Wednesday, 9 July 2025
POLITICS NEWS

‘โรม’ ทวงสำนึก ส.ว. ‘หยุดสืบทอด-หวง’ อำนาจ คืนอำนาจสู่ประชาชน ช่วยยุติระบบอันบิดเบี้ยว

‘โรม’ ถามหาสำนึก ส.ว. หยุดสืบทอดอำนาจ ชี้ กรณี ‘สิบตำรวจโทหญิง’ แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า ส.ว. ที่ผ่านมาไม่มีคุณวุฒิ คุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ พร้อมเสนอแก้ไข ม.272 ปิดสวิตช์ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจ

ในการประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่าง รธน. ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม รังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลได้ลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายประเด็น โดยเฉพาะข้อเสนอที่ให้มีการแก้ไข ม.272 ปิดสวิตช์ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจ

***หนุนเพิ่มสิทธิเสรีภาพประชาชน ควบคู่ปฏิรูปศาลและหน่วยงานยุติธรรมให้ทำตามหลักกฎหมาย***

รังสิมันต์กล่าวว่า ตนและพรรคก้าวไกลมีจุดยืนสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดที่เพิ่มสิทธิและเสรีภาพประชาชนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น...

- คำนิยาม “สิทธิเสรีภาพ” ให้หมายรวมถึงที่ประเทศไทยได้มีพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ
- เพิ่มเติมข้อความว่าการประกันตัวว่าต้องได้รับการพิจารณาอย่างรวดเร็ว การคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีหากไม่ใช่กรณีที่โทษร้ายแรงจะต้องมีกำหนดเวลาไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น
- การระบุรายละเอียดของสิทธิในกระบวนการยุติธรรมว่าต้องสะดวก รวดเร็ว ทั่วถึง พิจารณาโดยเปิดเผย ให้โอกาสจำเลยในการสู้คดีอย่างเพียงพอ ผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเป็นธรรม
- เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น ที่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม เสรีภาพเหล่านี้จะถูกจำกัดมิได้
- สิทธิชุมชน ให้การทำโครงการที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะต้องศึกษาและประเมินผลกระทบอย่างรอบด้านโดยประชาชนและชุมชนได้มีส่วนร่วม
- เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธจะจำกัดได้ก็ด้วยกฎหมายเฉพาะเรื่องการชุมนุมสาธารณะ หรือในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงเท่านั้น
- เสรีภาพในการรวมกลุ่มเป็นพรรคการเมืองให้การจัดตั้งไม่ยุ่งยากซับซ้อน การเข้าร่วมเป็นสมาชิกไม่เสียค่าใช้จ่าย และจะมาหาเรื่องยุบพรรคไม่ได้ถ้าไม่ใช่กรณีล้มล้างการปกครองเท่านั้น 

“สิทธิและเสรีภาพต่างๆ เหล่านี้ อันที่จริงแล้วบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ก็ควรจะเพียงพอแล้วที่จะเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ก็อย่างที่เราเห็นกันว่าศาลและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมนั้นบิดเบือนกฎหมายที่มีอยู่ไปขนาดไหน ผมเชื่อว่าหากเราปฏิรูปให้องค์กรผู้ใช้อำนาจทั้งหลายมีความยึดโยงกับประชาชนได้ การจะใช้กฎหมายเท่าที่มีอยู่เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงเลย” รังสิมันต์ กล่าวเสริม

***ยืนยันหลักการนายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง***

ในเรื่องของคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกลตั้งแต่ในอดีตสมัยยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ยืนยันสนับสนุนหลักการนี้มาโดยตลอดว่าผู้ที่คู่ควรได้เป็นผู้นำประเทศ ต้องเป็นผู้ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งตามระบบในประเทศไทยที่เราใช้หมายถึงผู้ที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส. มิใช่เป็นใครบางคนที่รังเกียจการเลือกตั้ง แต่ก็หวังอยู่ในอำนาจต่อโดยดูดเอาผู้มีอิทธิพลกลุ่มต่างๆ มาช่วยหาเสียงแทนตัวเอง

