชนก็ไม่ยอมเพิ่มขบวนรถ เมื่อภาครัฐไปเปิดสัญญาสัมปทานดูก็เห็นว่ารัฐบาลล็อกทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบยกเว้นเรื่องการเพิ่มขบวนรถเพราะยังไม่ถึงเกณฑ์ให้เพิ่ม

สุดท้าย ดร.สุเมธ เล่าว่า รัฐบาลมองว่าเหตุการณ์นี้ทำให้คุณภาพการให้บริการต่ำลงแล้วรัฐทนไม่ไหว เคสนี้รัฐบาลเลยซื้อคืนสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้ามาทั้งหมด แล้วปรับโมเดลใหม่เพื่อเพิ่มขบวนรถเข้าไป และจากเดิมที่เป็นสัญญาสัมปทาน 30 ปีแล้วเอกชนลงทุนรถไฟฟ้า หลังจากเหตุการณ์นี้รัฐซื้อรถไฟให้แล้วตัดสัญญาในการจ้างเอกชนมาดูแลเหลือแค่ 15 ปี

หมายเหตุ: สิงคโปร์เผชิญเหตุการณ์ปัญหาเรื่องสัญญาสัมปทานคล้ายกับประเทศไทยแต่หน่วยงาน Land Transport Authority หรือ LTA มีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการเรื่องขนส่งสาธารณะในประเทศทั้งหมด ในขณะที่ประเทศไทยมีหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ กรุงเทพมหานครและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

ชาวโซเชียลชื่นชม ‘หนุ่มเยอรมันจิตอาสา’ ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เผย!! เคยอยู่ทีมกู้ภัยมาก่อน คุ้นเคยกับสถานการณ์ มาช่วยเหลือ เพราะเป็นสิ่งที่ควรทำ

(22 ก.ย. 67) เป็นอีกเรื่องราวดีๆที่ชาวโซเชียลแห่ชื่นชม เมื่อ TikTok@parecho3695 โพสต์คลิปของหนุ่มเยอรมันจิตอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ด้วยการช่วยลำเลียงอาหารแห้งและเครื่องอุปโภคบริโภค 

ในคลิป ‘โจนาธาน’ หนุ่มเยอรมันจิตอาสา เล่าว่า 

ผมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่น้ำท่วมผมก็อยู่ ผมมาช่วยเหลือเพราะเป็นสิ่งที่ควรทำ ถ้าเกิดที่ประเทศผมก็จะช่วยเหมือนกัน ผมเคยอยู่ทีมกู้ภัยตอนที่อยู่เยอรมัน ผมก็เคยทำงานกับบุคลากรทางการแพทย์และทีมกู้ภัย ผมก็เลยคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้

โดยหลังจากคลิปเผยแพร่ มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์ขอบคุณและชื่นชม ‘โจนาธาน’ อาทิ หัวใจไทยล้นฟ้าสำหรับคุณโจนาธานขอบคุณในน้ำใจที่มีต่อประเทศไทยสุขภาพแข็งแรงๆตลอดไปเจ้า, น้ำใจต่างชาติ ขอบคุณมากโจนาธาน, ขีดเส้นใต้ คำว่า ‘ผมทำในสิ่งที่ควรทำ’ มันมาจากจิตสำนึกล้วนๆเลย พระเจ้าอวยพรคับ, จิตใจงามไม่แบ่งแยกว่าเป็นคนชาติใดในโลก อะไรช่วยได้ช่วยเลย เยี่ยมมากๆจิตอาสา, น้ำใจงามมาก ขอบคุณแทนผู้ประสบภัยด้วยค่ะ

‘นายกฯ’ สั่งการด่วน ให้เร่งล้างดินโคลน ชี้!! ถ้ารอให้แห้ง จะทำความสะอาดยาก เล็ง!! ตรึงราคาสินค้า ป้องกันพ่อค้าฉวยโอกาส พร้อมทยอยเยียวยา อย่างต่อเนื่อง

(22 ก.ย. 67) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ส่งมอบสิ่งของอุปโภค-บริโภค และอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ได้รับจากภาคเอกชน และหน่วยงานต่างๆ ภายใต้โครงการ ‘ประสานพลัง ประสานใจ’ เพื่อส่งมอบให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยใน จ.เชียงราย โดยเครื่องบินกองทัพอากาศ (C130)

โดยมีนายธีระพงศ์ วงศ์ศิววิลาศ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พล.อ.ธีระยุทธ จินหิรัญ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เข้าร่วม โดยนายกฯ นำเสื้อผ้าเด็กของลูกมาส่งมอบให้พื้นที่ด้วย

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนเวลานี้คือการล้างดินโคลน โดยเฉพาะบริเวณท่อเพื่อให้เกิดการระบายน้ำได้เร็วขึ้น หากปล่อยให้แห้งจะทำให้การทำความสะอาดลำบาก และเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงและพระราชินีพระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ที่มีประสิทธิภาพดี จำนวน 100 เครื่องในการช่วยเหลือ

โดยเส้นทางที่ถูกตัดขาดจะต้องเร่งเคลียร์ หากดินแข็งตัวจะทำความสะอาดได้ยาก ส่วนบ้านเรือนก็มีเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ โดยในแต่ละจุดจะมีผู้รับผิดชอบ เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้ทั่วถึง และรวดเร็วที่สุด เราอยากทำให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องดูสถานการณ์หน้างานด้วย ไม่ได้อยากตีกรอบว่าจะต้องทำภายในระยะเวลาเท่าไหร่

