Friday, 20 June 2025
NEWS FEED

"ทิพานัน" ซัด “พรรคการเมือง - ม็อบ” โหนกระแส ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ ห่วง ชาวบางกลอย เป็นเหยื่อการเมือง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวแกนนำกลุ่มราษฎรบางคน ระดมเงินและสิ่งของเพื่อสนับสนุนการชุมนุมของชาวบางกลอย ที่ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขข้อพิพาทชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่า เป็นห่วงว่าชาวบางกลอย จะตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ทั้งที่มีเจตนารมณ์บริสุทธิ์ เพราะขณะนี้กลุ่มต่างๆพยายามยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยความปรารถนาดี หรือประสงค์ร้าย หรือต้องการโหนกระแส จะช่วยแก้ปัญหาแต่ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง จึงขอวิงวอนให้พรรคการเมือง กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่าฉวยโอกาสเอาความทุกข์ของชาวบ้านมาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเพื่อเป้าหมายของตนเองอย่างไร้มนุษยธรรม แทรกแซงกระบวนการการแก้ไขปัญหาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่กำลังเจรจาหาทางออก

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า "ในระหว่างที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาหาข้อสรุป บางพรรคการเมืองไม่ควรใช้เป็นประเด็นหาประโยชน์ให้พรรคตนเอง เหมือนหวังดีแต่ประสงค์ร้าย ขอให้หยุดการแทรกแซงที่มีแต่จะชักใบให้เรือเสีย และตนเชื่อว่าทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯพยายามหาทางออกเรื่องนี้ ให้คนอยู่ได้และป่าอนุรักษ์ก็อยู่ได้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 43 (2) ที่ให้บุคคลและชุมชนมีสิทธิทั้งใช้ประโยชน์ และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้สมดุลและยั่งยืน และกลุ่มชาติพันธุ์ได้ทำหน้าที่ในการร่วมมือและสนับสนุนการอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งมรดกทางวัฒนธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 50(8)"

"เข้าใจว่าในสถานการณ์ที่แกนนำม็อบถูกจับกุมตัว แกนนำแถว 1-2-3 ทยอยถูกดำเนินคดี ทำให้ม็อบเริ่มฝ่อ แต่ฝ่ายการเมืองไม่ควรฉวยโอกาส ผลักดันประเด็นปัญหาของชาวบางกลอยขึ้นมาแทนที่ หวังเป็นอีแอบให้ชาวบ้านบางกลอยออกหน้าให้กับพรรคการเมืองอย่างใจดำอำมหิต" น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า "ที่ผ่านมากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านโป่งลึก - บางกลอยได้รับการจัดสรรที่ดินครอบครัวละ 7 ไร่ 3 งาน มีผู้ถือครองที่ดินจำนวน 260 ราย 337 แปลง คิดเป็นพื้นที่ 1,890 ไร่ และจากการเชิญทูตจาก 10 ประเทศประจำประเทศไทย IUCN ผู้แทนรัฐภาคีสมาชิกในคณะกรรมการมรดกโลก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ก็ได้เห็นการจัดการของเจ้าหน้าที่ การทำงาน และความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ ทุกประเทศความพอใจการทำงานและชื่นชมในความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติของพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 59 คน ที่แสดงเจตจำนงที่จะทำไร่หมุนเวียนที่บริเวณบางกลอยบน ทั้งหมด 36 ครัวเรือนๆละ 15 ไร่ หมุนเวียนเป็นระยะเวลา 10 ปี ไม่ซ้ำที่เดิม และสามารถเลือกทำบริเวณใดก็ได้ ถือเป็นข้อเรียกร้องที่ต้องพิจารณา เพื่อสร้างสมดุลระหว่างสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์กับการคุ้มครองและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกอาเซียนตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยมรดกโลกด้วย"

เมื่อวานนี้ จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีนำสเปรย์แอลกฮอล์ฉีดใส่ผู้สื่อข่าว จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล โดยล่าสุดนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปรารภกับคนใกล้ชิดถึงกรณีการนำสเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดใส่ผู้สื่อข่าว ว่า “แค่จะเล่นกับสื่อ เป็นเรื่องจนได้”

