Friday, 20 June 2025
NEWS FEED

‘ฮอนด้า’ ชวน!! ลูกค้าเข้าศูนย์บริการ ร่วมมาตรการรัฐ Easy E-Receipt 2.0 รับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท

(26 ม.ค. 68) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศร่วมมาตรการ ‘Easy E-Receipt 2.0’ โดยลูกค้าที่นำรถเข้ารับบริการในศูนย์บริการ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2568 ได้ตามจริงสูงสุด 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 - 28 กุมภาพันธ์ 2568 

ทั้งนี้ลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าที่เข้าร่วมมาตรการ ‘Easy E-Receipt 2.0’ ได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง  (Honda Call Center)

ทั้งนี้เงื่อนไขสินค้าและงานบริการที่สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในมาตรการ ‘Easy E-Receipt 2.0’ ได้แก่ 

•งานบริการ รวมถึงอะไหล่และเคมีภัณฑ์ ที่ชำระเงินและใช้บริการในช่วงเวลาของมาตรการ
•งานตรวจเช็กตามระยะทาง งานซ่อมทั่วไป และงานซ่อมตัวถังและสี ประเภทลูกค้าเป็นผู้ชำระเงิน
•งานติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ (Accessories) และ Honda Connect

ทั้งนี้การตรวจเช็คตามระยะทางที่ค่าใช้จ่ายที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขมาตรการ เนื่องจากไม่สามารถระบุได้ว่าลูกค้าจะได้รับการบริการในช่วงเวลาที่โครงการกำหนดหรือไม่ ได้แก่
•โปรแกรมอัลติเมทแคร์ (อัลติเมท 1, 2, 3)
•แพ็กเกจเช็คระยะฮอนด้าเพย์เซฟ

MG จัดงาน!! ทดสอบทักษะการบริการ ‘MG SKILL CONTEST’ เน้น!! ความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ คุณภาพการบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้า

(26 ม.ค. 68) บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย จัดการแข่งขันทักษะฝีมือพนักงานผู้จำหน่าย หรือ MG SKILL CONTEST สื่อถึงความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณภาพการบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้า รวมถึงการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานของพนักงานเอ็มจีทั่วประเทศ

สำหรับการแข่งขัน MG SKILL CONTEST ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 โดยในปีนี้ได้มีการปรับบททดสอบให้สอดรับกับบทบาทการเป็นแบรนด์ชั้นนำยานยนต์ไฟฟ้า และเอ็มจีถือเป็นแบรนด์ที่มีรถยนต์พลังงานทางเลือกหลากหลายรุ่น อีกทั้งในแต่ละรุ่นต่างอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัย เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การทดสอบทักษะของพนักงานทุกภาคส่วนจึงเป็นหนึ่งในแผนการยกระดับคุณภาพการให้บริการของพนักงานโดยแบ่งเป็น 8 ประเภท ได้แก่ ด้านที่ปรึกษาการขาย ด้านที่ปรึกษาการบริการ ด้านลูกค้าสัมพันธ์ ด้านการจัดการงานอะไหล่ ด้านการจัดการงานรับประกันคุณภาพ ด้านเทคนิคและงานซ่อม ด้านการประเมินราคางานซ่อมสีและตังถัง และด้านงานเทคนิคซ่อมสีและตัวถัง

ผลการแข่งขัน MG SKILL CONTEST ครั้งที่ 7 
1. ด้านที่ปรึกษาการขาย
• รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นาย จักริน จันทสิทธิ์ (บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด สำนักงานใหญ่ เพชรเกษม)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นางสาว วิไลวรรณ อัศวภูมิ (บริษัท พรนุภาพ เอ็มจี จำกัด)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นางสาว ชราวดี อินภูธร (บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด (สาขาแม่โจ้)

2. ด้านที่ปรึกษาการบริการ
• รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นาย เกรียงไกร โกศัยเนตร (บริษัท เซควอญ่า หลักสี่ จำกัด สาขารามอินทรา)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นาย พัสกร เจริญบวรศักดิ์ (บริษัท ซีเอ็นเอ็กซ์ ออโต้ จำกัด สาขาลำพูน)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. วิรุฬรัตน์ สุนทรวัฒน์ (บริษัท สุวัฒนา ขอนแก่น จำกัด)

3. ด้านลูกค้าสัมพันธ์
• รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. ชนิตา ช่วงมณี (บริษัท เอ็มจีลักซูรี่ หาดใหญ่ จำกัด สาขาเมืองสงขลา)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล15,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. ทัศวรรณ ประทุมทิพย์ (บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด สาขาพัทยา)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. กนกพร อร่ามโรจน์ (บริษัท เอ็มจี พระนคร จำกัด สาขาอ้อมน้อย)

