Wednesday, 9 July 2025
POLITICS NEWS

บิ๊กตู่ ปิดหลักสูตรวปอ.รุ่น 64 ย้ำความมั่นคงไม่ใช่แค่การทหารอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ลั่นคำพูดต้องออกมาจากใจ เหมือนคำมั่นสัญญาของผมที่ให้ไว้ในแผ่นดินนี้

บิ๊กตู่ ปิดหลักสูตรวปอ.รุ่น 64  ย้ำความมั่นคงไม่ใช่แค่การทหารอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ลั่นคำพูดต้องออกมาจากใจ เหมือนคำมั่นสัญญาของผมที่ให้ไว้ในแผ่นดินนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  รมว.กลาโหม  เป็นประธาน พิธีปิดหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร 2564 โดยมีนักศึกษารุ่นนี้ 288 คน โดยมี พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พร้อมด้วย พลเอกนเรนทร์ สิริภูบาล รองผู้บัญชาการสูงสุด และตัวแทนเหล่าทัพร่วมพิธี

พลเอกประยุทธ์  ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า เป็นสถาบันการศึกษาขั้นสูงสุดของกระทรวงกลาโหม  เป็น หลักสูตรให้กับข้าราชการทั้งทหารและพลเรือน พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารภาคเอกชน นักการเมืองและบุคคลทั่วไป ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของชาติ การสำเร็จการศึกษาจากนี้จึงเป็นเกียรติและมีความสำคัญอย่างยิ่งขอได้นำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์โดยยึดมั่นในอุดมการณ์ ของที่ว่ารอบรู้ เข้าใจ ร่วมมือ และการประสานงาน

ผมได้ติดตามการแถลงยุทธศาสตร์ และ ขอชื่นชม ดีใจ พอใจที่ ทุกคนมีหลักคิดกระบวนการคิดในการปฏิบัติออกมาชัดเจนในด้านความมั่นคงและด้านอื่นๆด้วยการจะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้อย่างไรพร้อมกับเพื่อนบ้านและประเทศในอาเซียนทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง นี่คือกระบวนการคิดของเรา

รัฐบาลมีหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุนเอกชนการร่วมมือประชาชนก็ต้องรวมหนึ่งต่าง ๆ เราจะต้องไปด้วยกันนั่นคือการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเราต้องทำให้ได้

ที่เสนอมาผมอ่านในรายละเอียดแล้วเป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามดำเนินการมาตลอดอย่างต่อเนื่องผมจะนำเสนอเข้าไปในระดับรัฐบาลต่อไปทคงไม่มีปัญหาอะไรดำเนินการได้ เพราะไม่ว่าใครก็ตามจะต้องคำนึงถึงความมั่นคงเสมอ ความมั่นคง ไม่ใช่แค่ความสงบเรียบร้อย

ความมั่นคงเปลี่ยนแปลงไปเยอะในโลกยุคใหม่ ผลกระทบเศรษฐกิจการค้า การดิสรัปชัน เป็นปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควรส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและอื่นๆด้วยความมั่นคงไม่ใช่มีแค่ด้านการทหาร แต่ความมั่นคงด้านอื่นมากมายที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการความร่วมมือซึ่งกันและกันไม่ว่าใครก็ตามต้องนึกถึงความมั่นคงเสมอไม่ใช่แค่ความสงบเรียบร้อยแต่เสถียรภาพความรักความสามัคคีของคนในชาติ เป็นสิ่งที่เราคาดหวังมุ่งหวังให้ประเทศเราไป เราต้องนำศักยภาพของเราไปแข่งกับประเทศอื่นได้

'บิ๊กป๊อก' ลุยตรวจน้ำท่วม ให้กำลังใจ 'บิ๊กแจ๊ส-ชาวปทุมธานี' ยัน!! รัฐช่วยเต็มที่ สั่งหน่วยงานต่างๆ ประสานช่วยเหลือแล้ว

(9 ก.ย. 65) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์น้ำท่วม เทศบาลนครรังสิต จังหวัดปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยและผู้ปฏิบัติงาน โดยมี นายคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต นายพงศธร กาญจนะจิตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายดรณ์ สมิตะเกษตริน ปลัดจังหวัดปทุมธานี นางสาวกันตรัตน์ เริ่มสูงเนิน นายอำเภอธัญบุรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กำลังใจ ชาวปทุมธานี และติดตามสถานการณ์น้ำท่วม โดยได้รับรายงานสถานการณ์น้ำ จากนายคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และ ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต ว่าขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา พร้อมกับสั่งการให้ลดการระบายน้ำจากสู่พื้นที่รอบนอก และเร่งระบายน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้ว่าจะมีฝนตกอยู่บ้าง แต่จากการบูรณาการความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่สามารถรองรับและควบคุมสถานการณ์น้ำได้แล้ว ส่วนการระบายน้ำในชุมชนกำลังเร่งดำเนินการใช้เครื่องสูบน้ำขนาดเล็กทยอยสูบน้ำออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้การสัญจรของพี่น้องประชาชน คาดว่าจะกลับมาเข้าสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ว

