Sunday, 8 June 2025
NEWS FEED

‘คาซัคสถาน’ จัดคอนเสิร์ตกาล่าวัฒนธรรมครั้งแรกในไทย เชื่อมมิตรภาพผ่านศิลปะ ดนตรี และการเต้นรำพื้นบ้าน

เมื่อวันที่ (17 พ.ค.68) คอนเสิร์ตกาล่า 'Kazakhstan: Rhythm of the Steppe' จัดขึ้นอย่างอลังการ ณ หอประชุม Puey Ungphakorn Centenary Hall มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทยและคณะนักเต้นพื้นบ้าน 'Katyusha' ถือเป็นครั้งแรกที่วัฒนธรรมคาซัคสถานได้เผยแพร่ในรูปแบบคอนเสิร์ตอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย

ภายในงานดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมกว่า 500 คน รวมถึงคณะทูต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยมีการแสดงศิลปะพื้นเมืองจากนักเต้นเยาวชนกว่า 200 คน ถ่ายทอดผ่านเครื่องแต่งกายอันวิจิตรงดงาม ดนตรีสดด้วยเครื่องดอมบรา และท่วงท่าการเต้นที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งทุ่งหญ้าคาซัคสถานอย่างลึกซึ้ง

นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังได้ร่วมแสดงระบำพื้นเมืองไทย สร้างภาพสะท้อนแห่งมิตรภาพและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศอย่างงดงาม เอกอัครราชทูตอาร์มัน อีเซตอฟ ได้กล่าวว่าค่ำคืนนี้เป็นการสานสายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนด้วยภาษาศิลปะอันไร้พรมแดน

จุดเด่นของคอนเสิร์ตยังรวมถึงการแสดงชุด 'อัคกู', 'อารูลา' และ 'คารา จอร์กา' จากคณะ 'Katyusha' ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดวัฒนธรรมคาซัคสถานในไทยมายาวนานกว่า 15 ปี ปัจจุบันมีเยาวชนไทยกว่า 500 คนร่วมเรียนรู้การเต้นพื้นเมือง โดยเฉพาะชุดและเครื่องประดับที่ตัดเย็บอย่างประณีตตามขนบชาติพันธุ์วิทยา เป็นอีกหนึ่งสะพานวัฒนธรรมที่งดงามยิ่งระหว่างสองชาติ

ฉะเชิงเทรา-'รองบ่วง' ประธานเปิดงาน การบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ 'เศรษฐกิจ EEC กับ  ทรัมป์ อเมริกันเฟิร์ส'

เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.68)  #ดร.รัฐสภา นพเกตุ #รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดงาน การบรรยายพิเศษในหัวข้อ 'เศรษฐกิจ EEC กับ ทรัมป์ อเมริกันเฟิร์ส' ภายใต้สถาบันสร้างชาติ (NBI) จัดตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์ในการพัฒนาภาวะการนำ ภาวะการบริหาร และภาวะคุณธรรม ให้กับผู้บริหารในภาครัฐ ภาคเอกชน

ณ หอประชุมสมภพภูติโยธิน โรงไฟฟ้าบางปะกง ตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา

โดยการบรรยายในครั้งนี้ มี #ศาสตราจารย์ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ #ประธานสภาการสร้างชาติและประธานหลักสูตรนักบริหารระดับสูงเพื่อสรรสร้างชาติภาคตะวันออก EEC เป็นผู้บรรยายพิเศษ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเข้าร่วมรับฟัง และองค์กร เพื่อนำองค์ความรู้ปรับใช้กับการพัฒนางานในองค์กร จังหวัด และภูมิภาคตะวันออก ต่อไป

(สุรินทร์)ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยม สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 25

เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.68) ที่ มณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ผศ.สุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะฯ ได้ประกอบพิธีวางพวงมาลาเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมและความเสียสละ ของ พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน ณ บริเวณอนุสาวรีย์พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน 

จากนั้นลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์  โดยมี คุณสายธาร กิจคณะ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 และคณะฯ ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ได้ร่วมมอบสิ่งของให้เด็ก ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ค่ายวีรวัฒน์โยธิน 

จากนั้นได้พบปะพูดคุยกับ คุณสายธาร กิจคณะ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 และคณะฯ ณ ห้องประชุม 2 กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฎิบัติงานของสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 ในห้วงที่ผ่านมา


