Saturday, 21 June 2025
NEWS FEED

‘บิ๊กบี้’ รีแบรนด์ ‘สนามมวยลุมพีนี’ ทำเป็น ‘ศูนย์พัฒนากีฬา ทบ.’ ใช้ชื่อต่อท้าย ‘มวยไทยลุมพินี’ เตรียมจัดแข่งนัดแรกพรุ่งนี้ ลั่นจากนี้ไม่มีขายตั๋วให้คนไทย เพื่อไม่ให้มีเล่นพนันเด็ดขาด ตั้ง ‘คณะกรรมการ’ ขึ้นมาดูแลแทน ‘กรมสวัสดิการ ทบ.’

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่กองบัญชากองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (บก.ทบ.) กล่าวถึงกรณีสนามมวยลุมพินี ที่จะการเปิดแข้งขันในวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) นัดแรก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ได้ผ่านการประชุม และตนได้ย้ำนโนบายว่าให้เปลี่ยนเป็นอย่างแรกว่า ‘ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก’ แต่จะมีวงเล็บต่อท้ายก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการบริหารจะพิจารณาตามระเบียบ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกรมสวัสดิการ ทบ. โดยได้เสนอให้ใช้ชื่อ ‘มวยไทยลุมพินี’ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไว้ แต่ขณะเดียวกันต้องตามวัตถุประสงค์การส่งเสริมกีฬามวยไทยและรักษาวัฒนธรรมไว้

แต่อย่างไรก็ตาม จะไม่ให้มีการขายตั๋ว ไม่มีกิจกรรมเชิงอมายมุข และใช้วิธีถ่ายทอดสด ตามมาตรการของ ศบค. โดยในอนาคตหลังจบสถานการณ์โควิด จะเปิดขายบัตรให้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและให้ชาวต่างชาติเรียนรู้ศิลปมวยไทย แต่จะไม่ขายบัตรให้คนไทย เพื่อเข้ามาเล่นการพนันโดยเด็ดขาด แต่ต้องทำประโยชน์ให้กับกำลังพลและนักเรียน นักศึกษา หากมาขอใช้ในการแข่งขันชกมวย ก็ยินดีให้การสนับสนุน รวมทั้งอาจมีกีฬาประเภทอื่นเพิ่มเข้ามา ให้เป็นศูนย์พัฒนากีฬาของ กองทัพบก เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดกับกำลังพลครอบครัวและบุคคลทั่วไป

เมื่อถามว่ายังคงมีตำแหน่งนายสนามมวยหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็ยังต้องมี ในรูปแบบคณะกรรมการชุดหนึ่ง ที่ไม่ใช่เจ้ากรมสวัสดิการกอบทัพบก ซึ่งตำแหน่งต่างๆจะแยกไปตามหน้าที่เพื่อให้ทุกคนทำหน้าที่ได้เต็มที่ เพื่อให้คนมีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหาร ภายใต้ ผอ.ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก ซึ่งแต่ละแห่งจะมีคณะกรรมการคนละชุดกัน เพื่อให้ทำงานได้เต็มที่ จะได้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายเดียวกัน ไม่ใช่ทำงานหลายมือแล้วจะประสบความสำเร็จได้

ส่วนความคืบหน้าการปฏิรูปกองทัพ ในเรื่องสวัสดิการเชิงพาณิชย์นั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ ว่า สถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ , สถานที่พักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก ลานนา จ.เชียงใหม่ และ สถานที่พักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก ไชยนารายณ์ จ.เชียงราย ที่เป็นลักษณะสถานที่พักผ่อนได้ให้ทางเครือดุสิตธานีเข้าไปดำเนินการ โดยยึดตามเอ็มโอยูที่กองทัพบกได้ลงนามกับกรมธนารักษ์ ซึ่งจะต้องจ่ายรายได้ให้กับกรมธนารักษ์ตามที่ลงนามไว้ ส่วนที่ไชยนารายณ์นั้นพึ่งเปิดให้บริการ ยังไม่สามารถคำนวณรายได้ที่ต้องจัดส่งให้กรมธนารักษ์

‘อนุทิน’ แจงเหตุชะลอฉีดวัคซีนแอสตราฯ ย้ำ รอฟังผลสอบสวน ก่อนพิจารณาแผนให้บริการ ลั่นคนไทยต้องปลอดภัย

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงข่าวถึงสาเหตุการชะลอการให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ว่า มันมีข่าวซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัย ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน

