Tuesday, 2 July 2024
POLITICS

กสม.แถลงผลการดำเนินการรอบปี 63 เผยมี 465 เรื่องร้องเรียน เฉพาะสิทธิในกระบวนการยุติธรรมนำโด่ง 170 เรื่อง ยันห่วงใยการชุมนุมทางการเมือง ตั้งคณะทำงานติดตาม พร้อมลงพื้นที่ ทั้งเตรียมลงพื้นที่ชายแดนช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนกับชาวเมียนมา

ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ กรรมการสิทธิมนุษยชน ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) พร้อมกสม.ร่วมกันแถลง ผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ 2563 โดยกสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 465 เรื่องเป็นการร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรม 170 เรื่อง สิทธิพลเมือง 74 เรื่องสิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน 53 เรื่อง ซึ่งพื้นที่ที่มีการร้องเรียนแสนสูงสุดคือตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวน 90 เรื่อง ซึ่งกสม.ได้ตรวจสอบคำร้องและจัดทำรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวน 387 เรื่อง เช่น สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย กรณีชีวิตของนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก  สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวและตรวจเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมาย  

ส่วนการติดตาม ตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของ กสม. 131 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิชุมชนกรณีการมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ การเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ  อาทิ การเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะของคนพิการ  กรณีศึกษาผลกระทบด้านการจราจรของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี การยุติการตั้งครรภ์เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน และมีการประเมินสถานการณ์เฉพาะอีก 2 เรื่อง คือการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับเสรีภาพในการชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นและข้อเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งได้มีการเสนอรายงานดังกล่าวต่อรัฐสภาและครม.แล้วเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ยังได้มีการจัดทำหลักสูตรสิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และคู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน ร่วมมือและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนกับองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ จัดตั้งสำนักงานกสม.ในต่างจังหวัด นำร่องในพื้นที่ภาคใต้ที่จ.สงขลา และจัดตั้งศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคร่วมกับเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาอีก 6 แห่ง รวมเป็น 12 แห่งทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกลไกการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชนได้สะดวกรวดเร็วขึ้น  

อย่างไรก็ตาม กสม.เห็นว่ายังมีสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของกสม.และควรมีการแก้ไข คือกรณีที่รัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยกสม.กำหนดให้กสม.ต้องชี้แจงและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องโดยไม่ชักช้ากรณีมีการรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในประเทศไม่ถูกต้องเป็นธรรม  และข้อจำกัดด้านกฎหมายกรณีพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ60 ไม่ได้บัญญัติหน้าที่และอำนาจในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่เดิมที่ กสม.เคยมี ซึ่งถือว่าไม่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและหลักการสากล รวมทั้งเมื่อมีการจัดทำรายงานหรือข้อเสนอแนะในเรื่องต่างๆไปยังครม.รัฐสภาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วส่วนใหญ่ ไม่มีการแจ้งเหตุผลที่หน่วยงานเหล่านั้นไม่สามารถปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่กสม.ได้ 

เมื่อถามถึงการจับกุมผู้ชุมนุมทางการเมือง กรณีที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร อ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการต่อสู้คดี ทางกสม.จะมีการดำเนินการอย่างไร  นายสุวัฒน์ กล่าวว่า กรณีการชุมนุมทางการเมืองทางกสม.มีข้อห่วงใยและติดตามข้อมูล ข่าวสารมาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มต้นมีการชุมนุม เราได้ตั้งคณะทำงานเฝ้าระวังเพื่อติดตามข้อมูลทุกวันที่มีการชุมนุม และส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมที่สำคัญทุกครั้งและมีการสรุปรายงานให้ทราบทุกสัปดาห์ ส่วนที่มีประชาชนยื่นร้องเรียนเข้ามาประมาณ 10 เรื่อง เราก็ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบโดยเฉพาะและเร่งดำเนินการนำข้อมูล เหตุการณ์ ข้อร้องเรียนต่างๆมาประมวลเพื่อหาข้อสรุปโดยเร็ว โดยมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนมาร่วมให้ข้อมูล อาทิ ผู้ชุมนุม นักวิชาการ สื่อมวลชน เป็นต้น 

ขณะเดียวกันในเรื่องของผู้ถูกกุมขัง ทางกสม.มีความเป็นห่วงและได้ติดตามโดยให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจเยี่ยม ซึ่งตนก็มีโอกาสได้ไปเยี่ยมผู้ถูกกุมขังเช่นกันเพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ประเด็นการจับกุมเราได้พยายามศึกษาว่าจะดำเนินการได้อย่างไรบ้าง ซึ่งในเรื่องของการประกันตัวนั้น ทุกคนทราบดีว่าเป็นดุลพินิจของศาล เมื่อเป็นดุลพินิจของศาล ในระเบียบของกสม.ไม่ได้ให้อำนาจกสม.ดำเนินการพิจารณาได้ เราจึงได้ให้คณะทำงานเฝ้าระวังซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษากฎหมายพิจารณาศึกษาว่าเราจะมีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างไรบ้าง ยืนยันว่าเราพยายามติดตามและให้ความช่วยเหลือเรื่องนี้อยู่  

เมื่อถามว่า เหตุการณ์การชุมนุมประท้วงในเมียนมาทำให้มีคนลี้ภัยมาตามแนวชายแดน ทางกสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนหรือดำเนินการอย่างไรหรือไม่ นายสุวัฒน์  กล่าวว่า ตนได้รับการประสานว่าวันที่ 21 เม.ย.ทางประธานกสม.ระดับต่างประเทศจะหารือกันและเชิญประธานกสม.เมียนมาเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเราก็จะดูในภาพรวม ซึ่งประเด็นนี้เรามีความห่วงใยและเตรียมการจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ชายแดนเพื่อดูว่ากรณีถ้ามีราษฎรจากเมียนมาเข้ามา เราจะดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน มนุษยธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่ที่เราจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ  

ด้านนายบุญเกื้อ สมนึก เลขาธิการกสม. กล่าวว่า กรณีผู้ข้ามแดนลี้ภัยนั้น ทางกสม.มีมติมอบหมายให้สำนักงานฯลงพื้นที่เพื่อดูสถานการณ์ ซึ่งทางสำนักงานฯก๋ได้รับการตอบรับจากหน่วยความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ขณะเดียวกันทางสำนักงานฯก็ได้ประสานงานกับทางกระทรวงการต่างประเทศไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะมีมาตรการอย่างไร โดยกสม.จะดูในมิติของสิทธิมนุษยชน

