Wednesday, 23 April 2025
POLITICS NEWS

'ก้าวไกลเชียงราย' ลั่น!! ก้าวไกลไม่มีวันดับ หลังศาล รธน.สั่งยุบพรรค พร้อมรับคำสั่งเคลื่อนไหวต่อทันที หากส่วนกลางส่งสัญญาณ

(7 ส.ค. 67) สมาชิกและมวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลได้ไปรวมตัวกันที่ลานหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนพรรค แม้ว่าวันที่ 7 ส.ค.นี้ เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีมีการเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในการเป็นนโยบายหาเสียง

โดยมวลชนผู้สนับสนุนได้เขียนข้อความแสดงจุดยืนต่าง ๆ เช่น ก้าวไกลไปต่อ, ก้าวไกลไม่มีวันดับ ฯลฯ จากนั้นนำมาคลี่ถืออ่านข้อความต่างๆ พร้อมตะโกนว่า "ก้าวไกลไปต่อๆๆ"

นายสราวุฒิ หอมสมบัติ ทีมงานพรรคก้าวไกล จ.เชียงราย และนายประหยัด เสียงดัง อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล เขต 5 จ.เชียงราย ยังได้ปราศรัยให้กำลังใจผู้ไปร่วมในกิจกรรมทุกคนและพากันไปรอฟังการอ่านคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวต่อไป

นายประหยัดกล่าวว่า กรณีคำวินิจฉัยเป็นโทษ เราก็จะรอรับคำสั่งจากส่วนกลางต่อไปแบบพร้อมเต็มที่ รอสัญญาณอยู่เท่านั้น โดยเครือข่ายที่มาร่วมเป็นตัวแทนทุกอำเภอใน จ.เชียงราย มารวมกัน ทั้งนี้ ไม่น่าเป็นห่วงเพราะเคยถูกยุบพรรคมาครั้งหนึ่งแล้ว มีประสบการณ์และความรู้มากกว่าเดิมจึงเตรียมพร้อมดำเนินการได้และทำงานได้ลื่นไหลมากกว่าเดิมด้วย

นายสราวุฒิกล่าวว่า เราขอส่งกำลังใจให้กับกรรมการบริหารพรรคทั้ง 10 คน และ ส.ส.อีก 151 คนด้วย

‘พรรคล้มสถาบัน’ เด็กเช็ดรองเท้าตะวันตก ดึงโลกมา ‘ปกป้องความผิด’ ของตัวเอง

ปากร้องตะโกนโหยหาแต่ ‘ความเท่าเทียม-เสมอภาค’ แต่พฤติกรรมแต่ละดอกที่แสดงออกให้โลกเห็นกลับย้อนแย้ง กลิ้งกลอก อยากมีอยากได้แต่สิ่งที่ตนเองพึงพอใจ หาใช่ตามกฎหมายกำหนดไม่

เลว และอยากได้ในสิ่งที่ ‘เหนือคนอื่น’ ทำผิดแต่ไม่อยากโดนตัดสินว่าผิด ความชั่วช้าจึงไม่ต่างจาก ‘นักโทษนุ่งผ้าถุงชั้น 14’ ที่ยอมให้คนประณามหยามหมิ่น ทำผิดกับชาติอย่างสาหัส แต่เลือกที่จะหลบเร้นนอนนอกคุก เรียกใช้เหล่าข้าราชการที่ ‘นับถือเงิน’ มากกว่า ‘ความชอบธรรม’ คอยปกป้องคุมกันรอถึงวันสิ้นสุดคดี

คนการเมืองแบบนี้น่ะหรือที่เรียกว่า ‘คนน่านับถือ’ หรือ ‘น่าไว้วางใจ’ ควรคู่กับการยกประเทศชาติให้บริหาร สามัญสำนึกอันต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นนี้หรือ ที่สมควรจะมาเป็นนักการเมืองที่ดีงามของประเทศชาติให้ผู้คนยกย่อง มองยังไงก็มองไม่เห็นแสงแห่งความชอบธรรม เกรงประเทศจะสิ้นชื่อไม่เหลือซากต่างหากถ้าปล่อย ‘คนพฤติกรรมเน่า’ เช่นนี้เป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมาในบ้านเมืองเรา

