Friday, 20 June 2025
NEWS FEED

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) มีมติขยายเวลาการปรับลดการผลิตที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงเดือน เม.ย. 64

อีกทั้งซาอุดีอาระเบีย ยังอาสาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไปอีก 1 เดือน ไปสิ้นสุดเดือนเม.ย. 64 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโอเปกพลัสจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนเม.ย. 64 ที่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

รวมทั้งข่าวกลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนยิงโดรนและขีปนาวุธ เพื่อหวังโจมตีแห่งอุตสาหกรรมน้ำมันของซาอุดีฯ โดยยิงถังเก็บน้ำมันที่ท่าเรือรัสทานูรา หนึ่งในเมืองท่าน้ำมันใหญ่ที่สุดในโลก และโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทซาอุดี อารามโค

ทั้งนี้จากสถานการณ์ดังกล่าว มีผลให้ทิศทางราคาน้ำมันสูงขึ้นแล้ว ประกอบกับอุปสงค์น้ำมันยังได้แรงสนับสนุนจากความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด -19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ภาพรวมน้ำมันมีทิศทางที่จะปรับตัวสูงขึ้น

เสรีพิศุทธ์ แฉ 2 พรรคใหญ่ ซื้อเสียงเลือกตั้งซ่อมเมืองนคร ยุ ปชป.ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล เตือนไม่มีที่ยืนหากคิดไม่เป็น ลั่นระวังแพ้เสรีรวมไทย ชี้ ศาลไม่ควรก้าวล่วงอำนาจสภาแก้รธน.

ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ที่ผ่านมาว่า มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงโดยพรรครัฐบาล เพราะเป็นไปได้อย่างไรที่อยู่ดีๆ พรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์จะได้เสียงเพิ่มมาหมื่นกว่าเสียง ซึ่งผู้สมัครก็ยังไม่ได้ทำความดีอะไรเลย และยังไม่มีใครได้เข้าสภา แต่ขณะที่พรรคเสรีรวมไทยได้ทำงานมาโดยตลอด

“พรรคพลังประชารัฐยังมีการขนคนลงไปช่วยกันซื้อเสียงเต็มที่ ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้วัดกันที่กำลังเงิน ผมมีข้อมูลแต่สามารถเอาผิดได้แค่ตัวเล็กๆ ในครั้งนี้จึงจะไม่มีการฟ้องร้องใด ๆ เพราะในครั้งที่มีการเลือกตั้งที่จังหวัดลำปางและสมุทรปราการมีหลักฐานชัดเจนได้ยื่น กกต.ไปแล้วแต่เรื่องก็ยังเงียบเฉย ดังนั้นครั้งนี้ผมจะฟ้อง กกต.แทน

ซึ่ง กกต.ไม่มีปัญญาในการป้องกันการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ยังลงไปสร้างภาพ ปล่อยให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงขนาดนี้ ประธาน กกต.ยังด้านอยู่ พูดหลอกประชาชนไปเรื่อย ดังนั้นควรลาออกจากการเป็นประธาน กกต.” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าการที่พลังประชารัฐชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเพราะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคลงพื้นที่ไปเอง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรเดินไม่ไหวอยู่แล้ว สุดท้ายขึ้นเวทีก็ยังต้องทำลิฟต์ให้ แล้วสุดท้ายก็ต้องมาทำลิฟต์ให้ในทำเนียบอีก แบบนี้จะไปช่วยอะไร แล้วอย่าบอกว่าพรรคพลังประชารัฐเดินเคาะประตูตามบ้าน เพราะตนไม่เคยเห็น

