Tuesday, 2 July 2024
POLITICS

ราเมศ เผย เฉลิมชัย ย้ำ ตัวแทน - สาขาพรรคครบทุกเขต พร้อมทุกเวลาลงสนามลต.หากยุบสภา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการตั้งตัวแทนพรรค และสาขาตามที่กฎหมายกำหนดว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ย้ำถึงการดำเนินการตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนด ถึงกรณีการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ไม่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือยุบสภาเกิดขึ้นในอนาคตว่า  

พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง ในทุกสถานการณ์ได้เตรียมความพร้อมตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัดประจำเขตเลือกตั้ง การตั้งสาขาพรรค ครบทุกเขตเลือกตั้ง พรรคได้ดำเนินการครบทั้งหมดแล้ว เพื่อรองรับการเลือกตั้ง และทำงานให้กับประชาชน

ในส่วนของการเตรียมตัวผู้สมัคร มีผู้สมัครเดิมที่ยังคงทำพื้นที่อยู่ และมีบุคคลที่สนใจในเขตเลือกตั้งหลายเขตเป็นจำนวนมาก พรรคเตรียมบุคลากรไว้ให้ทำงานทำพื้นที่ล่วงหน้า ทำกิจกรรมร่วมกับประชาชน ช่วยเหลือในเรื่องต่างๆทำงานร่วมกับส่วนกลางอย่างเต็มที่

ที่สำคัญรัฐมนตรีก็ได้มีการนำผลงานที่เกิดจากนโยบายของพรรคไปสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนในเขตเลือกตั้ง รัฐมนตรีทั้ง 7 คน มีหลายผลงานที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นประกันรายได้พี่น้องเกษตรกร เรื่องชลประทานระบบน้ำ การแก้ปัจภัยแล้ง ด้านสวัสดิการ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็กแรกเกิด เรื่องบ้านมั่นคง รวมถึงการศึกษา รวมถึงเรื่องอื่น ๆ และในส่วนทีมยุทธศาสตร์ และทีมนโยบายพรรคได้มีการเตรียมการคิดนโยบายต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้พี่น้องประชาชนให้เกิดประโยชน์และยั่งยืนที่สุดต่อไป

ชวน เผย ทราบแล้ว ช่างไฟสร้างสภาติดโควิด ชี้! เป็นเรื่องของซิโนไทยดำเนินการตรวจ

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ช่างไฟฟ้าที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาติดโควิด-19 จำนวน 3 คน ว่า ตนได้รับรายงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เข้าใจว่าไม่ได้เข้ามาปฏิบัติงานในสภาฯ ซึ่งทางบริษัทซิโน-ไทย ได้ดูแลอย่างเข้มงวด เพราะช่วงนี้ยังไม่ค่อยมีการประชุม เจ้าหน้าที่ดูแลความสะอาดก็ต้องปฏิบัติตนอย่างเข้มงวด

และที่พนักงานติดเชื้อถือเป็นเรื่องภายในบริษัท โดยปกติแล้วพนักงานที่เข้ามาทำงานในรัฐสภาต้องตรวจคัดกรองทุกคน ตนพยายามบอกเจ้าหน้าที่ว่าอย่าไปเกรงใจ เช่นการลืมหน้ากากอนามัยก็ให้บอกได้เลย มีหน้ากากอนามัยบริการให้สามารถมาขอได้ มีที่ตรวจวัดอุณหภูมิหากผิดปกติก็ไม่ให้เข้ามาในอาคารสภาอยู่แล้ว และการตรวจพนักงานทุกคนเพื่อหาเชื้อโควิด-19 นั้นก็เป็นเรื่องของบริษัทซิโน-ไทย

นายชวน กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมในสภาก็ยังดำเนินไปตามปกติ โดยมีการใช้ประชุมแบบทางไกล ไม่เช่นนั้นงานจะค้าง อย่าไปหวังให้โควิด-19 หมดต้องอยู่กับความจริงโดยใช้วิธีป้องกัน ส่วนคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ชุดต่างๆ ช่วงนี้ก็มีการประชุมน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ส่วนที่มีการประชุมก็ใช้การประชุมด้วยระบบทางไกล

'เทพไท'​ เสนอตัดงบสัมมนา-ดูงาน-ก่อสร้าง-ซื้ออาวุธ ในการจัดงบ​ 65 มาแก้ปัญหาโควิด ชี้ไม่ควรออก พรก.เงินกู้อีก เชื่อส.ส.ฝ่ายค้าน-รบ.หนุนแน่

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต​ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่สำนักงบประมาณ จะเสนอร่างพระราชบัญญัติ​ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่อขอจัดทำเอกสารงบประมาณ ในวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท นั้นว่าเป็นวงเงินงบประมาณที่จัดตั้งน้อยกว่า วงเงินงบประมาณ ปี​ 2564 ที่มีวงเงิน​ 3.3 ล้านล้านบาท

โดยการกู้งบประมาณขาดดุล 608,962.5 ล้านบาท ประมาณการรายได้ 2,677,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับวงเงินงบประมาณ ปี​ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น ประมาณการรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท และการกู้งบประมาณขาดดุล 700,000 ล้านบาท ประมาณการรายได้จะน้อยกว่า แต่การกู้งบประมาณขาดดุลจะสูงกว่า ซึ่งจะเป็นภาระหนี้ของประเทศต่อไป