4. ด้านการจัดการงานอะไหล่
• รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. แพรวพรรณ พลพิภักดิ์ (บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด สาขาชลบุรี)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: จ.ต. วิษณุ นาดี (บริษัท เคพีออโต้คลองหลวง จำกัด)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นาย สุชาติ รัชนาทกุล (บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด สาขาชลบุรี)

5. ด้านการจัดการงานรับประกันคุณภาพ
• รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. สุนันทา สุริยะ (บริษัท เอ็มจีลักซูรี่ หาดใหญ่ จำกัด สำนักงานใหญ่ ลพบุรีราเมศร์)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. สุธิดา ก้อนเกษ (บริษัท เคพีออโต้คลองหลวง จำกัด)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. กัญชลิกา สลับสี (บริษัท เซควอญ่า หลักสี่ จำกัด สาขารามอินทรา)

6. ด้านเทคนิคและงานซ่อม
• รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นาย นิพนธ์ ภักดีวงษ์ (บริษัท เอ็มจีลักซูรี่ หาดใหญ่ จำกัด สาขาทุ่งสง)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นาย จักรกฤษณ์ เจริญแพทย์ (บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด สาขาชลบุรี)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นาย พัฒน์พงศ์ สุกปลั่ง (บริษัท ดีพร้อม มอเตอร์เซลส์ จำกัด สาขาพิษณุโลก)

7. ด้านงานประเมินราคางานซ่อมสีและตัวถัง
• รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. จิรัชญา เทียมจันทร์ (บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด สำนักงานใหญ่ เพชรเกษม)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. ชนัญธิดา ฤทธิ์จันอัด (บริษัท ปฐพีทองออโต้ จำกัด สาขาหัวทะเล)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: น.ส. วรรณา มารรัมย์ (บริษัท เอ็มจี อนันตภัณฑ์ ออโตเซลส์ จำกัด)

8. ด้านเทคนิคงานซ่อมสีและตัวถัง (แข่งขันเป็นทีม ทีมละ 2 ท่าน)
• รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เงินรางวัล 40,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นาย ณัฐกิตต์ แสงสุข และ นาย นิรันด์ แก่นนาคำ (บริษัท เอเลแกนซ์ วีฮีเคิล จำกัด)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นาย วรวุฒิ บุตรสุวรรณ และ นาย สมศักดิ์ พรหมพิทักษ์ (บริษัท เอ็มจี เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด สาขาปทุมธานี)
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศนียบัตร: นาย คงภัค ยันจอหอ และ นาย จักรกฤษณ์ ซึมกลาง (บริษัท เอ็มจี อนันตภัณฑ์ ออโตเซลส์ จำกัด)

นอกเหนือจากรางวัลผู้ชนะเลิศแต่ละประเภทแล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้ทำการมอบรางวัลพิเศษ สำหรับผู้จำหน่ายที่ได้รับการโหวตคะแนนสูงสุด แต่ละประเภท โดยได้เปิดให้ผู้สนใจ ได้เข้าร่วมโหวดผู้ชนะการแข่งขัน ในแต่ละประเภทผ่านทาง Website MGcars.com MGThailand Facebook page และกลุ่มไลน์ MG Family โดยผู้จำหน่ายที่ได้รับการโหวตคะแนนสูงสุด แต่ละประเภท ดังนี้
1. Popular Vote ด้านที่ปรึกษาการขาย : บริษัท วัชรเซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด
2. Popular Vote ด้านที่ปรึกษาการบริการ : บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด (สำนักงานใหญ่) เพชรเกษม
3. Popular Vote ด้านลูกค้าสัมพันธ์ : บริษัท เอ็มจี เอซี ตาก ออโตโมบิล จำกัด (สาขาแม่สอด)
4. Popular Vote ด้านการจัดการงานอะไหล่ : บริษัท เอ็มจีลักซูรี่ หาดใหญ่ จำกัด (สำนักงานใหญ่) ลพบุรีราเมศร์
5. Popular Vote ด้านการจัดการงานรับประกันคุณภาพ : บริษัท เคพีออโต้คลองหลวง จำกัด
6. Popular Vote ด้านเทคนิคและงานซ่อม : บริษัท เคเอเอส มอเตอร์ส จำกัด
7. Popular Vote ด้านงานประเมินราคาซ่อมสีและตัวถัง : บริษัท เอ็มจี ลักซูรี่ นครศรีธรรมราช จำกัด (สำนักงานใหญ่)
8. Popular Vote ด้านเทคนิคงานซ่อมสีแลตัวถัง : บริษัท อยุธยา แกรนด์ เอ็มจี เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 

และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจีได้ที่
Website: www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand

เพชรบูรณ์  รมช.คลัง มอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุตามโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์

(26 ม.ค. 68) เวลา 10.00 น. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  มอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ภายใต้โครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ "สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน" โดยมี นายศรัณยู  มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ คณะผู้บริหารกระทรวงการคลัง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้เช่าที่ราชพัสดุ เข้าร่วม ที่อาคารหอประชุมโรงเรียนแคมป์สนวิทยาคม   อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังมีเจตนารมณ์ในการบริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด และตระหนักถึงนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้แก่ราษฎร จึงให้กรมธนารักษ์ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีภารกิจหน้าที่ปกครอง ดูแล และบำรุงรักษาที่ราชพัสดุนำที่ราชพัสดุ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของส่วนราชการต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในราชการ มาสนับสนุนการดำเนินโครงการของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้แก่ประชาชน โดยจัดให้ประชาชนที่ถือครองที่ราชพัสดุอยู่ก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546 และไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์เช่าที่ราชพัสดุตามนโยบายรัฐบาลในอัตราผ่อนปรน ผ่านกลไกการจัดให้เช่าของกรมธนารักษ์ตามกฎหมายที่ราชพัสดุส่งผลให้ราษฎรที่ยินยอมเช่าที่ราชพัสดุมีคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนด้านสาธารณูปโภค และระบบสาธารณูปการเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานของทางราชการ สร้างรายได้ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างความเข้มแข็งด้านสังคมและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับราษฎร   โดยในครั้งนี้กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน พช.80 พช.468 พช.768 และ พช.861 จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ 9,113-0 - 55 ไร่ มอบสัญญาเช่า จำนวน 107 ราย เนื้อที่ประมาณ 100 - 2 - 62ไร่ แบ่งเป็น เพื่ออยู่อาศัย จำนวน 48 สัญญา เนื้อที่ประมาณ 26 - 0 - 70 ไร่ และเพื่อการเกษตร จำนวน 91 สัญญา เนื้อที่ประมาณ 74 - 1 - 92 ไร่ ตามโครงการ "ธนารักษ์เอื้อราษฎร์ "

สำหรับโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ "สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน" เป็นการขับเคลื่อนตามนโยบายของ รัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมเพิ่มคุณภาพ ชีวิตด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม และในปี พ.ศ. 2568 รัฐบาลมีนโยบายในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ประชาชนภายใต้โครงการ

"ธนารักษ์เอื้อราษฎร์" อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายในการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้แก่ประชาชนไม่น้อยกว่า 3,950 ราย ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ท้องถิ่นได้มากขึ้นต่อไป

นราธิวาส-มทภ.4 นำความห่วงใยจากผู้บังคับบัญชา พร้อมเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ ย้ำดูแลเร่งรัด สิทธิ์สวัสดิการอย่างดีที่สุด กำชับทหารเป็นที่พึ่งประชาชนทุกมิติ

(26 ม.ค. 68 ) เวลา 13.30 น. ที่ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา เข้าเยี่ยมให้กำลังใจและติดตามอาการของกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดลาดตระเวน กองร้อยทหารพรานที่ 4511 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 บริเวณศาลาปฏิบัติธรรม บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 5 หมู่ที่ 9 ตำบลบองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ จำนวน 6 นาย เสียชีวิต 1 นาย เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์อย่างใกล้ชิด จำนวน 4 นาย คือ 

1.จ่าสิบเอก ครรชิต เสนาะกรรณ อายุ 43 ปี ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดบริเวณหัวไหล่ขวา และใต้เข่าขวา มีอาการแน่นหน้าอก ปวดบริเวณหน้าอก
2. อาสาสมัครทหารพราน อดิศักด์ หนูเนตร อายุ 39 ปี มีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อ มีอาการปวดตามร่างกาย 
3. อาสาสมัครทหารพราน ซาฮารี ยูเปาะนะ อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณใบหน้า มีอาการระคายเคืองตาซ้าย มีแผลบริเวณเปลือกตาซ้ายและแขนซ้าย ปวดบริเวณหน้าอก มีอาการปวดตามร่างกาย
 4. อาสาสมัครทหารพราน อัมมัร รือราโพ อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บ มีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อ ปวดตามร่างกาย