***ถามหาสำนึก ส.ว. เลิกหวงอำนาจ คืนอำนาจกลับสู่ประชาชน***

ประเด็นสุดท้าย ตามร่างที่ยื่นเสนอเข้ามาโดยภาคประชาชนที่เข้าชื่อกันเป็นจำนวนทั้งสิ้น 64,151 คน เนื้อหาไม่มีอะไรซับซ้อนให้ยกเลิกบทเฉพาะกาล มาตรา 272 ที่ให้ ส.ว. ชุดแรก 250 คน มีวาระ 5 ปี ที่มาจากการคัดเลือกโดย คสช. มีอำนาจในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่ง ส.ว. ชุดนี้ทั้งหมด ยกเว้นประธานสภาที่งดออกเสียงตามมารยาท ก็ใช้อำนาจนี้ยกมือโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สืบทอดอำนาจหลังยุคคณะรัฐประหารต่อไป ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 เป็นต้นมา

ทุกเหล่าทัพกระจายกำลังช่วยเหลือประชาชน หวั่นฝนตกหนักสะสมต่อเนื่อง หากวิกฤตให้เปิดหน่วยทหารรับอพยพประชาชนเข้าดูแล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ทุกเหล่าทัพกระจายกำลังช่วยเหลือประชาชน หวั่นฝนตกหนักสะสมต่อเนื่อง หากวิกฤตให้เปิดหน่วยทหารรับอพยพประชาชนเข้าดูแล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการเมื่อ 6 กันยายน 2565

(6 ก.ย. 65) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการทุกเหล่าทัพ ที่มีหน่วยทหารในพื้นที่ทั่วประเทศ เตรียมยกระดับสนับสนุนรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม โดยให้ประสานทำงานร่วมกับฝ่ายปกครอง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและจิตอาสาในพื้นที่ และเตรียมปฏิบัติตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของแต่ละเหล่าทัพและหน่วยทหารในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะการติดตามเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง พร้อมทั้งให้กระจายกำลังเร่งด่วนเข้าช่วยเหลือและอพยพประชาชน ทรัพย์สินมีค่าออกจากพื้นที่ และหากจำเป็นวิกฤตให้เปิดพื้นที่หน่วยทหารรับการอพยพประชาชนเข้าดูแล

พร้อมกันนี้ ให้สนับสนุนเคลื่อนย้ายกำลังพล เครื่องมือช่างและเครื่องสูบน้ำ เข้าแก้ปัญหาพื้นที่วิกฤตทันที เพื่อลดความเสียหายและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

‘ก้าวไกล’ ฉะ!! นิพนธ์ชิงลาออกหนีถูกชี้มูลผิดคาเก้าอี้ ชี้ หากต้องการแสดงสปิริตควรออกตั้งแต่ป.ป.ช.ชี้มูล

‘ประเสริฐพงษ์-ก้าวไกล’ ฉะนิพนธ์ชิงลาออกหนีถูกชี้มูลความผิดคาเก้าอี้ เรียกร้อง รมช.มหาดไทยคนใหม่เข้ามาสะสางความไม่ชอบมาพากลออกเอกสารสิทธิ์กรมที่ดิน

ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงการลาออกจากตำแหน่งของนาย นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย โดยประเสริฐพงศ์กล่าวว่า หากจำกันได้ตนได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทยถึงสองครั้ง

ครั้งแรกเป็นชี้ให้เห็นเรื่องการใช้อำนาจดันโครงการอุตสาหกรรมจะนะ ชี้ เอื้อประโยชน์นายทุน หลังพบกว้านซื้อที่ดิน-ออกโฉนดทับที่ทำกินชาวบ้าน พบเครือญาติ-เครือข่าย เอี่ยวการจัดซื้อที่ดินในพื้นที่รวมถึงจ่ายเงินให้บริษัทเอกชนที่ประมูลรถบำรุงทางเอนกประสงค์ของ อบจ.สงขลาในขณะนั้น 