ซึ่งท่านนายกฯ ก็เป็นประชาชน เราก็ต้องดูแลท่านด้วย จึงได้เรียกประชุมแต่เช้า เพื่อพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ ได้ข้อสรุปร่วมกันกับคณะแพทย์ว่าจะต้องชะลอการให้บริการวัคซีนออกไปก่อน ให้ได้ทราบข้อเท็จจริง แล้วค่อยพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ประเทศไทย ไม่ได้มีการระบาดที่รุนแรง ยังมีเวลาในการตัดสินใจที่จะทำเรื่องต่างๆอย่างรอบคอบ ระหว่างนี้ จะรอดูผลการสอบสวนจากยุโรป

นายอนุทิน เปิดเผยด้วยว่า ได้หารือกับคณะแพทย์แล้ว ได้ข้อสรุปว่า ไม่ได้เป็นการเสียหาย ที่ไทยจะเลื่อนการรับวัคซีนออกไป เป็นการแสดงให้เห็นถึงระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง ไม่ดื้อแพ่ง ไม่ใช่หน่วยกล้าตาย เราเคารพ ยืนหยัดบนหลักวิชาการ เราคำนึงความปลอดภัยของประชาชนให้มากที่สุด

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังได้โพสต์เฟซบุ๊ก "อนุทิน ชาญวีรกูล" ข้อความว่า

ความปลอดภัยของประชาชน ต้องมาก่อน

การเลื่อนฉีดวัคซีนแอซตราเซเนกา ให้แก่นายกรัฐมนตรี วันนี้ เป็นไปตามการวินิจฉัยของคณะแพทย์ เนื่องจากมีการรายงานผลข้างเคียง หรือ อาการไม่พึงประสงค์ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับการฉีดวัคซีน มาก่อน และมีการชะลอการฉีดวัคซีนแอซตราเซนเนกา ในบางประเทศ

เพื่อรอผลการสอบสวน และสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อมูลนี้เพิ่งได้รับรายงานเมื่อค่ำวานนี้ และคณะแพทย์ได้พิจารณากันอย่างจริงจัง ตามข้อมูลที่ได้รับจากต่างประเทศ จนได้ข้อสรุป ว่า จะชะลอการฉีดวัคซีนแอซตราเซนเนกา ไว้ระยะหนึ่ง เพื่อรอผลการสอบสวนอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น อย่างละเอียด ก่อน

คณะแพทย์ ยืนยันว่าวัคซีนแอซตราเซนเนกา เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย และได้รับมาตรฐานจากองค์การอนามัยโลก ฉีดไปแล้วมากกว่า 30 ล้านโดส และมีการสั่งซื้อมากกว่า 3,000 ล้านโดส

คณะแพทย์ยึดหลักความปลอดภัยของประชาชนที่จะได้รับวัคซีน สูงสุด จึงให้ชะลอไว้ก่อน แม้ว่าวัคซีนที่ใช้ในยุโรป กับ วัคซีนที่ส่งมาประเทศไทย เป็นคนละล็อต และมาจากคนละโรงงาน แต่เมื่อมีรายงานอาการที่ไม่พึงประสงค์ แม้จะยังไม่ยืนยันว่าเป็นผลจากวัคซีน โดยตรงก็ตาม

การชะลอ หรือ หยุดฉีดวัคซีน ชั่วคราว เพื่อสอบสวนหาข้อมูลเป็นเรื่องปกติทางการแพทย์ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนใหม่ และ การฉีดวัคซีนในวงกว้างระดับประเทศ และระดับโลก ซึ่งการฉีดวัคซีนโควิด อื่นๆ ในบางประเทศ ก็เคยหยุด หรือ ชะลอ เพื่อรอผลการสอบสวนมาแล้ว ก่อนจะกลับมาฉีด เมื่อมีความมั่นใจในผลการสอบสวนว่า ไม่ใช่ผลจากวัคซีน

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งของการใช้วัคซีนแบบสถานการณ์ฉุกเฉิน หากมีอาการไม่พึงประสงค์ แม้จะไม่ชัดเจนว่ามาจากวัคซีนหรือไม่ คณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีน ของรัฐบาล จะมีคำสั่งให้หยุดการฉีดวัคซีน ไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน

นายกรัฐมนตรี ในฐานะประชาชน ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของคณะกรรมการฯ เช่นเดียวกัน

วันนี้ จึงยังไม่มีการฉีดวัคซีนแอซตราเซนเนกา ในประเทศไทย จนกว่าจะมีผลการสอบสวนชัดเจนว่า มีความปลอดภัย หรือ หากมีผลข้างเคียง จะมีแนวทางแก้ไข ป้องกัน อย่างไร จึงปลอดภัยสูงสุดสำหรับประชาชน