 

‘เปรมชัย กรรณสูต’ ป่วยหนักระบบหายใจ เรือนจำส่งตัวด่วน!..เข้า รพ.ราชทัณฑ์

(20 พ.ค. 68) นายเปรมชัย กรรณสูต หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ถูกส่งตัวด่วนไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังมีอาการทางเดินหายใจผิดปกติและมีโรคประจำตัวหลายโรค ประกอบกับอายุมาก แพทย์จึงพิจารณารับตัวไว้ดูแลอย่างใกล้ชิด

ก่อนหน้านี้ ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในคดีนี้จำนวน 15 ราย แม้จะยื่นขอประกันด้วยหลักทรัพย์รายละ 6-8 แสนบาท โดยให้เหตุผลว่าเป็นคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า นายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี วิศวกรที่ร่วมเป็นผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน มีอาการเครียดและภาวะทางกายซีกซ้ายอ่อนแรง เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลภูมิพลแล้ว ส่วนผู้ต้องขังรายอื่นยังถูกควบคุมตัวภายในเรือนจำภายใต้มาตรการเฝ้าระวังสุขภาพอย่างใกล้ชิด

GDH ขายลิขสิทธิ์ ‘หลานม่า’ ให้ Miramax สตูดิโอดังเตรียมรีเมกเป็นเวอร์ชันฮอลลีวู้ด

เมื่อวันที่ (17 พ.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'มิราแม็กซ์' (Miramax) สตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ระดับโลก ประกาศว่าได้รับลิขสิทธิ์ในการรีเมกภาพยนตร์ 'หลานม่า' พร้อมระบุว่า หลานม่า เป็นภาพยนตร์ที่มีความพิเศษ และล้ำค่าเหมือนอัญมณี ทั้งตลก ลึกซึ้ง และสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน และหวังว่าฉบับรีเมกจะพาครอบครัวหลายรุ่นมารวมตัวกันในโรงภาพยนตร์ได้เหมือนเช่นต้นฉบับจากประเทศไทย ด้าน 'พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ' ผู้กำกับหลานม่า เปิดเผยว่า ตกใจมากที่หนังไปไกลขนาดนี้ แต่มันทำให้รู้ว่าคนทั่วโลกยังมีคุณค่าบางอย่างร่วมกันที่ไม่ต้องมีพรมแดนทางวัฒนธรรมมาขวางกั้น

ภาพยนต์ 'หลานม่า' ภาพยนตร์ไทยซึ่งเคยผ่านเข้ารอบคัดเลือกรางวัลออสการ์ ผลงานของผู้กำกับ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ และสตูดิโอภาพยนตร์ไทย GDH พร้อมได้ทัพนักแสดงมากฝีมือมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวอย่าง บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล , แต๋ว อุษา เสมคำ  โดย 'หลานม่า' ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ไทย โดยการมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม และได้ผ่านเข้าสู่รอบ 15 เรื่องสุดท้าย หลังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและในหลากหลายประเทศทั่วโลก

ภาพยนต์ 'หลานม่า' ยังได้สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดในประเทศเป็นอันดับที่ 11 ด้วยรายได้กว่า 339 ล้านบาท ขณะที่การนำภาพยนตร์ออกฉายในต่างประเทศก็สามารถทำรายได้ไปแล้วมากกว่า 1,600 ล้านบาท  และยังคว้ารางวัลมาได้ในหลากหลายเวทีทั้งในไทยและระดับนานาชาติ อาทิเช่น  รางวัล Audience Award จากเวที New York Asian Film Festival ครั้งที่ 23 และรางวัล Best Picture และ Best Original Screenplay ในงานประกาศรางวัล The 61st Asia Pacific Film Festival ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำความสำเร็จ และความโด่งดังจนถูกซื้อลิขสิทธิ์เพื่อนำไปรีเมกในรูปแบบฉบับของสตูดิโอดังจากฮอลลีวูด

ด่วน แม่ทัพปุ๊ ลงพื้นที่ควบคุมและสั่งการจับกุม 2 เรือประมง อินโดนีเซีย

(20 พ.ค.68) เวลา 10.00 น. พลเรือโทสุวัจ ดอนสกุล ผอ.ศรชล.ภาค 3 เดินทางไปยังท่าเทียบเรือทับละมุ ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เพื่อควบคุมและสั่งการดูแลความเรียบร้อย ในการจับกุมสอบสวนและดำเนินคดี การจับกุมเรือประมงอินโดนีเซีย จำนวน 2 ลำพร้อมผู้ต้องหา 18 คน ที่ลักลอบทำการประมงในน่านน้ำไทย บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของเกาะภูเก็ต ระยะประมาณ 80 ไมล์