โดยหลังจบอภิปรายไม่ไว้วางใจตนนำหลักฐานในการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งหมดไปยื่นต่อ ป.ป.ช. และป.ป.ช.ได้มีการส่งฟ้องต่อศาลอาญาแผนกการทุจริตกลาง ต่อมาพรรคก้าวไกล โดย ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้ยื่นหนังสื่อต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสถานภาพการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรีช่วงกระทรวงมหาดไทย ของนายนิพนธ์ บุญญามณี โดยเหตุการณ์ในวันนั้นมี นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาได้แถลงข่าวว่าการยื่นผ่านประธานสภาในลักษณะนี้ไม่สามารถทำได้และผิดขั้นตอน ทั้งที่ความจริงแล้วตนและพรรคก้าวไกลได้ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพราะหลังจากนั้น ประธานสภาฯได้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยคุณสมบัติของนายนิพนธ์ตามที่ตนได้ยื่นคำร้อง 

เหตุการณ์ดังกล่าวชัดเจนว่ามีกระบวนการพยามขัดขวางการตรวจสอบคุณสมบัติของรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยจากเลขาฯประธานสภาฯ อย่างชัดเจน

ชัดเจนแล้ว!! เปิดเอกสาร 'มีชัย' ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นปม 8 ปีนายกฯ เริ่มปี 60

(6 ก.ย. 2565) จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมวินิจฉัยกรณีวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยล่าสุด นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับคำชี้แจงของพยาน 3 ปากเรียบร้อยแล้ว โดยพยานปากสำคัญคือคำชี้แจงของนายมีชัย ฤชุพันธ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้สำหรับคำชี้แจงของนายมีชัย ที่ส่งเป็นเอกสารถึงศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีทั้งสิ้น 3 แผ่นโดยมีรายละเอียดดังนี้

เรื่อง ความเห็นเกี่ยวกับ มาตรา ๒๖๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

กราบเรียน ประธานศาลรัฐธรรมนูญ

อ้างถึง หนังสือเรียกของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ๔๐/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕

ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งตามหนังสือที่อ้างถึงข้างต้นสั่งให้ข้าพเจ้าในฐานะประธานกรรมการร่างรัฐธรมนูญ จัดทำความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่กำหนด ซึ่งมีความว่า "ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖o ใช้บังคับ ตามบทเฉพาะกาลมาตรา ๒๖๔ สามารถนับรวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีดังกล่าวเข้ากับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งรารอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๕๘ วรรคสี่หรือไม่ และนับแต่เมื่อใด" นั้น

ข้าพเจ้ามีความเห็นในประเด็นดังกล่าว ดังต่อไปนี้

๑. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐ ตามที่ปรากฏในพระบรมราชโองการในวรรคห้า และถูกต้องตรงตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ผลบังคับจึงมีตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป และไม่อาจมีผลไปถึงการใด ๆ ที่ได้ดำเนินการมาแล้วโดยชอบก่อนวันที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้ใช้บังคับ เว้นแต่จะมีบทบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ

๒. ในส่วนที่เกี่ยวกับคณะรัฐมนตรีนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้บัญญัติเรื่องคุณสมบัติ (มาตรา ๑๖๐) ที่มา (มาตรา ๘๘) วิธีการได้มา (มาตรา ๑๘๙ และมาตรา๒๗๒) กรอบในการปฏิบัติหน้าที่ (มาตรา ๑๖๔) ระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง (มาตรา ๑๕๘ วรรคสี่) และผลจากการพ้นจากตำแหน่ง (มาตรา ๑๖๘) ไว้แตกต่างจากรัฐธรรมนูญที่เคยมีมา และส่วนใหญ่เป็นไปในทางจำกัดสิทธิและเพิ่มความรับผิดชอบ บทบัญญัติต่าง ๆ เหล่านั้น จึงไม่อาจนำไปใช้กับบุคคลหรือการดำเนินการใดๆ ที่ได้กระทำไปโดยชอบแล้วก่อนที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ เว้นแต่จะมีบทบัญญัติกำหนดไว้เป็นประการอื่นโดยเฉพาะ โดยหลักทั่วไปกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่กำหนดขึ้นย่อมต้องมุ่งหมายที่จะใช้กับคณะรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๖๐