ขอย้ำว่าจะทำให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชน และเวลานี้กำลังคนที่จ.เชียงราย และหนองคาย ยังวางกำลังไว้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม หากเกิดมีพายุเข้าอีกจะได้ให้ความช่วยเหลือได้ทันสถานการณ์ ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยวาตภัยและดินโคลนถล่ม (ศปช.) มีการประชุมทุกวัน และตนจะเข้าร่วมประชุมด้วยในสัปดาห์หน้า

“ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ให้ลูกช่วยกันเลือกเสื้อผ้าของตัวเองที่เล็กไปแล้ว ไปมอบให้กับผู้ประสบภัย เพราะการลงพื้นที่เชียงรายครั้งก่อน พบว่ามีคุณแม่ท้องและเด็กเล็กจำนวนมาก เสื้อผ้าของเด็กยังค่อนข้างขาด จึงนำมาบริจาค นอกจากนั้นยังมีสิ่งของจำเป็นที่ส่งมอบในวันนี้ เช่น ไม้กวาดและอุปกรณ์ทำความสะอาด” น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการปรับหลักเกณฑ์การเยียวยาช่วยเหลือประชาชน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การเยียวยาก้อนแรก ได้นำไปช่วยแล้ว 200,000 บาท และจะทยอยเยียวยาอย่างต่อเนื่อง และในระหว่างนี้ก็ได้ให้สำรวจความเสียหายเพื่อจ่ายในรอบแรก และจะพิจารณาหลักเกณฑ์เพิ่มเติมอีกครั้ง เพราะหากรอพร้อมกันจะล่าช้า

เมื่อถามว่าหลังการเยียวยาจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า มีแน่นอน อย่างแรกคือการตรึงราคาสินค้า เพราะหากมีราคาแพงทั้งหมด ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถรับไหว นอกจากนั้นจะคุยในเรื่องของแผนท่องเที่ยว โดยจะทำไปทีละเรื่อง

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่เอกชนฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า รวมถึงราคาค่าขุดดินในการทำความสะอาด น.ส.แพทองธาร ยังไม่ได้คุยกับเอกชนในเรื่องนี้ แต่เรามีการคุยกับเอกชนที่ติดต่อเข้ามาเพื่อไปช่วยเหลือ

ในเรื่องนี้อยากขอประชาสัมพันธ์ หากมีเอกชนรายใดที่อยากจะช่วยเรื่องการขุดดิน การทำความสะอาด ซึ่งยังมีความต้องการ เพราะเรามีเครื่องมือมาก แต่ขอให้มีคนที่มีจิตอาสา เรื่องใดที่เป็นธุรกิจจะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ก้าวก่าย เพราะคนละเรื่องกัน แต่หากใครอาสาสมัครเราจะเปิดรับ

“ขอย้ำว่าทุกอย่างต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะความทุกข์ของประชาชนนับเป็นรายวัน เป็นรายชั่วโมง จึงต้องนำมาตรการไปช่วยให้เร็วที่สุด ทั้งการเยียวยา เครื่องมือ โรงครัว” น.ส.แพทองธาร กล่าวทิ้งท้าย

‘วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ แบดมินตันทีมชาติไทย โค่นท็อป 10 ของโลก หลังโดนนำไปก่อน พลิกสถานการณ์!! รัวแซง เอาชนะ 2 เกมรวด ทะลุผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

(22 ก.ย. 67) การแข่งขันแบดมินตันรายการ วิคเตอร์ ไชน่า โอเพ่น 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัลรวม 2,000,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 66,000,000 บาท

ณ เมืองฉางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเภทชายเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ พบกับ แอนโทนี่ ซินนิซุกะ กินติ้ง ท็อปมือ 10 ของโลกจากอินโดนีเซีย
ที่เพิ่งเอาชนะ ฉี ยู่ฉี มืออันดับ 1 ของโลกจากจีน มาได้ 2-0 เกม 21-11 , 21-8

ผลปรากฏว่า ‘วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ แบดมินตันทีมชาติไทย ต้องออกแรงเหนื่อยถึง 3 เกม

หลังโดน แอนโทนี่ ซินนิซุกะ กินติ้ง ออกนำไปก่อนในเกมแรก 10-21

ก่อนที่ ‘วิว กุลวุฒิ’ จะรัวแซง 2 เกมรวด พลิกแซงเอาชนะ แอนโทนี่ ซินนิซุกะ กินติ้ง มือท็อป 10 ของโลก ไป 2-1 เกม 10-21 , 21-11 และ 21-19

ส่งผลให้ ‘วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ แบดมินตันชายทีมชาติไทย ทะลุผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศบนเวทีโลกได้สำเร็จ

ทว่า ในรอบรองฯ วิว ได้พ่ายแก่ โคได นาราโอกะ มือวางอันดับ 6 ของรายการ และมืออันดับ 6 ของโลกจากญี่ปุ่น 0-2 เกม 17-21, 13-21 จบเส้นทางในแบดมินตัน วิคเตอร์ ไชน่า โอเพ่น 2024 เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ไว้เพียงรอบรองชนะเลิศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top