Friday, 20 June 2025
NEWS FEED

'หลานม่า' ไม่ผ่านเป็น 5 เรื่องสุดท้าย ชวดชิง Oscars ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม

(24 ม.ค.68) สถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ ได้เปิดเผยรายชื่อสุดท้ายของภาพยนตร์ นักแสดง และผู้กำกับที่เข้ารอบชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 โดยพบว่า ภาพยนตร์ไทยเรื่อง หลานม่า จาก GDH ไม่สามารถผ่านเข้าสู่ 5 เรื่องสุดท้ายในการชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม (97th Academy Awards: International Feature Film) แม้ว่าจะได้รับเสียงชื่นชมและประสบความสำเร็จในไทยและหลายประเทศทั่วโลก

โดยรายชื่อภาพยนตร์ที่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายประกอบด้วย:
- I’m Still Here จากประเทศบราซิล
- The Girl with the Needle จากประเทศเดนมาร์ก
- Emilia Pérez จากประเทศฝรั่งเศส
- The Seed of the Sacred Fig จากประเทศเยอรมนี
- Flow จากประเทศลัตเวีย

สำหรับกำหนดการประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 จะมีขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2568 เวลา 07:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย

แม้ว่าภาพยนตร์หลานม่า จะพลาดเข้าชิงรางวัลออสการ์อันทรงเกียรติ แต่ก็นับว่าเป็นภาพยนตร์ไทยที่สามารถกวาดรางวัลระดับโลกในหลายรางวัล อาทิ Best Picture, Best Original Screenplay และ Best Leading Actor (บิวกิ้น-พุฒิพงศ์) ที่งาน Asia Pacific Film Festival ครั้งที่ 61 และรางวัลรองชนะเลิศ GEMS 2024 Audience Award จาก Miami Film Festival

ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ฝึกทบทวนผู้ปฏิบัติหน้าที่ครูฝึก และครูประจำหมวดวิชา ให้มีความพร้อมในการฝึกพลทหารผลัดใหม่

เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.68) น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกทบทวนผู้ปฏิบัติหน้าที่ครูฝึกและครูประจำหมวดวิชา ณ อาคารฝึกอบรมรวม ศฝท.ยศ.ทร. ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การฝึกทบทวนฯ ดังกล่าวกำหนดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 24 ม.ค.68 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกฯ ได้ทบทวนความรู้ทำให้มีมาตรฐานในการฝึกอบรมทหารใหม่ทุกผลัด โดยมีหัวข้อประกอบด้วย การฝึกทหารราบ , บุคคลท่ามือเปล่า , ท่าอาวุธ , การฝึกแถวชิด เป็นไปตามแบบฝึก ตลอดจนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรคลมร้อน (Heat Stroke) , การให้ความช่วยเหลือฟื้นคืนชีพพื้นฐาน (CPR) , ความรู้เกี่ยวกับจิตเวช และความรู้ในเรื่องกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ

ทั้งนี้กองทัพเรือกำหนดให้เปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 4/67 ตั้งแต่ 1 ก.พ.68 - 3 เม.ย.68 ดังนั้น ศฝท.ยศ.ทร. จึงกำหนดหัวข้อในการทบทวนครูฝึก และครูประจำหมวดวิชา ให้มีความพร้อมในการฝึกอบรม และดูแลทหารใหม่ เป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ โดยเฉพาะนโยบายเฉพาะที่กำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ 'Navy-Safety 2025'

คนไทยจูงมือจด 'สมรสเท่าเทียม' เริ่มชีวิตคู่ตามกฎหมาย ส่งเสริมหลากหลายทางเพศ

เมื่อวานนี้ (23 ม.ค. 68) กฎหมายสมรสเท่าเทียมแห่งประเทศไทยมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่บังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม 'บางกอกไพรด์' (Bangkok Pride) ภาคประชาสังคมท้องถิ่น ร่วมมือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจัดงานเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ ณ สยามพารากอน กรุงเทพฯ มีทั้งการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม เดินขบวนพาเหรด และสุนทรพจน์จากนักการเมืองคนสำคัญ ดึงดูดความสนใจของประชาคมโลก

