Friday, 5 July 2024
POLITICS

เดินหลง...ในดงโซเชียล By รัตนา & โกสินทร์

ไม่รู้ว่า Work From Home แล้วว่างกันมากหรือไง ถึงมีข่าวหลอกข่าวปลอม ว่าจะมีเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน หลัง 4 ทุ่ม ถึง ตี 4 สนุกกันมากสินะ ในการปล่อยเฟคนิวส์ กันเต็มโลกทวิตเตอร์ ขอทีเถอะ เจ้ากระทรวงดีอีเอส คุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รับตำแหน่งมาตั้งแต่ วันที่ 22 มีนาคม มาวันนี้จะครบเดือนแล้ว ยังมีข่าวปลอมข่าวลวง ที่เงียบไปสงสัยไปคุมงานต่อสายอินเตอร์เน็ตที่ไหนหรือเปล่า?

อุ้ย! เน็ตหลุด ต้องไปเช็คไวเลสเราเตอร์เน็ต พบสัญญาณกระตุก โถถังกะละมังหม้อ ไม่น่าทักท่านไปเลยพับผ่าสิ วันก่อนน้องรัตนาเอาแคปซูลฟ้าทลายโจรมาให้กิน เพราะบ่นว่ารู้สึกจะเป็นไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ก็ดีใจที่มีติดบ้านเพราะได้ข่าวว่า ของเริ่มขาดตลาด ตรงนี้ถ้าชาวบ้านซื้อไปจริงถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าขาดตลาดเพราะพ่อค้าแอบเก็บสุ่ม ตรงนี้ขอแช่งคนที่กักตุน เวลาแบบนี้ ควรช่วยกันให้คนไทยได้มียาดีไว้ติดบ้าน

กระเดือกยาเทพ ดื่มน้ำตาม ก็เหลือบไปเห็น เด็กน้อยหน้าสามขีด บ่นกันขม เต็มทวิต เรื่องวัคซีน ทำไมอิสราเอลถึงได้ฉีดวัคซีนถึง 60 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว แถมได้ฉีดวัคซีน ของ Pfizer อีก ล่าสุดเค้าประกาศว่าไม่ต้องสวมหน้ากากออกจากบ้านแล้วนะ จะปารตี้รื่นเริงทำได้หมด ชีวิตดีไม่เหมือนอยู่ในกะลาแลนด์!!! คร้าบ ที่อิจฉาคืออยากเที่ยวอยากร่านกันละสิ

ถึงจะแรดจะร่านมันก็เป็นสิทธิส่วนตัว แต่ก่อนว่าอะไรก็ขอให้มีความรู้ มาพี่จะเปิดกะลาน้อย ๆ ให้...

รู้ไหมว่า ประเทศเค้ามีคนแค่ 9 ล้านคน แต่เอามาเทียบคนบ้านเราที่มีถึง 66 ล้านคนก็ได้เหรอ แถมเจ้าของ Pfizer ก็เป็นคนยิว แม่เค้าก็อยู่ในอิสราเอล ทำไมถึงจะช่วยคนยิวกันเองไม่ได้ แถมนายกเนธันยาฮู ยังไปตกลงกับ Pfizer อีกว่ายอมจ่ายค่าวัคซีนแพงสองสามเท่าของราคาตลาด แถมข้อมูลผู้ได้ฉีดวัคซีนทุกคนจากดาต้าเบส โอนให้ Pfizer ไปวิจัยต่อ โดยไม่ต้องถามใจถามสิทธิคนฉีดเลยแต่น้อย ไงล่ะสิทธิส่วนบุคคลที่จะเป็นหนูลองยาแลกวัคซีนป้องกันโรคร้าย หนูสามขีดคงชอบกันสินะ

ส่วนเรื่องวัคซีนของบ้านเรา ตอนนี้ลุงตู่ จ่ายเงินซื้อไปแล้ว 61 ล้านโดส สำหรับฉีด 30 ล้านคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และจนถึงปลายปี จะต้องได้ร่วมกันให้ได้ 100 ล้านโดส โดยจะเริ่มฉีดให้คนทั่วไปเดือนมิถุนายน แบบฟรี ไม่เสียเงิน !!! ฟังไม่ผิดหรอก “ฟรี” จากภาษีที่เราจ่ายกันไปแล้วนั้นแหละ

ส่วนใครกลัวของรัฐ อยากเก๋อยากเดิ้น อยากเสียตังค์ เค้าไม่ได้ห้าม รพ.เอกชน นำเข้านะจ๊ะ แต่ตอนนี้ใครมันจะหาได้ ถ้าไม่ได้รับการ “ประกัน” จากรัฐบาลล่ะ เพราะถ้าเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ รพ.เอกชนที่ว่าแน่ก็ต้องจอด เชื่อเลยก่อนฉีด เค้าจะให้คุณเซ็นยินยอมไม่เอาผิดเอาโทษกับ รพ. ถ้าเกิดคุณตาย จากการฉีดวัคซีนจากเขา...

ที่สำคัญ จะฉีดวัคซีน อายุต่ำกว่า 18 เจอเรท ฉ. ด้วยละ เพราะเค้าไม่ให้ฉีด เนื่องจากผลการวิจัยยังไม่แน่นอน เข้าใจกันด้วยล่ะ อย่าเอาแต่ทำตัวเป็นนกกระจอกในทวิตเตอร์

ส่วนเรื่องข่าว ประชาชน 6 คน โดยทั้ง 6 คนเป็นผู้หญิง ที่ระยอง ได้รับวัคซีน ซิโนแวค แล้วเป็นอัมพฤกษ์ ตรงนี้ ศบค. และ สธ. แถลงชี้แจงแล้วว่า เป็นอาการคล้ายอัมพฤกษ์ เป็นอาการชั่วคราว ซึ่งคาดว่าเกิดจากลิ่มเลือด เวลานี้ทั้ง 6 ท่านที่เกิดผลข้างเคียง ต่างก็มีอาการดีขึ้น แถมวัคซีนล็อตนี้ที่ได้รับมากว่า 5 แสนโดส ตอนนี้ฉีดจะหมดล็อตอยู่แล้ว อย่ากลัวอย่าตระหนก

ข่าวฝากจากสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และสถาบันบำราศนราดูร สำหรับท่านที่ได้รับการตรวจที่รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยแล้ว ให้จำรหัสประจำตัวในการรับการตรวจให้ดี ซึ่งจะมีข้อมูล รหัสตรวจ : TCN no. ชื่อ-สกุล : เลขบัตรประชาชน : เบอร์โทรศัพท์ : จะท่องจำหรือจดใส่กระดาษ ถ้าจะให้ดีพกติดตัว หากมีความสงสัย หรืออยากสอบถาม สามารถโทรได้ที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค และถ้าได้รับแจ้งว่าผลเป็น Positive หรือเป็นบวก จงกักตัวเองอยู่ที่บ้าน แล้วโทรแจ้งประสานงานหาเตียงไปยังสายด่วน 1668, 1669, 1330 ทันที สำหรับพื้นที่กรุงเทพ โทร 1646 ศูนย์นเรนทร นะ

หากเริ่มมีไข้ แต่ยังไม่มีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก หากมีฟ้าทลายโจร ก็สามารถทานได้ แต่ขอย้ำตรงนี้ หากทานแล้วภายใน 2 วัน อาการไม่ดีขึ้น หรืออาการป่วยเริ่มแย่ลง อย่ารอช้า ให้รีบโทรติดต่อทางการทันที

ด้วยรักและห่วงใย จากคนที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน และอาศัยเมียหาข้าวหาปลาให้ ใจอยากจะหนีออกไปกินนอกบ้านก็ไม่ได้ แต่ทำไม่ได้เดี๋ยวกระบาลแยก!!