“ระหว่างหาเสียงผมก็ได้เตือนประชาชนตลอดว่าเงิน 500 บาท กินไม่กี่วันก็หมดแล้ว ขอให้คิดกันให้เป็น แต่ผลออกมาพี่น้องประชาชน ก็เลือกสิ่งที่ใกล้มือ ดังนั้นสองพรรคจะปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าไม่มีการซื้อเสียง เพราะผมมีหลักฐานอยู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นบทเรียนให้พรรคประชาธิปัตย์ได้คิดว่า หากยังไม่คิดถึงอนาคต อยู่ร่วมรัฐบาลต่อไปจะหมดอนาคตในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่มีที่ยืน ถึงขั้นอาจแพ้พรรคเสรีรวมไทย ดังนั้นควรใคร่คิดให้ดี เพราะเร็ว ๆ นี้จะมีการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดชุมพรและสงขลา ก็จะออกมาในรูปแบบเดียวกันอีก พรรคพลังประชารัฐก็จะสู้เต็มที่โดยไม่สนใจมารยาททางการเมือง แล้วประชาธิปัตย์จะสู้เขาได้หรือ สุดท้ายประชาธิปัตย์จะถูกพลังประชารัฐยึดไปทุกเขต

“ขอฝากไปยังพรรคประชาธิปัตย์ คุณยังจะยอมเป็นเบี้ยให้เขาย่ำยีอยู่อีกเหรอ ควรจะคิดถึงอนาคตของคนของคุณ หากผมเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผมจะลาออกจากรัฐบาล เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภาจัดการเลือกตั้งใหม่

ซึ่งจะทำให้ประชาธิปัตย์สามารถรักษาเก้าอี้ชุมพรและสงขลาไปได้ ผมจึงขอฝากไว้ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่ แต่ถ้ายังคิดไม่เป็นก็ช่วยไม่ได้ ที่เตือนนี่ผมมองว่าประชาธิปัตย์ยังเป็นแค่คนรับใช้เผด็จการ ไม่ได้เป็นเผด็จการเอง ยังพอพูดคุยกับพรรคเสรีรวมไทยได้ แต่ถ้าเป็นเผด็จการตัวจริงผมไม่คุยด้วย” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะถือว่าเป็นอำนาจนายกฯโดยตรง

ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ศาลจะมีการวินิจฉัยว่าสามารถดำเนินการได้ทั้งฉบับหรือไม่นั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ศาลไม่ควรเข้ามาก้าวล่วงอำนาจของรัฐสภา เพราะว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาที่จะดำเนินการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการนัดประชุมกันวันศุกร์นี้ เพื่อเตรียมรองรับการแก้ไขปัญหา หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ไม่สามารถแก้ไขทั้งฉบับได้ อย่างไรก็ตามตนมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องได้รับการแก้ไขเพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่เลวที่สุด เอาเปรียบกันมากที่สุด

กรมบังคับคดีจัดโครงการไกล่เกลี่ยทั่วไทยช่วยลูกหนี้จากโควิด-19 ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 91.51% ลดความเหลื่อมล้ำให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

นางอรัญญา ทองน้ำตะโก อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยถึงผลการช่วยเหลือลูกหนี้ในกระบวนการบังคับคดี จากการจัดโครงการ ‘ไกล่เกลี่ยทั่วไทยร่วมใจช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา 2019’ ตามข้อสั่งการของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ต้องการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งสร้างสังคมที่เป็นสุข

สำหรับโครงการไกล่เกลี่ยทั่วไทยร่วมใจช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโคโรน่า 2019 จะช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจจากปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตที่ไม่สามารถหาเงินมาชำระแก่เจ้าหนี้ได้ ซึ่งกรมบังคับคดีได้จัดให้มีโครงการดังกล่าว ระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 2564 - 31 มี.ค. 2564 ณ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท กรมบังคับคดีและสำนักงานบังคับคดีจังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ 116 แห่ง โดยให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ได้เจรจากัน ให้ลูกหนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไม่ต้องถูกบังคับคดีหรือถูกฟ้องล้มละลาย

นางอรัญญา กล่าวอีกว่า กรมบังคับคดี ได้ร่วมกับสถาบันการเงิน บริษัทบัตรเครดิต บริษัทลิสซิ่งเช่าซื้อ โดยผลการจัดโครงการดังกล่าว ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีเรื่องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 459 เรื่อง ทุนทรัพย์ 214,489,235.06 บาท ผลไกล่เกลี่ยสำเร็จ 345 เรื่อง ทุนทรัพย์ 147,935,604.71 บาท ความสำเร็จของการไกล่เกลี่ยฯ คิดเป็นร้อยละ 91.51