โดย พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้นำกระเช้าเยี่ยมแสดงความห่วงใยจาก ผู้บังคับบัญชามาถึงผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากนี้ได้กำชับหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ เรื่องสิทธิสวัสดิการของกำลังพลให้เร็วที่สุด พร้อมกล่าวชื่นชมในความกล้าหาญ ทุ่มเทและเสียสละ และในนามของรัฐบาลและกองทัพบก ตลอดจนผู้บังคับบัญชาทุกคน ขอนำความห่วงใยและความปรารถนาดี มาสู่เพื่อนข้าราชการและครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุกนาย  พร้อมย้ำว่าผู้บังคับบัญชาพร้อมให้ความช่วยเหลือดูแลอย่างเต็มขีดความสามารถ และพร้อมจะอำนวยความสะดวกเมื่อเกิดปัญหา ทั้งนี้ขอให้กำลังพลรักษาสุขภาพ ร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็งโดยเร็ว และขอให้หายจากการเจ็บป่วยในเร็ววัน ยืนยันรัฐบาล โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้ามีความห่วงใยไม่ทอดทิ้งกำลังพลทุกนาย ย้ำทุกฝ่ายเร่งสืบสวน สอบสวน รวบรวมหลักฐานในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมพร้อมมาตรการเข้มดูแลประชาชนช่วงเทศกาลตรุษจีน 2568 ทั้งวันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว แนะประชาชนระมัดระวังป้องกันอัคคีภัย และระวังภัยออนไลน์  “อั่งเปาทิพย์”

(26 ม.ค. 68) พ.ต.อ.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองสารนิเทศ (รอง ผบก.สปพ.รรท.ผบก.สท.) เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 27-29 มกราคม 2568 เป็นเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2568 โดยพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนจะออกมาจับจ่ายซื้อของ เพื่อทำพิธีไหว้บรรพบุรุษ รวมทั้งเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเฉลิมฉลองเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพตลอดห้วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งวันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงกำชับให้หน่วยปฏิบัติดำเนินการตามมาตรการป้องกันปราบปรามอย่างเคร่งครัด

พล.ต.อ.ประจวบฯ สั่งการไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1 – 9, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพิ่มความเข้มงวด โดยเน้นการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจบริเวณที่มีประชาชนเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่นำไปประกอบพิธีไหว้บรรพบุรุษ รวมทั้งเฝ้าระวังการป้องกันเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ ธนาคาร ร้านทอง ร้านอัญมณี ร้านสะดวกซื้อ โรงทาน รวมทั้งเฝ้าระวังการเกิดเหตุเพลิงไหม้ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ตามแผนเผชิญเหตุ และเน้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจตามสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือในย่านที่เป็นที่พักอาศัยของคนไทยเชื้อสายจีนที่เดินทางไปท่องเที่ยว รวมทั้งป้องกันการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ หรือการลักทรัพย์ในเคหะสถาน 

พร้อมกันนี้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารการเดินทาง ผ่านเข้า-ออกราชอาณาจักร , ให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพิ่มความเข้มงวดในการกวาดล้างจับกุมผู้ค้ายาเสพติด และขบวนการลำเลียงยาเสพติดที่ฉวยโอกาสในห้วงเวลาดังกล่าว ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาตามแนวชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ เพื่อส่งต่อไปยังลูกค้ารายย่อยตามภูมิภาคต่าง ๆ หรือลักลอบลำเลียงส่งผ่านต่อไปยังประเทศที่สามและผู้ค้ารายย่อย อย่างต่อเนื่องจริงจัง โดยให้กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนร่วมปฏิบัติ รวมทั้งให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ดำเนินการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทศโนโลยีทุกกลุ่มคดีความผิด 

นอกจากนี้ พ.ต.อ.วรศักดิ์ฯ กล่าวว่า ในเทศกาลตรุษจีนนี้ขอให้พี่น้องประชาชนโปรดระมัดระวังป้องกันอัคคีภัยจากการจุดธูปเทียนไว้บรรพบุรุษ ไหว้เจ้า การเผากระดาษเงินกระดาษทองต้องมีภาชนะที่ไม่ติดไฟและแข็งแรงรับรอง ต้องดูให้ไฟดับสนิท การจุดประทัดต้องจุดในที่โล่ง และก่อนออกจากบ้านต้องตรวจสอบปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าและถอดปลั๊กออกทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน รวมทั้งระมัดระวังไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ ที่อาจมาหลอกลวงพี่น้องประชาชนในรูปแบบ “อั่งเปาทิพย์” ส่ง SMS แนบลิงก์เชิญชวนให้รับโชค ซึ่งเป็นลิงก์อันตรายหลอกติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน หรือหลอกขอข้อมูลส่วนตัว 