'อุ๊งอิ๊ง' ยังอุบนั่งแคนดิเดตนายกฯ พท. ชี้ ฟ้าลิขิตให้เป็นหรือไม่ อยู่ที่ประชาชน

‘อุ๊งอิ๊ง’ ตีปี๊บมีเซอร์ไพรส์! กิจกรรม ‘สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ’ 10 ก.ย.นี้ อุบสานต่อนโยบายจำนำข้าว ยันคอนเซ็ปต์ดี ปมนั่งแคนดิเดตนายกฯ ยังกั๊กเหมือนเดิม อ้างรอเคาะวันเลือกตั้งก่อน

9 ก.ย. 2565 – เมื่อเวลา 11.45 น. ที่โรงงานซันสวีท น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคจะมีการจัดกิจกรรม “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” ในวันที่ 10 ก.ย. และอาจจะมีเซอร์ไพรส์ ขอให้ประชาชนติดตาม เราทำงานอย่างหนักเพื่อคิดแต่ละนโยบายขึ้นมาในการนำปัญหาของประชาชนมาแก้ไข ซึ่งเราจะเริ่มทยอยเปิดนโยบายในช่วงการหาเสียง โดยเกษตรกรเป็นแรงสำคัญ เป็นแรงหลัก เราไม่ได้มองแค่การหาเสียงหรือการชนะเลือกตั้ง แต่ปากท้องของประชาชนต้องเริ่มตั้งแต่เกษตรกร หากในส่วนนี้แข็งแรงก็จะสะท้อนภาพใหญ่ของประเทศได้

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการเดินหน้าสานต่อนโยบายจำนำข้าวหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการทบทวนรายละเอียด และต้องทำให้ดี แน่นอนว่ากระบวนการที่มีปัญหาหรือมีอะไรบางอย่าง จะต้องนำมาแก้ไขเพื่อตอบสนองประชาชนได้อย่างแท้จริง อย่างที่เคยพูดนโนบายจำนำข้าวเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร และจุดมุ่งหมายของพรรคคืออยากให้เกษตรกร ประชาชนสามารถลืมตาอ้าปากได้ ดังนั้นนโยบายจำนำข้าวในเรื่องคอนเซปต์ยังเป็นสิ่งที่ดี

ส่วนที่ขณะนี้หลายพรรคเริ่มมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. ควรจะมีความชัดเจนได้เร็วขึ้นหรือไม่ เนื่องจากกระแสเริ่มมีมากขึ้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวอยากให้มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนก่อน พรรค พท. จะมีความชัดเจนแน่นอน

เมื่อถามว่า จะมีฟ้าลิขิตให้เป็นนายกฯ ได้หรือไม่ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องอยู่ที่พี่น้องประชาชน คนในพรรค และต้องดูเรื่องความเหมาะสม ซึ่งจะต้องดูเมื่อการเลือกตั้งที่จะมาถึง ประเทศต้องไปต่อ ไม่ใช่จะมาดูว่าใครจะเป็นผู้นำ แต่จะต้องเป็นพรรคที่เสนอนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง แก้ปัญหาให้ประชาชน เอาประชาชนเป็นหลัก คือหัวใจของประชาธิปไตย ทั้งนี้ พรรค พท. จะมีการเปิดแคนดิเดตนายกฯ เมื่อได้วันเลือกตั้ง แต่สุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่แน่ ขอให้ประชาชนรอลุ้นต่อไป

‘พิธา’ ลั่น พร้อมเป็นนายกฯ พาไทยแข่งขันบนเวทีโลก โชว์กึ๋น สร้างอุตฯ ไฮเทค ผ่านการแก้ปัญหาน้ำประปา

ในงานเปิดแคมเปญเลือกตั้งพรรคก้าวไกล 'ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้า' นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เริ่มต้นเปิดงานด้วยการแสดงวิสัยทัศน์การบริหารประเทศแบบก้าวไกลด้วยการหยิบขวดน้ำดื่มขึ้นและชวนให้ผู้ฟังมองปัญหาระดับประเทศที่ซ่อนอยู่ในน้ำดื่มขวดนี้