ทั้งนี้กรมบังคับคดียังได้ยกระดับการให้บริการ ด้วยการเปิดบริการยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เว็บไซต์ของกรมบังคับคดี www.led.go.th การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น Session Call โดยผู้ประสงค์จะเข้าไกล่เกลี่ยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกรมบังคับคดี หมายเลขโทรศัพท์ 02 881 4840,02881 4940 , 02887 5072 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี 1111 กด 79 และสำนักงานบังคับคดีจังหวัด/สาขาทั่วประเทศ

‘เจ้าชายแฮร์รี’ และ ‘เมแกน มาร์เคิล’ ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เปิดใจเกี่ยวกับชีวิตในวังบักกิงแฮมของทั้งคู่ที่ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เมแกนเผย เคยคิดฆ่าตัวตายเพราะถูกปฏิบัติไม่ดีหลังการเสกสมรส และเคยถูกถามเรื่องสีผิวของพระโอรสด้วย

ประเด็นดราม่าระหว่าง ‘ราชวงศ์อังกฤษ’ กับ ‘เมแกน มาร์เคิล’ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ชายาของ ‘เจ้าชายแฮร์รี’ ดูเหมือนจะยิ่งบานปลายมากขึ้น เมื่อบทสัมภาษณ์ล่าสุดของดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ กลายเป็นการ ‘ทิ้งระเบิด’ ใส่พระราชวังบักกิงแฮมอย่างชัดเจน

เมแกน พระชันษา 39 ปี เปิดใจในการให้สัมภาษณ์ ‘โอปราห์ วินฟรีย์’ ที่สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสออกอากาศเทปเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (7 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐว่า เธอยอมรับว่าตัวเองไร้เดียงสา ก่อนเข้าเป็นสมาชิกราชวงศ์ในปี 2561

โดยหลังเข้าสู่รั้ววังบักกิงแฮมแล้ว เธอก็กลายเป็นคนคิด ‘อยากฆ่าตัวตาย’ และ ‘อยากทำร้ายตัวเอง’ เพราะไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ แม้เธอร้องขอแล้วก็ตาม

“ตอนนั้น ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว และมันเป็นความคิดชั่ววูบที่ชัดเจนและน่าตกใจมากทีเดียว" เมแกนเปิดใจกับวินฟรีย์ในรายการยาว 2 ชั่วโมงทางช่องซีบีเอส

เมแกนเผยว่า ตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่เธอตั้งครรภ์เจ้าชายอาร์ชี ราชวงศ์อังกฤษไม่ต้องการให้ทายาทของเธอมีพระยศ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับการอารักขาตลอด 24 ชั่วโมง

เมแกน ซึ่งมีบิดาเป็นชาวอเมริกันยุโรปและมารดาเป็นชาวอเมริกันแอฟริกันเผยว่า ในวังมีการพูดเรื่อง ‘สีผิวของทายาท’ ที่จะเกิดมาด้วย แต่เธอไม่ยอมตอบว่าใครพูดเรื่องนี้

“มีความกังวลและบทสนทนาในวังด้วยว่า ผิวของเจ้าชายอาร์ชีจะสีเข้มขนาดไหนเมื่อเขาประสูติ”

นอกจากนี้ เมื่อวินฟรีย์ถามว่า เธอเป็นฝ่ายนิ่งเฉยเอง หรือถูกขอให้นิ่งหลังประสบกับเหตุการณ์นี้ เธอตอบว่า “เป็นอย่างหลัง” โดยดัชเชสแห่งซัสเซกซ์กล่าวถึงคนในวังว่า ไม่เพียงไม่ปกป้องเธอที่ถูกให้ร้าย แต่ยังโกหกเพื่อปกป้องสมาชิกราชวงศ์คนอื่น ในวังมีครอบครัวและมีคนที่บริหารสถาบัน เธอย้ำว่าเรื่องนี้ต้องแยกแยะให้ดี เพราะสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีพระกรุณาธิคุณกับเธออยู่เสมอ