คาดว่าการสอบสวนในยุโรป จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะรายงานให้ประชาชน ทราบต่อไป

ในช่วงนี้ ยังมีการฉีดวัคซีน sinovac ตามแผนเดิม ครับ

#คนไทยต้องปลอดภัย


ที่มา : https://www.facebook.com/2091153520919518/posts/4200972563270926/

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือน เมื่อรถ EV สัญชาติจีนเริ่มตีตลาดไล่บี้ Tesla ด้วยราคาสุดพิเศษ ถูกใจคนวัย First Jobber ที่เพิ่งเริมชีวิตทำงานได้ไม่นาน แต่ต้องต้องการความคล่องตัว แถมวิ่งได้ในระยะทางไม่ต่างกันมาก

แม้ว่า Tesla Model-3 จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในจีนในเวลานี้ถึงจะมีราคาสูงถึงคันละ 38,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.17 ล้านบาท ต่อคัน) แต่หากมีกำลังซื้อเพียงพอ ชาวจีนก็เลือกที่จะซื้อ Tesla ที่เป็นเหมือนแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก เหมือนกับถ้าพูดถึงสมาร์ทโฟน คนก็จะนึกถึง iPhone เป็นแบรนด์แรก ๆ

แต่ในจีนก็มีกลุ่มผู้ซื้อมากมาย ทั้งที่ไม่สนใจแบรนด์เลย ขอให้ใช้งานได้ ในราคาคุ้มค่า ซึ่งเข้าทางผู้ผลิตรถยนต์จีน พากันออกรถ EV รุ่นใหม่สู่ตลาดในราคาเพียงแค่ 1 ใน 3 ของ Tesla ด้วยสเปคที่ใกล้เคียงกัน เพื่อดึงตลาดระดับกลาง ที่พิจารณาเรื่องราคา และระยะทางที่วิ่งได้เป็นหลัก มากกว่าเอาชื่อเสียงของแบรนด์เป็นตัวตั้ง

ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมาจึงเป็นยุคเฟื่องฟูของตลาดรถ EV ในจีน ที่รถ Tesla มียอดขายโตขึ้นถึง 21% แต่ในขณะเดียวกันผู้ผลิตรถยนต์ EV ของจีนก็เติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน

จีนนับเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก และยังเป็นตลาดรถยนต์ EV ที่มีจำนวนผู้ซื้อมากที่สุดในโลกเช่นกัน การใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนจีน ที่พัฒนารถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าใช้เองในประเทศอย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 1990 แถมรัฐบาลจีนก็สนับสนุนด้วย โดยการบรรจุการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้เป็นที่แพร่หลายให้เป็นวาระแห่งชาติในแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ 5 ปี ก่อนการมาถึงของรถยนต์ Tesla ในตลาดจีนเสียอีก

และการผลักดันของจีนก็เป็นผล ที่ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนก็สามารถพัฒนารถยนต์ EV ที่มีศักยภาพพอที่จะแข่งขันในตลาดได้ แม้ไม่ใช่อันดับ 1 แต่ก็ไม่ได้ล้าหลังจนทิ้งห่าง

ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนก็มีอยู่หลายค่าย หลายแบรนด์มาก นับสิบเจ้าที่ไล่ราคาตั้งแต่ไม่เกิน 5 แสนบาท จนถึงราคาแค่แสนต้นๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าที่คุณภาพดี ขับใช้ได้ไม่อายใคร ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของจีนมองว่า ราคารถ EV ของจีนจะลดลงมาในราคาที่จับต้องได้มากกว่านี้อีก ระดับที่เด็กมัธยมปลายก็สามารถเก็บเงินพอที่จะซื้อได้ ก่อนที่จะมีสิทธิ์ถือใบขับขี่เสียอีก

ในบรรดาค่ายรถยนต์ของจีน มีบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ที่กำลังเป็นที่น่าจับตา เช่น BYD Hozon Wuling Nio Xpeng ที่ยังครองยอดขายในตลาดจีนมากกว่าครึ่ง

และทางค่ายรถยนต์จีนก็ไม่ได้มองแค่ตลาดจีน แต่มีเป้าหมายที่จะขยายตลาดผู้ใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป และอเมริกา ที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากตามกระแสลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเพื่อลดปัญหาโลกร้อน

