Wednesday, 9 July 2025
POLITICS NEWS

‘นิพนธ์’ พร้อมน้อมรับคำตัดสินศาล รธน. หลังศาลนัดชี้ขาด ความเป็น รมต. 14 ก.ย.นี้

‘นิพนธ์’ น้อมรับคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ เผย ทำดีที่สุดแล้ว ยัน ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์แผ่นดิน หากไม่ทำวันข้างหน้าก็ไม่มีใครกล้าปกป้องงบประมาณแม้รู้ว่ามีการทำผิด

เมื่อวันที่ (25 ส.ค.65) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยพ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ ในวันที่ 14 ก.ย.นี้ กรณีถูกสั่งพ้นนายก อบจ.สงขลา ว่า ถือว่าตนได้ชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญไปหมดแล้ว ทั้งในประเด็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เพราะข้อห้ามที่ว่าขาดคุณสมบัติ ทั้งที่การถูกสั่งให้ออกจากราชการต้องเป็นการสั่งให้ออกจากการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า แต่กรณีที่คณะกรรมการป้องกันการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สั่งเรื่องของตนเป็นเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่มีเรื่องทุจริต และตนได้ชี้แจงไปว่าสมัยเป็นนายก อบจ.สงขลา ในขณะนั้น มีการทุจริตการประมูลรถอเนกประสงค์ซ่อมบำรุงทาง 2 คัน และที่ไม่จ่ายเงินให้บริษัทที่ชนะการประมูล เพราะมีหนังสือจาก จ.สงขลา มาว่า ให้ระงับการจ่ายเงินไว้ก่อน และมีการรายงานข้อเท็จจริง และมีเมื่อสอบข้อเท็จจริงก็พบว่ามีการฮั้วกัน จึงทำให้เกิดคดีขึ้น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ก็ให้ปฏิบัติตามหนังสือข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่วันที่ 17 ธ.ค. 52 ถ้าคดีอยู่ในศาลก็ให้รอจนกว่าศาลจะพิพากษาจนถึงที่สุด นอกจากนั้นยังมีการตั้งคณะกรรมการสอบว่ามีการฮั้วหรือไม่ ซึ่งก็ชัดเจนว่ามีการฮั้ว

'เพื่อไทย' ซัดรัฐ!! หมดปัญญาแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบ ทำได้แค่ 'แจกของ-ขึ้นป้าย-รอนาย' ผลาญงบไปวันๆ

วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธานคณะทำงานด้านการเกษตร พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งที่ผ่านมา ส.ส.พื้นที่ได้พยายามช่วยเหลือแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนด้วยตัวเองมาโดยตลอด แต่รัฐบาลซึ่งมีทรัพยากรและงบประมาณจำนวนมากกลับไม่พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างเป็นระบบและปล่อยให้ปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน

กระทรวงมหาดไทยแก้ปัญหาก็แค่เอางบประมาณไปทำคันดินผ่านไปได้ไม่นานน้ำมาก็พัง ไม่สามารถใช้การได้ พื้นผิวถนนที่พังเพราะน้ำท่วมก็โยนภาระให้ท้องถิ่น แต่ท้องถิ่นก็ไม่มีงบประมาณที่จะมาดูแลในส่วนนี้ จนทุกวันนี้รัฐบาลก็เหมือนแต่ละกระทรวงแต่ละหน่วยงานไม่มีการบูรณาการแก้ไขปัญหา ปล่อยให้ประชาชนต้องเดือดร้อนซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะเหตุใดรัฐบาลจึงไม่แก้ไขให้เป็นระบบ

“ผมลงพื้นที่ ได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนมาตลอดว่า รัฐบาลนี้น้ำท่วมก็มาแจกของทีนึง แต่ไม่มีการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุของแต่ละพื้นที่เลย ไม่มีการแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบเลย รัฐบาลใช้งบกลางไปละลายทุกปีนับพันล้านนับหมื่นล้านบาท โดยไม่ได้แก้ปัญหาทั้งระบบ รัฐบาลนี้ทำได้แค่นี้ คือ น้ำท่วม-แจกของ-ขึ้นป้าย-รอนาย หากวันนี้ไม่เร่งวางแผนแก้ปัญหาทั้งระบบ ไม่บูรณาการหน่วยงานมาร่วมกันแก้ปัญหา พี่น้องประชาชน พี่น้องเกษตรกรจะต้องเดือดร้อนไปอีกนานแค่ไหน”