ส่วนรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ที่ว่าเธอทำให้ ‘เจ้าหญิงเคท’ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์และพระชายาในเจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ พระเชษฐาของเจ้าชายแฮร์รี ร้องไห้ก่อนพิธีเสกสมรสของเธอในปี 2561 เมแกนปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง

ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์บอกอีกว่า ข่าวนี้เป็นจุดที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับสื่อเปลี่ยนไป และว่าความจริงเป็นคนละเรื่อง ทุกคนในวังต่างรู้ดี

“เจ้าหญิงเคทเพียงไม่พอใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่กี่วันก่อนงาน และคนที่ร้องไห้คือฉัน เพราะถูกทำร้ายความรู้สึก แต่เจ้าหญิงเคทได้ขอโทษแล้ว”

ด้านเจ้าชายแฮร์รีเผยว่า พระทายาทในครรภ์พระชายาเป็นเพศหญิง พร้อมกับเผยเรื่องความสัมพันธ์กับเจ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารและพระบิดาว่า รู้สึกผิดหวังอย่างมาก เพราะพระบิดาทรงเคยผ่านประสบการณ์แบบเดียวกันมาก่อน ทรงรู้ถึงความเจ็บปวด

อย่างไรก็ตาม ดยุคแห่งซัสเซกซ์ ตรัสว่า พระองค์จะยังคงรักพระบิดาเสมอ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเจ็บปวดมากมาย พระองค์คงไม่ถอยออกมาจากราชวงศ์หากพระชายาไม่ถูกกระทำ ทรงถูกตัดความช่วยเหลือทางการเงิน แต่ที่ยังอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะสิ่งที่พระมารดา (เจ้าหญิงไดอานา) ทิ้งไว้ให้

บทสัมภาษณ์ของดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์มีขึ้นหลังจากเมื่อต้นสัปดาห์นี้ หนังสือพิมพ์ เดอะไทม์ส (The Times) ของอังกฤษ เผยรายงาน Exclusive ที่อ้างข้อมูลจากอีเมลของข้าราชบริพารผู้หนึ่งซึ่งระบุว่า เมแกน เคยไล่ผู้ช่วย 2 คนออกจากพระราชวังเคนซิงตัน และยังข่มเหงรังแกทำลายความเชื่อมั่นของข้าราชบริพารอีกคนหนึ่ง

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 มี.ค. สำนักพระราชวังบักกิงแฮม แถลงถึงรายงานของเดอะไทม์สว่า รู้สึก “กังวลอย่างยิ่ง” และจะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง

“เรามีความกังวลอย่างยิ่งต่อข้อครหาต่าง ๆ ที่อดีตข้าราชบริพารของดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ออกมาเปิดเผยผ่านเดอะไทม์ส ทีมงานด้านทรัพยากรบุคคลของเราจะตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้” แถลงการณ์จากสำนักพระราชวังอังกฤษ ระบุ

คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า พระราชวังบักกิงแฮมจะออกแถลงการณ์ตอบโต้ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์หรือไม่ แม้ตอนนี้บรรดาผู้สังเกตการณ์คาดว่าฝั่งราชวงศ์อังกฤษอาจเลือกที่จะนิ่งเฉยมากกว่า ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่กับราชวงศ์อังกฤษ ตกอยู่ในเครื่องหมายคำถามก็ตาม


ที่มา:

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/926313?anf=

https://www.cnbc.com/2021/03/08/meghan-says-palace-had-concerns-about-how-dark-her-sons-skin-might-be.html

https://news.sky.com/story/harry-and-meghan-when-is-their-oprah-interview-and-what-will-they-talk-about-12236628

https://www.forbes.com/sites/carlieporterfield/2021/03/07/heres-why-harry-and-meghans-interview-with-oprah-could-be-a-bombshell-for-the-royal-family/?sh=25f6397c6107

เขตลาดพร้าวนำร่อง!! เตรียมรวบกลุ่มมอเตอร์ไซต์วิน - ไรเดอร์ส่งอาหาร ฝ่าฝนขับ - จอดบนทางเท้าช่วง 06.00 - 19.00 น.