“ทุกครั้งที่เรายกน้ำขึ้นมาดื่ม ทุกท่านเชื่อมั้ยครับว่า มันมีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังที่สะท้อนความล้มเหลวและความไร้ประสิทธิภาพของรัฐไทย ความล้มเหลวของรัฐไทยในการให้บริการน้ำประปาที่สะอาดดื่มได้ทำให้คนไทยต้องแบกรับภาระค่าน้ำดื่มสูงขึ้นถึง 1,000 เท่า ทั้งๆ ที่ประเทศไทยที่มีทรัพยากรน้ำมหาศาล” พิธากล่าว

พิธากล่าวต่อว่า การประปาอาจจะบอกว่าตรวจคุณภาพน้ำในกรุงเทพฯ 2,000 จุดแล้วดื่มได้ แต่น้ำประปาผ่านตามท่อถึงบ้านเรา ไขก๊อกออกมาดื่มไม่ได้ ในกรุงเทพฯ บางพื้นที่ยังใสแต่ในต่างจังหวัด แต่ละบ้านต้องมาแข่งกัน ว่าน้ำประปาจะสีอะไร ใช้ซักผ้าไม่ได้ ใช้ล้างจานไม่ได้ ใช้อาบน้ำไม่ได้ ในประเทศอื่นๆ เขาควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของน้ำประปาโดยใช้ 'แรงดันน้ำ' ที่ปลายท่อครับ ทำให้แบคทีเรียและความสกปรกในท่อก็จะยิ่งเข้ามาปนอยู่ในน้ำประปาได้ยาก

ในต่างประเทศตั้งค่าแรงดันน้ำขั้นต่ำที่ปลายทางเอาไว้สูง เปิดในแนวตั้งต้องพุ่งสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ที่อเมริกาคือถ้าต่ำกว่า 14 เมตร ให้ต้มน้ำดื่ม ถ้าต่ำกว่า 3.5 เมตรเขาให้ล้างน้ำประปาคงค้างให้หมดแล้วนำน้ำไปตรวจแบคทีเรีย แต่สำหรับประเทศไทยเราไม่ได้กำหนดแรงดันน้ำปลายทางแรงดันในท่อหลักอยู่ที่ 6 เมตร มาถึงบ้านปลายทางไม่ได้กำหนดมาตรฐานเอาไว้ ทำให้เหลือแรงดันแค่ 2 เมตรเท่านั้น นี่คือสาเหตุที่ทำไมน้ำประปาถึงดื่มไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เองถึงได้เกิดอุตสาหกรรมน้ำขวดขึ้นมา มูลค่า 5 หมื่นกว่าล้านบาท จากน้ำประปาที่ราคา 1,000 ลิตร ราคา 10 บาท เราถึงได้ต้องดื่มเป็นน้ำขวดที่ราคา 1 ลิตร 10 บาท หรือแพงขึ้น 1,000 เท่า

สาเหตุที่รัฐไทยให้แรงดันน้ำกับประชาชนไม่ได้ นั่นเพราะเราจะสูญเสียน้ำไปตามท่อจากท่อระบายน้ำรั่วประมาณ 30% ถ้ายิ่งเปิดแรงดันน้ำแรงน้ำก็จะยิ่งรั่วมาก ถ้าเปิดน้ำอ่อยๆ น้ำก็จะรั่วน้อยลง แต่การที่ภาครัฐเปิดน้ำให้ประชาชนอ่อยๆ เพราะกลัวน้ำรั่วเป็นปัญหาที่สะท้อนแนวคิดในการแก้ไขปัญหาแบบระยะสั้น ลูบหน้าปะจมูก แบบไทยๆ ผลักภาระน้ำที่ไม่สะอาด กับค่าถังพักน้ำ ค่าปั๊มน้ำ ให้ประชาชน ในขณะเดียวกันพอน้ำรั่วน้อย แต่เป็นการรั่วซึม เราก็จะไม่เห็นว่าน้ำรั่วที่จุดไหน เราก็จะไม่สามารถไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้

ประเทศไทยมีปัญหาที่หมักหมม และแก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูกอยู่แบบนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำแล้ง-น้ำท่วมที่แก้กันแบบ 'น้ำแล้งขนน้ำไปหาคน น้ำท่วมขนคนหนี' เรื่องเกษตรที่อุ้มราคาเฉพาะหน้าอย่างเดียวแต่แทบไม่มีการยกระดับเกษตรกร เรื่องงบประมาณที่ซุกหนี้และภาระผูกพันไว้มากมายเป็นระเบิดเวลาในอนาคต ฯลฯ ถ้าเรื่องที่พื้นฐานมากๆ อย่างแรงดันน้ำ ประเทศไทยยังไม่สามารถทำได้เพื่อให้น้ำสะอาด เราไม่มีวันที่จะสามารถทำเรื่องยากๆ เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันในระดับโลกได้

อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากก็คือชิปคอมพิวเตอร์ โรงงานผลิตชิปคอมพิวเตอร์โรงงานหนึ่งอาจใช้น้ำได้สูงถึง 10,000 ลบ.ม. ต่อปี นอกจากนี้การมีปริมาณน้ำที่มากอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องใช้น้ำที่บริสุทธิ์มากด้วยเพื่อมาใช้ล้างชิปด้วย ชิปคอมพิวเตอร์สมัยนี้เล็กมากระดับนาโนเมตร ชิปเล็กที่สุดตอนนี้ 2 นาโนเมตรเล็กยิ่งกว่าเกลียวดีเอ็นเอ เพราะฉะนั้นน้ำที่จะมาใช้ล้างชิประดับนาโนเมตรได้ก็ต้องเป็นน้ำที่บริสุทธ์มากระดับ Ultrapure Water ที่ไม่มีอนุภาคอะไรเหลือเลย

'ไทยสร้างไทย' ได้ฤกษ์ดีจัดการประชุมใหญ่ ได้ 'หญิงหน่อย' นั่งหัวหน้าพรรค 'ศิธา' นั่งเลขาธิการฯ

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ พรรคไทยสร้างไทยจัดงานประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2565 โดยมีนายสอิสร์ โบราณ หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนประเทศพรรคไทยสร้างไทย น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกของพรรค เข้าร่วมการประชุม

โดยนายสอิสร์ได้กล่าวเปิดการประชุมและประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งตามวาระการประชุมในวันนี้จะมีวาระการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ร่วมไปถึงเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่

จากนั้นในเวลา 10.00 น. ที่ประชุมได้จัดให้มีการลงคะแนนด้วยเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค จำนวน 50 คน โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการลงคะแนน และที่ประชุมได้เลือกคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรคจำนวน 11 คน ได้แก่ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี, นายประวัฒน์ อุตตะโมช, นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น, พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ, พล.ท.อนุธัช บุนนาค, นายอดุลย์ นิลเปรม, นายไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์, นายจิรเดช วรเพียรกุล, นายนพดล มังกรชัย, นายธนธัช ตัณฑสิทธิ์ และนางนาถยา แดงบุหงา

‘แพทองธาร’ ลั่น ไม่ยึดติดต้องเป็นนายกฯเอง หากมีคนที่เหมาะสมกว่า รับเคยคิดการเมืองโหดร้ายกับตระกูลชินวัตร ชี้รัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นแล้ว

เราจะร่วมทำงานกับคนที่ มีหัวใจประชาธิปไตย เชื่อในประชาธิปไตย ไม่รู้ว่านายกฯ (ประยุทธ์) เชื่อแบบนั้นไหม เพราะไม่ได้มาจากประชาชน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
ให้สัมภาษณ์รายการ “เปิดปาก กับ ภาคภูมิ”
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 65

‘แพทองธาร’ ลั่น ไม่ยึดติดต้องเป็นนายกฯเอง หากมีคนที่เหมาะสมกว่า รับเคยคิดการเมืองโหดร้ายกับตระกูลชินวัตร ชี้รัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นแล้ว 

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เปิดปาก กับ ภาคภูมิ” ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ทางช่องไทยรัฐทีวี เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา โดยในรายการได้ถามว่าหากสมมติได้เป็นนายกรัฐมนตรี กลัวหรือไม่จะเป็นแบบพ่อ (ทักษิณ) ที่ถูกทำรัฐประหาร น.ส.แพทองธาร กล่าวยืนยันว่า รัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นแล้ว แต่ตนเองกลัวการถูกนำกฎหมายมาใช้แบบ 2 มาตรฐานมากกว่า เพราะทุกวันนี้ตนเองเคยพูดว่าโซเชียลมีเดียมันแรงขึ้น เรามีสื่อในมือ เราสามารถตอบคำถามและแก้ต่างในสิ่งที่มันไม่จริงได้ มั่นใจเลยว่าหากไทยรักไทยสมัยก่อนมีโซเชียลมีเดียในมือจะไม่เป็นแบบนี้ เพราะเรื่องหลายๆ เรื่องจะสามารถถูกชี้แจงได้ เพราะมีหลักฐานเพียงพอ แต่ในเวลานั้นมันไม่มีช่องทาง หรือสื่อที่จะแก้ต่างได้อย่างรวดเร็ว เพราะพ่อเองก็ไม่มีเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ที่จะตอบโต้ได้เลย