พฤติกรรมกัดเซาะ จาบจ้วง ดูหมิ่น แถมยังทำทุกวิถีทางในการสนับสนุน ‘กลุ่มเด็กไร้อนาคต’ ให้กระทำผิด 112 เพื่อกระทบชิ่งไปถึงเบื้องสูง ทุกการกระทำตลอดหลายปีเปลือยให้เห็นล่อนจ้อนถึง ‘เจตนาร้าย’ ที่มีต่อสถาบันการปกครองไทย เมื่อจะถูกศาลตัดสินให้ตนเองอาจจะสิ้นชื่อ ก็ร้องไห้ เดินหน้าฟ้องสังคมไทย ตีโพยตีพายไปเป่าหูถึงสังคมโลกที่มี ‘หัวใจชั่ว’ เฉกเช่นตัวเอง ให้เข้ามาช่วยสาระแนสร้างกระแสให้ศาลไม่กล้าลงโทษรุนแรง

ทำผิด แต่กลับกลัวโทษจากความผิด

ทำผิด แต่กลับบอกว่าถ้าศาลลงโทษรุนแรง ศาลนั่นแหละที่ทำผิด หากศาลกล้าตัดสินรุนแรงสังคมไทยก็จะปั่นป่วน ต่างชาติจะมองประเทศไทยล้าหลัง มีตำหนิ และไม่น่าเชื่อถือ

โอ้ว! พฤติกรรมราวเด็กทำส้มที่แกะเปลือกออกแล้วกำลังจับใส่ปากตกลงบนพื้นดิน ดื้อด้านชี้จะเอาส้มลูกใหม่ให้ได้ ร้องไห้งอแง เดินสายฟ้องคนโน้นทีคนนี้ที หาคนช่วยไม่เลือกบ้านเลือกเมืองประสา ‘เด็กโง่ไร้น้ำยา’ ไปวัน ๆ อย่าเป็นเลยนักการเมือง มันจะทำให้ชาติดูน่าอดสูกว่าเก่า

มาเป็น ‘เด็กเช็ดรองเท้า’ ให้ตะวันตกดีกว่า สมฉายา ‘ขี้ข้าฝรั่ง’ ดี

'สภาฯ' ดับฝัน ‘หนังโป๊-Sex Toy’ ก้าวไกล หลัง 284 สส. คว่ำร่างฯ ปลดล็อก

(7 ส.ค. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีวาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … มาตรา 287 ของ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กับคณะ เป็นผู้เสนอ และร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ… ของ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยเป็นร่างพ.ร.บ.ที่มีสาระเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน และสตรี

สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว เสนอให้การแจกจ่าย หรือแสดงแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งเป็นภาพเขียน ภาพพิมพ์ สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ สิ่งอื่นใดอันลามก ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือที่เป็นการใช้ความรุนแรง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากกฎหมายปัจจุบันที่ห้ามกระทำทั้งหมด ไม่ว่า จะเกี่ยวกับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีหรือไม่ก็ตาม

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เปิดให้ส.ส.อภิปรายต่อเรื่องดังกล่าว โดยมีส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคนอภิปรายสนับสนุน ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะเห็นว่า การห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเห็นว่าของเล่นผู้ใหญ่ เซ็กซ์ทอย มีข้อดี ช่วยอาชญากรรมทางเพศ ลดความเครียด และแก้ปัญหาชีวิตครอบครัวได้

โดย นายสรพัช ศรีปราชญ์ ส.ส.สระบุรี พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนว่า การกำหนดกฎหมายแบบที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า เราอยู่ในโลกแห่งการไม่ยอมรับความจริง เมื่อเราอยู่ในประเทศหน้าไหว้หลังหลอก มือถือสากปากถือศีล เอาคำว่าศีลธรรม จริยธรรม เป็นเสื้อคลุมกายทำให้เรากลายเป็นคนดีขึ้นมาทันที และเป็นข้ออ้างที่ทำให้เซ็กซ์ทอยผิดกฎหมาย และกำลังทำลายความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่มีความรู้สึกทางกามอารมณ์ที่ต้องการใช้งาน แต่เราผลักใสให้เขาไปหาสิ่งอื่นๆทดแทน เมื่อต้องการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ หากเป็นคนไม่มีจิตสำนึกก็จะนำไปสู่การข่มขืน

