Monday, 1 July 2024
POLITICS

ดร.พิมพ์รพี ขอ รัฐ ช่วยเอกชน ร่วมจ่ายเงินเดือน ประคองการจ้างงาน เป็นของขวัญวันครอบครัว หวั่น covid ระบาดยืดเยื้อทำคนตกงาน 3 ล้านคน กระทบเศรษฐกิจในครัวเรือนกลายเป็นความรุนแรงในครอบครัว

ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ขอรัฐช่วยประคองการจ้างงาน เป็นของขวัญวันครอบครัวให้คนไทย มีเนื้อหาระบุว่า วันนี้ 14 เมษายน เป็นวันครอบครัวที่ทุกปีคนไทยจะเดินทางกลับไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ เป็นวันรวมญาติพี่น้องให้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแต่เมื่อ covid ออกอาละวาด วิถีชีวิตก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ปีที่แล้ว เราต้องจำกัดการเดินทาง จึงกลายเป็นวันครอบครัวทางไกล พบกันแบบห่าง ๆ ผ่าน เครื่องมือสื่อสาร ถามไถ่กันด้วยความห่วงผ่านระบบออนไลน์ เป็นวิถีที่ต้องปรับบนความรับผิดชอบต่อทั้งตัวเอง ครอบครัวและสังคม สิ่งที่น่ากังวลคือโรคระบาดทำให้เกิดความเครียดในครอบครัวมากขึ้น ในขณะที่รัฐบาลกำลังพยายามแก้ไขปัญหามือเป็นระวิงสิ่งที่อยากให้ทำควบคู่ไปด้วยคือ การรณรงค์ ให้คำปรึกษา เพื่อคลายความเครียด ให้กับประชาชน ทั้งสายด่วนกรมสุขภาพจิต การให้ผู้นำหมู่บ้านสื่อสารผ่านเสียงตามสาย ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง รวมทั้งการให้กำลังใจปลอบประโลมประชาชนคนในพื้นที่

"ที่สำคัญคือต้องประคองการจ้างงานไว้ให้ได้หากจำเป็นรัฐควรพิจารณาข้อเสนอของเอกชนที่ให้รัฐช่วยจ่ายเงินเดือนส่วนหนึ่ง เพราะหากปล่อยให้ยืดเยื้อออกไป เอกชนคงพยุงตัวเองได้อีกไม่นาน เมื่อธุรกิจพังอัตราการว่างงานอาจสูงถึง 3 ล้านคน ตัวเลขจากการศึกษาของนักวิชาการด้านแรงงานทีดีอาร์ไอ ปัญหา เศรษฐกิจและสังคมจะตามมาอีกมาก แต่หากช่วยประคองการจ้างงานได้ จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายในบ้าน ลดความขัดแย้งในครอบครัวที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงภายในครัวเรือนด้วย นอกจากนี้รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกับประชาชนจากที่เคยเน้นให้เกิดความกลัวต่อโรค covid-19 ต้องหันมาทำความเข้าใจว่าโลกนี้ไม่มีทางหายไปจากเราง่ายๆ เราจึงต้องอยู่ร่วมกับแบบมีสติ อยู่ในภาวะตระหนักแต่ไม่ตระหนก เพราะหากรัฐบาลยังย้ำแต่ ข้อมูลที่ทำให้เกิดความกลัว ความเครียดสะสมในสังคมจะรุนแรง จนกลายเป็นระเบิดอารมณ์พุ่งใส่รัฐบาลในที่สุด"ดร.พิมพ์รพี ระบุทิ้งท้าย

'ราเมศ'เผย ร่างแรกแก้รัฐธรรมนูญ ยันประชาชนต้องได้ประโยชน์ ไม่สนคนพูดให้พรรคประชาธิปัตย์เสียหาย แนะให้กลับไปดูความตั้งใจแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า ในส่วนของพรรคได้จัดเตรียมไว้เสร็จแล้วตั้งแต่ช่วงเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส.ส.ทั้งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีความเสี่ยงต้องกักตัวเพื่อป้องกันไว้ก่อน จึงเป็นเหตุให้ยังไม่ได้หารือร่วมกัน แต่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการพูดคุยแนวทางในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มีทั้งหมด 6 ร่าง ซึ่งต้องมีการนำไปประกอบการพูดคุยเพื่อหาข้อยุติที่ตรงกัน คาดว่าทันเปิดสมัยประชุมสามัญหน้า

นายราเมศกล่าวต่อว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีการตั้งคำถามจากคนบางกลุ่มว่าแก้แล้วประชาชนได้อะไร ในส่วนนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพราะร่างแรกของพรรคเราคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง สิทธิของประชาชนที่ลดน้อยถอยลงก็จะแก้ให้กลับคืนมาเช่น มาตรา 29 สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องดึงสิทธิ์ของพี่น้องประชาชนกลับคืนมาเพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสิทธิในการเข้าถึงด้วยความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรมสิทธิในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตรวจเอกสารอย่างเพียงพอ สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้องรวดเร็วและเป็นธรรมสิทธิในการคุ้มครองและความช่วยเหลือที่จำเป็นและเหมาะสมจากรัฐ เด็ก สตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการย่อมมีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอย่างเหมาะสมในคดีอาญาผู้ต้องหาจำเลยมีโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ได้รับความช่วยเหลือในทางคดีจากทนายและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นหลัก สาระสำคัญต่างๆเหล่านี้ควรที่จะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศเพื่อเป็นหลักประกันขั้นพื้นฐานให้กับประชาชน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในมาตรา 43 สิทธิชุมชน เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนและชุมชนซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วมปกป้องสิทธิของประชาชนฉะนั้นหลักการที่ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้กำหนดไว้ค่อนข้างชัดในการดูแลสิทธิชุมชน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย สวัสดิภาพ คุณภาพชีวิต การรับฟังความเห็น โครงการที่อาจเกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมมีองค์กรอิสระประกอบด้วยทุกภาคส่วน เพื่อดูแลจัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพเรื่องดังกล่าวนี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญเช่นกัน มาตรา 46 สิทธิผู้บริโภค ทุกคนเป็นผู้บริโภคหมด แต่สิทธิในรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันลดน้อยลงไปในเรื่องการคุ้มครอง การดึงสิทธิในส่วนการมีส่วนร่วมของประชาชนกลับคืนมาก็เป็นเรื่องสำคัญ

 
นายราเมศ กล่าวอีกว่า ในมาตรา 72 สิทธิในการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งในเรื่องนี้สำคัญที่สุดที่จะต้องเป็นหลักประกันให้กับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับที่ดินเพื่อให้ประชาชนสามารถมีที่ดินทำกินได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรมต้องยอมรับความจริงว่าประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องการถือครองที่ดินเนื่องจากยังไม่ได้มีการพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินทำกินอย่างเป็นระบบและเป็นธรรมการจัดสรรที่ดินภาครัฐจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงสิทธิ์ในที่ดินทำกินตามความเป็นจริงด้วย การแก้ไขมาตราดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญกับพี่น้องประชาชน 