นายเทพไท กล่าวต่อว่า อยากจะเสนอให้ครม.มีความรอบคอบในการอนุมัติจัดทำงบประมาณประจำปี 2565 ของสำนักงบประมาณ ควรเตรียมแผนงานโครงการรองรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบ​ 3 หรืออาจจะมีรอบ​ 4 หรือรอบ​ 5 ตามมาก็ได้ ซึ่งไม่ต้องรื้อแผนงบประมาณในภายหลังอีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ รัฐบาลควรปรับลดแผนการใช้เงินงบประมาณของทุกกระทรวง ทบวง กรม มาเป็นงบประมาณที่ใช้ในการแก้ปัญหาประเทศ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยตัดงบประมาณในส่วนต่าง ๆ เช่น

1.) งบการประชุมสัมมนา

2.) งบการศึกษาดูงาน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

3.) งบประมาณการก่อสร้างโครงการใหม่ ยกเว้นโครงการที่มีงบผูกพัน

และ​ 4.) งบจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และการก่อสร้างค่ายทหาร เพื่อให้รัฐบาลได้มีเม็ดเงินงบประมาณเพียงพอ ในการเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ช่วงโควิดกำลังระบาด และไม่ควรที่จะใช้พระราชกำหนด​ (พรก.) เงินกู้เพิ่มเติมอีกในอนาคต

“ผมเชื่อว่าถ้ารัฐบาลจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ตามความเหมาะสม และความจำเป็นของสถานการณ์บ้านเมือง ก็สามารถแถลงเหตุผลต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้เข้าใจ อย่างตรงไปตรงมา ก็จะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างแน่นอน” นายเทพไท กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เดินหลง...ในดงโซเชียล​ By รัตนา & โกสินทร์

เปิดโซเชียลมาเห็นภาพ ท่านเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อำเภอเกาะพะงัน ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ให้จัด 'โรงพยาบาลสนาม'​ แล้ว ได้แต่ปลงสังขาร 'อนิจจา วต สังขารา'​ สังขารทั้งหลายนั้นไม่เที่ยง

นั่นก็เพราะวัดคงยังเป็นที่พึ่งพิงให้ประชาชนได้เสมอในทุกสถานการณ์ มองมุมหนึ่งก็รู้สึกสงบถึงขั้วหัวใจ อากาศแม้จะร้อนแต่ก็เย็นสบาย ยิ่งมีเสียงสวด “กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา” ให้ฟังยามนอนพักสังเกตุอาการ คงได้เจริญสติด้วยใจระทึกว่า ทำไมน้อ! ถึงติดเชื้อโควิดได้

ว่าแต่พอพูดถึงเรื่องการกักตัวในพื้นที่​ รพ.สนามแล้ว​ ก็ได้แต่ถอนหายใจ!

เพราะที่ไหน ๆ​ ก็จะระงมไปด้วยเสียงบ่นของผู้กักตัว

บางพื้นที่ ที่ไม่มีระบบปรับอากาศ​ ปล่อยให้ร้อน นอนไม่หลับ​ บ่นๆ​ๆ​ กันอยู่นั่น

เห็นภาพแล้วก็ละเหี่ยใจ ทำไมคุณ ๆ​ ดันไม่มองเห็นความลำบากของนักรบเสื้อกาวน์ ที่ต้องสวมชุด PPE มาดูแลคุณกันหน่อยล่ะฮึ?

อยากถามตรงนี้ ว่าใครลำบากมากกว่ากัน ยิ่งมาทราบว่า เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มาจากสถานบันเทิงด้วยแล้ว ใจอยากให้ย้ายไปกักตัวที่ 'ศาลาวัด'​ พร้อมเสียง​ “กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา” ให้รู้แล้วรู้รอด จะได้มีสำนึกรับผิดชอบตัวเองกันมากขึ้น

แล้วนี่น่ะ​ ล่าสุด หนู ๆ​ น้อง ๆ บ่นกันเต็มโซเชียล ว่าทำไม รพ.สนาม ถึงไม่มีการกั้นฉากกั้นม่าน ให้เป็นสัดส่วน เชื้อไม่แพร่กันง่ายหรือไง? ทำไมไม่กั้นฉากกั้นห้องหอแบบในต่างประเทศ?

เอ้า!! ตั้งใจฟังนะเด็ก ๆ​ ภาพ รพ.สนามจากต่างประเทศ เป็นการตั้ง รพ.สนาม เพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีอาการหนัก การกั้นฉากติดม่าน เค้าใช้บังสายตาไม่ให้เห็นการรักษาผู้ป่วยที่อยู่เตียงข้าง ๆ จะได้มีความเป็นส่วนตัวและลดความเครียด ต่างจาก รพ.สนาม ในบ้านเรา ที่ออกแบบใช้งาน สำหรับกักตัว สังเกตอาการ ถ้ามีอาการก็ส่งตัว แยกส่วนเข้า รพ. ดูแล

อีกอย่างหนึ่ง คุณหมอก็เคยบอกแล้วว่า การกั้นม่าน จะเพิ่มความแออัดทำให้ การไหลเวียนของอากาศไม่สะดวก เพิ่มการสะสมของเชื้อในอากาศ ทางที่ดีนอนบนเตียง​ อย่าไปรวมกลุ่มเล่นไพ่กันสนุกสนาน (อย่างที่มีภาพหลุด) หรือถ้าไม่มีอาการเลย ก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตามที่เค้าอนุญาต เหมือนน้อง ๆ ที่ รพ.สนามเชียงใหม่เค้าช่วยกันประกอบเตียงสนามที่ทำจากกระดาษ สำหรับรองรับผู้ที่ต้องกักตัวรายใหม่กันดีกว่า

เข้าใจป่ะ!!