ด้าน นายภัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การแก้กฎหมายให้ผู้ผลิตสื่อทางเพศ ไม่ถือว่า เป็นผู้ทำผิดกฎหมายหรือส่งผลเสียต่อสังคม เนื่องจากเราไม่ได้ให้เยาวชนเข้ามา และได้กำหนดให้ผู้ผลิตมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ถือว่ามีวุฒิภาวะ และไม่เรียกว่ามอมเมาประชาชน ที่ผ่านมาผู้ผลิตและผู้รับสื่อมีอยู่ทั่วไปอยู่ตลอด ดังนั้นจะไม่ดีกว่าหรือที่เราจะเรียกรับผลประโยชน์ ทำให้ขึ้นมาอยู่บนดินแล้วดูแลควบคุม ให้เสรีภาพแก่ผู้ผลิตสื่อ ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล จะใช้ร่างกายเลี้ยงชีพ ซึ่งไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ส่วนเซ็กทอยขณะนี้มีอยู่แล้ว ทำไมไม่ควบคุมโดยออกกฎหมาย เพื่อดูแลมาตรฐาน

ขณะที่ ฝ่ายรัฐบาลคัดค้านแก้ไขมาตรา 287 ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ โดย นายดวงฤทธิ์ เบญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ไม่ได้มีอคติ แต่เห็นว่า มีผลเสียมากกว่าผลดี หากมีการแก้ไขในเรื่องนี้ ปัญหาครอบครัว ผลของการกระทำ เราอาจเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ในอนาคตเสี่ยงเกิดปัญหาภายในครอบครัว เกิดการคุมคามทางเพศมากขึ้น และยังก่อให้เกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบว่าการใช้ความรุนแรงทางเพศเป็นเรื่องปกติ และอาจมีผลต่อการค้ามนุษย์ ข่มขืนใจ ที่สำคัญจะมีปัญหาด้านสาธารณสุข ในแง่ของโรคติดต่อตามมาด้วย

ด้าน นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาระสำคัญของการขอแก้ไขครั้งนี้ คือถ้าเป็นสื่อลามกที่เกี่ยวข้องกับคนอายุต่ำกว่า20ปี หรือใช้ความรุนแรง ให้มีความผิด ตนเห็นว่าฟังแล้วดูเหมือนจะดี แต่เจตนาของมาตรา 287 ต้องการคุ้มครองประชาชน ผู้อภิปรายพูดแต่เรื่องศีลธรรม แต่เราก็ต้องทำเหมือนเดิม เพราะในสังคมมีความหลากหลายมาก โดยเฉพาะการโฆษณาให้เห็นอวัยวะเพศ ภาพโป๊ เปลือย หรือกิจกรรมทางเพศ บางคนมองว่าเป็นศิลปะ แต่จะทำให้เกิดปัญหาล่วงล้ำสิทธิคนอื่น

“การมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น ความจริงก็ต้องมีบ้างเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ เพื่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งรัฐต้องมีมาตรการทางกฎหมายออกมาเพื่อคุ้มครอง ในการเข้าถึงสื่อลามกที่ต้องมีการป้องปราม ที่สำคัญปัจจุบันเรายังไม่ได้มีกฎหมายว่าด้วยการให้บริการทางการเพศ ซึ่งน่าห่วงใย ถ้าให้มีสื่อลามกเผยแพร่ออกไป เพราะฉะนั้นผมจึงไม่สนับสนุน”นพ.เชิดชัย กล่าว

นพ.เชิดชัย กล่าวด้วยว่า เซ็กซ์ทอยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นวัตถุช่วยเหลือทางเพศ เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ อาจใช้กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ มีประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ควรพูดให้ชัดเจน อาจมีประโยชน์ช่วยให้คู่ชีวิตดีขึ้น ลดการข่มขืน ลดความเครียด ประเด็นนี้ต้องทำให้ถูกกฎหมาย และเป็นคนละเรื่องกับมาตรการป้องกันสื่อลามก เซ็กซ์ทอย ซึ่งน่าจะเสนอเป็นกฎหมายเฉพาะ แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้คลุมเครือไม่ชัดเจน เกิดปัญหามากกว่าข้อดี จึงอยากให้ผู้เสนอนำไปร่างใหม่เป็นการเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ทอย

กระทั่งเวลา 13.25 น.ที่ประชุมลงมติเห็นด้วย 145 เสียง ไม่เห็นด้วย 284 เสียง งดออกเสียงไม่มี ถือว่าที่ประชุมไม่รับหลักการ ดังนั้นร่างพ.ร.บ.ทั้งสองฉบับนี้จึงตกไป

เปิดดวงชะตาล่าสุด 'เศรษฐา' ดูสดใส 'ทักษิณ' หวั่นใจ วิบากกรรมยังรุมเพียบ

สัปดาห์ที่แล้ว...ได้กล่าวถึงกระแสข่าวว่า เศรษฐา ทวีสิน มีแนวโน้มน่าจะรอดได้ไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุปัจจัยทางกฎหมายที่บางคนบอกว่ายังก้ำกึ่ง บางคนบอกว่าผิดชัด ๆ...แต่หลายคนเชื่อว่า...เหตุผลบกพร่องโดยสุจริต อาจจะเป็นประเด็นสำคัญ...