ทั้งนี้ หากต้องการขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุ สามารถแจ้งได้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ หรือสายด่วน 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นราธิวาส-พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตรวจเยี่ยมเรือนจำจังหวัดนราธิวาส

(26 ม.ค. 68) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติตรวจเยี่ยมเรือนจำจังหวัดนราธิวาส พร้อมคณะ พล.ต.ท. พัฒนวุธ อังคะนาวิน ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ โฆษกพรรคประชาชาติ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นราธิวาส เขต 5 พรรคประชาชาติ ได้เดินทางมาเรือนจำ จ.นราธิวาส ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการเยี่ยมญาติใกล้ชิด ผู้ต้องราชทัณฑ์คดีความมั่นคงให้โอวาทและสื่อสาร ความรักความห่วงใย ในโอกาส เทศกาลปีใหม่ประจำปี พ.ศ. 2568 แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์คดีความมั่นคงและครอบครัว ขอบคุณบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิ ศอ.บต. ประจำหมู่บ้าน ร่วมกิจกรรมไกล่เกลี่ยปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. ให้แก่ผู้ต้องขังจำนวน 14 ราย  และหน่วยสนับสนุน สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม สำนักงานเลขานุการ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง กล่าวว่าวันนี้ก็ต้องขอบคุณเรือนจำนราธิวาสที่ได้จัดให้มีการเยี่ยมญาติใกล้ชิดของผู้ต้องราชทัณฑ์ซึ่งเรือนจำนราธิวาสมีผู้ต้องราชทัณฑ์จำนานมากประมาณ 3,000 คน ดังนั้นจึงมีการหลายวันแต่วันนี้วันที่ 25 และวัดไปอีก 26 วัน และ 27- 31 ก็จะเปิดโอกาสให้ญาติ หรือบุคคลที่มีญาติมาเยี่ยมได้เยี่ยมใกล้ชิดจำนวน 1-5 คนขึ้นไป ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันแรกที่เราจัด และที่เราจัดไม่พร้อมกันเนื่องจากว่าผู้ต้องราชทัณฑ์ใน 3  จังหวัด มาอยู่นราธิวาสแต่ครอบครัวอยู่ปัตตานี บางคนอยู่ปัตตานีครอบครัวอยู่นราธิวาส เราเลยได้มีการจัดแบบสลับวัน เราเห็นว่าอยากจะให้ครอบครัวได้อยู่ใกล้ชิดกันก็ว่าได้เพราะเรือนจำมีไว้ออกไม่ได้มีไว้ให้เข้า ถ้าได้ออกไปเราอยากจะเป็นสถานที่ฟื้นฟูเพื่อให้มีคนใหม่เพื่อให้มีชีวิตใหม่ดีขึ้น ซึ่งบุคคลที่เข้ามาอยู่จะได้มีโอกาสต่างๆนาๆในการพัฒนาศักยภาพ และที่สำคัญก็คือ ได้รู้ความถนัดและความสามารถของตนเอง บางคนไม่รู้ว่าตนเองมีความถนัดอย่างศิลปะ เช่น ร้องเพลงเพราะเข้ามาอยู่ในนี้ก็ได้แสดงออก วันนี้ก็เป็นวันที่เรามีความเจตนาที่อยากจะคืนความสุขเพราะเราพูดเสมอว่า วาระของครอบครัว คือ วาระของรัฐบาล ไม่ว่าพรรคประชาชาติที่ตั้งอยู่ได้คือวาระของมะห์ ครอบครัวถ้าเราครอบครัวอบอุ่นครอบจะต้องเป็นผู้สร้างชีวิตใหม่และความสุขของคนก็อยู่ที่ครอบครัว

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

‘ดร.เอ้’ โพสต์เฟซ!! เสนอแนะ วิธีปราบฝุ่นพิษ PM2.5 ย้ำ!! เคยเสนอ ‘ครั้งแล้วครั้งเล่า’ และ ‘ขอเสนออีกครั้ง’

(25 ม.ค. 68) ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก …

ฝุ่น PM2.5 วิกฤตเเล้ว! ผมเคยเสนอ ‘ครั้งแล้วครั้งเล่า’ และ ขอเสนออีกครั้ง...