ตามที่ได้รับรายงานการจับกุม 2 เรือประมงอินโดนีเซีย พร้อมผู้ต้องหา 18 คน ลักลอบทำการประมงในน่านน้ำไทย ไปก่อนหน้านี้นั้น ชุดปฏิบัติการของ ร.ล.ล่องลม ได้ควบคุมเรือประมงทั้ง 2 ลำกลับเข้าสู่ฝั่ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ที่ท่าเทียบเรือทับละมุ โดยคาดหมายจะเดินทางถึงท่าเรือเวลา 03.00 น ของวันที่ 20 พ.ค.68 แต่เนื่องจากสภาพคลื่นลมแรงและสภาพของเรือประมงที่ถูกจับได้ทั้ง 2 ลำ ทำความเร็วได้น้อย จึงเดินทางมาถึงท่าเรือทับละมุ ช้ากว่ากำหนด โดยเดินทางมาถึงเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 20 พ.ค.68 

จากนั้น เจ้าหน้าที่จัดชุดสหวิชาชีพและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

เหตุด่วน เหตุร้าย ภัยทางทะเล ต้องการความช่วยเหลือทางทะเล โทร  1465 แจ้ง ศรชล.ภาค 3 ตลอด 24 ชั่วโมง
น.อ.พิเชษฐ์ ซองตัน ผอ.กองสารนิเทศ/โฆษก ศรชล.ภาค 3 รายงาน
#ศรชลจวพังงา
#ศคทจวพังงา
#ศรชลภาค3
#สายด่วน1465

ประชันไอเดีย!! สกายฟันทราเวล ชวนนักศึกษาส่งแผนการตลาด ชิงทุนการศึกษาและแพคเกจท่องเที่ยวฟรี

เมื่อวันที่ (19 พ.ค. 68) สกายฟันทราเวลในเครือสายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยวผ่านเว็บไซต์ www.skyfuntravel.com จัดกิจกรรมประกวดแผนการตลาดส่งเสริมการขายแพ็คเกจท่องเที่ยว เชิญชวนนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรีทุกสาขาวิชา ไม่จำกัดสถาบันการศึกษาและชั้นปี รวมทีมตั้งแต่ 4 – 6 คน เข้าร่วมประชันไอเดียเพื่อชิงทุนการศึกษา มูลค่า 10,000 บาท พร้อมแพ็คเกจท่องเที่ยวเส้นทางในฝันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.skyfuntravel.com ระหว่างวันที่ 19 – 30 พฤษภาคม 2568 โดยเลือกแพ็คเกจท่องเที่ยวที่สนใจแบบ "Fun & Easy" ซึ่งเป็นแพ็คเกจที่รวมบัตรโดยสารเครื่องบินและที่พักในราคาสุดคุ้ม พร้อมความยืดหยุ่นในการวางแผนการเดินทางด้วยตนเอง จากนั้นผู้สมัครจะต้องส่งคลิปวิดีโอสั้นเชิงสร้างสรรค์ พร้อมอธิบายจุดเด่นและความน่าสนใจของแพ็คเกจที่เลือก ทีมที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าร่วมเวิร์กชอปร่วมกับผู้บริหารและทีมการตลาดมืออาชีพ เพื่อร่วมกันพัฒนาแผนการตลาดอย่างใกล้ชิด โดยแผนที่ได้รับการคัดเลือกจะถูกนำไปใช้จริงในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568

