Wednesday, 9 July 2025
POLITICS NEWS

‘เสี่ยหนู’ แจงพบ ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก’ นัดหมายล่วงหน้า ชี้!! ไม่มีคุยการเมือง แค่ส่องพระ ไม่กลัวถูกโยงเลือกข้าง

อนุทิน​ แจง​ ภาพดอดพบ​ พลเอกประยุทธ์​-พลเอกอนุ​พงษ์​ ที่กระทรวงกลาโหมนัดหมายล่วงหน้า​ นำแพทย์ผิวหนังรีเช็กอาการสะเก็ดแผลภูมิแพ้หลังมือ​ พร้อมทานมื้อเที่ยงกะเพราไก่ไข่ดาว ไม่มีคุยการเมือง แค่ส่องพระ ​ไม่กลัวถูกโยงเลือกข้าง​ เข้าป่ารอยต่อหลายครั้ง​แล้ว

นายอนุทิน​ ชาญวีรกุล​ รอง​นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข​ กล่าวถึงการพบพล.อ ประยุทธ์ ​จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ และพลเอกอนุพงษ์​ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ ที่กระทรวงกลาโหม​ ว่า​ เป็นการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำแพทย์จากสถาบันโรคผิวหนัง ติดตามอาการ หลังจากที่ พล.อ ประยุทธ์ เข้ารับการรักษา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่บริเวณหลังมือ เป็นสะเก็ดแผลจากอาการภูมิแพ้​ผิวหนังเก่า​ และคัน​ ซึ่งอาการหายแล้ว เพียงแต่ต้องใช้ยาทาหลังจากนี้​ โดยไม่ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมืองแต่อย่างใด ซึ่งตนได้เดินทางไปช่วงเวลาใกล้เที่ยง พล.อ ประยุทธ์ จึงชวนรับประทานอาหารด้วยกันเป็นข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว

โดยพลเอกประยุทธ์​ ได้บอกว่าเมื่อวานการประชุมคณะรัฐมนตรี ท่านก็อยู่ร่วม ตอนที่ตนพูดเรื่องอสม. ซึ่งท่านก็ชมว่าดี​ ชี้แจงดี​ พร้อมฝากให้ช่วยประคับประคอง ดูแลร้ฐบาล ช่วยพลเอกประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ทำงานในช่วงที่ พลเอกประยุทธ์ ยังปฏิบัติงานไม่ได้

เมื่อถามว่าในวงสนทนา พลเอกอนุพงษ์ ได้พูดคุยอะไรหรือไม่​ นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนใหญ่ ตนเป็นคนชวนคุยคนเดียว ตนก็ขี้คุยของตนไปเรื่อย

เมื่อถามถึงสุขภาพจิตใจของพลเอกประยุทธ์ เป็นอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ดี​ ไม่มีอะไร ท่านก็ทำงานตามหน้าที่ของท่าน ซึ่งใช้เวลาร่วมกันในการรับประทานอาหารไม่นาน 30 -​ 40 นาที 

นายอนุทิน​ ยังกล่าวด้วยว่า การเข้าไปพบ พลเอกประยุทธ์ ในครั้งนี้ไม่ได้มีการนัดหมายกับพลเอกอนุพงษ์​ ล่วงหน้าแต่อย่างใด ตนก็ไปตามการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำแพทย์ที่เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจเช็กอาการ

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเข้าไปพบพลเอกประยุทธ์​ และพลเอกอนุพงษ์ จะทำให้ถูกโยงเลือกข้างทางการเมืองหรือไม่​ นายอนุทินกล่าวว่า​ โอ๊ย​ จะไปผูกอะไร​ ก็เหมือนขณะนี้ถ้าใครมาหาตนตอนใกล้เที่ยง ก็ชวนทานข้าว เท่านั้นเอง

‘พิจารณ์ ก้าวไกล’ ชวนเที่ยวงานโรดโชว์อาวุธ แนะ กองทัพจัดซื้ออาวุธภายในปท. ช่วยหนุนผู้ผลิตไทย

‘พิจารณ์ ก้าวไกล’ ชวนเที่ยวงานโรดโชว์อาวุธ แนะกองทัพ จัดซื้ออาวุธจากผู้ผลิตไทย สร้างโอกาสพัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธภายในประเทศ 