เดือนไพรด์บางกอกมักจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนของทุกปี และถือเป็นกิจกรรมสำคัญในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ เนื่องด้วยกฎหมายสมรสเท่าเทียมในไทยมีผลใช้บังคับในปีนี้ จึงได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองพิเศษขึ้นในเดือนมกราคม โดยเน้นที่ประเด็นด้านสมรสเท่าเทียม แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญของประเทศไทยในด้านค่านิยมความเสมอภาคและความหลากหลาย และเป็นหมุดหมายสำคัญในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศของชาว LGBTQ+ กิจกรรมครั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร (Paetongtarn Shinawatra) นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสุนทรพจน์ผ่านวิดีโอที่บันทึกไว้ล่วงหน้า นายเศรษฐา ทวีสิน (Srettha Thavisin) อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (Chadchart Sittipunt) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนักการเมืองท่านอื่น ได้เข้าร่วมงานดังกล่าว เพื่อแสดงถึงความสนับสนุนและความคาดหวังต่อสมรสเท่าเทียม

นายจาง จวิ้น ฝู ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (สำนักงานฯ) ได้นำ นายต่ง ซือ ฉี รองผู้อำนวยการใหญ่ และคณะเข้าร่วมงานดังกล่าว นายจางฯ ได้จับมือกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมแสดงคำอวยพรจากไต้หวัน นอกจากนี้ ยังได้พบปะหารือกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ คณะทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทย รวมถึงเอกอัครราชทูตประเทศอื่นประจำประเทศไทย เช่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ ฟินแลนด์ สวีเดน เพื่อเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ร่วมกัน

นายจางฯ ได้กล่าวว่า เมื่อปี 2017 ไต้หวันในฐานะที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับเป็นประเทศแรกในเอเชีย มีความเข้าใจถึงความสำคัญของสมรสเท่าเทียมอย่างลึกซึ้ง พร้อมกล่าวว่า “ในฐานะพันธมิตรที่มีแนวคิดเหมือนกัน ไต้หวันและไทยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามค่านิยมสากล เช่น เสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไต้หวันขอชื่นชมความก้าวหน้าและความเป็นผู้นำของไทยในการส่งเสริมสมรสเท่าเทียม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบนพื้นฐานค่านิยมร่วมกันจะกระชับความร่วมมือทวิภาคีให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้านเศรษฐกิจ การค้า และสิทธิมนุษยชน ร่วมกันนำมาซึ่งความหวังและความก้าวหน้าสู่ภูมิภาค”

ในขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้แสดงความยินดีประเทศไทยผ่านทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กเช่นกัน

เช้าวันนี้ นายต่ง ซือ ฉี รองผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานฯ ได้เดินทางไปยัง สำนักงานเขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นสักขีพยานเรื่องหน่วยงานทะเบียนราษฎรไทยรับจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม อันเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังได้หารือกับ นายธัญญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส. พรรคประชาชน และ ผู้ผลักดันกฎหมายการสมรสเท่าเทียมในไทย พร้อมแสดงความชื่นชมอย่างสูงต่อความก้าวหน้าด้านสมรสเท่าเทียมของประเทศไทย นอกจากนี้ เขายังได้พบกับปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สส. พรรคประชาชน และ น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ อดีต สส. พรรคก้าวไกล พร้อมแจ้งว่าไต้หวันสนับสนุนสมรสเท่าเทียมในไทย และเชิญชวนให้เดินทางไปไต้หวันเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการส่งเสริมกฎหมายสมรสเท่าเทียม อีกทั้ง นายต่งยังได้พบกับ แมงโก้คัปเปิล  (Mango Couple) ยูทูบเบอร์เกาหลี และได้ใช้ภาษาเกาหลีสนทนาเกี่ยวกับประเด็นสมรสเท่าเทียม สื่อให้เห็นถึงความกระตือรือร้นและการสนับสนุนในการสื่อสารเชิงพหุวัฒนธรรม

ไฮไลต์ของงานนี้ ได้แก่ พิธีจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม การแสดงเชิงพหุวัฒนธรรม และการกล่าวสุนทรพจน์โดยนักการเมืองสำคัญหลายท่าน เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทยในการโอบอ้อมอารีค่านิยมที่หลากหลาย และยังเน้นย้ำถึงความพยายามของรัฐบาลไทยที่กระตือรือร้นในการส่งเสริมความเสมอภาค

