Wednesday, 9 July 2025
POLITICS NEWS

'บิ๊กป้อม' ยิ้มแย้มถกครม.เรียบร้อยดี ยันไม่ปรับครม. สงบศึกพรรคร่วมรัฐบาล

(30 ส.ค. 2565) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงบรรยากาศการประชุมครม.ในวันเดียวกันนี้ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่า ไม่มีอะไรเรียบร้อยดี เมื่อถามถึงกระแสข่าวการเมืองที่วุ่นวายในขณะนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า ไม่มีอะไร

เมื่อถามว่าจะมีการปรับครม. ในช่วงเป็นที่เป็นรักษาการนายกฯ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวยืนยัน ไม่มีการปรับครม.

เมื่อถามถึงกรณีส.ส.ประชาธิปัตย์ขู่ถอนตัว จากกระแสข่าวส.ส.ภาคใต้พรรคพลังประชารัฐ เสนอให้ปรับครม. โดยให้ริบโควตากระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนว่า "ไปถาม ส.ส.ใต้ดู เพราะผมไม่ได้พูด"

เมื่อถามย้ำว่าจะปรับครม.หรือไม่ในช่วงนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ปรับทำไม ยังทำงานได้

‘นายหัวไทร’ วิเคราะห์สมรภูมิเลือกตั้งสงขลาครั้งหน้า ชี้ ‘ภูมิใจไทย’ ปักธงไม่ง่าย แม้ได้ ‘ไพร พัฒโน’ นำทัพ

ผมเองคงไม่กล้าฟันธงว่า ‘ไพร พัฒโน’ อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จะได้รับการเลือกตั้ง หลังเปิดตัวลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย เพราะการเมืองมีหลายเหตุปัจจัย

แต่ ‘สุขุม นวลสกุล’ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง นักรัฐศาสตร์ ได้ฟันธงไปแล้วว่า ไพรจะปักธงให้พรรคภูมิใจไทยอีก 1 เขตในจังหวัดสงขลา เข้าใจได้ในเหตุผลว่า ไพร คือลูกของไสว พัฒโน อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 

เข้าใจได้ว่า ไพร คืออดีต ส.ส.ในเขตนี้ 4 สมัย ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เข้าใจได้ว่า ไพรคืออดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ผู้ล้ม ‘เคร่ง สุวรรณวงศ์’ ที่อยู่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่มา 20 กว่าปี เข้าใจว่าไพร มีญาติเยอะ มีเพื่อนฝูงมาก อันอาจจะทำให้ไพรชนะการเลือกตั้งได้

หรือแม้กระทั่งการกล่าวถึงภาคใต้ต้องขายการท่องเที่ยว และพรรคภูมิใจไทยมี ‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ’ นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาอยู่ จะเป็นเหตุผลปัจจัยสนับสนุน หรือลมใต้ปีกให้ไพรได้ แต่เหตุปัจจัยแค่นี้ไม่ใช่ดัชนีบ่งชี้ให้ฟันธงได้ว่าไพรจะปักธงให้พรรคภูมิใจไทยได้อย่างง่าย โดยไม่คำนึงถึงเหตุปัจจัยอื่น หรือไม่กล่าวถึงพรรคคู่แข่งเลย

ถ้ากล่าวถึงเขตเลือกตั้งที่ 3 ของสงขลา คือโซนไข่แดงของเมืองหาดใหญ่ ที่ปัจจุบันมี ‘พยม พรหมเพชร’ จากพรรคพลังประชารัฐ เป็น ส.ส.อยู่ พยม พรหมเพชร ก็ไม่ใช่ว่าจะชนะมาด้วยกระแสพลังประชารัฐ กระแส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงด้านเดียว พยมเป็นโฆษกงานวัดที่ใคร ๆ ก็รู้จัก รักใคร่มานาน เพียงแต่มีปืนกระบอกเล็ก สู้ปืนใหญ่ลำบาก อาจจะต้องใช้กลยุทธ์แบบ ‘ซุ่มยิง’