๓. อย่างไรก็ตาม การที่จะได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๖๐ จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อการเลือกตั้งทั่วไป มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาที่จะต้องแต่งตั้งขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ก่อน แต่ประเทศไม่อาจว่างเว้นการมีคณะรัฐมนตรีเพื่อบริหารประเทศได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีบทเฉพาะกาลเพื่อกำหนดให้การบริหารราชการแผ่นดินสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่ติดขัด จึงได้มีบทบัญญัติมาตรา ๒๖๔ บัญญัติขึ้นเป็นการเฉพาะว่า "ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐรรมนูญนี้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่..." โดยมีบทบัญญัติผ่อนปรนเกี่ยวกับคุณสมบัติและการปฏิบัติหน้าที่บางประการไว้ให้เป็นการเฉพาะ

๔.โดยผลของมาตรา ๒๖๔ ดังกล่าว คณะรัฐมนตรีรวมทั้งนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่เฉพาะในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จึงเป็นคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตั้งแต่วันที่รัฐชรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๖๐ ใช้บังคับ คือ วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐ และโดยผลดังกล่าวบทบัญญัติทั้งปวงของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ รวมทั้งบทเฉพาะกาลที่ผ่อนปรนให้จึงมีผลต่อคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีดังกล่าวตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐ อันเป็นวันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับเป็นต้นไป และระยะเวลาตามมาตรา ๑๕๘ วรรคสี่ จึงเริ่มนับตั้งแต่บัดนั้น คือ วันที่ ๖ เมษายน เป็นต้นไป

'เพื่อไทย' ชม 'บิ๊กป้อม' รักษาการฯ เพียงไม่กี่วัน เห็นผลงานโดดเด่น

(6 ก.ย. 65) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ต้องเข้ามาทำหน้าที่แทนพล.อ.ประยุทธ์ ปรากฎว่าการทำงานของพล.อ.ประวิตร ในเวลาไม่กี่วันกลับทำได้ดีกว่าพล.อ.ประยุทธ์ มาก เข้าใจปัญหาและเข้าถึงใจประชาชนได้มากกว่าพล.อ.ประยุทธ์ ขนาดทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเสียศูนย์ออกมาแสดงอาการหวงตำแหน่งเดิมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยรูปนั่งคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และ รมว. สาธารณสุข นั่งพร้อมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา โดยไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสม เพราะโดยตำแหน่งแล้วนายอนุทิน ที่เป็นรองนายกฯ ย่อมมีฐานะสูงกว่าพล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็น รมว. กลาโหมเท่านั้น ยิ่งแสดงถึงภาพการยึดติดและอิจฉาทำใจไม่ได้ที่มีกับพล.อ.ประวิตร ทั้งที่น่าจะรู้ว่าเวลาของตนเองหมดแล้ว แต่ยังพยายามจะดันทุรัง 

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่ กลับเสียคะแนน เพราะนั่งรถกันกระสุนและไม่ยอมเปิดหน้าต่างคุยกับประชาชน โดยอ้างว่าเปิดไม่ได้เพราะเป็นรถกันกระสุน ซึ่งถ้าหากกลัวคนทำร้ายและกลัวตายขนาดนี้ ก็ไม่น่าจะยังดื้อรั้นจะอยู่ตำแหน่งต่อไปอีกเลย ควรออกไปได้แล้ว ทั้งสองเรื่องนี้แสดงถึงความเสื่อมของพล.อ.ประยุทธ์ได้ชัดเจนและพิสูจน์ได้เลยว่าใครเหมาะจะมาเป็นนายกฯ ก็จะทำได้ดีกว่า จากผลงานของพล.อ.ประวิตรเพียงไม่กี่วันมานี้พิสูจน์แล้ว

นายพิชัย กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร โชว์ฟอร์มเหนือชั้นกว่าพล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ก็อยากให้เร่ง แก้ไขปัญหาของประเทศที่ควรจะเร่งทำทันที อย่าปล่อยให้มีปัญหามากขึ้นเหมือนพลเอกประยุทธ์ ทำโดยนอกจากนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ยังไม่ได้ทำแล้ว อยากให้เร่งทำ 8 เรื่องดังนี้…