ความเชื่อว่า...เศรษฐาน่าจะรอด มีสูงขึ้นเป็นลำดับเมื่อมองจากภาษากายของเขาที่ดูสดชื่น มั่นอกมั่นใจแม้จะเพิ่งสูญเสียคุณแม่...แต่งานศพคุณแม่ได้อดีตนายกฯ ลุงตู่ 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' ในฐานะองคมนตรีไปเป็นประธานสวดพระอภิธรรมเมื่อค่ำวันที่ 5 ส.ค.

และเย็นวันที่ 6 ส.ค. 'พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์' ประธานองคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์ไปในการพระราชทานเพลิงศพ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ไปร่วมอีกครั้ง รวมทั้งนายทักษิณ ชินวัตร และบุคคลสำคัญจำนวนมาก ย่อมทำให้นายเศรษฐาและครอบครัวภาคภูมิใจ...

ทำให้นึกถึงคำพยากรณ์ของซินแส ภาณุวัฒน์ พันธ์วิชาติกุล ที่สัมภาษณ์ในไทยโพสต์ ออนไลน์ว่า...ความสูญเสียของคุณแม่ช่วยค้ำยันให้ดวงผู้เป็นลูกดีขึ้น...เชื่อว่าเศรษฐาจะรอดแบบฉิวเฉียด...ได้ไปต่อ...

จะได้ไปต่อจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้รัฐบาลได้กำหนดวาระงานสำคัญหลังวันพิพากษา 14 ส.ค.เอาไว้แล้วว่า วันที่ 19-20 ส.ค. จะมีการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา...

ทำราวกับว่าวันที่ 14 ส.ค.ก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง...เดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไป...อะไรประมาณนั้น!!

ในขณะที่ดวงดาวของ 'เศรษฐา' ดูเหมือนจะโคจรในวิถีที่ปลอดภัย...หันไปดูชะตากรรมทักษิณดูเหมือนจะอมทุกข์อโศกไว้อย่างเห็นได้ชัด แม้พยายามจะยิ้มแย้มตอนพบปะยกมือไหว้ 'ลูงตู่' ในงานศพก็ตาม...

จะไม่ให้เครียดได้อย่างไรในเมื่อ...

1) มีคดีมาตรา 112 ติดตัวอยู่...ขอเดินทางไปนอกราชอาณาจักร (ดูไบ) ศาลก็ไม่อนุญาต

2) ความคาดหวังที่จะได้พ้นโทษเร็วกว่ากำหนด (31 ส.ค.2567) กล่าวคือ ขอรับอานิสงส์พร้อมกับการพระราชทานอภัยโทษทั่วไปเนื่องในวันมหามงคลก็ยังไม่ชัดเจนว่าได้หรือไม่...วันไหน!?

3) มิหนำซ้ำ...กรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) สรุปเปรี้ยงออกมาว่า ทักษิณได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลดีกว่านักโทษรายอื่น รพ.ตำรวจเลือกปฏิบัติ ขอส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ โอกาสจะถูกกล่าวหาพัวพันก็มี

4) รัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำยังบริหารไม่ได้ดั่งใจ...ดิจิทัล วอลเล็ต ยังถูกท้าทายเยาะเย้ยว่า...ไปไม่ถึงเป้าหมาย

..ฯลฯ..

ท่ามกลางความเครียดเคร่ง ข่าวแจ้งว่าทักษิณยอมที่จะไปเป็นองค์ปาฐกหัวข้อ 'VISION FOR THAILAND' ในงาน...ดินเนอร์ทอล์ก ที่จัดโดยเครือเนชั่น ในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งตอนคิดงานใหม่ ๆ กะว่าจะเล่นมุกเลข 22 คือ จัดงานวันที่คิดว่าพ้นโทษ 22 ส.ค.ถ่ายทอดสดทางช่อง 22

แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน...

หลังการจ้อครั้งสำคัญในวันที่ 22 ส.ค.ก็ยังไม่มีหลักประกันว่า...จะกำไรหรือขาดทุน...คนจัดงานอาจมีกำไร แต่พรรคเพื่อไทยและยี่ห้อชินวัตรยังไม่ชัดเจนว่าจะกำไร...