ไม่ควรมองข้ามพรรคเจ้าถิ่นเดิมอย่างประชาธิปัตย์ ที่ในจังหวัดสงขลา มีรองหัวหน้าพรรคอยู่ถึงสองคน คือ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ‘เดชอิศม์ ขาวทอง’ หรือนายกชาย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้าตัดสินใจส่ง ‘สมยศ พลายด้วง’ หรือในวงการผู้รับเหมาจะรู้จักเขาในนามเสี่ยถึก พูดได้ว่ากว้างขวางในวงการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของหาดใหญ่ เสี่ยถึกหลังจากตัดสินใจลงเล่นการเมือง ก็เดินสายพบปะชาวหาดใหญ่ไม่เว้นวัน จัดกิจกรรมประชุม สัมมนาแกนนำมาตลอด โดยมีนิพนธ์ บุญญามณี ให้การสนับสนุนเต็มที่ แถมยังมีนายกฯชาย เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนอีกแรง ก็ไม่ง่ายนักกับการเปิดตัววันแรกแล้วจะฟันธงว่า ไพรจะชนะแบบง่าย ๆ

ทั้งนิพนธ์ และนายกฯชาย จะต้องออกแรงมาก เพราะนิพนธ์ ก็ยังมี ‘สรรเพชญ บุญญามณี’ ลูกชายลงสมัครด้วย แม้ครั้งที่แล้วจะแพ้ให้กับ ‘วันชัย ปริญญาศิริ’ จากพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังคงเดินพบปะชาวบ้านย่านชุมชนอย่างต่อเนื่อง ช่วงโควิด 19 ระบาดหนัก ๆ ก็แจกข้าวกล่อง แจกปลากระป๋อง บรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้านไปไม่น้อย ‘นิพนธ์’ก็คงจะหมายมั่นปั้นลูกชายให้แจ้งเกิดทางการเมือง เช่นเดียวกับนายกฯชาย นอกจากตัวเขาเองแล้วยังมีภรรยา และลูกชายลงสมัครด้วย และการที่นายกฯชายในฐานะรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ประกาศว่า ภาคใต้จะต้องได้ 35 ที่นั่ง คงบวกรวมสงขลาได้ด้วยอย่างน้อย 5-6 คน

เข้าใจได้ว่าวันนี้กระแสพรรคภูมิใจไทยค่อนข้างดีในภาคใต้ในเวลานี้ แต่การเมืองไม่ได้ตัดสินกันในวันนี้ ยังมีเวลาอีก 6 เดือนถึงจะเลือกตั้ง (ถ้าสภาอยู่ครบวาระ) การเมืองอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ คงจำกันได้กับคำพูดคำเดียวของ พิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าประชาธิปัตย์ กับคำว่า ‘สินค้าแบกะดิน’ อันเป็นการกล่าวถึง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงชิงเก้าผู้ว่าฯ กทม.ครั้งแรก ซึ่ง ‘ชนะ รุ่งแสง’ ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ และเสียงตอบรับดีมาก แต่การปราศรัยเชิงเปรียบเทียบว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็แค่สินค้าแบกะดิน คะแนนนิยมพลิกจากชนะ รุ่งแสง ไปอยู่กับ พล.ต.จำลอง เพียงชั่วข้ามคืน และ พล.ต.จำลอง ก็คว้าเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ไปนั่ง

หรือแม้กระทั่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์พลาดกับวลีสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งของ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ที่ออกคลิปว่า ‘ไม่เอาประยุทธ์ เป็นนายกฯ กระแสพลิก ทำให้ประชาธิปัตย์สูญพันธุ์ในกรุงเทพมหานคร และทั่วประเทศได้มาแค่ 50 กว่าที่นั่ง เพราะคะแนนนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงนั้นยังดีอยู่

ทั้งนี้ยังไม่นับรวมพรรคเล็ก พรรคน้อยที่จะมาแย่งคะแนนจากพรรคใหญ่ไปอีก โดยเฉพาะคะแนนจากคนรุ่นใหม่ ที่อาจจะตัดสินใจเลือกพรรคที่มีแนวคิดสอดคล้องกับความต้องการของพวกเขา เหมือนอย่างการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา (62) ใครจะคิดว่าคะแนนของพรรคอนาคตใหม่จะมาเยอะขนาดนั้น เยอะขนาดทำให้พรรคอนาคตใหม่มี สส.มากถึง 60 กว่าคน ทั้ง ๆ ที่เป็นพรรคการเมืองใหม่เอี่ยมอ่อง

'รองโฆษกภท.' ซัด!! 'วัชระ' ดีแต่เสี้ยมให้ภท.-ปชป. ตีกัน ย้ำ หาเสียงสงขลาเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ปชช.