‘ศิริกัญญา’ คลี่แผนงบปี 65 วิจารณ์ยับ รัฐปรับลดงบสวัสดิการ หั่น เงินบัตรทอง-กองทุนการศึกษา ชี้ จับตา ‘ก.พลังงาน’ บวกเพิ่ม 19% ‘ก้าวไกล’ เล็ง ประชุมออนไลน์กางงบให้ประชาชนร่วมวางแผน

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลฝ่ายนโยบาย กล่าวถึงการเตรียมพร้อมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ว่า เบื้องต้นตนเห็นข้อมูลงบระดับรายกรมและแผนงานต่าง ๆ จึงทำข้อสังเกตเบื้องต้นขึ้นมาก่อน อย่างแรกคือ เป็นรอบแรกในรอบ 12 ปีที่ปรับลดงบประมาณลง คือ ปรับลดลงเหลือ 3.1 ล้านล้านบาท จาก 3.29 ล้านล้านบาทในปี 2564 ซึ่งสามารถสรุปเป็นข้อสังเกตได้ ดังนี้ คือ

1.) 17 จาก 20 กระทรวงถูกปรับลดงบประมาณ โดยกระทรวงที่ถูกปรับลดงบมากที่สุด คือ กระทรวงศึกษาธิการ โดยถูกปรับลดลงกว่า 24,000 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานคณะกรรมาการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นหน่วยรับงบประมาณที่ถูกปรับลดมากที่สุด โดยถูกปรับลดลงถึงกว่า 20,000 ล้านบาท ในจำนวนนั้น 13,264 ล้านบาท เป็นการลดงบในแผนงานบุคลากรภาครัฐ ซึ่งก็คือส่วนของเงินเดือนค่าตอบแทน ส่วนกระทรวงที่ถูกตัดงบมากเป็นอันดับรองลงมา ได้แก่ กระทรวงแรงงาน ลดลง 19,977 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย ลดลง 17,144 ล้านบาท กระทรวงคมนาคม ลดลง 14,100 ล้านบาท

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า 2.) มี 3 กระทรวงที่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงที่ได้รับงบเพิ่มมากที่สุด คือ กระทรวงการคลัง คาดว่าจะเป็นเงินเพื่อชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย รองลงมาคือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยได้รับงบประมาณเพิ่ม 2,300 ล้านบาท โดยไปเพิ่มให้กับกรมเด็กและเยาวชน ดังนั้น คงต้องลุ้นกันต่ออีกปีว่าจะเป็นเงินเลี้ยงดูเด็กแบบถ้วนหน้าหรือไม่ ส่วนกระทรวงที่งบประมาณเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ คือกระทรวงพลังงาน โดยมีสัดส่วนงบประมาณเพิ่มขึ้น 19% เพิ่มให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (+80%) และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (+37%)

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า 3.) กระทรวงกลาโหมถูกปรับลดงบประมาณลง 11,000 ล้านบาท คิดเป็น 5.24% แต่ที่น่าสนใจคืองบบุคลากรของกระทรวงกลาโหมกลับเพิ่มขึ้นทั้ง 3 เหล่าทัพ คือ กองทัพบก เพิ่มขึ้น 799 ล้านบาท เป็น 58,892 ล้านบาท กองทัพเรือ เพิ่มขึ้น 531 ล้านบาท เป็น 21,283 ล้านบาท และกองทัพอากาศ เพิ่มขึ้น 365 ล้านบาท เป็น 13,258 ล้านบาท

4.) งบเพื่อสวัสดิการและการศึกษาหลายอย่างถูกตัด แม้เราอยู่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ เช่น กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ถูกตัดงบลง 5,740 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29% กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ถูกตัดงบลง 432 ล้านบาท เหลือ 5,652 ล้านบาท หรือแม้แต่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ก็ถูกปรับลดงบประมาณลง 1,815 ล้านบาท เหลือเพียง 140,550 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ สปสช. เองก็คาดการณ์ว่าจะมีผู้ที่เข้ามาใช้สิทธิบัตรทองเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 137,000 คน ในปี 2564 และอาจมีเพิ่มมากขึ้นหากสภาวะทางเศรษฐกิจยังคงย่ำแย่

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า และ 5.) รัฐเอาเงินอุดหนุน อสม. ออกจากเงินอุดหนุน อบจ. กลับไปให้กระทรวงสาธารณสุข (ประมาณปีละ 12,500 ล้านบาท) แต่ก็ไม่ได้มีการชดเชยเงินอุดหนุนเพิ่มเติมให้ อปท. โดยในปีงบประมาณ 2565 รัฐอุดหนุนเงินให้ อปท. ลดลง 5% (หลังหักเอาเงิน อสม. ออกแล้ว) และคาดว่า อปท. จะมีรายได้น้อยกว่าปีงบประมาณก่อนประมาณ 76,000 ล้านบาท หรือลดลง 9% ทั้งนี้ รายได้ของ อปท. อาจต่ำกว่าที่ประมาณการลงอีก เนื่องจากแนวนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการให้ลดภาษีที่ดิน ซึ่งเป็นรายได้โดยตรงของท้องถิ่นลงถึงร้อยละ 90 สำหรับปีภาษี 2564 และหากการเก็บภาษีของรัฐไม่เป็นไปตามเป้า ก็จะทำให้รายได้ที่รัฐจัดเก็บให้ และรายได้ที่รัฐแบ่งให้ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ลดลงไปอีก

"หลังจากนี้พรรคก้าวไกลจะประชุมเพื่อกำหนดธีมและหัวข้อในการอภิปราย ซึ่งเรายังยืนยันเรื่องการจัดสรรสวัสดิการที่ต้องครบถ้วนและครอบคลุมมากว่านี้ สำหรับปีนี้พรรคจะมีโปรเจ็กต์นำข้อมูลงบประมาณทั้งหมดของปี 2565 มาให้ประชาชนได้รับทราบและร่วมพิจารณางบว่า งบส่วนไหนที่ตัดได้ เพื่อนำไปเติมส่วนงบสวัสดิการ เพื่อให้รัฐบาลเห็นว่าประชาชนอยากจัดสรรงบประมาณมาใส่ในส่วนงบสวัสดิการเท่าไหร่ ซึ่งคาดว่าจะจัดการประชุมในรูปแบบออนไลน์เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'กรณ์' วิเคราะห์ ทีมยักษ์ใหญ่ยุโรปถอนตัว Super League ส่อล่ม อย่าดูถูกพลังของคนตัวเล็ก เจ้าของสโมสรต้องคำนึงถึงแฟนบอลด้วย เทียบการเมืองไทย ต้องเปลี่ยนวัฒนธรรม มี ‘สัญญาประชาคม’ ใหม่ ความเป็นธรรมมากขึ้น เชื่อว่ากติกาที่ดี จะทำให้สังคมดีได้

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความลง Facebook ถึงกรณีหลายทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ในยุโรปถอนตัวจาก Super League เนื่องจากแฟนบอลออกมาต่อต้านว่า...