คนมักคุ้นชินกับบทบาทของพิจารณ์ในการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของกองทัพ เพื่อให้การใช้งบเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และนำไปสู่การพัฒนากองทัพที่เข้มแข็ง ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ ภายใต้คงามเชื่อว่า “กองทัพที่เข้มแข็งต้องลงทุนในยุทโธปกรณ์ที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยุทโธปกรณ์ของไทย สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประเทศ”

ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีการจัดนิทรรศการ “Defense and Security 2022” จัดที่ IMPACT CHALLENGER เมืองทองธานี พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ - Phicharn Chaowapatanawong หรือ "พี่จ้อน" ของเราจึงไม่รอช้าไปเข้าชมบรรยากาศในนิทรรศการนี้ว่าเทคโนโลยีอาวุธและการป้องกันประเทศก้าวหน้าไปถึงไหนแล้วบ้าง

บรรยากาศภายในงานมีการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงเทคโนโลยีด้านความมั่งคงของทั้งไทยและต่างประเทศ ประเด็นที่น่าสนใจก็คือว่าในปัจจุบัน และอนาคต กองทัพไทยจะมีแผนในการจัดซื้ออุปกรณ์ชนิดใดบ้าง รวมถึงทิศทางในการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่ในต่างประเทศมาใช้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันประเทศ

การใช้จ่ายของกองทัพ ยังเต็มไปด้วยข้อสงสัย

ภายในงาน พิจารณ์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ บริษัท Lockheed Martin (บริษัทค้าอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในโลก) ที่กองทัพไทยมีแผนจัดซื้อ F-35 (5th Generation Fighter) ไปแล้ว 2 ลำในงบฯ ปี 66 มูลค่ารวมทั้งโครงการกว่า 7,300 ล้านบาท โดยอาจต้องรอถึง 7 ปี กว่าจะได้ส่งมอบ

ในขณะที่ ปัจจุบัน Lockheed Martin ยังมีการผลิต F-16 (4th Generation Fighter รุ่นก่อน F-35 และราคาถูกกว่า) และในหลายประเทศก็ยังมีการจัดซื้ออยู่ แต่เรากลับไม่เห็นว่ากองทัพมีการเปรียบเทียบความคุ้มค่าทางงบประมาณ ระหว่าง F-16 กับ F-35 เราไม่เคยได้รับเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกซื้อ F-35 เท่านั้น ในด้านราคา F-35 แพงกว่า F-16 เกือบ 1,000 ล้านบาทต่อลำ ยังไม่รวมถึงค่าบำรุงรักษา ที่ F-35 สูงกว่ามาก

บางท่านอาจจะบอกว่า ซื้อใหม่ทั้งที ทำไมไม่เลือกซื้อ F-35 ที่มีขีดความสามารถในการรบสูงกว่าไปเลยล่ะ ก็ต้องเรียนว่า การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า ความจำเป็น และภาระทางงบประมาณ ถามว่าเวลาซื้อรถยนต์ จำเป็นต้องซื้อรถที่มีสมรรถนะสูง หรูหราหมาเห่าอย่าง Ferrari หรือเปล่า ก็ไม่ใช่

สิ่งที่กองทัพอากาศควรทำ คือการเปรียบเทียบทางเลือกอื่นๆ จากเครื่องบินขับไล่ 4th Gen ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Gripen, F/A-18, KF-50 และอื่น ๆ รวมทั้งเจรจาจัดซื้อด้วยนโยบายชดเชย หรือ offset policy เพราะจากการพูดคุยกับ Lockheed Martin ทำให้รู้ว่า ทางบริษัท ก็มีการทำ offset policy หรือ นโยบายจัดซื้อแบบชดเชย ซึ่งเราอาจเจรจาเพื่อขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอื่นๆที่ไม่ใช่ F-35 ก็ได้ (เพราะเค้าคงไม่ให้เทคโนโลยี F-35) เช่น เทคโนโลยีในการอัพเกรด เครื่องบิน C-130H ที่ไทยใช้ประจำการอยู่ เป็นต้น

จากที่เล่ามาจึงเป็นเหตุให้อนุมานได้ว่า กองทัพอากาศตั้งธงมาก่อนแล้วว่าจะต้องการจัดซื้อเครื่องบิน F-35 เท่านั้น โดยไม่มีความสมเหตุสมผลในการพิจารณาการลงทุนใช้จ่ายงบประมาณ