ข่าวของสำนักงานฯ ระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายการสมรสเท่าเทียมถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญในกระบวนการเรียกร้องสิทธิที่เท่าเทียมกันของไทยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นฐานค่านิยมร่วมกันระหว่างไต้หวันและไทย อนาคตจะมีความร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ เพื่อผลักดันประโยชน์และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันที่มีความโอบอ้อมอารี

จเรตำรวจแห่งชาติหารือทางการจีน เตรียมคิกออฟศูนย์ประสานงานร่วมไทย-จีนปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์  

(24 ม.ค.68) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์  และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ และผู้อำนวยการ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้การต้อนรับคณะผู้แทนทางการจีน นำโดย Mr.Liu Ningning รองอธิบดีสืบสวนกลาง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ , Mr.Zhou Weinan ผู้อำนวยการ ฝ่ายอำนวยการคดีภาค 2 กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ , Mr. Wei Song สว. กรมสืบสวนกลาง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ , Mr.Ma Xiao สว. กรมสืบสวนกลาง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ , Mr.Shen Anjun ผู้กำกับการ กองกำกับการ9 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กรมความมั่นคงสาธารณะเซี่ยงไฮ้ , Mr.Cai Xingyan รอง ผกก.สส. บก.สส. กรมความมั่นคงสาธารณะเจียงซู สถานเอกอัครราชทูต (สอท.)จีน , พล.ต.ต. Wen Yonggang ทูตตำรวจประจำ สอท.จีน และ พ.ต.ต.Zhao Yongning ผู้ช่วยทูตตำรวจประจำ สอท.จีน ในการเข้าพบเพื่อหารือประสานความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ ห้องรับรอง 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ ทางรัฐบาลจีนได้ส่งคณะผู้แทนมาหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติใน 2 เรื่อง คือ

1. ความคืบหน้าขยายผลการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับคดีนายหวังซิง นักแสดงจีนที่หายตัวไปอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา ซึ่งทางการจีนแจ้งว่าได้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องจำนวน 30 คน จับกุมไปแล้ว 22 คน ยังเหลือบุคคลตามหมายจับอีก 8 คน ซึ่งทางการจีนจะร่วมมือกับประเทศไทยในการขยายผลจับกุมคนกลุ่มนี้ต่อไป ซึ่งทั้ง 30 คนดังกล่าวพบว่าเป็นคนจีนทั้งหมด ยังไม่พบคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง

2. สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน จะตั้ง “ศูนย์ประสานงานป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน” โดยจะร่วมมือสืบสวน ขยายผล ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งในเขตเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา และฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งมีทั้งคนจีนและคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก โดยศูนย์ประสานงานฯ จะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ มีที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกส่วนหนึ่งทางการจีนจะขอให้มีศูนย์ประสานงานฯ ดังกล่าว ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ด้วย เพื่อจะได้มีการประสานงานได้อย่างรวดเร็วกรณีคนจีนถูกหลอกมาแล้วข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน 

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ขณะนี้มาตรการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดขึ้นมา คือการคัดกรองอย่างเข้มข้นในพื้นที่ที่จะเข้า อ.แม่สอด จ.ตาก โดยหากมีคนต่างชาติเดินทางเข้าไป เจ้าหน้าที่จะสอบถามถึงแผนการท่องเที่ยว ที่พัก และจะให้มีการประสานงานสถานทูตทุกครั้งเพื่อให้ทราบวัตถุประสงค์ที่มาให้มีความชัดเจน อีกส่วนหนึ่งตนได้หารือกับผู้บัญชาการทหารบกในการร่วมมือกันต่อสู้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะมีการตรวจร่วมระหว่างทหารและตำรวจตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้มีใครลักลอบผ่านช่องทางธรรมชาติไปได้

ในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระหว่างไทย-จีนนั้น จะทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลกลุ่มแก๊งอาชญากรรมที่มาจัดทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทางการจีนระบุว่าหลังจากที่จีนร่วมมือกับทางการเมียนมาปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเล่าก์ก่าย ทางตอนเหนือของประเทศเมียนมา ทางกลุ่มนี้ก็ย้ายฐานไปยังเมืองเมียวดี ติดกับ อ.แม่สอด ของไทย จุดนี้เราต้องการการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างรวดเร็ว รวมทั้งในเรื่องของการปราบปรามด้วย เชื่อว่าเมื่อมีศูนย์ประสานงานฯ กรณีที่คนจีนมาแล้วติดต่อไม่ได้ ไม่ว่าจะผ่านทางประเทศไทย หรือช่องทางใดก็ตาม จะมีการเร่งรัดติดตามตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว และจะเดินหน้าปราบปรามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งส่วนมากเป็นคนจีน หรือกลุ่มทุนร่วมกับคนไทยในการเข้ามาหลอกทั้งคนไทย คนจีน และคนทั่วโลก ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ตำรวจสอบสวนกลางเปิด 'ปฏิบัติการปิดจบสยบ Fiwfans (ฟิวแฟน) แพลตฟอร์มค้ามนุษย์เด็กออนไลน์' 

(24 ม.ค.68) เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร.) เป็นประธานแถลงผลการจับกุมกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ซึ่งใช้รูปแบบแฟลตฟอร์มเว็บไซต์ออนไลน์ 'ปฏิบัติการ ปิดจบสยบ Fiwfans (ฟิวแฟน) แพลตฟอร์มค้ามนุษย์เด็กออนไลน์'

ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เข้าช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 16 และ 17 ปี จำนวน 2 ราย ส่งตัวเข้ารับการคุ้มครอง โดยกลุ่มองค์กรอาชญากรรมได้ลักลอบเปิดเว็บไซต์ค้าประเวณีออนไลน์ มากว่า 4 ปี มีรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนในที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี รวมมากกว่า 3,000 ล้านบาท มีหญิงที่ค้าประเวณีผ่านเว็บไซต์ประมาณ 46,000 ราย

ปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดที่เป็นแอดมินในการเปิดเว็บไซต์ฟิวแฟน ในการเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์กลางในการโฆษณาค้าประเวณี จำนวน 5 ราย โดยกลุ่มองค์กรอาชญากรรมมีพื้นฐานความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี เป็นโปรแกรมเมอร์ เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศมาก่อน จึงใช้เทคนิคในการปิดพรางซ่อนตัวตน ยากต่อการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ พบว่ากลุ่มแอดมินเว็บไซต์จะได้รับเงินที่เป็นค่าโฆษณาค้าประเวณีและค้าประเวณีเด็ก โดยใช้การเติมเงินผ่านระบบทรูมันนี่ และปกปิดซ่อนตัวตนในการตรวจสอบข้อมูล สร้างระบบให้มีการนำเลขทรูมันนี่ เข้าไปเติมเงินในเว็บไซต์ฟิวแฟน และเงินจะผ่านเข้าไปเติมในเกมออนไลน์ นอกจากนั้นยังใช้วิธีการเทคนิคทางคอมพิวเตอร์ในการอำพรางเว็บไซต์ว่าตั้งอยู่ต่างประเทศ 

นอกจากนี้ มีการจับกุมผู้กระทำความผิดค้ามนุษย์ โดยเป็นแม่เล้าสัญชาติลาว ที่มีการนำเด็กหญิงสัญชาติลาว อายุต่ำกว่า 18 ปี มาค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี ได้รับค่าส่วนแบ่งรายได้จากการค้าประเวณีเด็กมากกว่าเดือนละ 1-2 แสนบาท ทำมามากกว่า 2 ปี โดยโพสต์โฆษณาค้าประเวณีเด็กผ่านเว็บไซต์ฟิวแฟน 

ต่อมา พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤติยา รอง ผบก.อก.บช.ส.รรท.ผบก.ปคม. ได้สั่งการให้มีการเข้าตรวจค้นและจับกุม จำนวน 6 จุด ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมีการตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เช่น สมุดบัญชีธนาคาร เงินสด โฉนดที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทองคำ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ จำนวนมาก รวมมูลค่าประมาณ 34 ล้านบาท และได้อายัดเงินในบัญชีธนาคารประมาณ 6 ล้านบาท รวมอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกว่า 40 ล้านบาท