นายโทนี่ วัณณะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท สกายฟัน จำกัด กล่าวว่า “กิจกรรมนี้นับเป็นโอกาสอันน่าตื่นเต้นสำหรับนิสิตและนักศึกษาที่มีความสนใจในธุรกิจท่องเที่ยว ให้ได้มีส่วนร่วมและสัมผัสประสบการณ์จริงในโลกธุรกิจ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนแนวคิดอย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสกายฟันในการพัฒนา นำเสนอสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มผู้เดินทาง รวมถึงการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่จุดประกายแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยว ผ่านหลากหลายช่องทางเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้เดินทางได้อย่างครอบคลุม”
.
สกาฟันทราเวล นำเสนอแพ็คเกจแบบ Fun & Easy อย่างต่อเนื่อง มากกว่า 200 ตัวเลือก ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ อาทิ Luxury Collection แพ็คเกจที่รวมบัตรโดยสารเครื่องบินชั้นธุรกิจและที่พักระดับ 5 ดาวขึ้นไป Family Collection แพ็คเกจการเดินทางแบบครอบครัวที่มีเด็กเล็กซึ่งรวมถึงบัตรเข้าชมสวนสนุกและกิจกรรมที่น่าสนใจ Japan Explorer แพ็คเกจบัตรโดยสารเครื่องบินและบัตรโดยสารรถไฟในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีช่องทางให้บริการลูกค้าผ่าน Live Chat เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว พร้อมนำเสนอคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางผ่านโซเชียลมีเดีย ภายใต้แนวคิด “เพื่อนเที่ยวคนโปรด” ติดตามข่าวสารและข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมจากสกายฟันได้ที่ Facebook.com/skyfun.travel 

อ.ลิ้ง ฟ้องเพจดัง CSI LA เรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน ปมกล่าวหาเอี่ยวธุรกิจสีเทา ลั่นตรวจสอบเส้นเงินได้

อ.ลิ้ง เอาผิด เพจดัง CSI LA จ่อฟ้อง 10 ล้าน เกรียนคีย์บอร์ดคนละ 1 ล้าน ปมกล่าวหาเอี่ยวธุรกิจสีเทา ยืนยันไม่เคยยุ่งเกี่ยว เส้นทางการเงินสามารถตรวจสอบได้

(20 พ.ค. 68) เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 19 พ.ค. 2568 ที่สภ.เมืองขอนแก่น นายชนะวุธ อุทโท หรือ อ.ลิ้ง อายุ 38 ปี เซียนพระชื่อดัง ที่ร่ำรวยมาจากการขายวัตถุมงคล ‘หลวงปู่มหาศิลา สิริจนฺโท’ และเป็นเจ้าของโรงแรม เดอะกราเซียร์ โฮเต็ล และกรรมการผู้จัดการ บริษัท คชาวุธ 4289 อมูเลท จำกัด พร้อมด้วย นายสุรเชษฐ์ ประสมศรี ทนายความและฝ่ายกฎหมายของบริษัทคชาวุธฯ นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.สันติ เชื้อหมอดู รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองขอนแก่น

หลังถูกเพจเฟซบุ๊กชื่อดังเพจ CSI LA ซึ่งมีผู้ติดตามถึง 1.4 ล้าน โพสต์ภาพและข้อความกล่าวหาว่าไปยุ่งเกี่ยวธุรกิจสีเทา สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับตัวเองและครอบครัว ซึ่งในข้อความระบุว่า “คนกรุงเทพอย่าดูถูกความรวยของวัยรุ่นสร้างตัว อ.ลิ้ง ณ กาฬสินธุ์ ที่บอกว่าซี้กับหนุ่มกรรชัย ที่มีบ้านใหญ่เบิ้มจนคนในซอยนึกว่าพระราชวังปแวไซน์ รถหรูจอดเรียงเหมือนงานมอเตอร์โชว์ ตำนาน อ.ลิ้ง แห่งกาฬสินธุ์: จากติวเตอร์ สู่เจ้าของวังปแวไซน์”

ก่อนจะมาเป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่กว่าศาลากลางจังหวัด อ.ลิ้งเคยเป็นติวเตอร์ (ที่ปิดกิจการไปอย่างเงียบๆ) ต่อด้วยค้าไหมไทย (ที่ขายดีเฉพาะวันเปิดร้าน), ลองขายควายงาม ขายน้ำพริก ปั้นเหรียญ ปั้นภาพ ปั้นฝัน และสุดท้ายปั้นตัวเองข้างหลวงปู่ศิลา กลายเป็นเจ้าพ่อเหรียญสายมู!