นางสุภาพร ศรีศาสนวงศ์ ผู้อำนวยการเขตลาดพร้าว นำคณะผู้บริหาร ร่วมกับตำรวจสน.โชคชัย 4 ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของทางเท้าและทางจักรยาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชนชาวลาดพร้าวในการสัญจรผ่านไป-มา

ทั้งนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจ ออกปฏิบัติหน้าที่ตามแผนการตั้งด่านกวดขันจับกุม ผู้ฝ่าฝืน ขับขี่หรือจอดรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์บริการรับส่งอาหาร บนทางเท้าและทางจักรยาน ตั้งแต่เวลา 06.00 - 19.00 น. เพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ใช้ทางเท้าและทางจักรยานหากฝ่าฝืนจะทำการจับกุม เปรียบเทียบปรับในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมายรักษาความสะอาดฯ และเป็นไปตามนโยบายของกรุงเทพมหานคร ณ บริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรม

นอกจากนี้ ได้ประชาสัมพันธ์ข่าวสารและข้อกฎหมายให้กับผู้ขับขี่โดยตรงกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถจักรยานยนต์บริการรับส่งอาหาร เช่น แกร็บฟู้ดแพนด้า และไลน์แมน รวมทั้งผ่านทางกลุ่มไลน์ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่เขตลาดพร้าวจำนวน 57 วินเพื่อขอความร่วมมือ ผู้ขับขี่ไม่ให้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย และช่วยแจ้งข่าวสารทางกลุ่มไลน์หากพบผู้ฝ่าฝืนขับขี่หรือจอดรถจักรยานยนต์บนทางเท้าทางจักรยาน ซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนในการบังคับใช้กฎหมายอีกช่องทางหนึ่ง


ที่มา: https://www.naewna.com/local/557992

ครม. เห็นชอบร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หวังช่วยลดภาระลูกหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินควร จากอัตรา 7.5% เป็น 3% ต่อปี กรณีผิดชำระลดจาก 7.5% เป็น 5% ต่อปี เตรียมส่งสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบร่างกฎหมายฉบับสำคัญของประเทศ เพื่อลดภาระของลูกหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินควร ด้วยการออกเป็นร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย

โดยเฉพาะลูกหนี้ที่มีภาระหนี้สินจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังเป็นการแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยมากขึ้นหลังจากกฎหมายฉบับเดิมมีผลบังคับใช้มานานกว่า 95 ปี ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 2468 ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ทั้งนี้ตามกฎหมายเดิม ซึ่งมีผลบังคับใช้มาเกือบ 100 ปีนั้น โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ 7.5% ต่อปีนี้ ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ทั้ง ลูกหนี้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินควร ,เจ้าหนี้บางรายอาศัยความไม่ชัดเจน กำหนดให้ลูกหนี้เมื่อผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง ต้องจ่ายดอกเบี้ยบนเงินต้นทั้งหมด ,สร้างความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมและ และมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยภาพรวม ดังนั้น จึงได้เสนอครม. เพื่อเป็นการช่วยลดภาระของลูกหนี้จากการชำระดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินควร และปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย

สำหรับสาระสำคัญของกฎหมาย แยกเป็น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้กำหนดไว้ก่อนหรือไม่ได้มีกฎหมายกำหนด โดยจะแก้ไข มาตรา 7 ด้วยการปรับลดจากอัตรา 7.5% ต่อปี เป็นอัตรา 3% ต่อปี ซึ่งกระทรวงการคลัง จะทบทวนทุก 3 ปี ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยผิดนัด โดยจะแก้ไข มาตรา 224 ด้วยการปรับลดจาก 7.5% ต่อปี เป็นอัตรา 5% ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงนี้ เป็นอัตราที่กำหนดตามมาตรา 7 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 3% ต่อปี บวกด้วยอัตราเพิ่ม 2% ต่อปี