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“กห.” สั่งขยาย รพ.ทหาร และเพิ่ม รพ.สนาม รองรับผู้ป่วยโควิด ที่อาจมีปริมาณเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับทุกเหล่าทัพ เพื่อรับทราบความพร้อมของ รพ.สนาม สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก 

สำหรับภาพรวม สถานภาพโรงพยาบาลสนาม ที่กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ เร่งจัดตั้งขึ้นสนับสนุน กระทรวงสาธารณะสุข ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดต่างๆรวม 24 แห่ง จำนวน 3,725 เตียง ปัจจุบันอยู่ในสถานะพร้อมใช้งาน

นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหม โดย กองทัพบก (ทบ.)ยังได้สนับสนุน กำลังพล ยานพาหนะ เตียงและเครื่องใช้ กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดตั้ง รพ.สนาม อีก 7 แห่งในพื้นที่ต่างๆ รวม 3,085 เตียง ซึ่งอยู่ในสถานะพร้อมใช้งานเช่นกัน โดย รพ.สนาม ดังกล่าว มีการทำงานร่วมกันแล้วกับ รพ.หลักในพื้นที่ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น เช่น รพ.มงกุฎวัฒนะ ทำงานร่วมกับ รพ.สนาม ของหน่วยทหาร ปตอ.1 พัน 6 ในการส่งตัวผู้ป่วยในพื้นที่ กทม.เข้ารับการรักษา เป็นต้น

ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำขอให้ทุกเหล่าทัพ เร่งสนับสนุนนโยบายของ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในการจัดตั้ง รพ.สนาม สนับสนุนกระทรวงสาธารณะสุข ให้มีปริมาณเพียงพอ รองรับผู้ป่วยที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น และให้พิจารณาขยายขีดความสามารถของ รพ.ทหารในพื้นที่ต่างๆ ที่ปัจจุบันดูแลประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่รัฐที่เจ็บป่วยอยู่ ให้สามารถรองรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในพื้นที่ โดยให้สำรวจและเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในสังกัดกระทรวงกลาโหม  ที่มิได้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล ให้พร้อมสนับสนุนทางการแพทย์เมื่อจำเป็นด้วย พร้อมทั้งยังได้กำชับ ขอให้ทุกเหล่าทัพ ประสานกับ ศปม. เพื่อสนับสนุนการทำงานของ ศบค.ในการดูแลรักษาผู้ป่วยและการควบคุมโรคในพื้นที่ต่าง ๆ  เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโรคระดับพื้นที่ให้ได้โดยเร็ว

รมต.อนุชา จี้ พศจ. เร่งสางปม สำนักสงฆ์ลวง-ป้องโควิดในวัด-วัดรับเผาศพโควิด

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เร่งดำเนินการจัดประชุมหารือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการ สร้างความเข้าใจ และสำรวจเชิงรุก กรณีของวัดหรือสำนักสงฆ์ที่มีการบิดเบือนและปฏิบัติผิดไปจากคำสอนทางพระพุทธศาสนา นั้นในวันเดียวกันนี้ นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประชุมคณะผู้บริหาร รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านการประชุมทางไกลผ่านจอภาพโดยระบบซูม เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และติดตามการดำเนินงานตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีประเด็นสำคัญ 4 เรื่อง คือ กระแสลัทธินอกรีตและคำสอนผิดเพี้ยน กรณีพระภิกษุร่วมกิจกรรมทางการเมือง แนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการขอความร่วมมือฌาปนกิจศพผู้ติดเชื้อ

สำหรับผลการหารือและติดตามข้อมูลที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม เช่น ความเชื่อหรือลัทธิต่างๆ ตามที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบัน ให้ พศจ. เร่งประสานงานกับเจ้าคณะปกครองสงฆ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และหาและหาแนวทางร่วมกันในการทำความเข้าใจต่อสังคมให้ถูกต้องและรวดเร็ว 

ส่วนกรณีพระภิกษุร่วมกิจกรรมทางการเมือง ให้ประสานงานกับเจ้าคณะปกครองสงฆ์ทุกระดับอย่างใกล้ชิด ทำความเข้าใจและสร้างความตระหนัก รวมถึงการสอดส่องดูแล ให้พระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติตามคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสงฆ์สามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ.2538 และขอความเมตตาให้เจ้าคณะปกครองทุกระดับให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ 

ส่วนของแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประชุมได้กำชับให้ พศจ. ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะสงฆ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อร่วมกันวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เช่น วัดที่มีประชาชนไปสักการะหรือวัดใหญ่ในพื้นที่ ให้ประสานการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อและปฏิบัติตามมาตรการและคำสั่งของทางภาครัฐอย่างเคร่งครัด 

สำหรับกรณีที่ขอความร่วมมือฌาปนกิจศพผู้ติดเชื้อขอให้ พศจ. ทำความเข้าใจกับเจ้าคณะปกครองและวัดในความรับผิดชอบ ให้อำนวยความสะดวกแก่ญาติผู้เสียชีวิต อย่าไปซ้ำเติม เนื่องจากเขาได้รับผลกระทบมากพอแล้ว พร้อมนี้ พศ. ได้มีหนังสือขอความร่วมมือเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยขอให้เอาใจใส่เรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ หากมีเหตุขัดข้องให้รายงาน พศ. ทราบโดยด่วน

"วิโรจน์" บอก ปชช.อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ปมผู้รับวัคซีน 6 ราย มีอาการคล้ายอัมพฤกษ์ ย้ำ สธ.เร่งชี้เเจงเหตุใดไม่ระงับฉีดซิโนแวก ชี้ รบ.ควรกระจายความเสี่ยงในการจัดซื้อวัคซีน