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ หยิบยกคำปราศรัยหาเสียงของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยประกาศตอกเสาเข็มที่จังหวัดสงขลา โดยกล่าวหาเป็นพฤติกรรมที่ไม่เกรงใจพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากเป็นนักการเมืองมืออาชีพจะมองออกว่า การปราศรัยในทางการเมืองถือเป็นเรื่องปกติ ที่แต่ละพรรคจะงัดกลยุทธ์ออกมาเรียกคะแนนนิยมให้กับตัวเอง ที่สำคัญสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยนำมาปราศรัย ทั้งนโยบายและผลงานในโครงการที่ทำสำเร็จ ล้วนเป็นข้อเท็จจริงที่ประชาชนในพื้นที่จับต้องได้ อาทิ โครงการสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาเชื่อมจังหวัดพัทลุง และการวางแผนพัฒนาการขนส่งทุกระบบของสงขลา ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ เหล่านี้ทำให้พรรคกล้าที่จะประกาศอาสาตัวเข้ามาทำงานพัฒนาพื้นที่ เพราะพรรคภูมิใจไทย 'พูดแล้วทำ' ไม่ใช่เพียงวาทกรรมที่สวยหรูดังที่นายวัชระกล่าวหา 

นายณัฏฐ์ชนน กล่าวต่อว่า สิ่งที่พรรคภูมิใจไทยปราศรัย ไม่ใช่พฤติกรรมอหังกา แต่เพียงแค่อยากมีพื้นที่เข้าไปทำงานให้กับชาวปักษ์ใต้ จึงอาสาตัวเป็นทางเลือกให้กับประชาชน เพื่อให้การพัฒนาภาคใต้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งการแข่งขันกันทำประโยชน์ให้กับประชาชนถือเป็นเรื่องดี เพราะชาวสงขลาพร้อมเปิดรับทุกพรรคการเมืองที่จะเข้ามาทำการเมืองอย่างสร้างสรร สู้ตามเกม กติกา และเป็นสิ่งที่นายวัชระควรนำไปดำเนินการในพื้นที่ของตัวเอง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับชาวบ้าน พร้อมขอให้นายวัชระเอาตัวเองให้รอดในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยไม่ต้องกังวลกับพื้นที่อื่นจนเกินไป เพราะท้ายที่สุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

"ผมขอร้องนายวัชระอย่าทำตัว 'ชังกั้ง' หรือทำตัวไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่องได้ราว เสี้ยมให้คนสงขลาทะเลาะกัน วัน ๆ ไม่ทำงาน เอาแต่หาเรื่องให้พรรคต้นสังกัด และขอนายวัชระอย่าได้กังวลใจกับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาระดับแกนนำพรรคและ ส.ส. สงขลา ได้พูดคุยกันมาตลอด ซึ่งทุกคนเข้าใจดีถึงบทบาททางการเมือง มีเพียงนายวัชระที่อาจจะยังไม่เข้าใจ และยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตัวเองออกมาพูดในสถานะอะไร อีกทั้งผมเชื่อว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นานวัชระพูด ในฐานะคนสงขลา ขอให้นายวัชระถอนคำพูดที่กล่าวหาหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย" นายณัฏฐ์ชนน กล่าว

‘ศิริกัญญา’ ร้อง กสทช. หยุดปัดความรับผิดชอบ ปล่อยให้เกิดการควบรวมค่ายมือถือ ‘ทรู-ดีแทค’