ครม.ขยายระยะเวลากดยืนยันตัวตน “ม33 เรารักกัน” ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม นี้ หวังให้ผู้ประกันตน ม33 ได้รับสิทธิอย่างทั่วถึง

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยมติคณะรัฐมนตรีรับทราบการปรับปรุงโครงการ ‘ม33 เรารักกัน’ โดยขยายระยะเวลายืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิรับวงเงิน 4,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (G-wallet) ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 โดยกลุ่มผู้ลงทะเบียนรอบแรกที่ผ่านการคัดกรอง กดใช้งานและยืนยันตัวตน ใน 3 ช่วงเวลานี้ คือ

1.) ระหว่างวันที่ 15 - 21มีนาคม 2564 ได้รับวงเงิน 1,000 บาท/สัปดาห์ ระยะเวลา 4 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน (22,29 มีนาคม 5 และ 12 เมษายน 2564)

2.) ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 11 เมษายน 2564 ได้รับวงเงินครั้งแรกในวันที่กดใช้งานฯ เป็นยอดวงเงินสะสม จนถึงวันที่กดใช้งานฯ และรับวงเงินสัปดาห์ละ 1,000 บาท จนครบ 4,000 บาท เช่น ยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์วันที่ 29 มีนาคม 2564 จะได้รับวงเงินครั้งแรกวันที่ 29 มีนาคม 2564 จำนวน 2,000 บาท (วงเงินสะสมของสัปดาห์แรก คือ 22 มีนาคม 2564 จำนวน 1,000 บาท และสัปดาห์ที่ 2 วันที่ 29 มีนาคม 2564 จำนวน 1,000 บาท) จากนั้นจะได้รับวงเงินสัปดาห์ละ 1,000 บาท ในวันที่ 5 และ 12 เมษายน 2564

3.) ระหว่างวันที่ 12 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่กดใช้งานฯ ครั้งเดียว จำนวน 4,000 บาท

สำหรับกลุ่มผู้ขอทบทวนสิทธิและผ่านการคัดกรองเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ สามารถยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2564 ยืนยันเพื่อรับสิทธิ์ระหว่างวันที่ 5 - 11 เมษายน2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่ 12 เมษายน 2564 จำนวน 4,000 บาท และหากยืนยันระหว่างวันที่ 12 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่กดใช้งานฯ จำนวน 4,000 บาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายระยะเวลายืนยันตัวตนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 หวังให้ผู้ประกันตน ม 33 ได้รับสิทธิรับสิทธิรับวงเงิน 4,000 บาท อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับโครงการเราชนะที่ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการยืนยันตัวตน

ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เร่งเข้าร่วมยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด ซึ่งภายหลังการปิดลงทะเบียนเมื่อ 7 มี.ค. เวลา 23.00 น สรุปข้อมูลโครงการ ม33 เรารักกัน ผู้สมัครสำเร็จมีจำนวนทั้งสิ้น 8,208,286 คน

นายกรัฐมนตรี ลั่นไม่ขอก้าวล่วง ชี้ ! เป็นอำนาจศาลพิจารณาปล่อยตัวแกนนำชุมนุมผิด ม.112

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำผิดตามมาตรา 112 ว่า ต้องไปดูข้อกฎหมาย ซึ่งเมื่อกระทำความผิดก็ต้องต่อสู้คดี และรัฐบาลจะดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ ต้องนึกถึงว่าหากเป็นรัฐบาล เป็นศาล หรือเป็นเจ้าหน้าที่เอง คิดว่าจะทำได้หรือไม่ และต้องนึกถึงคดีอื่นๆ ด้วยว่าทำได้หรือไม่ เพราะจะเป็นการทำให้ข้อกฎหมายเสียหายไปทั้งหมด เมื่อกระทำความผิด ก็ต้องต่อสู้คดี รัฐบาลจะดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วจะทำอย่างไรได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คืออย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้น

พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ห้ามการชุมนุม แต่ถ้าชุมนุมแล้วเกิดความรุนแรงเกิดขึ้น และเมื่อศาลพิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายก็เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณา ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ก็เป็นดุลยพินิจของศาลจะพิจารณาเช่นกัน ตนคงไม่สามารถก้าวล่วงได้