การสนับสนุนของกองทัพในการส่งเสริมอุตสาหกรรมอาวุธภายในประเทศ สร้างงาน เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตของประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีบูธของบริษัทที่เป็นการร่วมลงทุนระหว่าง สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ก.กลาโหม กับบริษัทเอกชนในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมอาวุธภายในประเทศ ได้แก่

บริษัท ไทยดีเฟนส์อินดัสตรี จำกัด ผู้ผลิตและขายยานเกราะล้อยางไปต่างประเทศ
บริษัทผลิตปืน Weapons Manufacture Industries (WMI) โดย สทป.ร่วมทุนกับ บริษัท สหพิพัฒนกิจ จำกัด และ บริษัท เอ็มตั้น คาร์เมียล จำกัด จากประเทศอิสราเอล

‘ภูมิใจไทย’ ชูนโยบาย ไม่คิดดอกเบี้ย กยศ. ลั่น เด็กไทยต้องมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา

เมื่อวันที่ (31 ส.ค. 65) เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยส.ส.พรรค ภท. ร่วมแถลงถึงจุดยืนต่อการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่…) พ.ศ. … ในวันนี้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทย เสนอร่างกฎหมายประกบไปพร้อมกับร่างของรัฐบาลด้วย โดยที่ประชุม พรรค ภท. ที่มีมติไม่ให้เก็บดอกเบี้ยหนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า เรื่องนี้ถือเป็นนโยบายที่สำคัญของพรรค ภท. ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2562 เรามีความเชื่อว่ารัฐบาลควรมีหน้าที่สนับสนุนการศึกษาให้กับประชาชนโดยเฉพาะเยาวชน กยศ. เป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างมากที่จะสนับสนุนให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้ตามความต้องการของผู้ใฝ่เรียน และเป็นการเพิ่มโอกาสให้ทุกคนที่มีปัญหาเรื่องทุนได้เข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ เมื่อไม่คิดดอกเบี้ย ผู้กู้ยืม จะกลายเป็นเพียงแค่ผู้ยืม ไม่ใช่ผู้กู้ยืมอีกต่อไป 

นายอนุทิน กล่าวว่า โดยในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.)ฯ สมาชิกเสียงข้างมากยังเสนอให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% แต่นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย ได้ขอแปรญัตติเอาไว้ในชั้น กมธ.ฯ คือเสนอ ไม่คิดดอกเบี้ย กยศ. เพราะพรรคภูมิใจไทย แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ว่าไม่ควรเก็บดอกเบี้ย และให้ใช้คืนแค่เงินต้น เพราะอย่างไรเสียรัฐก็ได้ประโยชน์ หากเยาวชนได้ศึกษาเล่าเรียน ก็สามารถสร้างเสริมรายได้ในอนาคตได้ เมื่อมีรายได้ก็จะชำระและเสียภาษี และไม่มีใครได้รับเงินเดือนเท่าเดิมตั้งแต่เริ่มทำงาน เราต้องมั่นใจว่าเยาวชนของชาติมีความเก่ง มีความเข้มแข็ง และมีหัวคิดก้าวหน้าต่อยอดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างรายได้ให้มากขึ้น ยิ่งรายได้มากเท่าไหร่ก็จะเสียภาษีให้รัฐมากขึ้น

'อนุทิน' บอก ทักษิณด่า ถือว่าผู้ใหญ่สั่งสอน ชี้!! โลกนี้คือละคร ผลเลือกตั้งคือคำตอบ

เมื่อวันที่ (31 ส.ค. 65) เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงนายอนุทิน ในคลับเฮาส์ว่าเป็นคนไว้ใจไม่ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ท่านชมต่างหาก รุ่นใหญ่อย่างนี้เอ่ยชื่อตนดีใจตายเลย และตนพูดมาตลอดว่าได้เป็นรัฐมนตรีก็เพราะท่าน ฉะนั้นไม่ต้องมาถาม 