ขอบ่นเรื่อง รพ.สนาม เท่านี้

ไถโซเชียลต่อ​ หลุดกรอบจอของศาลาวัด ก็มาสะดุดข่าวฝรั่งฝังตัวในไทย​ 35​ ปี 'เดวิด สเตร็คฟัสส์'​ นักวิชาการชาวอเมริกัน อดีต ผอ.โครงการ CIEE ขอนแก่น ผู้ดูแล 'The Isaan Record'​ ที่พึ่งถูกยกเลิกวีซ่าไป

ล่าสุดลือกันว่า เจ้าตัว เสนอขอทำงานให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น 'ฟรี'​ เพื่อหวังให้ ม.ขอนแก่น​ ออกหนังสือรับรองการว่าจ้างเพื่อยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงาน​ (Work permit) สำหรับขอต่อวีซ่าอยู่ต่อในไทย

ตรงนี้คงขอจับตาดู ว่าจะมีมหาวิทยาลัยอื่นไหมที่สนใจว่าจ้าง นักวิชาการต่างชาติท่านนี้ เพื่อผลิตงานวิจัย​ 'ต่อต้าน ม.112'​ ตามที่เค้าชอบทำวิจัยศึกษาด้านนี้มาตลอด 35 ปี

ส่วนตัวแล้ว​ สงสัยคงต้องเร่งกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แกไปได้ดี​ 'นอกบ้านเรา'​ เหมือนเพื่อนนักวิจัย สุรชัย ณ เจแปน จะเป็นการดีที่สุด

ก่อนจะลาจาก​ เจออีกฟีดกระแทกตาในโซเชียล​ต่อเชื่อมกับ​ 'เจ้าพ่ออีสานเรคคอร์ด'​ นายนี้ เพราะดันมีข่าวหลุดแชทหลุด เรื่องลี้ ๆ​ หนี ๆ​ ไปยังต่างแดนของกลุ่มแกน​ 3​ นิ้ว​

โดยหนึ่งในนิ้วอย่าง​ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (Democracy Restoration Group - DRG) และกลุ่มคณะราษฎร 63​ ก็เร่งออกมาปฏิเสธว่า ทั้งหมดคือเฟกนิวส์ให้งงงวยกันเบา ๆ​ ว่า...

"ไม่ต้องลงทุนถึงขั้นสร้างแชตปลอมออกมาโจมตีกันแบบนี้ เพราะมันดูไร้สาระมาก และที่สำคัญ ไม่มีใครใช้แชตไลน์คุยกับสถานทูตนะคะ มันไม่ปลอดภัย"

...ใครคือทูตก็ไม่รู้ แล้วใครเป็นคนบอกว่าเป็นทูต

...คุยกับทูตไม่ปลอดภัยอันนี้ก็น่าสนใจ

...แต่เสียดายที่ไม่ยอมบอกต่อว่า ไม่ปลอดภัยจากอะไร เพราะอะไร

ซึ่งใครจะเชื่อไม่เชื่อ แต่เราอยากบอกว่า กลุ่มสามนิ้ว ทั้งลูกเด็กเล็กแดง ไปจนถึงนักวิชาการ ต่างออกมาแก้ข่าวกันอุตลุด ถึงขนาดจับผิดเรื่องภาษาอังกฤษกันแบบขำ ๆ แต่เหงื่อตกเนียน ๆ

แบบนี้มันน่าพิลึกอย่างไรไม่รู้นะจ๊ะ ทั้ง ๆ​ ที่ สาวสวยหลังม็อบ​ ออกมาระบุพิกัดเองเลยว่า ไม่เคยติดต่อเจ้าหน้าที่สถานทูตผ่านทางไลน์

เอ!! ถ้าไม่มีฟืนไฟคงไม่มีควันให้เราเห็น ว่าไหม?