ส่วนประเด็นที่มีคนบอกว่ามาเล่นการเมือง เพราะต้องการให้นายทักษิณกลับบ้านใช่หรือไม่นั้น น.ส.แพทองธาร ตอบด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอ ว่า “แยกเป็น 2 เรื่องนะ อิ๊งค์เป็นลูกสาวคนเล็ก อิ๊งค์เป็น Daddy’s girl มาตั้งแต่วันที่อิ๊งค์จำความได้ อิ๊งค์อยากให้พ่อกลับบ้านทุกวันนะคะ ตั้งแต่วันที่ออก ลูกสาวคนเล็ก นี่เราไม่พูดถึงคนกลางคนโต พูดถึงแค่ตัวเรา เราอยากให้พ่อกลับบ้านทุกวัน ถ้าใครตามอินสตาแกรมมาตั้งแต่เนิ่นนาน อิ๊งค์พูดมาทุกครั้ง อิ๊งค์อวยพรพ่อทุกรอบ ปีหน้าจัดงานวันเกิดที่บ้านเรานะ พูดทุกรอบ (ตั้งแต่ปี 49 พูดอย่างนี้ทุกปี) ทุกปีค่ะ มันคือความหวัง นั่นคือสิ่งที่ทำให้เรา ครอบครัวอยู่ได้ เพราะเราก็มีความหวัง ไม่เคยพูดเลยว่าปีหน้าจะโอกาสน้อยลง พูดว่ามันมากขึ้นทุกปี อันนี้คือในเซ้นส์ของครอบครัว”

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า แต่ในเซ้นส์ของการเมือง เรื่องที่ตนเองแบกไว้ว่าอยากให้พ่อกลับบ้านทุกวัน มันคือปัญหาของครอบครัวตนเอง แต่ไม่ได้ต้องการจะผลักดันให้เป็นปัญหาของประเทศ เพราะการเมืองและประเทศตอนนี้ ปัญหาคือปากท้อง และประชาชนยากจน หนี้สินท่วมท้น นี่คือสิ่งที่ต้องแก้ ไม่เอามาปนกัน โดยยอมรับว่าพ่อมีความหวังจะได้กลับประเทศ เพราะปัจจุบันอายุ 73 ปีแล้ว ที่ทุกวันนี้ยังหัวเราะเฮฮา ออกกำลังกายทุกวัน เพราะยังอยากแข็งแรงทั้งใจและร่างกาย

'เพื่อไทย' จี้ 'ประวิตร' เร่งช่วยเกษตรกรผู้ปลูกขิง ชี้!! ไม่มีผู้รับซื้อสินค้า วอนรัฐฯ อย่าทอดทิ้ง

นายวิกรม  เตชะธีราวัฒน์  ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เชียงราย เขตพื้นที่ อ.แม่สรวย-อ.เวียงป่าเป้า ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรว่า เกษตรกรผู้ปลูกขิงเดือดร้อนหนักมากไร้พ่อค้ารับซื้อผลผลิตทางการเกษตร โดนเฉพาะขิงในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จากปีก่อนหน้านี้ราคาที่เคยขายได้ 20-30บาท ต่อกิโลกรัม ล่าสุดขิง 1 บาท ก็ไม่มีคนรับซื้อ ตกต่ำมากจนเกษตรกรนำขิง มาเททิ้งกลางถนนประชด เพราะรัฐบาลไม่เหลียวแล

นายวิกรม กล่าวด้วยว่า น่าประหลาดใจก่อนหน้านี้ ขิงถือว่าเป็นสินค้าส่งออกที่มีความต้องการสูงและมีราคาดี พ่อค้าจากต่างประเทศ ทั้งจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง ต่างมีความต้องการขิงของไทยมาก แต่จากการบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ไร้การวางแผนและต่อยอด ส่งผลให้ตลาดส่งออกขิงหายไป

'เพื่อไทย' ติดตามการบริหารจัดการน้ำ กทม. ชงจัดงบติดเซ็นเซอร์ที่ประตูระบายน้ำ-คลองทุกสาย

วานนี้ 7 กันยายน ที่สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานที่ปรึกษาประธานสภากรุงเทพมหานครด้านการเมือง และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายวราวุธ ยันต์เจริญ ที่ปรึกษาประธานสภากรุงเทพมหานคร นายดนุพร ปุณณกันต์ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคเพื่อไทยทั้ง 20 คน และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ร่วมวิเคราะห์และหารือสถานการณ์น้ำกับสำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมตัว และหาทางรับมือจากสถานการณ์น้ำหากมีฝนตกต่อเนื่อง ร่วมกับนายวิษณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และน.ส.วิลาวัลย์ ธรรมชาติ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยมีนายอาสา สุขขัง ผู้อำนวยการกองสารสนเทศระบายน้ำ เป็นผู้ให้ข้อมูล 