Super League ส่อล่ม อย่าดูถูกพลังของคนตัวเล็ก

แฟน ๆ ฟุตบอลไม่มีใคร ไม่ติดตามข่าวความพยายามที่จะตั้ง Super League โดยทีมชื่อดังในยุโรป ซึ่งต้องการแยกตัวออกมาเล่นกันเอง เพราะคิดผิดว่านั่นคือสิ่งที่แฟนบอลต้องการ

ทันทีที่มีการลงนามเบื้องต้นไปแล้ว ปรากฏว่าแฟนบอลออกมาประท้วงกันอย่างหนัก ทั้งทีมใหญ่และทีมเล็ก (ผมเองยังเตรียมล่ารายชื่อแฟนบอลในไทยเพื่อส่งไปร่วมประท้วงด้วย)

กระแสคัดค้านแผนนี้ของทีมใหญ่ชัดเจนและรุนแรงจนทำให้ทั้ง 6 ทีมของอังกฤษที่ร่วมลงนามต้องรีบถอนชื่อกันแทบไม่ทัน

บทเรียนคืออะไร? (ผมคิดเองนะ...)

1.) ผู้ถือหุ้นแต่ละทีมเข้าใจผิด คิดว่าการ ‘การถือหุ้น’ ทำให้ผูกขาดความเป็น ‘เจ้าของ’ ลืมไปว่าแฟนบอลของแต่ละทีมเขาก็คิดว่าเขาเป็นเจ้าของเหมือนกัน

2.) เช่นเดียวกัน เจ้าหนี้ของแต่ละสโมสรก็คิดผิด นึกว่าทีมฟุตบอลเหมือนบริษัททั่วไป

3.) ปัญหาสำคัญมาจากการที่ผู้ถือหุ้น (และเจ้าหนี้) หลายรายเป็นต่างชาติ (โดยเฉพาะอเมริกัน) ที่มาจากคนละวัฒนธรรมการกีฬา ตรงนี้สะท้อนความไม่เข้าใจในความต่างในความคิดและการยอมรับ

4.) ฟุตบอลยุโรปมีเสน่ห์เพราะความเสมอภาค ใครเก่งก็ขึ้น ใครอ่อนก็ลง (แค่นี้ความเสมอภาคก็หายไปเยอะแล้ว เพราะสายป่านแต่ละทีมต่างกัน)

5.) และทีมฟุตบอลยุโรปแต่ละทีมมีที่มาและความผูกพันกับเมืองอย่างลึกซึ้ง (ต่างกับอเมริกาที่ทีมฟุตบอลเรียกว่าเป็น franchise ย้ายเมืองได้) ซึ่งความผูกพันกับเมืองมีค่าเพียงเพราะเมื่อมีการแข่งขันกับเมืองอื่นอย่างจริงจัง

6.) ระยะหลังแฟนบอลยุโรปมีอยู่ทั่วโลก (รวมถึงเมืองไทย) ซึ่งผู้ถือหุ้นเองอาจจะเข้าใจผิด มองคนเอเชียเราเป็น ‘ลูกค้า’ มากกว่า ‘แฟน’ และคิดว่า ‘เฮ้ย! คนไทยดูหงส์เตะกับผีมากกว่าดูนักบุญเตะกับช่างปั้นหม้อ งั้นเราก็เอาแต่หงส์กับผีมาเตะกันบ่อย ๆ เอามั้ย’ คำตอบคือ ‘ไม่เอา’ เพราะก๋วยเตี๋ยวยังต้องมีถั่วงอกมีเส้นมีนํ้าซุป จะกินแต่ลูกชิ้นมันก็ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยว

7.) สำคัญที่สุดคือผู้ถือหุ้นไม่เข้าใจ ‘brand’ ตัวเอง ไม่เข้าใจว่าพลังของ brand ทีมฟุตบอลมาจากอะไร และพลาดไปมอง ‘แฟน’ เสมือนเป็นแค่ ‘ลูกค้า’ แทนที่จะเข้าใจว่าเขาคือ ‘เจ้าของตัวจริง’

ผมนั่งคิดเปรียบเทียบกับการเมืองไทย ผมมองว่าวัฒนธรรม ‘ใครมือยาวสาวได้สาวเอา’ เป็นวัฒนธรรมที่ต้องเปลี่ยน จะเปลี่ยนได้ต้องมี ‘สัญญาประชาคม’ ใหม่ เป็นสัญญาว่าประเทศเราจะมีความเป็นธรรมมากขึ้น ต่างคนต่างทำหน้าที่ อำนาจมาจากหน้าที่ แต่เป็นอำนาจที่ตรวจสอบได้เสมอ

ผมถึงมาทำพรรคกล้า เพราะผมมองตัวเองว่าเป็นคนที่ไม่เอาเปรียบใคร และไม่ชอบใครที่เอาเปรียบคนอื่น ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการให้โอกาสทุกคน ให้ความสำคัญกับกติกา และเชื่อว่ากติกาที่ดีเท่านั้นที่จะทำให้สังคมดีได้

ปล. ลืมตัวไปนิด เพราะตอนแรกว่าจะคุยแต่เรื่องฟุตบอลเท่านั้น

ที่มา: https://www.facebook.com/71254499739/posts/10159568043349740/


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘แรมโบ้’ กางปีกป้อง ซัด ‘โอ๊ค’ ไล่ ‘บิ๊กตู่’ หวังให้พ่อกับอากลับมาเป็นนายกฯ หรือ โวลั่นสถานการณ์แบบนี้ยิ่งไม่ควรลาออก

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทาง เฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์การแก้ปัญหาโควิด-19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าพาประเทศฝ่าโควิด เหมือนตาบอดคลำทาง ไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ชี้ต้องให้ลาออก ให้คนมีความสามารถมาบริหาร ว่าแม้นายพานทองแท้ จะมองว่าการแก้ไขปัญหาโควิดของนายกฯ และรัฐบาล เหมือนตาบอดคลำทาง แต่ที่ผ่านมา 2 ครั้ง นายกฯ และรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้มาแล้ว และครั้งนี้ตนเองมั่นใจว่านายกฯ จะสามารถทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้ อย่าได้มาใช้นิสัยเดิม ๆ มาซ้ำเติมทำร้ายจิตใจคนที่ทุ่มเททำงานแก้ปัญหา