แต่ก็ต้องยอมรับว่าแบรนด์รถยนต์จากจีนอาจจะไม่ใช่แบรนด์แรกๆ ที่ผู้ใช้รถในต่างประเทศจะเลือก ถึงกระนั้นก็เป็นธุรกิจที่น่าสนใจมากพอที่จะดึงดูด พ่อมดการเงินอย่าง วอเรน บัฟเฟต ให้เข้ามาร่วมลงทุนถือหุ้น BYD ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีนถึง 8.2% มากกว่าหุ้น GM ที่เขาถือถึงเกือบ 3 เท่า

และ รถ EV แบรนด์ Nio ค่ายรถยนต์น้องใหม่ของจีนก็สร้างความตื่นเต้นในตลาดสหรัฐไม่น้อย ที่นำเสนอบริการรถยนต์ที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลารอที่แท่นชาร์ตแบตเตอรี่เป็นชั่วโมง แค่ขับไปที่สถานีเปลี่ยนแบตเก่าออก เอาแบตใหม่ใส่ใช้เวลาแค่ 5 นาที ขับรถออกได้เลย ซึ่งค่าย Nio บอกกว่าได้เตรียมแบตเตอรี่สำหรับเปลี่ยนให้ลูกค้าแล้วไม่น้อยกว่า 1 ล้านชุด

ซึ่งก็ถือเป็นธุรกิจตลาดรถยนต์ EV ที่กำลังมาแรง และมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะรถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะมาแทนที่รถยนต์ใช้น้ำมันทั้งหมดในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า เราไม่อาจปฏิเสธกระแสนี้ไปได้เลย และประเทศที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตเอง ใช้เอง จนสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ก็จะเป็นหนึ่งจุดแข็งที่สร้างความมั่นคงทางเทคโนโนยี และเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างมากในโลกทุนนิยมในอนาคต


อ้างอิง:

https://www.straitstimes.com/business/companies-markets/chinas-5700-electric-cars-tap-huge-market-tesla-cant-reach

https://www.cnbc.com/2021/03/10/chinese-electric-carmakers-add-13point65-billion-in-value-as-tesla-surges.html

https://www.cnbc.com/2021/02/09/teslas-china-sales-more-than-doubled-in-2020.html

https://www.cnbc.com/2021/03/01/buffett-owns-more-of-chinese-electric-car-maker-byd-than-general-motors.html

https://cleantechnica.com/2020/12/27/record-electric-vehicle-sales-in-china/

https://www.caranddriver.com/news/a33670482/nio-swappable-batteries-lease/

https://en.wikipedia.org/wiki/Electric_vehicle_industry_in_China

รวมนักการเมือง เปลี่ยนชื่อแล้ว ปัง!

เมื่อวาน กระแสข่าว การเปลี่ยนชื่อของ ‘แรมโบ้อีสาน’ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเจ้าตัวเปลี่ยนชื่อมาเป็น เสกสกล อัตถาวงศ์ ไม่ใช่ ๆๆ ต้องใช้ว่า ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ท่านแรมโบ้อีสานแจ้งกับนักข่าวอย่างนี้ ต่อไปนี้ ถ้าไม่เรียก ด็อกเตอร์เสกสกล ก็ต้องเรียกว่า ด็อกเตอร์แรมโบ้ กันล่ะนะ

พอมีข่าวนักการเมืองเปลี่ยนชื่อแซ่ THE STATES TIMES เลยไปสรุปมาให้ว่า ที่ผ่านมา มีนักการเมืองคนไหนบ้าง ที่เคยจัดการเปลี่ยนชื่อแซ่ แถมเพิ่มเติมให้อีกนิดว่า พอเปลี่ยนแล้ว ปัง ปัง ปัง ไม่ใช่เสียงปืนนะ เสียงความโด่งดังต่างหาก ไม่เชื่อไปดูสิ มีคนไหนไม่ดังบ้าง

‘สิระ’ ตอกเจ็บกลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซัดอย่ามาอ้างเรื่องการเรียน ดิ้นประกัน ‘เพนกวิน - รุ้ง - ไผ่’ ให้สังคมเดือดร้อน แนะวิธีง่าย ๆ เอาข้อสอบไปทำกันในคุก ชี้ผิดถูกแยกไม่เป็นเรียนไปก็ไร้ประโยชน์