เราสอง รัตนา & โกสินทร์ อ่านด้วยสายตาฉงน...งงงวย​


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ครม.ขยาย “เราชนะ” อีก 1เดือน ปรับเป้าเพิ่ม 32.8 ล้านคน

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบ Video Conference วันที่ 20 เมษายน 2564 นี้ มีวาระทางด้านเศรษฐกิจที่น่าสนใจ คือ กระทรวงการคลัง จะเสนอขอขยายระยะเวลาการใช้เงินในโครงการเราชนะเพิ่มอีก 1 เดือน จากเดิมสิ้นสุดเดือน พ.ค. 64 เป็นสิ้นสุด 30 มิ.ย. 64 เพื่อให้ผู้ที่เพิ่งได้รับสิทธิ คือ ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้พิการ ผู้สูงวัย ซึ่งได้รับวงเงินไปเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีเวลาใช้เงินมากขึ้น และยังเสนอขออนุมัติงบเพิ่มเติม เนื่องจากมีผู้ที่ได้รับสิทธิในโครงการมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 31.1 ล้านคน อยู่ที่ 32.8 ล้านคน

ส่วนวาระอื่น ๆ ที่สำคัญ สำนักงบประมาณ เสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท โดยประมาณการจัดเก็บรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท และการกู้งบประมาณขาดดุล 700,000 ล้านบาท ฉบับ ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของโรงงาน ด้าน กระทรวงพลังงาน เสนอร่างกฎกระทรวงคลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว 

ขณะที่กระทรวงคมนาคม เสนอผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณ 2563 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต ทางด้านกระทรวงเกษตรฯ เสนอร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตประกอบกิจการยาง และกระทรวงพม. เสนอการขอต่ออายุวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารออมสิน วงเงิน 500 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย

“ประวิตร” ระบุมาเลฯ ยังไม่ประสานทางการไทย กรณีเตรียมผลักดันคนไทยลักลอบเข้าเมืองกลับประเทศ พร้อม โยนจนท. เอาผิดผู้ประกอบการย่านทองหล่อ ปล่อยคนแออัดจนโควิดระบาด

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โควิด-19 ตามแนวชายแดน ว่า ขณะนี้ไม่มีอะไร เมื่อมีการเข้ามาก็ตรวจสอบและรับ ซึ่งต้องยอมรับว่าถึงขณะนี้มีการผลักดันคนที่ลักลอบเข้าเมืองไม่ถูกต้องตามกฎหมายออกมา อาทิ คนที่ไม่มีพาสปอร์ต วีซ่า หรือพวกหลบหนีเข้าเมืองก็ต้องผลักดันออกมา ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยถ้ามีการทำผิดกฎหมายก็ต้องจับกุม ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานและตัวเลขคนที่หลบหนีเข้าเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา ส่วนทางมาเลเซียและกัมพูชา ยังไม่มีรายงานเข้ามา

ผู้สื่อข่าวถามว่าทางประเทศมาเลเซียได้มีการประสานทางการไทยเข้ามาแล้วหรือยัง ในการผลักดันคนไทยที่หลบหนีเข้าเมืองกลับประเทศ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่มีการประสานอะไรเข้ามา ทั้งนี้พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค4 ลงไปดูพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประชาชนเรียกร้องให้เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปละละเลยให้มีการเปิดผับผิดกฎหมายย่านทองหล่อ รวมทั้งเอาผิดกับประกอบการด้วย ว่า ต้องให้เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ว่าทำผิดหรือทำถูกอย่างไร ส่วนเรื่องการเอาผิดผู้ประกอบการที่ปล่อยให้มีคนเข้าไปอยู่อย่างแออัดนั้นเจ้าหน้าที่ต้องแล และดูว่าอันไหนผิดกฎหมายก็ทำตามขั้นตอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนการดูแลเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ ก็มีการดูแลอยู่แล้ว

‘บิ๊กป้อม’ บอก โควิดหายค่อยประชุม พปชร ‘ยัน’ ยังไม่มีความเร่งด่วน

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง การเลื่อนกำหนดการประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐ ว่า ยังไม่รู้ว่าจะประชุมเมื่อไหร่ โควิด-19 เลิกเมื่อไหร่ก็ประชุมเมื่อนั้น ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไรที่ต้องประชุมพรรค

พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 64 ถึงการแถลงข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19

เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Oak Panthongtae Shinawatra" ระบุว่า ลุงบอกจะแถลงข่าว... คนทั้งประเทศก็รอฟัง นึกว่าจะนำเสนอทางรอด จาก #Covid19

ลุงพูดไปบ่นไป ฟังก็ไม่รู้เรื่อง วัคซีนก็ไม่มา สาระก็ไม่มี ลุงนำพาประเทศฝ่าโควิด เหมือนตาบอดคลำทาง ไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์

ประเทศไทย อยากมีบัณฑิต ทำได้ง่ายนิดเดียว ลุงก็ลุกจากเก้าอี้สิครับ ลาออกไปซะ จะได้มีบัณฑิต มาบริหารประเทศบ้าง

#ผนงรจตกม คำ ๆ นี้ ใกล้จะเป็นความจริง ขึ้นมาทุกทีแล้วครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/oakpanthongtae/posts/307193384109060

“บิ๊กป้อม” มาแล้ว ขอเป็นกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ สู้โควิด-19 ดูแลปชช.ทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะห้วหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขอร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน และเจ้าหน้าที่ทุกคนซึ่งเป็นด่านหน้าช่วยเหลือประชาชน
ที่ร่วมมือปฎิบัติหน้าที่ดูแลและเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในทุกพื้นที่ของประเทศอย่างเข้มแข็ง แม้จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสก็ตาม