1.) การแก้ไขหนี้ ทั้งหนี้ธุรกิจและหนี้ครัวเรือน โดยจัดระบบการพิจารณาลดหนี้ ลดดอกเบี้ย ยืดเงินต้น เพื่อให้ประชาชนทำธุรกิจและประคองชีวิตต่อได้ โดยหนี้ไม่ท่วม และวิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการต้องเพิ่มรายได้ เพื่อให้ชำระหนี้ได้ เรื่องนี้ควรเร่งทำก่อนดอกเบี้ยจะขึ้นไปอีกมาก

2.) การปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน ก๊าซ และ ไฟฟ้า เพื่อแก้ไขให้ยุติธรรม อย่าให้บริษัทพลังงานและนายทุนพลังงานเอาเปรียบประชาชน

3.) การเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา เพื่อให้ได้พลังงานในราคาถูก อีกทั้งยังจะมีรายได้เข้ารัฐสามารถนำไปทำสวัสดิการได้

4.) เร่งก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ หนองคาย-เวียงจันทน์-จีน เพื่อให้ส่งสินค้าไทยไปจีน และนักท่องเที่ยวจีนมาไทยได้

'แสนยากรณ์' หวังรัฐสภา รับหลักการแก้ รธน. ยกเลิกอำนาจ ส.ว. ย้ำต้องรีบแก้ก่อนเลือกนายกฯ คนต่อไป ไม่งั้นวุ่นแน่ หวังเสียง ส.ว. เป็นทางออกประเทศ

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า ในฐานะคณะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 กล่าวก่อนเข้าประชุมรัฐสภา เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรีว่า คาดหวังให้สมาชิกรัฐสภารับหลักการร่างแก้ไข ม.272 ในวาระ 1 เพราะเป็นเรื่องจะเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องแก้ไขให้สำเร็จ ก่อนการเลือกตั้ง ก่อนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ถ้ายังมีกลไกนี้อยู่ เกรงว่ารัฐบาลชุดต่อไป จะมีปัญหาเรื่องความชอบธรรม  แล้วจะมีปัญหาความขัดแย้งอีกหลายอย่างตามมา

"เราอยากให้ ส.ว. เป็นทางออกให้กับประเทศ ตัดอำนาจนี้ออกไป จะแสดงถึงประชาธิปไตยมากขึ้น ลดสามารถขัดแย้งได้ ขอให้รับหลักการและเป็นทางออกประเทศ" โฆษกพรรคกล้า กล่าว

สำหรับลำดับการอภิปราย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร , นายบุญส่ง ชเลธร เป็นผู้ชี้แจงเปิด จากนั้นให้สมาชิกรัฐสภาอภิปราย โดยนายแสนยากรณ์ จะเป็นผู้ชี้แจงตอบคำถามที่สมาชิกตั้งข้อสังเกต แล้วปิดสรุป โดยนางสาวณัฏฐา มหัทธนา ก่อนการลงมติ

ชาวบ้านปลื้ม!! ปัญหาถนนเป็นหลุมบ่อถูกแก้ไข หลัง 'ลุงตู่' ลงพื้นที่เยี่ยมชม 'โครงการโคกอีโด่ยวัลเล่ย์' 

เมื่อวานนี้ (4 ก.ย. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทน 'โครงการโคกอีโด่ยวัลเล่ย์' โรงเรียนศรีแสงธรรม และศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ โคก หนอง นา ที่ วัดป่าศรีแสงธรรม ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2564

ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการในการพัฒนาโครงการดังกล่าว ให้เป็นต้นแบบการพัฒนาชุมชนระดับประเทศ เนื่องจากรับทราบปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับเส้นทาง เข้า-ออก พื้นที่โครงการเมื่อฝนตก สภาพถนนจะกลายเป็นโคลน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ต้องนำชุดมาเปลี่ยน

จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไข โดยก่อสร้างถนนลาดยาง ตั้งแต่ถนนใหญ่ถึงตำบลห้วยยาง ระยะทาง 7.18 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนและผู้เยี่ยมชมโครงการจากองค์กรต่างๆ เพื่อส่งต่อองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติไปพัฒนาชุมชน เดินทางสะดวก

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ผลสำเร็จของโครงการ มาจากการลงพื้นที่ตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ ผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหา สะท้อนความจริงใจในการทำหน้าที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

สำหรับ โครงการโคกอีโด่ยวัลเล่ย์ เป็นโครงการที่น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด ศาสตร์พระราชา และโครงการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาดำเนินโครงการฯ

โดยเกิดเป็นโครงการพัฒนาแบบร่วมมือกัน ในลักษณะ 'บวร' คือ บ้าน วัด โรงเรียน ราชการ ซึ่งเป็นการสร้างพลังจากท้องถิ่นที่สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งจากพื้นที่ รวมทั้งโครงการ โคก หนอง นา นโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่สามารถนำไปต่อยอดสู่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Economy Model) ตามนโยบายของรัฐบาล สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13

'อรรถวิชช์' ถอดรหัสขั้นตอน 'กรณ์' ร่วมงาน 'ชาติพัฒนา' วอน!! รอกระบวนการทางกฎหมาย แล้วจะรู้ว่าไม่มีใครทิ้งใคร

พลันที่ข่าว 'กรณ์ จาติกวณิช' เปิดตัวร่วมทัพทีมเศรษฐกิจกับพรรคชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ทำให้เกิดกระแส 'กรณ์ทิ้งพรรค' กระฉ่อน ไปทั่วยุทธภพ แถมยังหอบหิ้วอดีตรองนายกกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์ตามไปด้วยให้กระแสสังคมพากันเดือดแบบตามน้ำ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสงสัยในท่าทีครั้งนี้ของนายกรณ์ที่คนในพรรคน่าจะรู้สึกเดือดปุดๆ ที่สุดนั้น ด้านเอ๋ - ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กลับออกมาย้ำชัดว่า ‘กรณ์’ ไม่ทิ้งเพื่อน ทำตรงไปตรงมา ลาออกจากพรรคกล้าไปสมัครชาติพัฒนา โดยมีอดีตรองนายกกอปร์ศักดิ์ ประธานยุทธศาสตร์ตามไปด้วย แต่กฎหมายปัจจุบันห้ามควบรวมพรรค จึงใช้วิธีตามกฎหมายปกติ 

ถอดถ้อยวลีของเอ๋แล้ว กำลังสะท้อนถึงความสัมพันธ์อย่างยาวนานแบบเชื่อมั่นในพี่ชายคนนี้ ซึ่งเจ้าตัวมักจะบอกกับคนรอบข้างเสมอว่า กรณ์เป็นคนมีความมุ่งมั่น มีความคิดอยากเห็นการเมืองที่ดีขึ้น ขณะที่คนในพรรคกล้าต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน 

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่กรณ์จะทำอะไร ก็จะทำอย่างตรงไปตรงมา อย่างกรณีนี้ก็ทำตามกฎหมาย ด้วยการลาออกจากพรรคกล้าและไปสมัครพรรคใหม่ โดยมีท่านอดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าท่านกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ตามไปด้วยนั้น ก็เป็นเพราะกฎหมายปัจจุบันห้ามควบรวมพรรค จึงใช้วิธีตามกฎหมายปกติ...ซึ่งบรรทัดนี้น่าสนใจ

เพราะขณะเดียวกัน เรื่องของการจะรีแบรนด์ ปรับโครงสร้างต่างๆ ในส่วนของชาติพัฒนา เอ๋ก็มองว่า เป็นส่วนของท่านเทวัญ และท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และสมาชิกของพรรคเขา ส่วนตนเองยังสังกัดพรรคกล้า จะไปข้องเกี่ยวไม่ได้ กฎหมายพรรคการเมืองก็ระบุไว้ชัดเจน โดยในส่วนตัวพวกเขา ก็ยังต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการพรรคกล้า เพื่อจัดประชุมใหญ่พรรคในเดือนนี้ให้แล้วเสร็จ