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ 4 อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตรียมยื่นอุทธรณ์ประกันตัว น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง , นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ในวันนี้ ว่า การยกเหตุผลนักศึกษามีสอบกลางภาคขึ้นมาสร้างความชอบธรรม เป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่า ตนคิดว่าคนเป็นครูบาอาจารย์ไม่น่าเพิ่งจะคิดถึงอนาคตของเด็กได้ในตอนนี้ พฤติกรรมที่ผ่านมาของเด็กกลุ่มนี้มีความสุ่มเสี่ยงที่จะติดคุก ติดตาราง ซึ่งน่ากลัวกว่าการไม่ได้สอบเยอะ แต่อาจารย์กลับไม่สั่งสอนในสิ่งที่ถูกต้องให้กับเด็ก แถมยังยุยงส่งเสริมให้เด็กไม่เคารพกฎหมาย มาในตอนนี้กลับมาเรียกร้องถึงการสอบ แล้วทำไมตอนทำชั่วไม่คิด

"อาจารย์กลุ่มนี้ก็เป็นพวกเคยประท้วงจะหยุดการสอน หน้าเดิม ๆ ทั้งนั้น ผมขอแนะนำว่า ทางที่ง่ายที่สุด อาจารย์ไม่ต้องยื่นประกันตัว เพราะถ้าออกมาก็จะสร้างความวุ่นวายให้สังคมอีก ผมคิดว่า อาจารย์ควรเดินหน้าทำแบบลูกศิษย์ที่รักของตัวเองซะ เพื่อให้ถูกจับเข้าคุก จะได้ไปเจอหน้ากัน โดยที่คนอื่นในสังคมก็ไม่ต้องเดือดร้อน และอย่าลืมเอาข้อสอบเข้าไปให้เด็กๆ ทำในคุกด้วย" นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า "ตนขอถามว่ามั่นใจหรือถ้าประกันตัวออกมาแล้วจะไปเรียนหนังสือ เท่าที่ตนเห็นแต่ละกระทำความผิดมาไม่ต่ำกว่า 10 คน ไม่มีวี่แววว่าจะกลับตัวกลับใจได้ เพราะฉะนั้นอย่าเอาคำว่าอนาคตมาอ้างเพื่อกดดันสังคม ถ้าไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แยกแยะถูกผิดไม่ได้ การศึกษาคงไม่มีประโยชน์กับคนกลุ่มนี้ ก่อนทำอะไรต้องไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน และตอนนี้ต้องรับผลกรรมแห่งการกระทำ บรรดาอาจารย์ที่อยากปกป้องช่วยเข้าใจด้วย ถ้าเรื่องแค่นี้ยังตะแบง เอาสีข้างเข้าถู ก็อย่าเรียกตัวเองว่าอาจารย์เลย ลาออกมาเป็นแกนนำจะดีกว่า จะได้ไม่เปลืองภาษีประชาชนที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ และเด็กรุ่นต่อ ๆ ไป เขาจะได้ไม่ต้องมีอาจารย์ที่สั่งสอนแต่เรื่องผิด ๆ จนต้องติดคุกติดตารางแบบพวกคุณ"


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/558613

กลุ่มอาจารย์ยื่นประกันตัว ‘เพนกวิน - รุ้ง - ไผ่’ แจงเหตุจำเป็นด้านการเรียน “ทนายกฤษฎางค์” โวยราชทัณฑ์ขัง “เพนกวิน” รวมนักโทษเด็ดขาด ยังไม่ได้คำตอบ

วันที่ 12 มีนาคม 2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมกลุ่มอาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์, คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ และอาจารย์จาก ม.มหิดล เดินทางมาศาลเพื่อยื่นประกันตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน แกนนำกลุ่มราษฎร ที่ไม่ได้รับการประกันตัวคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ซึ่งเพนกวินและรุ้งมีสถานะเป็นนักศึกษา ป.ตรี ม.ธรรมศาสตร์ ส่วนไผ่มีสถานะเป็นนักศึกษา ป.โท ม.มหิดล

นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า "เนื่องจากการยื่นขอประกันตัวครั้งล่าสุด ศาลเขียนเหตุผลเรื่องความจำเป็นเกี่ยวกับการเรียนยังไม่ถึงกับเป็นเหตุที่จำเป็น ทางญาติพี่น้อง พ่อแม่ เลยขอความกรุณาอาจารย์ผู้สอน ผู้บริหาร มาช่วยยื่นประกัน โดยใช้วงเงินประกันคนละ 5 แสนบาท เฉพาะ 3 คนนี้ เพราะอยู่ในช่วงการสอบ อยากให้ศาลพิจารณาอนาคตของเด็ก ไม่ว่าจะถูกดำเนินคดีอย่างไร เมื่อยังไม่ตัดสินต้องให้โอกาสเขาไปศึกษาเล่าเรียนก่อน เรื่องคดีความก็ว่ากันไป ถ้าไม่ให้ประกันก็เป็นการตัดอนาคตของเด็ก"