'ณัฐชา ก้าวไกล' ย้อนแสบ 'จุรินทร์' หลังบะหมี่กึ่งฯ ขึ้นเป็น 7 บาท ลั่น!! "แพงมากอีผี"

'ณัฐชา' ก้าวไกล เตือนความจำ 'จุรินทร์' รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เคยโพสต์เฟซฯ "ผีอีแพง" ซัด ปัจจุบันกลายเป็น "แพงมากอีผี" หลังอนุมัติให้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขึ้นราคา จาก 6 เป็น 7 บาท เพิ่ม 16% ทำประชาชนเดือดร้อนรายวัน

วันที่ (25 ส.ค. 65) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์สินค้าปรับราคาสูงขึ้นในขณะนี้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่แน่ใจว่า รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ที่เคยโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อช่วงปี 2556 ว่า เจอแต่ผีอีแพง เวลาผ่านมา 10 ปี วันนี้ คุณจุรินทร์เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ประชาชนฝากบอกมาว่า จากผีอีแพง สู่ปรากฏการณ์แพงมากอีผี ในยุคของรัฐมนตรีจุรินทร์

ล่าสุด ท่านรัฐมนตรี อนุมัติปรับขึ้นถึง 16% จากราคา 6 บาทเป็น 7 บาท จะให้พี่น้องประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรหากขึ้นราคาของแบบไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ พวกเขาต้องแบกรับภาระเพราะไม่มีทางเลือก สินค้าอุปโภค บริโภคปรับราคาสูงขึ้นทุกอย่าง ผมว่าเหตุการณ์ปัจจุบันยิ่งกว่า ข้าวยากหมากแพงเสียอีก

'บิ๊กบี้' ชื่นชม 'บิ๊กตู่' 'สุภาพบุรุษ-แบบอย่างชายชาติทหาร' ปฏิบัติตามคำสั่งศาลฯ ทำตามระบบประชาธิปไตย

(25 ส.ค. 65) พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยว่า วันนี้ยังไม่มีการประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล (บอร์ด 7 เสือกลาโหม) ซึ่งวันนี้จะมีการประชุมสภากลาโหมด้วย 

ส่วนกระแสข่าวลือการเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการทหารบกนั้น พลเอก ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า บอกแล้วอย่าไปคาดการณ์ หรือเชื่อข่าวลือต่างๆ พร้อมฝากนักข่าวช่วยคิดในสิ่งที่ดี ช่วยทำให้สังคมส่วนใหญ่มองหรือคิดในสิ่งที่ดีร่วมกัน เพื่อให้ประเทศชาติไปในทางที่ดี

“ยกตัวอย่างเรื่องของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทุกคนควรชื่นชมยกย่องท่านที่ปฏิบัติตามระบบของประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปไตยก็คือระบบนิติศาสตร์ ที่มีการตรวจสอบ มีเรื่องอะไรก็ร้องไปที่ตุลาการ ตุลาการก็สั่งมาที่ฝ่ายบริหาร ว่าฝ่ายบริหารควรต้องทำอย่างไร ฝ่ายบริหารก็ปฏิบัติตามนั้น นี่คือระบบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และต้องชื่นชมว่าท่านคือสุภาพบุรุษ คือผู้นำ ท่านคือแบบอย่างของชายชาติทหาร ที่ว่าฝ่ายตุลาการสั่งมาอย่างไรท่านก็ปฏิบัติตามอย่างนั้น นี่คือสิ่งที่ดี ๆ ของประเทศเรา คือประชาธิปไตยต้องปฏิบัติแบบนี้ ไม่ใช่พอตุลาการพูดมาก็ไปคิดแทน ไปคาดการณ์เองเหมือนฝ่ายอื่น ๆ ซึ่งมันไม่ใช่ นี่คือสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น” 

'เพื่อไทย' เย้ย!! สังขาร 'บิ๊กป้อม' นั่งรักษาการนายกฯ คงต้องมีคนพยุง ไปรับแขกบ้านแขกเมือง