เรื่องการแถลงข่าวของนายกฯ หากนายพานทองแท้ตั้งใจฟังก็จะเห็นว่าได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว และจะทำอะไรต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของการบริหารจัดการวัคซีนที่กำลังทยอยเข้ามาฉีดให้กับประชาชน อีกทั้งนายกฯ ได้มีการติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศก็มีแนวโน้มว่ามีแนวทางในการจัดหาวัคซีนมากขึ้นอย่างแน่นอน และในเดือนมิถุนายนนี้เราก็จะมีวัคซีนจำนวนมาก เพราะสามารถผลิตได้ในประเทศ สามารถที่จะคำนวณฉีดให้กับประชาชนได้โดยภายในปีนี้จะสามารถฉีดให้กับประชาชนให้เร็วที่สุดอย่างน้อยร้อยละ 60

นายเสกสกล กล่าวว่า คนทำงานอย่างพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรต้องลาออก เพราะต้องแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและพัฒนาประเทศ ซึ่งเชื่อว่าหากเป็นคนอื่นน่าจะทำไม่ได้เท่ากับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะคงจะไม่เห็นความสำคัญของประชาชน ประเทศชาติ จะเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัวของตัวเองเท่านั้น เหมือนผู้นำบางตระกูลก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้ คงจำได้แน่นอน ขอให้นายพานทองแท้ เปิดใจรับฟังคนอื่นบ้าง ไม่ใช่จะว่ากล่าวตำหนิเพียงอย่างเดียว การบริหารจัดการสถานการณ์โควิด ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแต่ทั้งนายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามทำอย่างดีที่สุด ทั้งนี้นายพานทองแท้ จะไม่ให้กำลังใจนายกฯ แต่ก็ขอให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และคนทำงาน ให้กำลังใจคนไทยในการช่วยกันฝ่าฟันสถานการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้

"นายพานทองแท้ ไล่นายกฯ ให้ออกจากตำแหน่ง ขอถามกลับว่าคงอยากให้คุณพ่อหรือคุณอา กลับมาเป็นนายกฯ อีกใช่ไหม ช่วยถามหัวใจคนไทยส่วนใหญ่หน่อยว่า รับได้หรือเปล่า ก่อนจะไล่ใคร ช่วยย้อนกลับมามองตัวเองก่อน อย่าเอาอคติความแค้นส่วนตัวมาจ้องทำลายคนอื่น เพราะสิ่งที่เสียหายในอดีตมากมายมหาศาล นายกฯ คนนี้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา ยังไม่ได้ทำให้ประเทศชาติประชาชนเสียหายอะไร แต่ในภาวะวิกฤติทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหากับโควิด ประเทศเราก็ย่อมส่งผลกระทบความเดือดร้อนบ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เหมือนการทุจริตคอร์รัปชัน โกงบ้านโกงเมืองแต่อย่างใด" นายเสกสกล กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘รองโฆษก ปชป.’ แนะรัฐบาล เร่งหามาตรการช่วยแบ่งเบาภาระช่วงใกล้เปิดเทอมฯ ให้เป็น ‘ผู้ปกครองและเด็กชนะ’ ฝ่าวิกฤติโควิด

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาการใช้เงินตามโครงการ เราชนะ ไปจนถึง 30 มิ.ย.นี้ และมีการพิจารณาในการดำเนินการโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ว่า ตนขอขอบคุณรัฐบาลแทนประชาชนที่เข้าใจถึงสถานการณ์ความยากลำบากในช่วงของการระบาดระลอกใหม่ เพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดนี้ สามารถแพร่เชื้อได้ง่ายและอันตรายต่อผู้ติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งจากยอดติดเชื้อที่ยังคงอยู่ในระดับหลักพัน และคาดว่าจะยังคงสถานการณ์แบบนี้อีกหลายวัน ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกชักหน้าไม่ถึงหลัง พะว้าพะวังเป็นอย่างมาก

ดังนั้น การขยายระเวลาใช้สิทธิตามโครงการดังกล่าว ถือว่ารัฐบาลได้นำเสียงของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาร่วมพิจารณา ซึ่งมติ ครม.ที่เกิดขึ้นจะเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชนได้เป็นอย่างดี มีข้อพิสูจน์แล้วว่า ประชาชนต่างมีความกล้าในการจับจ่ายซื้อของมากขึ้น เพราะรัฐบาลได้สนับสนุนเงินทั้งประชาชนผู้ใช้สิทธิ์และร้านค้าผู้เข้าร่วมโครงการ ทำให้ภาพรวมสามารถประคับประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเอาไว้ได้

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่มีความกังวลในช่วงนี้คือความวิตกกังวลของผู้ปกครองที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายให้กับลูกหลานในวัยเรียน ถึงแม้กระทรวงศึกษาธิการจะพยายามให้มีการเปิดเรียนในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ก็ไม่มีใครรู้ว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด จะเบาบางลงวันไหน ดังนั้นหากรัฐบาลมีแนวคิดที่จะช่วยเหลือผู้ปกครองให้ผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากเพื่อสร้างอนาคตของชาติแล้ว จะต้องนำแนวคิดที่เคยมีผู้เสนอ เช่น การลดค่าเทอม 40 % การสนับสนุนค่าใช้จ่ายหรือการใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษาค้นคว้าฟรี หากจะต้องมีการเรียนผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น หรือการขยายสิทธิ์ของโครงการเยียวยาของรัฐบาล ให้ครอบคลุมหรือระบุวัตถุประสงค์ว่า จะต้องใช้จ่ายให้กับบุตรหลานในการเรียนเท่านั้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง และสร้างความสบายใจให้กับเด็กในช่วงเวลาใกล้เปิดเทอมที่จะถึงนี้

“ผมเข้าใจว่า ขณะนี้ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนส่วนใหญ่ นอกจากค่าชุดนักเรียน หนังสือ และอุปกรณ์การเรียนพื้นฐานแล้ว ก็มาจากการที่โรงเรียนเก็บเป็นเงินบำรุงหรือเงินอุดหนุนการศึกษา เพื่อดำเนินการจัดการเรียนการสอนเพิ่มเติมตามแต่ละโรงเรียน ซึ่งถือว่า เป็นภาระของผู้ปกครองที่จำเป็นจะต้องใช้จ่าย เพื่ออนาคตของบุตรหลาน ดังนั้น แนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีมาโดยตลอดคือการสนับสนุนเด็ก ๆ ให้มีอนาคตสดใส โดยพยายามแก้ไขปัญหาระหว่างทางให้มีน้อยที่สุด

ในสถานการณ์ท่ามกลางการระบาดของโควิดขณะนี้ ผมจึงอยากให้รัฐบาล หามาตรการในการช่วยเหลือเด็กนักเรียนและผู้ปกครองอย่างรวดเร็วที่สุด โดยรัฐบาลจะต้องประสานงานในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาความร่วมมือ จนมาออกเป็นมาตรการเร่งด่วน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และทำให้เป็น ‘ผู้ปกครองและเด็กชนะ’ ได้ในที่สุด ” นายชัยชนะกล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