เรื่องนี้ นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์แฟนเพจเฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า รู้จักใช้มือนึงยกแมสขึ้นปิดจมูกปกป้องตัวเอง แต่ใช้อีกมือยกสเปรย์ฉีดพ่นใส่หน้าคนอื่น #นายกเฮงซวย

ล่าสุด ส.ส. ผู้นี้ ยังระบุว่า เขาจะไม่หยอกด้วยการขู่จะทุ่มโพเดี้ยมใส่ ไม่ล้อเล่นด้วยการปาเปลือกกล้วย ไม่ยกแมสปิดจมูกตัวเอง แล้วฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่หน้าผู้อื่น เพื่อนพี่น้องผู้สื่อข่าวที่รักทุกท่าน ถ้าผลโหวตวันนั้นธนาธรได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาจะเรียกพวกท่านด้วยสรรพนามพวกท่าน หรือพวกคุณ ไม่ใช่ “พวกเธอ”


ที่มา: https://www.naewna.com/politic/558309

นอกจากไวรัสโคโรน่าจะสร้างวิกฤติต่อภาคธุรกิจบางกลุ่ม แต่ในธุรกิจบางกลุ่มก็สามารถเติบโตขึ้นมาได้ โดยเฉพาะกับธุรกิจบริการด้านอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถเข้ามาช่วยลดขั้นตอนในการสื่อสารระหว่างองค์กรและยังช่วยให้การดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จรวดเร็วมากขึ้น

ควบคู่ไปกับการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า

นายอเล็กซ์ โลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYMC กล่าวว่า ในโลกปัจจุบันหลายองค์กรมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพัฒนากระบวนการต่างๆ ในธุรกิจ (Digital Transformation) และมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วตลอดจนสร้างผลกำไรในระยะยาว ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตชั้นนำ จึงมีนโยบายที่จะนำระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Services เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายหลัก และนำเสนอประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าของ SYMC ได้ในอนาคต

โดยสิ่งที่เริ่มต้นไปแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ คือการผนึกกำลังกับ บริษัท ครีเดน เอเชีย จำกัด พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพิสูจน์และยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) และบริการลงลายมือชื่อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึงบริการในรูปแบบดิจิทัลได้ด้วยความรวดเร็ว ปลอดภัย ลดขั้นตอนในการติดต่อสื่อสาร แต่ยังสามารถใช้บริการสำคัญได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเวลาและสถานที่ อันสอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าและวิวัฒนาการของการดำเนินธุรกิจที่ได้ปรับเปลี่ยนไปภายหลังวิกฤตการณ์โควิด-19

"ในอนาคตยังมีแผนจะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้บริการด้าน e-Service อื่นๆ ให้ครบวงจร อาทิ การออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ที่ปรับรูปแบบจากกระดาษเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรองรับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เป็นอย่างดี มีความน่าเชื่อถือ ลดปัญหาการจัดการข้อมูลหรือเอกสารในรูปแบบกระดาษ สามารถนำข้อมูลไปใช้ประมวลผลในระบบสารสนเทศ เพื่อทำให้ธุรกิจลูกค้าสามารถเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวเท่าทันยุคสมัยที่เปลี่ยนไป"    นายอเล็กซ์ กล่าว

ด้าน นายสุวัฒน์ เจษฎางษ์กุล หัวหน้าสายงานธุรกิจใหม่และกลยุทธ์ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า e-Services จะเป็นเป้าหมายทางธุรกิจใหม่ที่เข้ามาสร้างโอกาสสำคัญให้กับบริษัท จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าที่มีอยู่พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการนำดิจิทัลสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการอำนวยความสะดวก ที่สำคัญคือลดต้นทุนในการบริหารงาน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยาวแบบเห็นผลได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ SYMC จึงได้ขยายแผนธุรกิจที่เน้น Digital Transformation ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ธุรกิจของลูกค้า และเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันได้เป็นอย่างดี