‘ศ.ดร.บังอร‘ อัดฉีด​ 15.2 ล้านบาท ให้นักกีฬาที่ร่วมสู้ศึก “กีฬาปัญญาชน 50” หลัง ม.กรุงเทพธนบุรีคว้าเจ้าเหรียญทอง 6 สมัยซ้อน

เมื่อวันที่ (20 ม.ค.68) ศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี (มกธ.) กล่าวแสดงความยินดีกับผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน และทัพนักกีฬา พร้อมทั้งมอบเงินรางวัลอัดฉีดรวม 15,230,000 บาท แก่ทัพนักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยมีเรืออากาศโท หญิง ภานิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทนนิส) แชมป์กีฬาเทควันโด เหรียญทองโอลิมปิก ปารีส 2024 หัวหน้าคณะนักกีฬา มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กล่าวรายงาน สรุปผลการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 50 ธรรมศาสตร์เกมส์” และนำทีมผู้ฝึกสอนและนักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีเข้ารับมอบเงินรางวัลดังกล่าวในงาน 'เชียร์ให้ฉ่ำ ฉลองแชมป์สมัยที่ 6' จากการส่งทัพนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 50 'ธรรมศาสตร์เกมส์' เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้นักกีฬาทุกคนของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีที่ได้รับเหรียญรางวัลจากทุกประเภทการแข่งขันกีฬา โดยมี รศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์ ผู้ฝึกสอน และนักศึกษาร่วมแสดงความยินดีกับทัพนักกีฬาที่ได้รับรางวัลดังกล่าวด้วย    

ทั้งนี้ ทัพนักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 50 สามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีสามารถขึ้นแท่นเป็นเจ้าเหรียญทอง 6 สมัยซ้อน โดยสามารถคว้า 124 เหรียญทอง 45 เหรียญเงิน และ 51 เหรียญทองแดง รวมเหรียญรางวัลทั้งหมดที่ทัพนักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีได้รับจากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬารายการดังกล่าว จำนวน  220 เหรียญ

จากการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 50 นักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี สามารถคว้ารางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมหลายประเภทกีฬา ได้แก่ ว่ายน้ำ น.ส.กมนชนก ขวัญเมือง และนาย รัฐวิทย์ ธรรมนันทโชติ กรีฑา นายณัฐพงษ์ ศรีนนทา หมากกระดาน นายวิชญฤทธิ์ คฤหวาณิช นายภานุวัฒน์ เถาวัลย์ นายทัพฟ้า คำหน่อแก้ว น.ส.ทิพย์อักษร อินทะสร้อย และน.ส.กอบเงิน ฤกษ์วิรี เทควันโด น.ส.พรรณนภา หาญสุจินต์ แบดมินตัน นายพณิชพล ธีระรัตน์สกุล น.ส.นัทธมน ไล้สวน เทนนิส นายยุธนา เจริญผล น.ส.พัณณิน โควาพิทักษเทศ เปตอง นายรัชตะ คำดี น.ส.พรทิวา แก้วมูล เซปักตะกร้อ นายพงษ์ศักดา จันริสา คอร์สเวิร์ด น.ส.ณัฐชยา ศรีทะโร คาราเต้ น.ส.มณีวรรณ บุตรสุวรรณ ปันจักสีลัต นายพีระพล มิตธสาร เทเบิลเทนนิส ชัยเดช ม่วงหวาน และเอแม็ท น.ส.ธัญชนก จันทร์คล้าย

ในการนี้ อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้จัดงานเลี้ยงฉลองแชมป์แก่ทัพนักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันกีฬารายการดังกล่าว และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีตั้งไว้ด้วย ซึ่งงานเลี้ยงฉลองแชมป์ดังกล่าวจัดขึ้น ณ อาคารปฏิบัติการ การโรงแรมและการท่องเที่ยว ชั้น 2 มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี  

ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นฯ เข้าพบจเรตำรวจแห่งชาติ กระชับความร่วมมือป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์

(23 ม.ค.68) เวลา 15.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ให้การต้อนรับผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้แก่ นายนาโอโตะ วาตานาเบะ เลขานุการเอก และผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ , นายโทโมโนริ ซาโต้ เลขานุการโท และกงสุล , นายพิสิฏฐ์ ไม้ประเสริฐ ผู้ช่วยกงสุล และ น.ส.แพรวพฤกษ์ จิตสกุลชัยเดช เลขานุการผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ขอเข้าพบจเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือกระชับความร่วมมือในการแก้ไขการหลอกลวงบุคคลให้ไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีความเสียหายในวงกว้าง 