‘การแก้ปัญหาฝุ่นพิษ 6 ข้อ’  ให้มลพิษ PM2.5 ลดลง คือ

1.ประชาชนทุกคนต้องรับรู้ข้อมูลและอันตรายของ PM2.5 
วันนี้เราสามารถเช็กค่าฝุ่นเบื้องต้นเพื่อทราบข้อมูล จากแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ต่างๆ เพื่อตรวจเช็กค่าฝุ่นจากจุดใกล้ตัว ว่าค่าฝุ่นที่แสดงมีความอันตรายมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรา ทราบค่าฝุ่นได้แม่นยำมากขึ้น ก็ต้องมาจาก ‘จำนวนจุดวัดคุณภาพอากาศ ที่มากเพียงพอ’ ซึ่งควรมีอย่างน้อย ‘2000 จุดทั่วกรุงเทพ’ เพื่อให้ประชาชนสามารถทราบค่าได้อย่างแม่นยำ และต้องแสดงปริมาณฝุ่นให้ประชาชนได้รับรู้ บริเวณโรงเรียน โรงพยาบาล พื้นที่ก่อสร้าง และพื้นที่เสี่ยง เพื่อการปกป้องสุขภาพ และเพื่อการควบคุมฝุ่น ในพื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง ประชาชนมีสิทธิในการตรวจสอบ ขอประเมินคุณภาพอากาศ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการรับรู้ ประเมิน และตรวจสอบ ร่วมกับภาครัฐและเอกชน ภาครัฐต้องเเนะนำให้ประชาชน ‘ป้องกัน’ ตัวเองด้วยหน้ากากอย่างจริงจัง  ในปัจจุบันหน้าการที่ป้องกันโควิดบางแบบสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้บ้างถึงแม้จะไม่ดีเท่า N95 โดยเมื่อเรารู้ว่าตัวเราอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ก็ใส่หน้าเพื่อป้องกันการสูดฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย  โดยเฉพาะเด็ก และผู้สูงอายุ ประมาทไม่ได้เลย ฝุ่น PM2.5 อันตรายถึงชีวิต แต่ที่เห็น เรายังไม่สนใจที่จะป้องกันตัวเอง และคนที่เรารักเท่าที่ควร

2.กำจัดฝุ่นที่ ‘ต้นกำเนิด’ อย่างจริงจัง 
วันนี้เรายังเห็นรถเมล์เก่า รถบรรทุกควันดำ วิ่งเต็มกรุงเทพ อยู่ทุกวัน จริงไหมครับ แสดงว่า เราไม่เคยจริงจังกับเรื่องฝุ่นพิษเลย รถควันดำ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ปล่อยมลพิษ จะต้องไม่มีในกรุงเทพอีกต่อไป ไม่ใช่ปล่อย PM2.5 ตลอดเวลา แล้วเมื่อไหร่ อากาศจะดีขึ้น ไม่มีทาง ‘รถบรรทุกควันดำ’ เป็นส่วนใหญ่ วิ่งเข้าออก ‘ไซต์งานก่อสร้าง’ ทุกวัน วันละไม่รู้กี่พันกี่หมื่นเที่ยว  กทม.มีข้อบัญญัติความปลอดภัย ความสะอาด และป้องกันสิ่งแวดล้อมในมือ จัดการได้ทันที ถึงระงับใบอนุญาตก่อสร้างได้ เป็นการแก้ปัญหาถึง ‘ต้นตอ’

3.กฎหมายต้อง ‘เข้มแข็ง จัดการผู้กระทำความผิด’
แน่นอนครับการปลูกฝังจิตสำนึกเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา เเต่การใช้กฎหมาย ปรับให้เหมาะสมและต้องบังคับให้ใช้จริงเป็นสิ่งสำคัญ ตอนนี้เรากำลังจะมี ‘กฎหมายอากาศสะอาด’ ที่มาจากการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ภาควิชาการ และภาคการเมือง โดยยึดหลักมาตรฐานสากล กฎหมายอากาศสะอาด จะกำหนดเป้าหมายและมาตรฐานมลพิษทางอากาศอย่างเป็นธรรมต่อสุขภาพประชาชนและการพัฒนาประเทศ ตามหลักสุขภาพสากล กฎหมายอากาศสะอาดจะเน้นการกระจายอำนาจในการควบคุม ประเมิน ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหา อย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ กฎหมายอากาศสะอาดจะใช้มาตรการ 'ภาษีฝุ่นและค่าธรรมเนียม' กับการปลอดมลพิษอย่างไร้ความรับผิดชอบของบุคคลและนิติบุคคล เพื่อนำมาใช้ในการรักษา เยียวยาปัญหาสุขภาพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และจะให้ประโยชน์การลดหย่อนภาษีและโบนัสแก่บุคคลและนิติบุคคลที่ช่วยป้องกันฝุ่น ลดมลพิษ กฎหมายอากาศสะอาดจะส่งเสริมการวิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในประเทศ รวมทั้งการพัฒนาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจัดการมลพิษทางอากาศ และสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด
ทั้งหมดนี้ ผู้มีอำนาจจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ในต่างประเทศที่เคยประสบวิกฤตฝุ่นพิษ เช่น อังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี จีน เขาใช้ กฎหมายอากาศสะอาด เป็นเครื่องมือที่ได้ผลที่สุด ในการต่อสู้กับมลพิษ เเละเขาจริงจังเเละเข้มงวด ใครทำผิดเขาจัดการทันที เเต่ประเทศไทยยังไม่เข้มงวดมากพอ