"ขณะนี้บริษัทได้เริ่มนำเสนอบริการ e-KYC และ e-Signature ให้กับหลากหลายธุรกิจแล้ว โดยแต่ละกลุ่มธุรกิจสามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริการของตัวเองที่ต่างกันไป อาทิ ธุรกิจโรงแรมและธนาคาร ลูกค้าสามารถลงทะเบียนจองคิวเพื่อรับบริการในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้ล่วงหน้า เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่ให้บริการนั้น ๆ เพียงแค่ยืนยันตัวตนและถ่ายภาพผ่านแพลตฟอร์ม e-KYC ก็สามารถเข้าใช้บริการได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาในการรอคิว หากเข้าใช้บริการในครั้งถัดไป เพียงแค่ถ่ายภาพและเข้ารับบริการได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องทำการยืนยันตัวตนหรือแสดงบัตรประจำตัวประชาชนให้เกิดความยุ่งยาก ส่วนธุรกิจโรงพยาบาล แพทย์สามารถลงนามในใบรับรองแพทย์ได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา เพื่อนำส่งเอกสารส่งไปยังแผนกอื่น ๆ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนได้ต่อไปอย่างรวดเร็วแม้แต่การเคลมประกัน เพราะมีการเชื่อมต่อ API ระหว่างบริษัทประกันและโรงพยาบาล

นอกจากนี้ ยังมองไปถึงกลุ่มธุรกิจที่จะเกิดประโยชน์จากการใช้บริการ e-Services เพื่อตอบโจทย์การบริหารงาน ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) ที่ช่วยตอบสนองการทำงานในองค์กรที่เน้นความคล่องตัว สามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ กลุ่มธุรกิจที่มีเครือข่ายอยู่คนละประเทศ ที่ต้องมีการส่งเอกสารหรือยืนยันเอกสารสำคัญกันระหว่างประเทศ จนถึงกลุ่มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ (e-Commerce) ก็ได้ประโยชน์โดยตรงจากบริการเหล่านี้เช่นเดียวกัน"

ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูลได้อย่างแน่นอน โดย e-KYC มีเทคโนโลยี Face Verification และ Artificial Intelligence (AI) ในการตรวจสอบใบหน้าและข้อมูลบัตรประชาชนกับกรมการปกครองผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่รวดเร็ว และยังเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ส่วนบริการ e-Signature ที่ทำให้เซ็นเอกสารธุรกรรมออนไลน์ผ่านอุปกรณ์ที่รองรับได้ทุกรูปแบบ

ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์พีซี โดยข้อมูลมีความปลอดภัยสูงจากการตรวจสอบของเทคโนโลยีบล็อคเชน (Blockchain) เอกสารดิจิทัลมีการประทับเวลาบันทึกตามมาตรฐาน e-Stamping ของ TEDA หรือ Trusted Electronic Document and Authentication จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) หรือเซิร์ฟเวอร์ (Server) สามารถเรียกดูและตรวจสอบได้ตลอดเวลา

สำหรับองค์กรธุรกิจที่สนใจในบริการทางด้าน e-Services ที่ครบวงจรสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่โทร. 02-101-1111 หรือ e-mail : [email protected]

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงชัด ๆ การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษเป็นการให้สิทธิในการ สำรวจแร่ในพื้นที่ที่กำหนด ไม่ใช่เป็นการอนุญาตหรือการให้สิทธิในการครอบครองพื้นที่ หากเจ้าของพื้นที่ไม่ยินยอม ก็ไม่สามารถเข้าทำการสำรวจแร่ในพื้นที่ดังกล่าวได้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากที่ปรากฎข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์กรณีตัวแทนกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำต่อนายกรัฐมนตรี ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในวันนี้ (11 มี.ค. 2564) ขอชี้แจงว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจและให้ความสำคัญกับการร้องเรียนประเด็นต่าง ๆ

มาโดยตลอดโดยได้มอบหมายให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นร้องเรียนของกลุ่มประชาสังคมฯ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมโดยตรงกรณีบริษัทเหมืองทองคำ ได้รับอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ ทับลงบนที่ดิน ส.ป.ก. และได้มีการกล่าวว่า จากพยานหลักฐานพบว่า บริษัทเหมืองทองคำได้สิทธิเหนือที่ดิน ส.ป.ก. และ ระบุที่ดิน ส.ป.ก. เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศไปนานแล้วนั้น