“อันนี้คือร่างแรกที่อยากนำเสนอว่า พรรคคิดถึงประโยชน์ของประชาชน การตั้งต้นคิดเช่นนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ จะไม่ขอพูดถึงใครที่พยายามพูดให้พรรคเสียหาย ว่าพรรคไม่มีความจริงใจ ให้คนพูดกลับไปดูความตั้งใจที่ผ่านมาจะเป็นคำตอบ ส่วนในเรื่องร่วมรัฐบาลอย่านำมาโยงกับเรื่องนี้เพราะจุดหมายคือมุ่งผลสำเร็จในการแก้รัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ ถ้าคิดเพื่อให้ทุกอย่างเดินไม่ได้คิดง่ายเกินไป ส่วนวันนี้เป็นอย่างไรใครทำอะไรจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญแค่ไหน วันข้างหน้าคนเหล่านั้นก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตนอยู่แล้ว และในวันพรุ่งนี้(15 เม.ย.)ผมจะเปิดรายละเอียดร่างที่สอง เพื่อได้บอกกล่าวแลกเปลี่ยนความเห็นกันที่เกิดประโยชน์”นายราเมศ กล่าว

ตลกหมดมุก! ‘ณัฐชา’ ซัดกลับ ‘เเรมโบ้’ สมองกลวง หูอื้อ ปกป้องนาย ไม่สนใจข้อเท็จจริง ใช้มุกเดิม ๆ กล่าวหาฝั่งเห็นต่าง ยัน ‘ก้าวไกล’ ไม่คิดล้มสถาบัน

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ตอบโต้นาย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการบริหารงานของรัฐบาล รวมถึงการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาล และระบุว่าฝียังรักษาหายได้แต่มะเร็งในสมอง ของคนที่ไม่รักสถาบันโดยเฉพาะแกนนำคณะก้าวหน้าและคนบางส่วนในพรรคก้าวไกล ที่มีความคิดก้าวล่วงสถาบัน ว่า การที่นายเสกสกล ออกมาปกป้องรัฐบาลเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะตำแหน่งที่ถูกแต่งตั้งมาก็เพื่อคอยงับคนที่กล่าวถึงนายกรัฐมนตรี แต่การปกป้องโดยไม่ดูดาว ดูตะวันเช่นนี้ ช่างน่าเวทนา การปกป้องนายโดยการใส่ร้ายคนอื่นแทนที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงหรือมองสภาพการณ์ของรัฐบาลด้วยความเป็นจริงบ้าง น่าจะช่วยยกระดับการทำงานของนายเสกสกลได้บ้าง

และการกล่าวหาผู้อื่นว่าก้าวล่วงสถาบันซ้ำๆ เหมือนตลกไร้มุก กล่าวหาไม่จบสิ้น  ทั้งที่พรรคก้าวไกลเองก็มีการชี้แจงออกมาเป็น ร้อยครั้งพันครั้งว่า เราไม่มีความคิดจะก้าวล่วงหรือล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ดูเหมือนข่าวสารส่วนนี้จะไม่เข้าหูซึมสู่สมองนายเสกสกลเลย หรือ สมองกลวงไปแล้ว หูอื้อไม่สนใจข้อเท็จจริงใดๆ ทำแต้มปกป้องนายไว้ก่อนอย่างนั้นหรือ

“ผมอยากสื่อสารไปยังนายเสกสกล ชื่อเดิมนายสุภรณ์ หรือแรมโบ้อีสาน​ยอดกตัญญู ว่า คุณก็อยู่แวดวงการเมืองมานานแม้จะไม่เคยไปถึงฝั่งฝัน แต่ก็น่าจะเข้าใจและเรียนรู้บ้างว่าปลายทางของการเป็นผู้แทนต้องมาจากการยอมรับจากประชาชน ไม่ใช่แค่ชื่อมงคล  และหากคิดจะสง่างามบนเส้นทางการเมืองนายเสกสกล ควรมีเหตุผล ข้อเท็จจริงในการปกป้องนายมากกว่านี้ หรือคิดจะเติบโตเยี่ยงสุนัขรับใช้ตลอดไปก็ตามสะดวก สุดท้ายไม่ต้องห่วงว่ามะเร็งร้ายในสมองของแกนนำคณะก้าวหน้าหรือคนในพรรคก้าวไกลว่าจะรักษาไม่หาย สิ่งที่ไม่มีทางรักษาหายและน่าเป็นห่วงที่สุดคือกมลสันดานของนายเสกสกลเองต่างหาก”

'แรมโบ้' อัด เด็กหญิงหน่อย อย่าทำหูหนวก ตาบอด ตีกินทางการเมือง หลังซัดหนัก บิ๊กตู่ แก้โควิด-19 เย้ย อ่อนพรรษา ให้กลับไปติวมาใหม่

เมื่อวันที่ 14 เมษายน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน คณะทำงานด้านนโยบายและแผน พรรคไทยสร้างไทย ข้องใจเงินกู้ 40,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลกู้มารับมือโควิด-19 หายไปไหน นำไปใช้อะไรบ้าง ปล่อยปะละเลยให้เกิดการระบาดในรอบ 3 ว่า การกู้เงินนั้นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้วว่าเพื่อนำมาใช้ในแผนงานหรือโครงการทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ และ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนายเทพฤทธิ์ได้เห็นแล้วว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้ว มีมาตรการอะไรออกมาบ้าง เพื่อช่วยประชาชน ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย จนเป็นที่พึงพอใจของประาชนว่ารัฐเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลดีกว่าหลายประเทศที่กำลังประสพปัญหายิ่งกว่าประเทศไทย

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนที่บอกว่าความไม่พร้อมของการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ที่ยังไม่เปิดให้คนไทยเข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้ง่ายและฟรีนั้น ตนเองยืนยันยันว่าตามโรงพยาบาลรวมถึงในต่างจังหวัด ได้มีการตรวจหาเชื้อเชิงรุกมาโดยตลอด และตรวจฟรีสำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก่อน ซึ่งการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวันที่มีตัวเลขสูงนั้นก็มาจากการตรวจเชิงรุกทั้งนั้น  

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนนั้นนายกฯได้ย้ำอยู่ตลอดว่าต้องเป็นไปตามกระบวนการ และนายกฯได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการให้เข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด ให้ได้ตามแผนที่วางเอาไว้ ขณะเดียวกัน อย.ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ของจอนห์สันแอนด์จอห์สันแล้ว เป็นวัคซีนรายที่สามและวัคซีนที่มีคุณภาพที่อย.จะอนุญาตตามมาอีกหลายชนิด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนครบทุกคนอย่างแน่นอน
  
นายเสกสกล กล่าวว่า การที่นายเทพฤทธิ์บอกว่าโควิดรอบนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทยนั้น นายเสกสกลมองว่า หากนายเทพฤทธิ์ไม่ชอบนายกฯ หรือรัฐบาล ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้เพราะนอกจากจะไม่ให้กำลังใจแล้ว ยังเป็นการทำร้ายจิตใจของบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ทำงานมาอย่างหนักไม่ได้หยุดเลยในการช่วยเหลือประชาชน