ผู้สื่อข่าวถามถึงการวางแนวทางหากศาลไม่ให้ประกันตัว เรื่องการศึกษาจะเดินต่ออย่างไร นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ถ้าตัวไม่ได้ออกก็คงจบ เพราะไผ่ช่วงนั้นที่ติดคุกที่ขอนแก่น เราขอให้เข้าไปสอบก็ไม่ได้รับความร่วมมือ

ด้าน ผศ.ดร.จันทนี เจริญศรี คณบดีคณะสังคมวิทยาฯ ม.ธรรมศาสตร์ ในฐานะอาจารย์ผู้สอนรุ้ง กล่าวว่า "รุ้งเป็นนักศึกษาหลักสูตรวิจัยทางสังคมของคณะ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สอบ ซึ่งไม่มีสอบเพราะเรียนออนไลน์ นักศึกษาจะต้องส่งงานวิชาวิจัยต้องค้นคว้า ใช้ห้องสมุดเก็บข้อมูล วิตกกังวลอยู่ที่นักศึกษาถูกคุมขัง ในกระบวนการยุติธรรมมีการประกันตัว เราก็มาทำตามกระบวนการ เป็นสิทธิผู้ต้องขัง คดียังไม่ตัดสิน เราทำตามหน้าที่ของเราที่เป็นทั้งผู้บริหารและอาจารย์ก็มาดูแลนักศึกษา รุ้งก็มีส่วนร่วมอภิปรายในชั้นเรียน"

ทั้งนี้ นายกฤษฎางค์ ทนายความ เปิดเผยด้วยว่า "ในส่วนของเพนกวิน เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) ในการไต่สวนกรณีแยกเรือนจำ เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็มาด้วย ตนทราบจากทนายที่ไปเยี่ยมว่า ปัจจุบันมีการแยกเพนกวินไปอยู่แดน 5 ซึ่งเป็นแดนของนักโทษเด็ดขาด ทั้งที่กรณีเพนกวินยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ รัฐธรรมนูญระบุจะปฏิบัติเหมือนเป็นผู้กระทำผิดไม่ได้ ถ้าขังไว้กับคนที่มีคดียังไม่ได้พิสูจน์ความผิดพอจะรับได้ แม้จะไม่ถูก แต่ไม่ควรแยกแดนไปอยู่แดนนักโทษเด็ดขาด ซึ่งผิดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ผิดต่อหลักกฎหมาย ไม่เข้าใจว่าราชทัณฑ์กำลังทำอะไรอยู่ ตนฝากผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ที่ส่งตัวแทนมาเมื่อวานขอคำตอบ จนเย็นก็ไม่มีคำตอบ"

สำนักงานยายุโรปเร่งสอบข้อเท็จจริง หลังเกิดกรณีผู้เข้ารับวัคซีนโควิด-19 ‘แอสตราเซเนกา’ ในยุโรปเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย

สำนักงานยายุโรป (EMA) กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วยุโรปมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาให้ประชากรแล้วกว่า 5 ล้านคน แต่มีรายงานว่า 30 คนในนี้เกิดภาวะเลือดแข็งตัวเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีน และหนึ่งในนั้นเสียชีวิต

เมื่อมีรายงานดังกล่าวเกิดขึ้น ทำให้หลายประเทศในยุโรปได้ระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา เริ่มจาก ‘ออสเตรีย’ ที่มีหญิงวัย 49 ปีเสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ (7 มี.ค.) จากภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา และประกาศระงับใช้วัคซีนเฉพาะล็อต ABV5300 ในวันจันทร์ (8 มี.ค.) ซึ่งมีจำนวน 1 ล้านโดสแจกจ่ายไปใน 17 ประเทศสหภาพยุโรป

หลังจากนั้นยังพบผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวเพิ่มขึ้นอีก 3 รายจากวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาล็อตดังกล่าว ทำให้มีอีก 4 ประเทศประกาศระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ล็อตดังกล่าว คือ ‘เอสโตเนีย’, ‘ลิทัวเนีย’, ‘ลักเซมเบิร์ก’ และ ‘ลัตเวีย’

ต่อมาในวันพฤหัสบดี (11 มี.ค.) ‘อิตาลี’ ประกาศระงับใช้วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาชั่วคราว จากความกังวลเรื่องภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีด แต่เฉพาะล็อต ABV2856 เท่านั้น จากนั้น ‘เดนมาร์ก’, ‘ไอซ์แลนด์’ และ ‘นอร์เวย์’ ก็ประกาศระงับการใช้ในวันเดียวกัน แต่เป็นการระงับใช้วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาทั้งหมด