(25 ส.ค. 65) น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องฝ่ายค้านปมดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมมีมติให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาการนายกฯ แทน ว่าประเทศไทยเหมือนตกอยู่ในสภาวะหนีเสือปะจระเข้ ไม่หลุดพ้นจากการครอบงำของกลุ่มอำนาจ 3 ป. ได้เลย การมี พล.อ.ประวิตร รักษาการนายกฯ ไม่ต่างจากพาประเทศเดินถอยหลังเข้าคลองอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์และวิกฤตรอบด้านที่ท้าทาย ความเชื่อมั่นและความสามารถของผู้นำประเทศเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตที่รุมเร้าไปได้ โดยเฉพาะการประชุมเอเปกที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2565 พล.อ.ประวิตรไม่ได้อยู่ในสภาพหรือมีความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมได้ แต่เกรงว่าอาจกลายเป็นภาระให้กับประชาชนและคนรอบข้างแทนหรือไม่ ทั้งสภาพร่างกายภายนอกและความรู้ความสามารถในการบริหารงานราชการแผ่นดิน เชื่อว่าคนไทยคงไม่ต้องการเห็นผู้นำของตัวเองอยู่ในสภาพที่ต้องมีคนประคอง หรือพยุงมารับแขกบ้านแขกเมืองบนเวทีระดับโลกแน่

คอนเฟิร์ม 'ประยุทธ์' หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังเป็นนายกฯ ส่วนรักษาการนายกฯ ยก 'บิ๊กป้อม' คุม เป็นไปตามลำดับ

>> เปิดไทม์ไลน์ วินิจฉัยวาระปม 8 ปี นายกฯ
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 65 เวลา 10.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุมพิจารณาคดีต่างๆ ตามกำหนดการที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้บรรจุระเบียบวาระไว้ รวมทั้งพิจารณาคำร้องกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่เข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 เพื่อขอส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสองและมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ รวมทั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีคำสั่ง เนื่องจากเห็นว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสำคัญของการบริหารราชการแผ่นดิน

>> มติศาลรธน. 9 ต่อ 0 รับคำร้อง ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านวินิจฉัยปม 8 ปี
หลังจากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องจาก ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน แล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (9) จึงมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 รับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย ***โดยให้ผู้ถูกร้อง ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง***

>> มติศาลรธน. 5 ต่อ 4 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ของ 'พล.อ.ประยุทธ์'
สำหรับคำขอของผู้ร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัตินายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสองนั้น ทางศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่  24 ส.ค. 2565 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

>> บิ๊กป้อมรักษาการนายกฯ ตามมติ ครม./คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อ 13 ส.ค. 2563
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องของประธานรัฐสภา ที่ขอให้วินิจฉัยเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าสิ้นสุดในวันที่ 24 ส.ค. 2565 หรือไม่ และมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง สั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย

‘เต้ มงคลกิตติ์’ เตรียมหารือฝ่ายค้าน ยื่น ‘ชวน’ ส่งศาล สั่งพักงานครม.ยกชุด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลรัฐธรรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยนั้น ในทางปฏิบัติของกฎหมาย ทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะไม่สามารถที่จะปฎิบัติหน้าที่ได้ หรือการลงนามในคำสั่งใดได้ จะต้องให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทนรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า เตรียมที่จะเสนอพรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อ ส.ส. 1 ใน 10 ของจำนวนสภาผู้แทนราษฎร หรือให้ได้ 49 คน เพื่อยื่นคำร้องถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นนี้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่จะมีการเซ็นแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงกลาโหมที่มีการประชุมวันนี้ (25 สิงหาคม) และขอย้ำว่า คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ต้องมีผลผูกพันถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลในวันนี้ได้

'ดร.สมเกียรติ' โพสต์รำลึกคุณูปการของ 'ป๋าเปรม' ชวนลูกหลานจำไว้ 'ประเทศไทย' ไม่ได้สร้างด้วยน้ำลาย

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อ 'พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประเทศนี้ ไม่ได้สร้างด้วยน้ำลาย'