นายเสกสกล กล่าวว่า นายเทพฤทธิ์ อาจจะไม่เห็นการทำงานของนายกฯ รัฐบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ก็ไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้ในขณะที่ทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชนร่วมมือร่วมใจกันให้สถานการณ์ ระบาดคลี่คลายลง ไม่ใช่จ้องแต่จะใช้วาทะตีกินทางการเมืองไม่คำนึงผลเสียหายหรือเป็นบ่อนทำลายจิตใจคนปฎิบัติหน้าที่ ที่ทุ่มเททำงานหนัก

นายเสกสกล กล่าวว่า พร้อมกันนี้ก็ขอให้มองในส่วนดีของนายกฯและรัฐบาลบ้าง ซึ่งการระบาดที่ผ่านมานายกฯทำได้ดี อย่าทำเป็นหูหนวก ตาบอด อย่าคอยแต่จะจ้องโจมตี ทำลายความน่าเชื่อถือนายกฯ และรัฐบาล ในขณะที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤติ  ซึ่งหากยังทำเช่นนี้ในทางกลับกันนายเทพฤทธิ์ กับพรรคไทยสร้างไทย จะหมดความน่าเชื่อถือเอง ขอเตือนเป็นพรรคการเมืองใหม่ควรเอาเวลาไปทำประโยชน์ให้กับประชาชนจะดีกว่า ประชาชนจะได้ไว้วางใจให้มี ส.ส.ในสภาฯในการเลือกตั้งสมัยหน้าแต่ถ้ามีพฤติกรรมเช่นนี้ สมัยหน้าอาจจะไม่มีส.ส..เข้าสภาแม้แต่คนเดียว
 
"เพิ่งตั้งพรรคใหม่ คุณหญิงสุดารัตน์อนุญาตให้ออกมาพูดหรือยัง ก่อนจะพูดช่วยเปิดหูเปิดตาศึกษาข้อมูลให้กระจ่างว่ารัฐบาลนำงบประมาณไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าให้ประชาชนอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะอ้าปากใส่ความรัฐบาลให้เสียหาย อย่าคิดแค่สร้างกระแสตีกินให้พรรคใหม่มีชื่อในหน้าสื่อ พรรษายังอ่อนหัดทางการเมือง ไหนบอกพรรคเป็นความหวังใหม่ของคนไทย จะไปหวังอะไรได้ นี่ไม่น่าใช้ชื่อ พรรคไทยสร้างไทยหรอก เพราะไม่ช่วยคิดสร้างไทยเลยมีแต่จะทำลายไทย จึงขอเปลี่ยนชื่อไว้รอการเลือกตั้งใหญ่ที่จะถึงอีกปีเศษๆ ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า"พรรคไทยทำลายไทย" จะดีกว่าไหม ถ้าคนในพรรคมีสมองมีความคิดได้เพียงแค่นี้ พรรคคงไปไม่รอดเป็นแน่ ฝากคุณหญิงสุดารัตน์ เอาตัวนายเทพฤทธิ์ไปติวไปอบรมความคิดใหม่ๆที่สร้างสรรค์กว่านี้ด้วย ก่อนที่อนาคตพรรคจะตกต่ำไปยิ่งกว่านี้ ผมเตือนมาด้วยความหวังดี และห่วงใย" นายเสกสกลกล่าว

‘รองโฆษกพรรคกล้า’ แนะรัฐบาล รวมแอปโควิด-สายด่วนเบอร์เดียว ลดความสับสน - ซ้ำซ้อน สะดวกต่อการใช้งาน ย้ำในสถานการณ์วิกฤต ข้อมูลต้องแม่นยำ

นางสาวภรณี วัฒนโชติ รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงแอปพลิเคชันหลายตัว เช่น ไทยชนะ หมอชนะ ใกล้มือหมอ หมอพร้อม ไทยเซฟไทย และสายด่วนองค์กรต่างๆ ที่รัฐใช้รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่รัฐใช้เทคโนโลยีและการจัดการข้อมูล เข้ามามีส่วนในการจัดการโรคระบาด แต่มองว่าการให้บริการทางข้อมูลต่อประชาชนในยามวิกฤตจะต้องกระชับ ชัดเจน และเข้าถึงง่าย มีข้อมูลที่ถูกต้อง ใช้ประโยชน์ได้จริง

นางสาวภรณี กล่าวว่า ตนเองเจอประสบการณ์ตรง ได้ไปใช้บริการธนาคารที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง และไปศูนย์การค้านั้นอีกครั้งในวันถัดมา จึงได้รับข้อมูลว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดมาใช้บริการที่ธนาคารเดียวกัน แต่กลับไม่ทราบช่วงเวลา โดยธนาคารปิดสาขาเพื่อทำความสะอาด จึงเกิดคำถามว่าเมื่อเช็คอิน "ไทยชนะ" ในการเข้าออกสถานที่แล้ว ทำไมจึงไม่ได้รับแจ้งข่าวสารที่จำเป็น ทำให้ไม่สามารถประเมินความเสี่ยงของการรับเชื้อ และหลักปฏิบัติตนที่เหมาะสม นอกจากนั้นยังมีคนใกล้ชิด หาข้อมูลเพื่อเข้าตรวจเชื้อโควิดผ่านแอป "หมอพร้อม" โดยให้ข้อมูลว่ามีโรงพยาบาลรอบตัวเป็นจำนวนมากให้เข้าตรวจได้ แต่พอจะไปตรวจจริงๆ กลับไม่พร้อมให้บริการ

รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า อยากเสนอภาครัฐหรือผู้ที่รับผิดชอบแอปพลิเคชันต่าง ๆ เหล่านี้ว่า ควรจะมีข้อมูลที่ตรงกับข้อเท็จจริง และเป็นลักษณะ Real Time เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอยากเสนอให้มีการรวมแอปพลิเคชัน ไว้ด้วยกันเพียงแอปเดียว และทำฟังชั่นการใช้งานให้ครอบคลุม รวมถึงสายด่วนต่างๆ ซึ่งมีอยู่หลายเบอร์ อยากให้รวมศูนย์เหลือเพียง 1 เบอร์ เพื่อป้องกันความสับสน สะดวกต่อการจดจำ และง่ายต่อการประสานงานให้ความช่วยเหลือประชาชน ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์การปฏิรูประบบ E-Government ของรัฐบาล ในการนำประเทศไทยสู่ยุค 4.0 และ 5.0 ต่อไป

‘บิ๊กตู่’ อวยพร วันผู้สูงอายุ - วันครอบครัว ชี้ สถานการณ์ โควิด-19 ค่อย ๆ คลี่คลาย เพราะความร่วมมือของทุกคน วอนคนไทยปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สกัดการแพร่ระบาด