นอกจากนี้ มีข่าวที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า ที่อิตาลีมีชายวัย 50 เสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังเข้ารับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาเช่นกัน

จาก 9 ประเทศข้างต้นที่ประกาศระงับการใช้วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา มีเพียงเดนมาร์กเท่านั้นที่ระบุระยะเวลาการระงับใช้ 2 สัปดาห์ ประเทศอื่นที่เหลือไม่ระบุว่าจะกลับมาใช้วัคซีนดังกล่าวเมื่อใด

ทั้งนี้ บางประเทศเลือกระงับการใช้จากความกังวลถึงรายงานพบผู้รับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาเกิดลิ่มเลือดอุดตัน แต่บางประเทศก็ตัดสินใจเพราะพบกรณีดังกล่าวด้วยตนเอง

ตัวอย่างเช่น สถาบันสาธารณสุขนอร์เวย์ออกแถลงการณ์ว่า เลือกระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาชั่วคราว หลังจากมีรายงานการเสียชีวิตในเดนมาร์ก และนอร์เวย์เองก็พบผู้เข้ารับวัคซีนมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ส่วนใหญ่เกิดในผู้สูงอายุซึ่งมักจะมีโรคประจำตัวอื่น

ขณะที่บางประเทศยังไม่พบเคสที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนแต่รอดูสถานการณ์ก่อน เช่น คณะกรรมการด้านสาธารณสุขสเปนประกาศว่า ได้ชะลอการฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาให้กับผู้ที่มีอายุระหว่าง 55 - 65 ปี จนกว่าจะมีการตรวจสอบและสรุปผลข้างเคียงทั้งหมดโดย EMA

โดยทั่วไป ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาที่เคยพบ และหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกเคยรายงาน ได้แก่ มีไข้ ปวดหัว ปวดบริเวณที่ฉีด อาเจียน ท้องร่วง วิงเวียน ไม่อยากอาหาร ปวดท้อง ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นขึ้น ฯลฯ แต่ไม่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

ขณะนี้ คณะกรรมการประเมินความเสี่ยงด้านเภสัชวิทยา (PRAC) ของ EMA กำลังดำเนินการตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัดว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาหรือไม่

ด้านบริษัทแอสตราเซเนกาออกมาชี้แจงว่า บริษัทเห็นความปลอดภัยของผู้รับวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

“หน่วยงานกำกับดูแลมีมาตรฐานด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ชัดเจนและเข้มงวดสำหรับการอนุมัติยาใหม่ ๆ และรวมถึงวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาด้วย ความปลอดภัยของวัคซีนเราได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางในการทดลองทางคลินิกเฟสที่ 3 และข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียยืนยันว่าวัคซีนนี้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป” บริษัทกล่าวในแถลงการณ์

ด้าน EMA กล่าวว่า ประเทศต่าง ๆ ยังสามารถใช้วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาต่อไปได้ในระหว่างการตรวจสอบหาสาเหตุภาวะลิ่มเลือดอุดตัน “ประโยชน์ของวัคซีนดังกล่าวยังคงมีมากกว่าความเสี่ยง”

EMA เสริมว่า “ขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการฉีดวัคซีนทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งไม่เคยถูกระบุว่าเป็นผลข้างเคียงจากวัคซีนนี้”

สำหรับประเทศไทยซึ่งสั่งจองวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาไว้ ล่าสุด เช้าวันนี้ (12 มี.ค.) ผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข ประชุมด่วน มีมติเลื่อนกำหนดการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรก ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ที่เดิมกำหนดไว้ 09.00 น. วันนี้ ที่สถาบันบำราศนราดูร เพื่อประเมินวัคซีนแอสตราเซเนกา หลังหลายประเทศในยุโรปพบปัญหาผลข้างเคียง


ที่มา:

https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/143621?utm_campaign=ยุโรประงับ&utm_source=line&utm_medium=oa

https://www.bbc.com/news/world-europe-56357760

https://edition.cnn.com/2021/03/11/europe/astrazeneca-vaccine-denmark-suspension-intl/index.html

https://www.theguardian.com/society/2021/mar/11/denmark-pauses-astrazeneca-vaccines-to-investigate-blood-clot-reports

'หมอยง' แจงวัคซีน 'แอสตราเซเนกา' ปมประเทศในยุโรประงับใช้หลังข่าวทำเลือดแข็งตัว ยันต้องสอบสวนก่อน พร้อมระบุ วัคซีนที่ไทยใช้ผลิตในเกาหลี