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พบผู้รับวัคซีน 6 ราย มีอาการไม่พึงประสงค์ (AEFI) ในลักษณะคล้ายอัมพฤกษ์ หลังได้รับวัคซีนซิโนแวก ว่า การฉีดวัคซีนไม่ว่าชนิดใด การเกิดผลข้างเคียงขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป ในกรณีของซิโนแวกซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตาย ซึ่งปกติแล้วแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่เชื้อที่ไม่สูงนัก แต่มักจะเป็นที่ยอมรับกันว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่ต่ำกว่าวัคซีนประเภทอื่น ซึ่งผลข้างเคียงที่ถูกตรวจพบในครั้งนี้คงต้องรอฟังผลการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า มีความร้ายแรงขนาดไหน เป็นผลที่เกิดขึ้นกับวัคซีนเฉพาะล็อต J2021030001m6dik หรือไม่ มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นเป็นกรณีทั่วไปหรือเปล่า หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับประชากรกลุ่มใด ซึ่งถ้าพบว่ามีสมมติฐานใดที่เป็นที่น่ากังวลก็คงจะมีการกำหนดข้อบ่งชี้ในการใช้เพิ่มเติมออกมา

“จากที่ประชาชนตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงไม่มีการระงับการฉีดวัคซีนซิโนแวกเป็นการชั่วคราวก่อนระหว่างที่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น คาดว่ากระทรวงสาธารณสุขคงมีการประเมินแล้วว่า อาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว คณะแพทย์ยังสามารถที่จะดูแลให้หายเป็นปกติได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่น่าจะให้คำตอบนี้ได้ดีที่สุดน่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประชาชนคงต้องรอฟังคำตอบอีกครั้งหนึ่งว่าเหตุใดจึงไม่มีความจำเป็นต้องระงับการฉีดวัคซีนซิโนแวกเป็นการชั่วคราวเอาไว้ก่อน" นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ยิ่งสะท้อนถึงความสำคัญถึงการกระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน หากรัฐบาลมีการสำรองวัคซีนไว้อย่างหลากหลาย สมดุล หากเกิดอุบัติการณ์ใดขึ้นกับวัคซีนตัวใด รัฐบาลก็จะยังคงดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่สามารถระงับการฉีดวัคซีนที่อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงไว้เป็นการชั่วคราวก่อนได้ ปัจจุบันนี้ในสถานการณ์ที่ประเทศไม่ได้มีวัคซีนทางเลือกที่มากเพียงพอ หากระงับการฉีดวัคซีนซิโนแวกเป็นการชั่วคราาว ก็อาจทำให้การฉีดวัคซีนสะดุดหยุดลง นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การตัดสินใจที่จะระงับการฉีดวัคซีนซิโนแวกเป็นการชั่วคราวทำได้ยากขึ้น

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า การฉีดวัคซีนเป็นประโยชน์ต่อทั้งตนเองและสังคมมากกว่าการไม่ฉีด และย้ำว่าประชาชนยังไม่มีความจำเป็นต้องตื่นตระหนกจนเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามผลการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อกรณีนี้จากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดต่อไป

"ธิษะณา" แกนนำกลุ่ม Resolution ตอก "หมอวรงค์" มโนไปเอง ปมระบอบสามกีบ ชี้แก้รธน.ปี 60 คือการทำลายหัวใจกลไกสืบทอดอำนาจคสช.

นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ หนึ่งในแกนนำกลุ่ม Resolution ที่จัดกิจกรรมร่วมลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญเปิดทางสู่ประชาธิปไตย ภายใต้แคมเปญ “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” กล่าวถึงการแถลงข่าวของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี ว่า ระบอบสามกีบที่นายวรงค์กล่าวอ้างนั้นไม่มีจริงและเป็นเพียงการนั่งเทียนกล่าวหาประชาชนเท่านั้น และการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่เท่ากับการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย การล้มล้างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นผ่านการรัฐประหารทั้งนั้น รวมทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ที่นายวรงค์พยายามปกป้องก็มีที่มาจากการรัฐประหารเช่นกัน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังมีปัญหาทั้งในเชิงเนื้อหาและความชอบธรรม สร้างปัญหาให้กับประเทศไทยไม่จบไม่สิ้น และมีเจตนาเพื่อการสืบทอดอำนาจของ คสช.

นางสาวธิษะณา กล่าวอีกว่า การแก้ไขต้นตอของวิกฤตการเมืองและวิกฤตอื่นๆ ในประเทศไทยจึงจำเป็นต้องมุ่งทำลายปัญหาที่เป็นหัวใจสำคัญของกลไกการสืบทอดอำนาจจากระบอบประยุทธ์และรัฐบาลชุดปัจจุบัน จึงเป็นสาเหตุให้พวกเราออกมารณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ประเด็นใหญ่ คือ 1.ล้มวุฒิสภา–เดินหน้าสภาเดี่ยว 2.โละศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ–ปฏิรูปที่มา อำนาจ การตรวจสอบ 3.เลิกยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูป–ปลดโซ่ตรวนอนาคตประเทศ 4.ล้างมรดกรัฐประหาร–หยุดวงจรอุบาทว์ขวางประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าการแก้ไขรายมาตราจำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการรณรงค์เพื่อทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ อีกทั้งการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ก็ได้เปิดให้ทุกคนซึ่งมีสิทธิลงชื่อตามกฎหมายมาร่วมกันเข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศทั้งในงานเปิดแคมเปญและการส่งเอกสารทางจดหมาย

“ไม่แน่ใจว่าการแถลงข่าวของนายวรงค์ครั้งนี้ ต้องการ ‘ตีวัวกระทบคราด’ หรือไม่ เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคพลังประชารัฐต่างหากที่เสนอให้เปลี่ยนบัตรเลือกตั้งจาก 1 ใบ เป็นบัตร 2 ใบ ซึ่งการแก้ไขระบบเลือกตั้งดังกล่าวจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองและพรรคการเมืองบางพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ระบอบประชาธิปไตย และเป็นประโยชน์ต่อการเดินหน้าประเทศไทย เช่น ประเด็น ส.ว. ที่มีอำนาจสูงมาก ทั้งโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สวนทางกับที่มาที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร แต่กลับไม่มีการเสนอแก้ไขกัน” นางสาวธิษะณา กล่าว

นางสาวธิษะณา กล่าวอีกว่า นายวรงค์กำลังวิพากษ์วิจารณ์ว่า ส.ส. จะเข้าไปโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากกลุ่มนายทุนและเป็นนอมินี ซึ่งถ้ามองจากข้อเท็จจริง นี่คือสิ่งที่ ส.ว. ทั้ง 250 คน กำลังทำอยู่โดยไม่มีแตกแถวแม้แต่คนเดียว ยกมือเลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหารมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งที่ร้ายกาจกว่านั้นคือ ส.ว. 250 คนนี้มาจากการสรรหาและแต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งก็มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า และยังเป็นคนเดียวกับที่นายวรงค์และพรรคพวกสมคบกันล้มการเลือกตั้ง สร้างความวุ่นวาย จนเป็นข้ออ้างให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 อีกด้วย ดังนั้น การยกเลิก ส.ว. และทำให้การทำรัฐประหารมีความผิด จึงเป็นหนึ่งในข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญของกลุ่ม Resolution ด้วย

