Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

อาร์ทีไอ/ไต้หวันนิวส์ รายงาน วันที่ 17 พ.ค.ว่าไต้หวันหลังประกาศเตือนระดับ 3 มาแล้ว 3 วัน ยังพบติดเชื้อรายใหม่ เกินร้อยต่อเนื่อง โดยพบผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่ 335 ราย ในวัน 17 พฤษภาคม

นายโหวโหย่วอี๋ ผู้ว่าการนครนิวไทเป ประกาศเมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.-17 พ.ค. ที่ผ่านมา นครนิวไทเปมีผู้ติดเชื้อสะสม 359 ราย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นวันที่ 15 พ.ค. 74 ราย วันที่ 16 พ.ค. 95 ราย และ 17 พ.ค. 144 ราย โดยเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ใน 9 เขต ซึ่งล้วนเป็นเขตที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น แบ่งเป็นเขตปั่นเฉียว 94 ราย ซานฉง 44 ราย จงเหอ 41 ราย หย่งเหอ 36 ราย ถู่เฉิง 31 ราย ซินจวง 29 ราย หลูโจว 23 รายวัน ซินเตี้ยน 15 ราย และต้านสุ่ย 10 ราย

ดังนั้นในขณะนี้นิวไทเปควรยกระดับการป้องกันให้สูงกว่าระดับ 3 หรือปรับเป็นระดับ 3 เข้ม หรือ ‘เตรียมเข้าสู่ระดับ 4’ โดยหากพบการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรการป้องกันโควิด-19 จะสั่งปรับในทันที

ทั้งนี้มาตรการควบคุมโควิด-19 ระดับ 3 กำหนดว่า ออกนอกบ้านต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับ 3,000-15,000 เหรียญไต้หวัน สถานประกอบการและสถานที่สาธารณะต้องใช้มาตรการสวมใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคม ร้านอาหารและภัตตาคารให้ใช้ระบบลงทะเบียนยืนยันตัวตน ใช้แผ่นกั้นและจัดที่นั่งโดยเว้นระยะห่างที่เหมาะสม หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับ 3,000-15,000 เหรียญไต้หวัน (TWD) ห้ามจัดกิจกรรมทางศาสนาหรือสถานประกอบการ 8 ประเภทหยุดให้บริการทั้งหมด หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับ 60,000-300,000 เหรียญไต้หวัน

พร้อมกันนี้ผู้ว่าฯ นครนิวไทเปยังได้เรียกร้องให้ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคเร่งหารือเกี่ยวกับการมอบอำนาจให้รัฐบาลท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสินใจในการล็อกดาวน์หรือจัดตั้งมาตรฐานและเงื่อนไขการล็อกดาวน์ให้ชัดเจนกว่านี้

ทั้งนี้ไต้หวัน ใช้ระบบเทคโนโลยี NHI MediCloud System ช่วยในการต่อสู้กับ COVID-19 ระบบนี้ ‘NHI MediCloud System’ ข้อมูลทางการแพทย์ที่กระจัดกระจายอยู่ในโรงพยาบาลและคลินิกต่าง ๆ ในโรงพยาบาลมณฑลและเมืองต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เปิดข้อมูลตลอดเวลา ไม่มีวันหยุดราชการ


ที่มา : https://mgronline.com/china/detail/9640000047705

ญี่ปุ่นมีวัคซีนเต็มมือแต่บริหารจัดการฉีดได้เชื่องช้า จนอาจต้องทิ้งวัคซีนนับหมื่นโดสที่จะหมดอายุในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้

หลายประเทศขาดแคลนวัคซีนโควิด ญี่ปุ่นมีวัคซีนเต็มมือแต่บริหารจัดการฉีดได้เชื่องช้า จนอาจต้องทิ้งวัคซีนนับหมื่นโดสที่จะหมดอายุในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้

วัคซีนโควิดจากไฟเซอร์มากกว่า 28 ล้านโดสได้เดินทางมาถึงญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนเมษายน แต่วัคซีนเหล่านี้ได้ถูกใช้ไปเพียงแค่ 15% โดยวัคซีนอีกเกือบ 24 ล้านโดสยังถูกอยู่ในตู้แช่แข็งอุณหภูมิ -70 องศา และจนถึงขณะนี้ในประเทศญี่ปุ่นมีผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มเพียงแค่ 2% ของประชากรเท่านั้น