“ที่ผ่านมา พรรคกล้า เรามุ่งเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาพลังงานน้ำมันแพง ค่าไฟแพง และการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน 13 ล้านบัญชี รวมถึง การเข้าชื่อเสนอกฎหมายร่วมกับภาคประชาชนยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ซึ่งคาดว่าจะได้เข้าสู่การพิจารณาของสภาในสัปดาห์นี้แล้ว ต้องรอติดตาม” ดร.อรรถวิชช์ กล่าว

ส่วนที่คาดการณ์ว่านายอรรถวิชช์ และผู้บริหารคนอื่น จะทยอยลาออกและไปสังกัดพรรคชาติพัฒนา แล้วจึงมีการปรับโครงสร้าง ปรับแบรนด์ดิ้งในภายหลังนั้น ดร.อรรถวิชช์ กล่าวสั้นๆ ว่า "วันนี้ตนเองยังรักษาการในตำแหน่งเลขาธิการพรรคกล้า ผมไปแทรกแซงเรื่องพรรคเขาไม่ได้ ผมยังมีงานที่ยังค้างอยู่"

'บิ๊กป้อม' ลั่น!! รัฐบาลพร้อมดูแลเกษตรกรให้อยู่ดีกินดี อ้อน!! บอกอายุมากแล้ว แต่พยายามทำงานเพื่อปชช.

พล.อ.ประวิตร ติดตามสถานการณ์น้ำ-ปาล์มน้ำมัน ชี้รัฐบาลพร้อมดูแลเกษตรกรให้อยู่ดีกินดี ย้ำใช้ใจบันดาลแรง เพื่อมีกำลังใจช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดีและมีความสุข อ้อนบอกอายุมากแล้ว แต่พยายามทำงานเพื่อปชช.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ การคาดการณ์ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่กล่าวต้อนรับ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำเสนอสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่ กรมชลประทานนำเสนอแผนการดำเนินการโครงการระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบอ่างเก็บน้ำคลองแห้ง ต.กระบี่น้อย อ.เมือง โดยสรุปภาพรวม ปริมาณฝน จ.กระบี่ สูงกว่าปี 64 ร้อยละ 8 ขณะที่เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) นำเสนอแผนดำเนินการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร พื้นที่ดำเนินการ ส.ป.ก.จังหวัดกระบี่ บ้านสองแพร่ง หมู่ที่ 9 บ้านหว่างคลองไทย หมู่ที่ 10 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองขณะที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นำเสนอสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในพื้นที่ 

ทั้งนี้ภายหลังการประชุมพล.อ.ประวิตร ได้เยี่ยมชมนิทรรศการสินค้าพื้นบ้าน พร้อมอุดหนุนผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นบ้าน และเซ็นชื่อบนเรือหัวโทงจำลอง บ้ายเกาะกลาง จ.กระบี่ เพื่อเป็นที่ระลึกอีกด้วย 

จากนั้น พล.อ.ประวิตร พบปะกับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม โดยมีตัวแทนชาวสวนปาล์มชูป้ายให้กำลังใจ ข้อความว่า "ลุงป้อมสู้ สู้" และ "อสร.กระบี่รักลุงป้อม" โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ตนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและปาล์มน้ำมัน ตั้งใจมาพบพี่น้องชาวสวนปาล์ม เพื่อรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนด้วยตัวเอง เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ชาวสวนปาล์มหลายจังหวัดในภาคใต้มาพบตนที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะตนเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมัน (กนป.) ที่ทำต่อเนื่องมา 8 ปี มีความห่วงใยชาวสวนปาล์มอย่างมาก ได้พยายามลดต้นทุน ทำราคาให้ดีขึ้น ออกมาตรการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ปีนี้มีผลงานออกมาชัดเจน และได้ไปขอบคุณตน อย่างไรก็ตามต้องไม่ให้มีผู้บริโภคเดือดร้อน