“เสกสกล” ย้ำ “นายกฯ”ไม่ยุบสภาฯ” ลั่น ยังทำงานได้ ซัดฝ่ายค้าน ปล่อยข่าวหวังผลการเมือง เย้ย “พท.-ก้าวไกล” ลต.ใหม่ จะได้ส.ส.หรือไม่

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่มีสมาชิกพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ประเมินสถานการณ์ทางการเมือง และเมื่อสภาฯผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 ผ่าน อาจนำไปสู่การยุบสภาฯ ว่า ยืนยันว่ายังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้นายกฯต้องยุบสภาฯ ส่วนจากการระบาดโควิด-19 นายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาและทำได้ดีโดยไม่ย่อท้อ โยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 ระบาด นายกฯ และสมาชิก รัฐสภา จะต้องร่วมกันอยู่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่ทอดทิ้งประชาชน ส่วนการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล ยังเหนียวแน่นมีเสถียรภาพ ทุกพรรคยึดปัญหาประเทศชาติประชาชนเป็นตัวตั้ง แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างบ้างถือเป็นเรื่องประชาธิปไตย สุดท้ายทุกคนยังทำงานร่วมกันได้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

นายเสกสกล กล่าวว่า ยืนยันว่านายกฯจะอยู่จนครบเทอม เพราะเป็นชายชาติทหาร ไม่มีวันหนีปัญหา ไม่ทอดทิ้งประชาชน ไม่ถอดใจ หากเป็นนายกฯคนอื่นที่ต้องเจอกับสถานการณ์ เช่นนี้คงจะถอดใจและยุบสภาหรือลาออกไปแล้ว จึงขอร้องสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน อย่าพูดหรือวิเคราะห์เรื่องไม่ใช่ข้อเท็จจริง ปล่อยข่าวเท็จเรื่องการยุบสภาฯ เพราะไม่เป็นผลดีต่อใคร และกระทบต่อความเชื่อต่อนักลงทุน ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจ ประชาชนเกิดความสับสน และควรใช้เวลาไปช่วยประชาชน หรือที่อยากให้ยุบสภาฯเพื่อเลือกตั้งใหม่ แต่ตนมั่นใจว่าหากมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคฝ่ายค้าน เช่น พรรคก้าวไกล จะไม่เหลือ ส.ส.ในพรรคสักคน ส่วนพรรคเพื่อไทยส.ส.คงลดลง เพราะเล่นการเมือง ไม่เคยลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ในช่วงที่เจอวิกฤตโควิด ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายนักการเมืองและพรรคการเมืองประเภทดีแต่พูด ไม่เคยลงมือทำประโยชน์ต่อประชาชน

"อย่าเลอะเทอะเพ้อเจ้อ ฝันกลางวัน ตามที่พรรคฝ่ายค้าน คิดเพ้อไปเองว่านายกฯจะยุบสภา ฝันแบบลมๆแล้งๆ ถึงอย่างไรรัฐบาลต้องอยู่จนครบวาระ และนายกฯไม่มีวันหนีปัญหาโดยทิ้งความเดือดร้อนไว้ให้ประชาชนเอาตัวรอดแน่นอน ขอให้เชื่อในตัวและหัวใจที่หนักแน่น แข็งแกร่ง อดทน ของนายกฯ

กองทัพอากาศจัดพิธีเปิดโรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) ณ อาคารฝึกและทดสอบสมรรถภาพทหารอากาศ 2 (สนามกีฬาจันทรุเบกษา)

พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.ผป เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) ที่อาคารฝึกและทดสอบสมรรถภาพทหารอากาศ 2 (สนามกีฬาจันทรุเบกษา)  โดยมี พล.อ.ต.นายแพทย์ สันติ ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์, นายแพทย์ภูมินทร์  ศิลาพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และนายประเสริฐ  บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท โกลบอล เคมิคอล เข้าร่วมพิธี 

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ระลอกใหม่ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ติดเชื้อหลากหลายอาชีพเพิ่มมากขึ้น และขยายวงกว้างไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว กระทรวงกลาโหมจึงได้สั่งการให้เหล่าทัพจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้น เพื่อรองรับขีดจำกัดของสถานพยาบาลต่างๆ

กองทัพอากาศ โดยโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศและราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์  ซึ่งมีหนังสือบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงร่วมมือกันจัดตั้งโรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) ขึ้น ที่บริเวณพื้นที่ อาคารฝึกและทดสอบสมรรถภาพทหารอากาศ 2 (สนามกีฬาจันทรุเบกษา) โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความเหมาะสมสูงสุด ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการและสามารถดูแลตัวเองได้ สามารถรองรับผู้ติดเชื้อทั้งประชาชนและกำลังพลของกองทัพอากาศได้จำนวน 120 เตียง โดยมีการแบ่งโซนการเฝ้าระวังของผู้ป่วยชาย ที่ชั้นล่าง จำนวน 70 เตียง และโซนการเฝ้าระวังของผู้ป่วยหญิง ที่ชั้นบน จำนวน 50 เตียง 

โดยมีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกให้แต่ละเตียงเรียบร้อย ได้แก่ ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ตู้เก็บของ ถังขยะ และพัดลมส่วนตัว นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง การรักษาความปลอดภัยภายในอาคารด้วยการ CCTV รอบอาคาร (22 จุด) และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารอากาศ ดูแลรักษาความปลอดภัยภายนอกอาคาร   พร้อมกันนี้ได้นำน้องถาดหลุม หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติซึ่งเป็นผลงานวิจัยของโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช มาใช้ในการลำเลียงอาหาร ยา เสื้อผ้า ให้แก่ผู้ติดเชื้อเพื่อลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ด้วย

สำหรับตัวอาคารมีรั้วกั้นโดยรอบพื้นที่ การกำหนดเส้นทางการเข้าออก ทั้งเส้นทางที่ปลอดเชื้อ และเส้นทางกรณีฉุกเฉิน  ซึ่งมีการซักซ้อมการปฏิบัติให้แก่เจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้กองทัพอากาศขอให้ประชาชนและกำลังพลของกองทัพอากาศมั่นใจว่า โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) ได้รับการตรวจและรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ตลอดจนมีความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์ เวชภัณฑ์สิ่งอำนวยความสะดวก  พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง 

โดยกรมแพทย์ทหารอากาศ กำหนดหลักเกณฑ์ในการรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ ดังนี้
• จะต้องเป็นผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาจาก รพ.ภูมิพล ฯ แล้ว 3-4 วันและมีอาการคงที่
• อายุมากกว่า 18 ปี น้อยกว่า 60 ปี 
• ช่วยเหลือตัวเองได้ดี
• น้ำหนักตัวไม่เกิน 90 กก.
• ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่หอบ 
• ไม่มีโรคประจำตัว ยกเว้น โรคความดันโลหิตสูงที่สามารถความคุมอาการโรคได้
• ไม่มีภาวะทางจิตเวช
• ไม่ใช้สารเสพติด
• สื่อสารภาษาไทยได้ดี