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เรียกร้องให้ กสทช. หยุดปัดความรับผิดชอบสั่งหยุดการควบรวมค่ายมือถือ ซึ่งการกระทำที่ผ่านมาของ กสทช. ทั้งการพยายาม ‘ยื่นตีความกฎหมายว่าตัวเองมีอำนาจหรือไม่’ ทั้งที่ศาลปกครองเคยมีคำสั่งแล้วว่าอำนาจการระงับควบรวมอยู่ในอำนาจ กสทช. และการที่ประธานบอร์ด กสทช. สั่งลบ Infographic ‘5 Facts กรณีการควบรวมทรู-ดีแทค’ ภายหลังค่ายมือถือใหญ่ออกจดหมายคัดค้าน ทำให้เราสงสัย ว่ากสทช. จะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาไม่เอื้อนายทุนหรือไม่

โดยระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการกระทำที่น่าเคลือบแคลงอย่างยิ่งของ กสทช. คือบอร์ด กสทช. เพิ่งมีมติ 3:2 ยื่นคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ตีความอำนาจตัวเองเป็นรอบที่ 2 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองได้มีคำสั่งออกมาแล้วว่า กสทช. มีหน้าที่และอำนาจต้องดำเนินพิจารณากรณีการควบรวมค่ายมือถือ ทรู-ดีแทค

ไม่ชอบมาพากลในกรณีนี้ว่าการที่ กสทช. มีเจตนาส่งเรื่องให้องค์กรตีความกฎหมายหลายองค์กรวินิจฉัยอำนาจของตัว กสทช. เองนั้น เพื่อให้ปัดความรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ของตนในการระงับการควบรวมค่ายมือถือซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจสัญญาณค่ายมือถือในประเทศไทยถูกผูกขาดโดยรายใหญ่เพียง 2 เจ้า

นี่ไม่ใช่การยื่นคณะกรรมการกฤษฎีกาครั้งแรก เนื่องจากบอร์ด กสทช. ก็เคยตีความไปแล้วว่าไม่รับคำร้องวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของ กสทช. แต่กสทช. ยังดึงดันส่งเรื่องให้พิจารณาอีกรอบ พร้อมทั้งยื่นหนังสือถึงรักษาการนายกฯ ให้ออกคำสั่งให้กฤษฎีกาตีความอำนาจหน้าที่ของ กสทช. (รักษาการนายกฯ ก็คือ พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ ที่มีข่าวว่าสนิทกับประธาน กสทช.)

ที่ต้องตีความกันใหม่เพราะบอร์ดอยากจะเห็นต่างจากศาลปกครองหรือไม่ เพราะศาลเห็นว่า ประกาศ กสทช.ว่าด้วยมาตรการควบรวมฯ ปี 2561 ประกอบประกาศ กสทช.ว่าด้วยมาตรการป้องกันการผูกขาดปี 2549 นั้น ได้ให้อำนาจกสทช.ที่จะพิจารณา ‘อนุมัติ’ หรือไม่อนุมัติการขอควบรวมธุรกิจได้อยู่แล้ว

สรุปคือ ศาลปกครองเห็นว่าบอร์ดกสทช.มีอำนาจอนุมัติ ไม่ใช่แค่รับทราบ ซึ่งตรงกับความเห็นตามที่รายงานอนุกรรมการของ กสทช. อยากให้เป็น

เท่านั้นยังไม่พอ กสทช. ยังตั้งอนุกรรมการพิเศษด้านกฎหมายขึ้นมาอีก 1 ชุด ประกอบไปด้วย ‘เนติบริกร’ ชั้นนำของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, สมคิด เลิศไพฑูรย์, สุรพล นิติไกรพจน์, จรัญ ภักดีธนากุล ซึ่งข้อเสนอแนะให้ กสทช. ยื่นตีความอำนาจตัวเองต่อกฤษฎีกาในครั้งนี้

'เพนกวิน' เตือนสติ 'มิตรสหายนักเคลื่อนไหว' อย่าตีตราว่าคน 'เมินเฉย' มุ่งหาวิธีสู้ที่เหมาะสมดีกว่า

เพนกวิน โพสต์เปิดใจถึงมิตรสหายนักเคลื่อนไหว อย่าน้อยใจ ถ้าคนไม่สนใจการเมือง แต่ละคนมีความสนใจต่างกัน ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีอุดมการณ์ที่ดี บางครั้งมันเป็นเรื่องจังหวะ สถานการณ์ บางคนอาจเบื่อรูปแบบหรืออยากพักก็เป็นเรื่องปกติธรรมชาติ เตือน การตีตราคนว่า 'อิกนอร์' ไม่ช่วยทำให้คนกลับมาสนใจการเมือง นักกิจกรรมการเมือง ต้องทำงานเข้าใจประชาชน หาวิธีสู้ที่เหมาะสมต่อ