คนคำนวณมิสู้ปากพาไป...โปรดระวังปลาหมอคางดำ...!!

‘ศาล รธน.’ พิพากษา ‘ยุบพรรคก้าวไกล’ ‘พิธา-กก.บห.’ ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี

(7 ส.ค.67) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย คดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ให้ยุบพรรคก้าวไกล ฐานมีพฤติการณ์อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยอ้างอิงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 3/2567 ที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า พรรคก้าวไกลกระทำการในลักษณะดังกล่าว จากการที่มี สส.เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการแก้ไขมาตรา 112 โดยเสนอให้ยกเลิกกฎหมายมาตรานี้

ทั้งนี้ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า พรรคก้าวไกลและพิธา มีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง จึงให้ตัดสิทธิ พิธา และกรรมการบริหารพรรค รวม 10 ปี 

สำหรับผู้ที่โดนตัดสิทธิทางการเมืองได้แก่...

1.พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
2.ชัยธวัช ตุลาธน 
3. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ 
4. ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล 
5. ปดิพัทธ์ สันติภาดา 
6. สมชาย ฝั่งชลจิตร 
7. อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล 
8. อภิชาต ศิริสุนทร 
9. เบญจา แสงจันทร์ 
10. สุเทพ อู่อ้น

'อัครเดช' จี้!! ตำรวจเร่งกวาดล้างมาเฟีย 'เงินกู้-ยาเสพติด' บ้านโป่ง ลั่น!! หากปล่อยเรื้อรัง ไม่พ้น 'ลักทรัพย์-ชิงทรัพย์' ลุกลาม

(7 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเขตอำเภอบ้านโป่ง เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในเรื่องอาชญากรรม ซึ่งทำให้ชาวบ้านหวาดผวาอย่างหนัก หลังจากเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา มีเพจดังในโซเชียลมีเดียได้ลงข่าวเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้นอกระบบได้ทําร้ายร่างกายลูกหนี้และเครือข่าย 

จากเหตุการณ์นี้ จึงขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตํารวจ โดยเฉพาะท่านผู้บัญชาการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้ลงไปเร่งรัดจัดการคดีนี้ พร้อมกับเร่งปราบปรามการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความหวาดกลัวให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จนเกิดเป็นข่าวดังในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชน ในเขตอําเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ว่า ขณะนี้เกิดปัญหายาเสพติดระบาดอย่างหนักในพื้นที่ จึงขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตํารวจได้เร่งรัดปราบปราม เพราะต้องยอมรับว่า ในช่วงนี้ยาเสพหนักเพิ่มปริมาณขึ้นเยอะมาก จากเดิมที่เคยลงลงพื้นที่ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยปรากฏว่าพี่น้องประชาชนเข้ามาร้องเรียนเรื่องยาเสพติดเลย แต่ช่วงนี้คงเยอะเป็นพิเศษจนชาวบ้านเริ่มทนไม่ไหว จึงได้เข้ามาร้องเรียนในขณะที่ลงพื้นที่

และแน่นอนว่า เมื่อมียาเสพติดระบาด ยังส่งผลให้มีปัญหาเรื่องการลักทรัพย์และชิงทรัพย์เพิ่มขึ้นด้วยเช่น ซึ่งเมื่อไม่กี่วันนี้ที่ผ่านมา เกิดเหตุกระชากกระเป๋า โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นใต้สะพานโคกหม้อ ถนนทรงพล เขตตําบลปากแรต อําเภอบ้านโป่ง และยังมีปัญหาการลักทรัพย์สินทางราชการโดยเฉพาะสายไฟฟ้าส่องสว่าง ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน แต่ทว่ายังไม่ได้รับการจัดการอย่างจริงจัง ดังนั้น จึงขอให้ทางผู้บัญชาการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ลงไปเร่งดําเนินการให้ด้วย

นอกจากนั้น ในเขตอําเภอบ้านโป่ง ยังมีการจราจรหนาแน่น และมีการปิดถนนบางช่วงเพื่อทําการก่อสร้าง จึงอยากจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตํารวจ เข้ามาช่วยอํานวยการจราจร เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาพบว่า เจ้าหน้าที่ตํารวจไม่ค่อยเพียงพอ จึงขอให้ทางผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดราชบุรีได้เร่งดําเนินการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ตํารวจจราจรที่มีจํากัด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ด้วย