ทั้งนี้กองทัพอากาศจะใช้ขีดความสามารถทั้งด้านกำลังพล และยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ในสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเพื่อการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยมุ่งหวังให้พี่น้องประชาชนทุกคนมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ และปลอดภัยจากเชื้อโควิด19  ตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

แรงงานนอกระบบ เฮ!! ครม.มีมติให้ ก.แรงงาน แก้ไขขยายวัตถุประสงค์ กองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานดำเนินการขยายวัตถุประสงค์กองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบทุกกลุ่มอาชีพและโอนเงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านมาอยู่ภายใต้ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... ทำให้แรงงานนอกระบบเข้าถึงแหล่งทุนประกอบอาชีพ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอให้กระทรวงแรงงานควรบูรณาการด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบภายใต้หน่วยงานและทุนหมุนเวียนภายใต้การกำกับดูแล

ของกระทรวงแรงงาน หรือดำเนินการขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำงานที่บ้านของกรมการจัดหางานให้ครอบคลุมถึงแรงงานนอกระบบ และเห็นชอบให้กระทรวงแรงงานดำเนินการขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบทุกกลุ่มอาชีพและโอนเงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านมาอยู่ภายใต้ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... ต่อไป 

โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยแรงงานนอกระบบกว่า 22 ล้านคน จึงได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน ซึ่งกำกับดูแลโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพแรงงานนอกระบบให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบว่า ล่าสุดมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมาเห็นชอบให้กระทรวงแรงงานบูรณาการด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบภายใต้ทุนหมุนเวียนในการกำกับดูแลของกระทรวงแรงงาน หรือดำเนินการขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ของกรมการจัดหางาน ให้ครอบคลุมถึงแรงงานนอกระบบทุกกลุ่มอาชีพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... 

เพื่อนำกองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้านมารวมไว้ภายใต้กองทุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติฯ แล้วเสร็จ จะเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนให้กระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนพิจารณาอีกครั้ง

“การขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ในครั้งนี้จะช่วยให้แรงงานนอกระบบที่มีอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งทุนของภาคเอกชน มีทุนกู้ยืมสำหรับประกอบอาชีพ โดยการมีส่วนร่วมของสมาชิกในการจ่ายค่าสมาชิกเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มแรงงานนอกระบบด้วยกันเอง รวมทั้งมีงบประมาณ ในการดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบในการประกอบอาชีพการพัฒนาทักษะฝีมือ การคุ้มครองสภาพการทำงานที่เหมาะสม และการสร้างหลักประกันทางสังคมที่มั่นคง” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

“ครูกัลยา” กำชับผู้บริหารสถานศึกษาในกำกับ เตรียมพื้นที่พร้อมรองรับโรงพยาบาลสนามกรณีโควิด-19 ขยายวงกว้างขึ้น

ครูกัลยา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ห่วงประชาชนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความรุนแรงและขยายวงกว้าง มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก พร้อมสั่งการให้โรงเรียนในกำกับดูแลปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และเตรียมพื้นที่บริเวณโรงเรียนพร้อมปรับใช้ให้เป็นโรงพยาบาลสนามตามหลักสาธารณสุข หากโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่า คุณหญิงกัลยา มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในปัจจุบันที่เริ่มรุนแรงขึ้น โดยได้สั่งการให้สถานศึกษาในกำกับทุกแห่งปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และให้สถานศึกษาในกำกับจัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับเป็นโรงพยาบาลสนามได้หากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น และโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ

“คุณหญิงกัลยา ได้สั่งการให้ผู้บริหารในโรงเรียนที่กำกับดูแล เตรียมพื้นที่ให้พร้อมปรับเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสนามรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จะมีความรุนแรง และขยายวงกว้างขึ้น หากโรงพยาบาลในพื้นที่ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ เพื่อเป็นที่พักสำหรับการสังเกตอาการผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย เพื่อป้องกันการระบาดสู่บุคคลภายนอกและชุมชน” นางดรุณวรรณ กล่าว

นางดรุณวรรณ กล่าวต่อด้วยว่า คุณหญิงกัลยา มีความเป็นห่วงประชาชนและนักเรียนเป็นอย่างมาก และ ย้ำเน้นให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดของโรคอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะนักเรียนที่เป็นผู้พักค้างประจำในโรงเรียนต่าง ๆ ที่ยังอาศัยอยู่ที่บ้านที่มีผู้ปกครองเป็นกลุ่มผู้สูงอายุในระหว่างปิดเทอม ให้ยึดหลัก D-M-H-T-T ของกรมควบคุมโรคเพื่อหยุดโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อ ทั้งนี้หากมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในสถานศึกษาในกำกับนั้นจะจัดขึ้นตามหลักสาธารณสุข เพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ให้มาอยู่ในพื้นที่ที่จัดไว้ให้ นอกจากจะเพื่อลดความเสี่ยงแพร่เชื้อในชุมชนแล้วยังจะเป็นการดีกว่าหากผู้ป่วยได้อยู่ใกล้ทีมแพทย์อีกด้วย

"อนุทิน" แจงแผนจัดหาวัคซีนโควิด 19 เผยหารือ "ไฟเซอร์ฯ" แล้ว รอใบเสนอราคา ย้ำ หากส่งได้ในเดือน มิ.ย. - ก.ค. พร้อม "คว้าหมับ" ทันที

ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด 19 ว่า สนับสนุนในการจัดหาวัคซีนทุกชนิดที่มีความปลอดภัย ทั่วโลกให้การยอมรับ ไม่ได้ระบุเป็นยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง 

ทางทฤษฏีบอกว่า การฉีดวัคซีนได้ร้อยละ 60 ของจำนวนประชากรก็จะมีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว แต่ทางรัฐบาล ได้ให้เป็นแนวทางว่า ให้เผื่อไว้ที่ร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร สำหรับวันที่ 22 เมษายน 2564 จะเจรจากับตัวแทนผู้ผลิตวัคซีนอีก 2-3 ราย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ช่วงเวลาการจัดส่งวัคซีน ที่ต้องไม่ช้าเกินไป เพราะเราต้องทำให้เกิดความมั่นใจ

ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตในประเทศไทย ยืนยันว่าไม่ได้ช้า เพราะผู้ผลิตระบุช่วงเวลาการจัดส่งวัคซีนไว้ในสัญญาตั้งแต่ในเดือนต.ค.2563 ว่าจะส่งให้ในวันที่ 1 มิ.ย.2564 สำหรับ วัคซีนจากไฟเซอร์ยังอยู่ในการเจรจา ซึ่งเราก็ขอให้เขาส่งใบเสนอราคาเงื่อนไข ข้อจำกัดต่างๆ มาให้ตัดสินใจ 