นายอาสา ได้เผยกราฟฟิกภาพปริมาณน้ำฝนและระบบตรวจวัดระดับน้ำในแต่ละพื้นที่เพื่อเฝ้าสังเกตปริมาณน้ำฝน และได้แจ้งถึงจุดที่ กทม. ได้ลิงก์สัญญาณจากกล้องวงจรปิดของสำนักการจราจร และขนส่งกรุงเทพมหานครในจุดที่เสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อมอนิเตอร์สถานการณ์น้ำท่วมตลอดเวลา 

นอกจากนี้ ทางสำนักฯ ยังระบุช่องทางการแจ้งขอความช่วยเหลือของประชาชนมายัง กทม. ไม่ว่าจะเป็นทางโอเพ่นแชทไลน์ 'ฝนตก-น้ำท่วม บอกด้วย' ลิงก์ : 
https://line.me/ti/g2/kk0gLj9CMIhrNYYbCK11EZ_b2QyXZ2429q7BLg และโทรสายด่วน 02-248-5115 หรือการแจ้งผ่านแอปพลิเคชันทราฟฟี่ฟองดูว์ โดยทางสำนักฯ มีเจ้าหน้าที่สแตนบายเพื่อรับข้อมูลที่ประชาชนแจ้งเข้ามาตลอด 24 ชั่วโมง

'อนุทิน' เมินตอบนั่งนายกฯ สมัยหน้า ย้ำ!! ภูมิใจไทยเตรียมพร้อมสำหรับเลือกตั้ง

'อนุทิน' เผยให้รอคำวินิจฉัยศาลรธน. ปมนายกฯ 8 ปีก่อน ย้ำยึดหลักทำงานในรัฐบาลนี้เต็มที่ ไม่ตอบนั่งนายกฯ สมัยหน้า ขอแค่โอกาสทำงานให้ปชช. ย้ำภูมิใจไทยคิดอย่างเดียวเตรียมพร้อมเลือกตั้ง

(8 ก.ย. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีมีเอกสารหลุดของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ชี้แจงเรื่องปม 8 ปีนายกฯ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ และเอกสารหลุดคำชี้แจงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มองสถานการณ์นี้อย่างไรว่า ตนให้ความเห็นไม่ได้ และไม่ทราบว่าเอกสารนั้นหลุดหรือไม่ทุกอย่างอยู่ที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามว่าไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเหลืออายุกี่ปีพรรคภูมิใจไทยพร้อมจะเดินเคียงข้างไปด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเดินหน้าเคียงคู่พี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทยเพราะพรรคภูมิใจไทยรู้เพียงว่าเดี๋ยวเดือนมี.ค. 2566 แล้วบวก 45 หรือ 60 วันหรือจะยุบสภาเมื่อไหร่ก็ต้องเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยคิดเพียงเท่านี้

เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่ได้หวังเป็นนายกฯ ในช่วงนี้ แต่รอลุ้นหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนหวังที่จะมีโอกาสทำงานมากกว่า สิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำตอนนี้คือเตรียมพร้อมนโยบายแล้วจะค่อยๆ นำเสนอให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจ เราทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ไปมีปัญหาหรือมีเรื่องกับใคร ทำงานโดยยึดหลักการระบอบประชาธิปไตยเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ต่อไปก็จะยึดหลักการ การทำงานในหน้าที่ในรัฐบาลนี้ให้ดีที่สุดช่วยนายกฯ ทำการประชุมเอเปคและซัมมิทในเดือนพ.ย.นี้ให้ประเทศไทยมีความสง่างามสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างประเทศจากนั้นก็ไปเลือกตั้งกัน

‘สมคิด’ ลั่น ไม่ได้หวังขึ้นแท่นนายกฯ อยู่ที่ฟ้าดินลิขิต แต่พร้อมเป็นผู้นำให้ประเทศ

‘สมคิด’ นั่งปธ.พรรคสร้างอนาคตไทย ลั่น ไม่ได้หวังขึ้นแท่นนายกฯ ชี้อยู่ที่ฟ้าลิขิต ยัน ต้องการเปลี่ยนประเทศ ซัด การเมืองเละเทะเหมือนคอกม้า ซื้อขายโจ่งครึ่ม ย้อนอดีต ทิ้งรัฐบาลตู่ เหตุ พิษบุพเฟต์คาบิเนต พร้อมสั่ง ‘อุตตม’ ตะเพิดลูกพรรคออกนอกลู่ 