เมื่อวันที่ 14 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเนื่องในโอกาส “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และ “วันแห่งครอบครัว” ประจำปี 2564 โดยส่งความปรารถนาดีมายังผู้สูงอายุ และผู้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานด้านกิจการผู้สูงอายุและครอบครัวทุกคนที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสถาบันครอบครัวให้มีความอบอุ่นเข้มแข็ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และ “วันแห่งครอบครัว” ถือเป็นวันสำคัญที่สร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนและสังคมได้เห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ เปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจที่เชื่อมโยง ความรักและความผูกพันให้แก่คนในครอบครัว เป็นผู้บ่มเพาะภูมิปัญญาความรู้หลากหลายประการในการดำเนินชีวิต เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวรู้บทบาทหน้าที่ของตนเองที่มีต่อสังคม ซึ่งถือเป็นภูมิคุ้มกันให้ครอบครัวมีความเข้มแข็ง และเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมคุณภาพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ที่ค่อย ๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความรักความเอาใจใส่ของคนในครอบครัวที่คอยประคับประคองช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และจากความร่วมมือของครอบครัวคนไทยทุกคน ประเทศจึงได้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ มาได้ รัฐบาลจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกครอบครัวจะช่วยกันป้องกัน ดูแล และรักษาสุขภาพร่างกาย จิตใจให้แข็งแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งนอกจากเป็นการป้องกันตนเองแล้ว ยังเป็นการป้องกันสมาชิกในครอบครัว ชุมชนและสังคม เพื่อให้ทุกครอบครัวไทยสามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขได้ต่อไป และขออวยพรผู้สูงอายุและคนไทยทุกครอบครัวมีความสุข ความเจริญ มีพลังกาย พลังใจที่เข้มแข็ง มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น และความเอื้ออาทรกันในทุกโอกาส

อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ! รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ‘อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด’ ซัด ‘แรมโบ้’ อย่าลามปาม ‘ยิ่งลักษณ์’ ออกตัวแก้ต่างให้ ‘บิ๊กตู่’ ทุกเรื่อง ทั้งที่บริหารประเทศผิดพลาดตลอด 7 ปี ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ พาดพิงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุเป็นห่วงคนไทยที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และเศร้าใจที่ยังไม่เห็นความพยายามในการแก้ปัญหาของรัฐบาล ปัญหาการเข้าถึงวัคซีนที่ยังต่ำไม่ทั่วถึงว่า นายเสกสกลทำตัวคล้ายเดินออกมาหาคู่กรณีทุกวัน ยิ่งถ้าได้พาดพิงอดีตนายกฯ ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา นายเสกสกลจะยิ่งชอบ คนที่ควรอยู่นิ่งๆในสถานการณ์นี้ควรจะเป็นนายเสกสกล การออกมาเถียงข้างๆคูๆ พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย บอกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยลดลง นายเสกสกลไปเอาข้อมูลจากไหนมาพูด ถ้าลดลงจริงแต่ละจังหวัดนอกจากจะจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้รองรับผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังต้องเตรียมระบบกักตัวที่บ้านไว้ทำไม ไม่ใช่เพราะนี่คือการระบาดหนักของจริงหรือ การพูดด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ประชาชนสับสน พูดแล้วไม่ได้เป็นบวกต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หรือรัฐบาลเลย

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้าสู่อำนาจด้วยวิธีที่ผิด ปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ฉีกรัฐธรรมนูญตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 ผ่านมา 7 ปีประชาชนทั้งประเทศได้เห็นการบริหารจัดการที่ผิดพลาดตลอดมา โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดที่ปล่อยให้มีการระบาดรอบแรกโดยการอนุญาตให้ทหารจัดมวย ระบาดครั้งที่ 2 ปล่อยให้มีการเปิดบ่อน กระบวนการค้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ระบาดครั้งที่ 3 ปล่อยให้เกิดไทยคู่ฟ้า2 ทองหล่อไครซิส ที่พัวพันคนของรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องและไม่รับผิดชอบต่อสังคม ไม่เปิดเผยและบิดเบือนไทม์ไลน์ โควิดระบาดมาปีกว่า แต่เพิ่งมาตั้งคณะทำงานจัดหาวัคซีน แถมไม่มีชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นี่คือใบเสร็จและสิ่งบ่งชี้ถึงการไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

วิกฤตโควิดส่งผลกระทบถึงวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง นายเสกสกล อย่าจ้องแต่จะลามปามอดีตนายกฯ จนละเลยความจริง ก่อนออกมาพูดควรหาข้อมูลหรือสำรวจความเห็นว่าประชาชนคนไทยทั้งประเทศ พึงพอใจต่อรัฐบาลอย่างที่นายเสกสกลกล่าวอ้างหรือไม่ อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ บิดเบือนพูดไปเรื่อย ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดที่พุ่งสูงขึ้นทุกวัน จะอธิบายเป็นความสำเร็จของรัฐบาลได้อย่างไร วัคซีนที่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนฉีดให้ประชาชนของตนเองในแต่ละประเทศ อยู่ในสัดส่วนที่สูงกว่าประเทศไทย จนประเทศไทยเกือบกลายเป็นรั้งท้ายประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนต่ำที่สุดในอาเซียน

“อย่าข่มขู่ประชาชนว่าอย่าทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล การปล่อยให้คนของรัฐบาลที่ฉีดวัคซีนแล้วไปเที่ยวในสถานที่อโคจรจนติดโควิด แล้วปกปิดบิดเบือนไทม์ไลน์ เป็นการทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาลด้วยตัวรัฐบาลเอง” นายอนุสรณ์ กล่าว

เสธฯ ทอ. ตรวจความพร้อมของ รพ.กองทัพอากาศ ที่ตั้งดอนเมือง รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564 พล.อ.อ.แอร์บูล  สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทร.) มอบหมายให้ พล.อ.อ.ชานนท์  มุ่งธัญญา เสนาธิการทหารอากาศ ในฐานะ ผู้อำนวยการกองบังคับการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กองทัพอากาศ (ผอ.บก.ศปม.ทอ.) ตรวจความพร้อมของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ในส่วนของกองทัพอากาศ ที่ตั้งดอนเมือง ซึ่งได้มอบหมายให้ ศูนย์ปฏิบัติการพลเรือน-ทหาร ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ (ศป.พรท.ศบภ.ทอ.) จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม ในการสนับสนุนรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรองรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ที่ขยายวงกว้าง และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ กองทัพอากาศ ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ของอาคารฝึกและทดสอบสมรรถภาพกองทัพอากาศ มาใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม ที่สามารถรองรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง สามารถรองรับได้จำนวน 140 เตียง และพร้อมเปิดให้บริการในวันที่ 16 เมษายน 2564 นี้ โดยมีบุคลากรทางการแพทย์จากกรมแพทย์ทหารอากาศ และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานในการดูแลผู้ป่วย

นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และจังหวัดนครปฐม เตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม ณ โรงเรียนการบิน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม จำนวน 120 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยในจังหวัดนครปฐมอีกด้วย

ทร.รับ กำลังพล ติดโควิด-19 จากสถานบันเทิงทองหล่อ สั่งกักตัวคนใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564  พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ  เปิดเผยว่าตามที่มีการนำเสนอข่าวนายทหารเรือติดเชื้อไวรัส COVID - 19 จากการท่องเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อ และเดินทางไปทอดผ้าป่าที่นครพนมโดยไม่มีการป้องกันรวมทั้งต้นสังกัดไม่ได้กำกับดูแลนั้น ว่า  1.การจากสอบสวนทีมสอบสวนโรคของกรมแพทย์ทหารเรือ เมื่อวันที่ 10 เมษายน นายทหารของกรมอุทกศาสตร์ ชั้นยศนาวาเอก ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวเป็นร้านอาหารพร้อมดนตรีสดในย่านเอกมัย ชื่อร้านเดอะ คลาสเซ็ตต์ มิวสิค บาร์ ร่วมกับเพื่อนภายนอกกองทัพ ในคืนวันศุกร์ที่ 26 มี.ค.ระหว่างเวลา 21.26 – 24.00 น. จึงได้เดินทางกลับไปโรงแรมบุญสิริ เพลส ณนนบูรณศาสตร์ เขตพระนคร หลังจากนั้นในระหว่าง 27 มี.ค. – 7 เม.ย. ได้ดำเนินชีวิตตามปกติ  จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ได้รับทราบจากเพื่อนภายนอกที่ไปเที่ยวด้วยกันว่า ติดโควิด จึงได้ไปตรวจหาเชื้อที่ โรงพยาบาลสมเด็จปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ในเช้าของวันที่ 9 เม.ย.และทราบผลตรวจว่าติดเชื้อโควิดในเวลา 21.00 น.ของวันเดียวกัน โดยในวันต่อมา (10 เม.ย.64) ได้เข้ารักษาตัวที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ

 

สำหรับกรณีของนายทหารของกรมอุทกศาสตร์ ชั้นยศนาวาตรี ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวเป็นผับแห่งหนึ่งในย่านรัชดา ชื่อ ดูไบ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ตั้งแต่เวลา 21.00 – 01.00 น.    โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ได้เดินทางไปทำงานปกติจนกระทั่งเวลา 10.00 น. ได้รับการแจ้งจากเพื่อนคนหนึ่งที่ไปเที่ยวด้วยกันเมื่อคืนวันที่ 2 เมษายน 2564 ว่า ติดเชื้อโควิด จึงได้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชา เพื่อมากักตัวเฝ้าดูอาการของตนเองภายในห้องพัก คอนโดมิเนียมย่านบางนา  ต่อมาในวันที่ 7 เมษายน 2564 เริ่มมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวแต่ยังไม่ไปพบแพทย์ จนกระทั่งวันที่ 8 เมษายน 64 เวลา 22.30 น. อาการไม่ดีขึ้น จึงได้ตัดสินใจไปพบแพทย์โดยขับรถส่วนตัวไปยัง  โรงพยาบาล ปิยะเวท เพื่อให้แพทย์สอบถามอาการ ประวัติความเสี่ยง ตรวจหาเชื้อโควิด หลังจากนั้น จึงได้ขับรถส่วนตัวเดินทางกลับมายังห้องพัก   เพื่อกักตัวรอผลการตรวจต่อไป  และต่อมาในวันที่ 9 เมษายน 2564 ทาง โรงพยาบาลปิยะเวท ได้แจ้งผลการตรวจ ว่า ติดเชื้อโควิด  และส่งรถมารับ  และ ส่งเข้ารับการรักษาต่อยังโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ  

    

ทั้งนี้ นายทหารทั้ง 2 นาย ได้รายงานไทม์ไลน์ให้กรมอุทกศาสตร์ซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัดทราบ เพื่อให้กรมอุทกศาสตร์รายงานให้กับ ศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินโควิด – 19 กองทัพเรือ / ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ (ศปก.ทร.) ทราบ รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งกำลังพลของ กรมอุทกศาสตร์ ที่มีโอกาสความเสี่ยงที่ไปสัมผัสตัว/อยู่ใกล้ชิด/อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับผู้ป่วยยืนยันดังกล่าว ให้รับทราบและกักตัวอยู่ที่บ้านรอการสอบสวนโรคจากกรมแพทย์ทหารเรือต่อไป 

   

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลการสอบสวนโรค ทราบว่า สถานที่ท่องเที่ยวที่ทั้ง 2 นายทหาร ไปเที่ยว นั้น ไม่ใช่ผับหรูในย่านทองหล่อตามที่ปรากฏข่าวสารแต่อย่างใด รวมทั้งเมื่อทราบว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยยืนยันติดโควิด ก็ได้รีบเข้ารักษาตัว ที่โรงพยาบาล สมเด็จพระปิ่นเกล้า ในโอกาสแรก ตามไทม์ไลน์ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ไม่ได้เดินทางไปไหนต่อยังต่างจังหวัดแต่อย่างใด  โดยเมื่อกรมอุทกศาสตร์ได้รายงานให้กองทัพเรือ (ผ่านศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน COVID – 19 กองทัพเรือ/ศปก.ทร.) เกี่ยวกับกรณีนายทหารของกรมอุทกศาสตร์ทั้ง 2 นาย ติดเชื้อโควิดทราบในวันที่ 10 เมษายน 64  แล้วนั้น ศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน COVID – 19  กองทัพเรือได้สั่งการให้ กรมแพทย์ทหารเรือจัดทีมเข้าสอบสวนโรคต่อกำลังพลของกรมอุทกศาสตร์ เพื่อทำการคัดกรองผู้มีความเสี่ยงสูง ซึ่งผลการสอบสวนและคัดกรองปรากฏว่ามีผู้มีความเสี่ยงสูงจำนวน 30 นาย และได้รายงานผลการสอบสวนให้ ศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน COVID – 19  กองทัพเรือ ทราบในวันที่ 11 เมษายน

 

ต่อมาในวันที่ 12 เมษายน ศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน COVID – 19  กองทัพเรือ  ได้สั่งการให้กลุ่มคนมีความเสี่ยงสูงดังกล่าว เดินทางไปกักตัวเฝ้าดูอาการ ณ อาคารรับรองสัตหีบ ภายในเวลา 16.00 น. ของวันเดียวกัน โดยให้กักตัวตั้งแต่ 12 – 23 เมษายน 2564  ซึ่งปัจจุบันผู้มีความเสี่ยงสูง 27 นาย ได้เดินทางไปกักตัว ที่อาคารรับรองสัตหีบ เรียบร้อยแล้ว ยกเว้นกำลังพล 3 นาย ที่ขออนุญาตกักตัวอยู่ที่ภูมิลำเนาต่างจังหวัด  และในส่วนของผู้ที่มีความเสี่ยงสูงอีก 3 นาย ขออนุญาตกักตัวอยู่ที่ภูมิลำเนาต่างจังหวัด ได้แก่ จ.นครพนม จ.อุตรดิตถ์  และ จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากทั้ง 3 นาย ได้ขออนุญาตหน่วยต้นสังกัดเดินทางกลับต่างจังหวัดเพื่อเยี่ยมภูมิลำเนาบ้านเกิด ซึ่งมาทราบภายหลังว่า นายทหารชั้นยศนาวาเอก ที่เป็นผู้ยืนยันติดเชื้อโควิด  ทราบผลในเวลา 21.00 น. ของวันที่ 9 เม.ย.ซึ่งขณะนั้นกำลังพลทั้ง 3 นาย ได้เดินทางถึงภูมิลำเนาเรียบร้อยแล้ว 