พังงา 'ความชำนาญมิได้เกิดขึ้นในวันเดียว ฝึกให้เชี่ยวเก็บเกี่ยวความรู้มาปรับปรุง' เปิดการฝึกปีงบประมาณ 2568 

(23 ม.ค.68) นาวาโท นพดล กิ่งเกตุ ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกบูรณการเป็นหน่วยกองร้อย กองพัน ประจำปีงบประมาณ 2568 ในส่วนของกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 

พร้อมทั้งให้โอวาทเพื่อเป็นแนวทางในการฝึก "ให้กำลังพลทุกนายมุ่งมั่นในการฝึกโดยยึดถือความปลอดภัยขององค์บุคคลเป็นหลัก ยึดแนวทางตามเอกสารอ้างอิงของกองทัพเรือ เป็นแบบแผนของการฝึก ให้เป็นไปดั่งคำที่ว่า รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น ในคราวเดียวกันนี้กำลังพลฝึกทั้งหมดได้ดำเนินการทบทวนฝึกการตรวจความพร้อมรรบองค์บุคคลเพื่อตรวจสอบ อุปกรณ์ สัมภาระ สำหรับใช้ในการดำรงชีพ

ผบช.ภ.2 ให้ความมั่นใจ รองผู้ช่วยทูต สหรัฐฯ เตรียมพร้อมด้านความปลอดภัย รับ 5,400 ทหารเรืออเมริกัน ขึ้นฝั่งชลบุรี พักผ่อนพัทยา 27- 31 ม.ค.นี้ 

(23 ม.ค. 68) เวลา 10.00 น. ที่ตำรวจภูธรภาค 2 ( ภ.2 )  นายลู แฟม รองผู้ช่วยทูตหน่วยป้องกันกองกำลังสหรัฐอเมริกา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และคณะ เข้าพบ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ( ผบช.ภ.2 ) เพื่อหารือด้านการดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีเรือของกองทัพสหรัฐอเมริกา จำนวน 4 ลำ เทียบท่าในจังหวัดชลบุรี ในช่วงระหว่างพักการฝึก ระหว่างวันที่ 27 - 31 มกราคม 2568  โดยมีกำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาประมาณ 5,400 นาย พักในพื้นที่พัทยา จว.ชลบุรี ขณะที่เรือเทียบท่าในพื้นที่ สภ.สัตหีบ และ สภ.แหลมฉบัง 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า การเข้าหารือวันนี้เป็นไปด้วยดี ได้ให้ความเชื่อมั่นแก่ทางรองผู้ช่วยทูตฯ ถึงแผน และมาตรการในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ซึ่งในการดูแลความปลอดภัยเรือรบทั้ง 4 ลำที่เทียบท่าในพื้นที่ นั้นตำรวจภูธรภาค 2 ประสานงานกับฐานทัพเรือสัตหีบมีมาตรการดูแลอย่างเข้มข้น ขณะที่ในส่วนของการอำนวยการจราจรนั้นตำรวจท้องที่ที่เกี่ยวข้องว่าแผนการจัดการไว้แล้ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ พร้อมประสานงานฝ่ายปกครอง และผู้ประกอบการต่าง ๆ ในพื้นที่เมืองพัทยา และพื้นที่ใกล้เคียงในการร่วมกันดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย เพื่อสร้างความประทับใจ

“กำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ประมาณ 5,400 นาย จะเดินทางมาพักผ่อนในเขตพื้นที่เมืองพัทยา นั้นตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ก็ได้มีมาตรการในการดูเรื่องความปลอดภัย ได้มีการตั้งกลุ่มไลน์ และ แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดที่มีหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อติดต่อประสานงาน ในการอำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในการพักผ่อน และดูแลความปลอดภัย แก่กำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐ ด้วยความยินดีต้อนรับ ให้เกิดความประทับใจ โดย สภ.เมืองพัทยา ได้ประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการในพื้นที่ทราบ และได้เพิ่มกำลังสายตรวจในเครื่องแบบ และฝ่ายสืบสวนให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้ง ภ.จว.ชลบุรี ได้เพิ่มกำลังชุดสายตรวจไดนามิก และชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ของ ภ.จว.ชลบุรี ร่วมปฏิบัติหน้าที่โดยเพิ่มวงรอบในการตรวจในห้วงเวลาดังกล่าวด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น” ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ขอเชิญชวนพี่น้องชาวชลบุรีร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีเบาะแส แจ้งเหตุด่วน ให้โทร.191 ตลอด 24 ชั่วโมง 