“ขณะเดียวกัน ยังได้รับการร้องเรียนจากนายกเทศมนตรีเทศบาลตําบลห้วยกระบอก ตําบลกรับใหญ่ว่า มีไฟฟ้าตกในเขตเทศบาลตําบลห้วยกระบอกบ่อยครั้ง ขอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เร่งรัดดําเนินการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าตกในพื้นที่ให้ด้วย” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

‘หมออ๋อง’ พร้อมรักษามารยาท ยุติหน้าที่บนบัลลังก์ หากคำตัดสินคดี ‘ยุบพรรคก้าวไกล’ ออกมาเป็นลบ

(7 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล บ่ายวันนี้ว่า ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ อยากเห็นสภาฯ เข้มเเข็ง และไม่อยากเห็นสภานิติบัญญัติถูกแทรกแซงจากองค์กรอื่น

หากผลออกมาเป็นคุณ ก็จะยินดีมาก ไม่ใช่เพียงกับพรรคก้าวไกลอย่างเดียว แต่รวมถึงสภาฯ ด้วยที่จะดำเนินการกันต่อไปได้ และมองว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะเป็นบรรทัดฐานว่าตกลงแล้วสิทธิหรืออำนาจของผู้แทนราษฎรในการเสนอกฎหมายนั้น จะมีใครมายับยั้งหรือบั่นทอนอำนาจนี้ได้หรือไม่

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าเนื้อหาคำวินิจฉัยนั้นสำคัญมาก ว่าการอธิบายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขั้นตอนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือสิทธิของสภาฯ นั้นเป็นสิ่งที่ตนรอฟังอยู่ว่าคำตัดสินนั้นจะเป็นคุณหรือโทษ

เมื่อถามว่าการอ่านคำวินิจฉัยศาลนั้น ตรงกับช่วงเวลาที่นายปดิพัทธ์ นั่งเป็นประธานการประชุมในเวลา 15.00 น. หากผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นลบจะทำอย่างไร นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบใดๆ กับการทำงาน

หากคำตัดสินออกมาไม่เป็นคุณ และมีการตัดสิทธิ์จริง ตนต้องรักษามารยาท ยุติปฏิบัติหน้าที่บนบัลลังก์ แต่หน้าที่ของนักการเมืองของตนยังคงอยู่

‘เพจก้าวไกล’ เปิดภาพ 'ก้าวไกลในเลนส์กล้อง' ประมวลรูปที่คุณอาจไม่เคยเห็น ในระยะเวลาทำงาน 4 ปี

(7 ส.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรคก้าวไกล - Move Forward Party’ โพสต์ภาพ พร้อมเนื้อหาในหัวข้อ ‘ก้าวไกลในเลนส์กล้อง : ประมวลรูปที่คุณอาจไม่เคยเห็น จากช่างภาพผู้ติดตามการทำงานของพรรค’ โดยระบุว่า...

4 ปีของพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องราวของผู้คนและการเดินทางที่ไม่รู้จบ และผู้ที่จะเก็บบันทึกเส้นทางของพวกเขาได้เป็นชิ้นเป็นอันที่สุด ก็คือบรรดาช่างภาพที่ติดตามการทำงานของพรรคก้าวไกล เราติดต่อไปยังช่างภาพเหล่านั้นเพื่อขอภาพถ่ายที่พวกเขาประทับใจ ขบขัน หรือเป็นแง่มุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งแกนนำ ทีมงาน สมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนจากทั่วสารทิศ

ขอเชิญชม ‘ก้าวไกล’ จากวิวไฟน์เดอร์ของคนทำงานตัวจริงและเรื่องราวที่คุณอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน

‘ช่อ พรรณิการ์’ ชี้!! 18 ทูตต่างชาติ รู้มารยาททางการทูตดี ฟาก ‘รัชดา’ โต้กลับ รู้มารยาท แต่ก็ต้องใช้อยู่บนพื้นฐานความเข้าใจบริบททางสังคมนั้นๆ ด้วย

(6 ส.ค. 67) จากรายการ ‘กรรมกรข่าว คุยนอกจอ’ ดำเนินรายการโดย ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ ได้สัมภาษณ์ ‘ช่อ-พรรณิการ์ วานิช’ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และต่อสายสนทนาสดกับ ‘รัชดา ธนาดิเรก’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณี ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีภาพถ่ายร่วมกับทูตต่างประเทศ และมีข้อมูลว่าจะเชิญทูตจำนวน 18 ประเทศมาร่วมฟังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรค 