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ได้รายงานมาแล้วว่า การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) จำนวน 44 แปลง ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นการอนุญาตตามคำขอเดิมที่บริษัท อัคราฯ ได้ยื่นไว้ตั้งแต่ปี 2546 และ 2548 ต่อมาบริษัท อัคราฯ ได้มีการดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 และกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ พ.ศ. 2560 อย่างครบถ้วน คณะกรรมการแร่จึงได้มีการพิจารณาคำขออาชญาบัตรพิเศษดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมายโดยคำนึงถึงดุลยภาพทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนด้วยความรอบคอบก่อนมีมติให้ความเห็นชอบอนุญาต เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563

“ขอชี้แจงว่า การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจแร่เป็นการให้สิทธิในการสำรวจแร่ในพื้นที่ ที่กำหนด ไม่ใช่เป็นการอนุญาตหรือการให้สิทธิในการครอบครองพื้นที่ ดังนั้น การเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจแร่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ก่อน หากเจ้าของพื้นที่ไม่ยินยอมให้เข้าสำรวจแร่ ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษก็ไม่สามารถเข้าทำการสำรวจแร่ในพื้นที่ดังกล่าวได้ และผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย อีกทั้งในปัจจุบัน ส.ป.ก. ยังไม่มีกฎระเบียบที่จะอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อการสำรวจและทำเหมืองแร่ในพื้นที่ ส.ป.ก.ให้แก่ผู้ประกอบการรายใหม่ ที่ยังไม่เคยได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ ส.ป.ก. มาก่อนด้วย” นายสุริยะ กล่าว

สำหรับประเด็นที่ตัวแทนกลุ่มประชาสังคมฯ ได้กล่าวอ้างถึง บริษัทเหมืองทองคำระบุที่ดิน ส.ป.ก. เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้น จากการตรวจสอบรายงานประจำไตรมาสของบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท อัคราฯ ยังไม่พบข้อความที่ระบุว่ามีสิทธิเหนือที่ดิน ส.ป.ก. แต่อย่างใด เพียงแต่ระบุว่าได้รับอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ 44 แปลง

ซึ่งระบุว่าอาชญาบัตรพิเศษดังกล่าวมีเงื่อนไขว่าจะต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ด้วย ซึ่งข้อความดังกล่าวสอดคล้องกับเงื่อนไขในการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ คือ การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษไม่ได้เป็นการผูกพันว่าทางราชการจะต้องอนุญาตให้ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษได้ใช้พื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลของบริษัท คิงส์เกตฯ ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายของไทยแต่อย่างใด

“นอกจากนี้ การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ ก็ไม่เป็นการผูกพันว่าทางราชการที่รับผิดชอบพื้นที่ จะต้องอนุญาตให้ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษนี้เข้าใช้พื้นที่ในการสำรวจดังกล่าวด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวย้ำ

‘แรมโบ้อีสาน’ เปลี่ยนชื่อใหม่จาก ‘สุภรณ์’ เป็น ‘เสกสกล’ เรียบร้อย วอนต่อไปขอให้เรียก ‘ดร.เสกสกล’ เผยพระเกจิอยุธยาตั้งให้ มีความหมายว่า ‘ผู้บันดาลให้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์มั่นคง’

เมื่อวันที่ 10 มี.ค.64 ที่ผ่านมา นายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งในไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าวว่า ข่าวด่วนมาแรงจ้า ‘ดร.แรมโบ้’ เปลี่ยนชื่อ จาก ‘สุภรณ์’ เป็น ‘เสกสกล’ ต่อไปต้องเรียก ‘ดร.เสกสกล’ มีความหมายว่า ‘ผู้บันดาลให้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์มั่นคง’

โดยหลวงพ่อพระเกจิอาจารย์ที่ดร.แรมโบ้นับถือมายาวนาน ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดท่านหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ตั้งชื่อใหม่ให้ในครั้งนี้ หวังว่า มีชื่อใหม่แล้ว จะมีแต่ความเป็นศิริมงคลในชีวิต มีผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลเมตตา มีอนาคตในหน้าที่ทางการเมืองจะประสพความสำเร็จก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 มี.ค. 64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ติดบัตรประจำตัวใบใหม่ให้กับเสกสกล พร้อมสอบถามความหมายของชื่อ และให้กำลังใจ ให้คิดดีทำดี ตั้งใจทำความดีเพื่อบ้านเมือง ที่ผ่านมานายกฯให้โอกาสทุกคนพิสูจน์ความตั้งใจในการทำงาน อย่าไปทำอะไรให้มีปัญหาต่อชาติบ้านเมือง สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับประเทศชาติและประชาชน

SMS ขยะหลอกได้รับสิทธิเงินกู้ระบาดหนัก ‘หมอแล็บแพนด้า’ เตือนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพเด็ดขาด

ระบาดหนักขึ้นทุกวัน สำหรับมิจฉาชีพที่ส่งข้อความ หรือ SMS ขยะ ลวงเหยื่อให้กดเข้าไปในลิงค์ เพื่อหลอกให้โอนเงิน ล่าสุด เฟซบุ๊ก "หมอแล็บแพนด้า" ได้ออกมาโพสต์เตือนภัย โดยระบุว่า ถ้าใครไปเจอข้อความแบบนี้ อย่ากดเข้าไปเด็ดขาดนะครับ มันคือมิจฉาชีพ

วิธีการของกลุ่มนี้คือ มันจะให้เราโหลดแอปกู้เงิน แล้วจะมีพนักงานไลน์มาคุยกับเรา พอเรากู้เงินผ่าน พนักงานพวกนี้มันจะบอกให้เราต้องโอนค่าค้ำประกันเงินกู้ 10% ของวงเงินกู้เรา สมมติว่าเราจะกู้ 5 แสน เราต้องโอนให้มัน 5 หมื่นถึงจะกู้ได้

พอเราหลงเชื่อโอนไป 10% เสร็จเรียบร้อย มันจะบอกว่าข้อมูลของเราไม่ถูกต้อง ทั้งที่ข้อมูลเราถูกต้องทุกอย่าง จากนั้นไม่นาน มันจะบอกให้เราออกจากระบบแล้วล็อกอินเข้าใช้งานใหม่ เลขบัญชีที่เราเคยกรอกข้อมูลไว้ มันดันเปลี่ยนแปลงไป

แล้วมันก็บอกว่าเราต้องจ่ายค่าแก้ไขข้อมูลให้มันอีก 30% ของวงเงินกู้ ถึงจะถอนเงินกู้ออกมาได้ สุดท้ายบางแอปมันปิดหนีเราไปเลย

บางคนก็จะโดนพวกมันขู่ว่า มันรู้เลขบัญชีเราแล้ว ถึงเราไม่กู้มันจะตัดบัญชีเราอัตโนมัติ 10% ทุกเดือน ถ้าจะยกเลิกสัญญา ต้องเอาบัตรประชาชนไปสำนักงานใหญ่มันเท่านั้น ไม่รู้ว่าสำนักงานมีจริงมั้ยก็ไม่รู้

สรุปคือ อย่าไปกด อย่าไปโหลด อย่าไปให้ข้อมูลอะไรทั้งสิ้น ไม่งั้นชีวิตจะเป็นทุกข์ ฝากบอกต่อๆกันด้วยนะครับ


ที่มา : เพจ หมอแล็บแพนด้า https://www.facebook.com/MTlikesara/photos/a.163769617162564/1624585334414311/

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช ที่พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำรัฐบาล สามารถเอาชนะคู่แข่ง พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของพื้นที่เดิม และเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไปได้

เหตุที่เสาไฟฟ้าล้ม

พรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นเจ้าถิ่นภาคใต้มาก่อน ส่งเสาไฟฟ้าลงยังได้รับเลือกเป็น ส.ส.

แต่นี้ต่อไป คงไม่ใช่แล้ว

เหตุทุกอย่างล้วนเกิดจากสุเทพก้าวข้ามเส้น กระสันอำนาจ หวังเดินทางลัด ล้มเลือกตั้ง อ้างปฏิรูปจนระบบพัง ปล่อยเสือเข้าป่า ให้ทหารแหกค่ายมายึดอำนาจจนติดใจ ตั้งเป็นพรรคพลังประชารัฐ

จนถึงวันนี้ เสือย้อนกลับมากัดพรรคประชาธิปัตย์ จนไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าถิ่นภาคใต้อีก แถมกรุงเทพฯยังสูญพันธุ์เหมือนเดิม ลามไปถึงผู้ว่า กทม. ที่เคยได้เป็นติดต่อกันมาหลายสมัย