ว่ากันว่า เขาไม่ได้ขอพรจากหลวงปู่ แต่มาขอทำเหรียญ แล้ว เหรียญนี้แหละที่หมุนชีวิตจากศูนย์ถึงซุปตาร์จังหวัด! แต่คนในพื้นที่กระซิบว่า เขาไม่ได้เดินเดี่ยว แต่มีเครือข่ายธุรกิจสีเทาครอบคลุมตั้งแต่ร้านทองยันโรงแรม (ที่เพิ่งเทคโอเวอร์มาหมาดๆ)

เงินไม่ได้โอนเข้าชื่อเขา แต่เข้าชื่อญาติบ้าง เมียคนปัจจุบันบ้าง (ที่ตอนนี้กลายเป็นคุณนายโรงแรม)…และทั้งหมดนี้ พึ่งจะ ‘พุ่ง’ รวยขึ้นหลังยุคโควิด ซึ่งหลายคนแค่ประคองตัว แต่เขากับรวยแบบไม่มีที่มาที่ไป”

และยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่มีการโพสต์ในลักษณะกล่าวหาเชื่อมโยงข้อมูลในลักษณะเดียวกันกับเพจดังกล่าวอีก 1 คน ซึ่งในข้อความระบุว่า “# ข่าวจาก วัดไร่ขิง888 สู่ วังน้ำเย็น สารคาม ซักหน่อยคงราม มาขอนแก่นกระทบ อ.ลอลิง แน่ เพราะข้อมูลชี้เร่งกวาดซื้อที่ดินกับโรงแรมไม่เว้นแม้กระทั่งผับบาร์ ร้านอาหาร”

โดยนายชนะวุธ ได้แจ้งความเรียกค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้เยียวยาเป็นเงิน 10 ล้านบาท รวมไปถึงผู้ที่เข้ามาคอมเมนต์ให้เกิดความเข้าใจผิดสร้างความเสียหายให้กับ อ.ลิ้งและครอบครัวอีกรายละ 1 ล้านบาท

นายสุรเชษฐ์ ทนายความและฝ่ายกฎหมายของบริษัทคชาวุธ ฯ กล่าวว่า เพจดังกล่าวนำภาพมาโพสต์ข้อความได้สร้างความเสียหายให้กับ อ.ลิ้ง เป็นอย่างมาก ในฐานะทนายความจึงได้ทำการรวบรวมหลักฐานมอบให้กับทางตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และให้อ.ลิ้ง เข้าแจ้งความเอาผิดเพจดังกล่าว และบุคคลอีก 1 คน ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ พร้อมตั้งทีมทนายความมาร่วมดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินกับทางเพจและตัวบุคคล รายละ 10 ล้านบาท

และจะทำการเอาผิดกับคนที่คอมเมนต์ และ คนที่แชร์สร้างความเสียหายให้กับ อ.ลิ้งและครอบครัวอีกรายละ 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตามขณะนี้ทีมทนายความทำการตรวจสอบโดยดูที่เจตนา หากใครมีเจตนาสร้างความเสียหายชัดเจนก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด

ขณะที่ นายชนะวุธ หรือ อ.ลิ้ง กล่าวว่า เพจเฟซบุ๊กดังกล่าวและคนที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงกับตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะการที่เพจดังกล่าวมีการระบุข้อความสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้ตนเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก

“วันนี้ลูกไม่กล้าที่จะไปโรงเรียนเพราะมีประเด็นนี้เกิดขึ้น และที่เพจดังกล่าวโพสต์นั้นไม่ได้มีการตรวจสอบและไม่รู้ความจริง ยืนยันว่าตนเองไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา ส่วนเส้นทางการเงินก็สามารถตรวจสอบได้ แต่เขาไม่เคยส่งเรื่องถึงหน่วยงาน หรือส่งเรื่องถึงตำรวจให้มาตรวจสอบเส้นทางการเงินของตนเองแต่ก็มาโพสต์ลอยๆโดยไม่มีหลักฐานเพื่อกล่าวหาเช่นนี้ ทำให้ตนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ลูกก็ไปโรงเรียนไม่ได้เพราะถูกคนพูดถึงพ่อในทางที่ไม่ดี เหมือนพ่อเป็นอาชญากร”

นายชนะวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองสู้ชีวิตมาตลอด ค้าขายมาหลายอย่าง จนกระทั่งเข้าสู่วงการพระเครื่อง ช่วงแรก ๆตลาดพระเครื่องไม่บูม การบูชาพระก็ไม่ค่อยดี แต่ในช่วงปี 2567 วงการพระเครื่องบูมมาก ทำให้มีการซื้อขายเช่าบูชาพระเครื่องและวัตถุมงคลเป็นไปด้วยดี ทำให้ตนมีเงินมีทอง มีบ้าน ซึ่งในเรื่องนี้ตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ

คนทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริตจะมีบ้าน มีรถยนต์ได้ ไม่ใช่จะมองว่าคนที่มีบ้านหลังใหญ่ มีรถหลายคันต้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาเท่านั้น ตนไม่เข้าใจว่าเพจดังกล่าวเอาข้อมูลมาจากไหนมาโพสต์สร้างความเสียหายให้ตนเช่นนี้

“ผมพร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ ในการที่จะตรวจสอบที่มาของเงินและรายได้ของตน อีกด้านตนเป็นคนที่เสียภาษีมากเป็นอันดับ 2 ของจังหวัดขอนแก่น และยังต้องผ่อนจ่ายให้สรรพากรทุกเดือน จึงขอยืนยันว่าตนทำอาชีพสุจริต เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์สุริยันต์ ที่มีแต่ทำคุณประโยชน์ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา ซึ่งเมื่อมีเงินก็ต้องการซื้อทรัพย์สิน จึงซื้อกิจการโรงแรมในจังหวัดขอนแก่น 1 แห่ง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะนักธุรกิจจำนวนมากเขาก็ทำกัน

อีกทั้งการที่มีประชาชนบางคนใน จ.ขอนแก่น โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแบบนั้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรโพสต์ เพราะถ้าคับข้องใจอะไรก็ให้มาถาม เพราะการโพสต์เช่นนี้ ทำให้คนเสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากมีการแชร์ มีการคอมเมนต์ต่างๆนานาโดยที่ไม่รู้ความจริงก็คิดเป็นตามที่มีการโพสต์ไปแล้ว

ตนให้ทนายความรวบรวมหลักฐานนำมาแจ้งความกับตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น ให้ดำเนินคดีกับเพจดัง 1 เพจ และคนที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง รวมถึงคนที่คอมเมนต์และแชร์ข้อความที่เกี่ยวข้องทุกคน ขอยืนยันว่าไม่มีการเจรจายอมความโดยเด็ดขาด”

‘ใบเฟิร์น สุทธิยา’ โผล่เคลียร์ภาพคู่ ‘ทิดแย้ม’ ยันไม่มีเอี่ยวคดีวัดไร่ขิง จ่อเอาผิดคนโพสต์มั่ว

(20 พ.ค. 68) ‘ใบเฟิร์น’ สุทธิยา นักร้องลูกทุ่งเสียงหวาน อดีตผู้เข้าแข่งขันไมค์ทองคำ ออกมาเคลียร์ชัดหลังมีภาพคู่โยงกับ ‘ทิดแย้ม’ วัดไร่ขิง ยักยอกเงินวัด 800 กว่าล้านบาท ไปเล่นการพนัน กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ โดยหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าเธอมีความสัมพันธ์กับอดีตพระดัง ซึ่งกำลังตกเป็นข่าวฉาว จนเจ้าตัวต้องรีบโพสต์ชี้แจง ยืนยันไม่มีอะไรเกินเลย และขอให้หยุดโยงชื่อเธอในทางเสียหาย

ใบเฟิร์นระบุในโพสต์ว่า เธอเป็นผู้หญิงในภาพที่ใส่ชุดสีเหลืองเพียงรูปเดียวเท่านั้น ส่วนภาพอื่นไม่ใช่เธอ พร้อมตั้งคำถามกลับถึงเจ้าของโพสต์ว่า มีเจตนาอะไรที่นำภาพไปเผยแพร่แบบนั้น เพราะทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงของเธอ

เจ้าตัวย้ำว่าในวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา เธอเดินทางไปร่วมงานที่วัดไร่ขิงจริง ในฐานะศิลปินลูกทุ่งตัวแทนคนรุ่นใหม่ โดยแต่งกายเรียบร้อย และไม่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมตามที่ถูกกล่าวอ้าง ด้านแฟนคลับก็ออกมาปกป้อง พร้อมแสดงหลักฐานยืนยันว่าเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวใดๆ ที่โยงกับทิดแย้ม

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและเรียกร้องความเป็นธรรม ใบเฟิร์นเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีในวันที่ 20 พฤษภาคม เวลา 14.30 น. ที่ สน.คันนายาว พร้อมทนายความ เพื่อเอาผิดผู้ที่โพสต์ภาพและข้อความเท็จที่สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของเธออย่างไม่เป็นธรรม