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักเคลื่อนไหวและนักกิจกรรมทางการเมือง และเป็นแกนนำคนหนึ่งของการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563 ในนามของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ส่งข้อความถึงนักกิจกรรมการเมืองว่า

"ถึง มิตรสหายนักเคลื่อนไหว"

"การเคลื่อนไหวเป็นเหมือนคลื่น มีจุดสูงจุดต่ำ ณ จุดสูงคนย่อมสนใจมาก ณ จุดต่ำคนก็ย่อมไม่ได้สนใจมาก เป็นปกติวิสัย อย่าไปน้อยอกน้อยใจ มันเป็นธรรมชาติ ซึ่งการที่คนเขาไม่สนใจ ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีอุดมการณ์ เขาอาจจะเหนื่อยแล้วที่จะตามข่าว เขาอาจจะเบื่อแล้วกับกิจกรรมรูปแบบเดิม เขาอาจจะอยากพักอยู่"

"และเขาจะอย่างไรก็ตาม นั่นคือประชาชนที่นักกิจกรรมต้องทำงานด้วย ถ้าเขาไม่สนใจ แสดงว่ายังจุดกระแสไม่สำเร็จ ก็ต้องทบทวนและหาวิธีทำให้คนทั่วไปสนใจสิ่งที่เราทำ ผมมั่นใจว่าการตีตราเขาว่าเป็น “อิกนอร์” หรืออะไรก็ตามไม่ใช่หนึ่งในวิธีการทำให้คนกลับมาสนใจการเมืองแน่นอน"

‘บิ๊กตู่’ ออกงานแรก หลังหยุดปฏิบัติหน้าที่นายฯ เป็นปธ.เปิดงานแสดงอาวุธป้องกันประเทศ

‘บิ๊กตู่’ เปิดงานแสดงอาวุธป้องกันประเทศ  ตั้งใจเดินดูทุกบูธ พร้อมทดลองเล็งปืน บอก ‘มีกำลังใจดีอยู่แล้ว’ 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปรากฎตัวต่อสื่อครั้งแรก หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยวาระดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี โดยเป็นประธานพิธีเปิดนิทรรศการอุปกรณ์ป้องกันประเทศ (Defense & Security 2022) ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี  ซึ่งเป็นงานระดับประเทศมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติให้ความสนใจ 

โดยทันทีที่ถึงบริเวณงานพลเอกประยุทธ์ ได้ยกมือรับไหว้สื่อ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ไม่ได้มีการพูดคุยทักทาย สื่อจึงสอบถามถึงกำลังใจหลังต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ซึ่งพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ มีเพียงพูดคุยกับผู้จัดงาน ๆ จนเข้าไปยังห้องพักรับรอง เมื่ออกจากห้องพักรับรองสื่อได้สวัสดีอีกรอบ พลเอกประยุทธ์จึงกล่าวสั้น ๆ ว่า “สวัสดี” ก่อนเดินเข้าร่วมงานทันที 

โดยหลังจากเป็นประธานเปิดงานแล้วจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการที่จัดแสดงเทคโนโลยีทางการทหาร และความปลอดภัย อย่างตั้งใจและเดินเยี่ยมชมทุกบูธ อาทิ ระบบอาวุธปืน ขีปนาวุธ รถถัง อากาศยานไร้คนขับ(UAV) พาหนะขนส่ง เรือ ระบบดาวเทียม ระบบการสื่อสารระบบเทคโนโลยีการป้องกันทางอิเล็กทรอนิกส์ทางไกล ระบบควบคุมการยิง  จากผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกที่นำมาจัดแสดงกว่า 15 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สิงคโปร์ อิสราเอล เยอรมนี เกาหลี จีน สาธารณรัฐเช็ก เป็นต้น โดยมี บริษัทอาวุธชั้นนำของโลกมาออกบูทแสดงจำนวนมาก ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทดลองขึ้นไปนั่งปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง ATMG ขนาด 155 มิลลิเมตร พร้อมดูอุปกรณ์ภายใน นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทดลองยกปืนขนาดยาวและเล็ก โดยได้ยกปืนยาวขึ้นเล็งซึ่งเป็นปืนขนาด 7.62 *51 มม. รุ่น SIG-MCX รุ่น XM 5 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเดินเยี่ยมชมพล.อ.ประยุทธ์  กล่าวเพียงสั้น ๆ กับสื่อมวลชนว่า “มีกำลังใจดีอยู่แล้ว”