หลังจากนี้อย่าได้หวังว่าอะไรจะเหมือนเดิม

เรื่องของเรื่องมาจาก กปปส. โดยแท้ ที่ทำให้เสาไฟฟ้าล้มระเนระนาดอย่างทุกวันนี้

เลือกตั้งครั้งหน้า ขอทำนายไว้ 25 ที่นั่ง หากยังไม่ยกเครื่อง


ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/photos/a.725057480874317/4276380015742028/

ไอเดียเจ๋งสุดใน 3 โลก เมื่อทีมพัฒนาเกาหลีใต้ คิดค้นกระบอกฉีดยารุ่นใหม่ Low Dead Space Syringe (LDS) ของเกาหลีใต้ ที่จะเหลือยาค้างเข็มน้อยมาก ๆ สามารถรีดน้ำวัคซีนจากขวดยาได้หมดจนหยดสุดท้าย ทำให้ได้วัคซีนเพิ่มอีก 1 เข็มฟรี ๆ

หมายความว่า จากปริมาณวัคซีน Covid-19 ที่ระบุจากบริษัท Pfizer ว่า 1 ขวด สามารถแบ่งฉีดได้ 6 เข็ม แต่ถ้าใช้กระบอกฉีดยา LDS ของเกาหลีใต้ จะฉีดได้ถึง 7 เข็ม

และยังสามารถใช้กับวัคซีนจาก AstraZeneca ได้ด้วย จากเดิมที่ระบุว่า 1 ขวดแบ่งฉีดได้ 10 เข็ม แต่ด้วยเข็มฉีดยาสัญชาติเกาหลีใต้ รีดได้เพิ่มเป็น 12 เข็มทีเดียว

ปัญหาเรื่องกระบอกฉีดยากับวัคซีน Pfizer มีข่าวมาสักพักแล้ว เนื่องจาก Pfizer ใส่ปริมาณวัคซีนในขวดยาโดยใช้เกณฑ์ว่าต้องฉีดด้วยกระบอกฉีดยารุ่นใหม่ที่เรียกว่า Low Dead Space Syringe จึงจะแบ่งฉีดได้ 6 เข็มต่อขวด แต่ถ้าใช้กระบอกฉีดยารุ่นเก่าจะสามารถดึงวัคซีนออกมาได้เพียง 5 เข็มเท่านั้น

และหลายประเทศก็กำลังเจอปัญหาการขาดแคลนกระบอกฉีดยารุ่นพิเศษ อย่างในญี่ปุ่น เยอรมัน และอีกหลายประเทศในยุโรป ที่อาจทำให้ต้องหันไปใช้เข็มฉีดยารุ่นธรรมดา และต้องเหลือวัคซีนค้างขวดทิ้งอย่างน่าเสียดาย

เกาหลีใต้จึงแก้ปัญหาด้วยการเร่งพัฒนากระบอกฉีดยา LDS ของตัวเองแถมมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเดิม ที่จะช่วยลดปริมาณยาค้างเข็มน้อยกว่าเดิม จนสามารถรีดวัคซีนเพิ่มได้อีกเข็ม

แต่ทั้งนี้ก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคน ออกมาให้ความเห็นทั้ง 2 ด้าน ซึ่งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมองว่าการพยายามแบ่งวัคซีนเพิ่มจากปริมาณที่ทางบริษัทผู้ผลิตระบุไว้อาจมีผลต่อวัคซีนแต่ละเข็มว่าจะได้ตามปริมาตรที่ควรจะเป็นหรือไม่

แต่ทว่า ศูนย์การแพทย์แห่งชาติของเกาหลีใต้ออกมายืนยันว่าทำได้แน่ และปลอดภัยด้วย เพียงแต่การรีดวัคซีนจากขวดให้ได้จำนวนเข็มที่เพิ่มขึ้น ต้องใช้ความใจเย็น และใช้เวลามากกว่าเดิม แต่ก็ได้มอบหมายให้พยาบาลผู้เชี่ยวชาญถึง 2 คน ทำหน้าที่บรรจุวัคซีนลงในเข็มโดยเฉพาะแล้ว

ส่วนหน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ หรือ KCDC ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ไม่ได้ออกมาเป็นกฏเกณฑ์มาตรฐานอย่างเป็นทางการ แต่ก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าไม่ได้ห้าม