ตำรวจ-ทหารไทย จับมือลุยแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนให้สิ้นซาก

(23 ม.ค.68) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร.) เข้าพบ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อหารือเรื่องมาตรการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ณ กองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ปธ.คปษ.ทบ. , พล.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. , พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสธ.ทบ. และคณะ พร้อมด้วย พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และคณะ ร่วมหารือ

ด้วยปัจจุบัน ปัญหาการหลอกลวงบุคคลให้ไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการส่งแรงงานไปยังประเทศที่ 3 รวมถึงปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีการหลอกลวงคนไทยหรือชาวต่างชาติไปทำงาน โดยผ่านช่องทางตรวจคนเข้าเมือง หรือช่องทางธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง และเล็งเห็นความสำคัญในการร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน จึงร่วมหารือในครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้แก่ประชาชน

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองทัพบก โดยขอความร่วมมือปิดกั้นเส้นทางธรรมชาติทั้งหมด เพื่อป้องกันการเข้าออกโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมตรวจสอบเสาสัญญาณโทรคมนาคมที่ติดตั้งโดยที่จะรับอนุญาต หรือมีความผิดปกติตามแนวชายแดน พร้อมเฝ้าระวังบุคคลมีพฤติกรรมน่าสงสัยเดินทางเข้ามากดเงินที่ตู้ atm ในประเทศไทย แล้วกลับไปตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งหารือการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่

ทั้งนี้ ในที่ประชุมเห็นพ้องว่า ในระดับพื้นที่เห็นควรใช้กลไกของศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา ของจังหวัดตาก กำหนดให้ 5 อำเภอชายแดน จังหวัดตาก เป็นพื้นที่ควบคุมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาชาวต่างชาติถูกหลอกลวงและการค้ามนุษย์ ได้แก่ 

1. การคัดกรองเข้าพื้นที่ อ.แม่สอด ทั้งทางถนนและทางอากาศ รวมทั้งบริเวณด่านตรวจ ให้คัดกรองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้า อ.แม่สอด อย่างเข้มข้น ซักถามวัตถุประสงค์ของการเดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างละเอียด หากไม่มีหนังสือรับรองจากสถานทูต หรือไม่สามารถชี้แจงวัตถุประสงค์ ไม่มีที่พัก หรือแผนการเดินทางกลับอย่างชัดเจน เห็นควรแจ้งสถานทูต และงดเว้นไม่ให้เดินทางเข้าในพื้นที่อำเภอแม่สอด และใช้มาตรการทางกฎหมายลงโทษ รถยนต์ที่รับจ้างนำพาบุคคลต่างชาติเข้าพื้นที่ 

2. การจำกัดการเข้าพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และผู้เกี่ยวข้อง ตั้งด่านตรวจร่วมเพิ่มเติม บริเวณเส้นทางที่จะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่ระมาด และ อ.พบพระ จ.ตาก

3. การตรวจสอบโรงแรมที่พัก โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบโรงแรมที่พักทุกแห่งใน อ.แม่สอด ที่ชาวต่างชาติเข้ามาพัก ว่าได้แจ้งข้อมูลการเข้าพักของบุคคลต่างชาติให้ทราบหรือไม่ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 หากไม่มีการแจ้งให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

4. การสกัดกั้น โดยบูรณาการกำลังร่วมระหว่างตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดตลอด 24 ชั่วโมง ในเส้นทางหลักและเส้นทางรองที่จะเข้าสู่ชายแดน เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวต่างชาติลักลอบข้ามแดน

ทั้งนี้ จะมีการประชุมประเมินและติดตามการดำเนินการร่วมในการแก้ปัญหาดังกล่าวเป็นระยะ เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top