โดยในบางช่วงบางตอน ช่อ-พรรณิการ์ ได้กล่าวถึงประเด็นการมีมารยาททางการทูตว่า “ในเรื่องความรู้อันเกี่ยวกับมารยาททางการทูต ดิฉันเชื่อว่าบรรดาทูต 18 ประเทศมีไม่น้อยกว่าคุณรัชดาหรอก และมีมากกว่าดิฉันแน่นอน…

“ดิฉันก็ไม่คิดว่าดิฉันมีความรู้เรื่องมารยาท หรือวิธีการอันนุ่มนวลในการดําเนินการระหว่างประเทศเทียบเท่ากับทูต 18 ประเทศนี้ เพราะนั่นเป็นอาชีพของเขา ไม่ใช่อาชีพของดิฉัน เพราะฉะนั้นดิฉันว่าเรื่องมารยาท ทุกคนโดยเฉพาะคนที่เขาเป็นเอกอัครราชทูตของประเทศ ที่เป็นประเทศชนชั้นนําระดับโลกเขาทราบ…

“คุณสรยุทธ คุณไบร์ท เป็นนักข่าวก็ย่อมรู้เรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพนักข่าว ดิฉันเป็นนักการเมืองก็รู้เรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพของนักการเมือง นักการทูตย่อมรู้จรรยาบรรณวิชาชีพของนักการทูต อนุสัญญากรุงเวียนนาทุกคนก็ต้องอ่านว่าหน้าที่ทางการทูตมันมีอะไรบ้าง”

ต่อมาทางด้าน ‘รัชดา ธนาดิเรก’ ก็ได้กล่าวตอบกลับระหว่างสนทนากันว่า “ประเด็นที่คุณช่อบอกว่าทูตเจ้าหน้าที่ทูต 18 ประเทศ เขารู้ดีอยู่แล้วว่ามารยาททางการทูตคืออะไร ความรู้ที่ใช้บนอคติ ใช้บนฐานความคิดของเขาเพียงด้านเดียว ไม่เอามาประยุกต์ใช้กับบริบทสังคมไทย วัฒนธรรมไทย กฎหมายไทย อันนี้ดิฉันก็ไม่เชื่อว่าความรู้ในเรื่องมารยาทจะสามารถนํามาใช้ได้อย่างถูกต้องและเป็นที่ยอมรับ…

ประเด็นมันอยู่ที่ว่าวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญกําลังวินิจฉัยว่าพฤติกรรมของพรรคก้าวไกล ที่ศาลท่านเคยวินิจฉัยไปแล้วว่าเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทําลายสถาบัน ซึ่งอันนั้นคือสถาบันหลักในระบอบประชาธิปไตย ศาลกําลังจะวินิจฉัยในทางใดทางหนึ่ง ไม่มีใครรู้ แต่ท่านเคยวินิจฉัยไปแล้วว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทําลาย ดังนั้นจึงจําเป็นที่จะต้องมีการวินิจฉัย ทําไมต่างชาติไม่เข้าใจในเรื่องตรงนี้ พฤติกรรมที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมันเซาะกร่อนบ่อนทําลายเสาหลักของประชาธิปไตย…

“แล้ววันนี้ศาลรัฐธรรมนูญคืออํานาจตุลาการเป็นอํานาจอธิปไตย เรากําลังจะใช้ คุณมายุ่งอะไร ดิฉันย้ำไม่ใช่ปฏิเสธสิทธิในการเห็นต่างของชาติอื่น ๆ เห็นต่างได้ แต่ไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องมาแสดงออกในสถานการณ์วันนี้ แบบนี้ โพสต์เช่นนี้ อันนี้แย่หนักเข้าไปใหญ่ คุณจะเอาข้อมูลที่คุณได้รับทราบจากการพูดคุยกับนักการเมือง และไปประเมินสถานการณ์กับรัฐบาลของคุณ ทําได้ เป็นสิ่งที่ต้องทําอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่มาโพสต์ว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญกําลังจะวินิจฉัย ใช้อํานาจศาลตัดสินคดีที่มันเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญเป็นวิกฤติ อันนี้มันไม่ใช่เรื่องจะต้องทํา”

'ดร.หิมาลัย' เปิดงาน 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' สะท้อนอีกแง่มุมประวัติศาสตร์ 2475 ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้