ญี่ปุ่นอาจจะต้องทิ้งวัคซีนโควิดนับหมื่นโดสซึ่งเตรียมไว้ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ และจะหมดอายุในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ วัคซีนเหล่านี้ถูกส่งไปให้โรงพยาบาลขนาดใหญ่กว่า 180 แห่ง แต่สามารถฉีดวัคซีนได้เพียงวันละ 1,000 คน ขณะนี้กำลังปรับแผนเพื่อกระจายวัคซีนไปยังโรงพยาบาลขนาดกลางและเล็กกว่า 2,600 แห่ง มิเช่นนั้นอาจต้องทิ้งไปอย่างสูญเปล่า

ญี่ปุ่นสั่งจองวัคซีนโควิดมากกว่า 344 ล้านโดส เหลือเฟือสำหรับประชาชนทุกคน และเป็นประเทศที่มีวัคซีนมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แต่กลับบริหารจัดการฉีดวัคซีนได้ล่าช้าอย่างยิ่ง ถึงแม้จะรัฐบาลได้แต่งตั้งให้นายทาโร โคโนะ เป็นรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องวัคซีนเป็นการเฉพาะ

รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าว่าจะฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ 36 ล้านคนได้ทั้งหมดภายในเดือนกรกฎาคม แต่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้มากถึง 800,000 คนต่อวัน หรือทำความเร็วมากกว่า 2 เท่าของที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในญี่ปุ่น ก่อนที่จะจัดงาน “โตเกียวโอลิมปิก” ในอีกไม่ถึง 100 วันข้างหน้า

ทำไมญี่ปุ่นฉีดวัคซีนล่าช้า ?

ญี่ปุ่นเริ่มฉีดวัคซีนโควิดเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ช้ากว่าในสหรัฐฯ และหลายประเทศ ในช่วงแรก รัฐบาลโทษว่าเป็นเพราะบริษัทไฟเซอร์ ที่ใช้ฐานการผลิตในยุโรปส่งมอบวัคซีนได้ช้า ขณะที่สหรัฐฯ ประกาศว่าจะ “ไม่ปล่อยวัคซีนแม้แต่หยดเดียวออกนอกประเทศ ก่อนที่ชาวอเมริกันจะได้รับวัคซีน”

แต่ขณะนี้บริษัทเร่งผลิตวัคซีนได้จำนวนมาก และการขนส่งก็คล่องตัว แต่ญี่ปุ่นกลับบริหารจัดการฉีดได้ช้าเองจากสาเหตุคือ

1.) ญี่ปุ่นทดสอบวัคซีนซ้ำภายในประเทศ โดยอ้างว่าผลการทดสอบของไฟเซอร์ไม่ได้ครอบคลุมประชากรของญี่ปุ่น ไฟเซอร์ทำการทดสอบวัคซีนในเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ในกลุ่มอาสาสมัครราว 44,000 คนใน 6 ประเทศ และมีชาวเอเชียราว 2,000 คน แต่ญี่ปุ่นใช้เวลาอีกหลายเดือนทำการทดสอบซ้ำกับชาวญี่ปุ่น 160 คน ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าการทดสอบในกลุ่มตัวอย่างจำนวนน้อยแค่นี้ไม่ได้พิสูจน์ถึงความปลอดภัยของวัคซีนได้จริง รังแต่จะเสียเวลาเท่านั้น

2.) อนุมัติใช้วัคซีนล่าช้า แม้ว่ารัฐบาลจะเปิด “ทางด่วน” เพื่ออนุมัติการใช้วัคซีนได้ภายใน 2 เดือน จากปกติที่ต้องใช้เวลานานถึง 1 ปี แต่ขณะนี้ญี่ปุ่นได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์เท่านั้น ส่วนวัคซีนของโมเดิร์นนา และแอสตราเซเนกา ได้ยื่นขออนุมัติใช้ฉุกเฉินมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ผ่านการพิจารณา