นายกรัฐมนตรี ร่วมบำเพ็ญกุศลองค์พระหลักเมือง กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 239 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ

นายกรัฐมนตรี ร่วมบำเพ็ญกุศลองค์พระหลักเมือง กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 239 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ

เมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 21 เม.ย. 2564 ก่อนจะเดินทางเข้าทำเนียบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้แทนประชาชน ทำหน้าที่ประธานพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาพุทธและจัดพิธีบวงสรวงสังเวยตามพิธีพราหมณ์อย่างเรียบง่าย ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมือง ครบรอบ 239 ปี และ 21 เม.ย. คือวันตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 239 ปี

โดยนิมนต์พระสงฆ์ ประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อความเป็นศิริมงคลของประชาชนชาวไทยทุกคนและประเทศชาติ


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เดินหลง...ในดงโซเชียล By รัตนา & โกสินทร์

วันนี้กรุงเทพมหานคร ฝนตกอากาศขมุกขมัว แต่ต้องเดินตลาดหาข้าวหาปลาให้พี่โกสินทร์ ที่ต้อง Work From Home

ก่อนออกจากบ้าน รู้สึกตัวรุม ๆ เหมือนจะมีไข้ ว่าแล้วขอทาน “สารสกัดฟ้าทลายโจร” (ก่อนซื้อตรวจข้างขวด ต้องมี สารแอนโดรกราโฟไลด์ ไม่ต่ำกว่า 6 %) ที่กรมการแพทย์แผนไทยพึ่งออกประกาศความคืบหน้า ในการใช้สมุนไพรฟ้าทลายโจร รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ว่าให้ผลดีในผู้ป่วยถึง 280 ราย จาก 9 โรงพยาบาลของรัฐ ที่มีอาการป่วยไม่รุนแรง จนหายขาดเป็นปกติ

ฟังแล้วดีงามสะพานพุทธ ที่สมุนไพรพื้นบ้านของเราเยี่ยมยอดเช่นนี้ ราคาไม่แพงไม่ต้องนำเข้าเสียเงินทองให้ฝรั่ง...ว่าไหม?

แต่การทาน “ฟ้าทลายโจร” ต้องทานให้เป็นเพราะหมอเค้าห้ามกินก่อนป่วยหรือเพื่อป้องกันโรค ถ้าไม่ป่วยมีอาการ “คล้ายเป็นหวัด ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดหัวปวดเมื่อยตามตัว” อย่ารีบทาน แต่ถ้ามีอาการก็ทานได้เลย

บ้านไหนมีปลูกก็เด็ดกินใบสดวันละ 2-3 ใบ ส่วนถ้าทานแล้ว 2-3 วันไม่ดีขึ้นรีบไปหาหมอนะจ๊ะ

เขมือบฟ้าทะลายโจรปุ๊บ ก็ขอทากันแดด สวมหน้ากากปั๊ป แต่มือมันคันยับ ๆ เลยคว้าหมับมือถือมาไถดู Tiktok พลาง แม่จ้าว!! เจอคลิป HAPPYDAY HAPPYLIFE นั่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจ ประกอบเพลง How Do I Live ของสาวสวยหิ้วกระเป๋า Jacquemus ปี 2019 เบอร์แพง ที่แชร์กันกระแทกตาให้ได้ริษยา

จริง ๆ งานนี้ไม่รู้ว่า She อยากอวดหลัว หรือโยนหลัวให้ตก ฮ. เพราะชาวเน็ตสามัคคีกันขุด จนรู้ยศคนพานั่ง ฮ. เป็นถึงนายตำรวจยศพันโท ร้อนหูไหม้ถึง สตช. จนโฆษกตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ต้องออกมาแจงว่า คลิปดังกล่าวถ่ายโดย ภรรยา พ.ต.ท. อรรถพล ยี่เกาะ สว.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี หน้าห้องของอดีตรอง ผบช.ภ. 4 โดยเป็นสตอรี่ของวันที่ 28 กันยายน 2562 ขณะที่ พ.ต.ท. อรรถพล ไปราชการกับผู้บังคับบัญชา และได้พกภรรยานั่ง ฮ. ไปด้วย

จ๊ะ... เคลียร์!!

เคลียร์เรียบจริง ๆ เพราะล่าสุดต้นสังกัดได้มีคำสั่งย้าย พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยหลัวคุณเธอว์เรียบร้อยซะงั้น และที่แน่ ๆ ตอนนี้ คุณนายตำรวจคนสวยคงร้องท่อนฮุก “How do I live without you?” สามเวลาหลังอาหารแน่นวล

ปิด Tiktok แล้วเดินถึงบล็อกตลาดสดแถวบ้าน ระหว่างทางเดินปะฉะดะกับแม่ค้าพอหอมปากหอมคอ จะต่อราคาอะไร แม่ค้าต่างโต้ “อย่านะคะ อย่านะคะ” (ดีดกระดิ่ง ติ้งๆๆ) ชวนรมย์เสีย กับวลีฮิตตลาดสด ของแม่ค้าออนไลน์สวยศัลย์ “พิมรี่พาย” ที่ล่าสุดขายไปด่าไปตามสไตล์ รอบนี้ไม่รู้ยอดขายตกหรือรับเงินผ่านแอฟเป๋าตังไม่ได้ถึงพาลอวดดีด่าผ่าน live ว่า...

“ไม่ต้องสาระแนสอนชาวบ้านว่าทำโน้นนี่นั้น

เค้าทำกันอยู่แล้ววินัยเค้าดีกว่าคนใหญ่คนโต

ที่ทำให้ติดโรคอยู่ตอนนี้ด้วย เออฟาดนะ กุชอบมาก คนใหญ่คนโตขอร้องเลยอย่าสำส่อน ชาวบ้านจะได้ไม่ซวย 55555555 นัมเบอร์วันนะน้องนะ”

ฟังแล้วระคายหูปกติก็หยาบเกินเบอร์ รอบนี้ไม่รู้ฉีดโบท็อกเกินโดสมาหรือเปล่า ด่าหมอ ศบค. “สาระแน” ไม่พอยังบอกว่าชาวบ้านเค้ามีวินัย

จ้าแม่!!!! วัน ๆ คงเอาแต่ไลฟ์สด เลยไม่ออกมาดูเดือนดูตะวันสินะ เพราะที่ระบาดรอบนี้ มันมาจากวัยรุ่นวัยแรดไร้วินัยไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วพกโควิดนั่งรถด่วนแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ หลายเคสเอาเชื้อไปแพร่ให้คนที่บ้านตายเสียด้วยซ้ำ เธอว์มุดอยู่ในไลฟ์เหรอถึงไม่ทราบ...