4.ใช้เทคโนโลยี ‘มีดาวเทียม รู้ทันที ใครเผา’
เทคโนโลยีดาวเทียม ‘ไม่โกหก’ เมื่อปีก่อน ไทยเราส่ง ‘ดาวเทียมธีออส 2’ ซึ่งเป็นดาวเทียมวงโคจรต่ำ เวียนมา ‘สอดส่องดู’ พื้นที่ประเทศไทย ใครเผาป่า เผ่าไร่ ตรงจุดไหน ที่แปลงใด รู้ทันที ‘ใครต้องรับผิดชอบ’ GISTDA หรือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ผู้ดูแลดาวเทียม ระบุว่าข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมธีออส 2 มีรายละเอียดภาพหรือขนาดพิกเซล 50 เซนติเมตร ถือว่า ‘ความละเอียดสูงมาก’  ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตา จะใช้หรือไม่ ก็เท่านั้นเอง เมื่อเทคโนโลยี ‘มีแล้ว’ เราต้องใช้แก้ปัญหา ให้คุ้มค่า

5.กำหนดเขตมลพิษต่ำ ‘Bangkok Low Emission Zone’
นี่คือ 'เป้าหมาย' และ 'วิธีแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม' ที่เราต้องทำทันที รอไม่ได้ เพราะกรุงเทพมี 'ความหนาแน่นขึ้น' ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถยนต์เพิ่มขึ้นตาม ปัญหาการจราจรติดขัด และ มลพิษทางอากาศก็ตามมา โดยเฉพาะปัญหา PM 2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของพลเมือง

การประกาศ 'เขตมลพิษต่ำ' จะทำให้สามารถจำกัดการเข้ามาของยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษสูงที่จะเข้ามาในเมือง ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกเก่าควันดำ รถเมล์ควันโขมง หรือรถอื่น ๆ ที่ปล่อยมลพิษอันตรายน่ากลัว โดยจะมีการมีกำหนดอัตราค่าธรรมตามปริมาณมลพิษรถที่ปล่อยออกมา เมื่อผ่านเขตที่กำหนด ยิ่งรถปล่อยมลพิษสูง ค่าธรรมเนียมยิ่งแพง ส่วนรถที่ปล่อยมลพิษตามมาตรฐาน รถยนต์ไฟฟ้าพลังสะอาด จะไม่มีค่าธรรมเนียม เข้าได้ฟรี ขับได้ตามปกติ เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาดูแลรักษารถยนต์ให้มีมาตรฐาน ปล่อยมลพิษน้อยลง ใช้รถพลังงานสะอาดมากขึ้น หรือหันมาเลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทน ทำให้สามารถลดมลพิษจากท้องถนนได้

สำหรับกทม. ผมขอเสนอให้มีการกำหนดเขตมลพิษต่ำ 'Bangkok Low Emission Zone' นำร่อง 16 เขตกรุงเทพชั้นใน บริเวณเขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดุสิต พญาไท ราชเทวี ปทุมวัน สาทร บางรัก บางคอแหลม บางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ คลองสาน ธนบุรี และเขตยานนาวา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 130 ตารางกิโลเมตร เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างจริงจัง ผมเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้ชาวกรุงเทพฯ ได้รับอากาศสะอาดกลับคืนมาได้ครับ

ทำไมต้อง 16 เขต กรุงเทพชั้นใน?