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 ก.ย. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต พรรคสร้างอนาคตไทย จัดกิจกรรม #คิดสร้างอนาคตไทย เปิดตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในตำแหน่งประธานพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.)โดยมีสมาชิกจากทุกภาค เข้าร่วม พร้อมทำป้ายเชียร์ #ทีมสมคิด #จอมยุทธ์กวง #สุดยอดวิสัยทัศน์ #มือเศรษฐกิจขั้นเทพ โดยนายสมคิด เดินทางมาพร้อมกับนายณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ หรือ น้องคลัง บุตรชายคนเล็ก ขณะที่บรรยากาศในงานมีนายปองพล อดิเรกสารนายปรพล อดิเรกสาร นายนวกิจ พลวิเศษ บุตรชายนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา และนพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรียุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร่วมงาน

นายสมคิด กล่าวเปิดใจว่า ตนไม่ได้มาคนเดียว มาพร้อมกับลูกชายคนเล็ก ชื่อนายณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ ชื่อเล่น คลัง เป็นลูกที่สวรรค์ส่งมาให้ตนในขณะที่ตนเป็น รมว.คลัง คลังเป็นลูกคนเล็ก อายุ 20 ปี เรียนวิศวกรรมปี 2 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และไม่ได้พามาเที่ยว แต่พามาเพื่อให้เป็นประจักษ์พยาน ได้เห็นและรู้ว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีมีจริง ต้องการให้เรียนรู้ว่าการทำพรรคการเมืองไม่ใช่ของง่าย ต้องการให้เข้าใจในตัวพ่อว่าต้องกลับมาช่วยเหลือน้อง ๆ ทั้งหมดล้วนเป็นภารกิจหน้าที่ ไม่ใช่เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะตำแหน่งนายกฯไม่มีความหมาย แต่ที่มีความหมายคือ การเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย ที่ผ่านมาประเทศ มีนายกฯมาทุกสมัย ดีบ้าง อ่อนบ้าง แต่ยากที่จะหาผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาบ้านเมือง ไม่ใช่เพราะไม่กล้า แต่พลังไม่ถึง บางคนพลังถึงแต่ไม่คิดที่จะทำ เพราะวาระซ่อนเร้น จึงต้องการให้ลูกได้เห็นสิ่งที่พ่อเขาพยายาม ไม่ว่าจะได้มากได้น้อย มันเป็นเรื่องของชะตาบ้านเมือง

นายสมคิด กล่าวว่า ต้องการให้คนรุ่นใหม่ รู้ว่าการเมืองไม่ได้เลวร้าย การเมืองดี การเมืองที่มุ่งทำงานให้ชาติก็มี คนที่มุ่งทำงานก็มี อย่าคิดว่าการกลับมานั้นหวังแค่นายกฯ ให้คิดใหม่ รู้จักชื่อสมคิดน้อยไป วันนี้มาด้วย 2 วัตถุประสงค์ คือ มาเพื่อให้กำลังใจพรรค ขอบคุณทางพรรคที่มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเมืองเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อเป็นหลักยึดแก้ไข เป็นอนาคตให้กับคนรุ่นหลาน ถ้าไม่คิดถึงอนาคต คิดถึงแต่ปัจจุบัน บ้านเมืองไปไม่ได้ จึงขอบคุณความเด็ดเดี่ยวที่กล้าประกาศว่าเป็นพรรคสายกลาง ไม่คิดสุดโต่ง สุดขั้ว เพราะความคิดแบบนั้น แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งกลุ่มมีแต่ทำลายตัวเอง ทำลายบ้านเมือง สิ่งสำคัญต้องเป็นกลาง เพื่อเป็นตัวยึดโยงให้พลังในชาติสามารถเป็นพลังแห่งชาติ คิดในสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อชาติบ้านเมืองเป็นใหญ่ 

นายสมคิด กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุด มีความกล้าหาญเพียงพอที่กล้าตั้งพรรคการเมืองในขณะนี้ทั้งที่สถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างเละเทะ มีสถานการณ์ที่เงินตราเริ่มเข้ามามีบทบาทสูงมาก การแข่งขันทางการเมืองเริ่มมีลักษณะเหมือนการแข่งขันในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกที่ต้องมีเจ้าของ และคอกก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงม้า สิ่งเหล่านี้ที่ผ่านมาแม้มีมาตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่โจ่งครึ่มเกินไป และเป็นตัวอย่างไม่ดีให้คนรุ่นหลังจะหันหลังให้การเมืองไทย คนรุ่นใหม่จะไม่อยากเข้ามา ฉะนั้นความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ที่จะรวบรวมความคิดอ่านเพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชน คือความกล้าหาญที่แท้จริง ไม่ต้องไปคำนึง ไปกลัวว่าจะได้กี่เสียง จำนวนเสียงไม่ได้บอกอะไร แต่ศรัทธาของประชาชน คือหัวใจ อย่าคิดว่าเงินตราซื้อคอกม้าใหญ่ได้แล้วจะมีพลังในการบริหารประเทศ ถ้าเล่นการเมือง สร้างพรรคการเมือง คิดแต่สร้างผลทางอำนาจ แต่ไม่มีโครงสร้างทางปัญญา ไม่สั่งสมคนมีความสามารถ สุดท้ายจะไปไม่รอด จะพาบ้านเมืองไปไม่รอดด้วย