(6 ส.ค. 67) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นประธานการเปิดกิจกรรมเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' และรับชมภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยมีตัวแทนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ อาทิ ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ / นายภัทรพล แก้วสกุณี อดีตผู้สมัคร สส.เขต 6 จ.ปทุมธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ / น.ส.พัชรนันท์ โกศลสมบัตินนท์ อดีตผู้สมัคร สส.กทม.พรรครวมไทยสร้างชาติ / นาย อิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ อดีตผู้สมัคร สส.กทม.พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และนักศึกษาประชาชนร่วมงานจำนวนมาก

โดย ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ได้กล่าวเปิดงานว่า วันนี้เราจะได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ ทั้งจากมุมมองของนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้

"เรามาร่วมไขความจริงกันอีกครั้งว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี 2475 นั้น เป็นความหวังในการสร้างระบอบประชาธิปไตย หรือที่มีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย ที่มองว่าเป็นเพียงภาพลวงตาหรือความฝันที่ไม่สามารถตอบโจทย์การเมืองการปกครองของสังคมไทยได้อย่างแท้จริง...

"หวังว่าการเสวนาครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดี ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองและเส้นทางแห่งประชาธิปไตยของไทย ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อประโยชน์ของสังคมและการเมืองของเราต่อไป"

สำหรับการเสวนาในหัวข้อ 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' นั้นได้มีวิทยากรร่วมในการบรรยายจำนวน 5 ท่าน ซึ่งล้วนแต่แสดงความคิดเห็นในหลากหลายแง่มุม ได้แก่...

นายวิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์ แอนิเมชัน 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ได้พูดถึงวัตถุประสงค์ของการดำเนินการสร้างภาพยนตร์ดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันด้านประวัติศาสตร์ และยังแก้ไขความเข้าใจผิดให้กับบุคคลในประวัติศาสตร์ รวมถึงความพยายามที่จะถ่ายทอดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี 2475 ที่ผ่านการศึกษาและค้นคว้าแจกแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือและบิดเบือน 

ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้กล่าวถึง ความสำคัญในการจัดการกับประวัติศาสตร์ที่จะทำให้ชี้นำอนาคตของสังคมได้ จึงมีการพยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ผ่านการให้ความจริงเพียงครึ่งเดียวในฐานะประชาชนจะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และในอีกด้านหนึ่งบรรดาผู้ก่อการต่างยอมรับความผิดพลาดของตนเองที่ก่อในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นสามารถนำมาเป็นบทเรียนในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความแตกแยก แม้จะมีอุดมการณ์และความเห็นต่างทางการเมืองของแต่ละกลุ่มบุคคลก็ตาม

ด้านนายจิตรากร ตันโห นิสิตปริญญาโท สาขาวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อสังเกตถึงการพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองของรัชกาลที่ 7 ที่พยายามประนีประนอมกับทุกกลุ่มอำนาจในสังคม และไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎรแต่อย่างใด รวมการตั้งข้อสังเกตว่า เพราะเหตุใด ในหลวงรัชกาลที่ 7 จึงได้ทรงร่างรัฐธรรมนูญไว้ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติในปี 2475 อีกด้วย

ขณะที่ นางสาวปัณฑา สิริกุล ผู้เขียนบทภาพยนตร์แอนิเมชัน 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ได้เล่าถึงเส้นเรื่องของประวัติศาสตร์และตั้งข้อสังเกตถึงบางช่วงบางตอนของประวัติศาสตร์ที่ไม่ปรากฏในตำราและหนังสือใด ๆ โดยเฉพาะการฉ้อโกง และดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างทางการเมืองของคณะราษฎร ประกอบกับการนำข้อมูลของศาลพิเศษของหลวงพิบูลสงครามมาเป็นข้อมูลประกอบในหนังสือซึ่งขาดความน่าเชื่อถือ เพราะจากการสืบค้นและตรวจสอบข้อมูลพบว่า การให้การภายในศาลพิเศษนั้น ล้วนเต็มไปด้วยคำให้การเท็จเป็นจำนวนมาก 

ด้าน นายฤกษ์อารี นานา อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตนักเรียนไทยในฝรั่งเศส ได้ให้ข้อสังเกตถึงการปฏิวัติของประเทศฝรั่งเศสหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การปฏิวัติฝรั่งเศสไม่ได้เริ่มต้นจากที่ประชาชนต้องการล้มล้างระบอบกษัตริย์ แต่มาจากการเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาความอดอยาก เรียกร้องให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่หลายปัจจัยนำไปสู่การล้มล้างระบอบกษัตริย์ที่สุด และต้องใช้ระยะเวลานานนับร้อยปีหลังการปฏิวัติประเทศถึงเป็นรูปเป็นร่างอย่างทุกวันนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top