3.) ขาดแคลนบุคลากรการแพทย์ กฎหมายของญี่ปุ่นกำหนดให้การฉีดวัคซีนต้องทำโดยแพทย์และพยาบาลเท่านั้น ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด แพทย์และพยาบาลก็มีงานล้นมือ ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลอยู่แล้ว และยังต้องรับภารกิจฉีดวัคซีนอีก

ล่าสุดรัฐบาลได้อนุญาตให้ทันตแพทย์และอดีตพยาบาลที่เกษียณอายุหรือออกจากงานไปแล้วมาช่วยฉีดวัคซีนได้ แต่ก็ยังไม่ได้เรียกร้องกลุ่มคนเหล่านี้

ในสหรัฐฯ และหลายประเทศเปิดทางให้เภสัชกรตามร้านขายยา อาสาสมัครสาธารณสุข หรือผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางการแพทย์เข้ารับการฝึกฝนให้ฉีดวัคซีนได้ แต่เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ในญี่ปุ่น

4.) ไม่มีวัคซีนของตัวเอง ญี่ปุ่นพึ่งพาวัคซีนต่างชาติ และยังตั้งกฎเกณฑ์มากมายในการอนุมัติใช้งานทั้งที่เป็นช่วงเวลาฉุกเฉิน ถึงแม้ญี่ปุ่นจะทุ่มเงินสั่งจองวัคซีนจำนวนมาก แต่การยืมจมูกคนอื่นหายใจก็ไม่เท่ากับพึ่งพาตัวเอง

ญี่ปุ่นได้ชื่อว่ามีแผนรับมือภัยพิบัติได้อย่างดีเยี่ยม แต่เมื่อเผชิญกับภัยโรคระบาด แดนอาทิตย์อุทัยถึงกับ “ไปไม่เป็น” ระบบสาธารณสุขและรัฐสวัสดิการที่หลายคนเคยชื่นชมญี่ปุ่น วันนี้กลับไม่สามารถช่วยชีวิตประชาชนของตัวเองได้


ที่มา : https://mgronline.com/japan/photo-gallery/9640000047620

ชงครม.ไฟเขียวลดส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคม 3 เดือน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม โดยให้ลดอัตราเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 จากเดิมฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 2.5% ของค่าจ้างผู้ประกันตน และผู้ประกันตนมาตรา 39 เหลืออัตราเดือนละ 216 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ในงวดเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564 ส่วนงวดเดือนกันยายน 2564 เป็นต้นไป ให้ส่งเงินสมทบอัตราเดิม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประกันตนในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

ทั้งนี้เชื่อว่าการลดเงินครั้งนี้จะช่วยให้นายจ้างและลูกจ้างสามารถนำเงินสมทบที่ลดลงไปใช้จ่ายเพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในระยะเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 20,163 ล้านบาท เป็นการลดปัญหาทางการเงินได้ ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงาน ยังเสนอร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานด้วย

นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทย ยังเสนอร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พร้อมทั้งเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความด้านทาน และความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ส่วนกระทรวงคมนาคม เสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านพรุตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ ตำบลทุ่งลาน และตำบลคลองหลา อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา และกระทรวงการคลัง เสนอขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย

‘เลสเตอร์ ซิตี้’ สร้างปรากฎการณ์บนสังเวียนฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง เมื่อพวกเขาสามารถคว้าถ้วยเอฟเอคัพ มาครองเป็นครั้งแรกใน 137 ปี หลังจากที่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองเป็นครั้งแรกของสโมสร เมื่อปี 2016

‘เลสเตอร์ ซิตี้’ สร้างปรากฎการณ์บนสังเวียนฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง เมื่อพวกเขาสามารถคว้าถ้วยเอฟเอคัพ มาครองเป็นครั้งแรกใน 137 ปี หลังจากที่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองเป็นครั้งแรกของสโมสร เมื่อปี 2016

แน่นอนว่า ความสำเร็จของทีมฉายา ‘จิ้งจอกสยาม’ ส่วนสำคัญเกิดจาก ‘ความมุ่งมั่น และ ตั้งใจ’ ของชายที่ชื่อ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’ ผู้ปลุกปั้นสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ จากทีมธรรมดา กระทั่งกลายมาเป็นทีมชั้นนำของลีก ที่สามารถต่อกรกับสโมสรยักษ์ใหญ่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี

ขอแสดงความยินดีอีกครั้ง กับแชมป์เอฟเอคัพ ของ เลสเตอร์ ซิตี้

"สุทธวรรณ" จี้ "สมศักดิ์" แก้วิกฤตคลัสเตอร์เรือนจำ ปล่อยตัวผู้ต้องขังลดแออัด และต้องได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียม

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมาตรการจัดการกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำทั่วประเทศ ที่ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 6,853 คน ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมในเรือนจำทะลุหมื่นราย ว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ต้องรีบแก้ไขวิกฤตการระบาดในเรือนจำเป็นการด่วน ที่บอกจัดการได้ รับมือไหว อยากถามว่าจัดการได้จริง ๆ ใช่หรือไม่ โดยมาตรการหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ เร่งปล่อยตัวผู้ต้องขัง เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ กรณีผู้ต้องขังที่คดียังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ควรอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว และอาจพิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องขังที่เหลือโทษไม่ถึงสามปีแล้วติดกำไล EM เมื่อได้ออกมาแล้วต้องมีการกักตัวและได้รับการตรวจหาเชื้อ ส่วนการตรวจคัดกรองเชิงรุกยังคงต้องทำอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานอย่างเข้มงวด และแยกตัวมารักษาให้ถูกต้อง

น.ส.สุทธวรรณ กล่าวต่อว่า นายสมศักดิ์ ได้กล่าวไว้ว่า ทุกเรือนจำทั่วประเทศต้องมีการเตรียมความพร้อมทำโรงพยาบาลสนาม และหากเรือนจำใดไม่มีพื้นที่ในการจัดทำโรงพยาบาลสนามก็ให้วางแผนไปใช้พื้นที่ของทัณฑสถานเปิดหรือสถานกักกันนั้น ตนจึงอยากขอให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ที่สำคัญต้องได้มาตรฐานเดียวกับผู้ป่วยภายนอกอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ขอฝากกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนักในภาวะวิกฤต และให้กำลังใจกับผู้ต้องขังที่ได้รับเชื้อรวมถึงเป็นกำลังใจให้ครอบครัวผู้เกี่ยวข้องทุกคนด้วย

“ตอนนี้ทุกภาคส่วนควรเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องรีบดำเนินการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว จะปล่อยให้เกิดปัญหานักโทษล้นเรือนจำ จนติดโควิด-19 กันหมดไม่ได้” น.ส.สุทธวรรณ กล่าว

ผบ.ทสส. ห่วงใยปชช. จากการแพร่ระบาดโควิด-19 คลัสเตอร์หลักสี่ เร่งส่งมอบถุงยังชีพ สนับสนุนรัฐบาล แก้ไขปัญหาในทุกมิติ

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ตามที่ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ จึงได้มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในกองบัญชาการกองทัพไทย เร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 

พล.ต.ภาณุพงศ์ สุวัณณุสส์ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร เป็นผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย มอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ชุด ให้กับสำนักงานเขตหลักสี่เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ในพื้นที่คลัสเตอร์ชุมชน บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมีนายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยเขตหลักสี่ เป็นผู้รับมอบ 

โดยสิ่งของอุปโภค-บริโภคประกอบด้วย เจลแอลกอฮอล์ เครื่องวัดอุณหภูมิ หน้ากากอนามัย และไข่ไก่ ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลาของการกักตัวต่อไป

ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทย ยังคงเคียงข้างพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับความเดือนร้อน โดยจะใช้ทุกศักยภาพที่มีในการดูแลประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมทั้งจะดำเนินการช่วยเหลือในพื้นที่อื่น ๆ อย่างต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลาย

ทบ. สนับสนุนรัฐบาลดูแลพื้นที่แพร่ระบาดแบบเฉพาะกลุ่ม พร้อมส่งรถครัวสนามดูแลประขาชนหลังเทศกาลฮารีรายอ

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกยังคงสนับสนุนรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะโรงพยาบาลสนามกองทัพบกทั้ง 12 แห่งสามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ 1,632 เตียง รวมทั้งโรงพยาบาลสังกัดกองทัพบก ทั้ง 36 แห่งทั่วประเทศสามารถดูแลกำลังพลและครอบครัวได้ระดับหนึ่ง

กองทัพบกยังสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์เข้าปฏิบัติที่โรงพยาบาลสนามผู้สูงอายุบางขุนเทียน และโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 โดยเฉพาะกลุ่ม (Cluster) ใน กทม. 