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายไปทำร้ายใคร เพราะกฎหมายเป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่จะสามารถละเว้นกฎหมายได้

อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องน่ายินดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมมือวางระเบิดไปป์บอมได้ แต่ไม่ควรตั้งคำถามว่าเป็นการจัดฉากของรัฐบาลหรือไม่ โดยยืนยันว่าไม่มีนโยบายให้ทำเช่นนั้น และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ และไม่กล้าทำอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ที่หลักฐานว่าเป็นใคร ซึ่งคนที่ถูกจับได้ก็ให้การรับสารภาพแล้วว่าเป็นคนทำเอง

สาธุ! ‘พระเทพวิสุทธิกวี’ เมตตาเก็บ ‘ค่าเช่า’ เก็บเพียง 9 บาท ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้เช่าที่ดิน ‘วัดโพธิ์ศรี’ ช่วงโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สิงห์บุรี ว่า พระเทพวิสุทธิกวี (ถาวร อธิวโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เขตพระนคร กทม. รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี มอบหมายให้คณะกรรมการวัดโพธิ์ศรี ประกอบด้วย พล.ท.โกศล มีจุล ประธานฯ , นายสมศักดิ์ ภักดีรักษ์ รองประธานฯ และกรรมการ จัดประชุมผู้ทำธุรกรรมการเช่านา เช่าที่ดินปลูกสร้างบ้าน เช่าที่ดินทำร้านค้าและเช่าที่อยู่อาศัย โดยการทำสัญญาเช่ากับทางวัดโพธิ์ศรี มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 50 คน

สำหรับผลการประชุมสรุปว่า พระเทพวิสุทธิกวี ให้แจ้งแก่ผู้ทำธุรกรรมการเช่าทุกประเภท ว่า ปีนี้วัดโพธิ์ศรี จะยกค่าเช่าให้ ด้วยรับทราบในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ทุกคนลำบากในการประกอบอาชีพ แต่เพื่อเป็นสิริมงคล จึงขอเก็บค่าเช่าทุกประเภทรายละ 9 บาท ทำให้ผู้เช่าหลายคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นที่ปลื้มใจแก่ผู้เช่าที่อย่างยิ่ง ผู้เช่าที่ต่างอวยชัยให้พรในความเมตตาของท่านเจ้าคุณที่ได้เห็นถึงความยากลำบากในการประกอบอาชีพปีนี้ ด้วยโรคระบาดและเศรษฐกิจ ทำให้การเงินฝืดเคืองอย่างมาก เมื่อได้ยินว่าพระเทพวิสุทธิกวี เก็บค่าเช่า 9 บาท ทั้งปลื้มใจและดีใจอย่างบอกไม่ถูก

สำหรับวัดโพธิ์ศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เป็นวัดธรรมยุตนิกาย มีหลวงพ่อนาคเป็นพระปางนาคปรก อายุกว่า 1,000 ปี และมี หลวงพ่อลา อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งพระผู้ใหญ่ในวัดบวรนิเวศฯ จะเดินทางมาดูแลเป็นประจำ และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเคยเสด็จพระราชดำเนิน และ และ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีผูกพัทธสีมาอุโบสถ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2512

นอกจากทรงพระมหากรุณาปิดทองและทรงตัดลูกนิมิตกลางอุโบสถแล้ว ได้เสด็จออกหน้าอุโบสถ แล้วโปรดเสด็จตัดลูกนิมิตทั้ง 8 โดยมีพระสังฆราชฯ เป็นผู้สวดนิมิต นับว่าเป็นวัดแรกในรัชกาลที่ทรงตัดนิมิตทั้ง 9 ลูก รอบพระอุโบสถเป็นวัดแรก และในกาลต่อมา พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ประดิษฐานที่หน้าบัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวจังหวัดสิงห์บุรียิ่งนัก


ที่มา : https://www.naewna.com/likesara/557841


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top