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยระบุว่า โควิดวัคซีน ข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำ

เป็นที่วิตกกังวลกันว่า วัคซีน astrazeneca จะใช้ในบ้านเรา มีข่าวในหลายประเทศหยุดใช้ชั่วคราวเพราะมีผู้ป่วยเกิดการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำและมีการเสียชีวิต 1 ราย จากการศึกษาใน 3 ล้านรายที่ฉีดวัคซีน มีการป่วยเกิดขึ้น 22 คน หรือเทียบกับ 7 คนในล้านคนที่ฉีดวัคซีน

แน่นอนเหตุการณ์อะไรก็ตามแต่ที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีน ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะวัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ จะต้องมีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่

อุบัติการณ์การเกิดการอุดตันของเส้นเลือดดำ พบได้บ่อยในคนยุโรป อเมริกามากกว่าคนเอเชีย ถึง 3 เท่า

เราจะเห็นว่าเวลาขึ้นเครื่องบิน จะมีการแนะนำเสมอ ให้กินน้ำให้มาก และให้ขยับตัว ขยับเท้าเพื่อป้องกันการเกิดภาวะการณ์ดังกล่าว ปัจจัยทางพันธุกรรมมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอนที่ทำให้คนยุโรปมีโอกาสเป็นมากกว่าคนเอเชีย

หลังจากเกิดเหตุการณ์ ทางประเทศอังกฤษได้ฉีดไปแล้วมากกว่า 11 ล้านคน ก็ไม่พบอุบัติการณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ

โรคดังกล่าวจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น โดยคนในยุโรปที่อายุเกิน 60 ปีจะมีอุบัติการณ์ประมาณ 5 - 13 ใน 1,000 person year

Prof Paul Hunter ในภาวะปกติถ้าฉีดวัคซีนแล้วติดตามไป 1 เดือน ในคนที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไปในช่วงเวลา 1 เดือนจะพบได้ถึง 400 ถึง 1,000 episode ต่อประชากร 1 ล้านคน

อย่างไรก็ตามจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาสาเหตุว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเป็นอาการที่พบร่วมด้วยหลังฉีดวัคซีน อะไรก็ตามแต่ที่เกิดร่วมด้วยหลังฉีดวัคซีนจำเป็นต้องมีการสอบสวน

อย่างที่เคยกล่าวมาแล้วหลังการฉีดวัคซีนของ Pfizer ในนอร์เวย์และเกาหลี มีการเสียชีวิตเกิดขึ้น แต่ต่อมาก็พิสูจน์ว่าการเสียชีวิตดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน วัคซีน Pfizer ก็ยังคงดำเนินการฉีดต่อไปอีกเป็นจำนวนมากหรือจะมากที่สุดก็ได้ในขณะนี้

คนเอเชียอย่างประเทศไทยมีโอกาสเกิดโรคนี้น้อยกว่าคนยุโรปถึง 3 เท่า และวัคซีนที่ใช้ที่ทางยุโรปหยุดการใช้ใน batch นี้ผลิตในยุโรป จึงมีการระงับใช้ไปไม่น้อยกว่า 6 ประเทศ แต่ว่าวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทย ผลิตจากโรงงานเกาหลี

จากข้อมูลทั้งหมดคณะกรรมการ จะต้องเป็นผู้กำหนดสำหรับประเทศไทย และจะต้องมาหารือร่วมกัน


ที่มา : https://www.facebook.com/yong.poovorawan

‘บิ๊กตู่’ เลื่อนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ ‘แอสตราเซนเนก้า’ ที่มีกำหนดฉีดเช้าวันนี้ หลังกลุ่มประเทศในยุโรป ระงับฉีดจากผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตัน

นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เลื่อนการเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ณ สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขในวันนี้ ทั้งวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนของซิโนแวก แต่ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงยังฉีดวัคซีนของซิโนแวกตามปกติ แต่รายละเอียดทั้งหมดต้องรอกระทรวงสาธารณสุขแถลงความชัดเจนอีกครั้ง

รายงานข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า การเลื่อนการฉีดวัคซีนครั้งนี้คาดว่าเป็นเพราะมีรายงานข่าวว่า ประเทศเดนมาร์กและ 6 ชาติอียู สั่งระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากพบว่ามีผู้รับวัคซีนเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยทางกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้

นอกจากนี้ ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะมีการแถลงด่วน เกี่ยวกับประเด็นการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในเช้าวันนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top