เชื่อว่าด้วยความเข้มแข็งในการปฎิบัติหน้าที่ของทุกฝ่ายมั่นใจว่าจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ครั้งนี้ไปได้ ประชาชนทุกคน ถือเป็นส่วนสำคัญที่สามารถสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ และให้ประเทศไทยสามารถรอดพ้นจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไปได้โดยการปฎิบัติตนตามคำแนะนำทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็น เว้นระยะห่างทางสังคม งดกิจกรรมการรวมตัวกัน ล้างมือบ่อย ๆ การใส่หน้ากากทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ลดการเดินทาง เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อและการแพร่ระบาดไปสู่บุคคลอื่น ๆ

รัฐบาลมีเป้าหมายที่ชัดเจน ในการสนับสนุนบุคคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนทั้งเป็นผู้ป่วยที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการ ให้สามารถเข้าสู่ระบบการรักษาสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง ทั้งการจัดหาเตียงรักษาผู้ป่วยให้เพียงพอ รวมทั้งการจัดโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศที่พร้อมให้บริการผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังมีแผนเร่งการนำเข้าวัคซีน และเร่งผลิตวัคซีนในประเทศ เพื่อดำเนินการฉีดป้องกันให้กับประชาชนให้ได้ตามแผนทางการแพทย์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ตามมาตรฐานสาธารณสุขสากล ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดประเทศได้อย่างเป็นทางการได้อย่างรวดเร็วที่สุด

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ยอดผู้ติดเชื้อในไทยยอดกว่า 1,390 ราย ขณะที่ในอาเซียนยอดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

“รอง นรม.” สั่งเตรียมรับน้ำมากกว่าปกติต้นฤดูฝน และเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำแล้ง

เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกฯ  เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เตรียมความพร้อมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝนปี 64 ซึ่งคาดการณ์ว่าช่วง เม.ย.- ก.ย. 64 ต้นฤดูฝนจะมีฝนมากกว่าค่าปกติ  เพื่อลดความเสียหายจากปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงจากสถิติการเกิดอุทกภัย ที่เกิดปัญหาซ้ำ จากน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่งและดินโคลนถล่ม

พล.อ.ประวิตร’ ยังได้กำชับ ขอให้ ทส.และ มท. ทำงานร่วมกับ สทนช.อย่างใกล้ชิด ประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นำสถิติข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลฝนคาดการณ์ในระบบ One Map กำหนดพื้นที่เสี่ยงนำ้ท่วมและพื้นที่ฝนทิ้งช่วง พร้อมกับปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง รวมทั้งเขื่อนระบายน้ำ  เพื่อกำหนดมาตรการรับมือในการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำ รองรับน้ำหลาก รวมทั้ง ให้เร่งขุดคูคลองและกำจัดผักตบชวา รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำตลอดลำน้ำสายหลัก  พร้อมกันนี้ให้พิจารณาเก็บกักรองรับน้ำในคราวเดียวกัน ทั้งการจัดทำแหล่งน้ำในพื้นที่และการเก็บน้ำใต้ดิน เพื่อรองรับการคาดการณ์ของฝนทิ้งช่วงที่จะเกิดขึ้น ระหว่าง ก.ค.- ก.ย. 64 

สำหรับพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ ขอให้เฝ้าระวังโดยให้ทบทวนและวางแผนการจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณนำ้ต้นทุนและแหล่งน้ำในพื้นที่ให้เพียงพอในทุกกิจกรรม ทั้งการอุปโภคและบริโภค การรักษาระบบนิเวศ การเกษตรกรรม และการอุตสาหกรรม โดยต้องไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค เพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่มีนำ้เพียงพอสำหรับประกอบอาชีพในภาพรวม

“ชวน” เผย ยังไม่ฉีดวัคซีนต้านโควิด บอกรอบุคลากรทางการแพทย์ฉีดให้ครบก่อน ย้ำต้องระมัดระวังตนเอง เข้มพื้นที่สภาฯ หลังหยุดยาวสงกรานต์

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยภายในสภาฯ เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักระลอกใหม่ ภายหลังจากหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ว่า ที่ผ่านมาทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้สั่งการไปหมดแล้ว โดยให้เพิ่มความเข้มงวด และมีการทำงานจากบ้าน หรือเวิร์ค ฟอร์ม โฮม ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีข้าราชการสภาฯ คนใดติดเชื้อ

ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับส.ส. ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สภาฯ นั้น ได้ดำเนินการระหว่างวันที่ 16 - 30 เม.ย. โดยมีผู้เข้าชื่อแจ้งความประสงค์สมัครใจจะฉีดประมาณ 200 คน แต่จากการสอบถามรองนายกรัฐมนตรีโดยตรงทราบว่ามีแพทย์ในพื้นที่ต่างจังหวัดยังไม่ได้ฉีด เพราะวัคซีนไม่เพียงพอ แต่เชื่อว่าเมื่อกระบวนการผ่านคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้วก็น่าจะทั่วถึง เพราะเท่าที่รับฟังทราบว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ก็น่าจะฉีดวัคซีนได้หมด