'อุ๊งอิ๊ง' นำทัพ 'เพื่อไทย' ลุยถิ่น 'โทนี่' 9-11 ก.ย. นี้ เปิดไฮไลท์นโยบายเกษตร พาประเทศออกจากวิกฤต

เพื่อไทย โหมอีเวนต์ 'สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ' ด้าน ‘อุ๊งอิ๊ง’ หอบคณะลุยเชียงใหม่ 9 – 11 ก.ย. เปิดนโยบายเกษตร รอฟังไฮไลท์หมัดเด็ด พาประเทศออกจากวิกฤต

(5 ก.ย. 2565) ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงว่า กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย ตอน 'สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ' ในวันที่ 9-11 กันยายน ที่จังหวัดเชียงใหม่ จะเป็นครั้งแรกที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่ไปปฏิบัติภารกิจทางการเมืองที่จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นบ้านเกิดของครอบครัวชินวัตร ดังนั้นจึงมีการจัดรูปแบบ เนื้อหาและเวลาสำหรับแกนนำพรรคเพื่อไทยและครอบครัวเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ส.ส.และสมาชิกพรรค ได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยสื่อสารความคิด นโยบายและนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหากับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่อย่างเต็มที่

โดยวันที่ 9 ก.ย. แกนนำพรรคเพื่อไทยและแกนนำครอบครัวเพื่อไทย จะพบปะพูดคุยรับฟังปัญหาจากพี่น้องเกษตร จะได้มีโอกาสนำเสนอแนวทางและนโยบายในการแก้ปัญหาควบคู่กันไป ช่วงบ่าย จะมีการพบปะนักธุรกิจสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี ที่มีแนวคิดและแนวทางในการพัฒนา ขับเคลื่อนธุรกิจให้มีศักยภาพ ให้เข้มแข็ง โดยการหนุนเสริมของรัฐที่ชัดเจน หลังจากนั้นคณะแกนนำพรรคเพื่อไทยและแกนนำครอบครัวเพื่อไทยจะร่วมกันลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า บริเวณกาดหลวง ซึ่งเป็นสถานที่เชิงสัญลักษณ์ในทางธุรกิจและการท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้พี่น้องประชาชนกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซา กระทบการประกอบธุรกิจ

ส่วนวันที่ 10 ก.ย.จะมีเวทีครอบครัวเพื่อไทย สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ โดยแกนนำพรรคและแกนนำครอบครัวเพื่อไทย ที่จะขึ้นเวทีพูดคุยกับพี่น้องประชาชน นำโดย นพ.ชลน่าน น.ส.แพทองธาร นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงตนที่จะได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนด้วย นอกจากนี้จะมีสมาชิกพรรค สมาชิกครอบครัวเพื่อไทย และผู้บริหารท้องถิ่น ที่จะมาร่วมแสดงพลังว่าเรามีศักยภาพและมีความพร้อมในการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน

“ไฮไลต์สำคัญของเวที คือ การประกาศแนวนโยบายด้านการเกษตร แนวทางการแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร โดยนางสาวแพทองธาร ภายใต้แนวคิดตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ รวมทั้งจะมีขบวนกลองสะบัดชัย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ นำโดย นพ.ชลน่าน จะถือธงนำแสดงพลัง แสดงความพร้อมของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของพรรคเพื่อไทย ให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้รับชม” นายณัฐวุฒิ ระบุ

สำหรับช่วงบ่ายวันที่ 10 กันยายน คณะครอบครัวเพื่อไทย จะลงพื้นที่เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยใหม่เอี่ยม เพื่อพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจและนักวิชาการศิลปะร่วมสมัย ในประเด็นการปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วยนโยบายที่สร้างสรรค์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีแนวคิดในการดึงศักยภาพของคนในแต่ละครอบครัวมาพัฒนาส่งเสริม เพื่อทำให้แต่ละครอบครัวมีตัวแทนที่มีศักยภาพใช้ซอร์ฟเพาเวอร์ ในการยกระดับความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจของครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ แล้วในช่วงเย็นก็จะมีกิจกรรมลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่ตลาดสันกำแพง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top