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า โอกาสนี้พลเอกประยุทธ์ ยังได้หารือทวิภาคีกับตัวแทนมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย ซึ่งเดินทางมาด้วยตัวเอง เนื่องจากอยู่ระหว่างภารกิจเดินทางเยือนประเทศไทย

'ภูมิใจไทย' กร้าว!! ประกาศกวาด ส.ส.ใต้ 16 ที่นั่ง เชื่อ 3 ปีกว่าร่วมรัฐบาล ‘พูดแล้วทำ’ ผลงานเพียบ

‘พิพัฒน์’ อ้อนคนใต้เลือก ‘ภูมิใจไทย’ สานงานต่อ ประกาศกวาดไม่น้อยกว่า 16 ที่นั่ง หลังเพิ่มเขตเลือกตั้งใหม่ 8 เก้าอี้ ตีปี๊บ 3 ปีกว่าร่วมรัฐบาล สร้างผลงานเพียบตรงสโลแกนพูดแล้วทำ

(29 ส.ค. 65) ที่จังหวัดสงขลา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรคภูมิใจไทย แถลงแสดงความพร้อมในการเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ภาคใต้

โดยนายพิพัฒน์ กล่าวว่า จากการเป็นรัฐบาลมา 3 ปีเศษ ที่ประกอบไปด้วย 3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึง 4 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง คือ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถผลักดันนโยบายต่าง ๆ เป็นผลรูปธรรมและตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนชาวใต้

'เท่าพิภพ' อึ้ง!! เจอต่างชาติถาม ไทยแบนบุหรี่ไฟฟ้า แต่ทำไมกัญชาเสรี

​ส.ส.เท่าพิภพ ชี้ชาวต่างชาติตั้งคำถามกับกฎหมายไทย เมื่อกัญชาถูกกฎหมาย ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ด้านชาวเน็ตเข้ามาสนับสนุนอยากเห็นนโยบายที่ก้าวหน้า

​นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา เนื้อความเชิงตั้งคำถามถึงเหตุผลของการที่กฎหมายไทยกำหนดให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า นี่เป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติต่างก็สงสัย แต่เจ้าตัวไม่สามารถให้คำตอบหรือเหตุผลได้

​“คนมาเล งง ว่าที่ไทยกัญชาถูกกฎหมาย แต่ vape กับบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมาย ร้องถามว่า Why? กันหมด ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงอะครับ”

​ข้อความดังกล่าวมีการรีทวิตต่อกันไปกว่า 1.8 พันครั้ง ด้านผู้ใช้งานทวิตเตอร์จำนวนมากต่างก็เข้ามาสนับสนุนและตั้งคำถามถึงเรื่องผลประโยชน์ของรัฐบาลที่ยังทำให้บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่สามารถขายได้ รวมถึงมีการเชื่อมโยงไปถึงกรณี พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า และ sex toy และหวังให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกรอบความคิดเดิม ๆ และก้าวไปข้างหน้า รวมถึงอ้างอิงถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ที่เพิ่งออกกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพและป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนอีกด้วย

วันแรกของ ‘บิ๊กตู่’ ในฐานะ รมว.กห. หลังศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

(26 ส.ค. 65) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าทำงานแบบเงียบๆ ในกระทรวงกลาโหม ในเวลาประมาณ 09.30 น.ทางกระทรวงกลาโหมได้เผยแพร่รูปภาพ พล.อ.ประยุทธ์ หลากหลายอิริยาบท