เมื่อถามว่า ส่วนตัวได้ฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง นายชวน กล่าวว่า ตนรอให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนให้ครบก่อนทุกคน ซึ่งตนก็ได้สอบถามไปว่าเขาจะได้ฉีดกันเมื่อไหร่ เขาก็บอกว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ไม่งั้นจะหาว่านักการเมืองเอาไปก่อน ขณะที่บุคลากรผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อยังไม่ได้ฉีด ตนจึงรอให้เขาเรียบร้อยก่อน

“ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่ฉีดแล้วจะติดเชื้อ เราต้องระมัดระวังตัวเอง ก็เห็นใจส.ส. ที่มีความเสี่ยง เพราะสัมผัสคนเยอะ และไปออกงานต่าง ๆ เกือบทุกวัน แต่คนที่เสี่ยงกว่าพวกเราก็มี คือบุคลากรทางการแพทย์แนวหน้า ทั้งนี้วิธีที่ดีที่สุดคือทุกคนอย่าหวังพึ่งวัคซีนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพึ่งตัวเอง หลีกเลี่ยงไม่ไปอยู่ในเหตุการณ์ที่อาจจะติดเชื้อได้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและช่วยสังคมส่วนรวม ส่วนส.ส. ฉีดแล้วเมื่อพบกับชาวบ้านเขาจะมั่นใจหรือไม่ ผมมองว่าขาวบ้านไม่ได้สนใจว่าส.ส. ฉีดหรือไม่ฉีด เพราะอยากมาจับมือและอยากมาอยู่ใกล้มากกว่า” นายชวน กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้กระบวนการนำเข้าวัคซีนยังเป็นไปได้น้อย ทางสภาฯ มีกระบวนการใดช่วยประสานนำวัคซีนเข้ามาเพิ่มเติมได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า สภาฯ คงไม่ไปเกี่ยวข้องและสภาฯ ไม่ได้เป็นผู้นำเข้ามา

“จตุพร” เฉ่ง “สิระ” แฉยับ! เคยต้องโทษติดคุกเรือนจำพิเศษ - พร้อมคดีหมิ่นประมาท คนแบบนี้ได้เป็น ส.ส. ย้อน “สิระ” มีกำพืดฉ้อฉลไม่อายหมาขี้เรื้อนหรือ? คนแบบนี้หรือ “ประยุทธ์”เอามาปกป้องตัวเอง

เมื่อ 19 เมษายน พ.ศ.2564  ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ตอบโต้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พลังประชารัฐ และประธานกรรมาธิการกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร โดยยกสุภาษีสวนกลับว่า พวกนายว่าขี้ข้าพลอย 
 
นายจตุพร อ่านข้อความที่ถูกนายสิระ กล่าวหาอย่างหยาบคายด้วยข้อความเท็จ พร้อมตอบโต้กลับว่า นายสิระ เป็นพวกมนุษย์ที่ไร้ค่า ไม่มีความน่าเชื่อถือ และก่อนมาเป็น ส.ส.ก็ถูกคดีอาญามากมาย ที่สำคัญคือ ตกเป็นจำเลยในคดีฉ้อโกง และใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น แล้วยังเคยต้องโทษจำคุกที่เรือนจำพิเศษมาด้วย 
 
พร้อมทั้ง กล่าวว่า วันที่ 24 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลาบ่ายโมงตรง คณะสามัคคีประชาชนจะเปิดอภิปรายไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย แต่ที่ผ่านมากลับมีพวกเส็งเคร็งทางการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์คณะสามัคคีประชาชน โดยเฉพาะนายสิระ ได้กล่าวหาตนอย่างหยาบคายด้วยข้อความอายหมาบ้างหรือไม่ ที่โหนกระแสเด็ก พวกขี้คุก ถูกคนเสื้อแดงเท และไม่มีใครเชื่อลมปากพวกคนล้มเจ้า 
 
นายจตุพร ตอบโต้นายสิระ ที่กล่าวหาโหนกระแสเด็กมาเรียกมวลชน ว่า นายสิระ นอกจากปากหมาแล้ว ใจยังหมาขี้เรื้อนด้วย และพวกโหนเป็นพวกที่เลวที่สุดที่เอาสถาบันมาปกป้องตัวเองแล้วทำลายคนอื่น 
 
“ผมยืนยันอย่างชัดเจนมาแต่ต้นว่า ผมมีแนวทางเดียว คือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพรประมุข ด้วยความเข้าใจกันเป็นอย่างนี้และพูดชัดมาแต่ต้น” 
 
ส่วนการแสดงคิดเเห็นถึงสิทธิประกันตัวนั้น ตนกล่าวอย่างพื้นฐานที่มนุษย์ควรได้รับสิทธินี้ แล้วยังเป็นเรื่องเมตตาที่วังคมต้องให้ระหว่างกัน ไม่ใช่ใครไปโหนใคร ซึ่งการกล่าวเช่นนั้น ไม่ใช่การปลุกมวลชน หรือโหนกระแสเด็ก เพราะคณะสามัคคีประชาชนยังไม่ถึงขั้นเรียกมวลชนชุมนุมเอาจริง  
 