เพราะเขตชั้นในนี้ มีประชากรอาศัยหนาแน่น ทั้งผู้อยู่อาศัย ผู้มาทำงาน และนักเรียน ที่มีโรงเรียนและโรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่นี้มากที่สุด จึงได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างมาก

เพราะพื้นที่นี้มีการก่อสร้างมากที่สุด มีปัญหามากที่สุดและส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อคนกรุงเทพ

และเพราะพื้นที่นี้อยู่ในแนวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่พร้อมที่สุด ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางมากว่าพื้นที่อื่น

6.กำหนด ‘เป้าหมาย’ ลดฝุ่นอย่างจริงจัง ต้องชัดเจน
ผมไม่เห็นใครออกมา 'ตั้งเป้าหมาย' เลยว่า อีกกี่เดือน กี่ปี ฝุ่นพิษ PM2.5 จะลดลง ให้อากาศกรุงเทพกลับมาสะอาดพอ ให้ลูกหลานเราจะหายใจได้อย่างปลอดภัย

เมื่อบ้านเมืองไร้เป้าหมาย สุดท้ายคือ อยู่ไปวันๆ ตายผ่อนส่ง ไม่มีอนาคต จริงไหมครับ ?

เมื่อ PM2.5 คือ อันตราย ตายจริง และขอย้ำ 'ปล่อยฝุ่นว่าโหดร้าย ปล่อยไว้โหดยิ่งกว่า' หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แสดงว่าเราไม่ได้ห่วงลูกหลานคนไทยเลย

ด้วยความห่วงใยมากครับ

ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

จีนใช้หุ่นยนต์เชิดสิงโต!! ต้อนรับตรุษจีน ปี 2025 จีนอวดคนทั้งโลก โชว์ประเพณีการเชิดสิงโต กับความไฮเทคของจีน

จีนใช้หุ่นยนต์เชิดสิงโต!! 
#ตรุษจีน ปี 2025 จีนคงอยากจะอวดทั้งโลก โชว์ประเพณีจีน Soft Power การเชิดสิงโตกับความไฮเทคของจีน !! #SoftPower

‘วีระศักดิ์’ ร่วมประชุมหารือ!! เรื่องฝุ่น ในระดับนานาชาติ ภายใต้!! โครงการปรับปรุงคุณภาพอากาศ ในภูมิภาคอาเซียน

(25 ม.ค. 68) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้โพสต์ข้อความ โดยได้ระบุว่า ... 

วันนี้ผมมาในนาม ‘สภาลมหายใจกรุงเทพฯ’ เพื่อร่วมประชุมกับกลุ่มนักวิชาการนานาชาติที่ทำงานเรื่องฝุ่น ที่ศาลาการจังหวัดเชียงใหม่ทั้งวัน

ภายใต้ ‘โครงการปรับปรุงคุณภาพอากาศในภูมิภาคอาเซียน : แนวทางสู่อนาคต’

กิจกรรมนี้เป็นการประชุม work shop แบ่งปันประสบการณ์ และความร่วมมือเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน จัดโดยความร่วมมือระหว่าง สำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส AFD สถานทูตฝรั่งเศส และจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสเป็นประธานเปิด มีรองอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กรมควบคุมมลพิษ สภาลมหายใจเชียงใหม่ สภาลมหายใจกรุงเทพฯ เครือข่ายนักวิชาการในไทย นักวิชาการฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น สกสว. AIT มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น

อัตราลมพัดดีกำลังจะมาถึงในอีกสองสามวันครับ

ต้นอาทิตย์หน้า ค่าฝุ่นควรจะลดลงได้มากครับ

‘เปิ้ล นาคร’ โพสต์เฟซ!! เหตุการณ์ประทับใจ ใครไม่รู้มาเลี้ยงข้าว ตอนอยู่ใต้ เพิ่งเฉลยภายหลัง!! ที่แท้เป็นคนดัง อดีต สว. ปัตตานี เจ้าของ ‘โรงแรมซีเอส’

(25 ม.ค. 68) นายนาคร ศิลาชัย หรือ ‘เปิ้ล’ นักแสดง และพิธีกรชื่อดัง ดาราจิตอาสา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าประทับใจ โดยมีใจความว่า ...

ผู้ชายคนนี้..ใครก็ไม่รู้..จู่ๆ ก็มาขอจ่ายตังค์เลี้ยงข้าวเรากับออก้า..“ขอบใจนะน้องที่มาช่วยชาวบ้าน”..แล้วเขาก็เดินจากไปอย่างที่เห็น…..(มีแบบนี้อีกหลายมื้อ ถ่ายไว้ไม่ทัน)..อีกทั้งขอบคุณพี่ป๋องโรงแรมcs ปัตตานีที่ดูแลเราและทีมงานกว่า20ชีวิต…..#คนใต้ใจดีน่ารักทุกคน# น้ำท่วมภาคใต้2567


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top