ทั้งนี้กองทัพบกร่วมกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.) จัดรถครัวสนามพระราชทาน ปรุงอาหารมอบให้ประชาชนในชุมชนคลองเตย ชุมชนดุสิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ควบคู่กับการแจกหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ สร้างการรับรู้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19

ในพื้นที่ต่างจังหวัดครัวสนามออกดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลฮารีรายอของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้ หน่วยทหารได้จัดชุดปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อน ช่วยทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ พร้อมจัดครัวสนามอาหารฮาลาล รถปันสุขนำเครื่องอุปโภคบริโภค และแจกจ่ายผลิตผลการเกษตรจากโครงการทหารพันธุ์ดีให้ประชาชนชาวไทยมุสลิมในหลายพื้นที่

โฆษก กห. ระบุ มีการปรับลดงบประมาณลงต่อเนื่องหลายปีหลังโควิด ยัน พร้อมแจงในสภา ชี้ ภารกิจหลักของทหารป้องกันประเทศ และการช่วยเหลือปชช. ในทุกเหตุภัย 

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึง กรณีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ได้ให้ข้อสังเกตถึงงบประมาณประจำปี 65 ที่กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรมากกว่ากระทรวงสาธารณะสุขนั้น กระทรวงกลาโหมพร้อมให้ข้อมูลถึงเหตุผลความจำเป็นตามกระบวนพิจารณาของรัฐสภาที่จะมีขึ้นใน มิ.ย.64  

อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหม มีภารกิจหลักในการป้องกันประเทศและการช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่องที่ผ่านมา โดยเฉพาะสถานการณ์ของโรคระบาดร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นเป็นวงกว้างและเป็นความท้าทายร่วมกันของทุกฝ่ายที่ต้องหันหน้าช่วยเหลือกัน ซึ่งกระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ได้ตระหนักถึงภาระงบประมาณของรัฐบาล ที่จำเป็นต้องนำไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และเยียวยาช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบที่เกิดขึ้น 

“กระทรวงกลาโหม ได้มีส่วนร่วมพิจารณาปรับลดงบประมาณในภาพรวมของทุกเหล่าทัพลงกว่า 18,000 ล้านบาทในปี 63 และในปี 64 กระทรวงกลาโหมก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงกว่าปี 63 จำนวนกว่า 17,200 ล้านบาท ต่อเนื่องมาถึง ปี 65 ทั้งนี้ แต่ละกระทรวงก็มีภารกิจที่แตกต่างกัน และ กระทรวงกลาโหม ขอยืนยันถึงความพร้อมในทุกภารกิจเพื่อประชาชน จึงไม่อยากให้นำงบประมาณของแต่ละกระทรวงไปเปรียบเทียบกัน” พล.ท.คงชีพ กล่าว   

รมว.จุติ ผนึก คณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ ร่วมโครงการ “ตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 โดยใช้สุนัขดมกลิ่น” สร้างอาสาสมัครตรวจคัดกรองโควิด ผู้ป่วยติดเตียงในชุมชน

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เตรียมส่งอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เข้าร่วมโครงการ “ตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 โดยใช้สุนัขดมกลิ่น” ซึ่งอบรมโดยคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า มีความแม่นยำในการตรวจหาเชื้ออยู่ในระดับสูง และมีความปลอดภัยสูง

ศ.สพ.ญ.ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการนำศักยภาพของสุนัขที่มีความสามารถในการดมกลิ่นดีกว่าคนถึง 50 เท่ามาใช้ในการดมกลิ่นเหงื่อของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่มีการเจือปนของเชื้อไวรัส โดยนำสำลีและถุงเท้ามาใส่กระป๋องเพื่อให้สุนัขดมกลิ่น เมื่อสุนัขได้กลิ่นก็จะนั่งลงเพื่อบอกว่าคน ๆ นั้นติดเชื้อ