“สมมติว่าพรุ่งนี้เขาส่งใบเสนอราคามา จะส่งให้ได้ 10 ล้านโดสภายในเดือน มิ.ย.หรือ เดือน ก.ค. ปีนี้ รับรองว่าคว้าหมับเลย เพราะเราไม่ต้องการขี่ม้าตัวเดียว เราต้องมีทางเลือก แต่เราต้องมีม้าหลักก่อน” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าวัคซีนไฟเซอร์ หากได้มาจะฉีดให้กลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มวัยรุ่นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากเราได้มา 10 ล้านโดส เราก็ฉีดให้กลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ แต่ถ้าได้เพิ่มมากขึ้น ก็ฉีดกับกลุ่มทั่วไปได้ ซึ่งรัฐบาลฟังทุกเสียงแนะนำ 

ต่แกรณีพบอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในบุคลากรทางการแพทย์ 6 รายที่ จ.ระยอง นายอนุทิน กล่าวว่า รับทราบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มีข้อสรุปมาหลายสมมติฐาน แต่การพิจารณาและออกข้อสรุปนั้นต้องให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ไม่ใช่ออกมาในหลายแนวทาง ซึ่งอาจารย์แต่ละท่านจะประชุมหารือกัน โดยมี ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ในฐานะประธานคณะกรรมการดูแลเรื่องความปลอดภัยจากการใช้วัคซีน ประชุมร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 

นายอนุทิน กล่าวว่า อาการไม่พึงประสงค์ของการฉีดวัคซีน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงต้องมีการเฝ้าระวังสังเกตอาการหลังฉีด 30 นาที หากเกิดอะไรขึ้นจะได้เข้าสู่ระบบช่วยเหลือได้ทันที ส่วนใหญ่ที่ฉีดไปแล้วไม่มีผลข้างเคียงอะไร ตนก็ฉีดวัคซีนของซิโนแวค 2 เข็มแล้ว ไม่มีอาการข้างเคียงอะไรแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของร่างกายมนุษย์แต่ละคนต่างกัน แต่ทุกรายก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้ แต่ถึงอย่างเราก็ต้องระวังมากขึ้น

“ส่วนจะมีการระงับหรือฉีดต่อนั้นต้องได้รับความเห็นจากคณะกรรมการชุดนี้ก่อน รมว.สธ. ไปสั่งไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของวิชาการ เรื่องการแพทย์ ดังนั้นตอนนี้ไม่มีคำสั่งชะลอฉีด มีแต่คำสั่งให้เฝ้าระวัง สังเกตอาการมากเป็นพิเศษ และให้ความช่วยเหลืออาการที่ไม่พึงประสงค์” นายอนุทิน กล่าว

‘หมอวรงค์’ ผุดแคมเปญ "หยุดเชื้อ อยู่บ้าน ขอล้านชื่อ ไล่ระบอบสามกีบ หยุดรื้อรัฐธรรมนูญ" ตั้งคำถามคนไทย 5 ข้อ ‘ระบอบการเมืองแบบนี้’ จะเอาหรือ?

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 พรรคไทยภักดี ที่นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้ไลฟ์สดพร้อมออกแถลงการณ์ภายใต้แคมเปญ "หยุดเชื้อ อยู่บ้าน ขอล้านชื่อ ไล่ระบอบสามกีบ หยุดรื้อรัฐธรรมนูญ" โดยมีเนื้อหารับุว่า ปัจจุบันได้เกิดระบอบการเมือง มีการให้ร้าย สร้างความเกลียดชัง ปล่อยเฟคนิวส์ เพื่อให้เกิดการหลงเชื่อในข้อมูลผิด ๆ จนประชาชนและสังคมโซเชียลได้ผลิตคำว่า "สามกีบ" ขึ้นมา และมีการใช้คำคำนี้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ การเมืองระบอบสามกีบ มีลักษณะดังนี้

1.) การทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเขาเชื่อว่า ถ้าสามารถทำลายสถาบันที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนได้ เขาจะครอบครองทุกอย่างในประเทศไทยได้ แม้แต่รัฐบาล

2.) รื้อรัฐธรรมนูญ 2560 ให้เกิดสภาเดี่ยว ไม่ต้องการ สว. เพราะ สว. สรรหาจากกลุ่มอาชีพ จะยากแก่การควบคุม ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่งตั้งโดยสภาฯ โดยอ้างคำที่สวยหรูว่า ยึดโยงต่อประชาชน แต่หวังให้ว่าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีการวิ่งเต้นผ่านพรรคการเมือง และท้ายที่สุด ก็เป็นคนของพรรคการเมือง

3.) มุ่งแบ่งแยกประชาชน โดยพุ่งเป้าไปที่เยาวชน คนรุ่นใหม่ ให้หลงคล้อยตาม และสร้างกระแสด้อยค่าคนรุ่นอื่น โจมตีว่าเป็นคนเฒ่า เต่าล้านปี ให้รู้สึกไม่มีคุณค่า เพราะคนรุ่นนี้ จะมีประสบการณ์ และรู้เท่าทันระบอบสามกีบ

4.) สร้างความรู้สึกชังชาติ ชังแผ่นดินเกิด กะลาแลนด์ ด้อยค่าประวัติศาสตร์ชาติ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีไทย ให้หลงคล้อยตามตะวันตก โดยใช้คำว่าประชาธิปไตย (จอมปลอม) มาหลอกชี้นำ

5.) ขายชาติและชักศึกเข้าบ้าน สมคบกับสถานทูต และองค์กร NGO เพื่อมาทำลายและสร้างความขัดแย้งในประเทศไทย ปั่นหัวอาจารย์ นิสิตนักศึกษา หรือดึงตัวแทนทูตมาสังเกตการณ์เข้าลักษณะ "ชักศึกเข้าบ้าน" รวมทั้งมีการสมคบคิด และรายงานสถานการณ์ เข้าข่าย "ขายชาติ"

สิ่งเหล่านี้คือระบอบสามกีบ ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน พวกเราคนไทย จะยอมให้มีระบอบการเมืองแบบนี้ในประเทศหรือ?