 

ทั้งนี้ กำลังพลดังกล่าว 3 คน ได้ขอกักตัวเฝ้าดูอาการอยู่ที่ภูมิลำเนา ตั้งแต่ 10 – 23 เมษายน 2564 เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อในระหว่างเดินทาง โดยทั้ง 3 คนได้เข้าสู่มาตรการเฝ้าระวังของจังหวัด (ผ่าน อสม.) รวมทั้งทาง สจจ.แต่ละจังหวัด จะดำเนินการนำกำลังพลดังกล่าวตรวจหาเชื้อตามเวลาที่เหมาะสมต่อไป

 

ส่วนกรณีที่มี นายทหารของกองทัพเรือ ในสังกัด กรมอุทกศาสตร์ ชั้นยศนาวาเอก เดินทางไปร่วมงานทอดผ้าป่าที่จังหวัดนครพนม  และทราบภายหลังว่าติดเชื้อ COVID - 19 เมื่อวันที่ 9 เมษายน นั้น  เมื่อวันที่ 8 เมษายน ได้รับประทานอาหารกับผู้ติดเชื้อ(ทานแค่ผลไม้)ประมาน 1 ชั่วโมง จากนั้นได้ขอตัวเนื่องจากต้องเดินทาง ออกต่างจังหวัดเวลา ประมาน 18.00 น. 

 

โดยลงเครื่องบินที่ จ.สกลนคร เพื่อเดินทางต่อมาที่ จ.นครพนม โดยรถยนต์ส่วนบุคคล เมื่อมาถึง บ้านที่อำเภอนาแก ได้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน ให้ทราบว่าได้เดินทางเข้าพื้นที่ เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของ จังหวัด (การเดินทางสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา)  ต่อมาในวันที่ 9 เมษายน ได้เดินทางไป จ.นครพนมเพื่อไปดื่มกาแฟและรับประทานอาหาร เป็นร้านปลาเผาไม่มีชื่อ แต่นั่งแยกโต๊ะ ไม่ได้เข้าไปในห้องแอร์แล้วกลับมาที่บ้านญาติที่ อำเภอนาแก เพื่อเตรียมจัดสถานที่ ทำผ้าป่าสามัคคี แล้วรีบกลับเข้ามาพักที่บ้าน หลังจากทราบว่า ได้ร่วมรับประทานอาหารกับผู้มีเชื้อโควิค  โดยในวันที่ 10 เมษายน อสม.ได้เข้ามาสอบถามประวัติ ถ่ายรูป วัดอุณหภูมิ ตามขั้นตอน  และวันที่ 11 เมษายน 2564 ได้เดินทางไปร่วมงานถวายผ้าป่า ที่วัดศรีจำปาบ้านช่ง อำเภอนาแก จ.นครพนม (นั่งอยู่ข้างนอก ที่โล่งแจ้ง ไม่ได้เข้าไปในพระอุโบสถ) และ สวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลา จากนั้นได้ กักตัวอยู่ที่บ้านพักตลอดเวลาเพื่อสังเกตุอาการ โดยมี อสม.มาตรวจสุขภาพ  โดยในวันนี้ (13 เมษายน) ทาง สาธารณสุขจังหวัด นครพนม ได้ทำการเก็บตัวอย่างเพื่อหาเชื้อโควิด  ซึ่งจะทราบผลภายใน 48 ชั่วโมง

      

กองทัพเรือขอแสดงความเสียใจในการที่กำลังพลของกองทัพเรือได้มีส่วนทำให้มีการแพร่เชื้อโควิดเพิ่มมากขึ้นและจะตั้งกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าว หากพบว่ามีการละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลและกองทัพเรือแล้วจะดำเนินการลงโทษโดยไม่ละเว้น

    

โดยก่อนหน้านี้  ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้หน่วยต่างๆ ในกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมในการรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)  ระลอกใหม่ โดยเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาล/สถานพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม  เพิ่มเติมเพื่อรองรับการแพร่ระบาด  และยังให้จัดตั้งคลินิกให้บริการวัคซีน โควิด ให้กับกำลังพล และประชาชนทั่วไป มีการจัดทีมสอบสวนโรค เมื่อพบผู้ป่วยต้องสงสัยในพื้นที่ที่กองทัพเรือรับผิดชอบ และให้มีการจัดทีมคัดกรอง และตรวจ เมื่อได้รับการประสานให้มีการสนับสนุนเพิ่มเติมกับหน่วยงานภายนอก

   

พล.ร.อ.เชรษฐา กล่าวอีกว่า  ผู้บัญชาการทหารเรือเน้นย้ำให้ข้าราชการกองทัพเรือ เพิ่มความระมัดระวังทั้งแก่ตนเองและสมาชิกในครอบครัวในช่วงสถานการณ์การแพร่ ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อ COVID-19 โดยการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคระบาดตามที่รัฐบาลกำหนด และมาตรการเพิ่มเติม 18 ข้อ ตามที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 64 ที่ผ่านมา โดยอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 64 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ โดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กองทัพเรือ ได้แจ้งไปยังหน่วยขึ้นตรงของกองทัพเรือ ให้กำลังพลได้รับทราบและเข้มงวดและกวดขันการตรวจการตามแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ ของ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ 

 

โดย ศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน COVID – 19 ทร. ได้ออกมาตราการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเน้นย้ำการปฏิบัติตัวของกำลังพลกองทัพเรือในระหว่างวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ สำนักตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ให้ใช้ โรงพยาบาลสนาม ในพื้นที่กองทัพเรือ ทั้ง 3 แห่ง 

ได้แก่ ศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (เกล็ดแก้ว จังหวัดชลบุรี)  หน่วยบัญชาการกองพลนาวิกโยธิน (ค่ายมหาเจษฎาฯ จังหวัดชลบุรี) และ สนามฝึก กองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี (รวมจำนวนเตียงทั้งหมด 726 เตียง) นับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ปัจจุบัน (13 เม.ย.64) ได้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลสนาม ศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (เกล็ดแก้วจังหวัดชลบุรี) จำนวน 193 ราย (ผู้ชาย 90 ราย และผู้หญิง 103 ราย) ยังคงเหลือจำนวน 533 เตียง

แรมโบ้ ซัด นายกฯปู "มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ" หนีคดีก็ควรอยู่นิ่ง ๆ อย่ามาวิจารณ์ บิ๊กตู่ ทำลายขวัญกำลังใจคนทำงานแก้โควิด-19 