พร้อมเชิญ พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.สุชาติ หนองบัว ในฐานะเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าหารือที่ห้องทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยมีภารกิจเซ็นเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานของกระทรวงกลาโหม

‘เพื่อไทย’ เปิดตัว ‘36 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง’ เผยสัญญาณเลือกตั้งใหญ่เริ่มชัด ถึงเวลาพาไทยพ้นวิกฤต

เดินหน้าแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ‘เพื่อไทย’ เปิดตัว ‘36 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง’ ปลุกเลือกให้ยกจังหวัด จับมือตั้งรัฐบาลประชาชน เผยสัญญาณเลือกตั้งใหญ่เริ่มชัด เป็นโอกาสพาประเทศพ้นวิกฤต

พรรคเพื่อไทย นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส. และ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ภาคกลาง เบื้องต้น 36 คน ในพื้นที่ 15 จังหวัด ซึ่งเป็นการยืนยันความพร้อมของพรรคเพื่อไทย ในการดูแลพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เหล่านี้ พร้อมอาสาจะมาเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย ในการดูแลรับใช้พี่น้องประชาชนและเสนอตัวเข้าสู่กระบวนการสรรหาเป็นผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป  

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ภาคกลางถือเป็นพื้นที่สำคัญของประเทศ ถือเป็นแกนกลางและเป็นหัวใจในการพัฒนาประเทศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยจึงเป็นเสมือนจุดเชื่อมของพรรคกับพี่น้องประชาชน เพื่อไปบอกกับพี่น้องประชาชนว่า เราจะต้องช่วยกันนำพาประเทศออกจากวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ พรรคเพื่อไทย มุ่งมั่นที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทุกเขต ในพื้นที่ภาคกลาง แต่วันนี้เราขอเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่ภาคกลางเบื้องต้น 36 เขตเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผู้อาสามาเป็นตัวแทนในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน ส่วนผู้สมัครในพื้นที่เขตอื่นๆ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาผู้ที่เหมาะสมและจะเปิดเผยต่อไป 

“8 ปีที่ผ่านมาเราสูญเสียโอกาสต่างๆ ไปเยอะมาก ทั้งในเรื่องการทำมาหากิน ปากท้อง เศรษฐกิจ ไปจนถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่ถูกทำลายไปอย่างย่อยยับ เราอยากบอกกับพี่น้องว่าขอให้ช่วยกันนำพาประเทศออกจากวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ การเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ซึ่งคาดการณ์เอาไว้ว่าอาจจะมีการยุบสภาหลังประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ในช่วงปลายปี 2565 และอาจมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในช่วงต้นปี 2566 พรรคเพื่อไทยเห็นความเป็นอยู่ของพี่น้องเป็นเรื่องสำคัญ จึงอยากเชิญชวนพี่น้องให้มาร่วมกันเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างแลนด์สไลด์ และไม่ต้องลังเล เพื่อร่วมกันช่วยกันให้ออกจากวิกฤต 8 ปีที่เรายากลำบากให้ได้ โดยแลนด์สไลด์จะเป็นกลไก ในการป้องกันอำนาจมิชอบและเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว. ที่จะตั้งนายกรัฐมนตรีไปโดยปริยาย” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว   

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ด้วยนโยบายที่ทำได้จริง และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนจนสามารถลืมตาอ้าปากได้ อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ตามที่พรรคยึดมั่นหัวใจหลักสำคัญ คือ ประชาชนเป็นศูนย์กลาง จนพูดได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน เราพร้อมที่จะทุ่มเททุกสรรพกำลังในการทำงานดูแลพี่น้องคนไทยทุกคน เราและพี่น้องประชาชนจะจับมือกันสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน เหมือนที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตที่ทำให้เราได้รัฐบาลของประชาชนที่แท้จริง ทั้ง รัฐบาลไทยรักไทย รัฐบาลพลังประชาชนและรัฐบาลเพื่อไทย ขอให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยยกจังหวัด เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทุกจังหวัด ร่วมกันสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน แล้วเราจะก้าวพ้นวิกฤต กลับคืนสู่การมีชีวิตและอนาคตที่ดีกว่าไปด้วยกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top