นอกจากนี้ ระบอบสามกีบก็กำลังดำเนินการรื้อรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันก็มีนักการเมือง ที่มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตนผสมโรงฉวยโอกาสนี้รื้อรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา โดยไม่มีประโยชน์ของประชาชนแม้แต่น้อย เช่นการรื้อเพื่อให้ ส.ส. แปรญัตติงบประมาณ หรือให้ ส.ส. ไปวุ่นวายกับระบบราชการได้ ที่สำคัญที่สุดคือการรื้อระบบเลือกตั้ง จากบัตรใบเดียว สู่บัตรสองใบ

ระบบบัตรใบเดียว ออกแบบคัดกรองคนได้สอดคล้องกับสภาพการเมืองไทย เพราะทุกคะแนนจะมีความหมาย ไม่ใช่คะแนนแพ้ตัดทิ้ง ประชาชนจะมีอำนาจมาก ในการลงโทษพรรคการเมือง จะทำลายระบบมุ้งการเมือง นายทุนพรรค นักเลือกตั้ง ตระกูลอิทธิพลประจำจังหวัด ที่สำคัญระบบนี้ ประชาชนจะเลือกได้ทั้ง ส.ส. และนายกรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน

ระบบบัตรสองใบ ในระยะยาว เท่ากับเป็นการแก้เพื่อเอื้อให้ระบอบทักษิณ กลับเข้ามาครอบงำประเทศผ่านการเลือกตั้ง สภาจะเต็มไปด้วยนายทุนและ กลุ่มอิทธิพลจังหวัด ที่สำคัญคือประชาชนจะเลือกได้แค่ ส.ส.และ ส.ส. จะไปเลือกนายกตามที่นายทุนสั่ง ในอนาคตจะเกิดระบบ นายกนอมินินีหุ่นเชิดตามคำสั่ง เหมือนสมัย นายสมัคร นายสมชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และประเทศจะถูกครอบงำจากทุนสามานย์เหมือนเดิม

เรื่องแก้รัฐธรรมนูญจึงต้องฝาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คิดให้รอบคอบ เพื่อแสดงเจตนารมย์ว่า ประชาชนอึดอัดกับระบอบสามกีบ และค้านการรื้อรัฐธรรมนูญ จึงขอเชิญทุกท่านร่วมลงชื่อ ผ่านแคมเปญ "หยุดเชื้อ อยู่บ้าน ขอล้านชื่อ ไล่ระบอบสามกีบ หยุดรื้อรัฐธรรมนูญ" โดยสแกน QR code หรือคลิกลิงก์ https://1mcampaign.thaipakdee.org


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“บิ๊กตู่” เตรียมประชุมสภากลาโหม ถก “ผบ.เหล่าทัพ”ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากทำเนียบฯ ไปกลาโหม 23 เม.ย.นี้ ขณะที่ “บิ๊กบี้”กักตัว มอบ รองผบ.ทบ.ประชุมแทน

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เรียกประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ในวันที่ 23 เม.ย.เวลา 14.00 น.รูปแบบการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยนายกฯจะประชุมจากที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ร่วมประชุม ด้วย 

ส่วน พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม และรองปลัดกลาโหม จะประชุมที่ กระทรวงกลาโหม  พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู่บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ประชุมพร้อมรองผบ.ทมม. ที่ห้องประชุมกองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนผู้บัญชาการเหล่าทัพ พร้อมรองผู้บัญชาการ จะประชุมที่เหล่าทัพ 

ทั้งนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยังจะไม่เข้าร่วมประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพราะยังครบกำหนดกักตัว 14 วัน ในวันที่  23 เม.ย. จึงมอบหมายให้พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ รองผู้บัญชาการทหารบก (รองผบ.ทบ.)นำประชุมแทนร่วมกับ ผู้ช่วยผบ.ทบ. และเสธ.ทบ. 

ส่วน พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ครบกำหนดกักตัว  14 วันแล้ว โดยจะร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ด้วย จากกองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยานด้านพล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ประชุมพร้อม 5 เสื้ออากาศทอ.ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ ด้วยตัวเอง 

โดยคาดว่าการประชุมดังกล่าวจะเป็นการหารือบทบาทกองทัพที่มีส่วนสนับสนุนการตั้งโรงพยาบาลสนาม และ แพทย์ทหาร  รวมถึงการดูแลชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนเข้ามา และแผนงบประมาณ ปี2565 คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ถือว่าเป็นการประชุมสภากลาโหม ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรก  เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอก 3 โดยที่ผ่านมาในช่วงโควิด-19 ระลอก 1 - 2

ผช.โฆษก ศบค. เผย พบ 6 ราย มีอาการหลังฉีดวัคซีน ไม่ใช่โรคอัมพฤกษ์ แจง “คล้ายอัมพฤกษ์” หรือสโตรก กล้ามเนื้ออ่อนแรง-รู้สึกชา แนะ ฟังข่าวรอบด้าน อย่าเชื่อโซเชียล บางข่าวไม่จริง

วันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วย โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า กรณีที่ปรากฎข่าวหลังการฉีดวัคซีน พบว่ามีคนไทย6คนมีอาการอัมพฤกษ์ ในข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข มีการรายงานเคสที่มีผลตามมาจากการฉีดวัคซีนแล้ว และมีคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อายุรแพทย์โรคสมองโดยเบื้องต้นที่มีการรายงานในเช้าวันนี้พบว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เรียกว่าโรคอัมพฤกษ์ แต่ใช้คำว่ามีอาการคล้ายอัมพฤกษ์หรือสโตรก เป็นเรื่องของกล้ามเหนืออ่อนแรง รู้สึกชาหรือประสาทสัมผัสไม่รู้สึก อย่างไรก็ตามพบว่าในเช้าวันนี้ทุกคนที่มีอาการฟื้นตัวดีขึ้น

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ขอให้ติดตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนการบริโภคข่าวขอให้ตั้งคำถามเสมอ เพราะทุกข่าวที่ปรากฎและมีการแชร์ไปในโลกโซเชียลอาจจะไม่ใช่ข่าวจริง บางท่านอาจจะเป็นนักวิชาการ เป็นอาจารย์ เป็นคุณหมอที่เราเคารพนับถือ แต่ขอให้ตรวจสอบและอยากให้ฟังรายงานรอบด้านเพราะกระทรวงสาธารณมีการสอบสวนและนำข้อมูลข้อเท็จจริงมาเป็นหลักฐานมายืนยันไอ้ติดตามในช่วงการแถลงของกระทรวงสาธารณสุขในบ่ายวันเดียวกันนี้

โพลพระปกเกล้า เผย ปชช. ต้องการแก้ไขรธน. พร้อมหนุนให้ส.ส.ร.ดำเนินการ เชื่อเหมาะสมสุด ขณะที่ปชช.ส่วนใหญ่ บอกไม่รู้จัก "แอปฯหมอพร้อม"

เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกันสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 22,830 ตัวอย่าง กระจายตามเพศ อายุ อาชีพ และระดับการศึกษา ระหว่างวันที่ 1-19 เม.ย.ที่ผ่านมา  ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า ประชาชนในสัดส่วนร้อยละ 77.5 มีความต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ขณะที่ร้อยละ 22.5 บอกว่าไม่ต้องการแก้ไข โดยให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันดีอยู่แล้ว การแก้ไขเพิ่มเติมทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ เสียเวลา และไม่มีประโยชน์ ขณะที่บางส่วนให้เหตุผลว่าไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง และไม่รู้จัก 

เมื่อสำรวจลึกลงไปถึงกลุ่มประชาชนที่ต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พบว่า คณะบุคคลที่มีความเหมาะสมให้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น ควรเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ร้อยละ 39.1  รัฐสภา ร้อยละ 30.8 คัดเลือกบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของสังคมมาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 13.6 ขณะที่ประชาชนร้อยละ 12.7 และ 2.6 เสนอให้เป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน ตามลำดับ 

การสำรวจยังสอบถามความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการไปลงประชามติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญด้วย โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 93.2 บอกว่าจะไปออกเสียงประชามติแน่นอน ขณะที่ร้อยละ 6.8 ตอบว่า ไม่ไป โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีเวลา ไม่สนใจ และเบื่อการเมือง 

อย่างไรก็ตาม การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่จัดทำโดยสถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติในครั้งนี้ ยังได้สอบถามถึงการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" ที่รัฐบาล กำลังประชาสัมพันธ์เพื่อใช้ในการจองคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาก่อนเริ่มใช้จริง ผลปรากฏว่ามีประชาชนร้อยละ 19.7 เท่านั้นที่บอกว่ารู้จักและใช้แอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" ร้อยละ 4.3 บอกว่า รู้จัก แต่ไม่ใช้ ขณะที่ประชาชนร้อยละ 76 บอกว่า ไม่รู้จักแอปพลิเคชันนี้

‘วรรณวรี ก้าวไกล’ ถามดัง ๆ ถึง ‘ประยุทธ์’ คนไทยจะฉีดวัคซีนครบเมื่อไหร่ SMEs กำลังจะไปไม่รอดแล้ว พ้อไม่อยากเห็นประเทศไทยมีรัฐบาลที่จัดการวัคซีนได้แย่ที่สุดในโลก

กรณีที่ภาคเอกชนกว่า 40 องค์กร มีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลเรื่องการจัดหาวัคซีนล่าช้า วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส. เขตยานนาวาและบางคอแหลม กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงรัฐบาลว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแต่เจ้าสัวที่พูดแล้วทำทันที แต่ให้ช่วยฟังเสียงธุรกิจรากหญ้าและ SMEs ที่ส่งเสียงมาตั้งนานแล้วด้วย

“การที่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว CP หรือกลุ่ม CEO บริษัทชั้นนำออกมาพูดเรื่องวัคซีนล่าช้า คงสะท้อนให้เห็นกันแล้วว่าวิกฤตครั้งนี้ คนเดือดร้อนไม่ใช่แค่คนรากหญ้า แต่ผลกระทบได้ขึ้นไปถึงคนระดับกลางและระดับบนด้วย แต่ก็รู้สึกน้อยใจอยู่นิด ๆ ที่รัฐบาลออกมาขานรับในการจัดหาวัคซีน Pfizer เพิ่มทันทีเมื่อมีเสียงจากคนระดับบนเคลื่อนไหว ขณะที่เสียงจากคนเล็กคนน้อยและเศรษฐกิจรากหญ้าที่เดือดร้อนสะท้อนมาตั้งนานแล้วกลับไม่ค่อยได้รับความสนใจ”

วรรณวรี กล่าวต่อไปว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการที่รัฐบาลควบคุมโควิดไม่อยู่จนเกิดการระบาดระลอก 3 จากธุรกิจที่คิดว่าจะดีขึ้นในปีนี้จึงกลับแย่ลงไปอีก ทุกวันนี้หากเดินไปตามห้าง ตลาดสด ตลาดนัด ย่านการค้าต่าง ๆ สิ่งที่เห็นคือการค้าขายเงียบมาก เพราะกลุ่มคนที่เคยมีกำลังซื้อ เริ่มกลัวการออกมาจับจ่าย และเริ่มระวังการใช้เงินมากกว่าแต่ก่อน เนื่องจากไม่แน่ใจว่าสถานการณ์โควิดจะแย่ต่อเนื่องไปอีกนานเท่าไหร่ จึงต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น

“มาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ออกมาเพิ่มเติมถือว่าดีขึ้น แต่ก็ยังกังวลว่าการขยายวงเงินสินเชื่อนั้นจะไม่กระจายไปถึงผู้กู้รายใหม่และคนที่เดือดร้อนย่างแท้จริง สำหรับมาตรการ Softloan รัฐบาลทำให้เห็นชัดมากว่ากระบวนการช่วยเหลือล่าช้าและไม่ทันการ SMEs ในรอบปีที่ผ่านมาจึงมีหลายกิจการล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก พูดง่าย ๆ ก็คือตายไปตั้งแต่ระลอก1-2 แล้ว ถึงแม้รัฐบาลจะมีการออก พ.ร.ก. Softloan ฉบับใหม่ออกมา มีการปรับปรุงเนื้อหาเพิ่มวงเงินสินเชื่อ และให้มีการปล่อยกู้รายใหม่ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอซึ่งเสนอมาแล้วเกือบปี

แต่ในขั้นตอนการปฏิบัติยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ธนาคารยังอยากปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหญ่มากกว่าอยู่ ส่วนรัฐก็ยังไม่สามารถขอความร่วมมือจากธนาคารได้ ขณะที่ธนาคารรัฐเองอย่าง SME Bank ที่ควรเป็นความหวังของ SMEs ก็ไม่มีกำลังพอที่จะประคองหรือเป็นความหวังให้ SMEs ได้เลย”

วรรณวรี ระบุต่อไปว่า มาตรการ Asset warehousing หรือโครงการ ‘พักทรัพย์ พักหนี้’ เอาเข้าจริง คนที่ได้ประโยชน์คือภาคธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ โรงแรม หรือผู้ประกอบการที่มีสินทรัพย์ไปค้ำ แต่คนค้าขายทั่วไป เช่น พ่อค้าแม่ค้าขายของในห้าง เขาจะเอาทรัพย์สินอะไรไปค้ำ มาตรการช่วยเหลือจึงยังตกหล่นบุคคลเหล่านี้

“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคืออยากให้รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีออกมาบอกให้ชัดเจนว่าวัคซีนจะกระจายถึงมือคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศเมื่อไหร่ เพื่อให้คนทำธุรกิจวางแผนได้ถูกต้อง สำหรับภาคธุรกิจ ตอนนี้เราคิดว่ามาตรการช่วยเหลือเยียวยาเป็นเรื่องรอง แต่เราอยากเห็นความชัดเจนจากรัฐบาลเพื่อให้เราสามารถรู้ได้ว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติเมื่อไหร่ จะอีก 3 เดือน 6 เดือน หรือปีหน้า เรื่องเหล่านี้มีผลต่อการวางแผนธุรกิจทั้งสิ้น จะได้ประเมินว่าต้องมีกระแสเงินสดในมือเท่าไหร่เพื่อพยุงธุรกิจ ต้องจัดการสต็อกสินค้าในช่วงนี้อย่างไร หรือต้องปิดกิจการไปก่อนแล้วไปรอเปิดใหม่อีกที ตอนนี้ความหวังของทุกคนจึงอยู่ที่วัคซีน แต่สิ่งที่ดิฉันและคนไทยหลายคนไม่อยากเห็น คือเรากำลังจะมีรัฐบาลที่จัดการวัคซีนได้แย่ที่สุดประเทศหนึ่งของโลก” วรรณวรี กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top