“ผู้ใหญ่ว่า ผู้ใหญ่ติ ผู้ใหญ่พูดถึง ก็ถือเป็นคำสั่งสอน เราต้องมาดูตัวเราเองว่าเป็นไปตามที่เขาพูดหรือไม่ และมาดัดแปลงวิถีชีวิตให้ดีขึ้น ผมคิดถึงวันดี ๆ เสมอ คิดถึงความเมตตา ความเอ็นดูที่ท่านให้ไว้กับผม ผมเชื่อว่าถ้าไม่มีการเมืองอย่างนี้ เขาก็คงเป็นลุงผมเหมือนเดิม ทุกอย่างโลกนี้คือละคร และผลของการเลือกตั้งจะเป็นคำตอบทุกอย่าง ดังนั้นต้องรอผลการเลือกตั้ง” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์กันว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเหลือพรรคการเมืองอยู่ 5 พรรค ที่จะสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนสนใจอย่างเดียวขอให้พรรคภูมิใจไทยเหลืออยู่ และเป็นหนึ่งในเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ส่วนกรณีหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเรื่องนายกฯ 8 ปี และหานายกฯ คนในบัญชีไม่ได้ จนต้องหานายกฯ นอกบัญชีนั้น ตนขอเอาไว้ให้ถึงจุดนั้นก่อน ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่เราสามารถทราบได้ว่า ผลคำวินิจฉัยจะออกมาเป็นอย่างไร เราก็ทำหน้าที่ของเราที่มีอยู่ 

'ครูธัญ' ชื่นชมทัศนคติผู้บริหาร รร.สิริรัตนาธร ชี้!! การศึกษาไทยต้องโอบรับเด็กทุกกลุ่ม

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงประเด็นที่ถูกพูดถึงในสังคมออนไลน์ที่มีผู้บริหารโรงเรียนสิริรัตนาธร ส่งหนังสื่อถึงผู้ปกครองนักเรียนพร้อมระบุในหนังสือว่า

“ถ้านักเรียนในความปกครองของท่านทำคะแนนได้สูงสุด นั่นหมายถึงเป็นหนึ่ง หรือยืนหนึ่ง แต่ถ้าลูกทำไม่ได้ ได้โปรดอย่าทำลายความเชื่อมั่นและความนับถือตัวเองของลูกไป บอกลูกว่ามันดีมากแล้ว มันแค่การสอบ มันยังมีอะไรอีกมากมายในชีวิต บอกลูกท่านว่าไม่ว่าคะแนนสอบออกมาแบบไหน คุณก็รักเขาและจะไม่ตัดสินเขา” 

ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้บริหารของโรงเรียนที่มองเห็นนักเรียนทุกคนไม่ว่าเขาจะเป็นเด็กที่คะแนนดีหรือไม่ ซึ่งการศึกษาไทยควรมีค่านิยมแบบนี้ โรงเรียนควรเป็นสังคมให้พวกเขาได้เติบโตและใช้ชีวิต ยอมรับและสามารถเปิดเผยตัวตนของตนเองได้

‘ทิพานัน’ การันตี ‘นายกฯตู่’ ทำทุกอย่างเพื่อปชช. ซัด ‘ทักษิณ’ บิดเบือนข่าวขึ้นค่าแรง แต่ไม่พูดถึงโกงจำนำข้าว

‘ทิพานัน’ ย้ำ ‘บิ๊กตู่’ บริหารประเทศเพื่อประโยชน์ประชาชน ไม่ต้องหนีคุกลี้ภัย ซัด ‘ทักษิณ’ บิดเบือนข่าวค่าจ้างแรงงาน แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องโกงจำนำข้าว ชี้ คงอยู่ในจิตใต้สำนึก 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่เฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่ข้อความที่นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม กล่าวพาดพิงด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อนว่า ตนไม่ทราบว่านายทักษิณได้อ่านข่าวด้วยตนเองหรือไม่ ทำให้ออกมาวิจารณ์กันไปคนละเรื่องเช่นนี้ จนเกือบเข้าใจว่าเป็นปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารดิสเครดิตของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ที่มักนำข้อมูลหรือคำให้สัมภาษณ์ของตนไปบิดเบือน แต่เมื่อตรวจสอบดูปรากฏว่าเป็นนายทักษิณที่ออกมาให้ความเห็นจริง ๆ ก็ทำให้รู้สึกเห็นใจนายทักษิณที่หลบหนีโทษจำคุกอยู่ไกลในต่างแดน ต้องขออภัยที่ข่าวสารจริงไม่ถึงท่าน หรือมีผู้นำไปถ่ายทอดให้ฟังแบบผิด ๆ ถูก ๆ หรืออาจสะเทือนใจกับคำว่า ‘นายกฯเถื่อน’  ที่เป็นวาทกรรมของพรรคเพื่อไทยเอง ทำให้เข้าใจไขว้เขว แล้วรีบออกมาให้ความเห็น ซึ่งอาจทำให้ประชาชนสับสน จึงอยากชี้แจงความจริงให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้

1. การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นแค่บางจังหวัด ความจริงคือ ถ้าผ่าน ครม. ก็จะขึ้นทั้งหมด 77 จังหวัดทั่วประเทศ แต่แบ่งเป็น 9 อัตราตามกลุ่มจังหวัดที่แตกต่างกัน เพราะมีสภาพเศรษฐกิจ สังคม ขนาดอุตสาหกรรมและความจำเป็นที่ต่างกัน ตามข้อสรุปการประชุม 3 ฝ่าย

2. ไม่เคยชี้แจงว่า ที่ขึ้นค่าแรงไม่ได้เพราะต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้จำนำข้าว ความจริงคือ ได้ชี้แจงประชาชนไปว่า รัฐบาลพยายามหาแนวทางดำเนินการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำมาตลอด แต่เมื่อเจอวิกฤติโควิดจนกระทบธุรกิจของสถานประกอบการในทุกภาคส่วน การขึ้นค่าจ้างในเวลาดังกล่าวจึงไม่เหมาะสม แต่ก็จะทำให้เร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย โดยคำนึงผลกระทบทั้งของนายจ้าง-ลูกจ้าง ซึ่งแม้ไม่ใช่เงินของรัฐ เป็นเงินของเอกชนก็ตาม แต่การบริหารนโยบายที่มีหลายส่วนเกี่ยวข้องต้องรอบคอบระมัดระวัง กระทรวงแรงงานจึงมีการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการค่าจ้าง 3 ฝ่าย คือ ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล โดยหาสมดุลระหว่าง ‘ค่าจ้าง-เงินเฟ้อ-ค่าครองชีพ’ ก่อนออกนโยบายเพื่อให้ทั้งนายจ้างอยู่ได้และลูกจ้างอยู่ดี จึงมีตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำออกมา

‘บิ๊กป้อม’ ลั่นไม่เหนื่อยนั่งรักษาการนายกฯ ย้ำ ใช้ใจบันดาลแรง ทำให้มีแรงทำหน้าที่

'พล.อ.ประวิตร' เผยทำหน้าที่รักษาการมา 7 วันไม่เหนื่อย เพราะใช้ใจบันดาลแรง ไม่ใช้แรงบันดาลใจ 

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังให้การต้อนรับ  ดาโต๊ะ ซรี ฮิชามมุดดิน บิน ตุน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ง โดยกล่าวถึงการประชุมพรรคพลังประชารัฐในวันนี้ว่ามีการประชุมอยู่ที่พรรค 

เมื่อสื่อถามว่าทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีมา 7 วันแล้วเหนื่อยหรือไม่ พลเอกประวิตรกล่าวว่าไม่เหนื่อยมาก ไม่เหนื่อย เมื่อถามย้ำท่านไหวใช่หรือไม่ เพราะดูเหมือนสุขภาพดีขึ้น เดินคล่องขึ้น พลเอกประวิตรกล่าวว่า “ให้ใจบันดาลแรง พร้อมพูดย้ำอีกว่าใช้ใจบันดาลแรง ไม่ใช่ใช้แรงบันดาลใจ ก่อนจะย้ำอีกรอบว่าใช้ใจบันดาลแรง”

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย จะเดินทางกลับหลังพบกับพลเอกประวิตร ได้แวะทักทาย จ่าสิบตำรวจวันชัย ท้าวมา ตำรวจประจำตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยระบุสั้นๆว่า ขอให้กำลังใจและขอให้ภูมิใจในเรื่องแบบตำรวจ

ครม. เห็นชอบแก้คำสั่งให้ ‘บิ๊กป้อม’ มีอำนาจเต็ม โยกย้าย - อนุมัติงบได้ ย้ำรัฐบาลไม่เกิดสุญญากาศ

วันนี้ (30 ส.ค. 65) เมื่อเวลา 12.30 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุม ครม. วันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งในส่วนนายกรัฐมนตรี ยังไม่มีการส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญคาดว่าจัดน่าจะส่งได้ภายในสัปดาห์นี้ ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลได้