เปิดประสบการณ์สุดล้ำ พาชม “เรือตัดน้ำแข็ง Xue long 2” ครั้งแรกในน่านน้ำไทย ณ ท่าเรือสัตหีบ

เมื่อวันที่ (19 พ.ค. 68) พล.ร.ต.ธำรง สุพรรณพงศ์ ผอ.กทส.ฐท.สส. เป็นผู้แทน ฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมด้วย ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM ให้การต้อนรับ นายเสียว ชื่อหมิง ผู้บังคับการเรือ เสว่หลง 2 (Mr.XIAO ZHIMIN, Captain) และคณะลูกเรือ เนื่องในโอกาสเข้าเยือนประเทศไทย เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 และเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน ปี พ.ศ. 2568 พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชน ได้เข้าเยี่ยมชมเรือสำรวจขั้วโลก เสว่หลง 2 (Xue Long 2) ซึ่งได้จอดเทียบท่าที่ ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 19 - 23 พ.ค.68

ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า การมาเยือนของเรือเสว่หลง 2 ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมเฉลิมฉลอง เนื่องในโอกาสมหามงคลที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 70 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2568 และยังเป็นการเฉลิมฉลองวาระสำคัญของการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี พ.ศ. 2568

การมาเยือนประเทศไทย ของเรือเสว่หลง 2 ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันล้ำค่าที่นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยไทย รวมถึงเยาวชนและประชาชนชาวไทย จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์โดยตรงกับทีมวิจัยระดับแนวหน้าของจีน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการสำรวจขั้วโลก นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษที่จะจัดขึ้นควบคู่กับการมาเยือนของเรือเสว่หลง 2 ได้แก่ การจัดนิทรรศการ "Xue Long 2 and See the Unseen in Polar Region" ระหว่างวันที่ 14 - 25 พฤษภาคม 2568 ณ Crystal Court ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน และการเสวนาระหว่างนักวิทยาศาสตร์ ผู้มีประสบการณ์เดินทางไปสำรวจขั้วโลกใต้ ด้วยเรือเสว่หลง 2 กับเยาวชนไทย, กิจกรรมเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สู่สาธารณชนของนักวิทยาศาสตร์ไทยและจีน ที่เคยเดินทางไปสำรวจขั้วโลกใต้ ด้วยเรือเสว่หลง 2, การประชุมวิชาการ “Thailand-China Polar Science Conference”, และพิธีอำลาเรือเสว่หลง 2 โดยในระหว่างที่เรือจอดเทียบท่าเรือจุกเสม็ด จะมีการนำคณะลูกเรือเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเยี่ยมชมความงดงามของศิลปวัฒนธรรมไทย ณ สวนนงนุช พัทยา อีกด้วย”

ศ.ดร.ไพรัช กล่าวทิ้งท้ายว่า กิจกรรมทั้งหมดนี้ ได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, กระทรวงการต่างประเทศ, กองทัพเรือ, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กลุ่มธุรกิจ TCP, สำนักงานบริหารอาร์กติกและแอนตาร์กติกแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (CAA) และสถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRIC) ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมืออันดีระหว่างประเทศไทยและจีน ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึง ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ

ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM กล่าวถึงความร่วมมือในการต้อนรับเรือตัดน้ำแข็งเสว่หลง 2 ว่า NSM มุ่งมั่นส่งเสริมวิทยาศาสตร์สู่สังคม โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้เยาวชน ได้เรียนรู้จากการวิจัยระดับนานาชาติ ซึ่งในครั้งนี้ NSM ได้ร่วมจัดนิทรรศการ “Xue Long 2 and See the Unseen in Polar Region” เพื่อเปิดโลกวิทยาศาสตร์ขั้วโลกให้กว้างขึ้น ผู้ชมจะได้เห็นความสำคัญของการวิจัยขั้วโลกผ่านนักวิจัยไทย และเทคโนโลยีสำรวจอันล้ำสมัยของจีน โดยนิทรรศการนี้ มุ่งหวังให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของขั้วโลกต่อระบบนิเวศและชีวิตประจำวันของเรา รวมถึงกระตุ้นความสนใจในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เกี่ยวข้อง นิทรรศการจัดแสดงที่ สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 14-25 พ.ค. 68 และท่าเรือจุกเสม็ด ระหว่างวันที่ 20 – 23 พ.ค. 2658 จากนั้น NSM มีแผนนำไปจัดแสดงต่อที่จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. เดอะ สตรีท รัชดา เพื่อให้ประชาชนที่พลาดโอกาสยังสามารถเข้าถึงความรู้เกี่ยวกับการสำรวจขั้วโลกใต้ เทคโนโลยี และงานวิจัยสำคัญได้