เสียรมย์ เสียหู เดินผ่านแผงขายหมูซะหน่อย แต่เห็นหมู ก็นึกถึงหน้าแกนนำสามนิ้วที่อดอาหาร แต่เรื่องนี้ขอผ่าน เพราะมันเป็น “สิทธิเสรีภาพของเค้า” น้องเพนกวินจะขอถอนทนาย ไม่ยอมรับกระบวนยุติธรรม มันเป็นสิทธิของน้อง ตัวเจ๊ไม่ก้าวก่าย

แต่ประท้วงศาลด้วยการอดอาหารเพื่อขอประกัน มันเหมือนเรียกร้องขอสิทธิพิเศษเลยว่าไหม?

พูดถึงสิทธิพิเศษ เฟซบุ๊ก ก็ขึ้นเตือนทันที ขอแสดงความยินดีกับ น้องอแมนด้า ด้วยนะจ๊ะ ที่ได้สิทธิพิเศษในการฉีดวัคซีนชิโนแวค พร้อมผู้ติดตาม 5 คน ก่อนเดินทางไปประกวดนางงามจักรวาล ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ว่าแต่ก่อนหน้านี้ ที่ออกมาด่ารัฐบาลสารพัดอย่างเรื่องความเท่าเทียม แต่สุดท้ายวันนี้ได้ยิ้มแป้นแล้น เพราะกระทรวงสาธารณะสุขให้ฉีดวัคซีนก่อนลุงชวน หลีกภัยอีกซะนั้น แบบนี้เธอจะไปแก้ข่าวหรือบีบน้ำตาน้ำตาบนเวทีโลกแบบ ฮัน เลย์ๆ มั่งไหมเนี่ย

รัตนา งงงวย ลืมต่อราคาแม่ค้าซื้อสตอเบอรี่ถุงใหญ่ กลับบ้านไปฝากพี่โกสินทร์ด้วยอาการเพลียแดด...


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เว็บไซต์ The Isaan Record แถลงไม่ใช่องค์กรล้มเจ้าและจะดำเนินการฟ้องร้องผู้กล่าวหา

จากกรณีที่มีเว็บไซต์ข่าวบางแห่งได้กล่าวหาว่า เว็บไซต์ The Isaan Record ผลิตเนื้อหาล้มเจ้านั้น กองบรรณาธิการฯ ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงตามที่กล่าวหา แต่ The Isaan Record เป็นองค์กรที่ผลิตข่าวเชิงลึก และ สารคดีเชิงข่าว ในรูปแบบวิดีโอและรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้คนอีสานที่เป็นประชากรที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทยและมีพื้นที่ที่มากที่สุด โดยมีสโลแกนว่า “สื่ออีสาน เพื่อคนอีสาน”

ที่ผ่านมานำเสนอเรี่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมอีสาน สิทธิมนุษยชนและคนชายขอบ โดยมีผลงานเป็นซีรีส์เรื่องยาว อาทิ ซีรีส์ชุด “ลมหายใจหน้าฮ้านหมอลำ” ซีรีส์ชุด “ความหวานและอำนาจ” ซีรีส์ชุด “ความรัก เงินตราและหน้าที่ : เมียฝรั่งในอีสาน” ซีรีส์ชุด “พลังคนรุ่นใหม่แห่งที่ราบสูง” ซีรีส์ชุด “LGBTIQ+ อีสาน” เป็นต้น โดยนำเสนอทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้รับสารได้เข้าใจคนอีสานมากขึ้น

ทั้งนี้มีบรรณาธิการภาษาไทย หทัยรัตน์ พหลทัพ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2562 โดยเคยเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการและผู้สื่อข่าวอาวุโสองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (Thai PBS) แต่ได้ลาออกตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2561 เป็นต้นมา จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Thai PBS

อีกทั้ง Mr.David Streckfuss ไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้ง เว็บไซ์ The Isaan Record แต่เป็นผู้ดูแลต่อจาก Lizzie Presser และ Glenn Baker ชาวอเมริกัน 2 คนที่ทำงานในโครงการ Princeton in Asia (PIA) ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นผู้ก่อต้ังมาตั้งแต่ปี 2554

การกล่าวหาเว็บไซ์ The Isaan Record ไม่ว่าทางวาจาหรือการนำเข้าด้วยเครื่องมือทางอิเล็คทรอนิคส์ ทางกองบรรณาธิการจะปรึกษาทีมทนายและดำเนินการฟ้องร้องต่อไป

กองบรรณาธิการ The Isaan Record

วันที่ 20 เมษายน 2564

 

ที่มา: https://theisaanrecord.co/statement-of-the-isaan-recordth/


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เลขาฯ ป.ป.ช. เผย กำลังตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน รมต.วีรศักดิ์-นายกฯ อบจ.ยลดา ปมหนี้หายหมื่นล้าน ส่วน 4 ครม.ใหม่ ยังไม่มีใครยื่นฯ

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล คู่สมรส ที่ได้ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่ถูกตั้งข้อสังเกตเมื่อเทียบกับกรณีที่ยื่นไว้เมื่อเดือน สิงหาคม ปี 2562 ปมหนี้สินหมดไปกว่าหมื่นล้านบาทนั้น ว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเอกสารต่างๆก่อน ขณะนี้ยังไม่ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ กรณีดังกล่าว ป.ป.ช. มีวิธีตรวจสอบอยู่แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดใดได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนายวีรศักดิ์ อาจได้รับข้อยกเว้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่งรมช.คมนาคม เพราะมาตรา 105 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต มีข้อยกเว้นว่า หากเคยยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งส.ส.แล้ว ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินตอนเป็นครม.อีก

จะทำให้การตรวจสอบกรณีหนี้สิน 10,000 ล้านบาท ที่หายไปมีความยากลำบากขึ้นหรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า ไม่ลำบาก กรณีดังกล่าว ป.ป.ช. มีวิธีตรวจสอบพิสูจน์อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้ากรณี 4 รัฐมนตรีใหม่ ที่เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2564 ได้แก่

1.)นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

2.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

3.) นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

4.) นายสินิตย์ เลิศไกรรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

ดำเนินการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป.ป.ช.มีความคืบหน้าอย่างไร นายวรวิทย์ กล่าวว่า สำหรับกรณีของรัฐมนตรีทั้ง 4 ราย นั้น เคยยื่นเมื่อครั้งเข้าดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แล้ว จึงไม่ต้องยื่นอีก นอกเสียจากเจ้าตัวต้องการยื่นไว้เป็นหลักฐานก็ สามารถทำได้ ตามที่ พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 105 วรรคท้าย กำหนดว่าถ้าผู้ดำรงตำแหน่งตาม (1) (2) ซึ่งรวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่นที่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีด้วย ผู้นั้นไม่ต้องยื่นบัญชีในตำแหน่งใหม่ แต่ไม่ต้องห้ามที่จะยื่นเป็นหลักฐาน

นายวรวิทย์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินรายงานว่า ปัจจุบันยังไม่พบว่ารมต.ทั้ง4 ได้ยื่นบัญชีในตำแหน่งรมต.ไว้เป็นหลักฐานมาแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่ครบ 60 วันตามกฎหมายกำหนด ถ้าจะยื่นต้องดำเนินการยื่นให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28 มีนาคม-26 พฤษภาคม 2564 นี้


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 64 กรณีพระสงฆ์ใช้เครื่องกิโยติน ตัดคอตัวเอง อ้างถวายเป็นพุทธบูชา ว่า...