ขณะนี้ทีมกฎหมายของนายกรัฐมนตรีกำลังดูเอกสาร ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งเอกสารได้ภายในวันถึงสองวันนี้ ขั้นตอนหลังจากนี้หากส่งไปก็ถือว่าเสร็จสิ้นเพราะปกติศาลจะไม่เรียกไต่สวน

ซึ่งวันนี้พลเอกประยุทธ์ไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษแต่มีการประชุมออนไลน์เข้ามา ส่วนสาเหตุที่ประชุมออนไลน์เข้ามาก็ถือเป็นธรรมดาที่มีทุกครั้งที่รัฐมนตรีจะใช้การประชุมออนไลน์เข้ามา ในทุกวันอังคาร

เมื่อถามว่าระยะเวลาช่วงนี้ถือเป็นสุญญากาศหรือไม่นายวิษณุระบุว่าไม่มีอะไรที่เป็นสุญญากาศเพราะวันนี้ได้ชี้แจงกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพราะคณะรัฐมนตรียังคงมีอำนาจเต็มไม่ใช่ครม.รักษาการ คนรักษาการ มีคนเดียวคือพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี

'ครูธัญ' มองความต่าง สมรสเท่าเทียม 'ไทย-ไต้หวัน' ชี้!! ไทยยัง 'อนุรักษ์นิยม-ไม่เข้าใจความหลากหลายทางเพศ'

ธัญวัจน์ กมลวงวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมเสวนา เสวนามองสมรสเท่าเทียมผ่านบทเรียนไต้หวัน โดยมี Joyce Teng – Deputy Executive Director of Taiwan Equality Campaign

ภายในงานพูดถึงการต่อสู้ของสมรสเท่าเทียมในไต้หวันและประเทศไทย และก้าวต่อไปของสมรสเท่าเทียมในอนาคต

ธัญวัจน์ กล่าวช่วงหนึ่งว่า "การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเริ่มมีเสียงที่ดังขึ้นเพราะการเติบโตของสื่อโซเชียลมีเดียที่แพร่หลายและส่งผลต่อการรับรู้ในสังคมจึงทำให้การพูดเรื่องสมรสเท่าเทียมกลับมาอีกครั้งในช่วงหลังการเลือกตั้ง 2562

"ความแตกต่างระหว่างประเทศไต้หวันและประเทศไทย คือ คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในประเทศไทยสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์กับสังคมในวงกว้าง และสิ่งนี้ตนมีความเห็นว่าการศึกษาไทยยังเป็นความคิดอนุรักษ์นิยมและยังไม่มีความเข้าใจในความหลากหลายทางเพศ และตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มาของศาลรัฐธรรมนูญก็แต่งตั้งจากสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมาจากการแต่งตั้งของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

'อนุสรณ์' เหน็บ 'บิ๊กตู่' เห็นเล็งปืนแล้วนึกถึงงานวัด แนะนำให้ลาออก เพราะตอนนี้หมดสภาพผู้นำประเทศ

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่า ไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะทนอยู่ให้ตัวเองลำบากใจไปเพื่ออะไร ถึงเวลาต้องทำใจ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เมื่อวานนี้ (29 สิงหาคม) ไปเล็งปืน ดูนิทรรศการอาวุธได้ แต่วันถัดมากลับเข้าประชุมครม. ที่ทำเนียบไม่ได้ ต้องประชุมผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ เดือดร้อนไปถึงพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมครม. แต่ไม่กล้านั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ต้องปล่อยเว้นว่างไว้ ใครจะการันตีความสัมพันธ์ของ 3 ป.อย่างไร

“นาทีนี้น่าจะไม่เหมือนเดิม พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนจะพยายามทำตัวให้ดูดี มีสปิริต ทำหน้าที่แข็งขันไม่ว่าจะตำแหน่งไหน แต่คำถามคือ ตอนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการรกระทรวงกลาโหม ไม่เห็นจะใส่ใจการงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมขนาดนี้ เห็นพล.อ.ประยุทธ์เล็งปืน นึกถึงบรรยากาศงานวัด หมดสภาพผู้นำจากการรัฐประหารยึดอำนาจ จับคนไปปรับทัศนคติ มีมาตรา 44 ตอนเล็งปืนพล.อ.ประยุทธ์ เล็งเห็นอนาคตตัวเองหรือไม่ ได้เล็งเห็นอนาคตประเทศในวันที่ไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ อย่างไร” นายอนุสรณ์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top