เมื่อวันที่ 13 เม.ย.นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุเป็นห่วงคนไทย ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19  และเศร้าใจ ที่ยังไม่เห็นความพยายามในการแก้ปัญหาของรัฐบาล ปัญหาการเข้าถึงวัคซีนที่ยังต่ำไม่ทั่วถึง ว่า ตั้งแต่เกิดการระบาดเชื้อโควิด-19 ยืนยันว่านายกฯ และรัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด  หามาตรการต่างๆมาดูแลประชาชนทุกกลุ่ม มีมาตรการต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือเป็นที่พอใจของประชาชน ขณะที่การระบาดเชื้อโควิดที่ผ่านมานั้นได้รับความร่วมมือจากประชาชนจะเห็นว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ค่อย ๆ ลดลงเช่นกัน


นายเสกสกล กล่าวว่า มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศเข้าใจในสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างดีว่าเป็นอย่างไร  และเข้าใจการทำงานของนายกฯและรัฐบาล ดังนั้นขอให้นางสาวยิ่งลักษณ์ อย่าวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ และรัฐบาล หากยังไม่เห็นการทำงาน ว่ารัฐบาลทุ่มเทการแก้ไขปัญหาอย่างตั้งใจมากมายเพียงใด ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนนั้นขณะนี้ได้มีวัคซีนทยอยเข้ามา โดยนายกฯย้ำเสมอเร่งนำไปฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุดให้ได้ตามแผนที่วางเอาไว้ ขณะเดียวกันไม่ปิดกั้นเอกชนจัดหาวัคซีน แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน และที่สำคัญคือต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก


"เข้าใจว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน มีความเป็นอยู่ที่ดี คงจะไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เท่าไรนัก จึงอาจมองไม่เห็นว่านายกฯ และรัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว และทำงานหนักอย่างไร ทางที่ดี นางสาวยิ่งลักษณ์  ไม่ได้เป็นนายกฯแล้ว และยังเป็นผู้ที่ทำผิดหลบหนีไปต่างประเทศ ควรอยู่นิ่งๆ และไม่ควรออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ รัฐบาล หรือคนทำงานจะดีกว่า เพราะหากมีแต่จะพูดตำหนิเช่นนี้คงไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศชาติ และทำให้ประชาชนเกิดความความใจผิดได้


นายเสกสกล กล่าวว่า ตนอยากฝากถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ อยากช้อปปิ้งห้างหรู ไปดื่มไวน์ทานอาหารแพง ๆ อย่างสุขสบายก็ไม่มีใครตำหนิ แต่กรุณาอย่ากล่าวหาใส่ความรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานทุ่มเทเสียสละอย่างเหนื่อยหนักโดยไม่เคยคิดโกงกินบ้านเมือง ให้เสียกำลังใจเลย เพราะทุกคนทำงานแทบไม่มีเวลาไปหาความสุขไปช้อปปิ้งถือกระเป๋าแบรนด์เนมหรูๆ ดื่มไวน์กินอาหารอร่อยๆกับพี่ชายที่อยู่แดนไกล เหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถ้าไม่มีนำ้ใจช่วยให้กำลังใจกัน ก็โปรดอย่าซ้ำเติมทำลายจิตใจคนทุ่มเททำงานเลย

“รมต.ชัยวุฒิ” ยัน พรรคร่วมรัฐบาลเหนียวแน่น -แก้รธน.เป็นเรื่องของสภา

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล หลังนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าจากปัญหาต่างจะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเว้นระยะห่างระหว่างกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลยังดีอยู่เหมือนเดิม การทำงานต่าง ๆ ยังคงร่วมกันแก้ปัญหาด้วยดีโดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาโควิดที่กำลังระบาดในวันนี้ ไม่ได้มีความแตกแยกใด ๆ เกิดขึ้น 

เมื่อถามว่า นายชัยธวัช ออกมาตั้งข้อสังเกตุเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรชาติไทยพัฒนา เว้นระยะห่าง นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจมีความเห็นไม่ตรงกันนั้นเป็นเรื่องความเห็นของพรรคการเมืองที่แต่ละพรรคจะมี เพราะขนาดพรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็มีความเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องนี้ ซึ่งประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับการร่วมรัฐบาล เพราะนายกฯบอกแล้วว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นเรื่องของสภาที่จะไปดำเนินการ เชื่อว่าจะหาข้อยุติกันได้ และยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังทำงานร่วมกันเหนียวแน่นเช่นเดิม  

พปชร. ยัน! ปช.ใหญ่สามัญ18 เม.ย.นี้ เข้ม มาตรการป้องโควิด-19 ระบุ วาระเป็นไปตามกกต.กำหนด ยังไม่มีวาระอื่น

แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า กำหนดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 18 เมษายนนี้ ที่โรงแรมรามา การ์เด้นนั้นในเบื้องต้นนี้ ยังคงเป็นวันที่ 18 เมษายนเช่นเดิม โดยใช้มาตรการป้องกัน โควิด-19 อย่างเข้มงวด ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และหลังจากนี้คงต้องจับตาดู สถานการณ์ โควิด-19 อีกประมาณ 2-3วัน เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ส่วนวาระการประชุมนั้นเป็นการประชุมสามัญประจำปี ซึ่งเป็นวาระตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กำหนดส่วนวาระอื่นยังไม่มีการแจ้งอะไรออกมา

“เลขาฯก้าวไกล” เชื่อ เม.ย.-พ.ค. การเมืองร้อนแรง ปชช.ไม่เอา “บิ๊กตู่" เพิ่มขึ้น ดักคอ พรรคร่วมเตรียมถลุงงบ 65  ตุนกระสุนรับอุบัติเหตุปลายปี

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองช่วงกลางเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ว่า คิดว่าความร้อนแรงและความกดดันทางการเมืองน้ำหนักน่าจะอยู่ที่ความสำเร็จในการบริหารจัดการปัญหาโควิด-19 ระลอก3 เป็นหลัก เราจะได้เริ่มเห็นการเเสดงออกมากขึ้น อาจไม่ได้ออกมาในรูปแบบการชุมนุมอย่างเดียว แต่กลุ่มคนมีความหลากหลาย รวมถึงคนที่เคยสนับสนุน หรือไม่ได้ต่อต้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม  ก็จะเริ่มออกมาแสดงออกทางการเมืองเพิ่มมากขึ้นด้วย  

นายชัยธวัช กล่าวต่อมา เมื่อสภาฯเปิดประชุมสมัยสามัญ พรรคร่วมรัฐบาลคงคาดหวังว่าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65  จะสะสมทุนทางการเมืองครั้งสุดท้ายก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังจากพ.ร.บ.งบประมาณฯ ผ่านสภาฯ ซึ่งตนมองว่า พรรคร่วมรัฐบาล นอกจากช่วยประคองงบฯรอบนี้ให้ผ่านไปให้ได้เเล้ว เขายังเตรียมทางออกอื่นอีกหลายหน้าเอาไว้รับมือสถานการณ์การเมืองหลัง เม.ย.-พ.ค. เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองในระยะเวลาอันใกล้โดยไม่คาดฝัน ถ้าจะให้วิเคาระห์ก็อาจจะปลายปีนี้ หรือต้นปี2565 ก็เป็นได้ 