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่มีพระสงฆ์ใช้เครื่องกิโยติน ตัดคอตัวเอง อ้างว่าเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาว่า วันนี้ตนเห็นมีหลายลัทธิ ซึ่งองค์การเกี่ยวกับคณะสงฆ์ต่างๆ ก็จะเข้าไปดูแล รวมถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปดูแลในเรื่องนี้ด้วย

ขอให้ประชาชนอย่าไปหลงเชื่อในสิ่งที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้

แต่เรื่องแบบนี้ก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องมีเหตุและผลในการจะเชื่อหรือกระทบอะไรก็แล้วแต่ อีกทั้งพฤติกรรมเลียนแบบเช่นนี้ ตนคิดว่าคงไม่มีใครอยากจะทำ


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ยอดผู้เสียชีวิตในไทยเพิ่มขึ้น 4 ราย ยอดติดเชื้อ 1,443 ราย ขณะที่ในอาเซียนยอดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
 

‘บิ๊กตู่’ ลั่น ไม่ผูกขาดการจัดซื้อวัคซีนทางเลือกภาคเอกชน ย้ำทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนและปลอดภัย สั่งลากคอเจ้าของสถานบันเทิงดำเนินคดี ต้นตอทำเชื้อโควิดแพร่ระบาด เตรียมหารือหามาตราการเยียวยาประชาชนเพิ่มเติม พร้อม ‘ขอโทษ’ บางครั้งพูดผิดบ้างถูกบ้าง

เมื่อเวลา 12.40 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้ภาคเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนทางเลือกได้ ว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหารือแนวทางกับทางโรงพยาบาลเอกชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้นำเข้าวัคซีนเข้ามาเพิ่มขึ้น

แต่ทั้งนี้ การนำเข้าของเอกชนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทางผู้ผลิตวัคซีนของต่างประเทศก็จะต้องขออนุญาตรัฐบาลเช่นกัน ยืนยันรัฐบาลไม่ผูกขาดการจัดซื้อวัคซีน แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างปลอดภัย เพราะบริษัทผู้ผลิตวัคซีนจะไม่รับผิดชอบหากเกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียง

สำหรับ ตัวยา “ฟาวิพิราเวียร์" ที่มีการค้นพบว่าสามารถต้านโควิด-19 นั้น ทางรัฐบาลจะมีการจัดหาเพิ่มขึ้นอีก 3.5 ล้านเม็ด ภายในเดือนมิถุนายนและยืนยันว่าขณะนี้ตัวยายังพอเพียงในการรักษา

นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า จะดูแลบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อ โควิด-19 อย่างเต็มที่ ส่วนการลงโทษ ผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดนั้น ยืนยัน ไม่ได้นิ่งนอนใจและให้มีการตรวจสอบหาเจ้าของสถานบันเทิงที่แท้จริง เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ส่วนมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะหารือทีมเศรษฐกิจว่าจะใช้งบประมาณตรงไหน เพื่อมาช่วยเหลือประชาชนได้บ้าง ยืนยันรัฐบาลไม่ได้มีปัญหาด้านงบประมาณแต่ต้องจัดสรรว่าจะใช้งบฯ จากที่ใด ซึ่งโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลดำเนินการนั้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการ ‘เราชนะ’ ‘ม.33 เรารักกัน’ จะดำเนินการต่อไป ส่วนโครงการอื่นจะมีการพิจารณาอีกครั้งและจะได้คำตอบในเร็ว ๆ นี้

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวขอโทษ ที่บางครั้งพูดข้อมูลในบางเรื่องผิดพลาดไปบ้าง โดยระบุว่าตนเองนั้นเป็นคนคิดเร็ว พูดเร็ว อาจจะพูดผิดบ้างถูกบ้าง บางครั้งก็ลืมใส่การันต์ ขอให้ทุกคนเข้าใจ สิ่งใดไม่ดีก็ขอโทษและอะไรที่ดีก็ขอให้ร่วมมือ ยืนยันยึดหลักการจะทำให้ประเทศดีขึ้นและเดินหน้าแก้ไขปัญหา นายกไม่เคยเป็นอื่นและพร้อมทำทุกอย่างให้ประเทศไทยและประชาชนคนไทยดีขึ้น


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

อยากได้ แต่ของส่งไม่ทัน! ‘อนุทิน’ เผย สธ.ติดต่อสารพัดผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 หวังนำเข้าทันเดือนพฤษภาคม 64 แต่ติดปัญหาผู้ผลิตส่งไม่ทัน ย้ำ เดินหน้าลุยฉีดวงกว้างเดือนมิถุนายนนี้ ยืนยันยารักษายังมีเพียงพอ

20 เมษายน พ.ศ.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเรื่องความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือกับบริษัทไฟเซอร์แล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องการจัดส่งที่ยังไม่ทันกับความต้องการของไทย ที่ผ่านมา คุยไว้หลายบริษัท และติดปัญหาเดียวกันหมด จะมีแต่ของซิโนแวคที่สามารถจัดหามาได้

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักของไทย คือการให้บริการประชาชนในวงกว้างภายในเดือนมิถุนายนปีนี้ โดยวัคซีนของแอสตราเซนนิกา ภายในอาทิตย์นี้ ทาง อย. จะขึ้นทะเบียนอนุมัติไซต์การผลิตวัคซีนของแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นขั้นตอนทางเอกสาร ที่ผ่านมา การผลิตวัคซีนของไทย ได้มาตรฐานดีมาก คิดว่าทุกอย่างสามารถดำเนินไปตามแผนที่วางไว้ ส่วนแผนปัจจุบัน ภายในอาทิตย์นี้ จะฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ครบ 100%