หากการรีดวัคซีนเข็มพิเศษสามารถทำได้จริง ก็จะทำให้เกาหลีใต้มีวัคซีนเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวนไม่น้อย สมมติว่าเกาหลีใต้ได้วัคซีน Pfizer มาจำนวน 10,000 ขวด ที่ระบุว่าแบ่งได้ 60,000 เข็ม 1 คนต้องฉีดวัคซีน 2 เข็ม จะสามารถฉีดได้ 30,000 คน แต่ถ้าใช้กระบอกฉีดยาของเกาหลีใต้ จะแบ่งได้ถึง 70,000 เข็ม ทำให้ฉีดได้เพิ่มถึง 5,000 คนทีเดียว และจะเพิ่มจำนวนผู้รับวัคซีนได้มากกว่านี้อีก หากใช้วัคซีนจาก AstraZeneca

ไอเดียนี้บริษัทผู้ผลิตวัคซีนอาจไม่ปลื้มเท่าไหร่ แต่สำหรับชาวเกาหลีใต้ บอกได้คำเดียวว่ากำไรเห็นๆ


อ้างอิง:

https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/south-korean-hospitals-extract-extra-covid-19-vaccine-doses-from-vials

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/south-korea-hospitals-extract-extra-covid-19-vaccine-doses-vials-14375734

https://www.dailysabah.com/world/asia-pacific/skorea-allows-doctors-to-extract-more-doses-from-covid-19-vials

สวทช. เผยผลงานวิจัย ‘เนื้อไก่จากโปรตีนพืช’ พร้อมเตรียมจัดงาน NAC2021 เสิร์ฟงานวิจัย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ครั้งแรก! บนแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มรูปแบบ 25 - 30 มีนาคมนี้

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กำลังจะมีการจัดงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 16 (16th NSTDA Annual Conference: NAC2021) ภายใต้แนวคิด ‘30 ปี สวทช. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน’ บนแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มรูปแบบผ่านทางเว็บไซต์ www.nstda.or.th/nac ระหว่างวันที่ 25-30 มีนาคม 2564 เพื่อให้สอดรับกับวิถี New Normal

โดยในงานนี้จะมีทั้งกิจกรรมสัมมนา นิทรรศการ การจัดกิจกรรมเยี่ยมชม Open House การรับสมัครงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี S&T Job Fair และกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน หลังจากที่ได้มีการผลักดันให้ระบบเศรษฐกิจแบบ BCG (Bio-Circular-Green Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว) เป็นวาระแห่งชาติ

อย่างไรก็ตามจากงานแถลงข่าวดังกล่าว ทาง สวทช. ได้นำ 7 ตัวอย่างผลงานวิจัยซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะมีให้ชมในวันจัดงานจริงผ่านระบบออนไลน์มาแสดง

หนึ่งในตัวอย่างงานผลงานวิจัยที่น่าสนใจ คือ ผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อไก่จากโปรตีนพืช (Plant-based chicken meat) พัฒนาขึ้นโดยอาศัยองค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบโครงสร้างของอาหาร และคุณสมบัติของโปรตีน ประกอบกับการใช้สารที่ทำหน้าที่ยึดเกาะ และเส้นใยอาหารที่เหมาะสมในการสร้างเนื้อสัมผัสให้คล้ายคลึงกับเนื้อไก่

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถปั้นขึ้นรูปได้ง่ายภายหลังการปั่นผสม และสามารถนำไปปรุงเป็นเมนูอาหารต่าง ๆ ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการแช่แข็ง เช่น วิธีการทอด ย่าง ผัด หรือ แกง ทำให้ง่ายต่อการผลิตในระดับอุตสาหกรรม และมีต้นทุนการผลิตที่ไม่สูงมากนัก มีเนื้อสัมผัสคล้ายเนื้อไก่

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์มีปริมาณโปรตีนประมาณ 10 - 16% ใยอาหารประมาณ 6 - 10% และไขมันจากพืชที่ปราศจากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลประมาณ 6 - 9% โดยปริมาณสารอาหาร และความนุ่มของผลิตภัณฑ์ฯ ขึ้นอยู่กับปริมาณส่วนผสมที่ใช้ในสูตรที่สามารถปรับได้ตามความต้องการ


ที่มา: https://www.facebook.com/1523107561151019/posts/3496377517157337/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top