“มีคนเคยบอกว่าสมคิด ไม่มาแน่นอน เพราะต้นทุนทางสังคมเยอะพอสมควร จะมาอยู่กับพรรคเล็กทำไม ผมมาที่นี่ไม่ใช่เพราะตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ แต่ต้องการช่วยพรรคครั้งนี้ เป็นตัวอย่าง เป็นตัวขับเคลื่อน สร้างความเปลี่ยนแปลงกับประเทศไทยในทางที่ถูกต้อง”นายสมคิด ระบุ

นายสมคิด กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยสถานการณ์หนักกว่าที่คิด และอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ตนจำได้ว่ารัฐบาลที่แล้วเมื่อปี 2557 ก่อนที่ตนจะส่งทีม 4 กุมารเข้าไป จีดีพีเหลือเพียง 1% เพราะมีการรัฐประหาร ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องช่วยกันทำงานจนลากจีดีพีขึ้นมาถึง 3-4% แต่ต่อมาต้องมาเจอพิษโควิด-19 และพิษการเมืองที่แสวงหาอำนาจ แต่ไม่แสวงปัญญา เป็นรัฐบาลผสม หรือบุฟเฟ่ต์คาบิเนต มีที่ไหนที่นโยบายประเทศแบ่งกันตามกระทรวง ทางใครทางมัน ตนจึงวอล์กเอาท์ นี่คือความเป็นจริงของประเทศไทย ทำให้จีดีพีหดตัว วันนั้นเรายังไม่มีปัญหาเรื่องการส่งออก และพลังงาน มาวันนี้การส่งออกเริ่มชะลอตัว เมื่อมองไปข้างหน้า เราจะพบมรสุมลูกใหญ่ แล้วเราจะถึงฝั่งได้อย่างไร 

นายสมคิด กล่าวว่า วันนี้เรามีนายกฯ แต่คนไหนตัวจริงยังไม่รู้เลย ที่น่ากังวลเพราะว่าเราต้องการนายกฯจริงๆ อย่างไรก็แล้วแต่ต้องมีจริงๆ เพื่อให้โฟกัสที่ไปตัวผู้นำ ไม่อย่างนั้นใครนำเรือลำนี้ หรือจะให้ข้าราชการนำ ข้าราชการนำไม่ได้ สมัยก่อนนำได้ แต่สิบกว่าปีมานี้ให้หลังไม่ได้ เพราะการเมืองไม่ไหว ทำมากผิดมาก ไม่ทำเลยไม่ผิด คนดีมีความสามารถนิ่งเสียตำลึงทอง ฉะนั้น ทั้งหมดอยู่ที่ผู้นำที่ต้องทุบโต๊ะ ถ้าไม่ช่วยเหลือให้ยุบสภาเลย เก็บไว้ทำไม เมืองไทยจะไปไม่ไหว ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็น ไม่ใช่ว่าคนไทยไม่ดี คนไทยมีความอดทนสูงมาก ตนอายุขนาดนี้ คนไทยไม่เคยบ่น ลำบากก็ไม่บ่น เขามองหาความหวังว่าใครจะมาช่วยเขา ที่น่าเป็นห่วงคือ ถ้าเขามองแล้วความหวังไม่มี พรุ่งนี้ไปตายเอาดาบหน้า อันนี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง ยิ่งวันยิ่งจน เมื่อจนไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ การจะเป็นเหยื่อของการปลุกปั่นเกลียดชังจะเกิดขึ้น เพราะจะมีคนปลุกปั่นอยู่ การปลุกปั่นยุยงให้แตกแยกกันไม่มีใครได้ประโยชน์นอกจากคนปลุกปั่น การเป็นปฏิปักษ์กันเองของคนในชาติเป็นสิ่งที่พรรคนี้อย่าให้เกิดขึ้น ต้องมุ่งมั่น เอาคนดีมาร่วมมือกันทั้งในพรรคและนอกพรรค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top