ที่ผ่านมาได้ทำการฝึกสุนัข พันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ 6 ตัว พบว่ามีความแม่นยำในการพบผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการสูงถึง 94.8% ซึ่งนับเป็นต้นแบบในการฝึกสุนัขเพื่องานทางการแพทย์ชุดแรก และถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกในไทย ในการฝึกฝูงสุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อเสริมปฏิบัติการคัดกรองปกติ เนื่องจากการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยอุปกรณ์วัดอุณหภูมิแบบต่าง ๆ เป็นวิธีการคัดกรองเบื้องต้น และได้ผลสำหรับผู้ที่ติดเชื้อและแสดงอาการแล้วเท่านั้น ส่วนผู้ที่ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการ เครื่องมือเหล่านี้ยังไม่สามารถตรวจพบได้ แต่สุนัขที่ได้รับการฝึกมาแล้วสามารถทำสิ่งนี้ได้

นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. มีเป้าหมายที่จะฝึกอบรมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ให้ครบทุกเขต อย่างน้อยเขตละ 2 คน รวม 100 คน โดยแบ่งการอบรมเป็นรุ่น ๆ ละ 15 คน เพื่อเป็นกลไกในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถออกมาตรวจคัดกรองจากนอกชุมชนได้

ทบ.เข้มชายแดน สั่งสกัดแรงงานต่างด้าวลอบเข้าไทย ระดมเฝ้าตลอด 24 ชม.

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิง จุฑาทิพย์ วุฒิรณฤทธิ์ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า จากการปฏิบัติภารกิจอย่างเข้มข้นตลอดแนวชายแดนของกองกำลังชายแดนทบ. ทุกพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่ตะวันตก, เหนือ และตะวันออก ล่าสุดระหว่างวันที่ 7-16 พ.ค. 64 กองกำลังป้องกันชายแดน สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 455 คน เป็นชาวกัมพูชา 68 คน เมียนมา 328 คน ลาว 19 คน จีน 7 คน อินโดนีเซีย 1 คน ไทย 67 คน รวมถึงผู้นำพาชาวไทย 16 คน ผู้นำพาชาวเมียนมา 3 คน โดยในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังสุรสีห์ลาดตะเวนเส้นทางและได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ส่งผลให้เมื่อ 12 พ.ค.64 สามารถจับกุมแรงงานชาวเมียนมาได้ 102 ราย บริเวณพื้นที่เส้นทางธรรมชาติ จ.กาญจนบุรี และพื้นที่ภาคตะวันออก จ.สระแก้ว ในวันที่ 13 พ.ค.64 จับกุมแรงงานชาวกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศผ่านผู้นำพา จำนวน 23 ราย

พ.ต.หญิง จุฑาทิพย์ กล่าวว่า โดยการปฏิบัติของกองกำลังชายแดนทบ.ในขณะนี้ นอกจากการตรวจสกัดเข้มบริเวณแนวชายแดน เพื่อสร้างความมั่นใจในการควบคุมสูงสุด ยังคงร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังในพื้นที่ตอนใน ด้วยมาตรการเฝ้าตรวจและคัดกรองไม่ให้แรงงานต่างด้าวสามารถลักลอบเข้ามาได้ ตลอดจนเข้าพูดคุยกับผู้ประกอบการขอความร่วมมือการจ้างงาน ผ่านการลงทะเบียนแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นการช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ COVID-19 ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นไปตามความห่วงใยของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในการระดมกำลังพล ทรัพยากรที่มีของทบ.เข้าช่วยเหลือประชาชนจากภาวะการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันให้ยึดมาตรการ “พิทักษ์พล” โดยเฉพาะกองกำลังป้องกันชายแดนของทบ. ซึ่งขณะนี้ได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรให้กำลังพลด่านหน้าแล้ว 5,946 นาย ตั้งแต่ 9 มี.ค.-16 พ.ค. 64 เพื่อพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เป็นกำลังสำคัญและเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาสต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top