"ในส่วนพรรคก้าวไกล ต้องเตรียมพร้อมที่สุดตลอดเวลา หากยุบสภาฯให้ประชาชนได้กำหนดอนาคตตัวเอง พรรคก็พร้อม แม้ว่ายังมีเสียงส.ว.250 เสียงค้ำอยู่ ก็ต้องย้ำว่าจริง ๆ การยุบสภาก่อนจะปิดสวิตช์ ส.ว.ได้ ก็น่าเป็นห่วง แต่หากยุบสภาฯขึ้นมาเร็วจริง ๆ ก็เป็นโอกาสเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอย่างสันติ โดยที่ไม่ต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อ พรรคการเมืองต้องพร้อมทุกโอกาสทุกสนาม พรรคก้าวไกลเองก็อยู่ในช่วงเตรียมคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงพัฒนานโยบายต่าง ๆ เพื่อรอสื่อสารกับประชาชนตลอดอยู่เเล้ว" เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว

กลาโหมฯ ตั้ง รพ. สนาม 24แห่ง กว่า 5 พันเตียง ทั่วประเทศ  รมช.กลาโหมฯ ย้ำ! ให้เป็นมาตรฐาเดียวกัน แจงมาตรการชายแดน กักตัวกว่า 1.3หมื่นคน ติดเชื้อเกือบ 2 พันราย 

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม  ได้ประชุมร่วมกับ หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม  เหล่าทัพ กอ.รมน.และ ตำรวจ  ผ่านระบบประชุมทางไกล  ที่ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อติดตามความพร้อมของ รพ.สนาม ที่ กระทรวงกลาโหมจัดตั้งขึ้นเร่งด่วน 

พล.ท.คงชีพ  กล่าวว่า โดยภาพรวมปัจจุบันกระทรวงกลาโหม ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขท กำลังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เร่งจัดตั้งและเตรียมความพร้อม รพ.สนามในพื้นที่ต่างๆ ทั้งการสนับสนุนยานพาหนะ กำลังพลและสิ่งอุปกรณ์กับส่วนราชการในพื้นที่ จัดตั้งเป็น รพ.สนาม และจัดตั้ง รพ.สนาม ขึ้นในหน่วยทหาร จำนวน 24 แห่ง  5,341 เตียง โดยมี ศปม.( กองทัพไทย ) เป็นหน่วยประสานกับส่วนราชการต่างๆ ภายใต้การบริหารจัดการภาพรวมโดย สธ. เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กระจายเป็นวงกว้างและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น

สำหรับในพื้นที่ชายแดน กองกำลังป้องกันชายแดน ยังคงความเข้มข้นเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายซึ่งพบสถิติสูงขึ้น จากความรุนแรงในเมียนมา พร้อมกันนี้ กห.โดยทุกเหล่าทัพ ยังคงทำหน้าที่หลักร่วมกับ สธ. ในการคัดกรองและบริหารจัดการสถานกักตัวควบคุมโรค ทั้ง SQ และ ASQ จำนวน 161 แห่ง ต่อเนื่องตั้งแต่ มี.ค.63 เป็นต้นมา ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนเดินทางกลับจาก ตปท.ผ่านการกักตัวควบคุมโรคแล้ว 251,023 คน อยู่ระหว่างกักตัว 13,649 คน  พบผู้ติดเชื้อ 1998 ราย

พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แสดงความขอบคุณและห่วงใยการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ตำรวจทุกหน่วยงาน ที่สนับสนุนแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศต่อเนื่องที่ผ่านมาโดย พลเอกประยุทธ์ ย้ำขอให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ระมัดระวังป้องกันตนเองและครอบครัว และขอให้หน่วยต้นสังกัด ได้เสนอความต้องการและเร่งกระจายวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยงและในพื้นที่เสี่ยงสูงเป็นลำดับต้น เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน  

“พล.อ.ชัยชาญ ได้กำชับ ขอให้ทุกเหล่าทัพ เร่งสำรวจความพร้อมของบุคลากรแพทย์ทหารและแพทย์อาสาของกองทัพ เพื่อประเมินความพร้อมในการสนับสนุนและทำงานร่วมกับ สธ.อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ รพ.สนาม มีมาตรฐานเทียบเคียงกัน รองรับผู้ป่วยระดับต่ำที่ไม่มีอาการรุนแรงที่มีจำนวนมาก พร้อมทั้งขอให้ทุกเหล่าทัพ เพิ่มความเข้มข้นมาตรการป้องกันในหน่วยทหารและปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ในการปฏิบัติงานที่ร่วมกันลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายโรคที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

ทำเนียบฯ เข้ม มาตราการป้องโควิด-19 เน้น ขรก.-จนท. ทำงานที่บ้าน ขอ จำกัดสื่อ ลดแออัด

เมื่อวันที่ 13 เมษายน นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รักษาการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ​ ได้แจ้งผ่านไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล ว่า ตามที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้ประกาศแนวปฏิบัติของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 นี้ สำนักโฆษกจึงต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนที่เข้ามาปฏิบัติงานภายในทำเนียบรัฐบาล โดยนำแนวทางของ ศบค.เป็นหลัก ดังนี้ 1.มาตรการเวิร์กฟอร์มโฮม อย่างเข้มข้น จนถึง 30 เมษายน เพื่อลดการใกล้ชิด สัมผัส จึงขอให้สื่อจำกัดการเข้ามาปฏิบัติงาน ดังนี้ 1.1 สื่อทีวี อนุญาต 1 ทีม 1.2 สื่ออื่นๆ สังกัดละ 1 คน ทั้งนี้ ขอให้แต่ละสังกัดส่งรายชื่อสื่อที่จะเข้ามาปฏิบัติงานในรอบสัปดาห์ล่วงหน้า โดยเริ่มวันศุกร์ที่ 16 เมษายนนี้

นางสาวนัทรียา กล่าวว่า 2.เคร่งครัดการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ตรวจอุณหภูมิ ซึ่งจัดไว้ที่ตึกบัญชาการ 1 และรับสติกเกอร์รายวันจากสำนักโฆษก เว้นระยะห่างทุกกรณี และหมั่นล้างมือ ทำความสะอาด 3.งดรุมสัมภาษณ์ทุกกรณี ให้สื่ออยู่ในที่ตั้ง จุดที่พักของตนเอง หากมีการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่จะแจ้งและอำนวยความสะดวกให้ 4.ในกรณีสั่งของหรืออาหารมาจากภายนอก ไม่ให้เข้ามาส่งภายในตึกหรือพื้นที่ด้านในของทำเนียบฯ โดยให้มีการจัดสถานที่นำส่งของหรืออาหารบริเวณใกล้ประตูทางเข้า และ ผู้สั่งต้องออกไปรับสิ่งของหรืออาหารนั้นเข้ามา และ 5.ผู้ที่เคยเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ขอให้แจ้งต้นสังกัด และงดเข้ามาปฏิบัติงานในทำเนียบอย่างเคร่งครัด การขอความร่วมมือข้างต้นก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคนร่วมกัน หากมีข้อติดขัด หรือปัญหา ขอให้แจ้งสำนักโฆษกได้ตลอดเวลา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top