เมื่อถามถึงข้อกังวลเรื่องจำนวนยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ป้องกัน นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ได้รับรายงานมา ยังมีจำนวนเพียงพอ และตนได้สั่งการให้จัดหาเข้ามาเรื่อย ๆ ยาฟาวิพิราเวียร์ ต้องมีสต็อกอย่างน้อย 5 แสนเม็ด ถึง 1 ล้านเม็ด ส่วนสถานที่รองรับผู้ป่วย มีนโยบายว่า ผู้ติดเชื้อ ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ เราต้องทำทุกทาง เพื่อรักษาชีวิตประชาชน มีความเป็นห่วงเรื่องข่าวสารที่เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นประเด็นที่สังคมสนใจ ขอให้ประชาชนรับข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข ควบคู่กัน เพื่อตรวจสอบข้อมูลกับแหล่งอื่น เพราะทางกระทรวงฯ อธิบายตามข้อเท็จจริง โดยผู้ที่ทำงานจริง เข้าใจสถานการณ์จริง

ก่อนหน้านี้ มีหมอจากจังหวัดภาคเหนือ ออกมากล่าวว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ไม่พอ ก็ต้องให้ส่วนกลางชี้แจงว่ามีเพียงพอ จนเข้าใจ ซึ่งคุณหมอได้ออกมาทำความเข้าใจกับประชาชนแล้ว

ส่วนสถานการณ์ การระบาด และมีความกังวลว่า จะมีผู้ป่วยอาการรุนแรงมากขึ้น แล้วเตียงจะพอหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ตอนนี้ ได้เตรียมเตียงไอซียูไว้รองรับแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาจะเกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่วนในต่างจังหวัดมีผู้ป่วยไม่มากก็จะไม่เป็นปัญหา เพราะมีการบริหารจัดการที่กระจายอำนาจไป ซึ่งมีทั้งผู้อำนวยการโรงพยาบาล มีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ อสม. บูรณาการกันทำงาน


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ศรีสุวรรณ ยื่น กสชท. สอบ สรยุทธ หวนคืนจอเล่าข่าว ทำได้หรือไม่ ชี้ ส่อขัดจริยธรรม

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 ที่สำนักงาน กสทช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ รักษาการเลขาธิการ กสทช. โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า ตามที่พิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดัง ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในเฟซบุ๊กแฟนเพจของตนเอง เพื่อเตรียมหวนกลับคืนสู่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง จะกลับมารับหน้าที่พิธีกรข่าว ในเดือนพฤษภาคม 2564 เคยทำหน้าที่พิธีกรรายการดังกล่าวมาหลายสิบปี ก่อนที่จะถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีค่าโฆษณาเกินเวลา และต่อมาได้รับการพักโทษ และปล่อยตัวจากเรือนจำอยู่ในขณะนี้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่พิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดัง ถูกต้องโทษและจำคุกในคดีอาญาอันเกี่ยวกับการสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน อันถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมแห่งวิชาชีพ โดยชัดแจ้ง ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งที่บุคคลดังกล่าว จะกลับมาทำหน้าที่อยู่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง เพราะบุคคลที่ทำหน้าที่พิธีกรหรือนักเล่าข่าว ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม โดยมีประวัติที่ไม่ด่างพร้อย

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ที่สำคัญรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 34 ประกอบมาตรา 35 ระบุในข้อยกเว้นเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไว้ว่า ต้องไม่ก่อให้เกิดการขัดต่อศีลธรรมอันดีและขัดต่อจริยธรรมวิชาขีพแห่งตนด้วย อีกทั้งข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ.2553 ซึ่งสอดคล้องกับธรรมนูญสภาการสื่อสารมวลชนแห่งชาติ 2553 ได้กำหนดจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพข่าวไว้ชัดเจนในข้อ 10 ความว่า “ต้องไม่ประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ หรือดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของผู้ประกอบวิชาชีพข่าว”

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องร้องเรียนต่อ กสทช. ให้ดำเนินการตรวจสอบและวินิจฉัยว่า การกลับมาเป็นพิธีกรเล่าข่าวหน้าจอโทรทัศน์ของผู้ที่เคยต้องโทษในคดีอาญา ยังจะสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไร และสังคมไทยโดย กสทช.จะสร้างบรรทัดฐานของเรื่องทำนองนี้ไว้อย่างไร

ป.ป.ช. เปิดทรัพย์สิน “นายกอบจ.ชัยนาท” น้องชาย “รมต.อนุชา” รวย 34 ล้าน คล้องหลวงปู่ศุข 3 องค์ มูลค่า 1.5 ล. สะสมปืน 6 กระบอก ทั้งไรเฟิล ปืนยาว ปืนสั้น เมียขับปอร์เช่ คันละ 3.5 ล.

เมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายอนุสรณ์ นาคาศัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยนายอนุสรณ์ แจ้งว่า ตนเองและนางสุภาภรณ์ แสงทอง คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 34,878,245 บาท เป็นของผู้ยื่น 8,110,283 บาท เป็นของคู่สมรส 26,767,962 บาท โดยทรัพย์สินของคู่รวมกัน ประกอบด้วย เงินสด 400,000 บาท เงินฝาก 914,641 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 8,130,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 988,804 บาท ที่ดินของนายอนุสรณ์ 1,976,800 บาท เงินลงทุนของนางสุภาภรณ์ ในบริษัท สวิท คิทเช่น จำกัด และบริษัท เอส คิชเช่น จำกัด 1,100,000 บาท ยานพาหนะของนางสุภาภรณ์ 2 คัน มูลค่ารวมกัน 5,850,000 บาท ได้แก่ เบนซ์มูลค่า 2,500,000 บาท และปอร์เช่มูลค่า 3,350,000 บาท 

ขณะที่รายการทรัพย์สินอื่นที่มีมูลค่าตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไปของทั้งคู่ จำนวน 43 ราย มูลค่ารวมกัน 15,518,000 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจ อาทิ พระรอดเลี่ยมทอง มูลค่า 600,000 บาท พระหลวงปู่ศุขเลี่ยมทองฝังเพชร 3 องค์ มูลค่า 1,500,000 บาท อาวุธปืน 6 กระบอก ได้แก่ ปืนไรเฟิล 2 กระบอก ปืนเดี่ยวลูกกรด 1 กระบอก ปืนยาวอัดลม 1 กระบอก ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ 2 กระบอก แหวนเพชรทองคำขาว กระเป๋ายี่ห้อหรู นาฬิกายี่ห้อหรู เครื่องเพชร นอกจากนี้ นายอนุสรณ์ แจ้งว่า ตนเองและคู่สมรสมีหนี้สินทั้งสิ้น 7,580,893 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น และเงินเบิกเกินบัญชี 

ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ แจ้งในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นว่า มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา รวม 6 คน ได้แก่ นางจิตร์ธนา ยิ่งวีลาภา นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายอนุรุทธิ์ นาคาศัย นายอนุรักษ์ โค้วคาศัย นายอนุสรณ์ ผู้ยื่น และนางศศิธร อยู่ประยงค์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top