กองทัพฝ่ายปฏิวัติของเวียดนาม ลาว และกัมพูชา บุกยึดเมืองหลวงได้ทั้งสามประเทศ เมื่อ พ.ศ. 2518 เกิดการอพยพออกนอกประเทศมากมาย ยิ่งกว่าซีเรียหรือประเทศใดๆ

ทั้งสามประเทศรวมกันจัดตั้งสหพันธรัฐอินโดจีน ประเทศไทยคือ เป้าหมายต่อไป 

วันนั้น อเมริกาถอนทัพ ประเทศไทยมีกระสุนพอสู้ได้สามวัน

ห้องส่งรหัสลับที่วังปารุสก์ ดังไม่หยุด ทั้งวันและคืนต่อเนื่องมาก่อนหน้าไซ่ง่อนแตกมา สิบปีก่อนหน้า

ยิ่งต้องทุ่มกำลังทั้งวันและคืน 

คนไทยจำนวนมาก หนีออกนอกประเทศ พร้อมทรัพย์สมบัติ

แต่เสียงเพลงเราสู้ก็ดังกระหึ่มหัวใจคนไทย พร้อมเพลงความฝันอันสูงสุด เราสู้ไม่ถอยแม้จนก้าวเดียว และเพลงจากยอดดอยของป๋าเปรม นายกรัฐมนตรี

ลูกหลานจำไว้นะครับ

เพราะวันนั้น วันนี้เราจึงยืนอยู่บนแผ่นดินนี้

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ วีรบุรุษจากภาคอีสาน อดีตแม่ทัพภาค 2 ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี 2523 ห้าปีหลังจากอินโดจีนเปลี่ยนการปกครอง
---------------------------------------------------------------------
ป๋าเปรมสร้างความเคารพมายาวนานก่อนดำรงตำแหน่งนี้ 

ผมเข้าคารวะป๋าที่ค่ายทหารม้าสระบุรีราวปี 2512 หลังจากทำค่ายที่จังหวัดนั้น ทำถนน

พวกเราได้ยินว่าท่านเป็นทหารที่เก่ง น่านับถือ เป็นที่ปรึกษาให้ค่าย 

เน้นว่าเอาชนะความยากจนได้ ประเทศไทยจะสุขสงบ ไม่ต้องรบกัน

เป็นแนวคิดที่แปลกใหม่

เมื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรี

1. ประเทศไทยยันสหพันธรัฐอินโดจีน มีสงครามใหญ่ชายแดนทุกปี 

เส้นทางกัมพูชามาสุรินทร์ เสี่ยงสุด เพียงหกชั่วโมงถึงกรุงเทพ สามชั่วโมงถึงโคราช

การป้องกันประเทศตลอดแนวจึงสำคัญมาก ต้องการผู้นำที่รู้พื้นที่ ป้องกันประเทศได้ รวมหัวใจทหารและคนทั้งประเทศได้ แตกหนึ่งแนวรบ พังทั้งประเทศ

พลเอกเปรมรักษาชาติไว้ได้ ในยามคับขันที่สุด

2. ยุคของพลเอกเปรม คือ สงครามกลางเมืองครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประเทศ  

Time ทำแผนที่แดงเถือกทั้งประเทศ ยุทธการทำการเมืองนำการทหารเกิดขึ้น จากวนาสู่นาคร รับนักศึกษากลับบ้าน รับชาวบ้านกลับบ้าน  

ความมั่นคงภายใน เกิด ความมั่นคงภายนอกก็เกิด เอาชนะไทยไม่ได้หรอก

เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง

ไม่ด่ามัน ไม่ฆ่ามัน ไม่ส่งทหารไปล้อม ตามแนวประธานเหมา คือ การสร้างความปรองดองครั้งใหญ่ของชาติ

3. ยุคของพลเอกเปรม ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือ ยุคที่ต้องฟันฝ่าวิกฤติโลกที่เกิดจากการรวมตัวของโอเปค ขึ้นราคาน้ำมัน ต้องซื้อสดล่วงหน้า

เกิดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ดุลการค้า ดุลงบประมาณ พังทั้งโลก 