อีกอย่างการชุมนุมที่สวนสันติธรรมเมื่อ 4-5 และ 7 เม.ย.ที่ผานมานั้น  เป็นเพียงการทำความเข้าใจกันว่า ระบอบประยุทธ์ ได้ทำให้บ้านเมืองกำลังล่มจมพินาศ ไม่ใช่การชุมนุมที่เรียกระดมพล รวมทั้งยามที่บ้านเมืองใกล้พินาศนั้น กลับมีคนได้ประโยชน์จะระบอบอประยุทธ์ ที่เอาคน สับปะรังเคอย่างนายสิระ มาค้ำบัลลังก์ น่าอับอายขายขี้นหน้าที่สุด 
 
นอกจากนี้ ตนเคลื่อนไหวทางการเมืองมาตลอดตั้งแต่วัยเด็ก ได้นำการต่อสู้กับคณะทหารยึดอำนาจในเหตุการณ์พฤษภา 35 ที่ชุมนุมในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ดังนั้น ตนไม่จำเป็นต้องแสวงหาชื่อเสียงใดๆเพิ่มเติม 
 
“นายสิระ ถ้าถามว่าคนหน้าด้าน ปากหมา ใจหมาควรจะอับอายนั้น คือ คนที่มีพฤติการณ์ฉ้อโกง ทำร้ายร่างกายผู้อื่น คนแบบนี้ที่เข้ามาเป็น ส.ส. มีพฤติกรรมติดคุกเพราะคดีขี้ฉ้อทั้งหลาย ซึ่งศล รธน.กำลังจะวินิจฉัย ถ้าดูจากสาระแล้วคงช่วยกันยาก” 
 
อีกทั้ง ที่บอกว่าก้าวล่วงสถาบันนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นการใส่ร้าย เข้าข่ายหมิ่นประมาท เพราะการเรียกร้องให้ปล่อยตัวคนหนุ่มสาวคณะราษฎรนั้น เป็นสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น ควรมีพื้นที่ของความเห็นต่างได้ และมนุษย์พึ่งมีให้แก่กัน แต่ตนไม่ก้าวล่วงในเนื้อหาของคดี 112  
 
ส่วนการดำเนินคดีของกองบัญชาการตำรวจนครบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมที่ผ่านมาจะถูกกล่าวหาเป็นคดีเดียว แต่ยุคนี้กลับเล่นกันเป็นรายวัน จึงเป็นกรณีเปรียบเทียบ แสดงถึงการตั้งข้อหามิชอบ 
 
“ประยุทธ์ ไม่รู้กำพืดของสิระหรือ เพราะมีคดีมากมายทั้งออกเช็คเด้ง มีคดีฉ้อโกง ถูกกล่าวหาปลอมเอกสารทางราชการ เคยติดคุกในเรือนจำพิเศษ ยังมีคดีหมิ่นประมาทอีก 11 คดี คดีขับรถเร็วประมาท  แล้วยังมีคดีทำร้ายร่างกายคนอื่น คนแบบนี้หรือที่มาปกป้องคนดี ประยุทธ์จะไม่รู้สึกรู้สาได้อย่างไง และเอาไปเป็นประธานกรรมาธิการกฎหมายได้ไง เพราะคนนี้ยิ่งกว่าน้ำเน่าเสียอีก” 
 
นายจตุพร กล่าวว่า การเรียกร้องให้ประยุทธ์ ออกไปนั้น ต่างใช้ความคิดเห็นแบบมีวุฒิภาวะ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาโควิดล้มเหลว จนประชาชนขาดความเชื่อมั่น และเศรษฐกิจย่ำแย่ โรงแรมต้องปิดตัวแล้วประกาศขาย ซึ่งมีแต่ทุนต่างชาติเท่านั้นจะสามารถซื้อได้ 
 
พร้อม ระบุว่า วันนี้ เราพยายามทำความคิดกับประชาชนและต้องสามัคคีกันเฉพาะหน้า เพื่อจัดการรัฐบาล อีกทั้งคุณภาพของรัฐบาลจะมีแค่ไหนต้องต้องดูจาก ส.ส.ที่เลือกรัฐบาลนั่นเอง

เพจ KKU GROUP มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ออกมาชี้แจงผ่านเพจดังกล่าว จากกรณีการเลิกจ้าง นายเดวิด สเตร็คฟัสส์ นักวิชาการชาวอเมริกัน โดยระบุว่า...

สืบเนื่องจากจากกรณีไทยสั่งระงับวีซ่า 'เดวิด สเตร็คฟัสส์' นักวิชาการชาวอเมริกัน อดีต ผอ.โครงการ CIEE ขอนแก่น ผู้ดูแล 'The Isaan Record' ที่ฝังตัวทำงานในไทยกว่า 35 ปี และเป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิชาการต่างชาติที่เคลื่อนไหวต่อต้าน ม.112 และ วิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯของไทย มาโดยตลอดนั้น

ล่าสุด เพจ KKU GROUP มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. ได้ออกมาชี้แจงผ่านเพจดังกล่าว จากกรณีการเลิกจ้าง นายเดวิด สเตร็คฟัสส์ (Mr.David Streckfuss) นักวิชาการชาวอเมริกัน โดยระบุว่า...

ผมขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อจากเมื่อวาน หลังจากได้ข้อมูลจากคณบดีและฝ่ายการต่างประเทศของ มข. ดังนี้ครับ

1.) โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา CIEE เป็นหน่วยงานภายนอก มข. มีความร่วมมือกับ มข.ในเรื่องการแลกเปลี่ยนนักศึกษาต่างประเทศ โดยไม่เคยมีสัญญาจ้าง

2.) มีการยกเลิกโครงการ CIEE เมื่อปีที่แล้ว (มข. ไม่ได้เป็นผู้ยกเลิก)

3.) หลังจากโครงการ CIEE ถูกยกเลิก คณะสาธารณสุขศาสตร์ มข.ได้มีสัญญาจ้าง 1 ปี โดยไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนเพื่อให้ดำเนินการสร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนนักศึกษาต่างประเทศกับหลาย ๆ ประเทศตามที่เจ้าตัวเสนอ เริ่มสัญญาจ้างเมื่อเดือน ส.ค.2563

4.) เดือน ก.พ.2564 ทางคณะฯ เห็นว่าไม่มีความก้าวหน้าในงานที่ได้ตกลงกันไว้ จึงแจ้งเจ้าตัวขอยกเลิกสัญญา

และ 5.) ไม่เคยมีตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใดใด มาพบหรือมากดดันอธิการบดีและคณบดี จึงเรียนข้อมูลให้ทุกท่านรับทราบ


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/99761

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=801780967427399&id=336295587309275

'ฟิล์ม-รัฐภูมิ' เรียกร้องให้รัฐบาลเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่ถูกสั่งปิดตามมาตรการควบคุมโควิด เพราะถึงแม้จะไม่มีคำสั่งล็อกดาวน์ แต่การสั่งปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ไม่ต่างจากการล็อกดาวน์

นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสถานการณ์โควิดที่แพร่ระบาดในวงกว้างอยู่ในขณะนี้ว่า ผู้ที่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคมส่วนหนึ่งก็คือกลุ่มคนในวงการบันเทิง รวมถึงผับ บาร์ คาราโอเกะ นักดนตรีอิสระ เพราะถูกมองว่าทำงานอยู่ในสถานที่ที่เป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาด แต่ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นเพียงคนทำมาหากินเลี้ยงชีพตนเองเหมือนกับคนกลุ่มอื่น ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องเข้มงวดควบคุมให้สถานบริการต่าง ๆ เป็นไปตามกฎระเบียบเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด

"ส่วนมากคนในธุรกิจบันเทิงจะไม่ได้อยู่ในระบบสวัสดิการของรัฐไม่ว่าจะเป็นประกันสังคมหรือสิทธิ์อื่น ๆ ทั้งที่คนเหล่านี้เป็นผู้ที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจของประเทศและเสียภาษีตามกฎหมาย มาตรการเยียวยาที่ออกมาถึงบ้างไม่ถึงบ้าง ต้องแย่งกันลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ บางครั้งคนไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนัก เพื่อที่จะเข้าถึงสวัสดิการของรัฐหรือการศึกษาที่ดีพอ แต่ด้วยระบบเศรษฐกิจการเมืองแบบปัจจุบันทำให้คนไทยยังติดอยู่ในวังวน โง่ จน เจ็บ อยู่เหมือนเดิม จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องต่อสู้ดิ้นรนทำมาหากินในทุกวิถีทาง"

ในฐานะคนในวงการบันเทิงอยากส่งเสียงดัง ๆ ไปยังผู้มีอำนาจขอให้มีมาตรการเยียวยาแบบทั่วหน้าและมีมาตรการสำหรับสถานประกอบการที่ต้องทำตามมาตรการของรัฐในการปิดสถานประกอบการ เพราะถึงแม้ครั้งนี้จะไม่มีการล็อกดาวน์ แต่การสั่งปิดสถานประกอบการผับบาร์คาราโอเกะทั่วทั้งประเทศ ก็ไม่ต่างอะไรจากการสั่งปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับทั้งเจ้าของกิจการ ลูกจ้าง นักดนตรี เด็กเสริฟ ไปจนถึงพ่อครัวแม่ครัว หลายแห่งทนพิษบาดแผลจากโควิดและมาตรการของรัฐไม่ไหว ต้องปิดกิจการ สร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงครอบครัวของแต่ละคน

"ดังนั้น รัฐบาลควรมีมาตรการเยียวยาคนเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่สั่งให้ปิดร้านไปอย่างน้อยถึงสิ้นเดือน แต่กลับไม่มีการช่วยเหลือใดใดเลย เวลาจ่ายหรือถูกปรับ อาชีพของพวกเราก็ไม่เคยถูกละเว้น แต่ทำไมตอนที่พวกเราต้องการความช่วยเหลือเยียวยาเหมือนกับคนอาชีพอื่นๆกลับต้องละเว้น ผมไม่เข้าใจ รอบนี้คงมีหลายคนอดตายก่อนเป็นโควิดแน่ สถานการณ์โควิดวันนี้ สิ่งที่รัฐควรทำคือแสดงภาวะผู้นำและการบริหารแบบชาญฉลาดเพื่อให้ทุกคนอยู่รอด ไม่ใช่ให้รัฐบาลกับพรรคพวกอยู่รอดอย่างเดียว" นายรัฐภูมิ กล่าว


ที่มา: https://www.naewna.com/politic/566841


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top