นอกจากนี้ อพวช. ยังร่วมกับมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ จัดกิจกรรม Research show by Naturalist 2025 หัวข้อ “Miracle of Polar: มหัศจรรย์แห่งขั้วโลก” โดยเชิญนักวิจัยขั้วโลกตามโครงการพระราชดำริฯ มาถ่ายทอดประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนผ่านงานวิจัยต่าง ๆ กิจกรรมนี้ จัดทุกเสาร์ที่ 3 ของเดือน ตั้งแต่ มกราคม จนถึงสิ้นปี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

นายเสียว ชื่อหมิง ผู้บังคับการเรือเสว่หลง 2 (Mr.XIAO ZHIMIN, Captain) กล่าวว่า เรือเสว่หลง 2 เป็นเรือสำรวจขั้วโลกลำที่ 4 ของจีน และถือเป็นเรือสำรวจขั้วโลกลำแรกของจีน ที่สร้างขึ้นเองทั้งหมดภายในประเทศ เป็นเรือตัดน้ำแข็งขนาดกลาง ที่มีความทันสมัยและมีสมรรถนะสูงที่สุดลำหนึ่งของโลก ด้วยเทคโนโลยีการตัดน้ำแข็ง 2 ทิศทาง ทำให้สามารถตัดน้ำแข็งหนา 1.5 เมตรพร้อมเดินทางด้วยความเร็ว 2-3 น็อต ทำให้เดินทางผ่านแผ่นน้ำแข็งได้หลายทิศทางอย่างคล่องตัว หัวเรือส่วนใต้น้ำถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้มีความแข็งแรง สามารถชนและไต่ขึ้นบนแผ่นน้ำแข็ง พร้อมแรงกดที่ช่วยแยกน้ำแข็ง เพื่อให้เรือสามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้

เรือเสว่หลง 2 มีความยาว 122.5 เมตร ความกว้าง 22.3 เมตร กินน้ำลึก 12 เมตร และมีระวางขับน้ำ 13,990 ตัน สามารถรองรับลูกเรือได้ 40 นาย และนักวิจัยได้อีก 50 นาย รวมทั้งสิ้น 90 ชีวิต ภารกิจหลักของเสว่หลง 2 คือ การสนับสนุนการสำรวจวิจัยขั้วโลกในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก ธารน้ำแข็ง วิทยาศาสตร์ทางทะเล วิทยาศาสตร์บรรยากาศ ธรณีวิทยาและธรณีฟิสิกส์ นิเวศวิทยาและชีววิทยา รวมถึงการศึกษาสิ่งแวดล้อม ทั้งในแผนงานระยะสั้นและระยะยาว                

นอกจากนี้ เรือยังมีบทบาทสำคัญในการรับส่งนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงการขนส่งเสบียง อาหาร เชื้อเพลิง และอุปกรณ์ก่อสร้างสำหรับสถานีวิจัยของจีน ทั้งที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ โดยจีนมีสถานีวิจัยหลายแห่งที่ขั้วโลกใต้ ได้แก่ สถานี Great Wall (1985), Zhongshan (1989), Kunlun (2009), Taishan Camp

(2014) และสถานีล่าสุด Qinling (2024) และที่ขั้วโลกเหนือ คือ สถานี Yellow River (2004) ซึ่งเสว่หลง 2 มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของสถานีเหล่านี้

เสว่หลง 2 ได้รับการยกย่องว่าเป็นเรือสำรวจอัจฉริยะที่ทันสมัยที่สุดลำหนึ่งของโลก ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดหลายชนิด ครอบคลุมการสำรวจที่หลากหลาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยสำหรับการประมวลผลข้อมูลทั้งด้านปฏิบัติการและการวิจัย      นอกจากนี้ เรือยังถูกออกแบบมาพร้อมเทคโนโลยีสะอาด SCR (Selective Catalytic  Reduction) เพื่อลดการปล่อยมลพิษในเขตขั้วโลก ที่อยู่ในระดับสูงกว่ามาตรฐานทั่วไป อีกด้วย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top