แต่ไทยสามารถผ่านมาได้ ไม่เกิดวิกฤติ

4. พลเอกเปรม สามารถระดมคนดีทั้งแผ่นดินไปร่วมงาน ไม่มีคอรัปชั่น

ค้นพบแก๊สในอ่าวไทย เกิดโครงการอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปโตรเคมี น้ำมัน เกิดอีสเทอร์นซีบอร์ด เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งสำคัญ อุตสาหกรรมขยายไปทั่วประเทศ เชื่อมโยงกันหมด เยี่ยมมาก

คือ การปฏิวัติอุตสากรรม

คนมาลงทุนกันมาก ยุคทองของการลงทุนจากต่างประเทศ

5. มีโครงการชนบทยากจนเกิดขึ้น ได้ผลมาก กระจายเงินไปต่างจังหวัด เริ่มยุคพุ่งความสนใจไปที่คนจน แม้เงินจะมีไม่มาก อยู่ระหว่างสงคราม

ผมออกไปทำงานอีสานยุคนี้แหละ (อุดมการณ์)

6. เป็นแปดปีของการรวมพลังคนทั้งโลก เข้าต่อสู้กับมหาอำนาจที่เข้ามาทางอินโดจีน

เป็นการต่อสู้ทางการทูตครั้งสำคัญที่สุดของไทย

เป็นปรากฎการณ์โลกตะลึง ทางการทูต เรียบร้อยอย่างที่เป็นปัจจุบัน

7.เป็นเวลาที่ระดมใจของคนไทยให้รักชาติบ้านเมือง ได้มากที่สุด 

คนเชื่อผู้นำครับ  

ราชการต่าง ๆ ก็เดินดี เดินกันด้วยหัวใจไทย กลัวเสียบ้านเสียเมือง

'รองโฆษกรัฐฯ' ตอก 'ชลน่าน' หยุดปั่นนายกฯ ลาออก ย้อน!! นายกฯ เถื่อนหนีไปอยู่ดูไบ ส่วน 'บิ๊กตู่' รับฟังคำศาล

รองโฆษกรัฐบาล คอนเฟิร์ม ‘ประยุทธ์’ ยังไม่พ้นเก้าอี้นายกฯ ชี้คำสั่งศาลไม่กระทบการบริหารประเทศ ตอกกลับ ‘ชลน่าน’ หยุดปั่นนายกฯ ลาออก สะท้อนไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ย้อนนายกฯเถื่อนอยู่ดูไบ

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกรัฐมนตรี และมีมติเสียงข้างมากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 65 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยนั้น ต้องชี้แจงทำความเข้าใจว่า ผลของคำสั่งไม่ได้ทำให้สถานะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มา ตามมาตรา 158 รัฐธรรมนูญ 2560 ถูกยกเลิกไป พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เพียงพักการทำงาน การทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และเพื่อความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนั้น คำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่มีผลกระทบใดๆ การบริหารประเทศ การปฏิบัติงานของข้าราชการ หรือการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล สามารถดำเนินต่อเนื่องไปตามปกติ

"นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมายังท่าน และจะทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ต้องรับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ท่านพร้อมทำหน้าที่เพื่อประชาชน เพื่อประเทศไทยในทุกๆ วัน" น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ในส่วนระยะเวลาพิจารณาและมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น อาจจะไม่ต้องใช้ระยะเวลานาน เพราะหากศาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายหรือมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลอาจประชุมปรึกษาเพื่อพิจารณาและวินิจฉัยโดยไม่ทำการไต่สวนตามมาตรา 58 พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ได้ ซึ่งเมื่อศาลส่งสำเนาคำร้องไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ มีเวลายื่นคำชี้แจงภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับสำเนาคำร้องตามมาตรา 54

'บิ๊กตู่' พร้อมหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

‘พล.อ.ประยุทธ์’ เคารพผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญทุกประการ โดยจะหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันนี้ (24 ส.ค.) เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกรัฐมนตรี และมีมติเสียงข้างมากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันนี้ (24 ส.ค.) จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยนั้น 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคารพผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญทุกประการ โดยจะหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันนี้ (24 ส.ค.) เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย โดยจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่อไปตามปกติ โดยในระหว่างนี้ พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ จะปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทน และปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับคณะรัฐมนตรี โดยมิได้มีผลกระทบต่อการบริหารประเทศ และการปฏิบัติงานของข้าราชการ หรือการดำเนินนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top